บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 338 มหาจักรพรรดิเผ่าคุน ฉลาดจริงๆ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 338 มหาจักรพรรดิเผ่าคุน ฉลาดจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 338 มหาจักรพรรดิเผ่าคุน ฉลาดจริงๆ~

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ กลางหอคอยเทพสงคราม

จางหลงหยวนกับชายชราชุดคลุมม่วงเยี่ยฉิงชางนั่งตรงข้ามกัน ตรงกลางสองคนเป็นโต๊ะชาตัวหนึ่ง

ตอนนี้ชายชราชุดคลุมม่วงกำลังชงชา ใบชาสีม่วงส่งกลิ่นหอมซึมซาบไปในใจคนภายใต้การต้มด้วยน้ำแร่วิญญาณเดือด

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “ใบชาจากต้นชาตระหนักรู้แสนปี มหัศจรรย์ไม่ธรรมดาจริงๆ ชานี้ควรจะมีอยู่แค่บนสวรรค์จริงๆ โลกมนุษย์จะได้ดอมดมสักกี่ครั้งเชียว”

ใบชาตระหนักรู้แสนปีทำให้เจ้าตื่นเต้นเช่นนี้เชียวรึ

ถ้าให้เจ้าเห็นใบชาพวกนั้นที่ศิษย์เจ้ากวาดมา จิตมรรคจะไม่พังทลายเลยรึ

คัมภีร์เสริมวิถีฟ้าของเจ้านี่ฝึกจนเหนือกว่าใครแล้ว กระเพื่อมทุกวัน ไม่มีท่าทีเหมือนจะไม่ยินดียินร้ายเลย

เยี่ยฉิงชางแบะปาก “เจ้าตั้งใจมาหอคอยเพื่อมาเกาะชาข้าดื่มรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “ศิษย์พี่บัวมรกตพาพวกลูกศิษย์ไปทะเลอุดรแล้ว วันนี้ข้าจะออกเดินทาง จึงมาเอ่ยลาผู้อาวุโสโดยเฉพาะ”

“ไปเถอะๆ ข้าไม่คิดถึงเจ้าหรอก”

เยี่ยฉิงชางจิบชาตระหนักรู้พลางโบกมือไม่หยุดทำปากแจ๊บๆ

เฮ้อ ไม่รู้ว่าเทียนเอ๋อร์จะกลับมาเมื่อไร

หลังได้เห็นใบชาตระหนักรู้สีเงินแล้ว เยี่ยฉิงชางมักรู้สึกว่าต้นชาตระหนักรู้แสนปีในหอคอยต้นนั้นพลันไม่หอมขึ้นมาแล้ว

ต้องโทษเจ้าเด็กดื้อสารเลวนั่น ตอนนั้นเขาพาเจ้านั่นมาดื่มชาตระหนักรู้ในชั้นเจ็ดอยู่หลายแก้ว ปรากฏว่าไม่ระวังโดนเจ้านั่นหักกิ่งไป

หึ ได้ยินว่าเจ้าเด็กนั่นเอากิ่งนั้นไปปักชำที่ดินแดนกลาง ไม่อยากเชื่อว่าจะปลูกขึ้นมาได้ น่าเหลือเชื่อมาก!

แต่ใบชาตระหนักรู้ต้นนี้ในหอคอยเทพสงครามก็เสียพลังปราณเดิมอย่างหนักเพราะเหตุนี้ ใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นกลับมาได้

หากไม่เช่นนั้น ต้นชาตระหนักรู้นี้คงเลื่อนเป็นระดับต้นชาตระหนักรู้ล้านปีไปนานแล้ว

ใช่ เป็นความผิดของเจ้าเด็กดื้อนั่น! ไม่ใช่เพราะแซ่เยี่ยตั้งใจหลอกคนอื่น!

ต้นชาแสนปีกับล้านปี ไม่ได้ต่างกันแค่นิดเดียวนะ!

เจ้าเด็กดื้อหักกิ่งไปทำเสียหาย ต้องชดใช้!

ไม่ช้าก็เร็วต้องไปดินแดนกลาง ไปทวงกลับมา!

…….

แต่มีหนึ่งพูดหนึ่ง สมบัติสุดยอดล้ำค่าเช่นชาตระหนักรู้นี้ แม้แต่ตำหนักเทพสงครามในตอนนั้นยังมีต้นแม่อายุเก้าแสนปีเพียงต้นเดียว กับต้นลูกอายุสองแสนปีต้นนี้ในหอคอยเทพสงคราม

เจ้าเด็กดื้อนั่นเอาไปปลูกรอดมาต้นหนึ่งได้ ก็ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อแล้ว

เหตุใดในเขตทะเลเบิกฟ้าทะเลอุดรถึงยังมีต้นชาตระหนักรู้อายุมากกว่าล้านปีอีกต้นล่ะ ไม่น่าเชื่อเลย!

แม้ด้วยประสบการณ์ของแซ่เยี่ย นึกไปถึงตอนที่เสิ่นเทียนบอกข่าวเกี่ยวกับชาตระหนักรู้นั้นกับเขาแล้ว ก็ยังตกตะลึงอย่างยิ่ง

ประวัติความเป็นมาของชาต้นนั้น เกรงว่าคงยิ่งใหญ่จนน่าตกใจ

ในโลกมนุษย์นี้เหมือนจะไม่ธรรมดาเลย!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เห็นเยี่ยฉิงชางลังเลไม่รินชาให้ตนก็ไม่ได้โกรธ

เขายกเหยือกชามารินให้ตัวเอง ดื่มชาเบาๆ แก้วหนึ่ง “เหตุใดผู้อาวุโสถึงตอบตกลงให้เทียนเอ๋อร์ไปตระหนักศิลาโบราณต้องห้ามล่ะ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เชื่อมาตลอดว่าเสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง แต่ตอนที่ราชาเทพคุนสอบถามเขาว่าจะให้เสิ่นเทียนตระหนักศิลาโบราณต้องห้ามหรือไม่นั้น เขาก็ยังเป็นกังวลนิดๆ

เพราะศิลาโบราณนี้แปลกประหลาดมากจริงๆ ไม่ใช่แค่โอรสสวรรค์เผ่าคุนที่พลาด โอรสสวรรค์เผ่าอื่นๆ ก็ตายตกเพราะมันเช่นกัน

เมื่อหมื่นปีก่อน เผ่าคุนเคยเปิดศิลาโบราณนี้ต่อภายนอก ขอแค่เป็นโอรสสวรรค์ห้าดินแดนก็จะตระหนักศิลาโบราณนี้ได้ ทว่าไม่ว่าจะเป็นโอรสสวรรค์ที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำเพียงใด ตอนที่ตระหนักศิลาโบราณนี้ก็ยังไม่มีรอดพ้นไปได้

ไม่ธาตุไฟเข้าแทรกก็กายเทพระเบิดตัวเอง หรือไม่ก็โดนศิลาโบราณกลืนกิน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คิดว่านี่เสี่ยงมากเกินไปหน่อย ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่แค่ตายเก้ารอดหนึ่ง แต่เป็นตายร้อยไม่มีใครรอดเลย

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “ไม่เป็นไร เจ้าหนูนั่นฉลาดอย่างกับปีศาจลิง! เขาไม่ตกอยู่ในอันตรายหรอก มิหนำซ้ำยังมีร่างแยกจิตของข้าดูอยู่ วางใจเถอะ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ครุ่นคิดก่อนจะยืนขึ้นช้าๆ “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์ยังไม่ค่อยวางใจเท่าไร”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายกระเพื่อม ก่อนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะเอ่ยขึ้น “ข้าต้องไปทะเลอุดรด้วยตัวเอง ไปคุ้มกันให้เทียนเอ๋อร์!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ห่วงที่เสิ่นเทียนตระหนักศิลาโบราณต้องห้ามแล้วจะเจออันตรายเหมือนคนก่อนๆ พวกนั้น ถึงอย่างไรด้วยพรสวรรค์ ดวงชะตาและพลังอำนาจที่เสิ่นเทียนแสดงให้เห็นในตอนนี้ หากเจอปัญหาตอนที่ตระหนักโชคลิขิต เช่นนั้นในห้าดินแดนคงไม่มีใครตระหนักศิลาโบราณนั้นได้แล้ว

เพราะอย่างไร ศิษย์เขาเสิ่นเทียนก็มีคุณสมบัติของมหาจักรพรรดิ!

สิ่งที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นกังวลคือถ้าเกิดเสิ่นเทียนตระหนักได้สุดยอดวิชาอะไรมาจากศิลาหินโบราณแล้ว เผ่าคุนเกิดริษยาขึ้นมาจะทำอย่างไร

แม้ราชาเทพคุนรุ่นนี้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะรู้จักกันมาหลายปี ไม่ประมือกันก็ไม่รู้จักกัน พูดได้ว่าเป็นสหายที่ร่วมมือกันมาระยะยาว

แต่เผ่าคุนไม่ได้มีเพียงราชาเทพคุนคนเดียว ความจริงแล้วผู้อาวุโสสูงสุดมากมายก็มีสิทธิ์มีเสียงไม่ธรรมดาเช่นกัน

ราชาเทพคุนฝ่าฝืนความผิดของเผ่าคุนมอบสามประกายวารีเทพให้เสิ่นเทียน เดาว่าเผ่าคุนคงมีคนใหญ่คนโตไม่พอใจแล้ว

หากตอนที่เสิ่นเทียนตระหนักรู้ศิลาโบราณและได้ยอดวิชาไร้พ่ายที่สุดแห่งยุคอะไรมา เกรงว่าคงมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนอยากได้และลอบโจมตี

แน่นอน เรื่องโดนผู้แข็งแกร่งลอบโจมตีอะไรนี่ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่เป็นกังวลเช่นกัน เพราะด้วยดวงชะตาของเทียนเอ๋อร์ ในห้าดินแดนนี้ใครจะทำร้ายเขาได้

กล้าเป็นศัตรูกับบุตรแห่งโชคก็ต้องตาย

สิ่งที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นกังวลคือหากตอนที่เทียนเอ๋อร์โดนคนชั่วลอบสังหาร แล้วอาจารย์อย่างเขาไม่อยู่ข้างกาย ความรู้สึกดีๆ จะต้องลดน้อยลงไปเท่าไรกัน!

แค่คิดก็ปวดใจแล้ว!

ไม่ได้ จะอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้แล้ว

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรง หลังจากออกหอคอยเทพสงครามก็สร้างช่องทางมิติ รีบเดินทางไปทะเลอุดรอย่างสุดกำลัง

…….

อีกด้านหนึ่ง ราชาเทพคุนพาเสิ่นเทียนมาถึงกลางหุบเขาที่ตั้งของศิลาโบราณต้องห้าม

หุบเขานี้ตั้งอยู่ในระดับหนึ่งหมื่นแปดพันจั้งของหุบเหวสิ้นหวัง พูดให้จริงจังก็เป็นแดนต้องห้ามของเผ่าคุนสุญตา ปกติจะมีผู้อาวุโสเผ่าคุนเฝ้าอยู่ตลอดทั้งปี

เสิ่นเทียนเพิ่งก้าวเข้าหุบเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งสิบสายถาโถมเข้ามา ทุกระดับพลังเหนือกว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์

อีกทั้งยังเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์อาวุโส กำลังรบเหนือกว่าคนจับจดเพิ่งทะลวงพลังอย่างคุนอวี้ไปไกล

เห็นได้ชัดมากว่า แม้จะไม่มีใครกล้าตระหนักศิลาโบราณต้องห้าม แต่เผ่าคุนก็ยังให้ความสำคัญอย่างมาก

ราชาเทพคุนพูดอธิบาย “ศิลาโบราณต้องห้ามนี้แปลกมาก บรรพบุรุษเป็นคนกู้ขึ้นมาจากส่วนลึกหุบเหวสิ้นหวัง ทั้งยังไม่อาจใช้พลังจิตขยับได้ ตอนนั้นท่านบรรพบุรุษรุ่นหนึ่งใช้พลังวิเศษไร้ขีดจำกัดก็ยังไม่อาจขยับศิลาโบราณต้องห้ามนั่นได้เลย กระทั่งเกือบถูกกระเทือนบาดเจ็บ”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกนิดๆ “ผู้อริยะก็ยังขยับไม่ได้รึ”

ราชาเทพคุนพูดด้วยความจนปัญญา “ท่านบรรพบุรุษรุ่นหนึ่งในตอนนั้นพิสูจน์มรรคเป็นจักรพรรดิแล้ว”

บ้า!

บ้าจริง!

มหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ผู้คงอยู่สูงสุดที่ฝ่าด่านเคราะห์อัสนีสามสิบหกขั้น ผู้คงอยู่ที่สังหารเซียนได้ราวกับฆ่าสุนัข กลับเกือบบาดเจ็บเพราะศิลาโบราณแค่นี้หรือ

เจ้านี่มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่

อีกทั้ง มหาจักรพรรดิของเผ่าคุนคนนั้นอ่อนแอเช่นนี้เชียว

มหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไม่อยากเชื่อว่าจะโดนอิฐแผ่นไร้เจ้าของก้อนเดียวตบกลิ้ง ทักษะการเสแสร้งต่ำเกินไปแล้ว!

ไหนบอกว่ามหาจักรพรรดิเผ่าคุนตระหนักวิชาลับส่วนหนึ่งจากศิลาโบราณไง เหตุใดถึงโดนศิลาโบราณแว้งกัดล่ะ

……

เสิ่นเทียนพูดแขวะมหาจักรพรรดิเผ่าคุนคนนั้นเงียบๆ ในใจ แต่ปากกลับถามไปว่า “ถ้าเช่นนั้น เหตุใดศิลาโบราณนี่ถึงย้ายมาในหุบเขานี้ได้ล่ะ!”

ราชาเทพคุนยิ้มลึกลับ “ท่านบรรพบุรุษรุ่นหนึ่งอาศัยช่วงที่ศิลาโบราณไม่ระวัง สำแดงวิชาลับสูงสุดตัดพื้นที่ในระยะร้อยลี้รอบศิลาโบราณนี่ แล้วย้ายทั้งพื้นที่นั้นมาที่นี่เลย เพราะคลุมไว้ใหญ่พอ เร็วพอ เลยไม่โดนศิลาโบราณแว้งกัด”

เสิ่นเทียนงุนงง

อาศัยจังหวะที่ศิลาโบราณไม่ระวัง ห่อบ้านมันมาทั้งๆ อย่างนั้นเลยรึ

บรรพบุรุษเผ่าท่าน ท่านเป็นคุนที่ฉลาดจริงๆ!

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด