บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 406 ศิษย์ข้าเสิ่นเทียน มีบุคลิกแห่งราชาเซียนจริงๆ! (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 406 ศิษย์ข้าเสิ่นเทียน มีบุคลิกแห่งราชาเซียนจริงๆ! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 406 ศิษย์ข้าเสิ่นเทียน มีบุคลิกแห่งราชาเซียนจริงๆ! (1)

เกาะวิมานเทพ เกิดปรากฏการณ์ขึ้น!

จางอวิ๋นซีนั่งขัดสมาธิ แสงเทพสว่างจ้าไหลเวียนรอบกาย แสงเทพวนเวียน

ข้างหลังมีพยัคฆ์ขาวหมื่นจั้งทอดยาวกลางอากาศ คำรามฟ้าดิน สั่นสะเทือนห้วงอากาศแตกกระจายทั้งหมด!

อัสนีเทพกำเนิดฟ้าถาโถมออกมา ประกายสายฟ้าสว่างจ้า เหมือนกับอัสนีเทพทำลายล้างโลก!

อัสนีเทพกำเนิดฟ้าธาตุทองกับปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาตัดสลับโยงใยกัน รวมเป็นมังกรอัสนีสีทอง พลังเอ่อล้นยากจะปัดป้องได้

โฮก!

พยัคฆ์คำรามดังสนั่นฟ้าดิน!

แสงสว่างพุ่งขึ้นฟ้า บดบังฟ้าบังดวงตะวัน พลังสั่นสะเทือนภูผานที!

ขณะเดียวกันยังมีอีกปรากฏการณ์พุ่งขึ้นฟ้า

ร่างเงากิเลนยักษ์ขดอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายพลังสั่นสะเทือนแปดทิศหกประสาน แสงเทพปัญจธาตุสว่างออกไปทั้งหมด แสงสว่างหมื่นสาย ส่องมหาโลก!

แสงเทพเหมือนกับห่วงโซ่เทพลำดับตัดไปมา ทะลวงผ่านห้วงอากาศมากมายเชื่อมต่อกับมหาโลก กดดันฟ้าดินหนึ่งทิศ

นี่คือปรากฏการณ์กิเลนผนึกแดนกลาง ตอนนี้บังฟ้าบังดวงตะวันทำให้ทุกสรรพสิ่งตื่นตะลึง!

แสงเรืองรองสว่างมาจากในกายฟางฉาง กฎเกณฑ์ตัดสลับกัน!

กลิ่นอายพลังเขาพุ่งขึ้นไม่หยุด ปรากฏคนยักษ์ทองคำพันจั้งขึ้นข้างหลัง ส่องแสงสะท้อนกับปรากฏการณ์กิเลนผนึกแดนกลาง

ยังไม่ใช่แค่นี้ ปรากฏการณ์ต่างๆ ทยอยกันออกมา ปกคลุมทั้งเกาะวิมานเทพ มีพลังอำนาจเลื่องลือไปทั่ว

จางอวิ๋นถิง จ้าวเฮ่าและกุ้ยกงกงมีพลังเหมือนกับสายรุ้ง เหมือนจะพลิกท้องนภา

ภายใต้การเสริมด้วยโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติกายหรือศักยภาพพลังบำเพ็ญของพวกเขาก็พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะจ้าวเฮ่าและกุ้ยกงกงที่มีพลังบำเพ็ญและศักยภาพแฝงค่อนข้างอ่อนแอ ตอนนี้ผลัดเปลี่ยนไปชัดเจนที่สุด

…..

เดิมทีจ้าวเฮ่าเป็นเพียงโอรสสวรรค์ธรรมดาในเมืองหมอกลับแล ต่อให้ได้การชี้แนะจากผู้เฒ่าเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า แต่ในด้านศักยภาพแฝงก็ยังด้อยกว่าพวกฟางฉางสามคนเล็กน้อย

ศักยภาพแฝงค่อนข้างแย่มาตลอดตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่ใช่ว่าปีครึ่งก็จะตามทันกันได้

ถึงอย่างไรฟางฉาง จางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซีก็ฝึกคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ถึงระดับสูงสุดนานแล้ว สำเร็จกายวิญญาณอัสนี

หลังได้เปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์กลับมา ฟางฉางกับจางอวิ๋นซียังพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เริ่มรวมกายเทพอัสนีกำเนิดฟ้าปัญจธาตุเล็กในขั้นต้นแล้ว

ทางด้านจางอวิ๋นถิง เขามีนิสัยเหมือนกับบิดาเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ซ่อนพลังไว้ลึกมาก

แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ฟางฉางที่คลุกคลีกับเขาเช้าจรดเย็นยังไม่รู้เลยว่าศิษย์น้องรองของตนมีศักยภาพอยู่ระดับใดกันแน่ แต่จากผลงานที่ผ่านมาของเขา อย่างน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่าฟางฉางกับจางอวิ๋นซีเท่าไร

จ้าวเฮ่าเป็นโอรสสวรรค์หนึ่งยุคก็จริง กระทั่งได้รับขนานนามว่า ‘วิหคชาดเทพสวรรค์’ โอรสสวรรค์คนที่สี่หลังจากหนึ่งมังกรหนึ่งพยัคฆ์และหนึ่งกิเลนแห่งเทพสวรรค์!

แต่การจะตามสามคนแรกให้ทัน อย่างน้อยต้องฝึกฝนอีกสามปีห้าปี

แต่ตอนนี้เมื่อกินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าแล้ว

คุณสมบัติและพรสวรรค์ของจ้าวเฮ่าเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วน่าตกใจ ฤทธิ์ยามหาศาลชะล้างทั่วร่าง ทำให้เขาได้ผลัดเปลี่ยนกระดูก

กล่าวได้ว่าเมื่อกินโอสถนี้ไปแล้ว ในด้านคุณสมบัติกาย จ้าวเฮ่าไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจต่อใครอีก เพราะเขาได้กลายเป็นคนที่มีกายเทพสูงสุดในดินแดนบูรพาไปจนถึงห้าดินแดนแล้ว!

แน่นอน คนมหัศจรรย์อย่างเสิ่นเทียนไม่นับรวมอยู่ในนั้น

ไม่เช่นนั้นขนาดเทพเซียนยังต้องปิดกั้นตัวเอง~

นอกจากนี้ พลังวิญญาณธาตุไฟรอบๆ ไหลเข้าไปในกายจ้าวเฮ่าอย่างบ้าคลั่ง ทำให้พลังบำเพ็ญเขาเพิ่มขึ้นเหมือนกับขี่จรวด

แก่นพลังทองก้อนหนึ่งลอยมาจากในกายจ้าวเฮ่า ขยับประกายเปลวไฟไม่มีสิ้นสุดและกฎเกณฑ์สายฟ้า มีวิหคชาดวนเวียนอยู่ลับๆ

มันบินวนอย่างรวดเร็ว วนซ้ายสามรอบ วนขวาสามรอบ กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผู้บำเพ็ญปกติต้องตกตะกอนหลายปีกว่าจะไปแก่นพลังทองเก้ารอบ แต่ตอนนี้กลับเกิดขึ้นกับจ้าวเฮ่าเหมือนกับล้อเล่น

กระทั่งนี่ยังไม่จบ แก่นพลังทองของจ้าวเฮ่าบรรลุเก้ารอบแล้วก็ยังไม่หยุด

ใช่ มัน…กำลังดำเนินการรอบที่สิบ!

ต้องรู้ว่านั่นคือแก่นพลังทองสิบรอบที่ก้าวข้ามขีดจำกัด!

ตอนแรกเหตุใดฉีเซ่าเสวียนถึงกล้ากวาดล้างโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพา กระทั่งคิดจะไปท้าทายกับดินแดนกลาง

ก็เพราะเขามีแก่นพลังทองสิบรอบที่ก้าวข้ามขีดจำกัดในกาย นั่นคือผลมรรคที่สุดแห่งยุคที่ยากจะพานพบได้ในพันปีของดินแดนบูรพา

ทว่าตอนนี้ จ้าวเฮ่ากลับบรรลุถึงได้ง่ายดาย!

พึงรู้ไว้ว่าเมื่อปีก่อนเขายังเป็นเพียง ‘เด็กหนุ่มบ้าคลั่ง’ ที่เสียพลังบำเพ็ญไปทั้งหมด!

หากบอกว่าจ้าวเฮ่าสำเร็จแก่นพลังทองสิบรอบก็ทำให้คนมากมายตะลึงตาค้างล่ะก็ เช่นนั้นการเปลี่ยนเปลี่ยนที่เกิดขึ้นกับกุ้ยกงกงคงทำให้คนสงสัยในชีวิต

ใช่!

ในตัวขันทีชราแผ่กลิ่นอายพลังของมหาตะวันที่ยิ่งใหญ่ เหมือนแปลงกายเป็นดวงตะวันรุ่งเรืองที่สุด

หลังเปลี่ยนมาฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน เขากับฉินเกาก็เติมเต็มข้อบกพร่องของตน อีกทั้งหลังใช้โอสถวิญญาณหลายต่อหลายครั้งแล้ว พลังบำเพ็ญก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ระหว่างกุ้ยกงกงกับโอรสสวรรค์ที่แท้จริงก็ยังมีความต่างกันหนึ่งร่องหุบเขา

นี่คือความต่างในด้านคุณสมบัติสวรรค์ประทาน ยากจะเติมเต็มได้

แต่หลังจากกินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า กุ้ยกงกงรู้สึกว่าทั้งตัวเขากำลังพัฒนาขึ้น

คัมภีร์จักรพรรดิสุริยันที่เคยไม่เข้าใจพลันเปิดโล่ง จุดที่พลังฤทธิ์เส้นชีพจรรอบตัวไม่อาจโคจรได้อย่างไหลลื่น ตอนนี้เปิดโล่งอย่างยิ่งเช่นกัน

พลังฤทธิ์รอบตัวไหลหลากเหมือนธารน้ำล้นทะลัก พลังพุ่งขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด!

แก่นพลังทองเปล่งแสงดั่งตะวันเทพเหนือศีรษะเขาก็หมุนวนไปเรื่อยๆ วนซ้ายสามรอบวนขวาสามรอบ!

ใช่ เป็นแก่นพลังทองสิบรอบที่ ‘ก้าวข้ามขีดจำกัด’ ในตำนานเหมือนกัน

เดาว่าหากฉีเซ่าเสวียนเห็นภาพนี้ คงต้องสงสัยในชีวิต นั่งยองลงวาดวงกลม

แก่นพลังทองสิบรอบกลายเป็นไร้ค่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

มีโอรสก็จบจริงๆ หรือ

จนถึงตอนนี้ ทุกคนเพิ่งเข้าใจว่าโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าที่เสิ่นเทียนให้มาง่ายๆ นี้บ้าเพียงใด!

‘เพิ่มคุณสมบัติและการตระหนักรู้ได้’ ที่เจ้าเสิ่นเทียนบอก ดูถ่อมตัวไปเลยจริงๆ

เจ้าสิ่งนี้ มั่นใจนะว่าไม่ใช่ทำให้คนไปเกิดใหม่ได้น่ะ

……

เมื่อเห็นดังนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็ตาโต พูดด้วยใบหน้าสับสน “ข้าพลาดอะไรไปหรือไม่”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตงุนงง เขาเพิ่งไปได้ครู่เดียว เหตุใดศิษย์หลานพวกนี้ถึงศักยภาพเพิ่มขึ้น

ข้าลำบากไปตามหาโชคลิขิต ไม่ใช่แค่ไม่ได้โชคลิขิต แต่ยังถูกทุบตีจนอ่วม

เจ้าเด็กพวกนี้ไม่ทำอะไรเลย กลับได้มหาโชคลิขิตกลับผลัดเปลี่ยนกันรึ ไม่ใช่แค่พลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้น แม้แต่พรสวรรค์ยังเพิ่มขึ้นถึงที่สุด!

เกินไปแล้ว นี่ยังมีความยุติธรรมอยู่หรือไม่!

ตอนนี้ บัวมรกตถึงกับปิดกั้นตัวเอง!

และตอนนี้ ทุกคนหลอมรวมฤทธิ์ยาไปได้พอประมาณแล้ว

พวกเขาแค่หลอมรวมฤทธิ์ยาไปส่วนน้อย ส่วนอื่นกระจายไปทั่วร่าง กลายเป็นศักยภาพแฝงเก็บไว้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ฤทธิ์ยาส่วนที่ย่อยไปก็ทำให้พลังบำเพ็ญพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

บึ้ม!

ทันใดนั้น พลังดั่งพายุคลั่งหมุนม้วนฟ้าดิน

พลังบำเพ็ญของจางอวิ๋นซีกำลังพุ่งทะยานขึ้น!

ดวงจิตดรุณตอนต้น!

ดวงจิตดรุณตอนกลาง!

ดวงจิตดรุณตอนปลาย!

เพียงครู่เดียว พลังบำเพ็ญของจางอวิ๋นซีเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากดวงจิตดรุณตอนต้นทะลวงไปดวงจิตดรุณตอนปลาย!

บึ้ม!

จางอวิ๋นซีพุ่งขึ้นฟ้า มององค์หญิงหลิงหลงด้วยจิตต่อสู้เปี่ยมล้น “คนแซ่สือ พวกเรามาสู้กันอีกครั้ง”

หญิงคนนี้แค่กินโอสถก่อนข้าถึงได้กดขี่อยู่เหนือข้าได้ ตอนนี้พลังบำเพ็ญข้าเพิ่มขึ้นมาแล้ว จะต้องให้นางได้เห็นถึงความเก่งกาจของข้า

ข้าจะให้นางได้รู้ว่าไม่ใช่ว่าใครจะติดตามศิษย์น้องได้!

จิตต่อสู้ในแววตาจางอวิ๋นซีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาข้างหลังปะทุออกมาทั้งหมด มาพร้อมกับสายฟ้าสว่างพร่างพราว อานุภาพน่ากลัวถึงที่สุด

ด้วยกำลังตอนนี้ของจางอวิ๋นซี ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ปกติ นางก็มั่นใจว่าจะสู้ได้

เมื่อเห็นถึงจิตต่อสู้ของจางอวิ๋นซี วิมานเทพสามวงก็ปรากฏออกมาพร้อมกันข้างหลังองค์หญิงหลิงหลง แสงหนาทึบยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ปกคลุมทั้งตัวนางไว้ ดูล่องลอย

องค์หญิงหลิงหลงทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “จะสู้ก็สู้ คิดว่ากลัวเจ้ารึ”

ทันใดนั้น มีแสงเทพสว่างจ้ายิงออกมาจากวิมานเทพทั้งสามวง พุ่งใส่จางอวิ๋นซีด้วยพลังหนักหน่วงหมื่นชั่ง

บึ้ม!

เกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่น

วิมานเทพสามวงปะทะกับปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาว เกิดคลื่นกระเพื่อมเป็นชั้นๆ ทำลายห้วงอากาศทั้งหมด

การโจมตีนี้มีกำลังพอๆ กัน!

สองคนตัวสั่นสะท้าน จิตต่อสู้ในดวงตารุนแรงกว่าเดิม

สองคนล้วนเป็นธิดาสวรรค์ที่สุดแห่งยุคที่เก่งกาจยิ่งกว่าบุรุษ ย่อมไม่มีใครยอมใคร

อีกอย่าง นี่ยังเป็นศึกแห่งการพิสูจน์!

ใช้กำลังของตนมาพิสูจน์ว่าใครจะมีคุณสมบัติยืนอยู่ข้างกายเสิ่นเทียน

ดังนั้นทั้งสองคนจึงสู้กันสุดกำลัง!

เปรี้ยง!

จางอวิ๋นซีออกมืออีกครั้ง รวมเป็นอัสนีเทพกำเนิดฟ้าธาตุทองจู่โจมใส่ห้วงอากาศพร้อมกับอานุภาพเทพทำลายล้าง

เมื่อพลังบำเพ็ญและคุณสมบัติกายเพิ่มขึ้น จางอวิ๋นซีก็ควบคุมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าได้ดีกว่าเดิม กระทั่งระเบิดอานุภาพออกมามากพอจะสังหารผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์

อัสนีเทพกำเนิดฟ้าธาตุทองกำลังแผ่กระจาย ผ่านไปที่ใด แม้แต่อากาศยังถูกระเบิดเป็นจุณ

องค์หญิงหลิงหลงมีสีหน้าเฉยชา วิมานเทพสามวงข้างหลังเกื้อหนุนกัน กฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดหลั่งไหลออกมา รวมเป็นหม้อสำริดใหญ่ยักษ์ใบหนึ่ง

นั่นคือทักษะยุทธ์มรดกของจักรพรรดิชิง องค์หญิงหลิงหลงใช้มันได้อย่างง่าย มีอานุภาพกำราบท้องนภา!

ตึงๆๆ!

ประกายไฟท่วมท้นฟ้า!

อัสนีเทพกำเนิดฟ้าธาตุทองกำลังกระจายถึงที่สุด หม้อสำริดใหญ่กำลังสั่นไหว

แสงเทพหมื่นสายในอากาศเปล่งแสงสว่างจ้าแสบตา ทำให้ท้องนภาพังทลายลง กลายเป็นซากปรักหักพัง

“เด็กสาวสองคนนี้โหดไปนิด!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตดูการต่อสู้อยู่ด้านข้าง แต่สายตาเขากลับจ้องจางอวิ๋นซีเขม็ง

หลักๆ เป็นเพราะเขาอยากรู้ว่าอะไรกันที่ทำให้จางอวิ๋นซีผลัดเปลี่ยนไปเช่นนี้

หากข้าได้มา จะไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยรึ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็มีสีหน้าดีใจ รีบพูดขึ้น “ศิษย์น้อง เจ้าว่าศิษย์หลานสาวกินยาแรงอะไรไปรึ ถึงได้โหดขึ้นเช่นนี้”

ทะลวงจากดวงจิตดรุณตอนต้นไปดวงจิตดรุณตอนปลายในเวลาอันสั้นเช่นนี้!

นี่จะไม่ใช่ยาแรงได้อย่างไร

หากข้าได้มาสักชุด จะไม่ฝ่าด่านเคราะห์ไปเลยหรือ

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ ก่อนพูดอย่างเฉยชา “ศิษย์พี่จะไปหามรดกของจักรพรรดิชิงไม่ใช่รึ จะมาสนใจอะไรโชคลิขิตของพวกเด็กๆ กัน”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตหน้าแดงขึ้นมา ก่อนทำปากแข็ง “ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว ข้าแค่เป็นห่วงศิษย์หลานสาวไม่ได้รึ”

แต่ภายในใจกลับอดแขวะมิได้ ข้าไม่ได้แม้แต่ขน จะไม่สนใจได้อย่างไร

หากมีโชคลิขิตจริงๆ ข้าก็ต้องขอเกาะด้วยส่วนหนึ่ง!

ไม่เช่นนั้นกระเป๋ากางเกงจะไม่มีอะไรเลย ไม่มีทรัพยากรบำเพ็ญ!

จากนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกลอกตามามองเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนสัมผัสได้จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ลุง มีอะไรรึ”

ไม่รู้เพราะเหตุใด เห็นรอยยิ้มเสิ่นเทียนแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตอดใจสั่นมิได้

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด