บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 327 สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองปรากฏ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 327 สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองปรากฏ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 327 สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองปรากฏ!

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แห่งดินแดนบูรพา ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

จางอวิ๋นซียืนอยู่บนยอดเขา มองทอดไกลออกไป

เหนือศีรษะนางมีแก่นพลังทองส่องแสงก้อนหนึ่งลอยอยู่ อีกทั้งยังมีเก้ารอบแล้ว

เป็นหนึ่งในหลายคนที่ได้รับแก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้ามาคนแรกสุด จางอวิ๋นซีจึงได้เปรียบเหนือกว่าทุกทาง

ประกอบกับแรงกดดันมหาศาลที่เสิ่นเทียนมอบให้ ทำให้ความคิดที่จะเพิ่มศักยภาพภายในใจนางรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ส่วนเหตุใดเสิ่นเทียนถึงสร้างแรงกดดันให้นางมากขนาดนั้น

ดูพวกไก่กาพวกนั้นข้างกายเขาก็รู้แล้ว หญิงสารเลวที่อยากจะครองครอบศิษย์น้องมีมากเกินไปจริงๆ โดยเฉพาะหญิงมังกรอายุหมื่นกว่าปีบางตัว มีศักยภาพพรสวรรค์และหน้าตาสูงมาก!

เมื่ออยู่ต่อหน้าเอ๋าปิง จางอวิ๋นซีไม่กดดันก็คงยากแล้ว

ในหลายเดือนที่เสิ่นเทียนเดินทางไปทะเลอุดรนี้ จางอวิ๋นซีฝึกบำเพ็ญอย่างหนักมาตลอด

ในที่สุดนางก็ทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบสำเร็จ กลายเป็นหนึ่งในผู้โดดเด่นไม่กี่คนที่มีพรสวรรค์แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพา

ทั้งยังใช้คัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์กับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าช่วย ทำให้กำลังรบแท้จริงของจางอวิ๋นซีแทบจะเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งแก่นพลังทองสิบรอบ

หากประเมินรายนามแก่นพลังทองอีกครั้ง นางก็จะติดสามอันดับแรกได้อย่างง่ายดาย!

นี่ยังเป็นเพราะโอรสสวรรค์ยุคนี้แข็งแกร่งกันมากด้วย ฟ้ากดขี่อยู่เหนือทุกคน

หากเป็นรายนามแก่นพลังทองเมื่อสิบปีก่อน จางอวิ๋นซีก็แทบจะติดอันดับหนึ่งได้สบายๆ

ด้วยศักยภาพของจางอวิ๋นซีตอนนี้ เรียกนางว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ธิดาสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพาก็ไม่เกินจริงเลย!

“เดือนที่สองหลังศิษย์น้องเดินทาง ข้าทะลวงแก่นพลังทองรอบที่เก้าสำเร็จ เดือนที่สามหลังศิษย์น้องเดินทาง ศิษย์พี่ใหญ่ทุบแก่นเป็นดรุณสำเร็จ เป็นผู้สูงศักดิ์แล้ว

เดือนที่ห้าหลังศิษย์น้องเดินทาง พี่ชายข้าก็ทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบเช่นกัน ฝึกกายเทพอัสนีหยางสำเร็จ และแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ด้วยการสนับสนุนจากยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยาง ทำให้ศิษย์ชนชั้นรากฐานแข็งแกร่งขึ้น ได้รับประสบการณ์มากขึ้น

ศิษย์น้อง เหมือนอย่างที่เจ้าบอกตอนเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลย เจ้าอยากให้แดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนเป็นดั่งมังกร!

ตอนนี้ทุกอย่างในแดนศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยดี แต่เจ้ากำลังผจญภัยในทะเลอุดร ตอนนี้สบายดีหรือไม่ หญิงมังกรแก่นามเอ๋าปิงนั่น ได้ให้ชาวเผ่าของนางสร้างความลำบากให้เจ้าหรือไม่”

……….

สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางอวิ๋นซี คือหญิงงามภูเขาน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

โอรสสวรรค์ธรรมดาอยู่ตรงหน้านาง แม้แต่ให้นางชายตามองยังเหมือนกับเรื่องเพ้อฝัน

ทว่าตอนนี้ในใจนางกลับนึกถึงบุรุษคนหนึ่ง กระทั่งขณะมองไปรอบๆ ยังมีความคับแค้นใจนิดๆ

ข้างล่างยอดเขาเป็นสมาชิกแกนหลักของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ที่เสิ่นเทียนอนุญาตให้ย้ายมาฝึกบำเพ็ญที่ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้

อืม ผักกุยช่ายก็ต้องเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด

ทุกคนมองแผ่นหลังเด็กสาวที่ยืนบนยอดเขาเพียงลำพังนั้น เวลานี้ทั้งถอนหายใจและปลงอนิจจัง

ทุกคนย่อมรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาฝึกบำเพ็ญบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกวันเพื่ออะไร ก็เพื่อรอปรมาจารย์สวรรค์กลับมา

และคนที่คิดถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีเพียงนางคนเดียว

กุ้ยกงกงสวมชุดคลุมยาวสีแดงตัวใหญ่ ระดับพลังพัฒนากว่าก่อนเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ชัดเจนมาก

หลังจากใช้โอสถชั้นเลิศอย่างว่านโลหิตมังกรและของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานชะล้างกระดูก ผนวกกับตำรามหัศจรรย์สะท้านโลกอย่างคัมภีร์มารสู่สุริยัน ทำให้กุ้ยกงกงกับฉินเกาทยอยกันรวมแก่นพลังทองสำเร็จ

อีกทั้งในผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทอง ระดับพลังของสองคงไม่ถือว่าอ่อนแอเลย เป็นผู้โดดเด่นที่มีกำลังรบแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ศักยภาพเช่นนี้ กุ้ยกงกงตอนอยู่ในพระราชวังอาณาจักรต้าเหยียน ขนาดฝันยังไม่กล้าคิด

“องค์ชายเดินทางไปทะเลอุดรหกเดือนแล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์เข้าฌานฝึกบำเพ็ญบนสุดยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์มาหกเดือน ช่างมีความรักและซื่อสัตย์อันลึกซึ้งจริงๆ”

กุ้ยกงกงมองร่างของจางอวิ๋นซีพลางพึมพำกับตัวเอง “หากพระสนมรู้ว่ามีสตรีรักองค์ชายเช่นนี้ จะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน”

ฉินเกาพยักหน้าช้าๆ “ลุงกุ้ยพูดถูก!”

จ้าวเฮ่าแบกกระบี่ยาวไว้ข้างหลัง รอบตัวคลุมด้วยประกายสายฟ้าสีแดงฉาน

ช่วงนี้เขาฝึกคัมภีร์กระบี่สุริยะฟ้าสำเร็จแล้ว ระดับพลังรุดหน้าในทีเดียวทะลวงแก่นพลังทอง

กระทั่งตอนนี้ยังคุมไม่ให้ศักยภาพพุ่งขึ้นได้ยากนิดๆ มีอัคคีอรุณใต้ส่องสว่างและเข้มข้นวนเวียนอยู่รอบตัว เขาที่มีไฟศักดิ์สิทธิ์มีศักยภาพไม่เป็นรองกุ้ยกงกงกับฉินเกาเลย กระทั่งศักยภาพแฝงยังลึกล้ำยิ่งกว่ากุ้ยกงกงกับฉินเกา

ขอแค่ให้เวลาเขามากพอ ถึงขั้นมีหวังจะหลอมรวมคัมภีร์กระบี่สุริยะฟ้ากับเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมได้ เดินบนเส้นทางของตนเองได้

ถึงตอนนั้นก็อาจจะติดสิบอันดับแรกในรายนามแก่นพลังทองดินแดนบูรพา กลายเป็นโอรสสวรรค์ระดับม้ามืดอีกตัวของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ได้

กระทั่งตอนนี้ในผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังมีคนพูดหยอกเล่นว่าห้าโอรสสวรรค์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รวมกันครบแล้ว

มังกรเขียวจางอวิ๋นถิง พยัคฆ์ขาวจางอวิ๋นซี กิเลนฟางฉาง วิหคชาดจ้าวเฮ่า…

ส่วนเต่าดำล่ะ!

ตอนแรกกำหนดไว้ว่าเป็นเสิ่นเทียน ถึงอย่างไรตอนที่เสิ่นเทียนเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ภายในกายก็มีต้นกำเนิดน้ำมวลหนักปฐมกาล

อีกทั้งตอนที่เสิ่นเทียนฝึกฝนอัสนีเทพเต่าดำธาตุน้ำลำดับแปด ยังเหมือนกับฝึกฝนพลังวิเศษชีวิต ฝึกฝนได้ราบรื่นจนไม่รู้จะราบรื่นอย่างไรอีก

กระทั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังถูกใจเสิ่นเทียน มอบเกราะเต่าดำกับหมวกเกราะเต่าดำสองชิ้นให้อย่างไม่เสียดาย

แต่พวกเขาไม่นึกเลยว่าดวงชะตาของเสิ่นเทียนจะเหมือนกับใช้สูตรโกง ในไม่กี่เดือนสั้นๆ ก็รวมสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุครบ

และที่น่าตื่นตกใจกว่านั้นคือผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองตัวเล็กๆ อย่างเสิ่นเทียนกลับหลอมรวมสิ่งมหัศจรรย์ปัญจธาตุไว้ในร่างกาย

การกระทำอันบ้าคลั่งเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้อริยะลองดูบ้าง จะต้องตัวระเบิดตายอย่างแน่นอน

ทว่า เสิ่นเทียนกลับทำได้

ดังนั้น ฉายา ‘เต่าดำ’ เล็กจ้อยนี่ จึงไม่คู่ควรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลย

พลังชีวิตเขา ไม่ใช่สิ่งที่เต่าดำจะเทียบได้

…….

แผ่นดินสั่นไหวเบาๆ หุ่นเหล็กกล้าสูงหลายจั้งเดินมาช้าๆ

มันหลอมขึ้นจากแร่เหล็กวิญญาณทั้งตัว ล้ำค่าอย่างยิ่ง กระทั่งเทียบกับอาวุธวิญญาณมากมายแล้ว ยังถูกสังหารในพริบตา

ด้านหลังหุ่นเหล็กกล้านี้แบกเสาเหล็กไส้กลวงยาวหลายจั้งต้นหนึ่ง ด้านบนแกะสลักภาพลวดลายลึกลับหลายอย่าง

ตรงเอวของหุ่นเหล็กผูกลูกกลมเหล็กสีเงินขนาดเท่าศีรษะคนไว้หลายลูก เปล่งแสงเย็นเยือกออกมา

ปัง~

ส่วนศีรษะของหุ่นเหล็กแยกออกช้าๆ เผยใบหน้าหล่อเหลาออกมา

เขามีเส้นผมสีทอง ภายใต้แสงตะวันส่องสะท้อนดูระยิบระยับ งดงามเป็นพิเศษ

นี่คือบุรุษรูปงามหายาก มีสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ คือมีกลิ่นอายของบุรุษด้อยไปเล็กน้อย กระทั่งมีเสน่ห์แฝงอยู่นิดๆ

ร่างผอมแห้งกับเกราะนักรบเหล็กกล้าแข็งแกร่งเกิดเป็นการเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจนยิ่ง

ใจมีพยัคฆ์ร้าย ดอมดมบุปผา

“ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังไม่กลับมาอีกรึ”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง ยิ้มน้อยๆ “หลายเดือนมานี้ข้าทุ่มกำลังศึกษามรดกในตำหนักพันโชคเต็มที่ โยงกับการศึกษาพัฒนากฎเกณฑ์ระเบิดอัสนีหยินหยาง จนในที่สุดก็สร้าง ‘หุ่นรบ’ อย่างที่ศิษย์พี่บอกได้

ท่านแม่แกะสลักตราเวทหลายอย่างเช่น ‘สอดแนม’ ‘ป้องกัน’ ‘เหาะเหิน’ ‘สะกดรอย’ เป็นต้นเอาไว้ในหุ่นรบ อีกทั้งยังติดตั้งกระสุนอัสนีกำเนิดฟ้าที่แกร่งที่สุดด้วย

ถึงหุ่นรบนี่จะยังเทียบกับหุ่นกระบอกพวกนั้นที่แกร่งที่สุดในตำหนักพันโชคไม่ได้ แต่ข้ารู้สึกว่ามันมีศักยภาพแฝงสูงมาก หากได้คำแนะนำจากศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะต้องสร้าง ‘หุ่นรบ’ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบในเร็ววันแน่!

เฮ้อ ศิษย์พี่ไม่อยู่หกเดือนแล้ว คิดถึงเขาจัง!”

……….

ใช่ คิดถึงเขา!

เสิ่นเทียนอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่กี่เดือน ก็หามหาโชคลิขิตมาให้แดนศักดิ์สิทธิ์แทบไม่เคยขาด

ยันต์ระเบิดอัสนีเอย หอคอยเทพสงคราม เถาจองจำเซียน ว่านมังกรโลหิต ทุกอย่างทำให้การแข่งขันของศิษย์แกนหลักแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สูงขึ้นเป็นเท่าตัว

อีกทั้งก่อนไปเสิ่นเทียนยังถ่ายทอด ‘เครื่องปั่นไฟพลังงานลม’ และ ‘เครื่องปั่นไฟพลังงานน้ำ’ ให้กับฉินอวิ๋นตี๋ อาศัยพลังงานลมและน้ำที่มีอยู่ทุกที่ สร้างพลังงานไฟฟ้าได้ไม่จำกัด

เมื่อสร้างเครื่องปั่นไฟมามากขึ้น ความต้องการในการใช้ศิลาวิญญาณฝึกบำเพ็ญของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ลดน้อยลงอย่างมาก

ประหยัดการฝึกบำเพ็ญได้มากขึ้น นั่นหมายความว่าจะประหยัดศิลาวิญญาณไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น อย่างเช่นเที่ยวซ่องนางโลม…

ถุยๆๆ อย่างเช่นใช้ซื้อวัตถุดิบในการหลอมอาวุธและหลอมโอสถ และศึกษาค่ายกลเป็นต้น

สรุปคือ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่เคยรุ่งเรืองเช่นนี้มาก่อนในตลอดหมื่นปีมานี้ กำลังแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน

และทุกอย่าง บุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่เป็นคนมอบให้ทุกคน

ปกติเสิ่นเทียนอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทุกคนยังไม่รู้สึกอะไร

แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนเดินทางไปผจญภัยในทะเลอุดร ทุกคนต่างคิดถึงเขาขึ้นมา

โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ ตอนนี้ต่างใจจดจ่อรอคอย

ท่านปรมาจารย์สวรรค์อยู่ทะเลอุดรจะกินอย่างไร สวมใส่อะไร จะผิดดินฟ้าอากาศหิวโซหรือไม่

อสูรทะเลอุดรพวกนั้นไม่รู้จักมารยาท จะพุ่งชนปรมาจารย์สวรรค์หรือไม่ จะประจบท่านปรมาจารย์สวรรค์จนสบายไปแล้วหรือไม่

ได้ยินศิษย์พี่อวิ๋นเฟิงบอกว่าได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ มากมายให้กับคุณชายหมึกยักษ์แห่งทะเลอุดรไป ปลาแปดหนวดนั้นมีมือเยอะ คงไม่เก่งกว่าพวกเราหรอกกระมัง!

ถ้าท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์โดนประจบจนมีความสุขใหญ่ ไม่ยอมกลับมาจะทำอย่างไร

ถ้าเผ่ามังกรบังคับให้ท่านปรมาจารย์สวรรค์เป็นลูกเขย ไม่ให้เขากลับมาจะทำอย่างไร

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ขาดองค์ชายบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้นะ!

………..

หากความคิดถึงมีรูปลักษณ์ ตอนนี้เสิ่นเทียนอาจจะโดนพันจนกลายเป็นบอลขนสัตว์ไปแล้ว

น่าเสียดายที่ความคิดถึงไร้รูป ดังนั้นถึงศิษย์เทพสวรรค์จะอาลัยอาวรณ์กันเท่าไร ก็ได้แต่รอเสิ่นเทียนกลับมาเงียบๆ

“ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่มาก!”

พลันปรากฏร่างคนหนึ่งใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ขี่กระบี่พุ่งตรงขึ้นยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

คนนี้ก็คือผู้รอบรู้เทพสวรรค์หลี่อวิ๋นเฟิง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและฮึกเหิม “ทะเลอุดรมีข่าวใหญ่!”

ทะเลอุดรรึ

สมาชิกแกนหลักกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ลุกขึ้นทั้งหมด “มีข่าวท่านปรมาจารย์สวรรค์/ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์/องค์ชายรึ”

หลี่อวิ๋นเฟิงดื่มน้ำแล้ว กำลังคิดจะยั่วให้คนอยากรู้

ทันใดนั้นเขารู้สึกเย็นที่แผ่นหลังขึ้นมา หมุนตัวกลับไปพบร่างระหงบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นกำลังลงมาช้าๆ

จางอวิ๋นซีจ้องหลี่อวิ๋นเฟิง “ศิษย์น้อง มีข่าวอะไร”

หลี่อวิ๋นเฟิงหนาวสั่นขึ้นมา รีบตอบให้เร็วที่สุด “ข้าได้ยินสหายในทะเลอุดรบอกว่าเกาะมหานทีที่จมไปหลายหมื่นปีของทะเลอุดรโผล่ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว บนนั้นมีเปลวไฟผลาญฟ้า วิหคเทพส่งเสียงร้องแหลม เสียงแห่งมหามรรคดังกึกก้อง สงสัยว่าสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองเมื่อแปดหมื่นปีก่อนจะปรากฏขึ้นแล้ว”

จางอวิ๋นซีเพ่งมองเล็กน้อย “สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองรึ”

หลี่อวิ๋นเฟิงพยักหน้า “สุสานจักรพรรดิปรากฏไม่ใช่เรื่องเล็ก ทั้งห้าดินแดนเคลื่อนไหวกันเพราะเหตุนี้ อีกทั้งในสุสานจักรพรรดิปกติจะมีมหาโชคลิขิตยิ่งใหญ่ นอกจากอันตรายตรงเขตใจกลางที่ไม่อาจคาดเดาได้แล้ว รอบนอกคงจะมีมรดกและสมบัติให้กับผู้มีวาสนาชนรุ่นหลังไม่น้อย

บางครั้งระดับพลังก็ไม่ได้หมายถึงทุกอย่าง ดวงชะตาและโชคต่างหากที่สำคัญ ผู้มีมหาดวงชะตาอาจจะได้ยอดวิชามหาจักรพรรดิก็ได้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์น่าจะเรียกรวมให้พวกเราเดินทางไปทะเลอุดรในเร็วๆ นี้”

……..

