บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 491 กระจกคุนหลุน ก้าวข้ามมิติ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 491 กระจกคุนหลุน ก้าวข้ามมิติ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 491 กระจกคุนหลุน ก้าวข้ามมิติ!

เสิ่นเทียนหยัดกายขึ้นช้าๆ มองไปที่มรดกชิ้นสุดท้าย

นั่นเป็นกระจกหยกสีคราม กลิ่นอายพลังโบราณและเก่าแก่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายกาลเวลา

มันมหัศจรรย์ยิ่ง บนขอบกระจกแกะสลักลายแปลกประหลาด เหมือนลายเทพมหามรรค เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน

หน้ากระจกใสแวววาว เหมือนหยกเซียนสูงสุดที่แกะสลักเสร็จ ท่วงทำนองวิญญาณแผ่ออกมา

แต่ท่วงทำนองวิญญาณที่แผ่มาจากกระจกเบาบางยิ่ง แทบจะสัมผัสไม่ได้เลย

ดูแล้วเหมือนกระจกธรรมดา

เสิ่นเทียนเพ่งสายตามอง เหตุใดในตำหนักราชันมนุษย์ถึงมีของธรรมดาเช่นนี้ได้

นี่ถือว่าเป็นมรดกสูงสุดรึ

เสิ่นเทียนสัมผัสอย่างละเอียดก็พบว่ากระจกยังคงธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ

เสิ่นเทียนพูดพึมพำ “เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนถูกหลอกล่ะ”

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เสิ่นเทียนก็ยังยื่นมือไปหยิบกระจกนั้น

ถึงอย่างไรก็มาแล้ว อย่าให้เสียเปล่า

บางทีกระจกนี่อาจจะซ่อนความลับไว้ เป็นยอดอาวุธสูงสุด!

เพราะอย่างไรของในตำหนักราชันมนุษย์จะไปแย่ได้อย่างไร

……

เสิ่นเทียนกอดความคิดว่าสิ้นเปลืองไม่ได้ หยิบกระจกขึ้นมา

เมื่อสัมผัสกระจก เสิ่นเทียนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

เขารู้สึกว่าในกระจกซ่อนพลังลึกล้ำยากจะคาดเดาไว้

เหมือนมหาสมุทรตามอำเภอใจ กว้างใหญ่ไร้พรมแดน

สมบัติสุดยอด นี่คือสมบัติสุดยอด!

ตอนนี้เองมีข้อมูลหนึ่งลอยขึ้นในความคิดเสิ่นเทียน

นี่เป็นที่มาของกระจกโบราณนี้!

สิ่งนี้มีชื่อว่ากระจกคุนหลุน มีที่มาน่าเหลือเชื่อ

ช่วงยุคดึกดำบรรพ์ เทือกเขาคุนหลุนมีขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ตำหนักสวรรค์คุนหลุน!

ผู้นำของพวกเขาคือซีหวังหมู่ที่ปกครองใต้หล้า

ในมือซีหวังหมู่ถือยอดอาวุธสูงสุด กระจกคุนหลุน

กระจกคุนหลุนไม่ใช่ยอดอาวุธที่เน้นการโจมตี แต่กลับทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายหวาดกลัว

เพราะมันแฝงพลังของมิติที่พิเศษที่สุดในโลก เล่าลือว่าพลังของกระจกคุนหลุนสามารถเดินทางไปอดีต ปัจจุบันและอนาคตได้ ก้ามข้ามมิติได้

พลังนี้ส่งผลถึงพลังต้นกำเนิดฟ้าดิน เรียกได้ว่าเป็นของพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา

เสิ่นเทียนไม่นึกเลยว่าตนจะได้กระจกคุนหลุนที่นี่

เขาอดใจไม่ไหวส่งพลังงานเข้าไป อยากจะปลุกกระจกคุนหลุน ดูอานุภาพอย่างละเอียด

ตอนนี้เองเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น

กระจกคุนหลุนเปล่งแสงเทพสว่างจ้ายิ่ง

แสงเทพหมื่นสายพุ่งขึ้นฟ้าเก้าชั้น ปกคลุมทั้งมิติไว้

ที่นี่เหมือนดวงตะวันลอยขึ้น สว่างจ้าแสบตา ทำให้คนลืมตาไม่ขึ้น

ขณะเดียวกัน พลังมหาศาลหมุนม้วนออกมาและลุกลามไปในฟ้าดิน

มิติบิดเบี้ยว ฟ้าดินเปิดออก

ถ้ำแสงลอยขึ้นมาในอากาศ เหนี่ยวนำกฎเกณฑ์มากมายตกลงมา ปกคลุมฟ้าดิน

เสิ่นเทียนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย อานุภาพนี้มากมายมหาศาลยิ่งนัก

เขายังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกถ้ำแสงหนาทึบกลืนกินไปในทีเดียว หายไปจากโลกนี้

ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะพุ่งมาในความคิดเขาอย่างแรง มีความรู้สึกฟ้าดินหมุนวน

เขาฝืนต้านความรู้สึกวิงเวียนไว้ ลืมตาขึ้น

เห็นว่าตอนนี้เขาอยู่ในมิติพิเศษยิ่งแห่งหนึ่ง รอบๆ เป็นปราการที่สร้างจากกฎเกณฑ์ ปกคลุมที่นี่ไว้ทั้งหมด

ใต้เท้าเขาเป็นธารน้ำเวลาสายหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเวลา ลี้ลับไม่อาจคาดเดา

ธารน้ำเวลาไหลไปช้าๆ มองไปไม่เห็นขอบเขต เชื่อมไปยังที่ที่ไม่รู้ชื่อ

โดยรอบแผ่พลังแห่งมิติแก่กล้า ยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทร

ที่นี่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ทำให้เสิ่นเทียนงุนงง

เสิ่นเทียนเผยแววตาตกใจระคนสงสัย อดพึมพำกับตัวเองมิได้ “ที่นี่คือที่ใดกัน”

ไม่อยากเชื่อว่ากระจกโบราณจะลากเขามายังมิติไม่รู้นาม นี่มันน่าเหลือเชื่อ

ที่นี่ คงไม่ใช่มิติรกร้างที่ออกจากห้าดินแดนหรอกนะ!

เสิ่นเทียนกำหมัด กระตุ้นหมัดเทพฟ้าขุ่นชกใส่ปราการมิติ

ทว่าปราการมิตินั้นแข็งแกร่งมาก ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย!

เสิ่นเทียนตกตะลึง การโจมตีนี้มีอานุภาพพอจะคุกคามถึงเซียนแท้

ปรากฏว่าแม้แต่ปราการมิติยังไม่สั่นคลอนเลยรึ

ที่นี่คือที่ใดกันแน่

……

เสิ่นเทียนไม่เชื่อสิ่งลี้ลับ เขาคิดจะออกมืออีกครั้ง

ตอนนี้เองเขาเห็นร่างเงาคนลอยอยู่บนแม่น้ำกาลเวลา

เขายืนอยู่บนแม่น้ำกาลเวลา เหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์รอบกายสั่นกระเพื่อม ปั่นป่วนไม่หยุด

เสิ่นเทียนตัวสั่นอย่างรุนแรง ทะเลจิตกระเพื่อม

ร่างเงานั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาเหมือนกับสิ่งต้องห้ามสูงสุด

เมินสวรรค์ เย้ยเยาะจักรวาล เหยียบฟ้าดินแห่งนี้ไว้ใต้เท้า

คนนี้เป็นใครกันแน่

เสิ่นเทียนยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ มิติรอบตัวก็พังทลายลง

เสิ่นเทียนถูกพลังลึกลับหนึ่งลากออกไป หายไปจากโลกนี้

หลังเขาออกมา ร่างเงานั้นหมุนตัวกลับมาช้าๆ เผยดวงตาลึกล้ำอย่างยิ่ง

เขาพูดขึ้นเนิบนาบ เสียงลี้ลับมหามรรคข้ามอดีตถึงปัจจุบัน

“ในที่สุด เจ้าก็มาแล้ว!”

เมื่อสิ้นคำพูดนี้ พลังที่บนฟ้าใต้ดินมีข้าที่เป็นใหญ่พุ่งออกมา เหนี่ยวนำให้มิติดับสลายไป

ร่างเงานั้นก็หายไปในแม่น้ำกาลเวลาเช่นกัน หายไปอย่างไร้ร่องรอย

……

เสิ่นเทียนตาค้างเล็กน้อย ไม่เข้าใจ

จนเมื่อเขาได้สติกลับมาก็มาปรากฏบนฟ้าทะเลอุดรแล้ว

การเดินทางครั้งนี้ เขางุนงงไปหมดเลย

เหตุใดเขาถึงไปโผล่ในมิติแปลกประหลาด แล้วคนนั้นเป็นใครกัน

เสิ่นเทียนมองกระจกคุนหลุนที่เปล่งแสงอ่อนพลางมุมปากกระตุกเล็กน้อย

แม้สิ่งนี้จะดูธรรมดายิ่ง แต่ก็ให้ความรู้สึกกับเขาว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ให้เขาเห็นภาพแปลกประหลาด จากนั้นก็จบลง

ศักยภาพและดวงชะตาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

เปลี่ยนไปอย่างเดียวคือเขาถูกเคลื่อนย้ายจากตำหนักราชันมนุษย์มาบนฟ้าทะเลอุดร

นี่คือสุดยอดอาวุธรึ มีแค่นี้รึ

หลอกกันชัดๆ!

เสิ่นเทียนถอนหายใจ และไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะอย่างไรการเดินทางครั้งนี้เขาก็ได้อะไรมามากมาย

ไม่ใช่แค่ศักยภาพเพิ่มขึ้น แต่ยังได้มรดกมากมาย ทำให้กำลังหลักของเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

บางทีอาจจะใช้สิ่งนี้บูรณะโถงสวรรค์โบราณขึ้นมาอีกครั้งก็ได้!

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ซ่อนกระจกคุนหลุนไว้ในเสื้อ ก่อนบินไปทางใต้

…..

ก้าวข้ามเขตทะเลไร้พรมแดนมา เสิ่นเทียนก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมงตรงชายแดนทะเลอุดร

ทันใดนั้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

เพราะเขารู้สึกถึงกลิ่นอายชั่วร้ายกำลังแผ่มาจากในหมู่บ้าน

หรือว่าจะมีเผ่าวิญญาณร้ายกำลังก่อกรรมชั่วอยู่ที่นี่

ไม่นึกเลยว่าเพิ่งผ่านไปสามปี เผ่าวิญญาณร้ายจะเริ่มอาละวาดอีกแล้ว

แววตาเสิ่นเทียนเย็นชาขึ้นทีละนิด ก่อนเดินไปทางหมู่บ้านชาวประมง

เขาเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ความเย็นชาในดวงตาเหมือนอุโมงค์น้ำแข็ง จะแช่แข็งจิตวิญญาณคน

ที่นี่มืดมิดไร้แสงสว่าง หมอกชั่วร้ายอบอวล ซากปรักหักพังเต็มไปหมด ระเกะระกะ แทบจะถูกทำลายย่อยยับ

ตรงส่วนลึกของหมู่บ้านมีพลังเลือดลมพุ่งขึ้นฟ้า กลิ่นแสบจมูกยิ่ง

เสียงคำราม เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง ใครได้ยินเป็นต้องใจหนาวสั่น

เสิ่นเทียนผ่านไปที่ใดเจอแต่ซากสงครามเต็มไปหมด ศพปกคลุมโดยรอบ แขนขาขาดกระจายบนพื้น ดูน่าตกใจนัก

มีคนถูกควักหัวใจ ดวงตาสองข้างระเบิด ตายตาไม่หลับ

มีคนลำไส้สาดกระจายเต็มพื้น โลหิตไหลเป็นสายน้ำ

มีเด็กมากมาย หญิงมีครรภ์หกเดือนและชายชราผมหงอกยากจะรอดจากมือพิษร้าย ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด

ที่นี่มีศพกองเป็นภูเขา เหมือนนรกบนดิน เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของเผ่าวิญญาณร้าย

……

ตอนนี้ตรงส่วนลึกของหมู่บ้านยังมีวิญญาณร้ายกลุ่มหนึ่งกำลังเข่นฆ่า พวกมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำทั้งตัว กลิ่นอายชั่วร้ายวนเวียน

ข้างหลังมีหนามกระดูกแหลมคมพุ่งขึ้น หน้าตาดุร้าย ดวงตาแดงก่ำกระชากคน

วิญญาณร้ายพวกนี้เหมือนภูตผีจากนรก เข่นฆ่าตามอำเภอใจ

ตรงหน้าพวกมันเป็นชาวบ้านที่ดวงตาเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาแทบปริแตกอยู่หลายคน

“วิญญาณร้ายสมควรตาย คืนชีวิตลูกเมียข้ามา!”

มีชาวบ้านตะโกนด้วยความโกรธ ก่อนจะปาจอบในมือใส่วิญญาณร้ายตรงหน้าอย่างแรง

ดวงตาพวกเขาแดงเหมือนเลือด โศกเศร้าอยู่ในใจ

การได้เห็นลูกเมียตนตายน่าเวทนาในมือวิญญาณร้าย แล้วเขาจะไม่โกรธแค้นได้อย่างไร

ทว่าการโจมตีของชาวบ้านยังไม่ทันโดนตัวก็ถูกวิญญาณร้ายทะลวงหน้าอก ฉีกเป็นสองส่วน

“พวกมดปลวก ยังกล้าต่อต้านอีก!”

วิญญาณร้ายหัวเราะเยาะ ทั่วร่างอาบฝนโลหิต เสพสุขความรู้สึกนี้อย่างยิ่ง!

ส่วนชาวบ้านที่เหลือก็ถูกวิญญาณร้ายคนอื่นสังหารเช่นกัน เหลือเพียงเด็กหญิงน้อยที่ตัวสั่นงันงก

ตอนที่เสิ่นเทียนมาถึง ก็ได้เห็นชาวบ้านพวกนั้นตายน่าเวทนาพอดี

ดวงตาเขาเย็นยะเยือก เพลิงโทสะพุ่งขึ้นฟ้า

คนพวกนี้เป็นเพียงคนธรรมดา ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็มีพลังบำเพ็ญระดับสร้างฐาน

วิญญาณร้ายเข่นฆ่าเช่นนี้ จึงไม่มีกำลังสวนกลับเลย

ที่นี่โหดร้ายทารุณยิ่งนัก ทำให้คนใจหนาวเหน็บ

…..

ตอนนี้เอง วิญญาณร้ายพวกนั้นเดินไปทางเด็กหญิงน้อยคนนั้น

มีวิญญาณร้ายหัวเราะเยาะ “เคี๊ยกๆ เด็กสาวขาวเนียนนุ่มเช่นนี้ จะต้องอร่อยมากแน่ๆ”

มันอ้าปากสีเลือดกว้าง น้ำลายเหม็นเน่าไหลลงมาไม่หยุด

เด็กหญิงน้อยตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

นางจับตุ๊กตาในมือไว้แน่น ถอยไปเรื่อยๆ ดูน่าสงสารและไร้ที่พึ่งพิง

“ตายเสียเถอะ!”

วิญญาณร้ายพูดอย่างน่าสยดสยอง ก่อนจะยื่นกรงเล็บแหลมคม กดลงไป

การโจมตีนี้จะฉีกหน้าอกฉีกท้องนาง!

ทันใดนั้นเองร่างเงาหนึ่งพลันปรากฏข้างกายเด็กหญิง

ชุดคลุมขาวเขาเหมือนหิมะ ร่างลอยล่อง ท่วงท่าสง่างามที่สุด

คนนี้ก็คือเสิ่นเทียน

เมื่อเห็นร่างที่ปรากฏมาอย่างฉับพลัน วิญญาณร้ายก็มีสีหน้าตื่นตกใจ

แต่จากนั้นมันก็ทำหน้ามืดทะมึน ส่งเสียงหัวเราะเยาะ “ส่งมาตายอีกคนแล้ว!”

วิญญาณร้ายง้างกรงเล็บแหลมคม คว้าไปตรงหน้าอกเสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนมีสีหน้าเฉยชา เอ่ยขึ้นเนิบนาบมาคำหนึ่ง “ดับ!”

พริบตานั้น ท้องนภาพังทลาย ห้วงอากาศดับสลาย

วิญญาณร้ายตนนั้นหน้าเสิ่นเทียนระเบิดกระจายทันที กลายเป็นหมอกโลหิต

วิญญาณร้ายรอบๆ มีสีหน้าตื่นกลัว ตับและถุงน้ำดีแทบปริแตก

พวกมันหนีไปอย่างคลุ้มคลั่ง ไม่กล้าอยู่ที่นี่เลย

เจ้ามนุษย์นี่น่ากลัวไปแล้ว ไม่ใช่การคงอยู่ที่พวกมันจะต่อต้านได้!

เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้แข็งแกร่งสูงสุดของเผ่ามนุษย์!

เสิ่นเทียนไม่สนใจวิญญาณร้ายพวกนั้น แค่เอ่ยพึมพำ “หรือว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงแล้ว”

เสิ่นเทียนรู้สึกแปลกไปอย่างชัดเจน ที่นี่ไม่เหมือนกับยามปกติเลย

ตามหลัก หากทะเลอุดรปรากฏวิญญาณร้าย ขุมอำนาจเผ่าอสูรทุกเผ่าจะต้องเคลื่อนไหวกันในทันที

มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้เส้นทางทะเลอุดรยังถูกทำลาย วิญญาณร้ายไม่มีทางบุกมาอีกครั้งเร็วขนาดนี้แน่

เช่นนั้นก็มีเพียงคำอธิบายสองอย่าง

หนึ่งคือในสามปีนี้ กองทัพวิญญาณร้ายบุกเข้ามาจากเขตอื่น ห้าดินแดนล่มสลายลง

แต่เสิ่นเทียนรู้ว่าความเป็นไปได้นี้มีไม่มาก ห้าดินแดนมีจักรพรรดิฮวงสืออยู่ ไม่มีทางล่มสลายในเวลาอันสั้นเช่นนี้แน่

เช่นนั้นก็มีอีกความเป็นไปได้ เขาข้ามเวลามา!

กระจกคุนหลุนแฝงไว้ด้วยพลังของมิติ มีพลังข้ามผ่านอดีต ปัจจุบันและอนาคต

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนอาจจะข้ามแม่น้ำเวลามาถึงหลังจากห้าดินแดนล่มสลาย

และมีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงอธิบายทุกอย่างตรงหน้าได้

…..

พอคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนเผยจิตสังหารออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

กลิ่นอายพลังเขาเหมือนคลื่นลูกยักษ์หมุนม้วนไปรอบๆ

ดวงตาเต็มไปด้วยเปลวไฟ แววตาเย็นชากวาดมองไป สายตาเย็นยะเยือกยิ่ง

วิญญาณร้ายที่หนีไปพวกนั้นรู้สึกถึงน่าสะพรึงกลัว ทำให้พวกมันขลาดกลัวไปหมด

และตอนนี้เอง เสิ่นเทียนขยับแล้ว

เขายกมือขึ้นช้าๆ ตบไปตรงหน้า

บึ้ม!

ทันใดนั้นฟ้าตกดินแตกสลาย

วิญญาณร้ายทั้งหมดพลันกลายเป็นเถ้าธุลีหายไปในฟ้าดิน

ทว่าเสิ่นเทียนไม่ดีใจเลยสักนิด

จิตใจเขาหนักหน่วงยิ่ง มองภาพน่าเวทนาซากศพเหมือนภูเขาพลางรู้สึกเจ็บปวดในใจ

ที่นี่น่าอนาถยิ่งนัก ทำให้คนเศร้าเสียใจ

จากนั้นเสิ่นเทียนหมุนตัวกลับมามองเด็กหญิงน้อยที่โชคดีรอดชีวิตมาได้คนนั้น

นางน่าสงสาร ใบหน้าขาวเนียนเต็มไปด้วยคราบดิน

ดวงตาโตปราดเปรียวในตอนแรกเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ทำให้คนปวดใจ

นางขดตัวอยู่ตรงมุม เอาสองแขนกอดสองขา ตัวสั่นงันงก

เสิ่นเทียนเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจ

เด็กหญิงน้อยอายุเท่านี้ เดิมทีควรจะเสพชีวิตวัยเด็กที่ไม่ต้องกังวลอะไร

ปรากฏว่ากลับมาเจอกับหายนะครั้งนี้ ได้เห็นครอบครัวตนเองล้มตาย จะไปรับแรงกดดันเช่นนี้ได้อย่างไร

…..

เสิ่นเทียนเดินมาหน้าเด็กหญิงน้อย ก่อนจะพูดปลอบ “ไม่ต้องกลัว ที่นี่ปลอดภัยแล้ว!”

ขณะเดียวกัน เขาสะบัดแขนเสื้อเบา ปราณแห่งหยินหยางหลั่งไหลออกมา

พลังวิญญาณมหาศาลเหมือนกับหมอกขมุกขมัววนเวียนรอบกายเด็กหญิง

อาบชโลมกายและใจ ทำให้นางอารมณ์สงบลง

ภายใต้พลังนี้ ดวงตาเด็กหญิงกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นทีละนิด เปล่งประกายราศี

นางได้สติกลับมา มองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นฉากกลิ่นคาวเลือดอีกครั้ง

แต่เด็กหญิงน้อยไม่ร้องไห้ อาจจะเป็นเพราะหลั่งน้ำตาจนหมดไปนานแล้ว

นางกัดริมฝีปากแน่น มองเสิ่นเทียนด้วยความตึงเครียด

เสิ่นเทียนถอนหายใจก่อนจะพูดอย่างอ่อนโยน “เจ้า ชื่ออะไร”

เหมือนรู้สึกถึงเจตนาดีของเสิ่นเทียน เด็กหญิงน้อยจึงตอบเสียงต่ำ “ข้าชื่อเสี่ยวเสี่ยว!”

เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้ม “เสี่ยวเสี่ยวรึ เป็นนามที่เพราะมาก เจ้ายังมีญาติพี่น้องอีกหรือไม่”

เสี่ยวเสี่ยวส่ายหน้า กระบอกตาแดงขึ้นมาอีกครั้ง “ตายหมดแล้ว”

เสิ่นเทียนถอนหายใจ “ข้าจะพาเจ้าไปจากที่นี่แล้วกัน!”

เด็กหญิงน้อยแค่นี้ หากไม่สนใจ จะต้องเจอกับเหตุไม่คาดคิดแน่

เสิ่นเทียนคิดว่าจะพานางกลับไปดินแดนเผ่ามนุษย์แล้วค่อยจัดการ

…..

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็หมุนตัวจากไป คิดจะไปหาขุมอำนาจห้าดินแดนที่เหลืออยู่

เสี่ยวเสี่ยวตามมา ดึงเสื้อเสิ่นเทียน “พี่ใหญ่ เสี่ยวเสี่ยวตามท่านไปได้หรือไม่”

ดวงตานางขยับประกายน้ำตา เต็มไปด้วยความหวัง

ในมุมมองของเสี่ยวเสี่ยว เสิ่นเทียนคือผู้มีพระคุณของนาง เหมือนแสงยามรุ่งอรุณ มอบความหวังให้กับนาง

ดังนั้นนางจึงอยากติดตามเสิ่นเทียน จากนี้หาโอกาสตอบแทนเขา

เสิ่นเทียนหมุนตัวกลับมาช้าๆ เดิมทีคิดจะปฏิเสธ เพราะเขามีกายราชันมนุษย์ เป็นเป้าหมายหลักของเผ่าวิญญาณร้าย

ถูกลิขิตไว้ว่าจะต้องสู้จนตายกันไปข้างกับเผ่าวิญญาณร้าย มีอันตรายสูงมาก

หากพาเสี่ยวเสี่ยวไปด้วย จะทำให้นางตกอยู่ในอันตราย

สู้ให้นางไปเข้าดินแดนเผ่ามนุษย์ แบบนี้จะปลอดภัยกว่าหน่อย

……

ทว่าเสิ่นเทียนพบว่าเหนือศีรษะเสี่ยวเสี่ยวมีวงรัศมีดวงชะตากำลังเปล่งแสงสว่างจ้า

ตามหลัก มีวงรัศมีดวงชะตาเป็นเรื่องปกติมาก

ต่อให้เป็นในมนุษย์ที่ไม่เคยฝึกบำเพ็ญก็มีการคงอยู่ดวงชะตาสูง

แต่วงรัศมีดวงชะตาของเสี่ยวเสี่ยวสว่างจ้ามาก เหนือธรรมดาสุด ออกเป็นสีสันเบิกฟ้า

สีเช่นนี้ ทำให้เสิ่นเทียนอดตกใจมิได้

เขาเพิ่งเคยเห็นบุตรแห่งโชคที่มีวงรัศมีดวงชะตาระดับเบิกฟ้าเป็นครั้งแรก

วงรัศมีดวงชะตาระดับนี้ กระทั่งเหนือกว่าสือเทียนจื่อ เป็นอัจฉริยะที่สุดในโลก

หากเสี่ยวเสี่ยวเติบใหญ่ขึ้นก็จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด

…..

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ดี เช่นนั้นจากนี้เจ้าติดตามข้า!”

เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า “อืมๆ!”

เสิ่นเทียนถาม “เจ้าชื่อเสี่ยวเสี่ยว แซ่อะไร”

เสี่ยวเสี่ยวส่ายหน้าช้าๆ “ข้าชื่อเสี่ยวเสี่ยวเลย ท่านพ่อท่านแม่ไม่มีแซ่ ข้าเองก็ไม่มี”

เสิ่นเทียนครุ่นคิดก่อนพยักหน้า “เช่นนั้นจากนี้เจ้าชื่อเสิ่นเสี่ยวแล้วกัน!”

เสิ่นเสี่ยวยิ้ม “ขอบคุณพี่ใหญ่!”

เสิ่นเทียนลูบศีรษะเสิ่นเสี่ยวก่อนนำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าออกมาเม็ดหนึ่ง “ตอนนี้กินโอสถนี่ ก็จะดีขึ้นเอง”

เนื่องจากตกใจ ร่างกายเสี่ยวเสี่ยวจึงอ่อนแรงมาก

ประกอบกับนางไม่เคยฝึกบำเพ็ญ เกรงว่าคงเป็นเรื้อรัง

ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงนำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าออกมาให้นางกิน

อีกทั้งโอสถเสริมสวรรค์ยังมีสรรพคุณพลิกฟ้าปรับแก้คุณสมบัติกาย ยกระดับการตระหนักรู้ได้

เสิ่นเสี่ยวกินไปแล้วก็ฟื้นฟูกลับมาเร็วกว่าเดิม

ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรแห่งโชคที่มีวงรัศมีสีเบิกฟ้าที่ไม่เคยเจอมาก่อน ย่อมต้องดูแลให้ดี

…..

เสิ่นเสี่ยวกลับส่ายหน้า ไม่อยากกินยา

เด็กย่อมมีความกลัวต่อยาทุกชนิดอยู่แล้ว

เสิ่นเทียนยิ้มแห้งๆ “วางใจเถอะ นี่มันลูกกวาด หวานๆ”

ไม่นึกเลยว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาจะต้องมาหลอกเด็กกินยา

พอได้ฟังคำพูดเสิ่นเทียน ในที่สุดเสิ่นเสี่ยวก็ไม่ปฏิเสธอีก

นางกินโอสถไป ภายในร่างกายผอมเล็กเปล่งแสงเทพสว่างจ้าออกมา

ฤทธิ์ยาบริสุทธิ์ยิ่งหลอมละลาย ทำให้ผิวนางมีแสงเทพเวียนวน กายเนื้อใสแวววาวยิ่งขึ้น

เสิ่นเสี่ยวอายุยังน้อย ทั้งยังไม่เคยฝึกบำเพ็ญ กายเนื้อจึงไม่มีเศษกากอะไรเท่าไร

ภายใต้การเสริมด้วยโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า ทำให้คุณสมบัติกายนางกำลังพลิกฟ้าแก้ดวงชะตา สำเร็จสูงสุด

เสิ่นเทียนเห็นดังนั้นก็เอามือกดหลังเสิ่นเสี่ยวเสี่ยว ช่วยนางหลอมรวมฤทธิ์ยาโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า

ฤทธิ์ยานี้มากมายมหาศาล กายธรรมดาไม่อาจรับไหว จะระเบิดตัวเองตายได้ง่าย

แต่มีเสิ่นเทียนช่วย ฤทธิ์ยาส่วนใหญ่จึงหลอมรวมไปทั่วร่างกายเสิ่นเสี่ยวเสี่ยว

ตกตะกอนในกายเนื้อ หลอมรวมไปช้าๆ ตามกาลเวลา

คุณสมบัติกายเสิ่นเสี่ยวเสี่ยวผลัดเปลี่ยนไป กายเนื้อขาวผ่องยิ่งขึ้น เหมือนแกะสลักจากหยก เต็มไปด้วยทำนองวิญญาณ

เอกลักษณ์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน กลายเป็นเหนือสามัญ ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ยิ่ง

อีกทั้งกายเนื้อนางยังหลอมรวมปราณเบิกฟ้าไปด้วย

…..

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนตัวสั่นเบาๆ

ปราณเบิกฟ้าเป็นพลังที่คนธรรมดาไม่อาจหลอมรวมได้

เท่าที่เสิ่นเทียนรู้มา ในห้าดินแดนนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครหลอมรวมปราณเบิกฟ้าได้อีก

แม้แต่จักรพรรดิครามวิถีโอสถอันดับหนึ่งในตอนนั้นยังทำไม่ได้

ทว่าเสิ่นเสี่ยวเสี่ยวกลับหลอมรวมได้ส่วนหนึ่ง

แม้จะมีปริมาณน้อยมาก แต่นี่หมายความว่าคุณสมบัติกายของนางเหนือธรรมดาอย่างยิ่ง

เสิ่นเทียนถอนหายใจ “ดูท่าเจ้าคงมีวาสนากับข้านะ! เสี่ยวเสี่ยว เจ้ายินดีจะคารวะข้าเป็นอาจารย์หรือไม่”

ไม่ใช่แค่เป็นบุตรแห่งโชค แต่ยังหลอมรวมปราณเบิกฟ้าได้ ตรงกับวิชาที่เขาฝึกพอดี

เสิ่นเสี่ยวเสี่ยวได้ยินดังนั้นก็สีหน้าตื่นเต้น

นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ก่อนพูดด้วยความเคารพ “ศิษย์เสิ่นเสี่ยวเสี่ยว ขอคารวะอาจารย์!”

เสิ่นเทียนยิ้มปลื้มใจ ก่อนสะบัดแขนเสื้อเบาๆ ประคองนางขึ้นอย่างอ่อนโยน

“ดี ในเมื่อเจ้าคารวะเป็นศิษย์ข้าแล้ว ย่อมฝึกมรดกของอาจารย์ได้”

เสิ่นเทียนกดหน้าผากเสิ่นเสี่ยวเสี่ยวเบาๆ ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจอันลี้ลับของคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าให้กับนาง

วิชานี้ มีเพียงคนที่หลอมรวมปราณเบิกฟ้าเท่านั้นถึงจะฝึกได้

ดังนั้นนี่อาจจะเป็นวิชาที่เหมาะกับเสิ่นเสี่ยวเสี่ยวที่สุด

ดวงตาโตมีชีวิตชีวาของเสิ่นเสี่ยวเสี่ยวขยับประกายวาววับ เผยรอยยิ้มเขี้ยวพยัคฆ์น้อยออกมา “ขอบคุณอาจารย์มาก!”

นางมีความสุขมาก ไม่ใช่เพราะได้มรดกสูงสุด แต่เป็นเพราะได้ติดตามข้างกายเสิ่นเทียน!

……

เสิ่นเทียนเอ่ยขึ้น “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าลองฝึกฝนดูสิ มีอะไรไม่เข้าใจ อาจารย์จะอธิบายให้เจ้า”

เสิ่นเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าแล้วรีบนั่งขัดสมาธิลง

นางเริ่มฝึกวิชาตามมรดกในความคิด

ทว่าเสิ่นเสี่ยวเสี่ยวฝึกต่อเนื่องอยู่หลายสัปดาห์ก็ยังไม่สำเร็จเลย

เสิ่นเทียนเห็นดังนั้นจึงอธิบายความลับให้นางฟังด้วยตนเอง

ทว่าก็ยังเห็นผลไม่มาก

เสิ่นเสี่ยวเสี่ยวเหนื่อยจนเหงื่อชุ่มหน้าผาก หอบหายใจแรง

นางพูดด้วยความคับอกคับใจ “เสี่ยวเสี่ยวมันโง่ อาจารย์อย่าว่าเลยนะ”

เสิ่นเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ ฝึกไป”

แม้คุณสมบัติกายของเสิ่นเสี่ยวเสี่ยวจะถูกปรับแก้ด้วยโอสถเสริมสวรรค์ ทั้งยังหลอมรวมปราณเบิกฟ้า

แต่ก็ไม่เคยฝึกบำเพ็ญมาก่อน ยังไม่เข้าใจทักษะการฝึกบำเพ็ญ

การจะนำนางเข้าสู่เส้นทางการบำเพ็ญไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!

มิหนำซ้ำเคล็ดคบเพลิงเบิกฟ้ายังซับซ้อนเข้าใจยากเป็นทุนเดิม จะไปเรียนได้ง่ายๆ ได้อย่างไร

เสิ่นเทียนไม่สนใจ บุตรแห่งโชคเช่นนี้ พระเจ้าจะต้องจัดหาโชคลิขิตให้นางแน่

อืม จะจัดหาให้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง!

…….

ตอนนี้เองเสิ่นเทียนเพ่งสายตามองเล็กน้อย

เขาพบว่าวงรัศมีดวงชะตาเหนือศีรษะเสิ่นเสี่ยวเสี่ยวพลันมีภาพหนึ่งลอยอยู่

ทันใดนั้นเสิ่นเทียนตัวสั่นไหวเบาๆ พูดถึงโชคลิขิต โชคลิขิตก็มาเลยรึ

ดูท่าข้าจะได้เกาะโชคลิขิตอีกแล้ว!

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด