บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู
กลิ่นหอมของต้มไก่อบอวลไปทั่วห้องพิเศษ เต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์ด้านบวกสูง

เสิ่นเทียนดื่มต้มไก่ชามหนึ่งลงท้อง ก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั่วร่างลดตามลงไปไม่น้อย

เถ้าแก่ข้างๆ เอ่ยถาม “ท่านชายเสิ่น ต้มไก่วิญญาณเพลิงร้านเรารสชาติเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

ไก่วิญญาณเพลิงมีปัญจธาตุไฟ เอาไปตุ๋นต้มคู่กับสมุนไพรอย่างตันเซินและเห็ดหลิงจือแล้ว กลายเป็นอาหารบำรุงธาตุหยางชั้นเลิศ

เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว แต่ดื่มแค่ต้มไก่ไม่ค่อยอยู่ท้อง เถ้าแก่ไปเตรียมอาหารคาวมาอีกสองสามอย่างแล้วกัน!”

เถ้าแก่รีบพยักหน้าก่อนจะลงไปกำชับให้ครัวทำอาหาร

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ยกชามดื่มอย่างมีความสุขพลางกลืนน้ำลาย “สหายเสิ่น ต้มไก่นี่ไม่ได้ให้ข้ารึ”

เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ “สหายจ้าวเข้าใจผิดแล้ว นี่คือต้มไก่วิญญาณเพลิง ของเจ้าต้มไก่จิตตะต่างหาก”

เสิ่นเทียนวางชามต้มไก่ลงก่อนจะมองจ้าวเฮ่าด้วยแววตาลุกวาว “สหายจ้าว! เป็นสหายกันแล้วก็ถือว่าเป็นคนกันเอง ข้ามีอะไรอยากจะพูดหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์กับเจ้า”

พอเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าจริงจังแล้ว จ้าวเฮ่าก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “แซ่จ้าวยินดีรับฟัง”

เสิ่นเทียนดีดนิ้วชี้มือขวาออกมา “ข้อแรก ล้มเหลวไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือเจ้าพ่ายแพ้ให้กับความล้มเหลว”

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ตาลุกวาวพลางนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่บิดาตนเคยพูดให้เขาฟังมาบ้าง

ดวงชะตาผิดพลาดมาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นดาวหายนะโดดเดี่ยว ฝึกบำเพ็ญยังธาตุไฟเข้าแทรกเป็นประจำ แทบจะเป็นลูกค้าเหมาทั้งปีของสำนักหมอหลวง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเสิ่นเทียนก็ไม่ยอมแพ้ในการฝึกบำเพ็ญ เทียบกันแล้ว ข้าธาตุไฟเข้าแทรกครั้งเดียวมันจะเท่าไรกัน

เสิ่นเทียนดีดนิ้วกลางมือขวาออกมา “ข้อสอง เจ้ายังไม่เคยทุ่มสุดตัว จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่อาจพลิกฟ้าแก้ดวงชะตาได้”

พลิกฟ้าแก้ดวงชะตา!

จ้าวเฮ่าตัวสั่นเล็กน้อย ใช่เลย!

ข้าแค่ตันเถียนเสียหายเท่านั้น ยังไม่ได้ตายตก

ตันเถียนเสียหายทำให้พลังบำเพ็ญเสียไปทั้งหมด ข้าก็แค่คิดหาทางฟื้นตันเถียนกลับมาแล้วฝึกบำเพ็ญใหม่

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าก็คิดหาทางย้ายไปฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร ทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นอย่างสุดความสามารถ

สหายเสิ่นอนาถเช่นนั้นยังพยายามพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา แล้วข้ามีเหตุผลอะไรที่จะไม่พยายาม!

เสิ่นเทียนดีดนิ้วนางมือขวาออกมาช้าๆ “ข้อสาม วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!”

บึ้ม!

วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!

คำพูดนี้เหมือนกับสายฟ้าสายหนึ่งผ่าทะลวงเมฆดำในใจจ้าวเฮ่า

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดคำพูดที่ฟังดูแล้วมีความน่าอัปยศตกเป็นรองชัดเจน แต่เมื่อเข้าหูเขากลับทำให้เขารู้สึกเลือดร้อนไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด

ราวกับว่าคำพูดนี้เกิดมาเพื่อเขา เป็นบทเพลงสงครามที่ชีวิตเขาจะฝ่าฝืนดวงชะตาและออกจากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ!

ตอนนี้จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียน เขารู้สึกว่าใกล้ชิดกับสหายท่านนี้มาก เหมือนกับคนรู้ใจในชาตินี้ของเขา

ภูผาสูงสายน้ำไหลริน ป๋อหยาจื่อชี[1] มันคือสัจธรรม!

เขามองเสิ่นเทียน แววตาเหมือนมีประกายสายฟ้าวูบวาบ ก่อนจะพูดด้วยความเร่าร้อนและจริงใจ “ดี! ทุกคำพูดของสหายเสิ่นดั่งบทกวี!”

จางอวิ๋นซีมองจ้าวเฮ่าอย่างเฉยชา นัยน์ตาขยับประกายสายฟ้าจริงๆ นางรู้สึกว่าตนโดนมองข้ามไปแล้ว

จ้าวเฮ่าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายที่อบอวลอยู่ในอากาศ เขาแค่มองเสิ่นเทียนด้วยความเร่าร้อน

“สหายเสิ่น ข้ากับเจ้าพบกันครั้งแรกก็ถูกชะตากันแล้ว ไม่ทราบว่าสหายเสิ่นยินดีจะเป็นสหายรู้ใจกับข้าหรือไม่”

แค่กๆ!

เสิ่นเทียนแทบจะพ่นต้มไก่ใส่หน้าจ้าวเฮ่า “เป็นสหายรู้ใจหรือ”

ล้อเล่นรึเปล่า

วงรัศมีเหนือศีรษะเจ้านี่แปลกมาก ดำครึ่งทองครึ่งดูยุ่งเหยิง

ใครจะไปรู้ว่านี่หมายถึงอะไร หมายถึงดวงซวยสุดขีดก่อนจะผลิกผันกลับมาเป็นดี หรือหมายถึงใช้สหายเซ่นไหว้สวรรค์ให้มีพลังฤทธิ์ไร้ขีดจำกัดกัน

พระเอกที่เปิดเรื่องมาก็โดนถอนหมั้นแบบนี้ ระหว่างทางไปปกติจะมีแต่ฆ่าฟัน อันตรายมากจริงๆ

ฉู่เทียนโหวบิดาของจ้าวเฮ่าหายสาบสูญไปในสนามรบบรรพกาล ใครจะรู้ว่าเป็นสหายกันแล้วจะพิชิตไปด้วยกันได้หรือไม่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนแอบตัดสินใจอยู่ในใจ เป็นสหายได้ แต่ให้สาบานเป็นสหายกันไม่ได้เด็ดขาด!

ช่วงนี้จ้าวเฮ่าพบเจอกับนิสัยใจคอคนมากมาย ตอนนี้เห็นสีหน้าเสิ่นเทียนก็พอจะสังเกตได้แล้ว

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “สหายเสิ่นไม่ต้องกังวลไป แซ่จ้าวโฉ่งฉ่างไปเอง ด้วยสถานการณ์ของข้าตอนนี้จะไปสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าได้อย่างไร”

ซี๊ด!

เสิ่นเทียนอดสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่งมิได้ นะ…นี่คือบทที่พระเอกโดนคนดูถูกหรือ

ตามโครงเรื่องปกติแล้ว ถ้าพระเอกโดนพูดจาดูถูกละก็ ภายภาคหน้าจะพลิกกลับมาได้อย่างแน่นอน

เวรแล้ว เจ้าจ้าวเฮ่านี่คงไม่คับแค้นใจเพราะเหตุนี้แล้วมาเสแสร้งทำให้ข้าขายหน้าหรอกนะ!

……

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้น ก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ถ้าเจ้ามีความคิดเช่นนี้ก็ไม่คู่ควรจริงๆ”

เสิ่นเทียนเชิดหน้ายืดอกขึ้น เดินไปตรงหน้าต่างอย่างเฉยชา มองเมืองหมอกลับแลข้างล่าง “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก!”

ในน้ำเสียงเย็นชามีปณิธารอันยิ่งใหญ่ที่กลืนกินใต้หล้า “สหายของแซ่เสิ่นจะต้องมีปณิธานอันยิ่งใหญ่แห่งมังกรทะยานสวรรค์เก้าชั้น ดังคำกล่าวว่าเกล็ดปลาทองจะอยู่สระน้ำได้อย่างไร เมื่อพบเมฆลมก็กลายเป็นมังกร ถ้าเจ้ายังดูถูกตัวเองแล้วจะให้คนอื่นเขาเคารพเจ้าได้อย่างไร

สหายจ้าว โอรสสวรรค์ที่แท้จริงไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร และยิ่งไม่ต้องอยู่ในสายตาคนอื่น แม้คนใต้หล้าจะหัวเราะเยาะเจ้าแล้วอย่างไร ใจข้าดั่งเหล็ก แข็งแกร่งไม่อาจตีแตกได้! จงแน่วแน่ตลอดไป สู้สุดชีวิตด้วยความกระตือรือร้น จะต้องทำให้พวกนั้นตกตะลึงได้อย่างแน่นอน!”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่าแววตาเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ “สหายเสิ่นพูดถูก จ้าวเฮ่าละอายใจ! หัวใจของสหายเสิ่นดั่งทองคำ กายดั่งอัคคี ผ่านการขัดเกลามาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่แซ่จ้าวกลับอ่อนแอเช่นนี้ ช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ!

คำพูดของสหายเสิ่นเหนือยิ่งกว่าฝึกบำเพ็ญเซียนร้อยปี วันนี้ที่สหายเสิ่นชี้แนะด้วยความอดทนและจริงใจ แซ่จ้าวจะจดจำไว่ในใจมิกล้าลืมเลือน!”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางโบกไม้โบกมือ “สหายจ้าวไม่ต้องเกรงใจ ความจริงปัญหาเรื่องพลังบำเพ็ญสูญสิ้นของเจ้าไม่ได้แก้ยากเลย”

เสิ่นเทียนเพิ่งกล่าวจบ จ้าวเฮ่าก็ตัวสั่นสะท้านทันที “สหายเสิ่นกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ขอไม่ปิดบังความจริงแล้วกัน ข้าเคยฝึกฝนวิชาทำนายความลับสวรรค์มาก่อน มองจากใบหน้าของสหายจ้าวแล้ว มีเครื่องหมายบ่งชี้ว่าเมื่อดวงชะตาอับโชคถึงขีดสุดจะพลิกผันกลับมาเป็นดี ดูท่ามังกรซ่อนกำลังจะทะยานขึ้นจากหุบเหวแล้ว”

จ้าวเฮ่าอึ้งไปแล้ว “สหายเสิ่นพูดจริงหรือ บอกได้หรือไม่ว่ามังกรซ่อนจะทะยานขึ้นจากหุบเหวได้อย่างไร”

“ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผยได้ สหายจ้าวอย่าใจร้อน มาดื่มต้มไก่ก่อนเถอะ!”

พูดจบ เสิ่นเทียนก็ยิ้มพลางตักต้มไก่ชามหนึ่งส่งให้จ้าวเฮ่า

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความซึ้งใจ “ถ้าสหายเสิ่นรู้จริงๆ ขอร้องช่วยบอกข้าทีเถอะ! แซ่จ้าวสิ้นพลังบำเพ็ญ โดนคนเหยียดหยาม ข้าใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ

ข้าจะฟื้นพลังบำเพ็ญแล้วเอาทุกอย่างของตระกูลกลับมา จะแข็งแกร่งขึ้นแล้วไปพาท่านพ่อกลับมาจากสนามรบบรรพกาล อ้อ ยังมีองค์หญิงนั่นด้วย เห็นๆ อยู่ว่าถอนหมั้นเพราะข้าสิ้นหลังบำเพ็ญ ยังจะมาหาข้ออ้างอีก

บอกว่าตอนไปเยือนอาณาจักรต้าเหยียนไปเจอบุรุษรูปงามคนหนึ่ง จากนั้นก็รักใครไม่ได้อีกเลย ทั้งยังบอกว่าข้าสิ้นพลังบำเพ็ญไม่สำคัญ แต่เทียบกับคนนั้นแล้ว หน้าตาข้าขี้เหร่เกินไปจริงๆ

น่าอัปยศ นี่คือความน่าอัปยศอดสู! จะถอนหมั้นก็ช่าง แต่นางกลับมาเหยียดหยามข้าเช่นนี้!

แซ่จ้าวทนกับความคับแค้นใจเช่นนี้ไม่ไหว!”

จ้าวเฮ่ายังพูดไม่จบ คนอื่นๆ ในห้องพิเศษเริ่มมีสีหน้าแปลกประหลาดยิ่ง

จางอวิ๋นซีใบหน้ากระตุกเล็กน้อย เหมือนจะกลั้นขำ นางมองจ้าวเฮ่าพลางถาม “เจ้ามั่นใจนะว่าที่อาณาจักรต้าเหยียนน่ะ”

จ้าวเฮ่าแค่นเสียงขึ้นจมูก “นางบอกว่าไปเจอบุรุษรูปงามคนนั้นที่สวนหมื่นวิญญาณของอาณาจักรต้าเหยียน ชื่อเสิ่นเอ้าเทียนอะไรนี่แหละ ช่างบังเอิญสหายเสิ่น ชื่อของเจ้านั่นคล้ายกับเจ้ามาก อีกทั้งเขาเหมือนจะชำนาญการทำนายความลับสวรรค์…”

รอเดี๋ยว ระยำ!

จ้าวเฮ่านิ่งอึ้งไป เขาหันหน้ามามองใบหน้าเสิ่นเทียน

เวลานี้ จ้าวเฮ่าเกิดการคาดเดาอันน่าสะพรึงและเหลวไหลขึ้นในใจ

……

ขณะเดียวกัน ประตูห้องพิเศษเปิดออก ก่อนเถ้าแก่จะยกอาหารคาวกลิ่นหอมฉุยจานหนึ่งเข้ามา

“ท่านชายเสิ่น ท่านเซียนจาง ทุกท่านรอกันนานเลย นี่คืออาหารแนะนำที่ร้านเราชำนาญที่สุด…กุ้งสดหัวใจหมู[2]! ทุกท่านลองชิมดูเถอะ!”

…………………………

[1] ป๋อหยากับจื่อชี เป็นเรื่องราวของป๋อหยาที่ชอบดีดพิณเพลงภูผาสูงสายน้ำรินไหลบนภูเขา แต่ไม่มีใครฟังเข้าใจ แต่คนตัดฟืนนามจงจื่อชีผ่านมาและฟังเข้าใจ จึงเหมือนเป็นคนรู้ใจกัน

[2] กุ้งสดหัวใจหมู พ้องกับคำว่า ฆ่าคนทะลวงหัวใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู
กลิ่นหอมของต้มไก่อบอวลไปทั่วห้องพิเศษ เต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์ด้านบวกสูง

เสิ่นเทียนดื่มต้มไก่ชามหนึ่งลงท้อง ก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั่วร่างลดตามลงไปไม่น้อย

เถ้าแก่ข้างๆ เอ่ยถาม “ท่านชายเสิ่น ต้มไก่วิญญาณเพลิงร้านเรารสชาติเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

ไก่วิญญาณเพลิงมีปัญจธาตุไฟ เอาไปตุ๋นต้มคู่กับสมุนไพรอย่างตันเซินและเห็ดหลิงจือแล้ว กลายเป็นอาหารบำรุงธาตุหยางชั้นเลิศ

เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว แต่ดื่มแค่ต้มไก่ไม่ค่อยอยู่ท้อง เถ้าแก่ไปเตรียมอาหารคาวมาอีกสองสามอย่างแล้วกัน!”

เถ้าแก่รีบพยักหน้าก่อนจะลงไปกำชับให้ครัวทำอาหาร

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ยกชามดื่มอย่างมีความสุขพลางกลืนน้ำลาย “สหายเสิ่น ต้มไก่นี่ไม่ได้ให้ข้ารึ”

เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ “สหายจ้าวเข้าใจผิดแล้ว นี่คือต้มไก่วิญญาณเพลิง ของเจ้าต้มไก่จิตตะต่างหาก”

เสิ่นเทียนวางชามต้มไก่ลงก่อนจะมองจ้าวเฮ่าด้วยแววตาลุกวาว “สหายจ้าว! เป็นสหายกันแล้วก็ถือว่าเป็นคนกันเอง ข้ามีอะไรอยากจะพูดหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์กับเจ้า”

พอเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าจริงจังแล้ว จ้าวเฮ่าก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “แซ่จ้าวยินดีรับฟัง”

เสิ่นเทียนดีดนิ้วชี้มือขวาออกมา “ข้อแรก ล้มเหลวไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือเจ้าพ่ายแพ้ให้กับความล้มเหลว”

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ตาลุกวาวพลางนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่บิดาตนเคยพูดให้เขาฟังมาบ้าง

ดวงชะตาผิดพลาดมาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นดาวหายนะโดดเดี่ยว ฝึกบำเพ็ญยังธาตุไฟเข้าแทรกเป็นประจำ แทบจะเป็นลูกค้าเหมาทั้งปีของสำนักหมอหลวง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเสิ่นเทียนก็ไม่ยอมแพ้ในการฝึกบำเพ็ญ เทียบกันแล้ว ข้าธาตุไฟเข้าแทรกครั้งเดียวมันจะเท่าไรกัน

เสิ่นเทียนดีดนิ้วกลางมือขวาออกมา “ข้อสอง เจ้ายังไม่เคยทุ่มสุดตัว จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่อาจพลิกฟ้าแก้ดวงชะตาได้”

พลิกฟ้าแก้ดวงชะตา!

จ้าวเฮ่าตัวสั่นเล็กน้อย ใช่เลย!

ข้าแค่ตันเถียนเสียหายเท่านั้น ยังไม่ได้ตายตก

ตันเถียนเสียหายทำให้พลังบำเพ็ญเสียไปทั้งหมด ข้าก็แค่คิดหาทางฟื้นตันเถียนกลับมาแล้วฝึกบำเพ็ญใหม่

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าก็คิดหาทางย้ายไปฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร ทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นอย่างสุดความสามารถ

สหายเสิ่นอนาถเช่นนั้นยังพยายามพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา แล้วข้ามีเหตุผลอะไรที่จะไม่พยายาม!

เสิ่นเทียนดีดนิ้วนางมือขวาออกมาช้าๆ “ข้อสาม วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!”

บึ้ม!

วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!

คำพูดนี้เหมือนกับสายฟ้าสายหนึ่งผ่าทะลวงเมฆดำในใจจ้าวเฮ่า

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดคำพูดที่ฟังดูแล้วมีความน่าอัปยศตกเป็นรองชัดเจน แต่เมื่อเข้าหูเขากลับทำให้เขารู้สึกเลือดร้อนไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด

ราวกับว่าคำพูดนี้เกิดมาเพื่อเขา เป็นบทเพลงสงครามที่ชีวิตเขาจะฝ่าฝืนดวงชะตาและออกจากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ!

ตอนนี้จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียน เขารู้สึกว่าใกล้ชิดกับสหายท่านนี้มาก เหมือนกับคนรู้ใจในชาตินี้ของเขา

ภูผาสูงสายน้ำไหลริน ป๋อหยาจื่อชี[1] มันคือสัจธรรม!

เขามองเสิ่นเทียน แววตาเหมือนมีประกายสายฟ้าวูบวาบ ก่อนจะพูดด้วยความเร่าร้อนและจริงใจ “ดี! ทุกคำพูดของสหายเสิ่นดั่งบทกวี!”

จางอวิ๋นซีมองจ้าวเฮ่าอย่างเฉยชา นัยน์ตาขยับประกายสายฟ้าจริงๆ นางรู้สึกว่าตนโดนมองข้ามไปแล้ว

จ้าวเฮ่าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายที่อบอวลอยู่ในอากาศ เขาแค่มองเสิ่นเทียนด้วยความเร่าร้อน

“สหายเสิ่น ข้ากับเจ้าพบกันครั้งแรกก็ถูกชะตากันแล้ว ไม่ทราบว่าสหายเสิ่นยินดีจะเป็นสหายรู้ใจกับข้าหรือไม่”

แค่กๆ!

เสิ่นเทียนแทบจะพ่นต้มไก่ใส่หน้าจ้าวเฮ่า “เป็นสหายรู้ใจหรือ”

ล้อเล่นรึเปล่า

วงรัศมีเหนือศีรษะเจ้านี่แปลกมาก ดำครึ่งทองครึ่งดูยุ่งเหยิง

ใครจะไปรู้ว่านี่หมายถึงอะไร หมายถึงดวงซวยสุดขีดก่อนจะผลิกผันกลับมาเป็นดี หรือหมายถึงใช้สหายเซ่นไหว้สวรรค์ให้มีพลังฤทธิ์ไร้ขีดจำกัดกัน

พระเอกที่เปิดเรื่องมาก็โดนถอนหมั้นแบบนี้ ระหว่างทางไปปกติจะมีแต่ฆ่าฟัน อันตรายมากจริงๆ

ฉู่เทียนโหวบิดาของจ้าวเฮ่าหายสาบสูญไปในสนามรบบรรพกาล ใครจะรู้ว่าเป็นสหายกันแล้วจะพิชิตไปด้วยกันได้หรือไม่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนแอบตัดสินใจอยู่ในใจ เป็นสหายได้ แต่ให้สาบานเป็นสหายกันไม่ได้เด็ดขาด!

ช่วงนี้จ้าวเฮ่าพบเจอกับนิสัยใจคอคนมากมาย ตอนนี้เห็นสีหน้าเสิ่นเทียนก็พอจะสังเกตได้แล้ว

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “สหายเสิ่นไม่ต้องกังวลไป แซ่จ้าวโฉ่งฉ่างไปเอง ด้วยสถานการณ์ของข้าตอนนี้จะไปสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าได้อย่างไร”

ซี๊ด!

เสิ่นเทียนอดสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่งมิได้ นะ…นี่คือบทที่พระเอกโดนคนดูถูกหรือ

ตามโครงเรื่องปกติแล้ว ถ้าพระเอกโดนพูดจาดูถูกละก็ ภายภาคหน้าจะพลิกกลับมาได้อย่างแน่นอน

เวรแล้ว เจ้าจ้าวเฮ่านี่คงไม่คับแค้นใจเพราะเหตุนี้แล้วมาเสแสร้งทำให้ข้าขายหน้าหรอกนะ!

……

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้น ก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ถ้าเจ้ามีความคิดเช่นนี้ก็ไม่คู่ควรจริงๆ”

เสิ่นเทียนเชิดหน้ายืดอกขึ้น เดินไปตรงหน้าต่างอย่างเฉยชา มองเมืองหมอกลับแลข้างล่าง “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก!”

ในน้ำเสียงเย็นชามีปณิธารอันยิ่งใหญ่ที่กลืนกินใต้หล้า “สหายของแซ่เสิ่นจะต้องมีปณิธานอันยิ่งใหญ่แห่งมังกรทะยานสวรรค์เก้าชั้น ดังคำกล่าวว่าเกล็ดปลาทองจะอยู่สระน้ำได้อย่างไร เมื่อพบเมฆลมก็กลายเป็นมังกร ถ้าเจ้ายังดูถูกตัวเองแล้วจะให้คนอื่นเขาเคารพเจ้าได้อย่างไร

สหายจ้าว โอรสสวรรค์ที่แท้จริงไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร และยิ่งไม่ต้องอยู่ในสายตาคนอื่น แม้คนใต้หล้าจะหัวเราะเยาะเจ้าแล้วอย่างไร ใจข้าดั่งเหล็ก แข็งแกร่งไม่อาจตีแตกได้! จงแน่วแน่ตลอดไป สู้สุดชีวิตด้วยความกระตือรือร้น จะต้องทำให้พวกนั้นตกตะลึงได้อย่างแน่นอน!”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่าแววตาเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ “สหายเสิ่นพูดถูก จ้าวเฮ่าละอายใจ! หัวใจของสหายเสิ่นดั่งทองคำ กายดั่งอัคคี ผ่านการขัดเกลามาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่แซ่จ้าวกลับอ่อนแอเช่นนี้ ช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ!

คำพูดของสหายเสิ่นเหนือยิ่งกว่าฝึกบำเพ็ญเซียนร้อยปี วันนี้ที่สหายเสิ่นชี้แนะด้วยความอดทนและจริงใจ แซ่จ้าวจะจดจำไว่ในใจมิกล้าลืมเลือน!”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางโบกไม้โบกมือ “สหายจ้าวไม่ต้องเกรงใจ ความจริงปัญหาเรื่องพลังบำเพ็ญสูญสิ้นของเจ้าไม่ได้แก้ยากเลย”

เสิ่นเทียนเพิ่งกล่าวจบ จ้าวเฮ่าก็ตัวสั่นสะท้านทันที “สหายเสิ่นกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ขอไม่ปิดบังความจริงแล้วกัน ข้าเคยฝึกฝนวิชาทำนายความลับสวรรค์มาก่อน มองจากใบหน้าของสหายจ้าวแล้ว มีเครื่องหมายบ่งชี้ว่าเมื่อดวงชะตาอับโชคถึงขีดสุดจะพลิกผันกลับมาเป็นดี ดูท่ามังกรซ่อนกำลังจะทะยานขึ้นจากหุบเหวแล้ว”

จ้าวเฮ่าอึ้งไปแล้ว “สหายเสิ่นพูดจริงหรือ บอกได้หรือไม่ว่ามังกรซ่อนจะทะยานขึ้นจากหุบเหวได้อย่างไร”

“ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผยได้ สหายจ้าวอย่าใจร้อน มาดื่มต้มไก่ก่อนเถอะ!”

พูดจบ เสิ่นเทียนก็ยิ้มพลางตักต้มไก่ชามหนึ่งส่งให้จ้าวเฮ่า

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความซึ้งใจ “ถ้าสหายเสิ่นรู้จริงๆ ขอร้องช่วยบอกข้าทีเถอะ! แซ่จ้าวสิ้นพลังบำเพ็ญ โดนคนเหยียดหยาม ข้าใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ

ข้าจะฟื้นพลังบำเพ็ญแล้วเอาทุกอย่างของตระกูลกลับมา จะแข็งแกร่งขึ้นแล้วไปพาท่านพ่อกลับมาจากสนามรบบรรพกาล อ้อ ยังมีองค์หญิงนั่นด้วย เห็นๆ อยู่ว่าถอนหมั้นเพราะข้าสิ้นหลังบำเพ็ญ ยังจะมาหาข้ออ้างอีก

บอกว่าตอนไปเยือนอาณาจักรต้าเหยียนไปเจอบุรุษรูปงามคนหนึ่ง จากนั้นก็รักใครไม่ได้อีกเลย ทั้งยังบอกว่าข้าสิ้นพลังบำเพ็ญไม่สำคัญ แต่เทียบกับคนนั้นแล้ว หน้าตาข้าขี้เหร่เกินไปจริงๆ

น่าอัปยศ นี่คือความน่าอัปยศอดสู! จะถอนหมั้นก็ช่าง แต่นางกลับมาเหยียดหยามข้าเช่นนี้!

แซ่จ้าวทนกับความคับแค้นใจเช่นนี้ไม่ไหว!”

จ้าวเฮ่ายังพูดไม่จบ คนอื่นๆ ในห้องพิเศษเริ่มมีสีหน้าแปลกประหลาดยิ่ง

จางอวิ๋นซีใบหน้ากระตุกเล็กน้อย เหมือนจะกลั้นขำ นางมองจ้าวเฮ่าพลางถาม “เจ้ามั่นใจนะว่าที่อาณาจักรต้าเหยียนน่ะ”

จ้าวเฮ่าแค่นเสียงขึ้นจมูก “นางบอกว่าไปเจอบุรุษรูปงามคนนั้นที่สวนหมื่นวิญญาณของอาณาจักรต้าเหยียน ชื่อเสิ่นเอ้าเทียนอะไรนี่แหละ ช่างบังเอิญสหายเสิ่น ชื่อของเจ้านั่นคล้ายกับเจ้ามาก อีกทั้งเขาเหมือนจะชำนาญการทำนายความลับสวรรค์…”

รอเดี๋ยว ระยำ!

จ้าวเฮ่านิ่งอึ้งไป เขาหันหน้ามามองใบหน้าเสิ่นเทียน

เวลานี้ จ้าวเฮ่าเกิดการคาดเดาอันน่าสะพรึงและเหลวไหลขึ้นในใจ

……

ขณะเดียวกัน ประตูห้องพิเศษเปิดออก ก่อนเถ้าแก่จะยกอาหารคาวกลิ่นหอมฉุยจานหนึ่งเข้ามา

“ท่านชายเสิ่น ท่านเซียนจาง ทุกท่านรอกันนานเลย นี่คืออาหารแนะนำที่ร้านเราชำนาญที่สุด…กุ้งสดหัวใจหมู[2]! ทุกท่านลองชิมดูเถอะ!”

…………………………

[1] ป๋อหยากับจื่อชี เป็นเรื่องราวของป๋อหยาที่ชอบดีดพิณเพลงภูผาสูงสายน้ำรินไหลบนภูเขา แต่ไม่มีใครฟังเข้าใจ แต่คนตัดฟืนนามจงจื่อชีผ่านมาและฟังเข้าใจ จึงเหมือนเป็นคนรู้ใจกัน

[2] กุ้งสดหัวใจหมู พ้องกับคำว่า ฆ่าคนทะลวงหัวใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู
กลิ่นหอมของต้มไก่อบอวลไปทั่วห้องพิเศษ เต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์ด้านบวกสูง

เสิ่นเทียนดื่มต้มไก่ชามหนึ่งลงท้อง ก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั่วร่างลดตามลงไปไม่น้อย

เถ้าแก่ข้างๆ เอ่ยถาม “ท่านชายเสิ่น ต้มไก่วิญญาณเพลิงร้านเรารสชาติเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

ไก่วิญญาณเพลิงมีปัญจธาตุไฟ เอาไปตุ๋นต้มคู่กับสมุนไพรอย่างตันเซินและเห็ดหลิงจือแล้ว กลายเป็นอาหารบำรุงธาตุหยางชั้นเลิศ

เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว แต่ดื่มแค่ต้มไก่ไม่ค่อยอยู่ท้อง เถ้าแก่ไปเตรียมอาหารคาวมาอีกสองสามอย่างแล้วกัน!”

เถ้าแก่รีบพยักหน้าก่อนจะลงไปกำชับให้ครัวทำอาหาร

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ยกชามดื่มอย่างมีความสุขพลางกลืนน้ำลาย “สหายเสิ่น ต้มไก่นี่ไม่ได้ให้ข้ารึ”

เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ “สหายจ้าวเข้าใจผิดแล้ว นี่คือต้มไก่วิญญาณเพลิง ของเจ้าต้มไก่จิตตะต่างหาก”

เสิ่นเทียนวางชามต้มไก่ลงก่อนจะมองจ้าวเฮ่าด้วยแววตาลุกวาว “สหายจ้าว! เป็นสหายกันแล้วก็ถือว่าเป็นคนกันเอง ข้ามีอะไรอยากจะพูดหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์กับเจ้า”

พอเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าจริงจังแล้ว จ้าวเฮ่าก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “แซ่จ้าวยินดีรับฟัง”

เสิ่นเทียนดีดนิ้วชี้มือขวาออกมา “ข้อแรก ล้มเหลวไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือเจ้าพ่ายแพ้ให้กับความล้มเหลว”

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ตาลุกวาวพลางนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่บิดาตนเคยพูดให้เขาฟังมาบ้าง

ดวงชะตาผิดพลาดมาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นดาวหายนะโดดเดี่ยว ฝึกบำเพ็ญยังธาตุไฟเข้าแทรกเป็นประจำ แทบจะเป็นลูกค้าเหมาทั้งปีของสำนักหมอหลวง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเสิ่นเทียนก็ไม่ยอมแพ้ในการฝึกบำเพ็ญ เทียบกันแล้ว ข้าธาตุไฟเข้าแทรกครั้งเดียวมันจะเท่าไรกัน

เสิ่นเทียนดีดนิ้วกลางมือขวาออกมา “ข้อสอง เจ้ายังไม่เคยทุ่มสุดตัว จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่อาจพลิกฟ้าแก้ดวงชะตาได้”

พลิกฟ้าแก้ดวงชะตา!

จ้าวเฮ่าตัวสั่นเล็กน้อย ใช่เลย!

ข้าแค่ตันเถียนเสียหายเท่านั้น ยังไม่ได้ตายตก

ตันเถียนเสียหายทำให้พลังบำเพ็ญเสียไปทั้งหมด ข้าก็แค่คิดหาทางฟื้นตันเถียนกลับมาแล้วฝึกบำเพ็ญใหม่

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าก็คิดหาทางย้ายไปฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร ทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นอย่างสุดความสามารถ

สหายเสิ่นอนาถเช่นนั้นยังพยายามพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา แล้วข้ามีเหตุผลอะไรที่จะไม่พยายาม!

เสิ่นเทียนดีดนิ้วนางมือขวาออกมาช้าๆ “ข้อสาม วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!”

บึ้ม!

วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!

คำพูดนี้เหมือนกับสายฟ้าสายหนึ่งผ่าทะลวงเมฆดำในใจจ้าวเฮ่า

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดคำพูดที่ฟังดูแล้วมีความน่าอัปยศตกเป็นรองชัดเจน แต่เมื่อเข้าหูเขากลับทำให้เขารู้สึกเลือดร้อนไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด

ราวกับว่าคำพูดนี้เกิดมาเพื่อเขา เป็นบทเพลงสงครามที่ชีวิตเขาจะฝ่าฝืนดวงชะตาและออกจากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ!

ตอนนี้จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียน เขารู้สึกว่าใกล้ชิดกับสหายท่านนี้มาก เหมือนกับคนรู้ใจในชาตินี้ของเขา

ภูผาสูงสายน้ำไหลริน ป๋อหยาจื่อชี[1] มันคือสัจธรรม!

เขามองเสิ่นเทียน แววตาเหมือนมีประกายสายฟ้าวูบวาบ ก่อนจะพูดด้วยความเร่าร้อนและจริงใจ “ดี! ทุกคำพูดของสหายเสิ่นดั่งบทกวี!”

จางอวิ๋นซีมองจ้าวเฮ่าอย่างเฉยชา นัยน์ตาขยับประกายสายฟ้าจริงๆ นางรู้สึกว่าตนโดนมองข้ามไปแล้ว

จ้าวเฮ่าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายที่อบอวลอยู่ในอากาศ เขาแค่มองเสิ่นเทียนด้วยความเร่าร้อน

“สหายเสิ่น ข้ากับเจ้าพบกันครั้งแรกก็ถูกชะตากันแล้ว ไม่ทราบว่าสหายเสิ่นยินดีจะเป็นสหายรู้ใจกับข้าหรือไม่”

แค่กๆ!

เสิ่นเทียนแทบจะพ่นต้มไก่ใส่หน้าจ้าวเฮ่า “เป็นสหายรู้ใจหรือ”

ล้อเล่นรึเปล่า

วงรัศมีเหนือศีรษะเจ้านี่แปลกมาก ดำครึ่งทองครึ่งดูยุ่งเหยิง

ใครจะไปรู้ว่านี่หมายถึงอะไร หมายถึงดวงซวยสุดขีดก่อนจะผลิกผันกลับมาเป็นดี หรือหมายถึงใช้สหายเซ่นไหว้สวรรค์ให้มีพลังฤทธิ์ไร้ขีดจำกัดกัน

พระเอกที่เปิดเรื่องมาก็โดนถอนหมั้นแบบนี้ ระหว่างทางไปปกติจะมีแต่ฆ่าฟัน อันตรายมากจริงๆ

ฉู่เทียนโหวบิดาของจ้าวเฮ่าหายสาบสูญไปในสนามรบบรรพกาล ใครจะรู้ว่าเป็นสหายกันแล้วจะพิชิตไปด้วยกันได้หรือไม่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนแอบตัดสินใจอยู่ในใจ เป็นสหายได้ แต่ให้สาบานเป็นสหายกันไม่ได้เด็ดขาด!

ช่วงนี้จ้าวเฮ่าพบเจอกับนิสัยใจคอคนมากมาย ตอนนี้เห็นสีหน้าเสิ่นเทียนก็พอจะสังเกตได้แล้ว

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “สหายเสิ่นไม่ต้องกังวลไป แซ่จ้าวโฉ่งฉ่างไปเอง ด้วยสถานการณ์ของข้าตอนนี้จะไปสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าได้อย่างไร”

ซี๊ด!

เสิ่นเทียนอดสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่งมิได้ นะ…นี่คือบทที่พระเอกโดนคนดูถูกหรือ

ตามโครงเรื่องปกติแล้ว ถ้าพระเอกโดนพูดจาดูถูกละก็ ภายภาคหน้าจะพลิกกลับมาได้อย่างแน่นอน

เวรแล้ว เจ้าจ้าวเฮ่านี่คงไม่คับแค้นใจเพราะเหตุนี้แล้วมาเสแสร้งทำให้ข้าขายหน้าหรอกนะ!

……

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้น ก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ถ้าเจ้ามีความคิดเช่นนี้ก็ไม่คู่ควรจริงๆ”

เสิ่นเทียนเชิดหน้ายืดอกขึ้น เดินไปตรงหน้าต่างอย่างเฉยชา มองเมืองหมอกลับแลข้างล่าง “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก!”

ในน้ำเสียงเย็นชามีปณิธารอันยิ่งใหญ่ที่กลืนกินใต้หล้า “สหายของแซ่เสิ่นจะต้องมีปณิธานอันยิ่งใหญ่แห่งมังกรทะยานสวรรค์เก้าชั้น ดังคำกล่าวว่าเกล็ดปลาทองจะอยู่สระน้ำได้อย่างไร เมื่อพบเมฆลมก็กลายเป็นมังกร ถ้าเจ้ายังดูถูกตัวเองแล้วจะให้คนอื่นเขาเคารพเจ้าได้อย่างไร

สหายจ้าว โอรสสวรรค์ที่แท้จริงไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร และยิ่งไม่ต้องอยู่ในสายตาคนอื่น แม้คนใต้หล้าจะหัวเราะเยาะเจ้าแล้วอย่างไร ใจข้าดั่งเหล็ก แข็งแกร่งไม่อาจตีแตกได้! จงแน่วแน่ตลอดไป สู้สุดชีวิตด้วยความกระตือรือร้น จะต้องทำให้พวกนั้นตกตะลึงได้อย่างแน่นอน!”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่าแววตาเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ “สหายเสิ่นพูดถูก จ้าวเฮ่าละอายใจ! หัวใจของสหายเสิ่นดั่งทองคำ กายดั่งอัคคี ผ่านการขัดเกลามาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่แซ่จ้าวกลับอ่อนแอเช่นนี้ ช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ!

คำพูดของสหายเสิ่นเหนือยิ่งกว่าฝึกบำเพ็ญเซียนร้อยปี วันนี้ที่สหายเสิ่นชี้แนะด้วยความอดทนและจริงใจ แซ่จ้าวจะจดจำไว่ในใจมิกล้าลืมเลือน!”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางโบกไม้โบกมือ “สหายจ้าวไม่ต้องเกรงใจ ความจริงปัญหาเรื่องพลังบำเพ็ญสูญสิ้นของเจ้าไม่ได้แก้ยากเลย”

เสิ่นเทียนเพิ่งกล่าวจบ จ้าวเฮ่าก็ตัวสั่นสะท้านทันที “สหายเสิ่นกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ขอไม่ปิดบังความจริงแล้วกัน ข้าเคยฝึกฝนวิชาทำนายความลับสวรรค์มาก่อน มองจากใบหน้าของสหายจ้าวแล้ว มีเครื่องหมายบ่งชี้ว่าเมื่อดวงชะตาอับโชคถึงขีดสุดจะพลิกผันกลับมาเป็นดี ดูท่ามังกรซ่อนกำลังจะทะยานขึ้นจากหุบเหวแล้ว”

จ้าวเฮ่าอึ้งไปแล้ว “สหายเสิ่นพูดจริงหรือ บอกได้หรือไม่ว่ามังกรซ่อนจะทะยานขึ้นจากหุบเหวได้อย่างไร”

“ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผยได้ สหายจ้าวอย่าใจร้อน มาดื่มต้มไก่ก่อนเถอะ!”

พูดจบ เสิ่นเทียนก็ยิ้มพลางตักต้มไก่ชามหนึ่งส่งให้จ้าวเฮ่า

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความซึ้งใจ “ถ้าสหายเสิ่นรู้จริงๆ ขอร้องช่วยบอกข้าทีเถอะ! แซ่จ้าวสิ้นพลังบำเพ็ญ โดนคนเหยียดหยาม ข้าใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ

ข้าจะฟื้นพลังบำเพ็ญแล้วเอาทุกอย่างของตระกูลกลับมา จะแข็งแกร่งขึ้นแล้วไปพาท่านพ่อกลับมาจากสนามรบบรรพกาล อ้อ ยังมีองค์หญิงนั่นด้วย เห็นๆ อยู่ว่าถอนหมั้นเพราะข้าสิ้นหลังบำเพ็ญ ยังจะมาหาข้ออ้างอีก

บอกว่าตอนไปเยือนอาณาจักรต้าเหยียนไปเจอบุรุษรูปงามคนหนึ่ง จากนั้นก็รักใครไม่ได้อีกเลย ทั้งยังบอกว่าข้าสิ้นพลังบำเพ็ญไม่สำคัญ แต่เทียบกับคนนั้นแล้ว หน้าตาข้าขี้เหร่เกินไปจริงๆ

น่าอัปยศ นี่คือความน่าอัปยศอดสู! จะถอนหมั้นก็ช่าง แต่นางกลับมาเหยียดหยามข้าเช่นนี้!

แซ่จ้าวทนกับความคับแค้นใจเช่นนี้ไม่ไหว!”

จ้าวเฮ่ายังพูดไม่จบ คนอื่นๆ ในห้องพิเศษเริ่มมีสีหน้าแปลกประหลาดยิ่ง

จางอวิ๋นซีใบหน้ากระตุกเล็กน้อย เหมือนจะกลั้นขำ นางมองจ้าวเฮ่าพลางถาม “เจ้ามั่นใจนะว่าที่อาณาจักรต้าเหยียนน่ะ”

จ้าวเฮ่าแค่นเสียงขึ้นจมูก “นางบอกว่าไปเจอบุรุษรูปงามคนนั้นที่สวนหมื่นวิญญาณของอาณาจักรต้าเหยียน ชื่อเสิ่นเอ้าเทียนอะไรนี่แหละ ช่างบังเอิญสหายเสิ่น ชื่อของเจ้านั่นคล้ายกับเจ้ามาก อีกทั้งเขาเหมือนจะชำนาญการทำนายความลับสวรรค์…”

รอเดี๋ยว ระยำ!

จ้าวเฮ่านิ่งอึ้งไป เขาหันหน้ามามองใบหน้าเสิ่นเทียน

เวลานี้ จ้าวเฮ่าเกิดการคาดเดาอันน่าสะพรึงและเหลวไหลขึ้นในใจ

……

ขณะเดียวกัน ประตูห้องพิเศษเปิดออก ก่อนเถ้าแก่จะยกอาหารคาวกลิ่นหอมฉุยจานหนึ่งเข้ามา

“ท่านชายเสิ่น ท่านเซียนจาง ทุกท่านรอกันนานเลย นี่คืออาหารแนะนำที่ร้านเราชำนาญที่สุด…กุ้งสดหัวใจหมู[2]! ทุกท่านลองชิมดูเถอะ!”

…………………………

[1] ป๋อหยากับจื่อชี เป็นเรื่องราวของป๋อหยาที่ชอบดีดพิณเพลงภูผาสูงสายน้ำรินไหลบนภูเขา แต่ไม่มีใครฟังเข้าใจ แต่คนตัดฟืนนามจงจื่อชีผ่านมาและฟังเข้าใจ จึงเหมือนเป็นคนรู้ใจกัน

[2] กุ้งสดหัวใจหมู พ้องกับคำว่า ฆ่าคนทะลวงหัวใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 127 อาหารแนะนำร้านเรา กุ้งสดหัวใจหมู
กลิ่นหอมของต้มไก่อบอวลไปทั่วห้องพิเศษ เต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์ด้านบวกสูง

เสิ่นเทียนดื่มต้มไก่ชามหนึ่งลงท้อง ก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั่วร่างลดตามลงไปไม่น้อย

เถ้าแก่ข้างๆ เอ่ยถาม “ท่านชายเสิ่น ต้มไก่วิญญาณเพลิงร้านเรารสชาติเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

ไก่วิญญาณเพลิงมีปัญจธาตุไฟ เอาไปตุ๋นต้มคู่กับสมุนไพรอย่างตันเซินและเห็ดหลิงจือแล้ว กลายเป็นอาหารบำรุงธาตุหยางชั้นเลิศ

เสิ่นเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว แต่ดื่มแค่ต้มไก่ไม่ค่อยอยู่ท้อง เถ้าแก่ไปเตรียมอาหารคาวมาอีกสองสามอย่างแล้วกัน!”

เถ้าแก่รีบพยักหน้าก่อนจะลงไปกำชับให้ครัวทำอาหาร

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ยกชามดื่มอย่างมีความสุขพลางกลืนน้ำลาย “สหายเสิ่น ต้มไก่นี่ไม่ได้ให้ข้ารึ”

เสิ่นเทียนส่ายหน้ายิ้มๆ “สหายจ้าวเข้าใจผิดแล้ว นี่คือต้มไก่วิญญาณเพลิง ของเจ้าต้มไก่จิตตะต่างหาก”

เสิ่นเทียนวางชามต้มไก่ลงก่อนจะมองจ้าวเฮ่าด้วยแววตาลุกวาว “สหายจ้าว! เป็นสหายกันแล้วก็ถือว่าเป็นคนกันเอง ข้ามีอะไรอยากจะพูดหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์กับเจ้า”

พอเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าจริงจังแล้ว จ้าวเฮ่าก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “แซ่จ้าวยินดีรับฟัง”

เสิ่นเทียนดีดนิ้วชี้มือขวาออกมา “ข้อแรก ล้มเหลวไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือเจ้าพ่ายแพ้ให้กับความล้มเหลว”

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนที่ตาลุกวาวพลางนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเสิ่นเทียนที่บิดาตนเคยพูดให้เขาฟังมาบ้าง

ดวงชะตาผิดพลาดมาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นดาวหายนะโดดเดี่ยว ฝึกบำเพ็ญยังธาตุไฟเข้าแทรกเป็นประจำ แทบจะเป็นลูกค้าเหมาทั้งปีของสำนักหมอหลวง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเสิ่นเทียนก็ไม่ยอมแพ้ในการฝึกบำเพ็ญ เทียบกันแล้ว ข้าธาตุไฟเข้าแทรกครั้งเดียวมันจะเท่าไรกัน

เสิ่นเทียนดีดนิ้วกลางมือขวาออกมา “ข้อสอง เจ้ายังไม่เคยทุ่มสุดตัว จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่อาจพลิกฟ้าแก้ดวงชะตาได้”

พลิกฟ้าแก้ดวงชะตา!

จ้าวเฮ่าตัวสั่นเล็กน้อย ใช่เลย!

ข้าแค่ตันเถียนเสียหายเท่านั้น ยังไม่ได้ตายตก

ตันเถียนเสียหายทำให้พลังบำเพ็ญเสียไปทั้งหมด ข้าก็แค่คิดหาทางฟื้นตันเถียนกลับมาแล้วฝึกบำเพ็ญใหม่

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าก็คิดหาทางย้ายไปฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร ทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นอย่างสุดความสามารถ

สหายเสิ่นอนาถเช่นนั้นยังพยายามพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา แล้วข้ามีเหตุผลอะไรที่จะไม่พยายาม!

เสิ่นเทียนดีดนิ้วนางมือขวาออกมาช้าๆ “ข้อสาม วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!”

บึ้ม!

วันนี้โดนดูถูกโดนถอนหมั้น วันข้างหน้าจะเป็นมังกรบุกทะลวงฟ้าดิน!

คำพูดนี้เหมือนกับสายฟ้าสายหนึ่งผ่าทะลวงเมฆดำในใจจ้าวเฮ่า

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดคำพูดที่ฟังดูแล้วมีความน่าอัปยศตกเป็นรองชัดเจน แต่เมื่อเข้าหูเขากลับทำให้เขารู้สึกเลือดร้อนไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด

ราวกับว่าคำพูดนี้เกิดมาเพื่อเขา เป็นบทเพลงสงครามที่ชีวิตเขาจะฝ่าฝืนดวงชะตาและออกจากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ!

ตอนนี้จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียน เขารู้สึกว่าใกล้ชิดกับสหายท่านนี้มาก เหมือนกับคนรู้ใจในชาตินี้ของเขา

ภูผาสูงสายน้ำไหลริน ป๋อหยาจื่อชี[1] มันคือสัจธรรม!

เขามองเสิ่นเทียน แววตาเหมือนมีประกายสายฟ้าวูบวาบ ก่อนจะพูดด้วยความเร่าร้อนและจริงใจ “ดี! ทุกคำพูดของสหายเสิ่นดั่งบทกวี!”

จางอวิ๋นซีมองจ้าวเฮ่าอย่างเฉยชา นัยน์ตาขยับประกายสายฟ้าจริงๆ นางรู้สึกว่าตนโดนมองข้ามไปแล้ว

จ้าวเฮ่าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายที่อบอวลอยู่ในอากาศ เขาแค่มองเสิ่นเทียนด้วยความเร่าร้อน

“สหายเสิ่น ข้ากับเจ้าพบกันครั้งแรกก็ถูกชะตากันแล้ว ไม่ทราบว่าสหายเสิ่นยินดีจะเป็นสหายรู้ใจกับข้าหรือไม่”

แค่กๆ!

เสิ่นเทียนแทบจะพ่นต้มไก่ใส่หน้าจ้าวเฮ่า “เป็นสหายรู้ใจหรือ”

ล้อเล่นรึเปล่า

วงรัศมีเหนือศีรษะเจ้านี่แปลกมาก ดำครึ่งทองครึ่งดูยุ่งเหยิง

ใครจะไปรู้ว่านี่หมายถึงอะไร หมายถึงดวงซวยสุดขีดก่อนจะผลิกผันกลับมาเป็นดี หรือหมายถึงใช้สหายเซ่นไหว้สวรรค์ให้มีพลังฤทธิ์ไร้ขีดจำกัดกัน

พระเอกที่เปิดเรื่องมาก็โดนถอนหมั้นแบบนี้ ระหว่างทางไปปกติจะมีแต่ฆ่าฟัน อันตรายมากจริงๆ

ฉู่เทียนโหวบิดาของจ้าวเฮ่าหายสาบสูญไปในสนามรบบรรพกาล ใครจะรู้ว่าเป็นสหายกันแล้วจะพิชิตไปด้วยกันได้หรือไม่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนแอบตัดสินใจอยู่ในใจ เป็นสหายได้ แต่ให้สาบานเป็นสหายกันไม่ได้เด็ดขาด!

ช่วงนี้จ้าวเฮ่าพบเจอกับนิสัยใจคอคนมากมาย ตอนนี้เห็นสีหน้าเสิ่นเทียนก็พอจะสังเกตได้แล้ว

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “สหายเสิ่นไม่ต้องกังวลไป แซ่จ้าวโฉ่งฉ่างไปเอง ด้วยสถานการณ์ของข้าตอนนี้จะไปสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าได้อย่างไร”

ซี๊ด!

เสิ่นเทียนอดสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่งมิได้ นะ…นี่คือบทที่พระเอกโดนคนดูถูกหรือ

ตามโครงเรื่องปกติแล้ว ถ้าพระเอกโดนพูดจาดูถูกละก็ ภายภาคหน้าจะพลิกกลับมาได้อย่างแน่นอน

เวรแล้ว เจ้าจ้าวเฮ่านี่คงไม่คับแค้นใจเพราะเหตุนี้แล้วมาเสแสร้งทำให้ข้าขายหน้าหรอกนะ!

……

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้น ก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ถ้าเจ้ามีความคิดเช่นนี้ก็ไม่คู่ควรจริงๆ”

เสิ่นเทียนเชิดหน้ายืดอกขึ้น เดินไปตรงหน้าต่างอย่างเฉยชา มองเมืองหมอกลับแลข้างล่าง “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก!”

ในน้ำเสียงเย็นชามีปณิธารอันยิ่งใหญ่ที่กลืนกินใต้หล้า “สหายของแซ่เสิ่นจะต้องมีปณิธานอันยิ่งใหญ่แห่งมังกรทะยานสวรรค์เก้าชั้น ดังคำกล่าวว่าเกล็ดปลาทองจะอยู่สระน้ำได้อย่างไร เมื่อพบเมฆลมก็กลายเป็นมังกร ถ้าเจ้ายังดูถูกตัวเองแล้วจะให้คนอื่นเขาเคารพเจ้าได้อย่างไร

สหายจ้าว โอรสสวรรค์ที่แท้จริงไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเจ้าอย่างไร และยิ่งไม่ต้องอยู่ในสายตาคนอื่น แม้คนใต้หล้าจะหัวเราะเยาะเจ้าแล้วอย่างไร ใจข้าดั่งเหล็ก แข็งแกร่งไม่อาจตีแตกได้! จงแน่วแน่ตลอดไป สู้สุดชีวิตด้วยความกระตือรือร้น จะต้องทำให้พวกนั้นตกตะลึงได้อย่างแน่นอน!”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่าแววตาเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ “สหายเสิ่นพูดถูก จ้าวเฮ่าละอายใจ! หัวใจของสหายเสิ่นดั่งทองคำ กายดั่งอัคคี ผ่านการขัดเกลามาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่แซ่จ้าวกลับอ่อนแอเช่นนี้ ช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ!

คำพูดของสหายเสิ่นเหนือยิ่งกว่าฝึกบำเพ็ญเซียนร้อยปี วันนี้ที่สหายเสิ่นชี้แนะด้วยความอดทนและจริงใจ แซ่จ้าวจะจดจำไว่ในใจมิกล้าลืมเลือน!”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางโบกไม้โบกมือ “สหายจ้าวไม่ต้องเกรงใจ ความจริงปัญหาเรื่องพลังบำเพ็ญสูญสิ้นของเจ้าไม่ได้แก้ยากเลย”

เสิ่นเทียนเพิ่งกล่าวจบ จ้าวเฮ่าก็ตัวสั่นสะท้านทันที “สหายเสิ่นกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”

เสิ่นเทียนยิ้ม “ขอไม่ปิดบังความจริงแล้วกัน ข้าเคยฝึกฝนวิชาทำนายความลับสวรรค์มาก่อน มองจากใบหน้าของสหายจ้าวแล้ว มีเครื่องหมายบ่งชี้ว่าเมื่อดวงชะตาอับโชคถึงขีดสุดจะพลิกผันกลับมาเป็นดี ดูท่ามังกรซ่อนกำลังจะทะยานขึ้นจากหุบเหวแล้ว”

จ้าวเฮ่าอึ้งไปแล้ว “สหายเสิ่นพูดจริงหรือ บอกได้หรือไม่ว่ามังกรซ่อนจะทะยานขึ้นจากหุบเหวได้อย่างไร”

“ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผยได้ สหายจ้าวอย่าใจร้อน มาดื่มต้มไก่ก่อนเถอะ!”

พูดจบ เสิ่นเทียนก็ยิ้มพลางตักต้มไก่ชามหนึ่งส่งให้จ้าวเฮ่า

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความซึ้งใจ “ถ้าสหายเสิ่นรู้จริงๆ ขอร้องช่วยบอกข้าทีเถอะ! แซ่จ้าวสิ้นพลังบำเพ็ญ โดนคนเหยียดหยาม ข้าใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ

ข้าจะฟื้นพลังบำเพ็ญแล้วเอาทุกอย่างของตระกูลกลับมา จะแข็งแกร่งขึ้นแล้วไปพาท่านพ่อกลับมาจากสนามรบบรรพกาล อ้อ ยังมีองค์หญิงนั่นด้วย เห็นๆ อยู่ว่าถอนหมั้นเพราะข้าสิ้นหลังบำเพ็ญ ยังจะมาหาข้ออ้างอีก

บอกว่าตอนไปเยือนอาณาจักรต้าเหยียนไปเจอบุรุษรูปงามคนหนึ่ง จากนั้นก็รักใครไม่ได้อีกเลย ทั้งยังบอกว่าข้าสิ้นพลังบำเพ็ญไม่สำคัญ แต่เทียบกับคนนั้นแล้ว หน้าตาข้าขี้เหร่เกินไปจริงๆ

น่าอัปยศ นี่คือความน่าอัปยศอดสู! จะถอนหมั้นก็ช่าง แต่นางกลับมาเหยียดหยามข้าเช่นนี้!

แซ่จ้าวทนกับความคับแค้นใจเช่นนี้ไม่ไหว!”

จ้าวเฮ่ายังพูดไม่จบ คนอื่นๆ ในห้องพิเศษเริ่มมีสีหน้าแปลกประหลาดยิ่ง

จางอวิ๋นซีใบหน้ากระตุกเล็กน้อย เหมือนจะกลั้นขำ นางมองจ้าวเฮ่าพลางถาม “เจ้ามั่นใจนะว่าที่อาณาจักรต้าเหยียนน่ะ”

จ้าวเฮ่าแค่นเสียงขึ้นจมูก “นางบอกว่าไปเจอบุรุษรูปงามคนนั้นที่สวนหมื่นวิญญาณของอาณาจักรต้าเหยียน ชื่อเสิ่นเอ้าเทียนอะไรนี่แหละ ช่างบังเอิญสหายเสิ่น ชื่อของเจ้านั่นคล้ายกับเจ้ามาก อีกทั้งเขาเหมือนจะชำนาญการทำนายความลับสวรรค์…”

รอเดี๋ยว ระยำ!

จ้าวเฮ่านิ่งอึ้งไป เขาหันหน้ามามองใบหน้าเสิ่นเทียน

เวลานี้ จ้าวเฮ่าเกิดการคาดเดาอันน่าสะพรึงและเหลวไหลขึ้นในใจ

……

ขณะเดียวกัน ประตูห้องพิเศษเปิดออก ก่อนเถ้าแก่จะยกอาหารคาวกลิ่นหอมฉุยจานหนึ่งเข้ามา

“ท่านชายเสิ่น ท่านเซียนจาง ทุกท่านรอกันนานเลย นี่คืออาหารแนะนำที่ร้านเราชำนาญที่สุด…กุ้งสดหัวใจหมู[2]! ทุกท่านลองชิมดูเถอะ!”

…………………………

[1] ป๋อหยากับจื่อชี เป็นเรื่องราวของป๋อหยาที่ชอบดีดพิณเพลงภูผาสูงสายน้ำรินไหลบนภูเขา แต่ไม่มีใครฟังเข้าใจ แต่คนตัดฟืนนามจงจื่อชีผ่านมาและฟังเข้าใจ จึงเหมือนเป็นคนรู้ใจกัน

[2] กุ้งสดหัวใจหมู พ้องกับคำว่า ฆ่าคนทะลวงหัวใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+