เมื่อหลี่อวิ๋นเฟิงอธิบายจบ จางอวิ๋นซีตาเป็นประกายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

เขตทะเลเบิกฟ้าคือแดนต้องห้ามสำคัญของทุกเผ่าทะเลอุดร ต่อให้เป็นนางก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไป

แต่สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองบนเกาะมหานทีไม่เหมือนกัน นั่นคือแดนลับที่มากพอจะดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจใหญ่ทั้งห้าดินแดน

ต่อให้เผ่าอสูรทะเลอุดรบ้าอำนาจยิ่งกว่านี้ก็ไม่มีทางฮุบโชควาสนาพวกนี้คนเดียวได้ อย่างน้อยก็ต้องดึงแดนศักดิ์สิทธิ์มาร่วมงานกันด้วย

และแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่อยู่ในช่วง ‘ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์’ กับเกาะมังกรดำทะเลอุดร ย่อมถูกเชื้อเชิญให้มาร่วมมือกันจากในรายนามเรียนเชิญ

ถึงตอนนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะต้องพาฟางฉาง จางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซีไปด้วย ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีดวงชะตาสูงมาก

ส่วนเสิ่นเทียน คนเผ่ามังกรย่อมเรียกไปอยู่แล้ว

แต่เกาะทะเลด้านใน ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะหาพบเกาะหนึ่ง จึงยิ่งไม่รู้ว่าต้องรอเท่าไรถึงจะเปิด

ต่อให้เปิดเข้าไปได้จริงๆ ก็อาจจะเป็นเพียงเกาะร้าง นอกจากว่านวิญญาณธรรมดาแล้วไม่มีโชคลิขิตใดๆ เลย

เทียบกันแล้ว โชคลิขิตกับสมบัติในสุสานของมหาจักรพรรดิอีกาทองเย้ายวนกว่า

ด้วยดวงชะตาที่เสิ่นเทียนแสดงให้เห็นในตอนนี้ หากเขาไปผจญภัยในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทอง จะต้องนำโด่งเป็นที่หนึ่งอย่างแน่นอน

หากดวงชะตาปะทุขึ้น ได้รับการยอมรับจากอาวุธจักรพรรดิที่ฝังไปพร้อมกับมหาจักรพรรดิอีกาทองละก็ อาจจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ได้อาวุธจักรพรรดิสูงสุดมาชิ้นหนึ่งมาก็ได้!

และที่สำคัญกว่านั้นคือหากเสิ่นเทียนเดินทางไปผจญภัยในเกาะมหานทีเช่นกัน เช่นนั้น…

เช่นนั้นพวกเขาก็จะได้ไปรวมกับเสิ่นเทียนก่อน!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาจางอวิ๋นซีก็เร่าร้อนขึ้นมาผิดปกติ

กระบี่ยาวข้างหลังพลันออกจากฝัก พริบตาเดียวประกายสายฟ้าสีขาวเงินก็ส่องสว่างดุจดั่งมังกรเงิน

จางอวิ๋นซีเหยียบกระบี่ยาวทะลวงท้อนภากลายเป็นเศษเงาบินไปยังยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

…….

ตัดกลับมาที่เกาะเทพมังกร

เสิ่นเทียนยังต่อสู้กับใบชาสีเงินที่พุ่งมาจากต้นชาตระหนักรู้

ใบชาสีเงินพวกนี้ไม่ธรรมดาเลย ทุกใบหมายถึงมหามรรคบำเพ็ญเซียนชนิดหนึ่ง

การต่อสู้กับพวกมันเหมือนกับต่อสู้กับสุดยอดโอรสสวรรค์พวกนั้นในยุคโบราณ ใช้มรรคของตนปะทะกับมรรคของอีกฝ่าย

ระฆังทองคำ กระบี่เซียนสูงสุด ขวานมารสีดำ หม้อทองสัมฤทธิ์อาบโลหิต หอคอยสีครามอมทองแตกลาย…

ทุกการโจมตีแฝงไว้ด้วยความลึกลับไร้ที่สิ้นสุด บรรยายยอดวิชาในยุคเรืองอำนาจสมัยโบราณพวกนั้น ทำให้พวกฉีเซ่าเสวียนเห็นแล้วทำเสียงจิ๊ๆ แปลกใจ

สารภาพตามตรง การโจมตีจากใบชาพวกนี้เหนือธรรมดามาก

ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์มากมายกระทั่งผู้อริยะก็อาจจะไม่ตระหนักในกฎเกณฑ์มากกว่าคำบรรยายในใบชาพวกนี้

น่าเสียดายก็แต่ไม่รู้ว่าเพราะถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์บางอย่างหรือไม่ เมื่อใบชาพวกนี้เผชิญหน้ากับเสิ่นเทียน ก็ได้แต่แสดงกำลังรบของระดับแก่นพลังทอง

ดังนั้นแม้การโจมตีจะลึกล้ำยากจะคาดเดา แต่เมื่อเจอกับ ‘ผู้ชนะสิบทิศ’ อย่างเสิ่นเทียน กลับกลายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ

รอบตัวเสิ่นเทียนหุ้มด้วย ‘เกราะห้าอัสนีเทพสวรรค์’ สีทอง เถากลืนกินเซียนที่สองมือเหมือนกับแส้ยาวแข็งแกร่งสองเส้น ปีกเทพข้างหลังขยับปีก

เขาบุกทะลวงไปกลางใบชาสีเงินพวกนั้น ทุกแส้ฟาดใส่ใบชาตระหนักรู้หนึ่งใบ

หนึ่งใบ

สองใบ

สามใบ

…..

สิบใบ

ยี่สิบใบ

สามสิบใบ

……

ไม่นาน เสิ่นเทียนก็กวาดใบชาสีเงินเต็มฟ้านั้นทั้งหมด

ลายเทพลักษณะต่างๆ แค่นับๆ ดูก็มีมากกว่าแปดสิบใบ

นี่คือทรัพย์สมบัติอันน่ากลัว หากคนอื่นรู้เข้าคงต้องสงสัยในชีวิต

ความจริง ชาตระหนักรู้ต้นนั้นก็สงสัยในชีวิตต้นไม้เช่นกัน ตอนนี้จมลงเร็วยิ่งกว่าเดิม

ฟิ้ว~

ใบชาสีเงินร้อยแปดสิบใบ ถ่วงเวลาให้กับต้นชาตระหนักรู้มากพอ

ตอนที่เสิ่นเทียนเก็บใบชาไปทั้งหมด ต้นชาก็จมลงธารน้ำแข็งไปหมดแล้ว

เสิ่นเทียนมองธารน้ำแข็งกว้างโล่งนั้นพลางถอนหายใจ “ตามไม่ทันแล้วรึ”

ใบชาที่อยู่บนยอดสุดต้นชาตระหนักรู้นั้นทำให้ในกายเสิ่นเทียนเกิดความรู้สึกกระหายอย่างแรงกล้ามาจากในกาย

พลาดไปเช่นนี้ ทำใจไม่ได้จริงๆ!

ทันใดนั้นเอง เสิ่นเทียนเหมือนนึกอะไรได้ ก็แสยะปากยิ้ม

เกือบลืมไปเลยว่าแซ่เสิ่นดำดินได้!

เจ้าชา ข้ามาแล้ว!

……………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 327 สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองปรากฏ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 327 สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองปรากฏ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 327 สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองปรากฏ!

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แห่งดินแดนบูรพา ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

จางอวิ๋นซียืนอยู่บนยอดเขา มองทอดไกลออกไป

เหนือศีรษะนางมีแก่นพลังทองส่องแสงก้อนหนึ่งลอยอยู่ อีกทั้งยังมีเก้ารอบแล้ว

เป็นหนึ่งในหลายคนที่ได้รับแก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้ามาคนแรกสุด จางอวิ๋นซีจึงได้เปรียบเหนือกว่าทุกทาง

ประกอบกับแรงกดดันมหาศาลที่เสิ่นเทียนมอบให้ ทำให้ความคิดที่จะเพิ่มศักยภาพภายในใจนางรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ส่วนเหตุใดเสิ่นเทียนถึงสร้างแรงกดดันให้นางมากขนาดนั้น

ดูพวกไก่กาพวกนั้นข้างกายเขาก็รู้แล้ว หญิงสารเลวที่อยากจะครองครอบศิษย์น้องมีมากเกินไปจริงๆ โดยเฉพาะหญิงมังกรอายุหมื่นกว่าปีบางตัว มีศักยภาพพรสวรรค์และหน้าตาสูงมาก!

เมื่ออยู่ต่อหน้าเอ๋าปิง จางอวิ๋นซีไม่กดดันก็คงยากแล้ว

ในหลายเดือนที่เสิ่นเทียนเดินทางไปทะเลอุดรนี้ จางอวิ๋นซีฝึกบำเพ็ญอย่างหนักมาตลอด

ในที่สุดนางก็ทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบสำเร็จ กลายเป็นหนึ่งในผู้โดดเด่นไม่กี่คนที่มีพรสวรรค์แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพา

ทั้งยังใช้คัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์กับอัสนีเทพกำเนิดฟ้าช่วย ทำให้กำลังรบแท้จริงของจางอวิ๋นซีแทบจะเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งแก่นพลังทองสิบรอบ

หากประเมินรายนามแก่นพลังทองอีกครั้ง นางก็จะติดสามอันดับแรกได้อย่างง่ายดาย!

นี่ยังเป็นเพราะโอรสสวรรค์ยุคนี้แข็งแกร่งกันมากด้วย ฟ้ากดขี่อยู่เหนือทุกคน

หากเป็นรายนามแก่นพลังทองเมื่อสิบปีก่อน จางอวิ๋นซีก็แทบจะติดอันดับหนึ่งได้สบายๆ

ด้วยศักยภาพของจางอวิ๋นซีตอนนี้ เรียกนางว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ธิดาสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพาก็ไม่เกินจริงเลย!

“เดือนที่สองหลังศิษย์น้องเดินทาง ข้าทะลวงแก่นพลังทองรอบที่เก้าสำเร็จ เดือนที่สามหลังศิษย์น้องเดินทาง ศิษย์พี่ใหญ่ทุบแก่นเป็นดรุณสำเร็จ เป็นผู้สูงศักดิ์แล้ว

เดือนที่ห้าหลังศิษย์น้องเดินทาง พี่ชายข้าก็ทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบเช่นกัน ฝึกกายเทพอัสนีหยางสำเร็จ และแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ด้วยการสนับสนุนจากยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยาง ทำให้ศิษย์ชนชั้นรากฐานแข็งแกร่งขึ้น ได้รับประสบการณ์มากขึ้น

ศิษย์น้อง เหมือนอย่างที่เจ้าบอกตอนเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลย เจ้าอยากให้แดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนเป็นดั่งมังกร!

ตอนนี้ทุกอย่างในแดนศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยดี แต่เจ้ากำลังผจญภัยในทะเลอุดร ตอนนี้สบายดีหรือไม่ หญิงมังกรแก่นามเอ๋าปิงนั่น ได้ให้ชาวเผ่าของนางสร้างความลำบากให้เจ้าหรือไม่”

……….

สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางอวิ๋นซี คือหญิงงามภูเขาน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

โอรสสวรรค์ธรรมดาอยู่ตรงหน้านาง แม้แต่ให้นางชายตามองยังเหมือนกับเรื่องเพ้อฝัน

ทว่าตอนนี้ในใจนางกลับนึกถึงบุรุษคนหนึ่ง กระทั่งขณะมองไปรอบๆ ยังมีความคับแค้นใจนิดๆ

ข้างล่างยอดเขาเป็นสมาชิกแกนหลักของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ที่เสิ่นเทียนอนุญาตให้ย้ายมาฝึกบำเพ็ญที่ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้

อืม ผักกุยช่ายก็ต้องเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด

ทุกคนมองแผ่นหลังเด็กสาวที่ยืนบนยอดเขาเพียงลำพังนั้น เวลานี้ทั้งถอนหายใจและปลงอนิจจัง

ทุกคนย่อมรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาฝึกบำเพ็ญบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกวันเพื่ออะไร ก็เพื่อรอปรมาจารย์สวรรค์กลับมา

และคนที่คิดถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีเพียงนางคนเดียว

กุ้ยกงกงสวมชุดคลุมยาวสีแดงตัวใหญ่ ระดับพลังพัฒนากว่าก่อนเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ชัดเจนมาก

หลังจากใช้โอสถชั้นเลิศอย่างว่านโลหิตมังกรและของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานชะล้างกระดูก ผนวกกับตำรามหัศจรรย์สะท้านโลกอย่างคัมภีร์มารสู่สุริยัน ทำให้กุ้ยกงกงกับฉินเกาทยอยกันรวมแก่นพลังทองสำเร็จ

อีกทั้งในผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทอง ระดับพลังของสองคงไม่ถือว่าอ่อนแอเลย เป็นผู้โดดเด่นที่มีกำลังรบแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ศักยภาพเช่นนี้ กุ้ยกงกงตอนอยู่ในพระราชวังอาณาจักรต้าเหยียน ขนาดฝันยังไม่กล้าคิด

“องค์ชายเดินทางไปทะเลอุดรหกเดือนแล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์เข้าฌานฝึกบำเพ็ญบนสุดยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์มาหกเดือน ช่างมีความรักและซื่อสัตย์อันลึกซึ้งจริงๆ”

กุ้ยกงกงมองร่างของจางอวิ๋นซีพลางพึมพำกับตัวเอง “หากพระสนมรู้ว่ามีสตรีรักองค์ชายเช่นนี้ จะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน”

ฉินเกาพยักหน้าช้าๆ “ลุงกุ้ยพูดถูก!”

จ้าวเฮ่าแบกกระบี่ยาวไว้ข้างหลัง รอบตัวคลุมด้วยประกายสายฟ้าสีแดงฉาน

ช่วงนี้เขาฝึกคัมภีร์กระบี่สุริยะฟ้าสำเร็จแล้ว ระดับพลังรุดหน้าในทีเดียวทะลวงแก่นพลังทอง

กระทั่งตอนนี้ยังคุมไม่ให้ศักยภาพพุ่งขึ้นได้ยากนิดๆ มีอัคคีอรุณใต้ส่องสว่างและเข้มข้นวนเวียนอยู่รอบตัว เขาที่มีไฟศักดิ์สิทธิ์มีศักยภาพไม่เป็นรองกุ้ยกงกงกับฉินเกาเลย กระทั่งศักยภาพแฝงยังลึกล้ำยิ่งกว่ากุ้ยกงกงกับฉินเกา

ขอแค่ให้เวลาเขามากพอ ถึงขั้นมีหวังจะหลอมรวมคัมภีร์กระบี่สุริยะฟ้ากับเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมได้ เดินบนเส้นทางของตนเองได้

ถึงตอนนั้นก็อาจจะติดสิบอันดับแรกในรายนามแก่นพลังทองดินแดนบูรพา กลายเป็นโอรสสวรรค์ระดับม้ามืดอีกตัวของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ได้

กระทั่งตอนนี้ในผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังมีคนพูดหยอกเล่นว่าห้าโอรสสวรรค์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รวมกันครบแล้ว

มังกรเขียวจางอวิ๋นถิง พยัคฆ์ขาวจางอวิ๋นซี กิเลนฟางฉาง วิหคชาดจ้าวเฮ่า…

ส่วนเต่าดำล่ะ!

ตอนแรกกำหนดไว้ว่าเป็นเสิ่นเทียน ถึงอย่างไรตอนที่เสิ่นเทียนเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ภายในกายก็มีต้นกำเนิดน้ำมวลหนักปฐมกาล

อีกทั้งตอนที่เสิ่นเทียนฝึกฝนอัสนีเทพเต่าดำธาตุน้ำลำดับแปด ยังเหมือนกับฝึกฝนพลังวิเศษชีวิต ฝึกฝนได้ราบรื่นจนไม่รู้จะราบรื่นอย่างไรอีก

กระทั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังถูกใจเสิ่นเทียน มอบเกราะเต่าดำกับหมวกเกราะเต่าดำสองชิ้นให้อย่างไม่เสียดาย

แต่พวกเขาไม่นึกเลยว่าดวงชะตาของเสิ่นเทียนจะเหมือนกับใช้สูตรโกง ในไม่กี่เดือนสั้นๆ ก็รวมสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุครบ

และที่น่าตื่นตกใจกว่านั้นคือผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองตัวเล็กๆ อย่างเสิ่นเทียนกลับหลอมรวมสิ่งมหัศจรรย์ปัญจธาตุไว้ในร่างกาย

การกระทำอันบ้าคลั่งเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้อริยะลองดูบ้าง จะต้องตัวระเบิดตายอย่างแน่นอน

ทว่า เสิ่นเทียนกลับทำได้

ดังนั้น ฉายา ‘เต่าดำ’ เล็กจ้อยนี่ จึงไม่คู่ควรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลย

พลังชีวิตเขา ไม่ใช่สิ่งที่เต่าดำจะเทียบได้

…….

แผ่นดินสั่นไหวเบาๆ หุ่นเหล็กกล้าสูงหลายจั้งเดินมาช้าๆ

มันหลอมขึ้นจากแร่เหล็กวิญญาณทั้งตัว ล้ำค่าอย่างยิ่ง กระทั่งเทียบกับอาวุธวิญญาณมากมายแล้ว ยังถูกสังหารในพริบตา

ด้านหลังหุ่นเหล็กกล้านี้แบกเสาเหล็กไส้กลวงยาวหลายจั้งต้นหนึ่ง ด้านบนแกะสลักภาพลวดลายลึกลับหลายอย่าง

ตรงเอวของหุ่นเหล็กผูกลูกกลมเหล็กสีเงินขนาดเท่าศีรษะคนไว้หลายลูก เปล่งแสงเย็นเยือกออกมา

ปัง~

ส่วนศีรษะของหุ่นเหล็กแยกออกช้าๆ เผยใบหน้าหล่อเหลาออกมา

เขามีเส้นผมสีทอง ภายใต้แสงตะวันส่องสะท้อนดูระยิบระยับ งดงามเป็นพิเศษ

นี่คือบุรุษรูปงามหายาก มีสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ คือมีกลิ่นอายของบุรุษด้อยไปเล็กน้อย กระทั่งมีเสน่ห์แฝงอยู่นิดๆ

ร่างผอมแห้งกับเกราะนักรบเหล็กกล้าแข็งแกร่งเกิดเป็นการเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจนยิ่ง

ใจมีพยัคฆ์ร้าย ดอมดมบุปผา

“ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังไม่กลับมาอีกรึ”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง ยิ้มน้อยๆ “หลายเดือนมานี้ข้าทุ่มกำลังศึกษามรดกในตำหนักพันโชคเต็มที่ โยงกับการศึกษาพัฒนากฎเกณฑ์ระเบิดอัสนีหยินหยาง จนในที่สุดก็สร้าง ‘หุ่นรบ’ อย่างที่ศิษย์พี่บอกได้

ท่านแม่แกะสลักตราเวทหลายอย่างเช่น ‘สอดแนม’ ‘ป้องกัน’ ‘เหาะเหิน’ ‘สะกดรอย’ เป็นต้นเอาไว้ในหุ่นรบ อีกทั้งยังติดตั้งกระสุนอัสนีกำเนิดฟ้าที่แกร่งที่สุดด้วย

ถึงหุ่นรบนี่จะยังเทียบกับหุ่นกระบอกพวกนั้นที่แกร่งที่สุดในตำหนักพันโชคไม่ได้ แต่ข้ารู้สึกว่ามันมีศักยภาพแฝงสูงมาก หากได้คำแนะนำจากศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะต้องสร้าง ‘หุ่นรบ’ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบในเร็ววันแน่!

เฮ้อ ศิษย์พี่ไม่อยู่หกเดือนแล้ว คิดถึงเขาจัง!”

……….

ใช่ คิดถึงเขา!

เสิ่นเทียนอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่กี่เดือน ก็หามหาโชคลิขิตมาให้แดนศักดิ์สิทธิ์แทบไม่เคยขาด

ยันต์ระเบิดอัสนีเอย หอคอยเทพสงคราม เถาจองจำเซียน ว่านมังกรโลหิต ทุกอย่างทำให้การแข่งขันของศิษย์แกนหลักแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สูงขึ้นเป็นเท่าตัว

อีกทั้งก่อนไปเสิ่นเทียนยังถ่ายทอด ‘เครื่องปั่นไฟพลังงานลม’ และ ‘เครื่องปั่นไฟพลังงานน้ำ’ ให้กับฉินอวิ๋นตี๋ อาศัยพลังงานลมและน้ำที่มีอยู่ทุกที่ สร้างพลังงานไฟฟ้าได้ไม่จำกัด

เมื่อสร้างเครื่องปั่นไฟมามากขึ้น ความต้องการในการใช้ศิลาวิญญาณฝึกบำเพ็ญของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ลดน้อยลงอย่างมาก

ประหยัดการฝึกบำเพ็ญได้มากขึ้น นั่นหมายความว่าจะประหยัดศิลาวิญญาณไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น อย่างเช่นเที่ยวซ่องนางโลม…

ถุยๆๆ อย่างเช่นใช้ซื้อวัตถุดิบในการหลอมอาวุธและหลอมโอสถ และศึกษาค่ายกลเป็นต้น

สรุปคือ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่เคยรุ่งเรืองเช่นนี้มาก่อนในตลอดหมื่นปีมานี้ กำลังแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน

และทุกอย่าง บุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่เป็นคนมอบให้ทุกคน

ปกติเสิ่นเทียนอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทุกคนยังไม่รู้สึกอะไร

แต่ตอนนี้เสิ่นเทียนเดินทางไปผจญภัยในทะเลอุดร ทุกคนต่างคิดถึงเขาขึ้นมา

โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ ตอนนี้ต่างใจจดจ่อรอคอย

ท่านปรมาจารย์สวรรค์อยู่ทะเลอุดรจะกินอย่างไร สวมใส่อะไร จะผิดดินฟ้าอากาศหิวโซหรือไม่

อสูรทะเลอุดรพวกนั้นไม่รู้จักมารยาท จะพุ่งชนปรมาจารย์สวรรค์หรือไม่ จะประจบท่านปรมาจารย์สวรรค์จนสบายไปแล้วหรือไม่

ได้ยินศิษย์พี่อวิ๋นเฟิงบอกว่าได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ มากมายให้กับคุณชายหมึกยักษ์แห่งทะเลอุดรไป ปลาแปดหนวดนั้นมีมือเยอะ คงไม่เก่งกว่าพวกเราหรอกกระมัง!

ถ้าท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์โดนประจบจนมีความสุขใหญ่ ไม่ยอมกลับมาจะทำอย่างไร

ถ้าเผ่ามังกรบังคับให้ท่านปรมาจารย์สวรรค์เป็นลูกเขย ไม่ให้เขากลับมาจะทำอย่างไร

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ขาดองค์ชายบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้นะ!

………..

หากความคิดถึงมีรูปลักษณ์ ตอนนี้เสิ่นเทียนอาจจะโดนพันจนกลายเป็นบอลขนสัตว์ไปแล้ว

น่าเสียดายที่ความคิดถึงไร้รูป ดังนั้นถึงศิษย์เทพสวรรค์จะอาลัยอาวรณ์กันเท่าไร ก็ได้แต่รอเสิ่นเทียนกลับมาเงียบๆ

“ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่มาก!”

พลันปรากฏร่างคนหนึ่งใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ขี่กระบี่พุ่งตรงขึ้นยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

คนนี้ก็คือผู้รอบรู้เทพสวรรค์หลี่อวิ๋นเฟิง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและฮึกเหิม “ทะเลอุดรมีข่าวใหญ่!”

ทะเลอุดรรึ

สมาชิกแกนหลักกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ลุกขึ้นทั้งหมด “มีข่าวท่านปรมาจารย์สวรรค์/ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์/องค์ชายรึ”

หลี่อวิ๋นเฟิงดื่มน้ำแล้ว กำลังคิดจะยั่วให้คนอยากรู้

ทันใดนั้นเขารู้สึกเย็นที่แผ่นหลังขึ้นมา หมุนตัวกลับไปพบร่างระหงบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์นั้นกำลังลงมาช้าๆ

จางอวิ๋นซีจ้องหลี่อวิ๋นเฟิง “ศิษย์น้อง มีข่าวอะไร”

หลี่อวิ๋นเฟิงหนาวสั่นขึ้นมา รีบตอบให้เร็วที่สุด “ข้าได้ยินสหายในทะเลอุดรบอกว่าเกาะมหานทีที่จมไปหลายหมื่นปีของทะเลอุดรโผล่ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว บนนั้นมีเปลวไฟผลาญฟ้า วิหคเทพส่งเสียงร้องแหลม เสียงแห่งมหามรรคดังกึกก้อง สงสัยว่าสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองเมื่อแปดหมื่นปีก่อนจะปรากฏขึ้นแล้ว”

จางอวิ๋นซีเพ่งมองเล็กน้อย “สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองรึ”

หลี่อวิ๋นเฟิงพยักหน้า “สุสานจักรพรรดิปรากฏไม่ใช่เรื่องเล็ก ทั้งห้าดินแดนเคลื่อนไหวกันเพราะเหตุนี้ อีกทั้งในสุสานจักรพรรดิปกติจะมีมหาโชคลิขิตยิ่งใหญ่ นอกจากอันตรายตรงเขตใจกลางที่ไม่อาจคาดเดาได้แล้ว รอบนอกคงจะมีมรดกและสมบัติให้กับผู้มีวาสนาชนรุ่นหลังไม่น้อย

บางครั้งระดับพลังก็ไม่ได้หมายถึงทุกอย่าง ดวงชะตาและโชคต่างหากที่สำคัญ ผู้มีมหาดวงชะตาอาจจะได้ยอดวิชามหาจักรพรรดิก็ได้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์น่าจะเรียกรวมให้พวกเราเดินทางไปทะเลอุดรในเร็วๆ นี้”

……..

เมื่อหลี่อวิ๋นเฟิงอธิบายจบ จางอวิ๋นซีตาเป็นประกายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

เขตทะเลเบิกฟ้าคือแดนต้องห้ามสำคัญของทุกเผ่าทะเลอุดร ต่อให้เป็นนางก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไป

แต่สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองบนเกาะมหานทีไม่เหมือนกัน นั่นคือแดนลับที่มากพอจะดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจใหญ่ทั้งห้าดินแดน

ต่อให้เผ่าอสูรทะเลอุดรบ้าอำนาจยิ่งกว่านี้ก็ไม่มีทางฮุบโชควาสนาพวกนี้คนเดียวได้ อย่างน้อยก็ต้องดึงแดนศักดิ์สิทธิ์มาร่วมงานกันด้วย

และแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่อยู่ในช่วง ‘ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์’ กับเกาะมังกรดำทะเลอุดร ย่อมถูกเชื้อเชิญให้มาร่วมมือกันจากในรายนามเรียนเชิญ

ถึงตอนนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะต้องพาฟางฉาง จางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซีไปด้วย ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีดวงชะตาสูงมาก

ส่วนเสิ่นเทียน คนเผ่ามังกรย่อมเรียกไปอยู่แล้ว

แต่เกาะทะเลด้านใน ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะหาพบเกาะหนึ่ง จึงยิ่งไม่รู้ว่าต้องรอเท่าไรถึงจะเปิด

ต่อให้เปิดเข้าไปได้จริงๆ ก็อาจจะเป็นเพียงเกาะร้าง นอกจากว่านวิญญาณธรรมดาแล้วไม่มีโชคลิขิตใดๆ เลย

เทียบกันแล้ว โชคลิขิตกับสมบัติในสุสานของมหาจักรพรรดิอีกาทองเย้ายวนกว่า

ด้วยดวงชะตาที่เสิ่นเทียนแสดงให้เห็นในตอนนี้ หากเขาไปผจญภัยในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทอง จะต้องนำโด่งเป็นที่หนึ่งอย่างแน่นอน

หากดวงชะตาปะทุขึ้น ได้รับการยอมรับจากอาวุธจักรพรรดิที่ฝังไปพร้อมกับมหาจักรพรรดิอีกาทองละก็ อาจจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ได้อาวุธจักรพรรดิสูงสุดมาชิ้นหนึ่งมาก็ได้!

และที่สำคัญกว่านั้นคือหากเสิ่นเทียนเดินทางไปผจญภัยในเกาะมหานทีเช่นกัน เช่นนั้น…

เช่นนั้นพวกเขาก็จะได้ไปรวมกับเสิ่นเทียนก่อน!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาจางอวิ๋นซีก็เร่าร้อนขึ้นมาผิดปกติ

กระบี่ยาวข้างหลังพลันออกจากฝัก พริบตาเดียวประกายสายฟ้าสีขาวเงินก็ส่องสว่างดุจดั่งมังกรเงิน

จางอวิ๋นซีเหยียบกระบี่ยาวทะลวงท้อนภากลายเป็นเศษเงาบินไปยังยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

…….

ตัดกลับมาที่เกาะเทพมังกร

เสิ่นเทียนยังต่อสู้กับใบชาสีเงินที่พุ่งมาจากต้นชาตระหนักรู้

ใบชาสีเงินพวกนี้ไม่ธรรมดาเลย ทุกใบหมายถึงมหามรรคบำเพ็ญเซียนชนิดหนึ่ง

การต่อสู้กับพวกมันเหมือนกับต่อสู้กับสุดยอดโอรสสวรรค์พวกนั้นในยุคโบราณ ใช้มรรคของตนปะทะกับมรรคของอีกฝ่าย

ระฆังทองคำ กระบี่เซียนสูงสุด ขวานมารสีดำ หม้อทองสัมฤทธิ์อาบโลหิต หอคอยสีครามอมทองแตกลาย…

ทุกการโจมตีแฝงไว้ด้วยความลึกลับไร้ที่สิ้นสุด บรรยายยอดวิชาในยุคเรืองอำนาจสมัยโบราณพวกนั้น ทำให้พวกฉีเซ่าเสวียนเห็นแล้วทำเสียงจิ๊ๆ แปลกใจ

สารภาพตามตรง การโจมตีจากใบชาพวกนี้เหนือธรรมดามาก

ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์มากมายกระทั่งผู้อริยะก็อาจจะไม่ตระหนักในกฎเกณฑ์มากกว่าคำบรรยายในใบชาพวกนี้

น่าเสียดายก็แต่ไม่รู้ว่าเพราะถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์บางอย่างหรือไม่ เมื่อใบชาพวกนี้เผชิญหน้ากับเสิ่นเทียน ก็ได้แต่แสดงกำลังรบของระดับแก่นพลังทอง

ดังนั้นแม้การโจมตีจะลึกล้ำยากจะคาดเดา แต่เมื่อเจอกับ ‘ผู้ชนะสิบทิศ’ อย่างเสิ่นเทียน กลับกลายเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ

รอบตัวเสิ่นเทียนหุ้มด้วย ‘เกราะห้าอัสนีเทพสวรรค์’ สีทอง เถากลืนกินเซียนที่สองมือเหมือนกับแส้ยาวแข็งแกร่งสองเส้น ปีกเทพข้างหลังขยับปีก

เขาบุกทะลวงไปกลางใบชาสีเงินพวกนั้น ทุกแส้ฟาดใส่ใบชาตระหนักรู้หนึ่งใบ

หนึ่งใบ

สองใบ

สามใบ

…..

สิบใบ

ยี่สิบใบ

สามสิบใบ

……

ไม่นาน เสิ่นเทียนก็กวาดใบชาสีเงินเต็มฟ้านั้นทั้งหมด

ลายเทพลักษณะต่างๆ แค่นับๆ ดูก็มีมากกว่าแปดสิบใบ

นี่คือทรัพย์สมบัติอันน่ากลัว หากคนอื่นรู้เข้าคงต้องสงสัยในชีวิต

ความจริง ชาตระหนักรู้ต้นนั้นก็สงสัยในชีวิตต้นไม้เช่นกัน ตอนนี้จมลงเร็วยิ่งกว่าเดิม

ฟิ้ว~

ใบชาสีเงินร้อยแปดสิบใบ ถ่วงเวลาให้กับต้นชาตระหนักรู้มากพอ

ตอนที่เสิ่นเทียนเก็บใบชาไปทั้งหมด ต้นชาก็จมลงธารน้ำแข็งไปหมดแล้ว

เสิ่นเทียนมองธารน้ำแข็งกว้างโล่งนั้นพลางถอนหายใจ “ตามไม่ทันแล้วรึ”

ใบชาที่อยู่บนยอดสุดต้นชาตระหนักรู้นั้นทำให้ในกายเสิ่นเทียนเกิดความรู้สึกกระหายอย่างแรงกล้ามาจากในกาย

พลาดไปเช่นนี้ ทำใจไม่ได้จริงๆ!

ทันใดนั้นเอง เสิ่นเทียนเหมือนนึกอะไรได้ ก็แสยะปากยิ้ม

เกือบลืมไปเลยว่าแซ่เสิ่นดำดินได้!

เจ้าชา ข้ามาแล้ว!

……………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+