หมอหญิงยอดมือสังหาร 1174 ช่วยคนช่วยให้ถึงที่สุด

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1174 ช่วยคนช่วยให้ถึงที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1174 ช่วยคนช่วยให้ถึงที่สุด

หนานกงมั่วพูดคุยกับผู้คนอีกเพียงไม่กี่ประโยค จึงส่งคนออกจากสวนเหมย รอจนแขกกลับไปหมดแล้ว ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว หนานกงมั่วยืนอยู่หน้าประตูยกมือขึ้นนวดไหล่อย่างอดไม่ได้ “เหนื่อยจัง”

องค์หญิงหลิงอี๋ที่ยืนอยู่ด้านหลังนางหัวเราะเสียงใสขึ้นมา “พี่ห้า ดูเจ้าเด็กคนนี้สิเพคะ ยังไม่ถึงไหนก็เหนื่อยแล้ว กล่าวว่าพระชายาฉู่อ๋องวรยุทธ์สูงส่ง ต่อสู้เก่งกาจมิใช่หรือ”

หนานกงมั่วหมุนตัวกลับไป เอ่ยด้วยรอยยิ้มจนปัญญา “หม่อมฉันยอมรบราฆ่าฟันในสนามรบยังจะดีกว่าเพคะ”

องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ย “เจ้าเองก็ไม่ต้องรู้สึกลำบาก วันนี้คงมีคนที่รู้สึกขอบคุณเจ้าไม่น้อย”

“เอ๋” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว องค์หญิงฉังผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก่อนฝ่าบาทจะไป เลือกคู่ที่พร้อมหารือเรื่องแต่งงานหลายคู่ให้ฮองเฮาพระราชทานสมรส”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “มีตระกูลไหนบ้างเคะ”

องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ย “คุณชายหกตระกูลฉิน คุณชายสิบสองตระกูลเซี่ย เฉินซิวแห่งตระกูลเฉิน จูเหมิงแห่งตระกูลจู อีกทั้งเซวียปินแห่งตระกูลเซวีย อีกทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาของจวินมั่วแม่ทัพเจี่ยนรวมไปถึงจิ้งอานโหว เดิมทีฝ่าบาทยังถามถึงลิ่นฉังเฟิงด้วย ใครจะรู้ว่าเจ้าเด็กนั่นหนีไปที่ใดแล้ว”

หนานกงมั่วตกใจ เฉิน จู เหมิง สามตระกูลนี้นางไม่ได้ประหลาดใจนัก ฮูหยินทั้งสามตระกูลนี้คิดว่าคงมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว เพียงแต่รอโอกาสได้เจอกันในวันนี้ แต่ว่าเจี่ยนชิวหยาง… “เจี่ยนชิวหยางหรือเพคะ”

องค์หญิงหลิงอี๋ตกใจ “เจ้าไม่รู้หรือ”

หนานกงมั่วกะพริบตา ข้าควรรู้อันใดหรือ หรือว่าเจี่ยนชิวหยางจะต้องตาสตรีตระกูลใดเข้าให้ แต่นางไม่รู้อย่างนั้นหรือ

องค์หญิงทั้งสองมองสบตากัน “ฝ่าบาทยกองค์หญิงหย่งเฉิงให้แต่งงานกับเจี่ยนชิวหยาง”

“หา” ครั้งนี้หนานกงมั่วมึนงงแล้วจริงๆ “ได้อย่างไรกันเพคะ”

องค์หญิงฉังผิงยิ้มพลางเอ่ย “ความจริงก็ไม่มีอันใดไม่ดี พื้นฐานครอบครัวของเจี่ยนชิวหยางนั้นง่าย ครอบครัวไม่ได้มีผู้ใด องค์หญิงหย่งเฉิงแต่งเข้าไปก็ไปเป็นนายหญิง ไม่ต้องวุ่นวายอย่างตระกูลขุนนางเหล่านั้น อีกทั้งแต่งกับองค์หญิงหย่งเฉิง ฐานะของเจี่ยนชิวหยางก็จะดีขึ้นบ้าง” ราชบุตรเขยไม่อาจมีทหารอยู่ในคุ้มครองนั้นไม่ผิดแต่ก็ไม่ควรยากจนจนเกินไป เจี่ยนชิวหยางไม่ได้มีพื้นเพครอบครัวอยู่เบื้องหลัง ต่อให้มีเว่ยจวินมั่วผู้นี้คอยให้ความสนับสนุนพึ่งพิง ทว่าเส้นทางข้างหน้ายังคงลำบาก ไม่ใช่บอกว่ามีครอบครัวที่ดีจะช่วยให้เจ้าเดินตัวลอยได้หรือ อย่างลิ่นฉังเฟิง ตระกูลลิ่นไม่อาจช่วยเหลืออันใดเขาได้ แต่ผู้คนต่างก็รับรู้ว่าเขาคือคุณชายใหญ่ตระกูลลิ่น อย่างไรก็มีที่มาที่ไป แต่ใครจะรู้เล่าว่าเจี่ยนชิวหยางเกิดมาจากตระกูลใด บิดามารดาแซ่อันใด ในครอบครัวยังมีผู้ใดอีกบ้าง คนที่ไม่มีที่มาที่ไปยากที่จะทำให้คนวางใจได้ ดังนั้น ลิ่นฉังเฟิงคือรองเจ้ากรมคลังขุนนางขั้นสามระดับสูง หนานกงชวี่คือผู้บังคับบัญชากองกำลังคุ้มกันเมืองหลวงขุนนางขั้นสามระดับสูง แม้แต่หนานกงฮุยก็ยังเป็นขุนนางขั้นสี่ระดับสูง ทว่าเจี่ยนชิวหยางกลับมีเพียงขั้นสี่ระดับล่าง บางทีนี่อาจไม่ยุติธรรม แต่นี่คือความจริง ไม่ใช่ฮ่องเต้ไท่ชูหรือเว่ยจวินมั่วมีใจเอนเอียง แต่ว่าขุนนางในราชสำนักสามารถยอมรับขั้นสามระดับสูงของลิ่นฉังเฟิง ขั้นสามระดับสูงของหนานกงชวี่และฉินจื่อซวี่ ขั้นสี่ระดับสูงของหนานกงฮุย ทว่าไม่อาจรับเจี่ยนชิวหยางที่จู่ๆ ก็โผล่มาได้

หากมีฐานะราชบุตรเขยแล้ว ก็จะทำให้คนรู้สึกว่าเจี่ยนชิวหยางเป็นราชบุตรเขย เป็นคนกันเองที่สามารถไว้วางใจได้

“ชิวหยางว่าอย่างไรบ้างเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

องค์หญิงหลิงอี๋ยิ้มพลางเอ่ย “แน่นอนว่าต้องขอบพระทัยแล้ว จะว่าอย่างไรได้เล่า หรือว่าเขายังไม่เต็มใจได้อีก”

หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากยิ้ม ตั้งใจว่ากลับไปต้องไปถามเจี่ยนชิวหยางด้วยตนเองอย่างแน่นอน

ส่งองค์หญิงฉังผิงและองค์หญิงหลิงอี๋กลับไป หนานกงมั่วจึงกลับเข้ามาในสวน เอ่ยถาม “คุณหนูเซี่ยและคุณหนูฉินไปแล้วหรือ”

สาวใช้ด้านข้างเอ่ยรายงานอย่างนอบน้อม “ตอบพระชายา ยังไม่กลับเพคะ เมื่อครู่รายงานฮูหยินทั้งสองแล้ว บอกว่าพระชายาขอให้คุณหนูทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนที่สวนเหมยเพคะ”

“ทำดีมาก” หนานกงมั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม หมุนตัวมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนด้านหลังของสวนเหมย”

ฉินซีรู้สึกตัวตั้งนานแล้ว กำลังพูดคุยกับเซี่ยเพ่ยหวนที่นั่งอยู่ขอบเตียง ความจริงไม่ได้อาการหนักมาก เพียงแต่ฉินซีไม่มีอาการป่วยมานานจึงไม่ได้พกยาติดตัว ซ้ำยังทำให้ตนเองตกใจจนเป็นลมล้มพับไป ยามนี้ใบหน้าซีดขาว เซี่ยเพ่ยหวนนั่งอยู่ขอบเตียง มองลอดฉากบังลมไปยังชายอาภรณ์ขาวที่กำลังนั่งปรุงยาอยู่ในห้องด้านนอก เอ่ยถามเสียงเบา “ซีเอ๋อร์ อยู่ดีๆ ไยเจ้าจึงอาการกำเริบเล่า แล้วยังถูก…” ยังถูกคุณชายเสียนเกอช่วยเอาไว้อีกอย่างนั้นหรือ

ฉินซีเอ่ยอย่างเขินอายเล็กน้อย “เป็นข้าที่ไม่ระวังเอง…นึกว่าตนเองหายดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้พกยาติดตัว”

เซี่ยเพ่ยหวนกลอกตา “เจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้ถามถึงสิ่งนี้” ดังนั้น เจ้าไปเจอคุณชายเสียนเกอได้อย่างไร

เซี่ยเพ่ยหวนนึกถึงสีหน้าเคร่งเครียดของลิ่นฉังเฟิงและหนานกงมั่วเมื่อครั้งคุณชายเสียนเกอประลองกับฉู่อ๋อง ลางสังหรณ์บอกนางว่าคุณชายเสียนเกอเองก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงสงสัยว่าอาการของฉินซีกำเริบจะเกี่ยวข้องกับคุณชายเสียนเกอผู้นี้

ฉินซีส่ายศีรษะ เอ่ย “ไม่มีอันใดจริงๆ เพ่ยหวน ขอบคุณเจ้ามาก”

หากมิใช่เพราะนาง ตอนนี้เซี่ยเพ่ยหวนคงได้กลับบ้านไปกับครอบครัวแล้ว แทนที่จะต้องอยู่ที่นี่เสี่ยงที่จะเสียชื่อเสียง

เซี่ยเพ่ยหวนยิ้มพลางเอ่ย “เพื่อนกันทั้งนั้น เอ่ยเยี่ยงไรไปไย วางใจเถิด จัดการเรียบร้อยแล้ว”

ฉินซีพยักหน้า คนของหนานกงมั่วจัดการนางเองก็รู้สึกว่าไม่มีอันใดไม่วางใจ

หนานกงมั่วเดินเข้ามาก็มองเห็นคุณชายเสียนเกอที่ก้มหน้าก้มตาบดยา เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นางนึกว่าศิษย์พี่ตรวจแล้วจะให้ใบสั่งยาและจากไป ไม่คิดว่าจะยังคงอยู่ที่นี่

“ศิษย์พี่ ซีเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”

คุณชายเสียนเกอเงยหน้าขึ้นมามองนาง เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ตาย”

“…” หนานกงมั่วกุมขมับ มองไปยังห้องด้านในอย่างขอโทษ

เดินไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะหยิบยาขึ้นมาดู ขมวดคิ้วเอ่ย “ยาคลายกังวลหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้วมองคุณชายเสียนเกอ ใช้สายตาถาม ท่านทำอันใดซีเอ๋อร์

คุณชายเสียนเกอตวัดสายตาคมมาให้นาง เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ในเมื่อเจ้ามาแล้ว มาจัดการเองเถิด ข้าจะไปแล้ว”

“อย่าพึ่งสิเจ้าคะ” หนานกงมั่วรีบกดเขานั่งกลับคืน “ศิษย์พี่ ช่วยคนก็ช่วยให้ถึงที่สุด ส่งพระก็ต้องส่งให้ถึงชมพูทวีป ข้ายุ่งมาก และท่านเองก็รู้ ศิษย์น้องของท่านรักษาโรคภายในโรคภายนอกไม่มีปัญหา แต่การป่วยที่ต้องปรุงยาเช่นนี้ ไม่ได้เรื่อง…เลยจริงๆ”

คุณชายเสียนเกอส่งเสียงหยันในลำคอ ก้มหน้าบดยาในมือต่อไป

หนานกงมั่วยิ้ม หมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง “ซีเอ๋อร์”

ฉินซียิ้ม เอ่ยว่า “มั่วเอ๋อร์ ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”

หนานกงมั่วถอนหายใจ “เกรงว่าเป็นข้าที่ดูแลไม่ดีจึงทำให้เจ้า…” หันไปมองด้านนอก ใช้สายตาสอบถาม

ดวงตาของซีเอ๋อร์มองออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ส่ายศีรษะพลางเอ่ย “เป็นข้าเองที่ไม่ระวัง ร่างกายอ่อนแอไหนเลยจะโทษพวกเจ้าได้ ต้องขอบคุณคุณชายเสียนเกอที่ช่วยชีวิตเอาไว้จึงจะถูก”

หนานกงมั่วถอนหายใจอยู่ในใจ มองใบหน้าซีดเซียวของซีเอ๋อร์ก็พอเดาได้บางส่วน กุมมือของนางเอาไว้ เอ่ย “เขาก็เป็นอย่างนั้น หากมีอันใด เจ้าอย่าได้ถือสา”

ฉินซีส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มบาง

เซี่ยเพ่ยหวนที่อยู่ด้านข้าง มองฉินซีแล้วจากนั้นจึงหันไปมองด้านนอก สีหน้าฉายแววเข้าใจในทันใด

พูดคุยกับฉินซีอีกชั่วครู่ ด้านนอกคุณชายเสียนเกอปรุงยาเสร็จก็เตรียมตัวจะไปแล้ว หนานกงมั่วรีบลุกขึ้นไปส่งเขา ศิษย์พี่ศิษย์น้องเดินเคียงไหล่กันออกไป “ศิษย์พี่ อาการป่วยของซีเอ๋อร์”

เสียนเกอเอ่ย “ไม่มีอันใด รักษาไปเดี๋ยวก็หายแล้ว”

หนานกงมั่วไม่เห็นด้วย “นานแล้วที่ซีเอ๋อร์ไม่มีอาการกำเริบ ไยจู่ๆ จึงกำเริบขึ้นมาได้ ไม่สิ พวกท่านเจอกันได้อย่างไร”

คุณชายเสียนเกอเหลือบมองนางเล็กน้อย “เจ้าก็รู้มิใช่หรือ” แม้แต่เขายังรู้ว่าฉินซีอยู่ที่นั่น หนานกงมั่วจะไม่รู้ได้อย่างไร หนานกงมั่วเองก็ไม่ปิดบัง ยิ้มร่าเอ่ยตอบ “ต่อให้เป็นเช่นนั้น ศิษย์พี่ ท่านก็ไม่อาจทำให้นางตกใจจนอาการกำเริบนะเจ้าคะ ท่านไม่รู้สึกผิดเลยหรือ”

“ไยข้าต้องรู้สึกผิด” คุณชายเสียนเกอเอ่ยท่าทางเฉยเมย

หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “อย่าเป็นเช่นนี้เลย ตระกูลฉินยากลำบากกว่าจะประคับประคองให้บุตรสาวเติบโต ยามนี้ไม่ง่ายกว่าจะดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างคนธรรมดาทั่วไป ทว่าถูกท่านทำให้ป่วยอีก ท่านลองคิดดูสิว่านายท่านและฮูหยินตระกูลฉิน เหล่าคุณชายตระกูลฉินทั้งหลายจะเสียใจเพียงใด”

คุณชายเสียนเกอยิ้มเย็น “เช่นนั้นแล้วเกี่ยวอันใดกับข้า…ไม่ใช่สิ ตอนนี้นางไม่ปกติอย่างไร อีกทั้ง ข้าไม่ได้ทำให้นางตกใจ”

หนานกงมั่วไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ “อย่างไรก็เถอะ ศิษย์พี่ อาการป่วยของซีเอ๋อร์คงต้องรบกวนท่านแล้ว นางเป็นแขกของข้า คงไม่ใช่มาแล้วป่วยกลับไป เรื่องเล็กน้อยนี้ ข้าก็ไม่กล้าไปเชิญอาจารย์มารักษาใช่หรือไม่”

เสียนเกอไม่เอ่ยวาจา หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ศิษย์พี่ หรือว่าท่านกลัว”

คุณชายเสียนเกอปรายตามองนาง “เจ้าอยากโดนตีหรือ”

หนานกงมั่วยกมือปิดหน้า “ข้ากลัวเหลือเกิน ศิษย์พี่ท่านเอาชนะข้าไม่ได้”

“…”

มองใบหน้าทะมึนของคุณชายเสียนเกอ หนานกงมั่วจึงถอนหายใจไม่ล้อเล่นอีก สีหน้าจริงจังเอ่ย “ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้อยากทำให้ท่านลำบากใจ อาการป่วยของซีเอ๋อร์เป็นอันตรายที่ถูกซ่อนเอาไว้ อย่างไรตอนนี้ท่านก็ยังไปไหนไม่ได้ ท่านช่วยรักษานางด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

คุณชายเสียนเกอมองด้วยความสงสัย หนานกงมั่วยิ้มเจื่อน “วัวไม่ดื่มน้ำยังจะกดหัวได้หรือ ท่านก็อย่าดื้อดึง ไม่แน่ว่าวันใดคิดได้แล้วอาจไม่สนใจท่านแล้วก็ได้ คุณหนูสี่ตระกูลฉิน มีชายหนุ่มมากมายที่อยากจะขอความรักจากนาง”

คุณชายเสียนเกอส่งเสียงหึเบาๆ สะบัดเขียนเสื้อเดินหนีไป ส่วนทางด้านหลัง หนานกงมั่วเลิกคิ้วพลางยิ้ม รู้ว่าศิษย์พี่รับปากแล้ว

เพียงแต่…ที่แท้ซีเอ๋อร์ชอบศิษย์พี่หรอกหรือ น่าแปลก เพียงแต่ก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล

หนานกงมั่วไม่ได้สนใจเรื่องของเสียนเกอและฉินซีอีก วันต่อมาฉินจื่อซวี่ก็มารับฉินซีที่สวนเหมยด้วยตนเอง แต่บ่าวรับใช้ก็ยังมารายงาน คุณชายเสียนเกอยังไปตรวจชีพจรให้ฉินซีด้วยตัวเอง อาการป่วยของฉินซีกำเริบทำให้คนตระกูลฉินตกใจไม่น้อย คุณชายเสียนเกอยื่นมือเข้าไปช่วยรักษาแน่นอนว่าได้รับความซาบซึ้งใจเป็นที่สุดแล้ว

หลังจากงานเลี้ยงชมดอกเหมย หนานกงมั่วราวกับยุ่งขึ้นมาเล็กน้อย เหล่าสตรีในเมืองหลวงเริ่มรู้สึกว่าแม้พระชายาฉู่อ๋องจะไม่ชอบคบค้าสมาคมทว่าก็ไม่ได้ทำตัวสูงส่งอย่างที่พวกนางเคยไม่พอใจ คงเป็นเพราะนิสัยแตกต่างจึงไม่ได้เป็นมิตรเข้าถึงง่ายอย่างพระชายาเจิ้งอ๋องเท่านั้น หลายวันนี้เมืองจินหลิงมีครอบครัวจัดหาสินสอดไม่น้อย ทำให้การค้าในเมืองคึกคักขึ้นมา บ้านนี้เตรียมสินสอด บ้านนั้นจัดเตรียมสินเจ้าสาว แต่ว่าการแต่งงานทุกคนถูกกำหนดเอาไว้ในปีหน้า จินตนาการได้ว่าหลังฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเมืองหลวงจะเป็นภาพที่ครึกครื้นอย่างไร

วันที่สองถัดมาจากงานเลี้ยงชมดอกเหมย ฮองเฮาในวังหลวงพลันมีพระราชทานสมรสแก่คนหนุ่มสาวหลายคู่ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นรวมไปถึงหนานกงชวี่และเซวียเสียวเสี่ยว วันที่สามหนานกงมั่วและองค์หญิงฉังผิงจึงไปสู่ขอที่จวนตระกูลเซวีย ตระกูลเซวียพึงพอใจต่อหนานกงชวี่บุตรเขยผู้นี้ยิ่งนัก แน่นอนว่าไม่ได้เก็บไว้นานพลันตอบรับในทันใด ดังนั้นทั้งสองตระกูลจึงเริ่มจัดเตรียมพิธีมงคลด้วยความชื่นมื่น แต่เพราะเซวียปินอายุมากกว่าสักหน่อย และยังได้รับสมรสพระราชทานจากฮองเฮาด้วย จึงต้องจัดงานแต่งของเซวียปินก่อนค่อยจัดของเซวียเสียวเสี่ยวและหนานกงชวี่ หนานกงชวี่เองไม่ยี่หระ อย่างไรการแต่งงานก็ห่างกันไม่นาน

หาได้ยากที่หนานกงชวี่จะมีเวลาว่าง วันนี้หนานกงมั่วลากหนานกงชวี่ออกมาเดินซื้อของที่ต้องใช้ในการแต่งงาน แม้หนานกงชวี่จะมีนิสัยเย็นชาแต่หนานกงชวี่ไม่เคยปฏิเสธน้องสาวผู้นี้ และไม่สนใจว่าคนอื่นจะเอ่ยอย่างไรที่เขาผู้เป็นบุรุษมาจัดเตรียมของเหล่านี้ด้วยตนเอง

คล้องแขนหนานกงชวี่เดินเล่นอยู่บนถนน ซื้อของตามที่เขียนในรายการมากมาย

เมื่อเดินมาถึงร้านเครื่องประดับร้านหนึ่ง หนานกงมั่วจึงหยุดเท้าลง

หนานกงชวี่เข้าใจ “เดินเข้าไปดูเถิด”

หนานกงมั่วพยักหน้าพึงพอใจ พร้อมเอ่ย “แม้ว่าสินสอดจะเตรียมได้พอสมควรแล้ว แต่พี่ใหญ่ท่านยังต้องซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ใส่ลงไปเองด้วย อีกทั้งหลังจากแต่งงาน ท่านก็ต้องซื้อของขวัญให้ภรรยาท่านบ้าง” หนานกงชวี่ขมวดคิ้ว เห็นได้ว่าไม่คุ้นชินนัก “เว่ยจวินมั่วก็ทำเช่นนี้หรือ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “มีสิ่งใดไม่ถูกหรือ”

หนานกงชวี่เงียบไปชั่วครู่ “ไม่มี”

“เช่นนี้ก็ถูกแล้ว” หนานกงมั่วพึงพอใจคล้องแขนหนานกงชวี่เดินเข้าไปในร้าน นับตั้งแต่กลับมาถึงจินหลิงมีเรื่องมากมายไม่ขาด ข้าเองก็ไม่ได้เดินซื้อของมานานแล้ว” ส่วนเว่ยจวินมั่ว ยุ่งยิ่งกว่านางจึงไม่มีเวลามาเดินซื้อของเป็นเพื่อนนาง หนานกงมั่วรู้สึกโชคดีที่ตนไม่ใช่คนชอบเดินเที่ยวซื้อของ มิเช่นนั้นด้วยงานที่ยุ่งวุ่นวายของเว่ยจวินมั่ว นางคงกลายเป็นสตรีทุกข์ระทม

ทั้งสองเดินเข้ามาในร้าน ผู้จัดการร้านจึงรีบเดินเข้ามาต้อนรับ แม้ไม่รู้จัก แต่ว่ารูปโฉมและการแต่งตัวของทั้งคู่เห็นได้ว่ามิใช่คนธรรมดา “นายท่านทั้งสองเชิญด้านในขอรับ ไม่รู้ว่าต้องการสิ่งใด ร้านของเราเพิ่งมีเครื่องประดับรูปแบบใหม่ที่เพิ่งออกมาไม่น้อยในช่วงหลายวันมานี้ขอรับ”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “เอามาดูเถิด”

ผู้จัดการร้านดูมีอายุมากประสบการณ์ เพียงมองปราดเดียวก็ดูออก สองคนนี้คนที่ตัดสินใจเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคือแม่นางที่งดงามผู้นี้ รีบพยักหน้าเดินกลับไปหยิบกล่องผ้าประณีตกล่องใหญ่มาวางบนโต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่

“ทั้งสองท่านเชิญดูก่อนขอรับ นี่คือสินค้าที่ดีที่สุดในร้านเล็กๆ ของเรา ทำจากอัญมณีจากดินแดนตะวันตก แม้แต่ช่างฝีมือยังเป็นช่างที่ดีที่สุดในจินหลิง” ผู้จัดการร้านเอ่ยอย่างกระตือรือร้น

หนานกงมั่วหยิบปิ่นปะการังสีแดงขึ้นมาดู พยักหน้าพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “งดงามจริงๆ ท่านว่าเป็นเช่นไร”

หนานกงชวี่มองแล้วพยักหน้า เขาไม่รู้จักเครื่องประดับนัก แต่อย่างไรก็เกิดมาไม่ธรรมดา สายตาก็ยังพอมีอยู่บ้าง ปิ่นที่หนานกงมั่วถือไม่เพียงประณีตงดงาม วัสดุก็เหมาะเอามามอบเป็นของขวัญ มีความพิเศษเมื่อเทียบกับปิ่นทอง อีกทั้งเซวียเสียวเสี่ยวยังเหมาะสมกับสีแบบนี้

ผู้จัดการร้านเห็นท่าทางจึงรีบเอ่ย “ฮูหยินผู้นี้สายตาเฉียบคม คุณชายช่างมีวาสนานัก”

หนานกงมั่วก้มหน้าหัวเราะ มองไปยังผู้จัดการร้าน เอ่ย “เขาคือพี่ชายของข้า”

ผู้จัดการเองก็ไม่ตื่นตกใจ ยิ้มพลางเอ่ย “มีน้องสาวอย่างฮูหยินผู้นี้ คุณชายนับว่าโชคดีแล้ว”

คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น ชี้ไปยังเครื่องประดับในกล่อง เอ่ย “พวกนี้ห่อให้หมดเถิด ส่งกลับไปยังจวนจิ้งอานโหว”

“ขอรับ” ผู้จัดการร้านดีใจ ที่หนานกงมั่วเลือกล้วนเป็นสินค้าที่แพงที่สุดในร้านของเขา เพียงเลือกซื้อหนึ่งชิ้นก็เท่ากับยอดขายหลายเดือนแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าซื้อหลายชิ้นภายในครั้งเดียว เพียงแต่จวนจิ้งอานโหว…เช่นนั้น…ผู้ดูแลร้านรีบหันกลับไปมองสตรีผู้มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า นี่…นี่ก็คือพระชายาฉู่อ๋องหรือ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *