บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 54 ภูตสาวตนนี้ จะไม่โปรดสัตว์หรือ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 54 ภูตสาวตนนี้ จะไม่โปรดสัตว์หรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 54 ภูตสาวตนนี้ จะไม่โปรดสัตว์หรือ
อีกฝ่ายเป็นสตรีนางหนึ่ง

นางสวมชุดเกราะส่องแสงเงิน ไหล่พาดเสื้อคลุมพยัคฆ์ขาว ดูองอาจสง่างาม ใบหน้าสวมหน้ากากขนหงส์สีแดงสด แผ่กลิ่นอายที่ลึกลับเกินหยั่ง มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน

ทว่าเสื้อคลุมกับชุดเกราะประณีตอย่างยิ่ง กลับวาดเค้าโครงที่มีสัดส่วนทองคำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ

มืองามที่เล็กและเรียวยาวกับหลังคอที่โผล่มาข้างนอกขาวเนียนนุ่ม ราวกับผิวพรรณหยกของเซียน

ต่อให้เห็นใบหน้าไม่ชัด เพียงแค่เครื่องแต่งกายกับบุคลิกองอาจห้าวหาญ เสิ่นเทียนก็แน่ใจได้ว่าสตรีนางนี้ต้องมีใบหน้างามล่มแคว้นล่มเมืองอย่างแน่นอน

เห็นทีคงไม่ด้อยไปกว่าเสี่ยวหลิงเซียน

และสิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือ วงรัศมีบนศีรษะของสตรีนางนี้

วงรัศมีเหนือศีรษะนางเป็นสีทอง เปล่งแสงสว่างจ้าแสบตาอย่างยิ่ง นอกจากจุดด่างเล็กๆ สีแดงเพียงน้อยนิดแล้ว นี่แทบจะเป็นวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์เลย!

รู้กันดีว่าต่อให้เป็นเสี่ยวหลิงเซียนที่ได้มรดกหัวใจสำคัญของผู้อาวุโสเสินสุ่ยหลิงมา วงรัศมีสีแดงของนางก็กลายเป็นสีทองแค่ตรงขอบเท่านั้น

ทว่าวงรัศมีของสตรีนางนี้แทบจะเป็นสีทองบริสุทธิ์ทั้งหมด ความยิ่งใหญ่ของดวงชะตานางและความสูงศักดิ์ของฐานะไม่อาจจินตนาการได้เลย!

ทว่าดูสตรีนางนี้เหมือนจะไม่เป็นมิตรนัก เพราะหลังจากนางปรากฏกาย ทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันรุนแรง

นางเดินมากลางห้องทีละก้าว สายตาเคลื่อนมามองลูกประคำที่วางอยู่ข้างๆ อย่างเชื่องช้า

เป็นอย่างที่นางคิดไว้ ลัทธิวิญญาณร้ายชอบสมบัติวิเศษชั่วช้าที่หลอมสร้างด้วยความไร้มโนธรรมที่สุดจริงๆ!

เจ้าลัทธิปรมาจารย์เซียนอะไรนี่ก็เป็นคนของลัทธิชั่วร้าย!

พอนึกถึงตรงนี้ นางพลันจับจ้องเสิ่นเทียนด้วยสายตาคมกริบ จากนั้นค่อยๆ กลายเป็นสงสัยและอ่อนโยน

ไม่น่าใช่นะ!

ลัทธิวิญญาณร้ายชอบสูบกินแก่นโลหิต กลิ่นอายอาฆาต และกลิ่นอายชั่วร้ายในการฝึกบำเพ็ญ

ปกติจะมีลักษณะโหดเหี้ยมเย็นชา ทำให้รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

แต่คุณชายท่านนี้เลือดลมเร่าร้อนมีชีวิตชีวา กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมายังคึกคักมากด้วย

ผนวกกับเอกลักษณ์เขาเหนือธรรมดา ไม่เหมือนมารแห่งลัทธิวิญญาณร้ายเลย!

นอกจากนี้ ลัทธิวิญญาณร้ายที่ไหนจะทำใจใช้ศิลาวิญญาณเลี้ยงสมบัติชั่วร้ายได้ลง?

ดูท่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันกระมัง!

คิดได้ดังนั้น นางก็สลายแรงกดดันออกอย่างเนิบๆ

เขตแดนอาคมแก่นพลังทองที่เดิมทีผนึกห้องนี้ไว้ก็คลายออกช้าๆ เช่นกัน

จากนั้นนางป้องมือพูดกับเสิ่นเทียนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สวัสดีสหาย ข้าคือจางอวิ๋นซี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ได้ยินว่าสวนหมื่นวิญญาณปรากฏร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้าย จึงมาตรวจสอบที่นี่

ลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสนี่เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงของลัทธิวิญญาณร้าย เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังทีว่าเหตุใดมันถึงมาอยู่ในมือเจ้าได้”

แม้ท่าทีของนางจะดูเย็นชา ทว่าเสิ่นเทียนกลับรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก

ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีคนแรกที่เมินเฉยต่อรูปโฉมหล่อเหลาของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ

อีกทั้งยังเล่นบทตามนิยายปกติด้วย เสิ่นเทียนถือลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสไว้ในมือ โดนคนจากสำนักสายหลักอันเลื่องชื่อบุกมามา จะต้องลงมือโดยไม่สนผิดถูกแน่

แต่สตรีนางนี้กลับไม่ได้บุ่มบ่ามเพียงนั้น แต่สอบถามอย่างรอบคอบ

เสิ่นเทียนชื่นชมนิสัยสุขุมเช่นนี้มาก จะมีก็แต่ชื่อของนางที่ทำให้เขาอยากขำ

จางอวิ๋นซี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ

นางยังมีพี่ชายด้วยหรือไม่ ชื่อจางอวิ๋นเหลยรึเปล่า

……..

เสิ่นเทียนนั่งลงช้าๆ ก่อนจะหยิบลูกประคำมาไว้ตรงหน้าจางอวิ๋นซีแล้วเล่าเรื่องหน้าหุบเหวเมื่อหลายวันก่อนให้ฟังอย่างฉะฉาน

“เรื่องผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยบุกมา คณะผู้คุมกฎสามท่านยืนยันให้ข้าได้

ลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสนี่ยังมีรอยแตกเสียหายอยู่ ไม่เชื่อท่านเซียนก็ตรวจสอบดูได้ ทุกคำที่ข้าพูดจริงแท้ทุกประการ และพร้อมให้ความร่วมมือท่านเซียนตรวจสอบทุกเมื่อ”

ท่าทีให้ความร่วมมือของเสิ่นเทียน ทำให้จางอวิ๋นซีคลายความสงสัยในใจไปช้าๆ

แน่นอน คำพูดจากปากเสิ่นเทียนมีรายละเอียดจริงหรือไม่จริงนั้น นางยังต้องไปตรวจสอบความจริงจากผู้นำคณะทั้งสามท่านนั้นก่อน

จางอวิ๋นซีไม่ใช่พวกบ้าผู้ชายที่เห็นบุรุษรูปงามแล้วจะใจอ่อนระทวย

ต่อให้ท่านชายผู้นี้จะรูปงามไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิวิญญาณร้ายจริงๆ จางอวิ๋นซีก็จะลงโทษตามกฎ พากลับไปสอบสวนที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เช่นกัน

แน่นอนว่าถ้าหน้าตาขี้เหร่ ก็อาจจะถูกสำเร็จโทษทันทีเหมือนกัน

………

กว่าจะเจอสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เสิ่นเทียนคิดว่าตนจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้

เขามองจางอวิ๋นซีด้วยความจริงใจ “ท่านเซียน ข้ามีเรื่องจะขอความกรุณา”

จางอวิ๋นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องยุ่งยาก แต่เมื่อนางมองเสิ่นเทียน เห็นความจริงใจจากบนใบหน้าเขาแล้ว สุดท้ายนางก็ยังพยักหน้าด้วยความจนปัญญา

“เจ้าว่ามา! ขอแค่ไม่เกินไป ข้าจะพิจารณาดู”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความดีใจลิงโลด “ท่านเซียนช่วยข้าโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านี้ได้หรือไม่”

ในลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรส นอกจากมารดาภูตผีแล้วยังมีโอรสภูตผีอีกหลายร้อยตน โอรสภูตผีเหล่านี้เคยโดนสมบัติชั่วร้ายบวงสรวง หากไม่ได้ผู้บำเพ็ญวิถีเซียนระดับสูงสำแดงการโปรดสัตว์จะได้ไปเกิดใหม่ยากยิ่ง

เสิ่นเทียนสำแดงวิชาโปรดสัตว์ใดๆ ไม่ได้เลย ได้แต่ขอร้องจางอวิ๋นซี

จางอวิ๋นซีอึ้งไปเล็กน้อย นางก็คิดว่าเสิ่นเทียนจะขออะไรเสียอีก!

ไม่นึกเลยว่าการขอความกรุณาที่ว่า จะเป็นการขอให้โอรสภูตผี

……….

ต้องรู้ไว้ว่า ในโลกบำเพ็ญเซียนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ใจคนช่างบอบบางนัก

สำนักสายหลักที่มีชื่อเสียงมากมายสังหารมารเพียงเพื่อชิงแก่นอสูรมาหลอมโอสถ กำจัดมารก็เพื่อขจัดพวกเห็นต่าง และทำให้ฐานะในสำนักมั่นคง

ถึงผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่จะสังหารผู้บำเพ็ญเซียนลัทธิวิญญาณร้าย ก็จะแค่ทำลายสมบัติชั่วร้าย กระทั่งผู้บำเพ็ญบางคนเอาสมบัติชั่วร้ายไปขายตลาดมืดแลกเป็นทรัพยากรฝึกบำเพ็ญ

มีเพียงวิชาโปรดสัตว์ที่ได้รับถ่ายทอดจากสำนักชั้นยอดอย่างแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เมื่อลูกศิษย์เจอสมบัติชั่วร้ายถึงจะตรึกตรองเรื่องใช้แรงกายแรงใจโปรดสัตว์

อีกอย่างต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็มีศิษย์ส่วนใหญ่เลือกไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรการโปรดสัตว์ให้วิญญาณก็ต้องเสียฤทธิ์เดชพลังวิญญาณจำนวนมาก

ทรัพยากรในโลกการบำเพ็ญเซียนไม่พอ ทรัพยากรฝึกบำเพ็ญของคนส่วนมากก็ไม่พอ

แล้วจะเอาจากไหนเยอะแยะมาโปรดสัตว์แทนคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันด้วย?

เมื่อครู่ตอนที่จางอวิ๋นซีเห็นเสิ่นเทียนใช้ศิลาวิญญาณบำรุงรักษาลูกประคำก็ค่อนข้างตกใจแล้ว ตอนนี้เสิ่นเทียนบอกว่าใช้วิชาโปรดสัตว์ไม่เป็น ยิ่งทำให้นางตกใจยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าใช้วิชาพวกโปรดสัตว์ไม่เป็นรึ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงยังเก็บลูกประคำนี่ไว้”

ใช้วิชาโปรดสัตว์ไม่เป็น แต่เก็บมารดาภูตเก้าโอรสไว้ข้างกาย ปกติมีเพียงสามผลลัพธ์

แบบแรก พามารดาภูตผีเก้าโอรสไปสังหารคนธรรมดา ใช้ความอาฆาต พลังชั่วร้าย และปราณโลหิตเลี้ยงดู

แบบที่สอง ใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมากเลี้ยงลูกประคำพวกนี้ทุกวันแบบที่เสิ่นเทียนทำ

แบบที่สาม ทำสองอย่างแรกไม่ได้ รอมารดาภูตผีกับโอรสภูตผีในลูกประคำหิวจนทนไม่ไหว สุดท้ายถูกความคิดร้ายกัดกิน จนแว้งกัดเจ้าของเอง

ผลลัพธ์สามแบบนี้ไม่ว่าแบบใดก็เหนื่อยเปล่า

คุณชายท่านนี้ดูแล้วไม่เหมือนคนเขลาเลย!

เสิ่นเทียนได้ยินคำถามจางอวิ๋นซีแล้วนิ่งอึ้งไป

“แม่นางจิ่วเอ๋อร์กับพวกลูกๆ ถูกขังในลูกประคำ ไปเกิดไม่ได้ ข้าเก็บลูกประคำนี่ไว้ ใช้ศิลาวิญญาณเลี้ยงพวกเขาไปก่อน ท่านเซียนคิดว่าไม่เหมาะสมตรงไหนรึ”

เสิ่นเทียนเป็นชายหนุ่มที่ได้รับการศึกษาตามมาตรฐานของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เขาคิดว่าตนเองทำถูกอยู่แล้ว!

เหตุใดถึงรู้สึกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มองตนเหมือนมองคนโง่อยู่นิดๆ!

จางอวิ๋นซีส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตามีความเลื่อมใสเล็กน้อย

“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมอยู่แล้ว สหายมีคุณธรรมสูงส่ง อวิ๋นซีนับถือ อวิ๋นซีรู้วิชาโปรดสัตว์อยู่บ้าง ช่วยสหายโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านี้ได้ เพียงแต่อวิ๋นซีสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง หวังว่าสหายจะกรุณาให้คำชี้แนะด้วย”

เสิ่นเทียนดีใจลิงโลด “ขอแค่ท่านเซียนยินดีช่วย ก็ถามมาได้เลย”

จางอวิ๋นซีจ้องเสิ่นเทียนด้วยตาเป็นประกายวาววับ ถามว่า “เหตุใดสหายถึงบอกว่าแค่จะให้อวิ๋นซีโปรดสัตว์แก่โอรสภูตผี มารดาภูตผีตนนี้เหมือนจะมีความอาฆาตรุนแรงกว่าอีก ไม่โปรดสัตว์ไปด้วยกันรึ”

………………………..………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 54 ภูตสาวตนนี้ จะไม่โปรดสัตว์หรือ

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 54 ภูตสาวตนนี้ จะไม่โปรดสัตว์หรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 54 ภูตสาวตนนี้ จะไม่โปรดสัตว์หรือ
อีกฝ่ายเป็นสตรีนางหนึ่ง

นางสวมชุดเกราะส่องแสงเงิน ไหล่พาดเสื้อคลุมพยัคฆ์ขาว ดูองอาจสง่างาม ใบหน้าสวมหน้ากากขนหงส์สีแดงสด แผ่กลิ่นอายที่ลึกลับเกินหยั่ง มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน

ทว่าเสื้อคลุมกับชุดเกราะประณีตอย่างยิ่ง กลับวาดเค้าโครงที่มีสัดส่วนทองคำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ

มืองามที่เล็กและเรียวยาวกับหลังคอที่โผล่มาข้างนอกขาวเนียนนุ่ม ราวกับผิวพรรณหยกของเซียน

ต่อให้เห็นใบหน้าไม่ชัด เพียงแค่เครื่องแต่งกายกับบุคลิกองอาจห้าวหาญ เสิ่นเทียนก็แน่ใจได้ว่าสตรีนางนี้ต้องมีใบหน้างามล่มแคว้นล่มเมืองอย่างแน่นอน

เห็นทีคงไม่ด้อยไปกว่าเสี่ยวหลิงเซียน

และสิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือ วงรัศมีบนศีรษะของสตรีนางนี้

วงรัศมีเหนือศีรษะนางเป็นสีทอง เปล่งแสงสว่างจ้าแสบตาอย่างยิ่ง นอกจากจุดด่างเล็กๆ สีแดงเพียงน้อยนิดแล้ว นี่แทบจะเป็นวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์เลย!

รู้กันดีว่าต่อให้เป็นเสี่ยวหลิงเซียนที่ได้มรดกหัวใจสำคัญของผู้อาวุโสเสินสุ่ยหลิงมา วงรัศมีสีแดงของนางก็กลายเป็นสีทองแค่ตรงขอบเท่านั้น

ทว่าวงรัศมีของสตรีนางนี้แทบจะเป็นสีทองบริสุทธิ์ทั้งหมด ความยิ่งใหญ่ของดวงชะตานางและความสูงศักดิ์ของฐานะไม่อาจจินตนาการได้เลย!

ทว่าดูสตรีนางนี้เหมือนจะไม่เป็นมิตรนัก เพราะหลังจากนางปรากฏกาย ทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันรุนแรง

นางเดินมากลางห้องทีละก้าว สายตาเคลื่อนมามองลูกประคำที่วางอยู่ข้างๆ อย่างเชื่องช้า

เป็นอย่างที่นางคิดไว้ ลัทธิวิญญาณร้ายชอบสมบัติวิเศษชั่วช้าที่หลอมสร้างด้วยความไร้มโนธรรมที่สุดจริงๆ!

เจ้าลัทธิปรมาจารย์เซียนอะไรนี่ก็เป็นคนของลัทธิชั่วร้าย!

พอนึกถึงตรงนี้ นางพลันจับจ้องเสิ่นเทียนด้วยสายตาคมกริบ จากนั้นค่อยๆ กลายเป็นสงสัยและอ่อนโยน

ไม่น่าใช่นะ!

ลัทธิวิญญาณร้ายชอบสูบกินแก่นโลหิต กลิ่นอายอาฆาต และกลิ่นอายชั่วร้ายในการฝึกบำเพ็ญ

ปกติจะมีลักษณะโหดเหี้ยมเย็นชา ทำให้รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

แต่คุณชายท่านนี้เลือดลมเร่าร้อนมีชีวิตชีวา กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมายังคึกคักมากด้วย

ผนวกกับเอกลักษณ์เขาเหนือธรรมดา ไม่เหมือนมารแห่งลัทธิวิญญาณร้ายเลย!

นอกจากนี้ ลัทธิวิญญาณร้ายที่ไหนจะทำใจใช้ศิลาวิญญาณเลี้ยงสมบัติชั่วร้ายได้ลง?

ดูท่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันกระมัง!

คิดได้ดังนั้น นางก็สลายแรงกดดันออกอย่างเนิบๆ

เขตแดนอาคมแก่นพลังทองที่เดิมทีผนึกห้องนี้ไว้ก็คลายออกช้าๆ เช่นกัน

จากนั้นนางป้องมือพูดกับเสิ่นเทียนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สวัสดีสหาย ข้าคือจางอวิ๋นซี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ได้ยินว่าสวนหมื่นวิญญาณปรากฏร่องรอยของลัทธิวิญญาณร้าย จึงมาตรวจสอบที่นี่

ลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสนี่เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงของลัทธิวิญญาณร้าย เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังทีว่าเหตุใดมันถึงมาอยู่ในมือเจ้าได้”

แม้ท่าทีของนางจะดูเย็นชา ทว่าเสิ่นเทียนกลับรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก

ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีคนแรกที่เมินเฉยต่อรูปโฉมหล่อเหลาของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ

อีกทั้งยังเล่นบทตามนิยายปกติด้วย เสิ่นเทียนถือลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสไว้ในมือ โดนคนจากสำนักสายหลักอันเลื่องชื่อบุกมามา จะต้องลงมือโดยไม่สนผิดถูกแน่

แต่สตรีนางนี้กลับไม่ได้บุ่มบ่ามเพียงนั้น แต่สอบถามอย่างรอบคอบ

เสิ่นเทียนชื่นชมนิสัยสุขุมเช่นนี้มาก จะมีก็แต่ชื่อของนางที่ทำให้เขาอยากขำ

จางอวิ๋นซี สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ

นางยังมีพี่ชายด้วยหรือไม่ ชื่อจางอวิ๋นเหลยรึเปล่า

……..

เสิ่นเทียนนั่งลงช้าๆ ก่อนจะหยิบลูกประคำมาไว้ตรงหน้าจางอวิ๋นซีแล้วเล่าเรื่องหน้าหุบเหวเมื่อหลายวันก่อนให้ฟังอย่างฉะฉาน

“เรื่องผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยบุกมา คณะผู้คุมกฎสามท่านยืนยันให้ข้าได้

ลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรสนี่ยังมีรอยแตกเสียหายอยู่ ไม่เชื่อท่านเซียนก็ตรวจสอบดูได้ ทุกคำที่ข้าพูดจริงแท้ทุกประการ และพร้อมให้ความร่วมมือท่านเซียนตรวจสอบทุกเมื่อ”

ท่าทีให้ความร่วมมือของเสิ่นเทียน ทำให้จางอวิ๋นซีคลายความสงสัยในใจไปช้าๆ

แน่นอน คำพูดจากปากเสิ่นเทียนมีรายละเอียดจริงหรือไม่จริงนั้น นางยังต้องไปตรวจสอบความจริงจากผู้นำคณะทั้งสามท่านนั้นก่อน

จางอวิ๋นซีไม่ใช่พวกบ้าผู้ชายที่เห็นบุรุษรูปงามแล้วจะใจอ่อนระทวย

ต่อให้ท่านชายผู้นี้จะรูปงามไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิวิญญาณร้ายจริงๆ จางอวิ๋นซีก็จะลงโทษตามกฎ พากลับไปสอบสวนที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เช่นกัน

แน่นอนว่าถ้าหน้าตาขี้เหร่ ก็อาจจะถูกสำเร็จโทษทันทีเหมือนกัน

………

กว่าจะเจอสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เสิ่นเทียนคิดว่าตนจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้

เขามองจางอวิ๋นซีด้วยความจริงใจ “ท่านเซียน ข้ามีเรื่องจะขอความกรุณา”

จางอวิ๋นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องยุ่งยาก แต่เมื่อนางมองเสิ่นเทียน เห็นความจริงใจจากบนใบหน้าเขาแล้ว สุดท้ายนางก็ยังพยักหน้าด้วยความจนปัญญา

“เจ้าว่ามา! ขอแค่ไม่เกินไป ข้าจะพิจารณาดู”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความดีใจลิงโลด “ท่านเซียนช่วยข้าโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านี้ได้หรือไม่”

ในลูกประคำมารดาภูตผีเก้าโอรส นอกจากมารดาภูตผีแล้วยังมีโอรสภูตผีอีกหลายร้อยตน โอรสภูตผีเหล่านี้เคยโดนสมบัติชั่วร้ายบวงสรวง หากไม่ได้ผู้บำเพ็ญวิถีเซียนระดับสูงสำแดงการโปรดสัตว์จะได้ไปเกิดใหม่ยากยิ่ง

เสิ่นเทียนสำแดงวิชาโปรดสัตว์ใดๆ ไม่ได้เลย ได้แต่ขอร้องจางอวิ๋นซี

จางอวิ๋นซีอึ้งไปเล็กน้อย นางก็คิดว่าเสิ่นเทียนจะขออะไรเสียอีก!

ไม่นึกเลยว่าการขอความกรุณาที่ว่า จะเป็นการขอให้โอรสภูตผี

……….

ต้องรู้ไว้ว่า ในโลกบำเพ็ญเซียนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ใจคนช่างบอบบางนัก

สำนักสายหลักที่มีชื่อเสียงมากมายสังหารมารเพียงเพื่อชิงแก่นอสูรมาหลอมโอสถ กำจัดมารก็เพื่อขจัดพวกเห็นต่าง และทำให้ฐานะในสำนักมั่นคง

ถึงผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่จะสังหารผู้บำเพ็ญเซียนลัทธิวิญญาณร้าย ก็จะแค่ทำลายสมบัติชั่วร้าย กระทั่งผู้บำเพ็ญบางคนเอาสมบัติชั่วร้ายไปขายตลาดมืดแลกเป็นทรัพยากรฝึกบำเพ็ญ

มีเพียงวิชาโปรดสัตว์ที่ได้รับถ่ายทอดจากสำนักชั้นยอดอย่างแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เมื่อลูกศิษย์เจอสมบัติชั่วร้ายถึงจะตรึกตรองเรื่องใช้แรงกายแรงใจโปรดสัตว์

อีกอย่างต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็มีศิษย์ส่วนใหญ่เลือกไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรการโปรดสัตว์ให้วิญญาณก็ต้องเสียฤทธิ์เดชพลังวิญญาณจำนวนมาก

ทรัพยากรในโลกการบำเพ็ญเซียนไม่พอ ทรัพยากรฝึกบำเพ็ญของคนส่วนมากก็ไม่พอ

แล้วจะเอาจากไหนเยอะแยะมาโปรดสัตว์แทนคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันด้วย?

เมื่อครู่ตอนที่จางอวิ๋นซีเห็นเสิ่นเทียนใช้ศิลาวิญญาณบำรุงรักษาลูกประคำก็ค่อนข้างตกใจแล้ว ตอนนี้เสิ่นเทียนบอกว่าใช้วิชาโปรดสัตว์ไม่เป็น ยิ่งทำให้นางตกใจยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าใช้วิชาพวกโปรดสัตว์ไม่เป็นรึ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงยังเก็บลูกประคำนี่ไว้”

ใช้วิชาโปรดสัตว์ไม่เป็น แต่เก็บมารดาภูตเก้าโอรสไว้ข้างกาย ปกติมีเพียงสามผลลัพธ์

แบบแรก พามารดาภูตผีเก้าโอรสไปสังหารคนธรรมดา ใช้ความอาฆาต พลังชั่วร้าย และปราณโลหิตเลี้ยงดู

แบบที่สอง ใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมากเลี้ยงลูกประคำพวกนี้ทุกวันแบบที่เสิ่นเทียนทำ

แบบที่สาม ทำสองอย่างแรกไม่ได้ รอมารดาภูตผีกับโอรสภูตผีในลูกประคำหิวจนทนไม่ไหว สุดท้ายถูกความคิดร้ายกัดกิน จนแว้งกัดเจ้าของเอง

ผลลัพธ์สามแบบนี้ไม่ว่าแบบใดก็เหนื่อยเปล่า

คุณชายท่านนี้ดูแล้วไม่เหมือนคนเขลาเลย!

เสิ่นเทียนได้ยินคำถามจางอวิ๋นซีแล้วนิ่งอึ้งไป

“แม่นางจิ่วเอ๋อร์กับพวกลูกๆ ถูกขังในลูกประคำ ไปเกิดไม่ได้ ข้าเก็บลูกประคำนี่ไว้ ใช้ศิลาวิญญาณเลี้ยงพวกเขาไปก่อน ท่านเซียนคิดว่าไม่เหมาะสมตรงไหนรึ”

เสิ่นเทียนเป็นชายหนุ่มที่ได้รับการศึกษาตามมาตรฐานของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เขาคิดว่าตนเองทำถูกอยู่แล้ว!

เหตุใดถึงรู้สึกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มองตนเหมือนมองคนโง่อยู่นิดๆ!

จางอวิ๋นซีส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตามีความเลื่อมใสเล็กน้อย

“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมอยู่แล้ว สหายมีคุณธรรมสูงส่ง อวิ๋นซีนับถือ อวิ๋นซีรู้วิชาโปรดสัตว์อยู่บ้าง ช่วยสหายโปรดสัตว์โอรสภูตผีเหล่านี้ได้ เพียงแต่อวิ๋นซีสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง หวังว่าสหายจะกรุณาให้คำชี้แนะด้วย”

เสิ่นเทียนดีใจลิงโลด “ขอแค่ท่านเซียนยินดีช่วย ก็ถามมาได้เลย”

จางอวิ๋นซีจ้องเสิ่นเทียนด้วยตาเป็นประกายวาววับ ถามว่า “เหตุใดสหายถึงบอกว่าแค่จะให้อวิ๋นซีโปรดสัตว์แก่โอรสภูตผี มารดาภูตผีตนนี้เหมือนจะมีความอาฆาตรุนแรงกว่าอีก ไม่โปรดสัตว์ไปด้วยกันรึ”

………………………..………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+