บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 370 เรื่องในอดีตของอาจารย์กับอาจารย์ลุง
บทที่ 370 เรื่องในอดีตของอาจารย์กับอาจารย์ลุง
ไม่กลัวของไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลัวถูกนำมาเปรียบเทียบ
ไป๋ตี้เคยรู้จักนักพรตอ้วนที่ถูกเรียกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นั่นมาก่อน ตอนนี้ยังมาประมือกับเสิ่นเทียนอีกครั้ง
เทียบกับนักพรตอ้วนที่โดนมันกัดจนหนีไปทั่วแต่ยังปากดีใส่แล้ว เสิ่นเทียนชนะในด้านนิสัยลงมือไว้หน้า ทำให้เต่าชอบมาก
กระทั่งไป๋ตี้ยังคิดว่า ซาลาเปาบนศีรษะตนตอนนี้รู้สึกเจ็บน้อยลงไปไม่น้อย
โดนทุบครั้งนี้ไม่ได้ลำบากเลย!
มันมองเสิ่นเทียนด้วยความพอใจ “เด็กดี แสงทองมีลูกหลานอย่างเจ้าถือว่าเป็นความสุขของเขา หากภายภาคหน้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไปอยู่ในมือเจ้า จะต้องเจริญรุ่งเรือง หากเจ้าหนูนั่นมีดวงจิตบนสวรรค์ จะต้องปลื้มใจมากแน่”
ไป๋ตี้เหมือนนึกอะไรได้จึงเอ่ยต่อ “ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตนี้เป็นยอดวิชาที่แสงทองกับข้าร่วมกันสร้างขึ้น อยู่ในอันดับที่มีความเร็วสูงยิ่งในฟ้าดิน
แสงทองเคยรับปากข้าว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า จะไม่ถ่ายทอดยอดวิชานี้ให้กับศิษย์เทพสวรรค์คนใด ตอนนี้ดูแล้ว เขาคงไม่ได้กลืนคำพูด”
ตอนที่เอ่ยถึงเตรียมจักรพรรดิแสงทอง ไป๋ตี้เหมือนจะดูหงอยเหงาไปนิด
ใบหน้าที่โอหังลำพองใจมาตลอดเผยความเศร้าบางๆ ดูแปลกมาก
ก่อนไป๋ตี้จะถอนหายใจและเอ่ยต่อ “ตอนที่ข้าประมือกับเจ้าเมื่อครู่ ถึงเจ้าจะเร็วไม่เท่าข้า แต่ความเร็วของเจ้าก็มาจากวิชาคุนเผิงและทองคำเซียนปีกปักษา และยังชำนาญการจู่โจมอย่างฉับพลันและข้ามมิติ แต่การหลบหลีกในระยะทางสั้นกลับค่อนข้างอ่อนแอ
ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าเป็นชนรุ่นหลังของแสงทอง ข้าก็จะถ่ายทอดย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตให้เจ้า”
ถ่ายทอดย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตให้เสิ่นเทียนรึ
เมื่อไป๋ตี้เอ่ยออกมา ฟางฉาง จางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซีเผยแววตาอิจฉาขึ้นมา
แม้เต่าแก่นี่จะดูอวดดีและกวนบาทา แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลอุบายของมันน่าตกใจจริงๆ โดยเฉพาะในด้านความเร็วที่ไร้เหตุผล
จากการต่อสู้เมื่อครู่ ทุกคนต่างคาดการณ์ระดับพลังของไป๋ตี้ได้ว่าอยู่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ยังไม่บรรลุผู้อริยะ ทว่าการหลบหลีกระยะสั้น ความเร็วในการจู่โจมอย่างฉับพลันกลับเทียบเท่าผู้อริยะ
นี่คือพลังมหัศจรรย์ของย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาต!
เดิมทีทุกคนเพียงแค่อ่านคำบรรยายเกี่ยวกับย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตคร่าวๆ จากในคัมภีร์โบราณ ยังไม่ค่อยสนใจ
แต่วันนี้ พวกเขาได้รู้อย่างแท้จริงแล้วว่าอะไรคือ ‘เร็วสุดใต้ฟ้า’ สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญธาตุสายฟ้าแล้ว นี่คือหนึ่งในวิชาสูงสุดที่ล้ำค่าที่สุด
หากได้เรียนวิชานี้ ยามต่อสู้จะอยู่ในเขตแดนไร้พ่าย!
…..
วิชาสูงสุดและล้ำค่าเช่นนี้ บอกว่าจะถ่ายทอดก็ถ่ายทอดได้เลย อีกทั้งเมื่อครู่เพิ่งโดนเสิ่นเทียนทุบตีมา กลับถ่ายทอดให้อย่างยินดี
เวลานี้เหล่าโอรสสวรรค์มองเต่าเผือกกับเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าแปลกๆ นี่คือบุตรแห่งโชครึ
เห็นๆ อยู่ว่าทุบตีอีกฝ่ายจนหัวโน อีกฝ่ายก็ยังไม่เลิกราจะถ่ายทอดวิชาสูงสุดให้เจ้า
สวัสดิการของตัวเอกสวรรค์ น่าอิจฉา!
แต่อิจฉาไปก็ไม่มีประโยชน์ เต่าเผือกนี่ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ
เสิ่นเทียนใช้ความสามารถทุบตีมันหมอบได้จริงๆ ทั้งยังไว้หน้ามันหลายส่วน
ดังนั้นไป๋ตี้จึงหาทางลงได้ และยังได้เพิ่มความรู้สึกดีๆ ถึงได้ยินดีถ่ายทอดย่างก้าวเงาเทพให้
หากเป็นคนอื่น อย่าว่าแต่ทำอะไรไป๋ตี้ไม่ได้เลย ต่อให้เอาชนะไป๋ตี้ได้จริงๆ ก็อย่าหวังว่าไป๋ตี้จะยินดีถ่ายทอดให้
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นวิชาก้นหีบของเขา ไม่ถ่ายทอดให้ใคร
“ข้าคือสัตว์เทพสายพันธุ์แปลก ‘เต่าอสุนีบาตสุญญะ’ มีพลังวิเศษโดยกำเนิด ‘ท่องมิติและเงาอัสนี’
ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตนี้เป็นเนื้อหาสำคัญของคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ที่แสงทองสรุปไว้ ตระหนักจากพลังวิเศษประจำตัวข้า ‘เงาอัสนี’ จนสร้างออกมาเป็นวิชาสูงสุดสมบูรณ์แบบ
จากการตรวจสอบเมื่อครู่ ข้ามั่นใจว่าเจ้าฝึกคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว รวมเป็นอัสนีเทพกำเนิดฟ้าปัญจธาตุ นี่เยี่ยมมาก
ด้วยรากฐานของเจ้าตอนนี้ ขอแค่มีทักษะการตระหนักรู้ที่ไม่แย่เกินไป สามปีห้าปีก็ฝึกย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตสำเร็จได้ไม่ยาก”
ไป๋ตี้เอาสองขาหน้าพาดไว้ข้างหลัง วางมาดผู้อาวุโสมีคุณธรรมสูงส่ง ก่อนจะเดินไปมาหน้าเสิ่นเทียน “ถึงตอนนั้น ความเร็วของเจ้าจะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น”
เมื่อเอ่ยจบ ไป๋ตี้ก็ใช้พลังจิตถ่ายทอดเคล็ดวิชาและเคล็ดลับของย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตให้เสิ่นเทียน
จนเมื่อถ่ายทอดเนื้อหาทั้งหมดไปแล้ว มันพูดด้วยความลำพองใจ “เป็นอย่างไร ได้เปิดโลกกว้างล่ะสิ! ปกติข้าจะไม่ถ่ายทอดให้ใครเลย!
ตั้งใจเรียนให้ดี ขอแค่เจ้าตระหนักความลี้ลับของวิชาย่างก้าวนี้ได้แปดส่วน ใช้ควบคู่กับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าในกาย ก็มากพอจะแสดงความเร็วที่ไม่ด้อยไปกว่าวิชาคุนเผิงได้
หากเจ้าฝึกวิชาย่างก้าวนี้ถึงขั้นสูง ใช้กับทองคำเซียนปีกปักษา ทั้งห้าดินแดนจะไม่มีใครประชันความเร็วกับเจ้าได้ แน่นอน ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตลึกล้ำยากจะคาดเดา การจะตระหนักถึงขั้นสมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องประเดี๋ยวเดียว เจ้าไม่ต้องรีบ ขอแค่หมั่นฝึกฝน ถ้าดวงดี ครึ่งปีก็ฝึกถึงขั้นต้น…”
ไป๋ตี้ยังไม่ทันพูดจบ ก็นิ่งอึ้งไปเลย
เพราะมันเห็นว่าตอนนี้รอบตัวเสิ่นเทียนปกคลุมด้วยสายฟ้าสีทองสว่างพร่างพราว ห่อหุ้มทั้งตัวเขาไว้ในนั้น
อีกทั้งเมื่อสายฟ้าห่อหุ้มกายเสิ่นเทียนแล้ว ไป๋ตี้ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างเสิ่นเทียนเกิดการเปลี่ยนแปลง หลอมรวมกับสายฟ้าและมวลอากาศ
ในสามพันมหามรรค มหามรรคอัสนีมีข้อได้เปรียบในด้านความเร็วค่อนข้างชัดเจน
หลักการเดิมของย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตคือใช้วิชาลับ เปลี่ยนร่างตัวเองให้อยู่ในสภาวะสายฟ้ากึ่งมวลอากาศ จากนั้นเร่งความเร็วสูงสุด
วิชาลับนี้มีจุดที่ยากที่สุดคือก้าวแรก จะเปลี่ยนกายเนื้อให้อยู่ในสภาวะสายฟ้าและมวลอากาศได้อย่างไร
ถึงอย่างไรการหลอมรวมร่างเลือดเนื้อกับสายฟ้าและมวลอากาศ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
ต่อให้เป็นเตรียมจักรพรรดิแสงทองในตอนนั้น ตอนที่ฝึกและสำเร็จวิชานี้ยังต้องพยายามอย่างหนัก ใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะมีแนวโน้มไปทางสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
แต่ไป๋ตี้รู้สึกได้ชัดเจนว่าตอนนี้กายเนื้อเสิ่นเทียนเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว
มองจากความเร็วในการเปลี่ยนแปลงตอนนี้ เกรงว่าไม่ถึงหนึ่งชั่วยามสามเค่อ เสิ่นเทียนคงเข้าใจเนื้อหาพื้นฐานของย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตได้
และหากเข้าใจเนื้อหาพื้นฐาน ต่อไปก็ควบคุมวิชาลับนี้ทั้งหมด นี่เป็นแค่ปัญหาเรื่องเวลาเท่านั้น
นี่…นี่…นี่จะเร็วเกินไปแล้วกระมัง!
ไป๋ตี้มุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง เดิมทีคิดว่าเจ้าหนูเสิ่นเทียนแค่มีความรวดเร็ว แต่ไม่นึกว่าจะตระหนักวิชารวดเร็วเช่นนี้ด้วย
นี่ไม่ใช่หลักการปรัชญาแล้ว!
เป็นบุรุษที่เร็วสุดในห้าดินแดนจริงๆ ไม่ว่าด้านใดก็รวดเร็วที่สุด!
…..
“ผู้อาวุโสพูดไว้ไม่ผิดจริงๆ ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตสมกับเป็นวิชาที่เร็วสุดในฟ้าดิน แค่ความชำนาญด้านความเร็วยังเหนือกว่าวิชาคุนเผิงด้วยซ้ำ”
เสิ่นเทียนดวงตาลุกวาว ยิงแสงสีเงินอ่อนๆ ออกมา ส่วนตัวเขายังเปล่งแสงสว่างจ้า
นั่นคือเขากำลังกระตุ้นกายมรรคสวรรค์ประทานกับเนตรมรรคสวรรค์ประทาน พยายามสำแดงย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตเต็มที่ ตระหนักความหมายลึกลับของมัน
สารภาพตามตรง ถึงชื่อของวิชานี้จะเห่ยไปหน่อย อาจจะเป็นเพราะเจ้าคนที่มีฉายาว่า ‘ประกายแสงสีทอง’ มีรสนิยมชอบตั้งชื่อแปลกๆ
แต่ในด้านความเร็ว กลับถึงระดับสะท้านฟ้าแน่นอน!
ผิวกายเสิ่นเทียนรวมออกมาเป็นอักขระพิเศษ สอดคล้องกับสายฟ้าและมวลอากาศ
เมื่ออักขระพวกนี้ปรากฏ ทั้งตัวเสิ่นเทียนเหมือนกลายเป็นประกายสายฟ้าอากาศก้อนหนึ่ง หายไปต่อหน้าทุกคน
ฟิ้ว~!
แสงเทพขยับวูบหนึ่ง เสิ่นเทียนพลันปรากฏห่างไปร้อยจั้ง
ความเร็วของเขายังทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์อย่างคุนหมิงและคุนอวี้รู้สึกว่าตามจับไม่ทันเลย
นี่ใช่ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตที่ใดกัน นี่มันเคลื่อนย้ายพริบตาชัดๆ!
“นะ…นี่ฝึกสำเร็จแล้วรึ”
ไป๋ตี้ขาอ่อนยวบ ล้มลงไปข้างหลัง สี่ขาชี้ขึ้นฟ้า นอนสงสัยในชีวิตเต่าอยู่บนพื้น
ต้องรู้ว่านี่คือวิชาลับที่ตระหนักมาจากพลังวิเศษโดยธรรมชาติของมัน แม้แต่มันกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองในตอนแรกยังลำบากฝึกฝนตั้งนานกว่าจะสำเร็จขั้นต้น
แต่เสิ่นเทียนล่ะ!
นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าไรเอง ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลย!
ก็ฝึกย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตได้เหมือนต้นแบบ สำแดงได้เป็นปกติ
เดาว่าถ้าให้เขาคุ้นชินอีกสักชั่วยาม ก็คงถึงขั้นสูงกระทั่งขั้นสมบูรณ์กระมัง! นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน
“จะ…เจ้าช้าๆ หน่อย ระวังธาตุไฟเข้าแทรก”
ไป๋ตี้ใช้ไม้เท้ายันร่างที่นอนหงายพลิกกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะมองเสิ่นเทียนด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้
สารภาพตามตรง เต่าดำแก่นี่ปวดร้าวแล้ว
เสิ่นเทียนยิ้ม “ผู้อาวุโสวางใจ แซ่เสิ่นคำนวณไว้หมดแล้ว ช่วงที่ตระหนักรู้อยู่นี้ แซ่เสิ่นจะไปเดินเล่นและถือโอกาสสำรวจทางด้วย เดี๋ยวจะกลับมารวมกับทุกคน”
เมื่อเอ่ยจบ ก็เกิดประกายแสงสีทองสว่างวาบขึ้นบนเส้นทางอีกครั้ง
เสิ่นเทียนพลันหายไปต่อหน้าทุกคน เร็วจนมองเห็นไม่ชัด
ตอนนี้ ในแววตาสตรีทุกคนมีความเลือนราง รวดเร็วเช่นนี้ น่าเฝ้าใฝ่หาจริงๆ
แต่ในแววตาบุรุษทุกคนมีความจนปัญญา ความต่างของเรากับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหมือนจะห่างชั้นกันมากขึ้นในพริบตาเมื่อครู่นี้อีกแล้ว
…..
เสิ่นเทียนกลายเป็นประกายสายฟ้าพุ่งทะยานไปมาในเส้นทาง
เส้นทางเพลิงเทพอีกาทองอย่างเมื่อครู่นี้ พบเห็นได้ไม่ยากในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทอง กระทั่งทุกครั้งที่เสิ่นเทียนทะยานไปหลายสิบลี้จะเจอกับเส้นทางคล้ายๆ กัน จากนั้นกระตุ้นอีกาทองเพลิง
แต่ด้วยความเร็วของเสิ่นเทียนตอนนี้ อีกาทองเพลิงพวกนั้นยังไม่ทันโดนตัวเสิ่นเทียนก็ถูกเขาฟาดค้อนใส่ระเบิด
บุรุษก็ต้องเร็วจริงๆ!
วิชาเซียนใต้ฟ้าที่ว่าไม่มีวิชาใดแข็งแกร่งทนทาน มีเพียงความเร็วที่ไม่อาจทำลายได้!
เสิ่นเทียนกำลังเสพสุขกับความสนุกจากความเร็ว ทันใดนั้นใบหูก็สั่นไหวเบาๆ
เขาเหมือนได้ยินเสียงร้องดัง ข้างหลังผนังหินที่ห่างไปไม่ไกลตรงหน้าเขาเหมือนจะเป็นห้องลับ
‘ถึงเป็นโจรสุสาน แต่เข้าสุสานก็ต้องมีจรรยาบรรณ…ความอยากรู้อยากเห็นจะฆ่าแมวตาย เจออันตรายอย่าเข้าไปยุ่ง ให้หนีไปทางตรงข้าม!’
เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เตรียมจะหมุนตัวจากไป เขาจะไม่ทำเรื่องรนหาที่ตายเช่นนั้น!
เปรี้ยง~
ทว่าตอนนี้เอง ผนังหินพลันเปิดประตูออก ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นกลไกพิเศษ
เมื่อประตูบนผนังหินนั้นเปิดออก ก็มีร่างอ้วนล้มลุกคลุกคลานหนีออกมาจากในห้องลับ
เป็นนักพรตเต๋าอ้วนคนหนึ่ง จีวรเต๋าขาดวิ่นไปแล้ว หน้ายังดำ อยู่ในสภาพจนตรอกมาก
“ระยำ เหตุใดในสุสานจักรพรรดิถึงมีของเช่นนั้น ชั่วร้ายเกินไปแล้วกระมัง! ในคัมภีร์ชีพจรวิญญาณบอกว่ามหาจักรพรรดิลอยขึ้น ฝากสุสานจักรพรรดิไว้เป็นแดนมรดก ไม่มีอันตรายอะไรไม่ใช่รึ!
เหตุใดในสุสานของมหาจักรพรรดิอีกาทองถึงมีวิญญาณอาฆาตน่ากลัวเช่นนั้นกัน ดูกุมอัสนีเทพของข้า จงแหลกให้ข้า! จงแหลกให้ข้า! จงแหลก…ระยำ!
วิชาอัสนีไม่ได้ผล ต้องหนีแล้ว~”
……
นักพรตเต๋าอ้วนคนนั้นหนีไปอย่างบ้าคลั่ง หนีตายไปพลาง จู่โจมด้วยวิชาอัสนีไปข้างหลังไปพลาง
แต่สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนแปลกใจคือ เจ้าอ้วนนี่สำแดงวิชาห้าอัสนีหยางชัดๆ แต่กลับไม่มีความรู้สึกน่าเกรงขามอะไรเลย
ในทางตรงข้าม ห้าอัสนีหยางของเขาดันเป็นสีดำ เหมือนโดนมลทินบางอย่าง ดูไม่เหมือนวิชาอัสนีที่ถูกต้อง
และข้างหลังเจ้าอ้วนนี่ เสิ่นเทียนยังสัมผัสได้ถึงพลังงานยิ่งใหญ่น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งกลุ่มหนึ่ง เหมือนมีการคงอยู่ต้องห้ามที่น่ากลัวบางอย่างกำลังจะพุ่งออกมา
มองแค่ระดับพลังงาน เสิ่นเทียนรู้สึกว่าแรงกดดันของเจ้านั่นแทบจะไม่ด้อยไปกว่าผู้อริยะเลย
เจ้าอ้วนบ้านี่ไปล่วงเกินใครมากันแน่
เสิ่นเทียนมองนักพรตอ้วนเงียบๆ ก่อนจะสำแดงย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตเงียบๆ พร้อมหนีตลอดเวลา
เขาไม่ตื่นตระหนก ถึงอย่างไรก็มีนักพรตอ้วนขวางไว้อยู่
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย วิญญาณอาฆาตนั่นอาจจะไม่เร็วเท่าเขาก็ได้ ต่อให้เร็วกว่าเขาแล้วอย่างไร
เสิ่นเทียนแค่ต้องเร็วกว่านักพรตอ้วน แค่นี้ก็เหลือๆ
มิหนำซ้ำ เสิ่นเทียนยังเข้าสู่สภาวะ ‘ล่องหน’ ได้ตลอดเวลา ใช้วิชาคุนเผิงและเถากลืนกินเซียนหนีเข้ามิติ เก็บกลิ่นอายพลังไว้ได้ทั้งหมด
พูดได้ว่าขอแค่เขาไม่เผยกลิ่นอายพลังก่อน ต่อให้เป็นผู้อริยะไล่ล่าเสิ่นเทียน ก็ไม่มีผลมีแต่จะถูกสวนกลับ
“เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรรึ หรือว่าเจ้าคือศิษย์น้องเล็กบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่อาจารย์รับมาใหม่กัน”
ชั่วขณะที่เสิ่นเทียนเตรียมจะหมุนตัวจากไป นักพรตอ้วนนั่นพลันตาเป็นประกาย เจอเสิ่นเทียนแล้ว
เขารีบทักทาย “ศิษย์น้องเล็ก ข้าคือศิษย์พี่ใหญ่เจ้า ศิษย์คนแรกของอาจารย์!”
ศิษย์พี่ใหญ่รึ
พอได้ยินคำพูดของนักพรตอ้วน เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย
ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าไม่ใช่ฟางฉี ถุยๆๆ ไม่ใช่ศิษย์พี่ใหญ่ฟางฉางรึ
เจ้าอ้วนนี่ดูเหมือนโง่เขลา อีกทั้งอายุยังเกินเกณฑ์ ฝ่ายเรามีศิษย์แก่ขนาดนี้ด้วยรึ
นักพรตอ้วนเหมือนเห็นความสงสัยบนใบหน้าเสิ่นเทียนจึงรีบพูด “ศิษย์น้องเล็ก ข้าก็เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เช่นกัน เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนๆๆๆ หน้าเจ้า!
แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เราผลัดบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกร้อยปี ข้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์คนแรกหลังจากอาจารย์ดำรงตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้หลอกเจ้า!
ไม่เชื่อเจ้าดูนี่ ข้าใช้วิชาห้าอัสนีหยางที่ดั้งเดิมที่สุด กุมอัสนีปิ้วๆๆ!
ศิษย์น้องมาช่วยข้าเร็ว ข้างหลังมีวิญญาณอาฆาตโหดมาก เรามาร่วมมือกัน!
มีเพียงเราร่วมมือกันถึงจะหนีรอดไปได้!”
เมื่อเอ่ยจบ นักพรตอ้วนเหมือนอยากจะยืนยันฐานะของตัวเอง จึงโบกมืออ้วนตุ้ยนุ้ยของตนอย่างบ้าคลั่ง ฟันกุมอัสนีใส่ข้างหลังหลายสิบครั้ง
เพียงแต่ถ้าเขาไม่สำแดงกุมอัสนียังดี แต่เมื่อสำแดงกุมอัสนีแล้ว เสิ่นเทียนยิ่งสงสัยในฐานะของเขายิ่งกว่าเดิม
วิชาห้าอัสนีหยางดั้งเดิมที่สุด แค่นี้รึ
ตอนนั้นที่อาจารย์เพิ่งรับช่วงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ สำนักลำบากเพียงใดกัน ถึงให้คนที่ใช้กุมอัสนีดำมืดเช่นนี้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้
เสิ่นเทียนค่อนข้างสงสัยในฐานะของบุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้แล้ว
เสิ่นเทียนมองนักพรตอ้วน “วิชาห้าอัสนีของสหายยังไม่ดั้งเดิมพอ ข้าเลยเชื่อฐานะของเจ้าได้ยาก!”
นักพรตอ้วนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “คือว่าๆ…ข้าคิดก่อน ข้าคิดก่อน! รู้แล้ว ศิษย์น้อง เจ้าอยากฟังเรื่องลับของพวกอาจารย์หรือไม่
อาจารย์กับอาจารย์อาบัวขาว และยังมีเรื่องลับของอาจารย์ลุงบัวมรกตตอนยังหนุ่ม เรื่องความรักในอดีตของเขากับอสูรสูงศักดิ์ชิงหมิงและผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่
เราหนีออกไปได้เมื่อไร ศิษย์พี่จะเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียดเลย”
…….
เดิมทีเสิ่นเทียนคิดจะหนีแล้ว ทันใดนั้นร่างองอาจก็สั่นสะท้านเล็กน้อย
เรื่องความรักในอดีตของอาจารย์กับอาจารย์ลุงตอนยังหนุ่มรึ
อ้อ น่าสนใจ~
……………………
Comments