หมอหญิงยอดมือสังหาร 1133 ข่มขู่ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1133 ข่มขู่ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1133 ข่มขู่ (2)

เซียวเชียนเยี่ยมองพระสนมจูเฟย เอ่ยว่า “หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าก็จะไม่ใช่ฮ่องเต้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้ายกสิ่งเหล่านั้นของตระกูลจูมาให้ข้า แต่ว่าข้ากลับ…เจ้าเสียใจหรือไม่”

จูเฟยส่ายศีรษะ ไม่เอ่ยวาจา เซียวเชียนเยี่ยเอ่ย “หากเจ้าไม่ทำเช่นนั้น จูชูอวี้อาจเห็นแก่หน้าบิดาของเจ้ายังคงปกป้องเจ้า ยามนี้ตระกูลจูเหลือเพียงความว่างเปล่าแล้ว จูชูอวี้คงโกรธแค้นเจ้ามาก หลังจากนี้…ไม่แน่ว่าข้าเองก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้” เซียวเชียนเยี่ยคาดเดาเอาไว้แล้วว่าเยี่ยนอ๋องอาจแต่งตั้งเขาเป็นจวิ้นอ๋อง ฮ่องเต้ที่ลงจากบัลลังก์ผู้หนึ่งจะเทียบอำนาจองค์ชายได้เยี่ยงไร หากจูชูอวี้คิดจะหาเรื่องชายารองคนหนึ่งของเขา นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก

จูเฟยราวกับไม่ใส่ใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ครึ่งชีวิตนี้ของหม่อมฉัน หาได้ยากที่จะได้ทำเรื่องตามที่ใจปรารถนาเพียงนี้ ไยต้องเสียใจด้วยเพคะ หากมีวันนั้นจริง ขอฝ่าบาทช่วยปกป้ององค์ชายก็พอแล้ว ส่วนหม่อมฉัน จะเป็นหรือตาย ชะตาได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”

รู้ว่าราชสำนักไม่อาจอยู่ต่อได้นางยังทำเรื่องเช่นนั้น ย่อมคิดอยู่แล้วว่าตนเองจะมีจุดจบที่ไม่ดีนัก แต่จะให้นางดูจูชูอวี้นำผลประโยชน์ที่มาจากการยืมมือนางและบุตรชายไปเพื่อความรุ่งเรืองของตนเอง นางไม่อาจทนได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าความอัปยศในชีวิตหลังจากนี้ที่ต้องอยู่ในเงื้อมมือของจูชูอวี้ นางทนมากว่าครึ่งชีวิตแล้ว มากพอแล้ว

เซียวเชียนเยี่ยมองสตรีที่หัวเราะอยู่ตรงหน้า ถอนหายใจออกมาเบาๆ เดินไปนั่งลงอีกฝั่งอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ข้าใช้ไม่ได้เลยใช่หรือไม่”

คำถามนี้ เขาไม่ได้ถามไทเฮาและไม่ได้ถามฮองเฮา ยามนี้กลับเอ่ยถามขึ้นมาได้

จูเฟยชะงัก ครุ่นคิดอยู่นานจึงส่ายศีรษะ เอ่ย “บางที…ฝ่าบาทอาจไม่เหมาะเท่านั้น” เซียวเชียนเยี่ยไม่ใช่ลูกหลานคนร่ำรวยที่เอาแต่ไร้สาระเสเพลไปวันๆ และไม่ใช่กษัตริย์ทรราชที่เอาแต่เสพสุข ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำให้ดีขึ้น เขาเพียงไม่เหมาะสมเท่านั้น พรสวรรค์ของผู้คนบนโลกใบนี้ย่อมแตกต่างกันไป ไม่มีใครกำหนดว่าเกิดเป็นเชื้อพระวงศ์จะต้องชำนาญการปกครอง

“ไม่เหมาะสม…” เซียวเชียนเยี่ยชะงักไปนาน คำวิจารณ์นี้โจมตีเขาหนักเสียยิ่งกว่าบอกว่าเขาไร้ความสามารถเสียอีก ที่แท้เขาไม่เหมาะขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้มาตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ

จูเฟยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด เห็นเขาชะงักนิ่งจึงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก หลุบตาลงครุ่นคิดอยู่กับตนเอง ในตำหนักอันเงียบสงบ ทั้งสองคนต่างมีเรื่องให้ขบคิด บรรยากาศเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง

ในวังหลัง เหล่าหนานกงมั่วยุ่งจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้ ราชสำนักด้านหน้าและนอกวังเองก็ไม่มีใครว่าง ยามนี้เว่ยจวินมั่วกำลังนั่งดื่มชาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่จวนตระกูลโจว

ผู้ดูแลจวนตระกูลโจวมองชายรูปงามนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ขมับมีเหงื่อซึมชื้นไปหมด คุณชายท่านนี้มานั่งอยู่ในจวนได้ครึ่งชั่วยามแล้ว ท่าทางไม่รีบร้อน แต่พวกเขากลัวว่าความอดทนของคุณชายท่านนี้จะหมดจนสังหารทั้งจวนตระกูลโจว ต้องรู้ว่าผู้นี้คือคุณชายใหญ่ของเยี่ยนอ๋องที่กำลังจะขึ้นครองบัลลังก์ คุณชายเว่ยที่ผ่านศึกสงครามมามากมาย นายท่านของตน…ส่ายศีรษะ ผู้ดูแลเช็ดเหงื่อพร้อมทั้งถอยออกไปเงียบๆ

ในเรือนหลังของจวนตระกูลโจว โจวเซียงกำลังหลับตาเอนตัวอยู่ใต้ชายคา ได้ยินเสียงฝีเท้าจึงลืมตาขึ้นพร้อมเอ่ยถาม “เขาไปแล้วหรือ”

ผู้ดูแลส่ายศีรษะ เอ่ย “ตอบนายท่าน ยังขอรับ ยังดื่มชาอยู่ขอรับ”

โจวเซียงส่งเสียงหยัน ใบหน้าไม่น่ามองเล็กน้อย “ในเมื่อเขาชอบก็ให้เขาดื่มต่อไปเถิด เพียงน้ำชาตระกูลโจวข้าจัดหาให้ได้”

“นายท่าน…” อย่างไรคุณชายเว่ยก็เป็นคนมีพระคุณช่วยชีวิตท่านเอาไว้นะขอรับ แม้จะมีมุมมองทางการเมืองที่ต่างกันก็ไม่อาจไม่ไว้หน้าเช่นนี้ได้

โจวเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น “เขาคิดว่าเพราะบุญคุณเล็กๆ น้อยๆ ข้าจะก็จะยอมโอนอ่อนให้หรือ คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือ เพียงโจรกบฏเท่านั้น ยังคิดจะให้ข้าไปร่วมพระราชพิธีสละราชบัลลังก์ ฝันไปเถิด”

“นายท่าน” ผู้ดูแลตกใจจนหน้าถอดสี ยามนี้วาจานี้ไม่อาจเอ่ยเหลวไหลได้

โจวเซียงโบกปัดมืออย่างหงุดหงิด “กลัวอันใด เว่ยจวินมั่วนั่นต้องการประนีประนอมมิใช่หรือ ข้าอยากรู้ เขาจะทนได้ถึงเมื่อไรกัน”

ผู้ดูแลลังเลเล็กน้อย “นายท่าน พรุ่งนี้…จะไม่ไปจริงหรือขอรับ”

โจวเซียงนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เห็นเซียวเชียนเยี่ยเมื่อหลายวันก่อน ดวงตาหดหู่ น้ำตาหลั่งไหลไม่หยุด “เป็นเพราะขุนนางแก่อย่างพวกข้าไร้ความสามารถ ทำให้องค์รัชทายาทและฝ่าบาทต้องผิดหวังแล้ว ทำให้ฝ่าบาทต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้ พวกข้าจะมีหน้าไปเจอฝ่าบาทได้เยี่ยงไร มิสู้ติดตามองครัชทายาทไปอย่างพี่หันแล้ว…”

“นายท่าน…” ผู้ดูแลตกใจ รีบเอ่ยเกลี้ยกล่อม “นายท่านจะคิดเช่นนั้นมิได้นะขอรับ”

โจวเซียงถอนหายใจ เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าอายุมากแล้วอยู่ได้อีกไม่นาน เพียงแต่…อย่างไรก็ไม่อาจวางใจฝ่าบาทได้ ไม่รู้เช่นกันว่า…” กษัตริย์ที่ถูกบีบบังคับให้ลงจากบัลลังก์ จะอยู่อย่างมีความสุขได้เช่นไร ต่อให้เยี่ยนอ๋องไม่ลงมือทำร้ายเขา ก็ต้องส่งทหารมาคอยระแวดระวังเขา เกรงว่าอิสระแม้เพียงครึ่งก็คงไม่เหลือแล้ว หากยังมีการโอ้อวดหยิ่งผยอง ฝ่าบาทที่เคยเป็นกษัตริย์คง…

“ในเมื่อท่านโจวเป็นห่วงลูกศิษย์ ก็ไม่ควรกำเริบเสิบสาน” เสียงเรียบเย็นดังขึ้นด้านหลัง โจวเซียงชะงัก รีบลุกขึ้น หันกลับไปมองคุณชายเว่ยในอาภรณ์สีครามที่ยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางเคร่งขรึม เมื่อมองเห็นเขา โจวเซียงหัวใจกระตุก แม้ไม่อยากยอมรับแต่ยามนี้โจวเซียงก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเซียวเชียนเยี่ยนั้นดูใจดีกว่าบุรุษตรงหน้า เมื่อดึงสติกลับมาได้จึงเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “คุณชายเว่ย เข้ามาโดยไม่ได้เชิญนั้นไม่ใช่การกระทำของแขกที่ดี”

“ทิ้งแขกไว้ในห้องรับรองก็มิใช่การต้อนรับที่ดี”

เซียวเชียงส่งเสียงหยันในลำคอ “นั่นต้องดูว่าแขกที่ดีหรือแขกชั่วร้าย”

“อืม” เว่ยจวินมั่วพยักหน้า ราวกับเห็นด้วยกับวาจาของโจวเซียง ใบหน้ากลับไม่มีความรู้สึกผิดแม้เพียงนิด “เดิมทีข้ายังดื่มชาได้อีกสักหน่อย ชาสำหรับราชสำนักที่ได้รับพระราชทานมานั้นมักไม่เลว เพียงแต่วันนี้ยังมีธุระมากมาย ต้องขออภัยด้วย”

โจวเซียงกัดฟัน จ้องมองเว่ยจวินมั่วเขม็ง “วาจาเมื่อครู่ของเจ้าหมายความเช่นไร ข่มขู่ข้าหรือ”

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “คนอยู่ใต้ชายคา ไม่ก้มหน้าไม่ได้ ยามนี้แข็งข้อต่อเสด็จพ่อ มีผลดีต่อเซียวเชียนเยี่ย ต่อท่านโจวอย่างไรหรือ เสด็จพ่อไม่ใช่ข้า ไม่ชอบพิธีรีตอง ความจริง…ข้าเองก็ไม่ชอบ”

“…”

“เพียงแต่อู๋สยาไม่ชอบการนองเลือด ก็เท่านั้น” คุณชายเว่ยเอ่ยเสียงเรียบ

“…”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *