บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 438 กายมังกรหงส์อมตะ ฐานลัทธิวิญญาณร้ายปรากฏ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 438 กายมังกรหงส์อมตะ ฐานลัทธิวิญญาณร้ายปรากฏ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 438 กายมังกรหงส์อมตะ ฐานลัทธิวิญญาณร้ายปรากฏ!

หนึ่งเดือนต่อมา ห้วงมิติฉีกออก

สองร่างเงาลอยออกมากลางแสงเทพหนาทึบช้าๆ

ใช่ คือเสิ่นเทียนกับเอ๋าปิง!

ตอนนี้เสิ่นเทียนเปลี่ยนเป็นชุดผ้าแพรมังกรขาวใหม่หมด หล่อเหลาคล่องแคล่ว

ช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้อาภรณ์ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ สลายไปในกระแสมิติปั่นป่วน

ตอนนี้เสิ่นเทียนหน้าซีดขาวเล็กน้อย!

เขาไม่พูดไม่จากรอกของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานใส่ปากไปหลายขวดใหญ่

ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

…..

อีกด้านหนึ่ง เอ๋าปิงก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงดำเช่นกัน ร่างเรียวสูงยืนกลางอากาศ พลังเย็นชาและสูงส่ง

แต่ใบหน้าแดงเรื่อทำให้เอกลักษณ์เย็นชาและสูงส่งของนางมีความเย้ายวนเพิ่มมาหลายส่วน

เอ๋าปิงเหมือนรู้สึกได้ถึงความคับแค้นใจของเสิ่นเทียนจึงยิ้มน่ารัก “เจ้าหนู วางใจเถอะ ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง!”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เอ๋าปิงก็อดยกมุมปากขึ้นมามิได้

หึๆ นางหงส์เหม็น เป็นอย่างไร

เมื่อเห็นความชั่วร้ายใหญ่โตตรงหน้า เสิ่นเทียนก็ตัวสั่นไหวนิดๆ

เขารีบส่ายหน้า ลบความคิดในหัวออกไป

ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าได้ตายแน่!

มังกรยักษ์ชั่วร้ายจัดการยากนี่!

รอข้าพักสักสองสามวันก่อนเถอะ!

จากนั้นเสิ่นเทียนก็พบความผิดปกติ

หลังผ่านศึกมาหนึ่งเดือน ร่างกายเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

พลังเทพมังกรในกายแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ความชำนาญในคัมภีร์จักรพรรดิเทพมังกรยังเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

เอ๋าปิงสมกับเป็นธิดาสวรรค์ที่มีสายเลือดแกร่งที่สุดของเผ่ามังกรในหมื่นปี พลังเทพมังกรในกายเข้มข้นถึงที่สุด!

ภายใต้การชโลมน้ำมาหนึ่งเดือน เสิ่นเทียนได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมาก

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด!

เสิ่นเทียนพบว่าพลังเทพมังกรในกายหลอมรวมกับพลังเทพหงส์ สองสิ่งตัดสลับกัน รวมเป็นพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”

เสิ่นเทียนแปลกใจมาก ตอนแรกที่เพิ่งได้พลังเทพหงส์มา ในกายก็เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

แต่เนื่องจากพลังต้นกำเนิดไม่เพียงพอเลยไม่สำเร็จ

ทว่าตอนนี้พลังงานสองชนิดหลอมรวมกัน ทำให้เสิ่นเทียนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก!

กรรซ์!

เสียงคำรามมังกรและหงส์ดังก้องในห้วงอากาศพร้อมกัน

แสงเทพสีสันหลากสีพุ่งออกมา ส่องสะท้อนห้วงอากาศ สว่างจ้าแสบตา!

เกิดปรากฏการณ์อัศจรรย์ขึ้นข้างหลังเสิ่นเทียน

ปรากฏการณ์เทพมังกรยักษ์ส่งเสียงคำรามพุ่งออกมา ทั่วร่างอาบแสงทองสว่างพร่างพราว กลิ่นอายพลังไหลหลาก!

ภายใต้แสงทองนี้กลับมีแสงสีแดงร้อนแรงวนเวียน

อัคคีเทพหงส์พุ่งมาจากปรากฏการณ์เทพมังกร พันรอบกาย สุดท้ายก่อเป็นปีกหงส์สว่างจ้า สยายปีกกลางฟ้าดิน

มังกรหงส์ผสานกันเกิดเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติการณ์!

คุณสมบัติกายของเสิ่นเทียนเกิดการแปรเปลี่ยนเช่นกัน ร่างกายกำยำขึ้น กล้ามเนื้อแน่นเหมือนมังกร แฝงไว้ด้วยพละกำลังแข็งแกร่ง

พลังเลือดลมทั่วร่างเขาปะทุออกมา เลือดลมกลายเป็นระฆังใหญ่ เข้มข้นถึงขีดสุด พลังชีวิตแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ลายทองสว่างพร่างพราวพันรอบกับลายสีแดงสีสันหลากสีขยายไปบนกายเนื้อ ผลุบๆ โผล่ๆ แสงเทพยิ่งใหญ่อลังการ

ภายใต้การเสริมด้วยพลังมหาศาลสองชนิด ทำให้กายเนื้อเสิ่นเทียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าดิน

ตอนนี้เขารู้สึกว่าพละกำลังกายเนื้อไม่มีขีดจำกัด ไหลมาไม่ขาดสาย!

เมื่อเห็นดังนั้น เอ๋าปิงอึ้งไปเล็กน้อย ริมฝีปากงามสีแดงฉานอ้ากว้าง!

นัยน์ตานางเต็มไปด้วยความตกใจ “นี่มัน…กายมังกรหงส์อมตะรึ”

เอ๋าปิงอึ้งไปแล้ว

นางไม่คาดคิดเลยว่าคุณสมบัติกายของเสิ่นเทียนจะผลัดเปลี่ยนเป็นกายมังกรหงส์อมตะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติการณ์

ต้องรู้ว่ากายมังกรหงส์อมตะเป็นคุณสมบัติกายที่หาได้ยากในยุคโบราณ!

พลังแห่งเทพมังกรกับเทพหงส์เดิมทีมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน ต่างกำเนิดมาจากต้นกำเนิดฟ้าดิน

พลังงานสองชนิดเป็นปฏิปักษ์กัน แต่ก็หลอมรวมเข้าด้วยกันได้

สุดท้ายถูกมหามรรคฟ้าดินแยกออก เป็นสองเผ่าสุดยอดของโลกอสูรมังกรและหงส์

เผ่ามังกรและเผ่าหงส์สู้กันไม่เคยเลิกรา ต่างไม่มีใครยอมใคร หมายจะหลอมรวมพลังสองชนิดเป็นหนึ่งเดียว

เพียงแต่ว่าไม่มีใครทำได้

ถึงอย่างไรไม่ใช่แค่ต้องการพลังแห่งเทพมังกรสูงสุดเท่านั้น แต่ต้องมีพลังแห่งเทพหงส์สูงสุด ถึงจะมีโอกาสเกิดการผลัดเปลี่ยน

สองเงื่อนไขนี้ยากยิ่ง เกินกว่าที่คนปกติจะทำได้!

เสิ่นเทียนมีร่างเป็นมนุษย์ ไม่ใช่แค่หลอมรวมพลังงานสองชนิด แต่ยังหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน ยกระดับสูงสุดเป็นกายมังกรหงส์อมตะ!

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง!

คุณสมบัติกายที่เหนือกว่ายุคบรรพกาลเช่นนี้ มีเพียงยุคดึกดำบรรพ์ที่อาจจะปรากฏขึ้นได้!

ด้วยพลังแก่กล้าของเทพมังกรกับพลังแห่งนิพพานของเทพหงส์ กระทั่งถึงขั้นเป็นอมตะได้!

เอ๋าปิงจะไม่ตกใจได้อย่างไร

แต่จากนั้นเอ๋าปิงก็มีสีหน้างุนงงยิ่งกว่าเดิม!

เพราะนางพบว่าพลังแห่งเทพมังกรในกายตนก็แกร่งขึ้นเช่นกัน

นี่เป็นเพราะกายศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิมังกรของเสิ่นเทียน พลังในกายบริสุทธิ์กว่าเอ๋าปิงมาก

สองสิ่งเกื้อกูลกัน ทำให้พลังแห่งเทพมังกรในกายเอ๋าปิงเกิดการผลัดเปลี่ยน ยังไม่ใช่แค่นั้น ในกายนางยังมีพลังแห่งเทพหงส์ส่วนหนึ่งเหลืออยู่ด้วย

แม้จะอ่อนแอมาก แต่กลับเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ!

เอ๋าปิงใจสั่นไหว ดวงตางามจ้องเสิ่นเทียนเขม็ง แอบปลงอนิจจังในใจ

ดูท่าครั้งนี้คงจะได้ประโยชน์จากเจ้าหนูนี่แล้ว

ใช่!

จนเมื่อพลังแห่งเทพหงส์ในกายเอ๋าปิงแกร่งขึ้น บางทีอาจจะหลอมรวมกับพลังแห่งเทพมังกรได้เช่นกัน กลายเป็นกายมังกรหงส์อมตะ

ถึงตอนนั้นเอ๋าปิงจะไม่ใช่แค่ฟื้นพลังบำเพ็ญกลับมาทั้งหมด แต่ยังพัฒนาไปอีกขั้น ไปถึงก้าวที่ไม่เคยไปถึงมาก่อน!

ดังนั้น แม้แต่เอ๋าปิงที่มีจิตมรรคหมื่นปีก็ยังอดตื่นเต้นขึ้นมามิได้

…….

ผ่านไปพักใหญ่ เสิ่นเทียนกับเอ๋าปิงก็ออกจากระแสมิติปั่นป่วนพร้อมกัน กลับไปสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย

เอ๋าปิงออกมาแล้วก็เลือกปิดด่านบำเพ็ญ นางต้องจัดการพลังในกายให้ชัดเจน ลองหลอมรวมกัน!

นี่คือกายมังกรหงส์อมตะ หากนางตระหนักรู้คุณสมบัติกายนี้ก็จะกำราบราชินีหงส์อมตะได้แน่นอน!

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เอ๋าปิงก็มีความสุขในใจ อดรนทนไม่ไหวรีบไปก่อน

เสิ่นเทียนไม่ได้กลับยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง แต่ตรงไปหาฉีจ้านที่สำนักอสูร

เขาจำได้ว่าโชคลิขิตที่ลอยออกมาเหนือวงรัศมีของฉีจ้านอยู่ในช่วงเวลานี้

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงจะลากฉีจ้านออกไปเกาะโชคลิขิตด้วยกัน!

เนื่องจากช่วงนี้มีเรื่องจุกจิกรัดตัวมาตลอด เสิ่นเทียนเลยไม่ได้เก็บเกี่ยวกุยช่ายมานานมาก ไม่ได้เกาะโชคลิขิตและเพิ่มดวงชะตา

พอนึกได้ว่าเดี๋ยวจะได้เก็บเกี่ยวกุยช่ายแล้ว เสิ่นเทียนก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง!

เขาเคลื่อนที่เร็วมาก มุ่งหน้าไปสำนักอสูร

ตึกๆๆ!

พอเห็นคนมาสำนักอสูร อสูรมากมายก็พากันกระโดดออกมา

แต่พวกเขาไม่มีเจตนาร้าย ถึงอย่างไรครั้งก่อนก็ดื่มชาผูกมิตรกันมาแล้ว ความขัดแย้งของสองสำนักได้รับการแก้ไขไปอย่างมาก

หลังโอรสสวรรค์สำนักอสูรเห็นคนมาก็อดร้องตกใจมิได้!

“เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!”

“ในที่สุดบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ออกมาแล้ว!”

“หายตัวไปหนึ่งเดือน เขาไปที่ใดกัน”

“และยังมีพี่หญิงใหญ่ ตั้งแต่นางกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกไปพร้อมกัน ก็ไม่เจอหน้ามาเลยทั้งเดือน”

“หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะสู้กับพี่หญิงใหญ่มาตลอดทั้งเดือน”

“ซี้ด น่ากลัวยิ่งนัก!”

“อย่าล่วงเกินสตรีเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ต้านไม่ไหว”

“น่าจะมีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ต้านอยู่กระมัง!”

……..

โอรสสวรรค์ทุกคนพากันสนทนา มีคุยกันหมดทุกอย่าง เสิ่นเทียนได้ฟังถึงกับมุมปากกระตุก

เสิ่นเทียนไม่ลืมเป้าหมายที่ตนมา จึงลากอสูรใหญ่ตนหนึ่งมาถาม “สหาย ขอถามหน่อยว่าสหายฉีจ้านอยู่ที่ใด”

เสิ่นเทียนไม่พบฉีจ้าน ไม่รู้เขาไปที่ใด

โอรสสวรรค์คนนั้นถูกเสิ่นเทียนลากก็เปลี่ยนจากตกใจเป็นพูดด้วยความเคารพ

“เรียนบุตรศักดิ์สิทธิ์ เมื่อหลายวันก่อนศิษย์พี่ฉีจ้านได้รับภารกิจของสำนัก ให้เดินทางไปสืบร่องรอยลัทธิวิญญาณร้ายที่ทะเลบูรพา! และยังมีโอรสสวรรค์มากมายพากันมุ่งหน้าไปเมืองทะเลบูรพาแล้ว!”

ลัทธิวิญญาณร้ายมีอำนาจคุกคามสูงยิ่ง ช่วงนี้ยังเหิมเกริม หากพวกเขาก่อความวุ่นวายขึ้นมาจะสร้างอำนาจคุกคามต่อทุกอย่างอย่างยิ่งยวด

และช่วงนี้ยังมีข่าวมาจากเมืองทะเลบูรพาอีกว่ามีร่องรอยการเคลื่อนไหวของลัทธิวิญญาณร้าย

นี่เป็นเรื่องใหญ่ ราชวงศ์เซียนต้าฮวงยังให้ความสำคัญ

เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิด สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยจึงประกาศภารกิจ ให้โอรสสวรรค์ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งเดินทางไปตรวจสอบสถานการณ์

เมืองทะเลบูรพาตั้งอยู่ตรงชายแดนทะเลบูรพาดินแดนกลาง แม้จะไม่กว้างใหญ่เท่าทะเลอุดร แต่ก็มีระยะห่างไกลล้านล้านลี้เช่นกัน

ในนั้นมีเผ่าทะเลแข็งแกร่งไม่น้อย และยังมีสมบัติล้ำค่ามากมาย

เมื่อได้ฟังคำพูดของโอรสสวรรค์สำนักอสูร เสิ่นเทียนก็พยักหน้าเล็กน้อย

วุ่นมาหนึ่งเดือน เกือบพลาดเสียแล้ว!

ฉีจ้านอยู่ระหว่างทางไปหาโชคลิขิต เช่นนั้นข้าต้องรีบตามไป!

ไม่เช่นนั้นจะเกาะไม่ได้มหาโชคลิขิตสะท้านโลกนั้น!

หลังคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็มุ่งหน้าไปทะเลบูรพาดินแดนกลางอย่างไม่ลังเล

……

เมืองทะเลบูรพา!

ที่นี่เดิมทีเป็นเมืองที่รุ่งเรืองที่สุดในทะเลบูรพา มีสภาพแวดล้อมงดงาม ทรัพยากรอู้ฟู้ เป็นที่ชอบของทุกเผ่าพันธุ์

ผู้บำเพ็ญกับอสูรเผ่าทะเลแข็งแกร่งมากมายเลือกทำการค้ากันที่เมืองทะเลบูรพา โดยเฉพาะช่วงนี้ยังมีงานแลกเปลี่ยนใหญ่ในทุกๆ ร้อยปีของเมืองทะเลบูรพา

ผู้บำเพ็ญทุกเผ่าต่างพากันเข้ามาร่วมงานแลกเปลี่ยน อยากจะแลกสมบัติล้ำค่า

นี่ทำให้ผู้คนในเมืองทะเลบูรพามีมากกว่าปกติ เรียกได้ว่ามีผู้คนคับคั่ง!

เพียงแต่ว่าเมืองทะเลบูรพาไม่ได้สงบเงียบอย่างที่เห็น

…..

จวนหลักเมืองทะเลบูรพา

เจ้าเมืองสวีอันเป็นผู้อริยะสามด่านเคราะห์คนหนึ่ง รับผิดชอบประจำการเมืองทะเลบูรพา

แต่เมื่อเขาเห็นข่าวกรองบนโต๊ะก็ร้อนใจขึ้นมาอย่างยิ่ง

“เป็นอย่างไรบ้าง โอรสสวรรค์พวกนั้นมีข่าวอะไรบ้าง”

สวีอันถามลูกน้องด้วยใบหน้าร้อนใจ

นี่เป็นเพราะเมื่อสามวันก่อน พวกเขาพบร่องรอยลัทธิวิญญาณร้ายในเมืองทะเลบูรพา

แม้จะเป็นเพียงสาวกลัทธิวิญญาณร้ายระดับดวงจิตดรุณ ใช้แรงไม่มากก็กำราบเขาได้ แต่ก็ยังทำให้สวีอันรู้สึกได้ถึงความไม่เงียบสงบ!

ลัทธิวิญญาณร้ายมีอำนาจคุกคามสูงมากมาตลอด ทั้งยังซ่อนในเงามืด ไม่มีใครรู้ว่าขุมอำนาจมันยิ่งใหญ่เพียงใด

ช่วงนี้ห้าดินแดนดูเหมือนเงียบสงบ แต่ผู้แข็งแกร่งสุดยอดมีลางสังหรณ์ คิดว่ามีกระแสคลื่นลับ จะเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้น

ในห้าดินแดน สิ่งที่คุกคามมากที่สุดคือลัทธิวิญญาณร้าย

สาวกลัทธิวิญญาณร้ายกล้าปรากฏตัวในเมืองทะเลบูรพา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สัญญาณที่ดีอะไร

ดังนั้นพวกเขาจึงแจ้งราชวงศ์เซียนต้าฮวงในทันที หวังว่าจะส่งผู้แข็งแกร่งมาตรวจสอบสถานการณ์

ทางด้านราชวงศ์เซียนต้าฮวงก็เคลื่อนไหวเร็วมาก นี่พัวพันไปถึงลัทธิวิญญาณร้าย ทุกคนจึงให้ความสำคัญอย่างมาก

สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยส่งโอรสสวรรค์ไปเมืองทะเลบูรพาในทันที

แม้เมืองทะเลบูรพาจะห่างจากจวนสวรรค์ไกลมาก แต่ดีที่เมืองใหญ่ต่างๆ มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่

สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยใช้เวลาเพียงหนึ่งวันก็ถึงเมืองทะเลบูรพา

“เรียนเจ้าเมือง สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยมาถึงนานแล้ว กำลังตรวจสอบร่องรอยลัทธิวิญญาณร้ายอยู่ลับๆ ผู้นำกลุ่มคืออันดับหนึ่งสำนักอสูรฉีจ้าน”

ลูกน้องรีบตอบกลับ

ตอนที่พวกฉีจ้านมาถึงก็ไม่ได้ป่าวประกาศใหญ่โต เพราะกลัวจะตีหญ้าให้งูตื่น

พวกเขาตรวจสอบอยู่ในเงามืดมาตลอด หมายจะหาที่ซ่อนตัวของลัทธิวิญญาณร้าย

พอได้ยินดังนั้น สวีอันก็พ่นลมหายใจยาว

เขาย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงของฉีจ้าน

นี่คือคนโหด ใช้มือฉีกอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ได้ แกร่งกว่าเขามาก!

เมืองทะเลบูรพามีฉีจ้านอยู่ คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว!

แต่สวีอันก็ไม่ได้เบาใจ “ประกาศคำสั่งออกไป เสริมการป้องกันข้าศึกทุกด้าน เตรียมรับมือกับทุกความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น!”

เวลานี้เป็นยุครุ่งเรืองของเมืองทะเลบูรพา มีผู้บำเพ็ญมารวมกันจากทั่วทุกสารทิศ

หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเมืองทะเลบูรพาตัวเล็กๆ จะรับไหว!

สวีอันได้แต่ภาวนา หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น

……

เสิ่นเทียนกำลังมุ่งหน้าไปเมืองทะเลบูรพา

ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย ทำให้เขาเดินทางได้รวดเร็วยิ่ง ไม่นานเขาก็ห่างจากเมืองทะเลบูรพาแค่ค่ายกลเคลื่อนย้ายสุดท้าย

ทว่าค่ายกลกลับเกิดปัญหา ไม่ว่าจะกระตุ้นอย่างไรก็เคลื่อนย้ายต่อไม่ได้!

“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าไม่ได้ซ่อมบำรุงค่ายกลเคลื่อนย้ายมานานเกินไปกัน”

ผู้บำเพ็ญที่รับผิดชอบเดินค่ายกลเคลื่อนย้ายทำหน้าสงสัย

ค่ายกลเคลื่อนย้ายมีอัตราเกิดปัญหาน้อยมาก แต่หากค่ายกลเสียจะต้องใช้เวลาซ่อมบำรุงนานมาก

อย่างน้อยก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่ได้ในช่วงสั้นๆ

เสิ่นเทียนแอบถอนหายใจ ‘ไม่นึกเลยว่าจะช้าไปก้าวหนึ่ง ต้องรีบแล้ว’

เขาเรียกทองคำเซียนปีกปักษาออกมา ก่อนกระตุ้นวิชาคุนเผิงเร่งเดินทางไปเมืองทะเลบูรพา เขารวดเร็วยิ่ง พริบตาเดียวก็ข้ามผ่านห้วงมิติไม่มีสิ้นสุด

เพียงแต่ระยะทางไกล ต้องใช้เวลาสักระยะ

…..

อีกด้านหนึ่ง เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในเมืองทะเลบูรพา!

บึ้ม!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประกายไฟผลาญฟ้า!

เขตทางตะวันตกเมืองทะเลบูรพา ภายในระยะหลายร้อยลี้กลายเป็นซากปรักหักพัง

เสียงน่าสะพรึงดึงดูดความสนใจของทุกคน

คนมากมายเดินเข้าไปตรวจดูสถานการณ์

ทุกคนมาถึงก็พบกับภาพอันยิ่งใหญ่

เห็นลิงสีทองกำลังควงกระบองใหญ่เหมือนเสาสวรรค์ฟาดพื้นอย่างแรง เขาสวมเกราะนักรบทองคำ กระบองใหญ่ในมือเปล่งแสงเทพสว่างจ้า แผ่อำนาจเทพน่าสะพรึง

ทุกกระบองที่ฟาดลงจะทำให้ห้วงอากาศสูญสิ้น แผ่นดินแตกกระจาย เหมือนทำลายล้างแม่น้ำภูเขา

นั่นคือฉีจ้าน

ตอนนี้ดวงตาฉีจ้านเปล่งแสงทอง ประกายสว่างโรจน์เหมือนดวงตะวัน

กระตุ้นเนตรอัคคีเนตรทองอย่างเต็มที่ เหมือนมองทะลุภาพมายา

สุดท้ายฉีจ้านเพ่งสายตามองไปในเขตธรรมดาแห่งหนึ่ง

เขาแยะเขี้ยวแสยะปากยิ้มเยาะ “ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ที่นี่ หากไม่ใช่เพราะข้ามีเนตรอัคคีเนตรทอง เกรงว่าคงหาไม่พบ!”

กลิ่นอายพลังหมุนม้วนในกายฉีจ้าน แสงสว่างส่องสว่าง ก่อนควงกระบองใหญ่ด้วยพละกำลังบ้าคลั่งทุบลงพื้น

บึ้ม!

แผ่นดินแตกกระจายออก ฝุ่นดินคละคลุ้งเหมือนจะทุบพื้นที่นี้แตกเป็นเสี่ยงๆ

แต่ที่นี่ก็ไม่ได้พังทลายลงตาม เหมือนถูกพลังบางอย่างต้านเอาไว้!

ฝุ่นดินสลายไปก็เห็นตำหนักเงามืดทะมึนแห่งหนึ่งลอยขึ้นมา

ตำหนักนั้นมีลักษณะโอ่อ่ายิ่งใหญ่ แตกแขนงออกใต้ดิน มีขนาดไม่เล็กเลย

ตำหนักยังมีหมอกสีเทาวนเวียน กลิ่นอายพลังชั่วร้ายอย่างยิ่ง ทำให้คนเกิดความหนาวสั่น เหมือนเป็นดินแดนนรก

ผู้บำเพ็ญรอบๆ มีสีหน้าตกใจอย่างรุนแรง “อะไรกัน ที่นี่มีอีกโถงทางเข้ารึ”

“กลิ่นอายนี้…”

“ซี้ด~”

“นี่มันฐานลัทธิวิญญาณร้าย!”

“ดูท่าฐานลัทธิวิญญาณร้ายนี่คงสร้างมาหลายปีแล้ว!”

“ซ่อนอยู่เมืองทะเลบูรพามาตลอดกลับไม่มีใครพบเลยหรือ”

ทุกคนตกใจหน้าถอดสี พวกเขาไม่นึกเลยว่าลัทธิวิญญาณร้ายจะซ่อนอยู่ใต้หนังตาพวกเขา

หากไม่ได้ฉีจ้านออกมือ เกรงว่าคงไม่มีใครรู้!

น่ากลัวมากจริงๆ!

หากลัทธิวิญญาณร้ายจะทำการใด ก็เป็นการทำลายต่อเมืองทะเลบูรพา แม้แต่เจ้าเมืองสวีอันยังมีสีหน้าตื่นกลัว ตัวสั่นอย่างรุนแรง

ลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนอยู่ที่นี่ ต้องมีแผนการแน่นอน

หากลัทธิวิญญาณร้ายทำแผนการชั่วสำเร็จ ทั้งเมืองทะเลบูรพาคงยากจะรอดพ้นจากหายนะความตาย!

ถึงอย่างไรลัทธิวิญญาณร้ายก็ไม่ได้ทำลายล้างขุมอำนาจแค่ที่สองที่เท่านั้น

……

ทว่าเมื่อฐานลัทธิวิญญาณร้ายถูกฉีจ้านเผยออกมา สาวกลัทธิวิญญาณร้ายพวกนั้นก็ไม่ซ่อนตัวอีก พากันพุ่งออกมา

ผู้บำเพ็ญแต่ละคนพุ่งขึ้นฟ้า กลิ่นอายพลังพวกเขาชั่วร้าย มีใบหน้าเหี้ยมโหด ดวงตามืดหม่นและเฉียบคม ทำให้คนขนพองสยองเกล้า

ผู้นำสวมชุดคลุมเทา กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งลึกล้ำ บรรลุอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์แล้ว!

ดวงตาเขาเป็นสีแดงก่ำยิ่ง เหมือนมาพร้อมกับพลังแห่งความฝัน ทำให้คนเงียบงัน

คนนี้ คือประมุขวิหารมายาแห่งลัทธิวิญญาณร้าย!

วิหารมายาชำนาญพลังการสร้างค่ายกลมายาที่สุด ใช้สิ่งนี้อำพรางตัว

ที่วิหารมายาซ่อนในเมืองทะเลบูรพาได้ก็เพราะใช้พลังแห่งค่ายกลมายา

ต่อให้เป็นผู้อริยะ เข้ามาในที่นี่แล้วก็จะได้รับผลจากพลังลี้ลับ ไม่อาจตรวจพบตำแหน่งลัทธิวิญญาณร้ายได้

ด้วยพลังนี้ วิหารมายาจึงซ่อนตัวในเมืองทะเลบูรพาได้นานมาก หลบการตรวจจับของผู้อริยะมากมาย แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

ต่อให้วางค่ายกลมายาเต็มไปหมด แต่ก็ไม่มีประโยชน์กับฉีจ้านที่มีเนตรอัคคีเนตรทองเลย

เขามองทีเดียวก็เห็นว่าตรงนี้มีปัญหา จึงทำลายขอบเขตมายาที่นี่

ตำหนักมายาจึงเผยออกมาตรงหน้าทุกคน!

ฉีจ้านมองสาวกลัทธิวิญญาณร้ายมากมายพลางควงกระบองในมือ พูดหัวเราะเยาะ “เจ้าพวกลูกวิญญาณร้าย ซ่อนตัวได้ลึกมาก ทำข้าเสียเวลาหาอยู่สักพักเลย! ยังไม่รีบมาให้จับเสียดีๆ อีก ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบตีหัวสุนัขพวกเจ้า!”

ฉีจ้านมาครั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้าย แต่ไม่นึกเลยว่าจะบังเอิญมาเจอที่กบดานลัทธิวิญญาณร้าย

นี่ทำให้ฉีจ้านค่อนข้างตื่นเต้น

หากกำราบลัทธิวิญญาณร้ายพวกนี้ได้หมด ก็จะได้รางวัลแต้มศึกษาจำนวนมาก

แม้ประมุขวิหารลัทธิวิญญาณร้ายจะเป็นอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ มีศักยภาพแข็งแกร่ง แต่ฉีจ้านก็ไม่กลัว ใช่ว่าเขาจะไม่เคยสังหารผู้แข็งแกร่งระดับนี้มาก่อนเสียหน่อย

ประมุขวิหารมายาพูดด้วยความอึมครึม “เจ้าลิงเหม็นสมควรตาย ไม่อยากเชื่อว่าจะทำลายแผนการของข้า! วันนี้จะให้ทุกคนในเมืองทะเลบูรพาต้องตายให้หมด!”

ประมุขวิหารมายายิงแสงโลหิตขึ้นฟ้า ลายมรรคถูกจุดแสงสว่างขึ้นมา สว่างจ้าแสบตา

พริบตาเดียว ค่ายกลแข็งแกร่งเชื่อมฟ้าดิน ผนึกที่นี่ไว้ทั้งหมด ไม่มีใครออกไปได้!

“ตอนแรกว่าจะให้พวกเจ้ามีชีวิตกันไปอีกสองสามวัน แต่ไม่นึกเลยว่าพวกเจ้าจะมารนหาที่ตายเอง!”

ประมุขวิหารมายาพูดอย่างน่ากลัว เขาวางยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตสะท้านฟ้าไว้ที่นี่นานแล้ว

ก็เพื่อรอจัดนิทรรศการทุกร้อยปีของทะเลบูรพา ใช้โลหิตบริสุทธิ์ของทุกชีวิตหลอมอาวุธชั่วร้ายสูงสุด แต่ไม่นึกเลยว่าฉีจ้านจะทำลายแผนการเดิมของเขา

นี่ทำให้จำนวนคนในเมืองทะเลบูรพาไม่มากถึงที่สุด ยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตก็ยังวางไม่เสร็จสมบูรณ์

แต่ทุกอย่างก็ไม่มีผล ส่งผลกระทบไม่มาก

ขอแค่เปิดยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตได้ ที่นี่ นอกจากสาวกลัทธิวิญญาณร้ายแล้ว คนอื่นจะถูกหลอมเป็นโลหิตบริสุทธิ์

เมื่อเห็นยอดค่ายกลเปิดออก ประมุขวิหารมายาก็ทำหน้าตาน่ากลัว

เขาแสยะยิ้ม “พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าแค่ขยะกองเดียวจะหาร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้ายข้าพบ จะบอกพวกเจ้าให้แล้วกัน พวกเขาเป็นเหยื่อล่อ ก็เพื่อล่อพวกเจ้ามา! ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้จะตกได้ปลาใหญ่!

หากอันดับหนึ่งสำนักอสูรแห่งสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยตายลงที่นี่ แม้แต่ราชวงศ์เซียนต้าฮวงก็คงปวดใจน่าดูกระมัง!

ฮ่าๆๆๆๆ!”

ประมุขวิหารมายาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

…..

มียอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตอยู่

วันนี้คนพวกนี้ต้องตายที่นี่แล้ว

ในที่สุดก็จะหลอมอาวุธชั่วร้ายสูงสุดของข้าได้แล้ว!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด