หมอหญิงยอดมือสังหาร 1234 ยากจะถอนตัว

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 1234 ยากจะถอนตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1234 ยากจะถอนตัว

เซียวเชียนเหว่ยชะงักไปชั่วครู่ คล้ายว่าในที่สุดก็ได้สติกลับมาแล้ว ลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าจะไปสารภาพกับเสด็จพ่อให้ชัดเจนทุกอย่าง”

“ท่านอ๋อง ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” เกาอี้ปั๋วตื่นตระหนก รีบเอ่ยเรียก จูชูอวี้เองก็เข้าใจขึ้นมา ตระกูลจูเรียกได้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมด เงินพวกนั้นส่วนใหญ่เป็นตระกูลจูที่รวบรวมมา และเป็นตระกูลจูที่ส่งออกไป มีหลายอย่างที่ตระกูลจูจัดการ ไม่ว่าจะถูกคนหลอกหรือเพราะเหตุใด ตระกูลจูไม่มีทางดึงตัวเองออกมาได้ เพียงเซียวเชียนเหว่ยผลักทุกอย่างมาให้ตระกูลจู นางและตระกูลจูคงไม่อาจพลิกฟื้นกลับมาได้อีกแล้ว

“ท่านอ๋อง” จูชูอวี้เอ่ยเรียกเสียงเย็น

ต่อหน้าเซียวเชียนเหว่ยจูชูอวี้นั้นดูเป็นหญิงฉลาดอ่อนโอนอ่อนหวานมาโดยตลอด น้อยนักจะมีน้ำเสียงและสีหน้าเช่นนี้ เซียวเชียนเหว่ยได้ยินเสียงของนางพลันชะงัก สุดท้ายจึงไม่ได้เดินออกไปทว่าหันมามองนาง จูชูอวี้ลุกขึ้นและเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวเชียนเหว่ย เอ่ยเสียงเบา “ท่านอ๋อง ท่านรู้ถึงผลที่จะตามมาหลังจากที่ท่านไปหรือไม่”

เซียวเชียนเหว่ยสีหน้าหนักอึ้ง เงียบไม่เอ่ยวาจา จูชูอวี้กระตุกมุมปาก เอ่ยเสียงเบา “พระองค์เองก็รู้ใช่หรือไม่ เดิมเสด็จพ่อก็ให้ความสำคัญต่อฉู่อ๋อง ครั้งนี้พระองค์เกิดเรื่องเช่นนี้เท่ากับว่ามอบโอกาสให้แล้ว ต่อให้เห็นแก่เสด็จแม่ไว้ชีวิตพระองค์ก็นับว่าเป็นพระคุณแล้ว ท่านอ๋องเคยนึกถึงหลังจากนั้นหรือไม่เพคะ”

เซียวเชียนเหว่ยกระตุกมุมปากทว่าไม่เอ่ยสิ่งใด จูชูอวี้เอ่ย “หม่อมฉันรู้ ท่านอ๋องอยากเอ่ยว่าเดิมเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับพระองค์ ท่านไม่เคยคิดร้ายต่อเสด็จพ่อ แต่ว่า…คนที่ถูกผู้ใต้บังคับบัญชาหลอกโดยไม่รู้อันใดเลย ท่านคิดว่าเสด็จพ่อยังจะใช้งานพระองค์อีกหรือไม่ ราชสำนักจะเชื่อพวกท่านได้เยี่ยงไร นับแต่นี้ไปเสด็จพ่อคงได้โยนท่านทิ้งโดยไม่สนใจไยดีจริงๆ แล้ว อย่าว่าแต่เทียบกับฉู่อ๋องเลย ต่อให้เห็นเซียงอ๋องและเหลียงอ๋อง ท่านอ๋องคงทำได้เพียงมองสีหน้าของพวกเขาเท่านั้นแล้ว”

สีหน้าของเซียวเชียนเหว่ยพลันไม่น่ามองขึ้นมา เว่ยจวินมั่วยังพอว่า ไม่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ เว่ยจวินมั่วต่างก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งของเขา เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ย คนหนึ่งอ่อนแอ อีกคนไร้แผนการ นับแต่นี้ต่อไปเขาต้องอยู่หลังคนเหล่านี้ ชีวิตที่เหลืออยู่ได้แต่มองดูสีหน้าพวกเขาอย่างนั้นหรือ

ความโลภในจิตใจไม่มีขีดจำกัด หากฮ่องเต้ไท่ชูเป็นเพียงเยี่ยนอ๋อง ความโลภที่มากที่สุดของเซียวเชียนเหว่ยก็คงเป็นตำแหน่งเยี่ยนอ๋องซื่อจื่อ ต่อให้สุดท้ายไม่สำเร็จ เขาเป็นเชื้อสายหลักอย่างน้อยราชสำนักก็ต้องมีตำแหน่งให้กับเขา ในอนาคตแยกตัวออกมาจากจวนเยี่ยนอ๋อง นอกจากตำแหน่งยิ่งใหญ่แล้วเขาอาจได้ที่ดินพระราชทาน สมบัติกว่าสองส่วนในจวนเยี่ยนอ๋อง แต่จู่ๆ เยี่ยนอ๋องก็ได้กลายเป็นฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย แผ่นดินอยู่ในมือ เซียวเชียนเหว่ยยืนอยู่ในตำแหน่งที่เสด็จพ่อเคยยืน ทันใดนั้นย่อมเข้าใจแล้วว่าตำแหน่งเยี่ยนอ๋องนั้นไม่นับประสาอันใด การเป็นเชื้อสายหลักของฮ่องเต้ ความจริงแผ่นดินนี้อยู่ไกลจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว คนที่ขวางอยู่ตรงหน้าเขาก็มีเพียงไม่กี่คน หากบอกว่าไม่ได้ตำแหน่งเยี่ยนอ๋องยังได้สมบัติสองส่วนละก็ ตำแหน่งอ๋องนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แม้จะเป็นเชื้อสายหลักเหมือนกัน ไม่ได้ขึ้นไปถึงตำแหน่งนั้นก็ไม่ได้รับสิ่งใดเลย ผู้ชนะจะเอาทุกอย่างไปจนหมด เห็นอยู่ว่าพี่น้องที่มีตำแหน่งเท่ากัน เพียงคนหนึ่งขึ้นคลองบัลลังก์ คนอื่นๆ ที่เหลือจำต้องคุกเข่าไปตลอดชีวิต

การช่วงชิงบัลลังก์เป็นสิ่งที่เสี่ยงอันตรายที่สุด แต่สิ่งที่ตอบแทนกลับมาก็คือจุดสูงที่สุดของการต่อสู้ นั่นเป็นเหตุผลว่าไยองค์ชาย หวงซุน และขุนนางทั้งหลายไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันต่างก็ยอมเสี่ยงชีวิต ต่อให้ครอบครัวพังทลายก็ต้องมุ่งไปข้างหน้าเพื่อร่วมเป็นหนึ่งในนั้น

เขายอมหรือ ไม่ เขาไม่ยอม

หากผลที่ได้ในวันนี้เป็นผลจากสิ่งที่เขากระทำ เช่นนั้นหากพลาดจากตำแหน่งก็คงไม่มีอันใดไม่พอใจได้ แต่ว่า…หากเขาต้องมาถูกเสด็จพ่อทอดทิ้งเพราะเหตุนี้ เช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติเขาจะทำอันใดเล่า บางทีในสายตาคนอื่นเขาอาจเป็นเพียงเรื่องน่าตลกเท่านั้น

จูชูอวี้มองการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งในดวงตาของเซียวเชียนเหว่ย หลุบตาลงปกปิดความเย็นยะเยือกในดวงตา

นางทุ่มเทดิ้นรนมาหลายปี ใช้ชีวิตที่ตนไม่ชอบ แต่งกับบุรุษที่ไม่เห็นอยู่ในสายตา อดทนต่อพ่อแม่สามีที่ไม่ชอบตน ไม่ใช่เพื่อต้องมาหดหัวอยู่ตลอดชีวิต นางจะต้องยืนอยู่ในจุดที่สูงที่สุดนั่น นางทนลำบากมาหลายปีเพียงนี้ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่ราบรื่น จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ แต่ไม่เป็นไร…นางยังไม่แพ้ ต่อให้แพ้แล้ว…ก็ต้องพ่ายแพ้ให้ถึงที่สุด ไม่สำเร็จ ก็พลีชีพเพื่อสัจธรรม

นางยกมือขึ้นไปกุมมือเซียวเชียนเหว่ยที่กำลังสั่นระริกเพราะความตื่นตระหนก จูชูอวี้เอ่ยเสียงเข้ม “ท่านอ๋อง พวกเรายังไม่แพ้”

“ชูอวี้เอ่ยไม่ผิด ยังไม่แพ้เลย” น้ำเสียงแก่ชราดังเข้ามา เซียวเชียนเหว่ยหัวใจเย็นวูบ รีบหันกลับไปที่หน้าประตู เส้นผมของโจวเซียงเป็นสีขาว อยู่ในชุดขุนนางขั้นหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูมองมายังพวกเขา

“ท่านเข้ามาได้เยี่ยงไร” เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยเสียงเข้ม พวกเขาพูดคุยกันอยู่ที่นี่แน่นอนว่ารอบข้างมีคนของพวกเขาเฝ้าอยู่ ต่อให้ที่ผ่านมาเขาจะเคยติดต่ออย่างลับๆ กับโจวเซียง คนเหล่านี้ก็ไม่มีทางที่แม้แต่รายงานก็ยังไม่มี

โจวเซียงยิ้มพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเป็นอันใดไปเล่า ข้ามาเพื่อช่วยท่าน ท่าทางเช่นนี้ของท่าน…” เซียวเชียนเหว่ยยิ้มเย็น เอ่ย “ช่วยข้าหรือ หากไม่ใช่เพราะท่านโจว ไยข้าจึงจะมาอยู่ในจุดนี้ได้ ท่านกล้าเอ่ยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ท่านคอยชี้นำหรือไม่” โจวเซียงเดินตัวสั่นงันงกเข้ามา ด้านข้างมีเพียงชายที่ดูราวกับองครักษ์คอยติดตาม ราวกับไม่กลัวว่าเซียวเชียนเหว่ยจะโมโหจนพลั้งมือทำอันใดเขา

เมื่อเดินมานั่งลงยังเก้าอี้ด้านข้าง โจวเซียงก็ส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเอ่ยเช่นนี้ไม่ดีนัก ด้วยคุณสมบัติของท่านอ๋อง คิดอยากชิงบัลลังก์กับฉู่อ๋อง เอ่ยตามตรง แม้แต่ความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยยังไม่มี”

เซียวเชียนเหว่ยสีหน้าทะมึนมองไปยังโจวเซียง โจวเซียงไม่สนใจ ลูบเครายาวแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ไม่เคยเตือนพระองค์หรือ อย่าได้คบหากับคนแก่ไม่ยอมตาย แผนการของท่าน หากไม่ใช่เพราะมีเหตุผลอื่น ข้าไม่แม้แต่จะมีความสนใจอยากเล่นกับท่าน”

“เจ้าช่างไม่เกรงกลัวต่อความตาย” เซียวเชียนเหว่ยกัดฟัน

โจวเซียงยิ้มพลางเอ่ย “อายุอย่างข้า ต่อให้ตายตอนนี้ก็นับว่าอายุยืนยาว น่าเสียดายเพียงท่านอ๋อง…ฮ่องเต้ได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษทว่าไม่อาจสั่งสอนโอรสได้ เพียงแต่เซียงอ๋องเหลียงอ๋องแม้จะธรรมดา ทว่าต่างมีชีวิตเป็นของตนเองอย่างหาได้ยาก ท่านอ๋องรู้หรือไม่ คนนั้นน่ากลัวที่สุดคือไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง น่าเสียดาย…ฮ่องเต้นับว่ายังมีวาสนา ข้าคิดแล้วคิดอีก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะยังมีฉู่อ๋องเป็นโอรสเช่นนี้ มิเช่นนั้น…ต่อให้ฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์ได้มั่นคงแล้ว ยี่สิบปีหลังจากนี้ แผ่นดินของต้าเซี่ยสุดท้ายผู้ใดจะเป็นผู้ตัดสิน ยังไม่อาจรู้ได้”

เซียวเชียนเหว่ยยิ้มเย็น เอ่ยเสียงหยัน “เสด็จพ่อไม่อาจสั่งสอนบุตรได้ หรือว่าเจ้าสั่งสอนลูกศิษย์ได้เล่า”

โจวเซียงชะงัก เห็นความโศกเศร้าบนใบหน้าชราอย่างหาได้ยาก เนิ่นนานก่อนจะถอนหายใจ เอ่ย “นิสัยของฝ่าบาทนั้นถูกหล่อหลอมมานาน คิดจะเปลี่ยนมีหรือจะง่ายดายเพียงนั้น แต่ว่า…หากไม่มีเยี่ยนอ๋องก่อกบฏ ด้วยความเมตตาของฝ่าบาท เป็นกษัตริย์ที่เฝ้าคุ้มกันเมืองก็ไม่ใช่หรือยาก” เซียวเชียนเหว่ยไม่เห็นด้วย “ไยเจ้าจึงไม่เอ่ยว่าความผิดทั้งหมดนั้นเป็นเพราะพวกเจ้าคิดลดทอนอำนาจของผู้ปกครองเมืองกันเล่า”

โจวเซียงชะงัก เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยก็ไม่ผิด เดิมทีการลดอำนาจผู้ปกครองเมืองนั้นไม่ผิด เพิ่มอำนาจการควบคุมเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ทุกพระองค์ต้องทำ แต่ตอนนั้นพวกเขา…ใจร้อนกันจริงๆ นิสัยของฝ่าบาทไม่เด็ดขาดยากจะตัดสินใจในหลายครั้ง พลาดโอกาสทิ้งไปมากมาย และฮ่องเต้ไท่ชู…ก็เป็นอ๋องที่เกรียงไกรและมีอำนาจอย่างแท้จริง ดังนั้น พวกเขาจึงพ่ายแพ้อย่างไม่น่าแปลกใจ

ไม่นานโจวเซียงก็ได้สติจากความเสียใจ เรื่องเหล่านี้ผ่านไปแล้วเขากลับมาคิดนับพันรอบ ผ่านพ้นช่วงแรกที่เจ็บปวดที่สุดมาแล้ว เงยหน้ามองเซียวเชียนเหว่ย เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “หากก่อนหน้านี้ท่านอ๋องมีสติเช่นนี้ ไยจึงจะเป็นอย่างนี้ได้”

ใบหน้าของเซียวเชียนเหว่ยเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวคล้ำ จ้องมองโจวเซียงเขม็ง จูชูอวี้ยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของเขา ก้าวเข้าไปใกล้แล้วจึงเอ่ย “ท่านโจว ท่านคิดจะทำอันใดกันแน่”

โจวเซียงมองสำรวจจูชูอวี้ “เวลาเช่นนี้ยังสงบนิ่งได้เพียงนี้ แม้แต่บุรุษยังหาได้ยาก น่าเสียดาย…โชคชะตาของเจ้าไม่อาจสู้พระชายาฉู่อ๋อง”

แน่นอนจูชูอวี้เข้าใจความหมายของเขา หลุบตาลงเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งสงบ “ท่านชมเกินไปแล้ว โชคชะตาคือสิ่งที่คนแย่งชิงมา”

โจวเซียงครุ่นคิด พยักหน้าพลางเอ่ย “เอ่ยได้ไม่เลว ด้วยชาติตระกูลของตระกูลจู หากเจ้าเป็นสตรีในห้องหอว่านอนสอนง่ายคงไม่ได้มีตำแหน่งอย่างทุกวันนี้” จูชูอวี้เอ่ย “ท่านโจวมิได้เอ่ย ท่านมาที่นี่เพื่อสิ่งใด คงมิใช่ตั้งใจมาเย้ยหยันท่านอ๋องกระมัง”

โจวเซียงยิ้มเอ่ย “แน่นอนว่าไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วว่าข้ามาช่วยพวกเจ้า”

เซียวเชียนเหว่ยมองเขาด้วยใบหน้าสงสัยเป็นที่สุด เห็นชัดว่าไม่เชื่อคำของเขา

โจวเซียงไม่สนใจ เลิกคิ้วแล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ยามนี้ท่านอ๋องยังไม่ได้ไปยอมรับสารภาพเรื่องทั้งหมดต่อหน้าฝ่าบาท คิดว่าคงคิดเข้าใจถึงความเลวร้ายที่จะตามมาแล้วกระมัง ไม่ว่าเรื่องในวันนี้จะเกี่ยวกับท่านอ๋องหรือไม่ เรื่องนี้ผ่านไป ท่านอ๋องก็จะตกลงมาในจุดต่ำสุด นับจากนี้ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก” เซียวเชียนเหว่ยนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา โจวเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยามนี้…ท่านอ๋องมีเพียงวิธีเดียวที่จะพลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้ ก้าวข้ามฝ่าบาทและทุกคน…ขึ้นสู่บัลลังก์”

เซียวเชียนเหว่ยหัวใจสั่นไหว ไม่นานพลันต่อต้าน “เป็นไปไม่ได้”

“โอ้”

เซียวเชียนเหว่ยเอ่ย “เจ้าทำไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ แม้แต่เว่ยจวินมั่ว” อำนาจทหารในจินหลิงยามนี้ล้วนอยู่ในมือของเฉินอวี้และเซวียเจิน สองคนนี้เป็นคนสนิทของฮ่องเต้ไท่ชู แม้แต่เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วที่มีกำลังทหารอยู่ในมือ ไม่ว่าคิดจะทำอันใดสองคนนี้ก็จะขัดขวาง นอกเสียจากสังหารคนเหล่านี้ทั้งหมด เรื่องเช่นนี้เว่ยจวินมั่วไม่ทำ คนอื่นทำไม่ได้ อีกทั้งต่อให้ทำสำเร็จผลที่ตามมาคือความวุ่นวายของแผ่นดิน

โจวเซียงไม่เห็นด้วย ยิ้มพลางเอ่ย “หากคนที่ขวางอยู่ตรงหน้าเจ้าต่างก็ตายแล้วเล่า”

เซียวเชียนเหว่ยยิ้มเย็น “ท่านมีความสามารถสังหารเว่ยจวินมั่วหรือ”

“ดูเหมือนท่านอ๋องจะประเมินฉู่อ๋องไว้สูงนัก” โจวเซียงถอนหายใจ “ข้าไม่มีความสามารถสังหารเว่ยจวินมั่วจริงๆ”

“เจ้ากล้าลงมือกับเสด็จพ่อหรือ” เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยด้วยความโกรธ “ข้าไม่มีทางเป็นคนสังหารบิดาอย่างแน่นอน โจวเซียง เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ หากข้าสังหารเสด็จพ่อ ใครจะสนับสนุนคนที่สังหารบิดาไม่มีความภักดีไม่มีความกตัญญูขึ้นครองบัลลังก์กันเล่า ต่อให้เจ้ามีวิธีหยุดยั้งเว่ยจวินมั่ว ถึงตอนนั้นคนที่ได้ประโยชน์ก็คงเป็นเซียวเชียนเยี่ยกระมัง”

โจวเซียงมองพิจารณาเซียวเชียนเหว่ยอย่างนึกขึ้นได้ “ท่านอ๋องท่านไม่โง่จริงๆ แต่ว่าตอนนี้ท่านจะทำอย่างไร ท่านคิดว่า…ตอนนี้ข้ากำลังหารือการค้ากับท่านหรือ”

เซียวเชียนเหว่ยสีหน้าพลันเปลี่ยน เอ่ยเสียงดัง “ทหาร”

ด้านนอกเงียบสงบ เนิ่นนานก็ไม่มีคนตอบรับ

โจวเซียงถอนหายใจ เอ่ย “องครักษ์ที่พระชายาฉู่อ๋องวางกำลังใหม่ช่างร้ายกาจ แต่ว่า…นอกเสียจากฮ่องเต้ไท่ชูจะมีความสามารถกำจัดคนที่เกี่ยวข้องกับอดีตฮ่องเต้หรือฝ่าบาทให้หมด มิเช่นนั้นก็มักจะมีปลาที่หลุดออกจากแหมิใช่หรือ ข้างกายฮ่องเต้ไท่ชูเข้าใกล้ได้ยากจริงๆ แต่พื้นที่อื่นๆ กลับไม่ได้ยาก ปกครองเมืองจินหลิงมาแล้วห้าหกปีกับครึ่งปี อย่างไรก็ยังมีข้อแตกต่าง”

เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยเรียกอีกหลายครั้ง ยังคงไม่มีใครตอบจึงถอดใจ เอ่ยถามเสียงเข้ม “ในเมื่อท่านมีความมั่นใจเพียงนี้จะมาหาข้าทำไมกัน”

โจวเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเอ่ยบอกไปแล้วว่ามาช่วยท่านอ๋อง ไม่เป็นเท็จอย่างแน่นอน ข้าอายุมากแล้ว ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ก็ตาย ในเมืองนอกเมืองจินหลิงต่างก็เป็นกองกำลังโจวโยว ต่อให้เฝ้าบัลลังก์เอาไว้ได้แล้วอย่างไร และนิสัยของฝ่าบาท…จวิ้นอ๋องช่างไม่เหมาะที่จะเป็นฮ่องเต้จริงๆ ดังนั้นเรื่องในครั้งนี้ข้าจึงไม่ได้ดึงเขาเข้ามายุ่ง ขอเพียงหลังจากนี้ ท่านอ๋องเมตตาเขา ถือว่าคนแก่ผู้นี้ได้ทำดีที่สุดในฐานะอาจารย์และบุญคุณของอดีตรัชทายาทแล้ว”

เซียวเชียนเหว่ยหลุบตา ในหัวกลับมีความคิดมากมายวิ่งวนไปมา เขาไม่รู้ว่าจะเชื่อโจวเซียงได้อีกหรือไม่ หากนี่เป็นกับดัก…

ราวกับโจวเซียงดูออกถึงความคิดของเขา จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ต่อให้เป็นกับดัก สถานการณ์ของท่านอ๋องยังจะแย่ไปกว่านี้ได้อีกหรือ หากวันนี้ข้าพ่ายแพ้ ไม่ว่าท่านอ๋องจะเข้าร่วมหรือไม่ก็ยากจะถอนตัว นับจากนี้ไม่มีความหวังอีกแล้ว นับจากนี้จะถูกทอดทิ้งกักขังอยู่ในวังตลอดไป หรือพยายามอีกสักครั้ง ท่านอ๋องลองคิดดูให้ดีเถิด”

“เป็นเจ้าที่ทำร้ายข้า” เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยด้วยความโกรธแค้น

โจวเซียงยิ้ม “ข้ากำลังช่วยท่านอ๋อง ข้าบอกแล้ว เป็นศัตรูกับฉู่อ๋อง ท่านอ๋องไม่มีความหวังแม้เพียงนิด จำต้องเดินในเส้นทางอันตราย บางทีอาจจะสำเร็จก็เป็นได้ ตำแหน่งโอรสสวรรค์ ห่างไกลจากท่านอ๋องเพียงก้าวเดียวเท่านั้น หรือว่าท่านอ๋องไม่ต้องการจริงหรือ”

เซียวเชียนเหว่ยไม่เอ่ยปากอีก โจวเซียงเองก็ไม่รีบร้อน ค่อยๆ เคลื่อนสายประคำในมือมองไปยังท้องฟ้านอกประตู ส่งเสียงหยัน “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ใครก็ไม่อาจหยุดยั้งสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ได้ แม้แต่ตัวข้าเอง…ก็ทำไม่ได้”

เนิ่นนานในที่สุดเซียวเชียนเหว่ยก็เงยหน้าขึ้นมา เส้นเลือดบนขมับคมชัด ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันเอ่ย “ข้ารับปากกับท่านได้ แต่ว่า…ท่านไม่อาจทำร้ายเสด็จพ่อและเสด็จแม่”

โจวเซียงจ้องมองเขาราวกับจะรับปากอย่างแน่นอน พยักหน้าอย่างไม่ขัดข้อง เอ่ย “แน่นอนอยู่แล้ว ข้ารับรองว่าฝ่าบาทและฮองเฮาจะมีชีวิตรอด” เซียวเชียนเหว่ยหลับตา ชั่วครู่จึงลืมตาขึ้นมาราวกับตัดสินใจแล้ว เอ่ยเสียงเข้ม “ท่านว่ามาเถิดจะให้ข้าทำเช่นไร”

โจวเซียงพยักหน้ามองเขาอย่างพึงพอใจ ดวงตาแก่ชรามีแววเหี้ยมโหดและเหยียดหยัน เขาไม่เคยคิดว่าการเอ่ยโน้มน้าวใจเซียวเชียนเหว่ยเป็นเรื่องยาก เพราะเซียวเชียนเหว่ยไม่ใช่คนแน่วแน่มั่นคงมาแต่ไหนแต่ไร

นอกเสียจากความทะเยอทะยานของเขา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *