บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 35 ปราณกระบี่แม่น้ำฉางสะเทือนฟ้าดิน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 35 ปราณกระบี่แม่น้ำฉางสะเทือนฟ้าดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 35 ปราณกระบี่แม่น้ำฉางสะเทือนฟ้าดิน
“ในที่สุดลูกๆ ของข้า…ก็จะมีพ่อแล้ว!”

ผมสีดำปกคลุมทั่วทั้งใบหน้า ทำให้มองเห็นรูปลักษณ์ไม่ชัดเจน

แต่เฉพาะการแต่งกายและน้ำเสียงที่น่ากลัวของนาง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกแล้ว

สภาพเช่นนี้ จู่ๆ มาบอกว่าจะให้เป็นพ่อลูกๆ ของนางหรือ

พอหันไปมองเหล่าวิญญาณทารกที่รายล้อมอยู่ข้างมารดาภูตผีเก้าโอรส…เสิ่นเทียนขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

สมัยนี้แม้กระทั่งพวกวิญญาณร้ายก็ไม่ปกติถึงเช่นนี้เลยหรือ

เฮ้อ หน้าตาดีเกินไปก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง!

……

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยยิ้มชั่วร้าย “มารดาภูตผีชอบเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้หรือ เราคุยกันได้ ขอเพียงมารดาภูตผีช่วยข้าสกัดกั้นผู้คุมกฎเหล่านี้

หลังจากที่ข้าจับเจ้าหมอนี่มาป้อนลูกกลอนควบคุมจิต ถึงเวลานั้นมารดาภูตผีอยากทำอะไรก็ได้!”

มารดาภูตผีเก้าโอรสเหลือบมองผู้จริงแท้เฮยเสวี่ย ในแววตาเต็มไปด้วยความดุร้ายที่เยือกเย็น “ฮิๆ จริงหรือ”

ถึงเป็นผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก

เขารู้ดีกว่าทุกคน วิญญาณร้ายตนนี้ชั่วร้ายเพียงใด

ตามหลักแล้ว มารดาภูตผีเก้าโอรสไม่ใช่สาวกของลัทธิวิญญาณร้าย แต่เป็นสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการบูชายัญของสมาชิกระดับสูงของลัทธิวิญญาณร้าย

สมบัติวิเศษชิ้นนี้จำเป็นต้องหาหญิงพรหมจรรย์ที่เกิดในช่วงวันเดือนปีและเวลาที่ตกเลขคู่

หลังจากที่หญิงสาวสวมชุดแต่งงานและขึ้นเกี้ยว กำลังเตรียมเข้าสู่พิธีแต่งงาน ก็จะสังหารคนในครอบครัวของนางไม่เว้นแม้กระทั่งคนแก่และเด็กต่อหน้านาง

จากนั้นดูดวิญญาณเข้ามาผนึกไว้ในสมบัติวิเศษ คอยบูชาตลอดทั้งวันทั้งคืน

เมื่อนานวันเข้า นางก็จะกลายเป็นวิญญาณร้ายที่อาฆาตแค้น

ต้องรอจนกระทั่งมีวิญญาณของเด็กทารกห้าร้อยดวงขึ้นไป สมบัติวิเศษมารดาภูตผีเก้าโอรสถึงจะถือว่าหลอมเสร็จสมบูรณ์

มารดาภูตผีเก้าโอรสที่ผ่านการหลอมอย่างสมบูรณ์ อานุภาพของมันอยู่ในระดับดวงจิตดรุณขึ้นไป

เมื่อใดที่อัญเชิญมันออกมา ทั่วทั้งอาณาจักรจะกลายเป็นนรก

ขณะนี้ มารดาภูตผีตนนี้หลวมรวมเข้ากับวิญญาณทารกแล้วสามร้อยกว่าดวง จึงมีพลังเพียงครึ่งหนึ่งของระดับดวงจิตดรุณ

แต่ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยสามารถสัมผัสได้ สมบัติวิเศษชิ้นนี้เริ่มอยู่เหนือการควบคุมของเขาแล้ว

หลายปีมานี้ เขาไม่กล้าหลอมรวมวิญญาณทารกเข้าไปในสมบัติวิเศษต่อ

ทั้งหมดก็เป็นเพราะกลัวว่ามารดาภูตผีจะแข็งแกร่งเกินไป และหันกลับมาแว้งกัดเขาแทน

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาต้องตายอย่างน่าอนาถแน่นอน

ทว่าผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยในตอนนี้ถูกปิดล้อม เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก ได้แต่บูชามารดาภูตผีด้วยเลือด ลองเสี่ยงเดิมพันดูสักครั้ง

“ฮิๆ จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดีล่ะ นี่คือเตาหลอมชั้นดีเลย ข้าจะดูดเขาให้แห้งเสีย!”

มารดาภูตผีเก้าโอรสหัวเราะอย่างชั่วร้าย จากนั้นพุ่งเข้าไปหาผู้คุมกฎระดับแก่นพลังทองทั้งสามคน

ส่วนวิญญาณทารกสามร้อยกว่าดวงที่อยู่ด้านหลังของนางไปปิดล้อมผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานยี่สิบกว่าคน

ปราณกระบี่อันทรงพลังที่เหล่าผู้คุมกฎฟาดฟันออกมา มีพลังทำลายต่อวิญญาณร้ายเหล่านี้น้อยมาก

ชั่วขณะนั้น กลุ่มผู้คุมกฎที่มาช่วยเหลือตกอยู่ในการควบคุมทั้งหมด

ถ้าหากไม่มีผู้แข็งแกร่งมาช่วยเหลือ การพ่ายแพ้หรือถูกฆ่าเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

“แหะๆ เจ้าหนูยอมรับชะตากรรมเสียเถอะ!” ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยหัวเราะชั่วร้ายแล้วกล่าว “ทำให้ข้าต้องสูญเสียเลือดจำนวนมาก คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!”

กล่าวจบ มีแสงสีทองปกคลุมทั่วร่างผู้จริงแท้เฮยเสวี่ย ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปหาเสิ่นเทียน

เขาถือลูกลอนควบคุมจิตไว้ในมือ ขอเพียงสามารถป้อนลงท้องของเสิ่นเทียนได้

ถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็จะสำเร็จ

……

เมื่อเห็นผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยพุ่งไปทางเสิ่นเทียน สีหน้าของกุ้ยกงกงและฉินเกาเปลี่ยนไปทันที

“องค์ชายรีบถอยไป บ่าวจะช่วยต้านโจรชั่วคนนี้เอง!”

คนทั้งสองไปขวางอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย บนใบหน้าเต็มไปด้วยความแน่วแน่ของการมองความตายว่าคือการกลับสู่ธรรมชาติ

พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้ให้องค์ชายตกอยู่ในอันตรายถึงขั้นชีวิตเด็ดขาด!

ทว่าในตอนที่ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยยิ่งเข้าใกล้คนทั้งสามนั้น เสิ่นเทียนก็ผลักกุ้ยกงกงและฉินเกาออกอย่างเชื่องช้า

“ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! เหตุใดเจ้าต้องบีบบังคับให้ข้าลงมือด้วย”

เสิ่นเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ยื่นมือขวาออกไป ใช้นิ้วเป็นกระบี่

ทันใดนั้น มีแสงอันร้อนแรงระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา

ร่างเงาของคนที่สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบก่อตัวขึ้นในแสง

ร่างนี้แลดูให้ความรู้สึกที่เลือนราง แต่กลับปลดปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งออกมา

ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น ราวกับว่าแม้กระทั่งความว่างเปล่าก็กำลังพังทลายลง

เขาถือกระบี่เล่มใหญ่ไว้ในมือ แทงมันออกไปอย่างไม่แยแส

กระบวนท่านี้ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ ทว่าทันทีที่กระบี่เล่มใหญ่ถูกแทงออกไป ลำแสงกระบี่ที่สามารถทำลายทุกสรรพสิ่งพลันปะทุขึ้นระหว่างฟ้าดิน

เพียงแค่พริบตาเดียว ลำแสงกระบี่จากหนึ่งกลายเป็นสอง จากสองเป็นสาม จากสามเป็นหมื่นพัน

สุดท้ายกลายเป็นแม่น้ำปราณกระบี่ที่แฝงไปด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขีดจำกัดถาโถมออกไป

“นี่มันเจตจำนงกระบี่แม่น้ำนิรันดร์ เป็นไปได้อย่างไร

ไม่!”

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยส่งเสียงกรีดร้อง ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว

เขตอาคมแก่นพลังทองรอบตัวของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าปราณกระบี่ที่ไร้ขีดจำกัดแล้วไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่นิดเดียว

ในพริบตาเดียว กระบี่ยาวพุ่งทะลวงร่างของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเล่มแล้วเล่มเล่า เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

บนแก่นพลังทองของเขามีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นทันที และจะแตกสลายในไม่ช้า

หลังจากลำแสงกระบี่หายลับไป ระหว่างฟ้าดินเหลือเพียงฝนโลหิต

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยระดับแก่นพลังทอง ดับสูญ!

……

หลังจากที่ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยกลายเป็นฝนโลหิต ลูกประคำสีดำพวงหนึ่งหล่นลงสู่ผืนดิน

เห็นได้ชัดว่าลูกประคำนี้ไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมาจากพลังทำลายล้างของปราณกระบี่แม่น้ำนิรันดร์ได้

แต่หลังจากผ่านการชำระล้างของปราณกระบี่ ลูกประคำสีดำก็ใช่ว่าจะไม่ได้รับความเสียหาย

บนลูกประคำทุกเม็ดมีรอยแตกร้าวที่ชัดเจนปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะลูกประคำสีแดงที่ใหญ่ที่สุดยิ่งแทบจะแตกออกมาแล้ว

สิ่งที่คู่ควรแก่การพูดถึงคือ ในขณะที่ลูกประคำตกลงสู่พื้น มารดาภูตผีเก้าโอรสและวิญญาณทารกสามร้อยกว่าดวงส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกัน จากนั้นวิญญาณร้ายทุกดวงสลายไปกลางอากาศ

ก่อนที่มารดาภูตผีจะหายไป นางหันมาจ้องเสิ่นเทียนด้วยสายตาเคียดแค้นแวบหนึ่ง

“ฟู่ เกือบไปแล้ว!”

ผู้คุมกฎระดับแก่นพลังพลังทองถอนหายใจโล่งอก ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

มารดาภูตผีน่ากลัวมาก ใช้อาวุธทั่วไปโจมตีนางแทบจะไม่เป็นผล

และการโจมตีของนางก็แปลกประหลาดมาก ไล่ต้อนกลุ่มผู้คุมกฎอย่างต่อเนื่อง

ถ้าหากไม่เป็นเพราะมารดาภูตผีหายไปอย่างกะทันหัน คนทั้งสามต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตรายแน่

คนทั้งสามเก็บกระบี่ หันไปสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

“น่าละอายใจยิ่งนัก เดิมทีคิดว่าจะสามารถช่วยท่านเซียนได้บ้าง แต่คิดไม่ถึงท่านเซียนกลับเป็นฝ่ายที่ต้องช่วยพวกเรา”

“วิชากระบี่ของท่านเซียนราวกับกระหน่ำเทลงมาจากบนฟากฟ้า น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก!”

“ท่านเซียน จากวันนี้ไปท่านคือผู้มีพระคุณของข้า มีอะไรท่านพูดมาได้เลย”

“ลัทธิปรมาจารย์เซียนของท่านเซียนยังรับลูกศิษย์หรือไม่ ข้าเป็นคนขยันขันแข็ง!”

ครั้นเห็นว่าคนทั้งสามที่เป็นถึงผู้จริงแท้ในระดับแก่นพลังทองก็อยากเข้าร่วมลัทธิปรมาจารย์เซียน เสิ่นเทียนถึงกับต้องปาดเหงื่อ

ด้วยความสามารถของพวกเจ้า ถึงเข้าร่วมราชวงศ์อาณาจักรต้าเหยียน อย่างน้อยก็เป็นถึงที่เคารพบูชาของราชวงศ์

มาขอเป็นผู้ติดตามของข้าเช่นนี้มันจะดีจริงหรือ!

“คือว่า วันนี้ต้องขอบคุณผู้จริงแท้ทั้งสามมากที่เดินทางมาช่วย”

เสิ่นเทียนยกมือขึ้นคำนับด้วยท่าทางที่จะยิ้มก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่ได้ “ในวันข้างหน้า คิดว่าข้ากับพวกท่านทั้งสามต้องมีวาสนาร่วมกันแน่นอน”

วงรัศมีที่อยู่เหนือศีรษะของผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองทั้งสามล้วนแต่เป็นสีเขียว เขียวจนเป็นสีเขียวบริสุทธิ์

แม้ไม่มีแสงสีแดงปะปนมาด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นผู้มีโชคลาภที่หายากแล้ว

ถ้าหากมารายงานตัวที่แผงของเสิ่นเทียนทุกวัน คาดว่าน่าจะได้พบกับโชคลิขิตอยู่บ้าง

เมื่อได้ยินคำตอบที่ชัดเจนของเสิ่นเทียน ผู้จริงแท้ทั้งสามดีใจกันทันที

ท่านเซียนไม่เพียงแต่มีทักษะค้นวิญญาณประเมินแร่ที่ภูตผีทวยเทพไม่สามารถหยั่งถึง แม้แต่วิชากระบี่ก็น่าตกใจยิ่งนัก

ถ้าหากมีโอกาสได้ผูกวาสนาร่วมกับท่านเซียน ก็ถือเป็นโชคลาภอันประเสริฐแล้ว!

“ขอบคุณท่านเซียน”

“ถ้าหากท่านเซียนมีอะไรเรียกใช้ สั่งมาได้เต็มที่เลย”

“กิจกรรมทุกอย่างของลัทธิปรมาจารย์เซียนในอนาคต พวกเราจะอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่แน่นอน”

ได้ยินผู้จริงแท้ทั้งสามพูดอย่างหนักแน่นเช่นนี้ เสิ่นเทียนพยักหน้าอย่างหมดหนทาง

บอกตามตรง ถ้าหากเป็นไปได้ เสิ่นเทียนไม่อยากรับบทพระเอกเมื่อครู่เลยสักนิด

เพราะป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ของหลี่ฉางเกอมันผลาญเงินมากเกินไป!

เมื่อครู่เขาเปิดใช้งานป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่เพื่อฟันวิถีกระบี่แยกเงาออกไปแค่ครั้งเดียว แต่ผลาญศิลาวิญญาณของเขาไปถึงสี่พันก้อน

มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาปวดใจมากเพียงใด!

ทว่าเสิ่นเทียนมองดูลูกประคำสีดำพวงนั้น ในใจรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย

นี่คือไอเทมที่ดรอปออกมาหลังจากสังหารมอนสเตอร์หรือ

………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 35 ปราณกระบี่แม่น้ำฉางสะเทือนฟ้าดิน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 35 ปราณกระบี่แม่น้ำฉางสะเทือนฟ้าดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 35 ปราณกระบี่แม่น้ำฉางสะเทือนฟ้าดิน
“ในที่สุดลูกๆ ของข้า…ก็จะมีพ่อแล้ว!”

ผมสีดำปกคลุมทั่วทั้งใบหน้า ทำให้มองเห็นรูปลักษณ์ไม่ชัดเจน

แต่เฉพาะการแต่งกายและน้ำเสียงที่น่ากลัวของนาง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกแล้ว

สภาพเช่นนี้ จู่ๆ มาบอกว่าจะให้เป็นพ่อลูกๆ ของนางหรือ

พอหันไปมองเหล่าวิญญาณทารกที่รายล้อมอยู่ข้างมารดาภูตผีเก้าโอรส…เสิ่นเทียนขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

สมัยนี้แม้กระทั่งพวกวิญญาณร้ายก็ไม่ปกติถึงเช่นนี้เลยหรือ

เฮ้อ หน้าตาดีเกินไปก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง!

……

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยยิ้มชั่วร้าย “มารดาภูตผีชอบเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้หรือ เราคุยกันได้ ขอเพียงมารดาภูตผีช่วยข้าสกัดกั้นผู้คุมกฎเหล่านี้

หลังจากที่ข้าจับเจ้าหมอนี่มาป้อนลูกกลอนควบคุมจิต ถึงเวลานั้นมารดาภูตผีอยากทำอะไรก็ได้!”

มารดาภูตผีเก้าโอรสเหลือบมองผู้จริงแท้เฮยเสวี่ย ในแววตาเต็มไปด้วยความดุร้ายที่เยือกเย็น “ฮิๆ จริงหรือ”

ถึงเป็นผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก

เขารู้ดีกว่าทุกคน วิญญาณร้ายตนนี้ชั่วร้ายเพียงใด

ตามหลักแล้ว มารดาภูตผีเก้าโอรสไม่ใช่สาวกของลัทธิวิญญาณร้าย แต่เป็นสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการบูชายัญของสมาชิกระดับสูงของลัทธิวิญญาณร้าย

สมบัติวิเศษชิ้นนี้จำเป็นต้องหาหญิงพรหมจรรย์ที่เกิดในช่วงวันเดือนปีและเวลาที่ตกเลขคู่

หลังจากที่หญิงสาวสวมชุดแต่งงานและขึ้นเกี้ยว กำลังเตรียมเข้าสู่พิธีแต่งงาน ก็จะสังหารคนในครอบครัวของนางไม่เว้นแม้กระทั่งคนแก่และเด็กต่อหน้านาง

จากนั้นดูดวิญญาณเข้ามาผนึกไว้ในสมบัติวิเศษ คอยบูชาตลอดทั้งวันทั้งคืน

เมื่อนานวันเข้า นางก็จะกลายเป็นวิญญาณร้ายที่อาฆาตแค้น

ต้องรอจนกระทั่งมีวิญญาณของเด็กทารกห้าร้อยดวงขึ้นไป สมบัติวิเศษมารดาภูตผีเก้าโอรสถึงจะถือว่าหลอมเสร็จสมบูรณ์

มารดาภูตผีเก้าโอรสที่ผ่านการหลอมอย่างสมบูรณ์ อานุภาพของมันอยู่ในระดับดวงจิตดรุณขึ้นไป

เมื่อใดที่อัญเชิญมันออกมา ทั่วทั้งอาณาจักรจะกลายเป็นนรก

ขณะนี้ มารดาภูตผีตนนี้หลวมรวมเข้ากับวิญญาณทารกแล้วสามร้อยกว่าดวง จึงมีพลังเพียงครึ่งหนึ่งของระดับดวงจิตดรุณ

แต่ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยสามารถสัมผัสได้ สมบัติวิเศษชิ้นนี้เริ่มอยู่เหนือการควบคุมของเขาแล้ว

หลายปีมานี้ เขาไม่กล้าหลอมรวมวิญญาณทารกเข้าไปในสมบัติวิเศษต่อ

ทั้งหมดก็เป็นเพราะกลัวว่ามารดาภูตผีจะแข็งแกร่งเกินไป และหันกลับมาแว้งกัดเขาแทน

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาต้องตายอย่างน่าอนาถแน่นอน

ทว่าผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยในตอนนี้ถูกปิดล้อม เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก ได้แต่บูชามารดาภูตผีด้วยเลือด ลองเสี่ยงเดิมพันดูสักครั้ง

“ฮิๆ จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดีล่ะ นี่คือเตาหลอมชั้นดีเลย ข้าจะดูดเขาให้แห้งเสีย!”

มารดาภูตผีเก้าโอรสหัวเราะอย่างชั่วร้าย จากนั้นพุ่งเข้าไปหาผู้คุมกฎระดับแก่นพลังทองทั้งสามคน

ส่วนวิญญาณทารกสามร้อยกว่าดวงที่อยู่ด้านหลังของนางไปปิดล้อมผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานยี่สิบกว่าคน

ปราณกระบี่อันทรงพลังที่เหล่าผู้คุมกฎฟาดฟันออกมา มีพลังทำลายต่อวิญญาณร้ายเหล่านี้น้อยมาก

ชั่วขณะนั้น กลุ่มผู้คุมกฎที่มาช่วยเหลือตกอยู่ในการควบคุมทั้งหมด

ถ้าหากไม่มีผู้แข็งแกร่งมาช่วยเหลือ การพ่ายแพ้หรือถูกฆ่าเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

“แหะๆ เจ้าหนูยอมรับชะตากรรมเสียเถอะ!” ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยหัวเราะชั่วร้ายแล้วกล่าว “ทำให้ข้าต้องสูญเสียเลือดจำนวนมาก คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!”

กล่าวจบ มีแสงสีทองปกคลุมทั่วร่างผู้จริงแท้เฮยเสวี่ย ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปหาเสิ่นเทียน

เขาถือลูกลอนควบคุมจิตไว้ในมือ ขอเพียงสามารถป้อนลงท้องของเสิ่นเทียนได้

ถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็จะสำเร็จ

……

เมื่อเห็นผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยพุ่งไปทางเสิ่นเทียน สีหน้าของกุ้ยกงกงและฉินเกาเปลี่ยนไปทันที

“องค์ชายรีบถอยไป บ่าวจะช่วยต้านโจรชั่วคนนี้เอง!”

คนทั้งสองไปขวางอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย บนใบหน้าเต็มไปด้วยความแน่วแน่ของการมองความตายว่าคือการกลับสู่ธรรมชาติ

พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้ให้องค์ชายตกอยู่ในอันตรายถึงขั้นชีวิตเด็ดขาด!

ทว่าในตอนที่ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยยิ่งเข้าใกล้คนทั้งสามนั้น เสิ่นเทียนก็ผลักกุ้ยกงกงและฉินเกาออกอย่างเชื่องช้า

“ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! เหตุใดเจ้าต้องบีบบังคับให้ข้าลงมือด้วย”

เสิ่นเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ยื่นมือขวาออกไป ใช้นิ้วเป็นกระบี่

ทันใดนั้น มีแสงอันร้อนแรงระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา

ร่างเงาของคนที่สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบก่อตัวขึ้นในแสง

ร่างนี้แลดูให้ความรู้สึกที่เลือนราง แต่กลับปลดปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งออกมา

ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น ราวกับว่าแม้กระทั่งความว่างเปล่าก็กำลังพังทลายลง

เขาถือกระบี่เล่มใหญ่ไว้ในมือ แทงมันออกไปอย่างไม่แยแส

กระบวนท่านี้ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ ทว่าทันทีที่กระบี่เล่มใหญ่ถูกแทงออกไป ลำแสงกระบี่ที่สามารถทำลายทุกสรรพสิ่งพลันปะทุขึ้นระหว่างฟ้าดิน

เพียงแค่พริบตาเดียว ลำแสงกระบี่จากหนึ่งกลายเป็นสอง จากสองเป็นสาม จากสามเป็นหมื่นพัน

สุดท้ายกลายเป็นแม่น้ำปราณกระบี่ที่แฝงไปด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขีดจำกัดถาโถมออกไป

“นี่มันเจตจำนงกระบี่แม่น้ำนิรันดร์ เป็นไปได้อย่างไร

ไม่!”

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยส่งเสียงกรีดร้อง ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว

เขตอาคมแก่นพลังทองรอบตัวของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าปราณกระบี่ที่ไร้ขีดจำกัดแล้วไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่นิดเดียว

ในพริบตาเดียว กระบี่ยาวพุ่งทะลวงร่างของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเล่มแล้วเล่มเล่า เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

บนแก่นพลังทองของเขามีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นทันที และจะแตกสลายในไม่ช้า

หลังจากลำแสงกระบี่หายลับไป ระหว่างฟ้าดินเหลือเพียงฝนโลหิต

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยระดับแก่นพลังทอง ดับสูญ!

……

หลังจากที่ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยกลายเป็นฝนโลหิต ลูกประคำสีดำพวงหนึ่งหล่นลงสู่ผืนดิน

เห็นได้ชัดว่าลูกประคำนี้ไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมาจากพลังทำลายล้างของปราณกระบี่แม่น้ำนิรันดร์ได้

แต่หลังจากผ่านการชำระล้างของปราณกระบี่ ลูกประคำสีดำก็ใช่ว่าจะไม่ได้รับความเสียหาย

บนลูกประคำทุกเม็ดมีรอยแตกร้าวที่ชัดเจนปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะลูกประคำสีแดงที่ใหญ่ที่สุดยิ่งแทบจะแตกออกมาแล้ว

สิ่งที่คู่ควรแก่การพูดถึงคือ ในขณะที่ลูกประคำตกลงสู่พื้น มารดาภูตผีเก้าโอรสและวิญญาณทารกสามร้อยกว่าดวงส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกัน จากนั้นวิญญาณร้ายทุกดวงสลายไปกลางอากาศ

ก่อนที่มารดาภูตผีจะหายไป นางหันมาจ้องเสิ่นเทียนด้วยสายตาเคียดแค้นแวบหนึ่ง

“ฟู่ เกือบไปแล้ว!”

ผู้คุมกฎระดับแก่นพลังพลังทองถอนหายใจโล่งอก ร่างกายของพวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

มารดาภูตผีน่ากลัวมาก ใช้อาวุธทั่วไปโจมตีนางแทบจะไม่เป็นผล

และการโจมตีของนางก็แปลกประหลาดมาก ไล่ต้อนกลุ่มผู้คุมกฎอย่างต่อเนื่อง

ถ้าหากไม่เป็นเพราะมารดาภูตผีหายไปอย่างกะทันหัน คนทั้งสามต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตรายแน่

คนทั้งสามเก็บกระบี่ หันไปสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

“น่าละอายใจยิ่งนัก เดิมทีคิดว่าจะสามารถช่วยท่านเซียนได้บ้าง แต่คิดไม่ถึงท่านเซียนกลับเป็นฝ่ายที่ต้องช่วยพวกเรา”

“วิชากระบี่ของท่านเซียนราวกับกระหน่ำเทลงมาจากบนฟากฟ้า น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก!”

“ท่านเซียน จากวันนี้ไปท่านคือผู้มีพระคุณของข้า มีอะไรท่านพูดมาได้เลย”

“ลัทธิปรมาจารย์เซียนของท่านเซียนยังรับลูกศิษย์หรือไม่ ข้าเป็นคนขยันขันแข็ง!”

ครั้นเห็นว่าคนทั้งสามที่เป็นถึงผู้จริงแท้ในระดับแก่นพลังทองก็อยากเข้าร่วมลัทธิปรมาจารย์เซียน เสิ่นเทียนถึงกับต้องปาดเหงื่อ

ด้วยความสามารถของพวกเจ้า ถึงเข้าร่วมราชวงศ์อาณาจักรต้าเหยียน อย่างน้อยก็เป็นถึงที่เคารพบูชาของราชวงศ์

มาขอเป็นผู้ติดตามของข้าเช่นนี้มันจะดีจริงหรือ!

“คือว่า วันนี้ต้องขอบคุณผู้จริงแท้ทั้งสามมากที่เดินทางมาช่วย”

เสิ่นเทียนยกมือขึ้นคำนับด้วยท่าทางที่จะยิ้มก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่ได้ “ในวันข้างหน้า คิดว่าข้ากับพวกท่านทั้งสามต้องมีวาสนาร่วมกันแน่นอน”

วงรัศมีที่อยู่เหนือศีรษะของผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองทั้งสามล้วนแต่เป็นสีเขียว เขียวจนเป็นสีเขียวบริสุทธิ์

แม้ไม่มีแสงสีแดงปะปนมาด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นผู้มีโชคลาภที่หายากแล้ว

ถ้าหากมารายงานตัวที่แผงของเสิ่นเทียนทุกวัน คาดว่าน่าจะได้พบกับโชคลิขิตอยู่บ้าง

เมื่อได้ยินคำตอบที่ชัดเจนของเสิ่นเทียน ผู้จริงแท้ทั้งสามดีใจกันทันที

ท่านเซียนไม่เพียงแต่มีทักษะค้นวิญญาณประเมินแร่ที่ภูตผีทวยเทพไม่สามารถหยั่งถึง แม้แต่วิชากระบี่ก็น่าตกใจยิ่งนัก

ถ้าหากมีโอกาสได้ผูกวาสนาร่วมกับท่านเซียน ก็ถือเป็นโชคลาภอันประเสริฐแล้ว!

“ขอบคุณท่านเซียน”

“ถ้าหากท่านเซียนมีอะไรเรียกใช้ สั่งมาได้เต็มที่เลย”

“กิจกรรมทุกอย่างของลัทธิปรมาจารย์เซียนในอนาคต พวกเราจะอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่แน่นอน”

ได้ยินผู้จริงแท้ทั้งสามพูดอย่างหนักแน่นเช่นนี้ เสิ่นเทียนพยักหน้าอย่างหมดหนทาง

บอกตามตรง ถ้าหากเป็นไปได้ เสิ่นเทียนไม่อยากรับบทพระเอกเมื่อครู่เลยสักนิด

เพราะป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ของหลี่ฉางเกอมันผลาญเงินมากเกินไป!

เมื่อครู่เขาเปิดใช้งานป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่เพื่อฟันวิถีกระบี่แยกเงาออกไปแค่ครั้งเดียว แต่ผลาญศิลาวิญญาณของเขาไปถึงสี่พันก้อน

มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาปวดใจมากเพียงใด!

ทว่าเสิ่นเทียนมองดูลูกประคำสีดำพวงนั้น ในใจรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย

นี่คือไอเทมที่ดรอปออกมาหลังจากสังหารมอนสเตอร์หรือ

………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+