บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง
องก์ที่สาม แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…แสงมรกตส่องไปทั่วหล้า

บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง

อีกด้าน เสิ่นเทียนลอยออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วก็งุนงงไปหมด

ดังนั้นก็เลยจบแบบนี้ ข้าได้อาจารย์เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอย่างน่าประหลาดหรือ

แม้ได้เป็นศิษย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่เลว มีความรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหลายส่วน แต่เสิ่นเทียนคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่พึ่งพาไม่ได้นิดๆ ทั้งยังเหมือนหูไม่ค่อยดีด้วย

เขามองเกราะเต่าดำสีดำและยังมีลายดอกไม้ในมือก่อนจะหยิบค้อนม่วงทองออกมาจากแหวนเวหา

อืม~

มือซ้ายถือเกราะเต่าดำ มือขวาถือค้อนม่วงทอง เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกคลับคล้ายว่าเคยเห็นลักษณะแบบนี้มาก่อน

ลูกพี่บางคนในโลกภายนอกยกค้อนไม่ขึ้นเลยไปแอบฝึกฝนชุดกระบวนท่ามาหรือ

แปลก ไม่รู้ว่าเกราะของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่เทียบกับเกราะของเขาแล้วใครแกร่งกว่ากัน!

แต่ต้องบอกว่าถือเกราะเต่าดำนี่ในมือแล้ว รูปทรงมันก็ยังดูดีมาก

ส่วนการสวมไว้ที่ตัวแบบที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอก จะเสริมความเร็วในการฝึกฝนวิชาอัสนีธาตุน้ำนั้น

ข้อเสนอนี้เสิ่นเทียนมองข้ามไปเลย เขาไม่ขาดการเสริมพลังแค่นั้นอยู่แล้ว

…….

‘ดูท่าคงจะเลี่ยงฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แล้ว’

เสิ่นเทียนถอนหายใจ ‘แผนการในตอนนี้คงได้แต่ให้วงรัศมีเป็นสีเขียวเร็วที่สุด’

มีเพียงให้เป็นสีเขียวเร็วที่สุด กระทั่งจากเขียวเป็นแดงเท่านั้นถึงจะแบกรับฐานะนี้ไว้ได้

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ออกจากยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ มุ่งตรงไปยังทะเลสาบกระจกจันทราที่อยู่ใกล้ๆ โลกเล็ก

เขายังจำได้ว่าทะเลสาบกระจกจันทรานั้นมีหนุ่มน้อยผมทองตาหยีอยู่คน คนนั้นช่วยเขาให้เป็นสีเขียวได้!

…….

บึ้ม!

เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นบนทะเลสาบกระจกจันทราอีกแล้ว

ละอองน้ำสีขาวละลายเป็นหมอกขาวเต็มฟ้าภายใต้การกระตุ้นของสายฟ้าและอุณหภูมิสูง ภายใต้การส่องสะท้อนของดวงตะวัน หมอกขาวพวกนั้นส่องสะท้อนเป็นสีสันหลากสีราวกับสายรุ้ง

ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจด้วยความจนปัญญาอยู่กลางหมอกขาวไร้ที่สิ้นสุด “เฮ้อ อานุภาพยังอ่อนไปหน่อย”

ใช่ ฉินอวิ๋นตี๋ยังทำการศึกษายันต์อัสนีรูปแบบใหม่ ทั้งยังทดลองอย่างต่อเนื่อง ทุกการระเบิดคือการละลายเงินทุนจำนวนมากลงทะเลสาบกระจกจันทรา

แม้จะเป็นศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังปวดใจ

ถึงอย่างไรยันต์ที่บรรจุวิชาอัสนีจะใช้กระดาษธรรมดามาวาดไม่ได้

ยันต์แบบนี้มีแต่ต้องใช้กระดาษวิญญาณที่ทำขึ้นจากหนังสัตว์อสูรถึงจะเขียนได้ ทั้งยังมีอัตราพลาดไม่น้อย

ฉินอวิ๋นตี๋แทบจะใช้ทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดมาซื้อกระดาษวิญญาณกับน้ำหมึกวิญญาณโลหิตอสูร ก็ยังพอใช้ในการทดลองเพียงไม่กี่ครั้ง

จนจบการทดลองหลายครั้งแล้ว เขาต้องกลับไปตั้งใจเขียนยันต์ต่อ เอาออกไปขายหาเงิน

“มันพลาดที่ใดกันแน่ เห็นๆ อยู่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อานุภาพไปไกลไม่ได้อยู่แค่นี้นี่!”

ฉินอวิ๋นตี๋ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาตี่ฉายแววกังวลไม่อาจปกปิดได้

ใช่ การวิจัยของเขาเจอคอขวด ทั้งยังไม่มีต้นสายปลายเหตุ

…….

เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาจุดชนวนยันต์ระเบิดอัสนีแล้วมีอานุภาพสูงจนน่าตกใจ

แต่จากนั้นฉินอวิ๋นตี๋ก็ปรับแก้ยันต์อย่างจริงจัง หมายจะให้ออกมาสุดยอดปาฏิหาริย์แบบครั้งนั้นอีก ปรากฏว่าทุกครั้งก็ไม่มีดีอะไรเลย ไม่อาจเทียบกับอานุภาพที่ทำแบบตามอำเภอใจครั้งนั้นได้เลย

ฉินอวิ๋นตี๋ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด เห็นๆ อยู่ว่าทุกครั้งหลังจากนั้น เขาจริงจังกว่าครั้งนั้นอีก!

ความรู้สึกที่เห็นประตูแห่งแสงอรุณใหม่แต่ไม่อาจเข้าใกล้และเจาะลึกทำให้เขาเป็นทุกข์มาก

“เฮ้อ ใช้ศิลาวิญญาณที่สะสมจากการขายยันต์ระเบิดอัสนีมาทั้งเดือนไปเกือบหมดอีกแล้ว”

ฉินอวิ๋นตี๋มองแหวนเวหาของตนก่อนจะมีสีหน้าเศร้าสลดลงทีละน้อย

ดีนะที่ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีห้ามอาจารย์ลุงบัวมรกตไว้ ไม่อย่างนั้นคงเก็บศิลาวิญญาณไว้ไม่ได้สักก้อน

ถึงตอนนั้นต่อให้ฉินอวิ๋นตี๋อยากจะเขียนยันต์ออกไปขายก็ไม่มีเงินซื้อวัสดุ นั่นอนาถแล้ว

ในโลกที่ทุกคนรอบตัวลุ่มหลงในการฝึกบำเพ็ญเซียนนั้น ตัวประหลาดอย่างเขาถูกลิขิตเอาไว้ว่าจะต้องโดดเดี่ยว

………..

เวลาผ่านไปทีละนาที หมอกน้ำบนทะเลสาบค่อยๆ หายไป

“ยังเหลือค่ายกลยันต์ที่วางไว้อีกสองชุดสุดท้าย หวังว่าจะสำเร็จสักครั้ง!”

ฉินอวิ๋นตี๋เรียกยันต์อัสนีออกมาอย่างระมัดระวัง ลอยตรงตำแหน่งบนทะเลสาบกระจกจันทรา

ยันต์ทุกแผ่นจะมีการเรียงตำแหน่งแบบพิเศษ และเหมือนจะรวมเป็นชุดหนึ่งกลายๆ

ฉินอวิ๋นตี๋สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นประสานมุทรา ปากบริกรรมคาถาแล้วตะโกนเสียงดัง “ระเบิด!”

ทันใดนั้น อักขระที่เขียนบนยันต์ระเบิดอัสนีพวกนั้นก็ถูกจุดชนวน ระเบิดพร้อมกับยันต์อัสนีทั้งหมดในพริบตา

แรงปะทะแก่กล้าก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ทั้งทะเลสาบกระจกจันทรา น้ำและลมสุดลูกหูลูกตาแผ่กระจายไปทั่วฟ้าดินอีกครั้ง

ประกายสายฟ้าขยับวูบวาบบนผิวทะเลสาบราวกับงูเล็กสีเงินหลายตัว สวยงามยิ่ง

ทว่าฉินอวิ๋นตี๋กลับยังมีสีหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งผิดหวังนิดๆ

เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ก็ยังไม่สำเร็จเหมือนปาฏิหาริย์ครั้งนั้น

ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจเบา ขณะจะจดบันทึกสถิติและลองอีกครั้งนั้น เขาพลันได้ยินเสียงพูดชมดังแว่วมาไกลๆ

“สุดยอดค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนี สหายศึกษาค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนีได้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ฉินอวิ๋นตี๋หมุนตัวกลับมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย จากนั้นเห็นร่างคนหนึ่งเดินมากลางไอน้ำตลบอบอวล

นั่นคือบุรุษหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวสวยงาม ดูองอาจห้าวหาญ ใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกแห่งยุคเหมือนกับเซียนลงมาเยือน

คนนี้เดินออกมากลางหมอกเซียนอบอวล แสงรุ้งเจ็ดสีส่องสะท้อนกายเขาราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

ฉินอวิ๋นตี๋มีภาพจำกับคนนี้ ในทุกคนที่ตามสตรีศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสบัวมรกตนั่งเรือกลับมา เขาเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุด

บุรุษรูปงามไม่ธรรมดาเช่นนี้ มองปราดเดียวก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ฉินอวิ๋นตี๋เลยต้องแอบให้ความสำคัญเงียบๆ ในใจ

เขาเริ่มสัมผัสถึงพลังจากบุรุษท่านนั้น หมายจะหยั่งเชิงพลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียน ทว่าเขาต้องพบว่าบุรุษรูปงามท่านนี้ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา

ไม่ว่าเขาจะสัมผัสอย่างไรก็หยั่งเชิงพลังของเสิ่นเทียนไม่ได้เลย

นี่มีเพียงสามความเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างใดก็อธิบายได้ว่าบุรุษรูปงามคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

พอคิดได้ดังนั้น ฉินอวิ๋นตี๋เผยประกายระแวงมาจากดวงตาตี่ “ท่านเป็นใครกัน มีอะไรจะแนะนำกัน”

สารภาพตามตรง ตอนนี้ฉินอวิ๋นตี๋เตรียมจะหนีแล้วหากสถานการณ์ผิดปกติ ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็กลับมากับอาจารย์ลุงบัวมรกต น่าสงสัยจริงๆ

ถ้าเกิดเขาเป็นเขี้ยวเล็บของอาจารย์ลุงบัวมรกต ตั้งใจมารีดไถข้าล่ะจะทำอย่างไร

เสิ่นเทียนไม่รู้ความระแวงในใจฉินอวิ๋นตี๋ เขายิ้มน้อยๆ ว่า “ข้าเสิ่นเทียน”

เหมือนว่ารอยยิ้มของเสิ่นเทียนกลางแสงรุ้งหมอกอบอวลจะทำให้ใจลอย ฉินอวิ๋นตี๋ยังอดใจลอยไปชั่วครู่มิได้

แต่ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา “เสิ่นเทียนรึ ท่านคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนที่ฝ่ายเราเพิ่งแต่งตั้งรึ”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมกัน ข้าเพิ่งตอบตกลงเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเจ้าถึงรู้ล่ะ

เห็นเสิ่นเทียนเหมือนสงสัย ฉินอวิ๋นตี๋เลยอธิบาย “ศิษย์พี่ไม่ต้องตกใจ หลายวันก่อนศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงบอกกับพวกเราแล้วว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นำบทต้องห้ามสูงสุดเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์กลับมาได้แล้ว และผู้มีวาสนาที่นำมรดกนี้กลับมาจะรับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ มีโอกาสขอตบแต่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ศิษย์สายตรงทั้งหมดของฝ่ายเราน่าจะรู้ชื่อของศิษย์พี่แล้ว”

เห็นฉินอวิ๋นตี๋ที่ยิ้มหยีตาแล้ว เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ให้คนอื่นเขาฟาร์มก่อนไม่ได้หรือไร

เจ้าหลี่อวิ๋นเฟิงนี่ เก่งจริงก็ออกมาเลย

ข้ารับปากว่าจะไม่ตีเจ้าให้ตาย!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง
องก์ที่สาม แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…แสงมรกตส่องไปทั่วหล้า

บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง

อีกด้าน เสิ่นเทียนลอยออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วก็งุนงงไปหมด

ดังนั้นก็เลยจบแบบนี้ ข้าได้อาจารย์เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอย่างน่าประหลาดหรือ

แม้ได้เป็นศิษย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่เลว มีความรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหลายส่วน แต่เสิ่นเทียนคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่พึ่งพาไม่ได้นิดๆ ทั้งยังเหมือนหูไม่ค่อยดีด้วย

เขามองเกราะเต่าดำสีดำและยังมีลายดอกไม้ในมือก่อนจะหยิบค้อนม่วงทองออกมาจากแหวนเวหา

อืม~

มือซ้ายถือเกราะเต่าดำ มือขวาถือค้อนม่วงทอง เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกคลับคล้ายว่าเคยเห็นลักษณะแบบนี้มาก่อน

ลูกพี่บางคนในโลกภายนอกยกค้อนไม่ขึ้นเลยไปแอบฝึกฝนชุดกระบวนท่ามาหรือ

แปลก ไม่รู้ว่าเกราะของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่เทียบกับเกราะของเขาแล้วใครแกร่งกว่ากัน!

แต่ต้องบอกว่าถือเกราะเต่าดำนี่ในมือแล้ว รูปทรงมันก็ยังดูดีมาก

ส่วนการสวมไว้ที่ตัวแบบที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอก จะเสริมความเร็วในการฝึกฝนวิชาอัสนีธาตุน้ำนั้น

ข้อเสนอนี้เสิ่นเทียนมองข้ามไปเลย เขาไม่ขาดการเสริมพลังแค่นั้นอยู่แล้ว

…….

‘ดูท่าคงจะเลี่ยงฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แล้ว’

เสิ่นเทียนถอนหายใจ ‘แผนการในตอนนี้คงได้แต่ให้วงรัศมีเป็นสีเขียวเร็วที่สุด’

มีเพียงให้เป็นสีเขียวเร็วที่สุด กระทั่งจากเขียวเป็นแดงเท่านั้นถึงจะแบกรับฐานะนี้ไว้ได้

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ออกจากยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ มุ่งตรงไปยังทะเลสาบกระจกจันทราที่อยู่ใกล้ๆ โลกเล็ก

เขายังจำได้ว่าทะเลสาบกระจกจันทรานั้นมีหนุ่มน้อยผมทองตาหยีอยู่คน คนนั้นช่วยเขาให้เป็นสีเขียวได้!

…….

บึ้ม!

เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นบนทะเลสาบกระจกจันทราอีกแล้ว

ละอองน้ำสีขาวละลายเป็นหมอกขาวเต็มฟ้าภายใต้การกระตุ้นของสายฟ้าและอุณหภูมิสูง ภายใต้การส่องสะท้อนของดวงตะวัน หมอกขาวพวกนั้นส่องสะท้อนเป็นสีสันหลากสีราวกับสายรุ้ง

ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจด้วยความจนปัญญาอยู่กลางหมอกขาวไร้ที่สิ้นสุด “เฮ้อ อานุภาพยังอ่อนไปหน่อย”

ใช่ ฉินอวิ๋นตี๋ยังทำการศึกษายันต์อัสนีรูปแบบใหม่ ทั้งยังทดลองอย่างต่อเนื่อง ทุกการระเบิดคือการละลายเงินทุนจำนวนมากลงทะเลสาบกระจกจันทรา

แม้จะเป็นศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังปวดใจ

ถึงอย่างไรยันต์ที่บรรจุวิชาอัสนีจะใช้กระดาษธรรมดามาวาดไม่ได้

ยันต์แบบนี้มีแต่ต้องใช้กระดาษวิญญาณที่ทำขึ้นจากหนังสัตว์อสูรถึงจะเขียนได้ ทั้งยังมีอัตราพลาดไม่น้อย

ฉินอวิ๋นตี๋แทบจะใช้ทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดมาซื้อกระดาษวิญญาณกับน้ำหมึกวิญญาณโลหิตอสูร ก็ยังพอใช้ในการทดลองเพียงไม่กี่ครั้ง

จนจบการทดลองหลายครั้งแล้ว เขาต้องกลับไปตั้งใจเขียนยันต์ต่อ เอาออกไปขายหาเงิน

“มันพลาดที่ใดกันแน่ เห็นๆ อยู่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อานุภาพไปไกลไม่ได้อยู่แค่นี้นี่!”

ฉินอวิ๋นตี๋ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาตี่ฉายแววกังวลไม่อาจปกปิดได้

ใช่ การวิจัยของเขาเจอคอขวด ทั้งยังไม่มีต้นสายปลายเหตุ

…….

เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาจุดชนวนยันต์ระเบิดอัสนีแล้วมีอานุภาพสูงจนน่าตกใจ

แต่จากนั้นฉินอวิ๋นตี๋ก็ปรับแก้ยันต์อย่างจริงจัง หมายจะให้ออกมาสุดยอดปาฏิหาริย์แบบครั้งนั้นอีก ปรากฏว่าทุกครั้งก็ไม่มีดีอะไรเลย ไม่อาจเทียบกับอานุภาพที่ทำแบบตามอำเภอใจครั้งนั้นได้เลย

ฉินอวิ๋นตี๋ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด เห็นๆ อยู่ว่าทุกครั้งหลังจากนั้น เขาจริงจังกว่าครั้งนั้นอีก!

ความรู้สึกที่เห็นประตูแห่งแสงอรุณใหม่แต่ไม่อาจเข้าใกล้และเจาะลึกทำให้เขาเป็นทุกข์มาก

“เฮ้อ ใช้ศิลาวิญญาณที่สะสมจากการขายยันต์ระเบิดอัสนีมาทั้งเดือนไปเกือบหมดอีกแล้ว”

ฉินอวิ๋นตี๋มองแหวนเวหาของตนก่อนจะมีสีหน้าเศร้าสลดลงทีละน้อย

ดีนะที่ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีห้ามอาจารย์ลุงบัวมรกตไว้ ไม่อย่างนั้นคงเก็บศิลาวิญญาณไว้ไม่ได้สักก้อน

ถึงตอนนั้นต่อให้ฉินอวิ๋นตี๋อยากจะเขียนยันต์ออกไปขายก็ไม่มีเงินซื้อวัสดุ นั่นอนาถแล้ว

ในโลกที่ทุกคนรอบตัวลุ่มหลงในการฝึกบำเพ็ญเซียนนั้น ตัวประหลาดอย่างเขาถูกลิขิตเอาไว้ว่าจะต้องโดดเดี่ยว

………..

เวลาผ่านไปทีละนาที หมอกน้ำบนทะเลสาบค่อยๆ หายไป

“ยังเหลือค่ายกลยันต์ที่วางไว้อีกสองชุดสุดท้าย หวังว่าจะสำเร็จสักครั้ง!”

ฉินอวิ๋นตี๋เรียกยันต์อัสนีออกมาอย่างระมัดระวัง ลอยตรงตำแหน่งบนทะเลสาบกระจกจันทรา

ยันต์ทุกแผ่นจะมีการเรียงตำแหน่งแบบพิเศษ และเหมือนจะรวมเป็นชุดหนึ่งกลายๆ

ฉินอวิ๋นตี๋สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นประสานมุทรา ปากบริกรรมคาถาแล้วตะโกนเสียงดัง “ระเบิด!”

ทันใดนั้น อักขระที่เขียนบนยันต์ระเบิดอัสนีพวกนั้นก็ถูกจุดชนวน ระเบิดพร้อมกับยันต์อัสนีทั้งหมดในพริบตา

แรงปะทะแก่กล้าก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ทั้งทะเลสาบกระจกจันทรา น้ำและลมสุดลูกหูลูกตาแผ่กระจายไปทั่วฟ้าดินอีกครั้ง

ประกายสายฟ้าขยับวูบวาบบนผิวทะเลสาบราวกับงูเล็กสีเงินหลายตัว สวยงามยิ่ง

ทว่าฉินอวิ๋นตี๋กลับยังมีสีหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งผิดหวังนิดๆ

เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ก็ยังไม่สำเร็จเหมือนปาฏิหาริย์ครั้งนั้น

ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจเบา ขณะจะจดบันทึกสถิติและลองอีกครั้งนั้น เขาพลันได้ยินเสียงพูดชมดังแว่วมาไกลๆ

“สุดยอดค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนี สหายศึกษาค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนีได้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ฉินอวิ๋นตี๋หมุนตัวกลับมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย จากนั้นเห็นร่างคนหนึ่งเดินมากลางไอน้ำตลบอบอวล

นั่นคือบุรุษหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวสวยงาม ดูองอาจห้าวหาญ ใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกแห่งยุคเหมือนกับเซียนลงมาเยือน

คนนี้เดินออกมากลางหมอกเซียนอบอวล แสงรุ้งเจ็ดสีส่องสะท้อนกายเขาราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

ฉินอวิ๋นตี๋มีภาพจำกับคนนี้ ในทุกคนที่ตามสตรีศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสบัวมรกตนั่งเรือกลับมา เขาเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุด

บุรุษรูปงามไม่ธรรมดาเช่นนี้ มองปราดเดียวก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ฉินอวิ๋นตี๋เลยต้องแอบให้ความสำคัญเงียบๆ ในใจ

เขาเริ่มสัมผัสถึงพลังจากบุรุษท่านนั้น หมายจะหยั่งเชิงพลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียน ทว่าเขาต้องพบว่าบุรุษรูปงามท่านนี้ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา

ไม่ว่าเขาจะสัมผัสอย่างไรก็หยั่งเชิงพลังของเสิ่นเทียนไม่ได้เลย

นี่มีเพียงสามความเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างใดก็อธิบายได้ว่าบุรุษรูปงามคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

พอคิดได้ดังนั้น ฉินอวิ๋นตี๋เผยประกายระแวงมาจากดวงตาตี่ “ท่านเป็นใครกัน มีอะไรจะแนะนำกัน”

สารภาพตามตรง ตอนนี้ฉินอวิ๋นตี๋เตรียมจะหนีแล้วหากสถานการณ์ผิดปกติ ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็กลับมากับอาจารย์ลุงบัวมรกต น่าสงสัยจริงๆ

ถ้าเกิดเขาเป็นเขี้ยวเล็บของอาจารย์ลุงบัวมรกต ตั้งใจมารีดไถข้าล่ะจะทำอย่างไร

เสิ่นเทียนไม่รู้ความระแวงในใจฉินอวิ๋นตี๋ เขายิ้มน้อยๆ ว่า “ข้าเสิ่นเทียน”

เหมือนว่ารอยยิ้มของเสิ่นเทียนกลางแสงรุ้งหมอกอบอวลจะทำให้ใจลอย ฉินอวิ๋นตี๋ยังอดใจลอยไปชั่วครู่มิได้

แต่ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา “เสิ่นเทียนรึ ท่านคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนที่ฝ่ายเราเพิ่งแต่งตั้งรึ”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมกัน ข้าเพิ่งตอบตกลงเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเจ้าถึงรู้ล่ะ

เห็นเสิ่นเทียนเหมือนสงสัย ฉินอวิ๋นตี๋เลยอธิบาย “ศิษย์พี่ไม่ต้องตกใจ หลายวันก่อนศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงบอกกับพวกเราแล้วว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นำบทต้องห้ามสูงสุดเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์กลับมาได้แล้ว และผู้มีวาสนาที่นำมรดกนี้กลับมาจะรับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ มีโอกาสขอตบแต่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ศิษย์สายตรงทั้งหมดของฝ่ายเราน่าจะรู้ชื่อของศิษย์พี่แล้ว”

เห็นฉินอวิ๋นตี๋ที่ยิ้มหยีตาแล้ว เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ให้คนอื่นเขาฟาร์มก่อนไม่ได้หรือไร

เจ้าหลี่อวิ๋นเฟิงนี่ เก่งจริงก็ออกมาเลย

ข้ารับปากว่าจะไม่ตีเจ้าให้ตาย!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง
องก์ที่สาม แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…แสงมรกตส่องไปทั่วหล้า

บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง

อีกด้าน เสิ่นเทียนลอยออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วก็งุนงงไปหมด

ดังนั้นก็เลยจบแบบนี้ ข้าได้อาจารย์เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอย่างน่าประหลาดหรือ

แม้ได้เป็นศิษย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่เลว มีความรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหลายส่วน แต่เสิ่นเทียนคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่พึ่งพาไม่ได้นิดๆ ทั้งยังเหมือนหูไม่ค่อยดีด้วย

เขามองเกราะเต่าดำสีดำและยังมีลายดอกไม้ในมือก่อนจะหยิบค้อนม่วงทองออกมาจากแหวนเวหา

อืม~

มือซ้ายถือเกราะเต่าดำ มือขวาถือค้อนม่วงทอง เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกคลับคล้ายว่าเคยเห็นลักษณะแบบนี้มาก่อน

ลูกพี่บางคนในโลกภายนอกยกค้อนไม่ขึ้นเลยไปแอบฝึกฝนชุดกระบวนท่ามาหรือ

แปลก ไม่รู้ว่าเกราะของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่เทียบกับเกราะของเขาแล้วใครแกร่งกว่ากัน!

แต่ต้องบอกว่าถือเกราะเต่าดำนี่ในมือแล้ว รูปทรงมันก็ยังดูดีมาก

ส่วนการสวมไว้ที่ตัวแบบที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอก จะเสริมความเร็วในการฝึกฝนวิชาอัสนีธาตุน้ำนั้น

ข้อเสนอนี้เสิ่นเทียนมองข้ามไปเลย เขาไม่ขาดการเสริมพลังแค่นั้นอยู่แล้ว

…….

‘ดูท่าคงจะเลี่ยงฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แล้ว’

เสิ่นเทียนถอนหายใจ ‘แผนการในตอนนี้คงได้แต่ให้วงรัศมีเป็นสีเขียวเร็วที่สุด’

มีเพียงให้เป็นสีเขียวเร็วที่สุด กระทั่งจากเขียวเป็นแดงเท่านั้นถึงจะแบกรับฐานะนี้ไว้ได้

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ออกจากยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ มุ่งตรงไปยังทะเลสาบกระจกจันทราที่อยู่ใกล้ๆ โลกเล็ก

เขายังจำได้ว่าทะเลสาบกระจกจันทรานั้นมีหนุ่มน้อยผมทองตาหยีอยู่คน คนนั้นช่วยเขาให้เป็นสีเขียวได้!

…….

บึ้ม!

เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นบนทะเลสาบกระจกจันทราอีกแล้ว

ละอองน้ำสีขาวละลายเป็นหมอกขาวเต็มฟ้าภายใต้การกระตุ้นของสายฟ้าและอุณหภูมิสูง ภายใต้การส่องสะท้อนของดวงตะวัน หมอกขาวพวกนั้นส่องสะท้อนเป็นสีสันหลากสีราวกับสายรุ้ง

ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจด้วยความจนปัญญาอยู่กลางหมอกขาวไร้ที่สิ้นสุด “เฮ้อ อานุภาพยังอ่อนไปหน่อย”

ใช่ ฉินอวิ๋นตี๋ยังทำการศึกษายันต์อัสนีรูปแบบใหม่ ทั้งยังทดลองอย่างต่อเนื่อง ทุกการระเบิดคือการละลายเงินทุนจำนวนมากลงทะเลสาบกระจกจันทรา

แม้จะเป็นศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังปวดใจ

ถึงอย่างไรยันต์ที่บรรจุวิชาอัสนีจะใช้กระดาษธรรมดามาวาดไม่ได้

ยันต์แบบนี้มีแต่ต้องใช้กระดาษวิญญาณที่ทำขึ้นจากหนังสัตว์อสูรถึงจะเขียนได้ ทั้งยังมีอัตราพลาดไม่น้อย

ฉินอวิ๋นตี๋แทบจะใช้ทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดมาซื้อกระดาษวิญญาณกับน้ำหมึกวิญญาณโลหิตอสูร ก็ยังพอใช้ในการทดลองเพียงไม่กี่ครั้ง

จนจบการทดลองหลายครั้งแล้ว เขาต้องกลับไปตั้งใจเขียนยันต์ต่อ เอาออกไปขายหาเงิน

“มันพลาดที่ใดกันแน่ เห็นๆ อยู่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อานุภาพไปไกลไม่ได้อยู่แค่นี้นี่!”

ฉินอวิ๋นตี๋ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาตี่ฉายแววกังวลไม่อาจปกปิดได้

ใช่ การวิจัยของเขาเจอคอขวด ทั้งยังไม่มีต้นสายปลายเหตุ

…….

เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาจุดชนวนยันต์ระเบิดอัสนีแล้วมีอานุภาพสูงจนน่าตกใจ

แต่จากนั้นฉินอวิ๋นตี๋ก็ปรับแก้ยันต์อย่างจริงจัง หมายจะให้ออกมาสุดยอดปาฏิหาริย์แบบครั้งนั้นอีก ปรากฏว่าทุกครั้งก็ไม่มีดีอะไรเลย ไม่อาจเทียบกับอานุภาพที่ทำแบบตามอำเภอใจครั้งนั้นได้เลย

ฉินอวิ๋นตี๋ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด เห็นๆ อยู่ว่าทุกครั้งหลังจากนั้น เขาจริงจังกว่าครั้งนั้นอีก!

ความรู้สึกที่เห็นประตูแห่งแสงอรุณใหม่แต่ไม่อาจเข้าใกล้และเจาะลึกทำให้เขาเป็นทุกข์มาก

“เฮ้อ ใช้ศิลาวิญญาณที่สะสมจากการขายยันต์ระเบิดอัสนีมาทั้งเดือนไปเกือบหมดอีกแล้ว”

ฉินอวิ๋นตี๋มองแหวนเวหาของตนก่อนจะมีสีหน้าเศร้าสลดลงทีละน้อย

ดีนะที่ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีห้ามอาจารย์ลุงบัวมรกตไว้ ไม่อย่างนั้นคงเก็บศิลาวิญญาณไว้ไม่ได้สักก้อน

ถึงตอนนั้นต่อให้ฉินอวิ๋นตี๋อยากจะเขียนยันต์ออกไปขายก็ไม่มีเงินซื้อวัสดุ นั่นอนาถแล้ว

ในโลกที่ทุกคนรอบตัวลุ่มหลงในการฝึกบำเพ็ญเซียนนั้น ตัวประหลาดอย่างเขาถูกลิขิตเอาไว้ว่าจะต้องโดดเดี่ยว

………..

เวลาผ่านไปทีละนาที หมอกน้ำบนทะเลสาบค่อยๆ หายไป

“ยังเหลือค่ายกลยันต์ที่วางไว้อีกสองชุดสุดท้าย หวังว่าจะสำเร็จสักครั้ง!”

ฉินอวิ๋นตี๋เรียกยันต์อัสนีออกมาอย่างระมัดระวัง ลอยตรงตำแหน่งบนทะเลสาบกระจกจันทรา

ยันต์ทุกแผ่นจะมีการเรียงตำแหน่งแบบพิเศษ และเหมือนจะรวมเป็นชุดหนึ่งกลายๆ

ฉินอวิ๋นตี๋สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นประสานมุทรา ปากบริกรรมคาถาแล้วตะโกนเสียงดัง “ระเบิด!”

ทันใดนั้น อักขระที่เขียนบนยันต์ระเบิดอัสนีพวกนั้นก็ถูกจุดชนวน ระเบิดพร้อมกับยันต์อัสนีทั้งหมดในพริบตา

แรงปะทะแก่กล้าก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ทั้งทะเลสาบกระจกจันทรา น้ำและลมสุดลูกหูลูกตาแผ่กระจายไปทั่วฟ้าดินอีกครั้ง

ประกายสายฟ้าขยับวูบวาบบนผิวทะเลสาบราวกับงูเล็กสีเงินหลายตัว สวยงามยิ่ง

ทว่าฉินอวิ๋นตี๋กลับยังมีสีหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งผิดหวังนิดๆ

เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ก็ยังไม่สำเร็จเหมือนปาฏิหาริย์ครั้งนั้น

ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจเบา ขณะจะจดบันทึกสถิติและลองอีกครั้งนั้น เขาพลันได้ยินเสียงพูดชมดังแว่วมาไกลๆ

“สุดยอดค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนี สหายศึกษาค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนีได้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ฉินอวิ๋นตี๋หมุนตัวกลับมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย จากนั้นเห็นร่างคนหนึ่งเดินมากลางไอน้ำตลบอบอวล

นั่นคือบุรุษหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวสวยงาม ดูองอาจห้าวหาญ ใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกแห่งยุคเหมือนกับเซียนลงมาเยือน

คนนี้เดินออกมากลางหมอกเซียนอบอวล แสงรุ้งเจ็ดสีส่องสะท้อนกายเขาราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

ฉินอวิ๋นตี๋มีภาพจำกับคนนี้ ในทุกคนที่ตามสตรีศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสบัวมรกตนั่งเรือกลับมา เขาเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุด

บุรุษรูปงามไม่ธรรมดาเช่นนี้ มองปราดเดียวก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ฉินอวิ๋นตี๋เลยต้องแอบให้ความสำคัญเงียบๆ ในใจ

เขาเริ่มสัมผัสถึงพลังจากบุรุษท่านนั้น หมายจะหยั่งเชิงพลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียน ทว่าเขาต้องพบว่าบุรุษรูปงามท่านนี้ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา

ไม่ว่าเขาจะสัมผัสอย่างไรก็หยั่งเชิงพลังของเสิ่นเทียนไม่ได้เลย

นี่มีเพียงสามความเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างใดก็อธิบายได้ว่าบุรุษรูปงามคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

พอคิดได้ดังนั้น ฉินอวิ๋นตี๋เผยประกายระแวงมาจากดวงตาตี่ “ท่านเป็นใครกัน มีอะไรจะแนะนำกัน”

สารภาพตามตรง ตอนนี้ฉินอวิ๋นตี๋เตรียมจะหนีแล้วหากสถานการณ์ผิดปกติ ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็กลับมากับอาจารย์ลุงบัวมรกต น่าสงสัยจริงๆ

ถ้าเกิดเขาเป็นเขี้ยวเล็บของอาจารย์ลุงบัวมรกต ตั้งใจมารีดไถข้าล่ะจะทำอย่างไร

เสิ่นเทียนไม่รู้ความระแวงในใจฉินอวิ๋นตี๋ เขายิ้มน้อยๆ ว่า “ข้าเสิ่นเทียน”

เหมือนว่ารอยยิ้มของเสิ่นเทียนกลางแสงรุ้งหมอกอบอวลจะทำให้ใจลอย ฉินอวิ๋นตี๋ยังอดใจลอยไปชั่วครู่มิได้

แต่ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา “เสิ่นเทียนรึ ท่านคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนที่ฝ่ายเราเพิ่งแต่งตั้งรึ”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมกัน ข้าเพิ่งตอบตกลงเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเจ้าถึงรู้ล่ะ

เห็นเสิ่นเทียนเหมือนสงสัย ฉินอวิ๋นตี๋เลยอธิบาย “ศิษย์พี่ไม่ต้องตกใจ หลายวันก่อนศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงบอกกับพวกเราแล้วว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นำบทต้องห้ามสูงสุดเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์กลับมาได้แล้ว และผู้มีวาสนาที่นำมรดกนี้กลับมาจะรับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ มีโอกาสขอตบแต่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ศิษย์สายตรงทั้งหมดของฝ่ายเราน่าจะรู้ชื่อของศิษย์พี่แล้ว”

เห็นฉินอวิ๋นตี๋ที่ยิ้มหยีตาแล้ว เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ให้คนอื่นเขาฟาร์มก่อนไม่ได้หรือไร

เจ้าหลี่อวิ๋นเฟิงนี่ เก่งจริงก็ออกมาเลย

ข้ารับปากว่าจะไม่ตีเจ้าให้ตาย!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง
องก์ที่สาม แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…แสงมรกตส่องไปทั่วหล้า

บทที่ 101 ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเซียนรุ่นสอง

อีกด้าน เสิ่นเทียนลอยออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วก็งุนงงไปหมด

ดังนั้นก็เลยจบแบบนี้ ข้าได้อาจารย์เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอย่างน่าประหลาดหรือ

แม้ได้เป็นศิษย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่เลว มีความรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหลายส่วน แต่เสิ่นเทียนคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่พึ่งพาไม่ได้นิดๆ ทั้งยังเหมือนหูไม่ค่อยดีด้วย

เขามองเกราะเต่าดำสีดำและยังมีลายดอกไม้ในมือก่อนจะหยิบค้อนม่วงทองออกมาจากแหวนเวหา

อืม~

มือซ้ายถือเกราะเต่าดำ มือขวาถือค้อนม่วงทอง เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกคลับคล้ายว่าเคยเห็นลักษณะแบบนี้มาก่อน

ลูกพี่บางคนในโลกภายนอกยกค้อนไม่ขึ้นเลยไปแอบฝึกฝนชุดกระบวนท่ามาหรือ

แปลก ไม่รู้ว่าเกราะของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์นี่เทียบกับเกราะของเขาแล้วใครแกร่งกว่ากัน!

แต่ต้องบอกว่าถือเกราะเต่าดำนี่ในมือแล้ว รูปทรงมันก็ยังดูดีมาก

ส่วนการสวมไว้ที่ตัวแบบที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอก จะเสริมความเร็วในการฝึกฝนวิชาอัสนีธาตุน้ำนั้น

ข้อเสนอนี้เสิ่นเทียนมองข้ามไปเลย เขาไม่ขาดการเสริมพลังแค่นั้นอยู่แล้ว

…….

‘ดูท่าคงจะเลี่ยงฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แล้ว’

เสิ่นเทียนถอนหายใจ ‘แผนการในตอนนี้คงได้แต่ให้วงรัศมีเป็นสีเขียวเร็วที่สุด’

มีเพียงให้เป็นสีเขียวเร็วที่สุด กระทั่งจากเขียวเป็นแดงเท่านั้นถึงจะแบกรับฐานะนี้ไว้ได้

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ออกจากยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ มุ่งตรงไปยังทะเลสาบกระจกจันทราที่อยู่ใกล้ๆ โลกเล็ก

เขายังจำได้ว่าทะเลสาบกระจกจันทรานั้นมีหนุ่มน้อยผมทองตาหยีอยู่คน คนนั้นช่วยเขาให้เป็นสีเขียวได้!

…….

บึ้ม!

เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นบนทะเลสาบกระจกจันทราอีกแล้ว

ละอองน้ำสีขาวละลายเป็นหมอกขาวเต็มฟ้าภายใต้การกระตุ้นของสายฟ้าและอุณหภูมิสูง ภายใต้การส่องสะท้อนของดวงตะวัน หมอกขาวพวกนั้นส่องสะท้อนเป็นสีสันหลากสีราวกับสายรุ้ง

ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจด้วยความจนปัญญาอยู่กลางหมอกขาวไร้ที่สิ้นสุด “เฮ้อ อานุภาพยังอ่อนไปหน่อย”

ใช่ ฉินอวิ๋นตี๋ยังทำการศึกษายันต์อัสนีรูปแบบใหม่ ทั้งยังทดลองอย่างต่อเนื่อง ทุกการระเบิดคือการละลายเงินทุนจำนวนมากลงทะเลสาบกระจกจันทรา

แม้จะเป็นศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังปวดใจ

ถึงอย่างไรยันต์ที่บรรจุวิชาอัสนีจะใช้กระดาษธรรมดามาวาดไม่ได้

ยันต์แบบนี้มีแต่ต้องใช้กระดาษวิญญาณที่ทำขึ้นจากหนังสัตว์อสูรถึงจะเขียนได้ ทั้งยังมีอัตราพลาดไม่น้อย

ฉินอวิ๋นตี๋แทบจะใช้ทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดมาซื้อกระดาษวิญญาณกับน้ำหมึกวิญญาณโลหิตอสูร ก็ยังพอใช้ในการทดลองเพียงไม่กี่ครั้ง

จนจบการทดลองหลายครั้งแล้ว เขาต้องกลับไปตั้งใจเขียนยันต์ต่อ เอาออกไปขายหาเงิน

“มันพลาดที่ใดกันแน่ เห็นๆ อยู่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อานุภาพไปไกลไม่ได้อยู่แค่นี้นี่!”

ฉินอวิ๋นตี๋ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาตี่ฉายแววกังวลไม่อาจปกปิดได้

ใช่ การวิจัยของเขาเจอคอขวด ทั้งยังไม่มีต้นสายปลายเหตุ

…….

เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาจุดชนวนยันต์ระเบิดอัสนีแล้วมีอานุภาพสูงจนน่าตกใจ

แต่จากนั้นฉินอวิ๋นตี๋ก็ปรับแก้ยันต์อย่างจริงจัง หมายจะให้ออกมาสุดยอดปาฏิหาริย์แบบครั้งนั้นอีก ปรากฏว่าทุกครั้งก็ไม่มีดีอะไรเลย ไม่อาจเทียบกับอานุภาพที่ทำแบบตามอำเภอใจครั้งนั้นได้เลย

ฉินอวิ๋นตี๋ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด เห็นๆ อยู่ว่าทุกครั้งหลังจากนั้น เขาจริงจังกว่าครั้งนั้นอีก!

ความรู้สึกที่เห็นประตูแห่งแสงอรุณใหม่แต่ไม่อาจเข้าใกล้และเจาะลึกทำให้เขาเป็นทุกข์มาก

“เฮ้อ ใช้ศิลาวิญญาณที่สะสมจากการขายยันต์ระเบิดอัสนีมาทั้งเดือนไปเกือบหมดอีกแล้ว”

ฉินอวิ๋นตี๋มองแหวนเวหาของตนก่อนจะมีสีหน้าเศร้าสลดลงทีละน้อย

ดีนะที่ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีห้ามอาจารย์ลุงบัวมรกตไว้ ไม่อย่างนั้นคงเก็บศิลาวิญญาณไว้ไม่ได้สักก้อน

ถึงตอนนั้นต่อให้ฉินอวิ๋นตี๋อยากจะเขียนยันต์ออกไปขายก็ไม่มีเงินซื้อวัสดุ นั่นอนาถแล้ว

ในโลกที่ทุกคนรอบตัวลุ่มหลงในการฝึกบำเพ็ญเซียนนั้น ตัวประหลาดอย่างเขาถูกลิขิตเอาไว้ว่าจะต้องโดดเดี่ยว

………..

เวลาผ่านไปทีละนาที หมอกน้ำบนทะเลสาบค่อยๆ หายไป

“ยังเหลือค่ายกลยันต์ที่วางไว้อีกสองชุดสุดท้าย หวังว่าจะสำเร็จสักครั้ง!”

ฉินอวิ๋นตี๋เรียกยันต์อัสนีออกมาอย่างระมัดระวัง ลอยตรงตำแหน่งบนทะเลสาบกระจกจันทรา

ยันต์ทุกแผ่นจะมีการเรียงตำแหน่งแบบพิเศษ และเหมือนจะรวมเป็นชุดหนึ่งกลายๆ

ฉินอวิ๋นตี๋สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นประสานมุทรา ปากบริกรรมคาถาแล้วตะโกนเสียงดัง “ระเบิด!”

ทันใดนั้น อักขระที่เขียนบนยันต์ระเบิดอัสนีพวกนั้นก็ถูกจุดชนวน ระเบิดพร้อมกับยันต์อัสนีทั้งหมดในพริบตา

แรงปะทะแก่กล้าก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ทั้งทะเลสาบกระจกจันทรา น้ำและลมสุดลูกหูลูกตาแผ่กระจายไปทั่วฟ้าดินอีกครั้ง

ประกายสายฟ้าขยับวูบวาบบนผิวทะเลสาบราวกับงูเล็กสีเงินหลายตัว สวยงามยิ่ง

ทว่าฉินอวิ๋นตี๋กลับยังมีสีหน้าเรียบนิ่ง กระทั่งผิดหวังนิดๆ

เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ก็ยังไม่สำเร็จเหมือนปาฏิหาริย์ครั้งนั้น

ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจเบา ขณะจะจดบันทึกสถิติและลองอีกครั้งนั้น เขาพลันได้ยินเสียงพูดชมดังแว่วมาไกลๆ

“สุดยอดค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนี สหายศึกษาค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนีได้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ฉินอวิ๋นตี๋หมุนตัวกลับมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย จากนั้นเห็นร่างคนหนึ่งเดินมากลางไอน้ำตลบอบอวล

นั่นคือบุรุษหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวสวยงาม ดูองอาจห้าวหาญ ใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกแห่งยุคเหมือนกับเซียนลงมาเยือน

คนนี้เดินออกมากลางหมอกเซียนอบอวล แสงรุ้งเจ็ดสีส่องสะท้อนกายเขาราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

ฉินอวิ๋นตี๋มีภาพจำกับคนนี้ ในทุกคนที่ตามสตรีศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสบัวมรกตนั่งเรือกลับมา เขาเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุด

บุรุษรูปงามไม่ธรรมดาเช่นนี้ มองปราดเดียวก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ฉินอวิ๋นตี๋เลยต้องแอบให้ความสำคัญเงียบๆ ในใจ

เขาเริ่มสัมผัสถึงพลังจากบุรุษท่านนั้น หมายจะหยั่งเชิงพลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียน ทว่าเขาต้องพบว่าบุรุษรูปงามท่านนี้ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา

ไม่ว่าเขาจะสัมผัสอย่างไรก็หยั่งเชิงพลังของเสิ่นเทียนไม่ได้เลย

นี่มีเพียงสามความเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างใดก็อธิบายได้ว่าบุรุษรูปงามคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

พอคิดได้ดังนั้น ฉินอวิ๋นตี๋เผยประกายระแวงมาจากดวงตาตี่ “ท่านเป็นใครกัน มีอะไรจะแนะนำกัน”

สารภาพตามตรง ตอนนี้ฉินอวิ๋นตี๋เตรียมจะหนีแล้วหากสถานการณ์ผิดปกติ ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็กลับมากับอาจารย์ลุงบัวมรกต น่าสงสัยจริงๆ

ถ้าเกิดเขาเป็นเขี้ยวเล็บของอาจารย์ลุงบัวมรกต ตั้งใจมารีดไถข้าล่ะจะทำอย่างไร

เสิ่นเทียนไม่รู้ความระแวงในใจฉินอวิ๋นตี๋ เขายิ้มน้อยๆ ว่า “ข้าเสิ่นเทียน”

เหมือนว่ารอยยิ้มของเสิ่นเทียนกลางแสงรุ้งหมอกอบอวลจะทำให้ใจลอย ฉินอวิ๋นตี๋ยังอดใจลอยไปชั่วครู่มิได้

แต่ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา “เสิ่นเทียนรึ ท่านคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนที่ฝ่ายเราเพิ่งแต่งตั้งรึ”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมกัน ข้าเพิ่งตอบตกลงเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเจ้าถึงรู้ล่ะ

เห็นเสิ่นเทียนเหมือนสงสัย ฉินอวิ๋นตี๋เลยอธิบาย “ศิษย์พี่ไม่ต้องตกใจ หลายวันก่อนศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงบอกกับพวกเราแล้วว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นำบทต้องห้ามสูงสุดเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์กลับมาได้แล้ว และผู้มีวาสนาที่นำมรดกนี้กลับมาจะรับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ มีโอกาสขอตบแต่งสตรีศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ศิษย์สายตรงทั้งหมดของฝ่ายเราน่าจะรู้ชื่อของศิษย์พี่แล้ว”

เห็นฉินอวิ๋นตี๋ที่ยิ้มหยีตาแล้ว เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ให้คนอื่นเขาฟาร์มก่อนไม่ได้หรือไร

เจ้าหลี่อวิ๋นเฟิงนี่ เก่งจริงก็ออกมาเลย

ข้ารับปากว่าจะไม่ตีเจ้าให้ตาย!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+