บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 289.2 จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุค เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า (2)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 289.2 จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุค เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 289 จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุค เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า (2)

ด้านนอกวิหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ บนหินตระหนักรู้

เสิ่นเทียนมองจันทร์เต็มดวงที่สุกสกาวอย่างยิ่งนั้นพลางรินสุราเองดื่มเอง

ดื่มต่อไปทีละแก้ว ความรู้สึกเมามายเข้ามาทีละระลอก แต่ไม่นานก็กลับมาได้สติอีก

จุดสีเขียวสุดท้ายบนวงรัศมีสีแดงใหญ่เหนือศีรษะเสิ่นเทียนหลุดออกไปแล้ว จึงเปล่งแสงสว่างยิ่งใหญ่ตามการหมุนโคจร

ความรู้สึกว่างและสบายอกสบายใจเช่นนี้ ทำให้เสิ่นเทียนอดระบายความรู้สึกออกมาไม่ได้ เขาร้องเพลงบทหนึ่งต่อดวงจันทร์ ‘ชาวบ้านสมัยนี้มีความสุขกันจริง’

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เมาจริง หากมีใครถ่ายรูปไว้ได้ การเสแสร้งของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ถือว่าจบเห่แล้ว

ตนเป็นคนระดับหน้าตาของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จึงต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์อย่างมาก!

เขาขบคิดแล้วก็ควักผลึกบันทึกภาพออกมาโยนไปบนอากาศ

จากนั้นนอนชันเข่าลงไป ค่อยๆ ชูแก้วสุราขึ้นมา เงยหน้ามองดวงจันทร์

เสิ่นเทียนยังท่องกวีโบราณบทหนึ่งตามทำนอง “เมื่อใดจันทรายกสุราถามฟ้าใส ไม่รู้ตำหนักบนฟ้า ยามเย็นนี้คือปีใด~

ข้าอยากขี่วายุตามไป แต่ก็กลัวเรือนหยกหอวิจิตร อยู่สูงไม่พ้นความหนาวเหน็บ ร่ายรำเป็นเงาเจนชัด ไฉนถึงเหมือนอยู่ในโลกมนุษย์”

เพิ่งพูดจบ เสิ่นเทียนก็กางปีกสีเหลืองทองข้างหลัง สาดแสงสีทองลงมา

เขามองฟ้าในมุมสี่สิบห้าองศา ปีกแสงเรืองรองอ่อนแสงลงช้าๆ และหุบเข้าไป

ตอนนี้เขายังดูเศร้าเล็กน้อย

หากโลกนี้มีห้องแชทQQ ใช้ภาพนี้เป็นพื้นหลังห้องจะต้องขายได้ศิลาวิญญาณมหาศาลแน่นอน

“เปลี่ยนหอแดง ประตูงามลดลง ส่องแสงไม่เข้าสู่นิทรา ไม่ควรมีความแค้น แล้วเมื่อใดจะสมบูรณ์แบบ

คนมีสุขทุกข์เมื่อพบเจอแยกจาก จันทรามีมืดสว่างเต็มดวงครึ่งเสี้ยว เรื่องนี้ยากจะสมบูรณ์มาแต่โบราณ แต่คนยินดีรอเนิ่นนาน เพื่อจันทร์งดงามรวมกันพันลี้~”

ท่องจบ เสิ่นเทียนก็เก็บผลึกบันทึกภาพ

จากนั้นประสานมุทราส่งเข้าไปในผลึกบันทึกภาพ ให้ภาพการท่องกวีฉายขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหล่อเหลา เศร้าโศก และเงียบเหงาในผลึกแล้ว เสิ่นเทียนอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ “ดุจเทพเซียนลงมาเยือน หล่อมากจริงๆ~”

………….

ตอนนี้เอง ป้ายคำสั่งเทพสงครามในอกเสื้อเสิ่นเทียนลอยออกมาช้าๆ

ร่างของเยี่ยฉิงชางปรากฏขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน มองเขาด้วยใบหน้าแปลกๆ “เจ้า…กำลังทำอะไร”

เสิ่นเทียนงุนงง

บ้าจริง เหตุใดตาแก่นี่โผล่มาทุกครั้งถึงไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย ให้คนหนุ่มมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างไม่ได้หรือ ช่วงเวลาแบบนี้ถ้าให้ท่านเห็นก็น่าขายหน้าตายสิ!

เงาเส้นสีดำลากผ่านหน้าผากเสิ่นเทียน มุมปากกระตุกเล็กน้อย “ผู้อาวุโสเยี่ย จากนี้ก่อนท่านจะโผล่มา ช่วยแจ้งก่อนได้หรือไม่”

เยี่ยฉิงชางมองค้อน “ข้าแจ้งแล้ว! เจ้าไม่รู้สึกหรือ ป้ายคำสั่งเทพสงครามสั่นหรือไม่”

ก็ได้!

อาจเพราะกำลังถ่ายรูปตัวเองอยู่ กำลังหลงอยู่ในใบหน้าหล่อเหลาเลิศล้ำอยู่กระมัง!

เสิ่นเทียนเก็บผลึกบันทึกภาพไปเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แค่กๆ ผู้อาวุโสเยี่ยมาหาข้ามีอะไรรึ”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “เจ้าหนูฉีเซ่าเสวียนยึดมั่นกับตัวเจ้ามาก! เขาจำนำของดีๆ ไม่น้อยในหอคอยเทพสงครามเพื่อท้าประลองกับเจ้า”

เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย “อ้อ ของดีอะไรรึ”

ฉีเซ่าเสวียนถือว่าเป็นพวกคนที่มีดวงชะตาแกร่งที่สุดในทุกคนที่เสิ่นเทียนเจอมา

วงรัศมีดวงชะตาของเขาเป็นสีทองเข้ม กระทั่งบนวงรัศมียังมีลายสีม่วงเข้มวนเวียน ดูสวยงามและสูงศักดิ์

พึงรู้ไว้ว่า แม้แต่วงรัศมีของธิดาสวรรค์แห่งแดนทักษิณข่งเมิ่งก็เพิ่งเริ่มเป็นวงสีทองมีแสงสีม่วงเท่านั้น

หลังจากเสิ่นเทียนช่วยนางให้ได้ต้นกำเนิดแสงเทพห้าสีกับพัดแสงเทพห้าสีมา แสงม่วงถึงค่อยๆ เข้มข้นขึ้น

แต่ฉีเซ่าเสวียน ตอนเสิ่นเทียนเจอเขาครั้งแรกก็มีวงรัศมีสีม่วงอมทองแล้ว เป็นระดับตัวเอกชะตาสวรรค์ลิขิต

ในทุกคนที่เสิ่นเทียนเคยพบมาตอนนี้ ก็มีเพียงมังกรดำน้อยนอนบนเตียงเขาที่มีดวงชะตาเหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน

ใช่แล้ว หลังจากเอ๋าปิงบรรลุนิพพานเกิดใหม่ เสิ่นเทียนก็เห็นวงรัศมีเหนือศีรษะนาง

เป็นวงรัศมีสีม่วงกับจุดสีทองอ่อนๆ แกร่งกว่าฉีเซ่าเสวียนเสียอีก ส่วนเหตุใดวงรัศมีดวงชะตาแกร่งเช่นนี้ถึงถูกผนึกในสนามรบบรรพกาลหมื่นกว่าปี

มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้

แต่คิดจากในแง่มุมอื่นแล้ว โดนผู้แข็งแกร่งโลกเซียนทะลวงศีรษะผนึกไว้ในสนามรบบรรพกาลหมื่นปี แต่เอ๋าปิงกลับมีชีวิตรอดมาได้ อีกทั้งนางถูกผนึกในรอยแยกมิติ เมื่อผ่านไปหมื่นปีกลับปรากฏกายขึ้นในหุบเขามังกรยักษ์อีกครั้ง จนกระทั่งได้เสิ่นเทียนช่วยไว้โดยบังเอิญ

นี่คือว่าโชคดีมากจริงๆ!

พอแล้ว จะพูดจาเรื่อยเปื่อยเกินไปแล้ว

แม้ดวงชะตาของฉีเซ่าเสวียนจะด้อยกว่าเอ๋าปิงเล็กน้อย แต่ต้องรู้ไว้ว่าเอ๋าปิงคือธิดาสวรรค์อันดับหนึ่งของเผ่ามังกร อย่างน้อยในเผ่ามนุษย์ เสิ่นเทียนก็ไม่เคยเจอใครที่มีดวงชะตาเหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน

เขาจึงสนใจของดีที่ฉีเซ่าเสวียนเอามาจำนำมาก

………

เยี่ยฉิงชางยิ้มลึกลับ ประสานมุทราเปิดมิติเคลื่อนย้าย

ทันใดนั้น ยันต์หยกที่มีสีสันแวววาวแผ่นหนึ่งกับแหวนทองสัมฤทธิ์โบราณอีกวงมาปรากฏตรงหน้าเสิ่นเทียน

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “ตามสัญญา ผลประโยชน์ที่ได้จากการเดิมพันในหอคอยเทพสงครามจะแบ่งคนละครึ่ง ของอื่นๆ ปู่บุญธรรมจะเก็บไว้เอง สมบัติล้ำค่าสองชิ้นนี้คือของดีที่สุดที่ฉีเซ่าเสวียนเก็บไว้ เจ้าเอาไป เห็นหรือไม่ว่าข้าดีกับเจ้าเพียงใด”

เสิ่นเทียนมองยันต์หยกกับแหวนตรงหน้า “นี่คืออะไร ใช้อย่างไร”

เยี่ยฉิงชางยิ้มลำพองใจ “ไม่รู้จักล่ะสิ! ยันต์หยกนี่คือหยกล้ำค่าช่วยชีพที่เป็นสมบัติสุดยอด ต่อให้อยู่ในโลกเซียนก็ยังเป็นสุดยอดสมบัติหายาก ไม่รู้ว่านักหลอมสร้างเศษเดนคุณภาพต่ำคนใดหลอมวัตถุดิบดีๆ ออกมาเป็นเช่นนี้ ก่อกรรมทำชั่วจริงๆ

แต่เทียนเอ๋อร์ไม่ต้องร้อนใจ เดี๋ยวข้าจะหลอมใหม่ให้เจ้า ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสิบเท่า!”

เสิ่นเทียนพูดอย่างจำใจ “ผู้อาวุโสเยี่ย ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่ามันใช้อย่างไร”

เยี่ยฉิงชางตอบกลับ “ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวข้าจะแยกมันออกอีกครั้ง หลอมเสร็จแล้วค่อยให้เจ้าหยดโลหิตเป็นนาย ยันต์หยกนี่หลอมมาได้หยาบมาก อย่างมากสุดก็ให้ตอนที่ผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับหลอมรวมเทพถูกโจมตีถึงตาย ตายแทนและเคลื่อนย้ายออกไปได้หนึ่งครั้ง

แต่เมื่อข้าหลอมเสร็จ อย่างน้อยก็ตายแทนและเคลื่อนย้ายผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับเซียนไปได้สามครั้ง เป็นอย่างไร สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ยังมอบให้เจ้า ปู่บุญธรรมดีกับเจ้าล่ะสิ!”

ตายแทนผู้ฝึกบำเพ็ญระดับต่ำกว่าเซียนได้สามครั้งรึ

เสิ่นเทียนตะลึงงันไปแล้ว นี่มีค่ายิ่งกว่าอาวุธอริยะระดับสูงสุดอีก!

ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว สมบัติล้ำค่า วิชา โอสถล้ำค่าระดับสูงสุดก็ต้องวางไว้ข้างหลัง

เยี่ยฉิงชางเหมือนจะพอใจกับสีหน้าของเสิ่นเทียนมาก เขาแนะนำสมบัติชิ้นที่สองด้วยรอยยิ้ม “ส่วนแหวนวงนี้ แซ่เยี่ยเองก็ไม่แน่ใจที่มาที่ไปเช่นกัน”

แววตาเขาจริงจังเล็กน้อย “ผู้หลอมแหวนวงนี้น่าจะมีระดับพลังเหนือกว่าข้าไปไกล แต่ดูจากวิธีการหลอม แหวนนี่น่าจะเป็นอาวุธสืบทอด”

เสิ่นเทียนผงะไป “อาวุธสืบทอด? นั่นคืออะไร”

เยี่ยฉิงชางกล่าว “อาวุธสืบทอดที่ว่าก็คือสมบัติที่หลอมขึ้นแบบพิเศษไว้ให้เหล่ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ตามหาผู้สืบทอด ยอดฝีมือพวกนั้นจะใส่ผนึกคุณสมบัติของผู้สืบทอดของตนลงไปในอาวุธสืบทอด จากนั้นโยนลงไปในโลกมนุษย์ ให้มันไปตามโชคชะตา

เรื่องราวของโลกให้ความสำคัญกับโชคชะตา หากมีวาสนาก็จะได้รับอาวุธสืบทอดไป จากนั้นเมื่อทำตรงตามเงื่อนไขของอีกฝ่ายก็จะได้รับมรดก และเดินไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต”

อาวุธสืบทอด? ผู้แข็งแกร่งที่มีศักยภาพเหนือกว่าผู้อาวุโสเยี่ยไปไกล?

ดวงตาเสิ่นเทียนเพ่งสมาธิเล็กน้อย แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าศักยภาพของเยี่ยฉิงชางตอนมีชีวิตแข็งแกร่งเพียงใด

แต่ตอนที่หอคอยเทพสงครามจวนจะถล่มก็ยังสังหารเซียนแท้จริงได้อย่างง่ายดาย ศักยภาพตอนมีชีวิตของผู้อาวุโสเยี่ยจะต้องสะท้านฟ้าแน่นอน!

เสิ่นเทียนถามด้วยความแปลกใจ “เช่นนั้นเหตุใดผู้อาวุโสเยี่ยถึงไม่รับมรดกมาล่ะ”

เยี่ยฉิงชางตอบอย่างฉุนๆ “ข้าอายุขนาดนี้แล้ว จะให้ข้าคารวะคนอื่นเป็นอาจารย์หรือ คิดว่าข้าหน้าด้านนักรึ”

เสิ่นเทียนมองเยี่ยฉิงชางตรงๆ เพียงยิ้มแต่ไม่พูด

เยี่ยฉิงชางพูดอย่างจำใจ “ก็ได้ๆ! แหวนทองสัมฤทธิ์นี่จะต้องหยดโลหิตตีตราเป็นนายมัน ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเสี้ยวดวงจิต จะหยดโลหิตอย่างไร! ประโยชน์จึงตกเป็นของเจ้า”

แม้ปากจะพูดว่า ‘ประโยชน์เป็นของเสิ่นเทียน’ แต่ในแววตาเยี่ยฉิงชางก็ยังมีความตึงเครียดบางๆ

ถึงอย่างไรอาวุธสืบทอดนี่ ก็เป็นสุดยอดสมบัติที่คนใหญ่คนโตในโลกเซียนหลอมขึ้นมาเพื่อตามหาผู้สืบทอด

การทำตามเงื่อนไขของอีกฝ่ายเช่นนี้ แค่คิดดูก็รู้แล้วว่าไม่ง่าย

ไม่รู้ว่าเจ้าหนูนี่จะทำสำเร็จหรือไม่

…….

แหวนทองสัมฤทธิ์จึงตกไปอยู่ในมือเสิ่นเทียนภายใต้เจตนาของเยี่ยฉิงชาง

แววตาเขาเพ่งสมาธินิดๆ ก่อนจะเคลื่อนวิชาจิตบีบโลหิตบริสุทธิ์ออกมาหยดหนึ่ง หยดลงบนแหวนทองสัมฤทธิ์

เมื่อโลหิตบริสุทธิ์ซึมเข้าไปช้าๆ แหวนทองสัมฤทธิ์ก็เริ่มเปล่งแสง

เยี่ยฉิงชางมีสีหน้าตกใจระคนดีใจ “เจ้าหนูนี่ หรือว่าจะได้รับการยอมรับจากแหวนทองสัมฤทธิ์จริงๆ”

แต่ไม่นานรอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยฉิงชางก็แข็งค้าง เพราะเขาพบว่าแสงสว่างบนแหวนทองสัมฤทธิ์หุบกลับเข้าไปช้าๆ อ่อนแสงลง

ดูดซับโลหิตบริสุทธิ์ของเทียนเอ๋อร์แล้วแท้ๆ เหตุใดถึงอ่อนแสงลงอีกล่ะ

สถานการณ์ตอนนี้จะสำเร็จหรือไม่กันแน่

เยี่ยฉิงชางใจคอไม่ดีในใจ แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนกลับสงบนิ่งกว่าเดิม

เพราะเมื่อโลหิตบริสุทธิ์เขาซึมเข้าไปในแหวนทองสัมฤทธิ์แล้ว จิตใจเขาพลันถูกดูดเข้าไป

เขาพบว่าตนไม่อยู่บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีก ไม่อยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ กระทั่งไม่อยู่ในดินแดนบูรพา ไม่อยู่ในห้าดินแดน

เขามาปรากฏตัวกลางผืนฟ้ากระจ่างดาว สุดสายตามีแต่ดวงดาราไม่มีที่สิ้นสุด

พวกมันหมุนโคจรซ้ำไปมาตามวงโคจรที่กำหนดไว้ เหมือนกับม้วนภาพวาดที่สวยงามยิ่ง

ดวงตาของเสิ่นเทียนพลันเพ่งสมาธิขึ้นมา

เพราะเขาพบเงามายาร่างหนึ่ง เป็นร่างเงาสีขาว

นางยืนอย่างโดดเดี่ยวกลางผืนฟ้าไร้พรมแดน รูปร่างเหมือนจริงเหมือนเป็นมายา ยืนขวางอยู่กลางธารดารา

นางหันหลังให้เสิ่นเทียน เส้นผมงามสีดำปล่อยไว้ข้างหลังอย่างเป็นธรรมชาติ สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวหิมะ

ร่างมายานี้ถูกคลุมอยู่กลางไอเซียนกำเนิดฟ้า ร่างระหงสงบนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ราวกับเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณกาล

ทันทีที่นางปรากฏกาย ธารดาราโบราณเหมือนสูญเสียแสงสว่างไป ทันใดนั้นร่างมายาหมุนตัวกลับมา เสิ่นเทียนเหมือนรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งมองเขา

ตอนนี้เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนถูกมองทะลุทั้งตัว

ความรู้สึกอับอายปะทุขึ้นมา!

เสิ่นเทียนสงสัยหนักมากว่าเจ้านี่กำลังใช้สายตามองทะลุตัวเขา จากนั้นก็ไม่คิดจะรับผิดชอบ!

ผ่านไปเนิ่นนาน สายตานั้นละกลับไปช้าๆ มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นในธารดาราจักรวาล

ทั้งผืนฟ้าเริ่มพังทลายลง ดวงดาราแต่ละดวงพากันเป็นดาวตก ร่างเป็นม้วนภาพงดงามยิ่ง!

ท่ามกลางฝนดาวตกดั่งวันสิ้นโลก ร่างมายาร่างนั้นกลายเป็นแสงเซียนพุ่งเข้ามา ครู่เดียวก็ตัดเศษธารดาราทั้งหมด ฟ้าดินสูญสลาย

เสิ่นเทียนรู้สึกรางๆ เหมือนเห็นสุดยอดกระบี่เซียนแห่งยุคเล่มหนึ่ง

หนึ่งกระบี่เซียนเหินฟ้า ธารดาราร่วงหล่น

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 289.2 จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุค เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า (2)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 289.2 จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุค เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 289 จักรพรรดินีที่สุดแห่งยุค เจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้า (2)

ด้านนอกวิหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ บนหินตระหนักรู้

เสิ่นเทียนมองจันทร์เต็มดวงที่สุกสกาวอย่างยิ่งนั้นพลางรินสุราเองดื่มเอง

ดื่มต่อไปทีละแก้ว ความรู้สึกเมามายเข้ามาทีละระลอก แต่ไม่นานก็กลับมาได้สติอีก

จุดสีเขียวสุดท้ายบนวงรัศมีสีแดงใหญ่เหนือศีรษะเสิ่นเทียนหลุดออกไปแล้ว จึงเปล่งแสงสว่างยิ่งใหญ่ตามการหมุนโคจร

ความรู้สึกว่างและสบายอกสบายใจเช่นนี้ ทำให้เสิ่นเทียนอดระบายความรู้สึกออกมาไม่ได้ เขาร้องเพลงบทหนึ่งต่อดวงจันทร์ ‘ชาวบ้านสมัยนี้มีความสุขกันจริง’

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เมาจริง หากมีใครถ่ายรูปไว้ได้ การเสแสร้งของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ถือว่าจบเห่แล้ว

ตนเป็นคนระดับหน้าตาของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จึงต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์อย่างมาก!

เขาขบคิดแล้วก็ควักผลึกบันทึกภาพออกมาโยนไปบนอากาศ

จากนั้นนอนชันเข่าลงไป ค่อยๆ ชูแก้วสุราขึ้นมา เงยหน้ามองดวงจันทร์

เสิ่นเทียนยังท่องกวีโบราณบทหนึ่งตามทำนอง “เมื่อใดจันทรายกสุราถามฟ้าใส ไม่รู้ตำหนักบนฟ้า ยามเย็นนี้คือปีใด~

ข้าอยากขี่วายุตามไป แต่ก็กลัวเรือนหยกหอวิจิตร อยู่สูงไม่พ้นความหนาวเหน็บ ร่ายรำเป็นเงาเจนชัด ไฉนถึงเหมือนอยู่ในโลกมนุษย์”

เพิ่งพูดจบ เสิ่นเทียนก็กางปีกสีเหลืองทองข้างหลัง สาดแสงสีทองลงมา

เขามองฟ้าในมุมสี่สิบห้าองศา ปีกแสงเรืองรองอ่อนแสงลงช้าๆ และหุบเข้าไป

ตอนนี้เขายังดูเศร้าเล็กน้อย

หากโลกนี้มีห้องแชทQQ ใช้ภาพนี้เป็นพื้นหลังห้องจะต้องขายได้ศิลาวิญญาณมหาศาลแน่นอน

“เปลี่ยนหอแดง ประตูงามลดลง ส่องแสงไม่เข้าสู่นิทรา ไม่ควรมีความแค้น แล้วเมื่อใดจะสมบูรณ์แบบ

คนมีสุขทุกข์เมื่อพบเจอแยกจาก จันทรามีมืดสว่างเต็มดวงครึ่งเสี้ยว เรื่องนี้ยากจะสมบูรณ์มาแต่โบราณ แต่คนยินดีรอเนิ่นนาน เพื่อจันทร์งดงามรวมกันพันลี้~”

ท่องจบ เสิ่นเทียนก็เก็บผลึกบันทึกภาพ

จากนั้นประสานมุทราส่งเข้าไปในผลึกบันทึกภาพ ให้ภาพการท่องกวีฉายขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหล่อเหลา เศร้าโศก และเงียบเหงาในผลึกแล้ว เสิ่นเทียนอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ “ดุจเทพเซียนลงมาเยือน หล่อมากจริงๆ~”

………….

ตอนนี้เอง ป้ายคำสั่งเทพสงครามในอกเสื้อเสิ่นเทียนลอยออกมาช้าๆ

ร่างของเยี่ยฉิงชางปรากฏขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน มองเขาด้วยใบหน้าแปลกๆ “เจ้า…กำลังทำอะไร”

เสิ่นเทียนงุนงง

บ้าจริง เหตุใดตาแก่นี่โผล่มาทุกครั้งถึงไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย ให้คนหนุ่มมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างไม่ได้หรือ ช่วงเวลาแบบนี้ถ้าให้ท่านเห็นก็น่าขายหน้าตายสิ!

เงาเส้นสีดำลากผ่านหน้าผากเสิ่นเทียน มุมปากกระตุกเล็กน้อย “ผู้อาวุโสเยี่ย จากนี้ก่อนท่านจะโผล่มา ช่วยแจ้งก่อนได้หรือไม่”

เยี่ยฉิงชางมองค้อน “ข้าแจ้งแล้ว! เจ้าไม่รู้สึกหรือ ป้ายคำสั่งเทพสงครามสั่นหรือไม่”

ก็ได้!

อาจเพราะกำลังถ่ายรูปตัวเองอยู่ กำลังหลงอยู่ในใบหน้าหล่อเหลาเลิศล้ำอยู่กระมัง!

เสิ่นเทียนเก็บผลึกบันทึกภาพไปเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แค่กๆ ผู้อาวุโสเยี่ยมาหาข้ามีอะไรรึ”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “เจ้าหนูฉีเซ่าเสวียนยึดมั่นกับตัวเจ้ามาก! เขาจำนำของดีๆ ไม่น้อยในหอคอยเทพสงครามเพื่อท้าประลองกับเจ้า”

เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย “อ้อ ของดีอะไรรึ”

ฉีเซ่าเสวียนถือว่าเป็นพวกคนที่มีดวงชะตาแกร่งที่สุดในทุกคนที่เสิ่นเทียนเจอมา

วงรัศมีดวงชะตาของเขาเป็นสีทองเข้ม กระทั่งบนวงรัศมียังมีลายสีม่วงเข้มวนเวียน ดูสวยงามและสูงศักดิ์

พึงรู้ไว้ว่า แม้แต่วงรัศมีของธิดาสวรรค์แห่งแดนทักษิณข่งเมิ่งก็เพิ่งเริ่มเป็นวงสีทองมีแสงสีม่วงเท่านั้น

หลังจากเสิ่นเทียนช่วยนางให้ได้ต้นกำเนิดแสงเทพห้าสีกับพัดแสงเทพห้าสีมา แสงม่วงถึงค่อยๆ เข้มข้นขึ้น

แต่ฉีเซ่าเสวียน ตอนเสิ่นเทียนเจอเขาครั้งแรกก็มีวงรัศมีสีม่วงอมทองแล้ว เป็นระดับตัวเอกชะตาสวรรค์ลิขิต

ในทุกคนที่เสิ่นเทียนเคยพบมาตอนนี้ ก็มีเพียงมังกรดำน้อยนอนบนเตียงเขาที่มีดวงชะตาเหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน

ใช่แล้ว หลังจากเอ๋าปิงบรรลุนิพพานเกิดใหม่ เสิ่นเทียนก็เห็นวงรัศมีเหนือศีรษะนาง

เป็นวงรัศมีสีม่วงกับจุดสีทองอ่อนๆ แกร่งกว่าฉีเซ่าเสวียนเสียอีก ส่วนเหตุใดวงรัศมีดวงชะตาแกร่งเช่นนี้ถึงถูกผนึกในสนามรบบรรพกาลหมื่นกว่าปี

มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้

แต่คิดจากในแง่มุมอื่นแล้ว โดนผู้แข็งแกร่งโลกเซียนทะลวงศีรษะผนึกไว้ในสนามรบบรรพกาลหมื่นปี แต่เอ๋าปิงกลับมีชีวิตรอดมาได้ อีกทั้งนางถูกผนึกในรอยแยกมิติ เมื่อผ่านไปหมื่นปีกลับปรากฏกายขึ้นในหุบเขามังกรยักษ์อีกครั้ง จนกระทั่งได้เสิ่นเทียนช่วยไว้โดยบังเอิญ

นี่คือว่าโชคดีมากจริงๆ!

พอแล้ว จะพูดจาเรื่อยเปื่อยเกินไปแล้ว

แม้ดวงชะตาของฉีเซ่าเสวียนจะด้อยกว่าเอ๋าปิงเล็กน้อย แต่ต้องรู้ไว้ว่าเอ๋าปิงคือธิดาสวรรค์อันดับหนึ่งของเผ่ามังกร อย่างน้อยในเผ่ามนุษย์ เสิ่นเทียนก็ไม่เคยเจอใครที่มีดวงชะตาเหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน

เขาจึงสนใจของดีที่ฉีเซ่าเสวียนเอามาจำนำมาก

………

เยี่ยฉิงชางยิ้มลึกลับ ประสานมุทราเปิดมิติเคลื่อนย้าย

ทันใดนั้น ยันต์หยกที่มีสีสันแวววาวแผ่นหนึ่งกับแหวนทองสัมฤทธิ์โบราณอีกวงมาปรากฏตรงหน้าเสิ่นเทียน

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “ตามสัญญา ผลประโยชน์ที่ได้จากการเดิมพันในหอคอยเทพสงครามจะแบ่งคนละครึ่ง ของอื่นๆ ปู่บุญธรรมจะเก็บไว้เอง สมบัติล้ำค่าสองชิ้นนี้คือของดีที่สุดที่ฉีเซ่าเสวียนเก็บไว้ เจ้าเอาไป เห็นหรือไม่ว่าข้าดีกับเจ้าเพียงใด”

เสิ่นเทียนมองยันต์หยกกับแหวนตรงหน้า “นี่คืออะไร ใช้อย่างไร”

เยี่ยฉิงชางยิ้มลำพองใจ “ไม่รู้จักล่ะสิ! ยันต์หยกนี่คือหยกล้ำค่าช่วยชีพที่เป็นสมบัติสุดยอด ต่อให้อยู่ในโลกเซียนก็ยังเป็นสุดยอดสมบัติหายาก ไม่รู้ว่านักหลอมสร้างเศษเดนคุณภาพต่ำคนใดหลอมวัตถุดิบดีๆ ออกมาเป็นเช่นนี้ ก่อกรรมทำชั่วจริงๆ

แต่เทียนเอ๋อร์ไม่ต้องร้อนใจ เดี๋ยวข้าจะหลอมใหม่ให้เจ้า ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสิบเท่า!”

เสิ่นเทียนพูดอย่างจำใจ “ผู้อาวุโสเยี่ย ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่ามันใช้อย่างไร”

เยี่ยฉิงชางตอบกลับ “ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวข้าจะแยกมันออกอีกครั้ง หลอมเสร็จแล้วค่อยให้เจ้าหยดโลหิตเป็นนาย ยันต์หยกนี่หลอมมาได้หยาบมาก อย่างมากสุดก็ให้ตอนที่ผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับหลอมรวมเทพถูกโจมตีถึงตาย ตายแทนและเคลื่อนย้ายออกไปได้หนึ่งครั้ง

แต่เมื่อข้าหลอมเสร็จ อย่างน้อยก็ตายแทนและเคลื่อนย้ายผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับเซียนไปได้สามครั้ง เป็นอย่างไร สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ยังมอบให้เจ้า ปู่บุญธรรมดีกับเจ้าล่ะสิ!”

ตายแทนผู้ฝึกบำเพ็ญระดับต่ำกว่าเซียนได้สามครั้งรึ

เสิ่นเทียนตะลึงงันไปแล้ว นี่มีค่ายิ่งกว่าอาวุธอริยะระดับสูงสุดอีก!

ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว สมบัติล้ำค่า วิชา โอสถล้ำค่าระดับสูงสุดก็ต้องวางไว้ข้างหลัง

เยี่ยฉิงชางเหมือนจะพอใจกับสีหน้าของเสิ่นเทียนมาก เขาแนะนำสมบัติชิ้นที่สองด้วยรอยยิ้ม “ส่วนแหวนวงนี้ แซ่เยี่ยเองก็ไม่แน่ใจที่มาที่ไปเช่นกัน”

แววตาเขาจริงจังเล็กน้อย “ผู้หลอมแหวนวงนี้น่าจะมีระดับพลังเหนือกว่าข้าไปไกล แต่ดูจากวิธีการหลอม แหวนนี่น่าจะเป็นอาวุธสืบทอด”

เสิ่นเทียนผงะไป “อาวุธสืบทอด? นั่นคืออะไร”

เยี่ยฉิงชางกล่าว “อาวุธสืบทอดที่ว่าก็คือสมบัติที่หลอมขึ้นแบบพิเศษไว้ให้เหล่ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ตามหาผู้สืบทอด ยอดฝีมือพวกนั้นจะใส่ผนึกคุณสมบัติของผู้สืบทอดของตนลงไปในอาวุธสืบทอด จากนั้นโยนลงไปในโลกมนุษย์ ให้มันไปตามโชคชะตา

เรื่องราวของโลกให้ความสำคัญกับโชคชะตา หากมีวาสนาก็จะได้รับอาวุธสืบทอดไป จากนั้นเมื่อทำตรงตามเงื่อนไขของอีกฝ่ายก็จะได้รับมรดก และเดินไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต”

อาวุธสืบทอด? ผู้แข็งแกร่งที่มีศักยภาพเหนือกว่าผู้อาวุโสเยี่ยไปไกล?

ดวงตาเสิ่นเทียนเพ่งสมาธิเล็กน้อย แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าศักยภาพของเยี่ยฉิงชางตอนมีชีวิตแข็งแกร่งเพียงใด

แต่ตอนที่หอคอยเทพสงครามจวนจะถล่มก็ยังสังหารเซียนแท้จริงได้อย่างง่ายดาย ศักยภาพตอนมีชีวิตของผู้อาวุโสเยี่ยจะต้องสะท้านฟ้าแน่นอน!

เสิ่นเทียนถามด้วยความแปลกใจ “เช่นนั้นเหตุใดผู้อาวุโสเยี่ยถึงไม่รับมรดกมาล่ะ”

เยี่ยฉิงชางตอบอย่างฉุนๆ “ข้าอายุขนาดนี้แล้ว จะให้ข้าคารวะคนอื่นเป็นอาจารย์หรือ คิดว่าข้าหน้าด้านนักรึ”

เสิ่นเทียนมองเยี่ยฉิงชางตรงๆ เพียงยิ้มแต่ไม่พูด

เยี่ยฉิงชางพูดอย่างจำใจ “ก็ได้ๆ! แหวนทองสัมฤทธิ์นี่จะต้องหยดโลหิตตีตราเป็นนายมัน ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเสี้ยวดวงจิต จะหยดโลหิตอย่างไร! ประโยชน์จึงตกเป็นของเจ้า”

แม้ปากจะพูดว่า ‘ประโยชน์เป็นของเสิ่นเทียน’ แต่ในแววตาเยี่ยฉิงชางก็ยังมีความตึงเครียดบางๆ

ถึงอย่างไรอาวุธสืบทอดนี่ ก็เป็นสุดยอดสมบัติที่คนใหญ่คนโตในโลกเซียนหลอมขึ้นมาเพื่อตามหาผู้สืบทอด

การทำตามเงื่อนไขของอีกฝ่ายเช่นนี้ แค่คิดดูก็รู้แล้วว่าไม่ง่าย

ไม่รู้ว่าเจ้าหนูนี่จะทำสำเร็จหรือไม่

…….

แหวนทองสัมฤทธิ์จึงตกไปอยู่ในมือเสิ่นเทียนภายใต้เจตนาของเยี่ยฉิงชาง

แววตาเขาเพ่งสมาธินิดๆ ก่อนจะเคลื่อนวิชาจิตบีบโลหิตบริสุทธิ์ออกมาหยดหนึ่ง หยดลงบนแหวนทองสัมฤทธิ์

เมื่อโลหิตบริสุทธิ์ซึมเข้าไปช้าๆ แหวนทองสัมฤทธิ์ก็เริ่มเปล่งแสง

เยี่ยฉิงชางมีสีหน้าตกใจระคนดีใจ “เจ้าหนูนี่ หรือว่าจะได้รับการยอมรับจากแหวนทองสัมฤทธิ์จริงๆ”

แต่ไม่นานรอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยฉิงชางก็แข็งค้าง เพราะเขาพบว่าแสงสว่างบนแหวนทองสัมฤทธิ์หุบกลับเข้าไปช้าๆ อ่อนแสงลง

ดูดซับโลหิตบริสุทธิ์ของเทียนเอ๋อร์แล้วแท้ๆ เหตุใดถึงอ่อนแสงลงอีกล่ะ

สถานการณ์ตอนนี้จะสำเร็จหรือไม่กันแน่

เยี่ยฉิงชางใจคอไม่ดีในใจ แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนกลับสงบนิ่งกว่าเดิม

เพราะเมื่อโลหิตบริสุทธิ์เขาซึมเข้าไปในแหวนทองสัมฤทธิ์แล้ว จิตใจเขาพลันถูกดูดเข้าไป

เขาพบว่าตนไม่อยู่บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีก ไม่อยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ กระทั่งไม่อยู่ในดินแดนบูรพา ไม่อยู่ในห้าดินแดน

เขามาปรากฏตัวกลางผืนฟ้ากระจ่างดาว สุดสายตามีแต่ดวงดาราไม่มีที่สิ้นสุด

พวกมันหมุนโคจรซ้ำไปมาตามวงโคจรที่กำหนดไว้ เหมือนกับม้วนภาพวาดที่สวยงามยิ่ง

ดวงตาของเสิ่นเทียนพลันเพ่งสมาธิขึ้นมา

เพราะเขาพบเงามายาร่างหนึ่ง เป็นร่างเงาสีขาว

นางยืนอย่างโดดเดี่ยวกลางผืนฟ้าไร้พรมแดน รูปร่างเหมือนจริงเหมือนเป็นมายา ยืนขวางอยู่กลางธารดารา

นางหันหลังให้เสิ่นเทียน เส้นผมงามสีดำปล่อยไว้ข้างหลังอย่างเป็นธรรมชาติ สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวหิมะ

ร่างมายานี้ถูกคลุมอยู่กลางไอเซียนกำเนิดฟ้า ร่างระหงสงบนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ราวกับเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณกาล

ทันทีที่นางปรากฏกาย ธารดาราโบราณเหมือนสูญเสียแสงสว่างไป ทันใดนั้นร่างมายาหมุนตัวกลับมา เสิ่นเทียนเหมือนรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งมองเขา

ตอนนี้เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนถูกมองทะลุทั้งตัว

ความรู้สึกอับอายปะทุขึ้นมา!

เสิ่นเทียนสงสัยหนักมากว่าเจ้านี่กำลังใช้สายตามองทะลุตัวเขา จากนั้นก็ไม่คิดจะรับผิดชอบ!

ผ่านไปเนิ่นนาน สายตานั้นละกลับไปช้าๆ มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นในธารดาราจักรวาล

ทั้งผืนฟ้าเริ่มพังทลายลง ดวงดาราแต่ละดวงพากันเป็นดาวตก ร่างเป็นม้วนภาพงดงามยิ่ง!

ท่ามกลางฝนดาวตกดั่งวันสิ้นโลก ร่างมายาร่างนั้นกลายเป็นแสงเซียนพุ่งเข้ามา ครู่เดียวก็ตัดเศษธารดาราทั้งหมด ฟ้าดินสูญสลาย

เสิ่นเทียนรู้สึกรางๆ เหมือนเห็นสุดยอดกระบี่เซียนแห่งยุคเล่มหนึ่ง

หนึ่งกระบี่เซียนเหินฟ้า ธารดาราร่วงหล่น

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+