บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 78 มา เอาแผนที่มา

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 78 มา เอาแผนที่มา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 78 มา เอาแผนที่มา
เมื่อเห็นบิดาของตนแล้ว แววตาจางอวิ๋นซีฉายความเคารพขึ้นมา

นางได้ฟังเรื่องเล่าของบิดาตัวเองมาจนเติบใหญ่ จึงเลื่อมใสในตำนานนี้!

จางอวิ๋นซีคารวะด้วยความนบนอบ “ลูกปฏิบัติภารกิจลุล่วง นำของศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ว่า “ดีมาก”

จางอวิ๋นซีลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เรียนท่านพ่อ ตอนที่จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ปรากฏ แก่นรากอัสนีเทพได้แตกสลายเข้าไปในร่างผู้มีวาสนาหลายคน

หากผู้มีวาสนาหลายคนนี้ฝึกวิชาอัสนีของฝ่ายเรา จะต้องบรรลุถึงระดังสูงสุดอย่างแน่นอน ลูกคิดว่าส่งคนไปเชิญพวกเขามาฝึกบำเพ็ญที่แดนศักดิ์สิทธิ์ของเราได้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงเอ่ยเรียบๆ “ได้”

น้ำเสียงของเขาไม่เย็นชา แต่กลับทำให้คนไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใดๆ เลย เหมือนกับว่าคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่ใช่คนเป็น แต่เป็นเครื่องจักรกลไก

จางอวิ๋นซีมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อยู่นานถึงค่อยถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้น ลูกขอตัวก่อน”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ตอบ จางอวิ๋นซีหมุนตัวกลับเดินจากไป ประตูใหญ่วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ปิดลงอีกครั้ง

ตั้งแต่แรกจนถึงตอนสุดท้าย เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บนบัลลังก์ไม่ได้แสดงความห่วงใยบุตรสาวของตนเลย

…..

นักพรตชราเอียงศีรษะมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “เจ้าแอบฝึกวิชาชั่วร้ายนั่นอีกแล้วรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองนักพรตชรา “ศิษย์พี่ก็รู้นี่ว่านั่นไม่ใช่วิชาชั่วร้าย”

นักพรตชราเบ้ปาก “ตัดเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนา ยังไม่ใช่วิชาชั่วร้ายอีกรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ย “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านหัวรั้นเกินไปแล้ว”

นักพรตชราแค่นเสียงหยัน “เพื่อเติมเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ให้สมบูรณ์รึ คนที่หัวรั้นคือเจ้าต่างหาก!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถามว่า “อวิ๋นซีบอกว่าจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์อยู่ที่ศิษย์พี่หรือ”

นักพรตชราพยักหน้าเหมือนเรื่องควรเป็นเช่นนั้น “ทำไมรึ ลูกสาวที่รักของเจ้าให้ข้าดูแลเอง”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดขึ้น “รบกวนศิษย์พี่แล้ว ตอนนี้เอาจี้หยกมาให้ข้าได้แล้วละ”

นักพรตชราตอบอย่างถูกต้องชอบธรรม “ไม่ได้ ข้ารับปากเสี่ยวซีเอ๋อร์ไว้แล้ว ใครก็อย่าคิดแย่งมันไปจากข้า”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์งุนงง

สายฟ้าที่วนเวียนรอบกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ ส่วนไอเซียนเข้มข้นที่ลอยอยู่บนผิวกายเขายังหมุนวนไม่หยุด

เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดคลื่นอารมณ์แล้ว “ศิษย์พี่ จี้มังกรพยัคฆ์เป็นสัญลักษณ์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”

นักพรตชราหัวเราะ “แล้วอย่างไร เจ้าไม่ใช่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่มีสัญลักษณ์คนแรกสักหน่อย!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “จี้มังกรพยัคฆ์เกี่ยวพันไปถึงความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมของฝ่ายเรา ศิษย์พี่อย่าล้อเล่นเลย”

นักพรตชราหัวเราะเหอะๆ “โอ้ ศิษย์น้องรองในที่สุดเจ้าก็ร้อนใจแล้วรึ ตกลง ศิษย์พี่ให้จี้มังกรพยัคฆ์กับเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องตอบตกลงเงื่อนไขของข้าสองสามข้อก่อน”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบอย่างเฉยชา “เชิญศิษย์พี่พูดมาตามตรงได้เลย”

นักพรตชรามองพิจารณาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก่อนพูดว่า “หัวเราะให้ศิษย์พี่ดูก่อน”

สายฟ้ารอบกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไหลเวียนบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ไอเซียนก็แตกสลาย แววตาของเขาบีบคั้นราวกับสายฟ้าแลบ จ้องตรงไปที่นักพรตชรา “ศิษย์พี่อย่าล้อเล่นเลย”

นักพรตชราแสยะยิ้ม “เจ้าฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้าไม่ใช่เพื่อเติมเต็มเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์รึ ตอนนี้แม่หนูซีเอ๋อร์เอาจี้มังกรพยัคฆ์กลับมาแล้ว เจ้าไม่หยุดวิชาแล้วจะมัวรออะไร!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบอย่างเย็นชาว่า “ศิษย์พี่ไม่เข้าใจ ข้าพบดินแดนใหม่แล้ว วิชามรรคหนึ่งแขนงยากจะมีสองจักรพรรดิ ข้าจะเดินบนวิถีใหม่ และการฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้าก็สำคัญกับมันมาก ข้าจะไม่มีทางล้มเลิก!”

“อ้อ!”

นักพรตชราเบ้ปาก “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เดินไปบนวิถีใหม่เถอะ! เพื่อไม่ให้เจ้าธาตุไฟเข้าแทรก ศิษย์พี่จะเก็บจี้หยกนี้ไว้ให้เจ้าเอง เผื่อวันใดเจ้าจำญาติพี่น้องไม่ได้ จี้หยกนี้จะได้ไม่หายสาบสูญไปอีก”

เอ่ยจบ นักพรตชราก็หมุนตัวเดินออกไปจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

ตอนนี้เอง สายฟ้าภายในวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดังเปรี้ยงปร้าง ไอเซียนไหลเชี่ยวราวกับคลื่นทะเล

หลังจากนักพรตชราเดินออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ครึ่งก้าว ก็มีเสียงหัวเราะแปลกๆ ดังมาจากกลางหมอกหนา

ฮิๆๆๆๆ

ใช่แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังหัวเราะ

นักพรตชรามุมปากกระตุก มุมปากบิดเบี้ยวอย่างอดมิได้

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยชา “ข้าไม่เคยหัวเราะมาร้อยกว่าปี ไม่ค่อยชินนัก ศิษย์พี่อย่าหัวเราะเยาะเลย ข้าทำตามที่ศิษย์พี่ขอแล้ว ส่งจี้หยกมาให้ข้าเถอะ!”

นักพรตชรากล่าว “นั่นเป็นเพียงเงื่อนไขแรก ยังมีอีกสามข้อ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ตอบอย่างเย็นชา “เชิญศิษย์พี่บอกมาตรงๆ เลย”+

นักพรตชราหักนิ้วลง “เงื่อนไขแรกนี้ ข้าช่วยบุตรสาวที่รักของเจ้า ตามราคาตลาดมืดของศิษย์พี่แล้ว ลงมือหนึ่งครั้งหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ แต่เห็นแก่ที่ช่วยเสี่ยวซีเอ๋อร์ ข้าจะลดให้เจ้าร้อยละยี่สิบสอง

อีกทั้งบุตรสาวที่รักของเจ้ายังกินน่องพญาปักษาปีกทองคำของข้าไปด้วย ลดให้หน่อยก็เอาห้าแสนศิลาวิญญาณแล้วกัน! เจ้าจะกินหมดแล้วไม่จ่ายไม่ได้!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยความเย็นชา “ผลึกวิญญาณพันห้าร้อยก้อน ศิษย์พี่พูดเงื่อนไขที่สองมาเถอะ!”

“ตรงไปตรงมาดี!” นักพรตชราหัวเราะ “ศิษย์น้องเจ้าดูสิ ศิษย์พี่อยู่ระดับหลอมรวมเทพแล้วยังไม่มียอดเขาวิญญาณสักลูกเลย เจ้าจะให้ศิษย์พี่เลือกยอดเขาวิญญาณไว้ฝึกฝนอีกสักลูกได้หรือไม่”

“ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ขัดคำพูดนักพรตชรา ไอเซียนรอบกายหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง

ยอดเขาวิญญาณที่ว่าหมายถึงยอดเขาที่ให้กำเนิดสายแร่ศิลาวิญญาณ ในโลกเล็กเทพสวรรค์มียอดเขาวิญญาณทั้งหมดสามสิบหกลูก ขอแค่ฝึกบำเพ็ญถึงระดับหลอมรวมเทพก็จะเป็นเจ้าของหนึ่งยอดเขาและรับลูกศิษย์ได้

เดิมทีผู้อาวุโสบัวมรกตฉู่หลงเหอก็มียอดเขาวิญญาณของตนเอง ทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นเลิศ ปัญหาคือเจ้าคนนี้ปิดด่านฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเสียจนติดใจ แทบจะสูบสายแร่ศิลาวิญญาณหมดในคราวเดียว

จากนั้นโอสถวิญญาณว่านวิญญาณและที่ราบดอกไม้วิญญาณบนยอดเขาวิญญาณนั้นจะแห้งเหี่ยว แทบกลายเป็นภูเขาร้าง

ตามการคาดการณ์ของปรมาจารย์ด้านค้นวิญญาณประเมินแร่ ต้องอย่างน้อยพันปีสายแร่ศิลาวิญญาณนั้นถึงจะค่อยๆ ฟื้นคืนพลังปราณกลับมาใหม่

…….

ต้องรู้ไว้ว่า สายแร่ศิลาวิญญาณคือคลังของฝ่ายเซียน

ฝ่ายเซียนที่มีสายแร่ศิลาวิญญาณหนึ่งสายขึ้นไปถึงจะมีสิทธิ์ถูกเรียกว่าแดนผาสุก

ฝ่ายเซียนที่มีสายแร่ศิลาวิญญาณสามสายขึ้นไปถึงจะมีสิทธิ์ถูกเรียกว่าแดนเทวา

และฝ่ายเซียนที่มีสายแร่สิบสายขึ้นไปถึงจะมีสิทธิ์ถูกเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์

แม้นี่จะเป็นเพียงหนึ่งในการพิจารณา แต่ก็มากพอจะอธิบายความสำคัญของสายแร่ศิลาวิญญาณได้ ทรัพยากรสำคัญในด้านยุทธศาสตร์เช่นนี้ โดนฉู่หลงเหอทำลายไปสายหนึ่งก็มากพอแล้ว

ตอนนี้เขาจะเอาสายที่สอง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะตอบตกลงได้อย่างไร

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ พูดข้อสามเถอะ!”

นักพรตชราเบ้ปากอีก “เงื่อนไขที่สามง่ายมาก คือบัญญัติบรรพชนฝ่ายเรา ผู้มีวาสนาที่หาจี้มังกรพยัคฆ์มาเติมเต็มคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีได้ จะได้รับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ หากยินยอมก็จะขอตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้

ศิษย์น้อง ลูกชายลูกสาวเจ้าเพียบพร้อมทั้งสองด้านแล้ว ทั้งยังรับฟางฉางเจ้าเด็กหน้ายาวนั่นเป็นศิษย์อีก เช่นนั้นเจ้าจะมาแย่งผู้มีวาสนาคนนั้นกับศิษย์พี่ไม่ได้นะ จะต้องให้เขาคารวะข้าเป็นอาจารย์

อีกอย่างนับจากนี้ไป สวัสดิการประจำเดือนสำหรับบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาทุกเดือน ศิษย์พี่จะรับแทนเขาเอง อ้อ แล้วถ้าเขาแต่งกับบุตรสาวเจ้า เจ้าห้ามขอสินสอดด้วย!

อืม เงื่อนไขประมาณสามข้อนี้ คงไม่เกินไปกระมัง!”

“ท่านอยากเป็นอาจารย์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์รึ”

สายฟ้าสว่างวาววับไม่ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ อีก ไอเซียนก็ไม่ไหลเชี่ยวเช่นกัน

เสียงจนปัญญาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดังมาจากไอเซียนที่ราวกับหมอกหนา

“ศิษย์พี่ เอาแผนที่ยอดเขาวิญญาณมาเถอะ ท่านถูกใจยอดเขาวิญญาณลูกใด”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 78 มา เอาแผนที่มา

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 78 มา เอาแผนที่มา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 78 มา เอาแผนที่มา
เมื่อเห็นบิดาของตนแล้ว แววตาจางอวิ๋นซีฉายความเคารพขึ้นมา

นางได้ฟังเรื่องเล่าของบิดาตัวเองมาจนเติบใหญ่ จึงเลื่อมใสในตำนานนี้!

จางอวิ๋นซีคารวะด้วยความนบนอบ “ลูกปฏิบัติภารกิจลุล่วง นำของศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงไร้คลื่นอารมณ์ว่า “ดีมาก”

จางอวิ๋นซีลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เรียนท่านพ่อ ตอนที่จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ปรากฏ แก่นรากอัสนีเทพได้แตกสลายเข้าไปในร่างผู้มีวาสนาหลายคน

หากผู้มีวาสนาหลายคนนี้ฝึกวิชาอัสนีของฝ่ายเรา จะต้องบรรลุถึงระดังสูงสุดอย่างแน่นอน ลูกคิดว่าส่งคนไปเชิญพวกเขามาฝึกบำเพ็ญที่แดนศักดิ์สิทธิ์ของเราได้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงเอ่ยเรียบๆ “ได้”

น้ำเสียงของเขาไม่เย็นชา แต่กลับทำให้คนไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใดๆ เลย เหมือนกับว่าคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่ใช่คนเป็น แต่เป็นเครื่องจักรกลไก

จางอวิ๋นซีมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อยู่นานถึงค่อยถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้น ลูกขอตัวก่อน”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ตอบ จางอวิ๋นซีหมุนตัวกลับเดินจากไป ประตูใหญ่วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ปิดลงอีกครั้ง

ตั้งแต่แรกจนถึงตอนสุดท้าย เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บนบัลลังก์ไม่ได้แสดงความห่วงใยบุตรสาวของตนเลย

…..

นักพรตชราเอียงศีรษะมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “เจ้าแอบฝึกวิชาชั่วร้ายนั่นอีกแล้วรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองนักพรตชรา “ศิษย์พี่ก็รู้นี่ว่านั่นไม่ใช่วิชาชั่วร้าย”

นักพรตชราเบ้ปาก “ตัดเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนา ยังไม่ใช่วิชาชั่วร้ายอีกรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ย “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านหัวรั้นเกินไปแล้ว”

นักพรตชราแค่นเสียงหยัน “เพื่อเติมเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ให้สมบูรณ์รึ คนที่หัวรั้นคือเจ้าต่างหาก!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถามว่า “อวิ๋นซีบอกว่าจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์อยู่ที่ศิษย์พี่หรือ”

นักพรตชราพยักหน้าเหมือนเรื่องควรเป็นเช่นนั้น “ทำไมรึ ลูกสาวที่รักของเจ้าให้ข้าดูแลเอง”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดขึ้น “รบกวนศิษย์พี่แล้ว ตอนนี้เอาจี้หยกมาให้ข้าได้แล้วละ”

นักพรตชราตอบอย่างถูกต้องชอบธรรม “ไม่ได้ ข้ารับปากเสี่ยวซีเอ๋อร์ไว้แล้ว ใครก็อย่าคิดแย่งมันไปจากข้า”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์งุนงง

สายฟ้าที่วนเวียนรอบกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ ส่วนไอเซียนเข้มข้นที่ลอยอยู่บนผิวกายเขายังหมุนวนไม่หยุด

เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดคลื่นอารมณ์แล้ว “ศิษย์พี่ จี้มังกรพยัคฆ์เป็นสัญลักษณ์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”

นักพรตชราหัวเราะ “แล้วอย่างไร เจ้าไม่ใช่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่มีสัญลักษณ์คนแรกสักหน่อย!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “จี้มังกรพยัคฆ์เกี่ยวพันไปถึงความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมของฝ่ายเรา ศิษย์พี่อย่าล้อเล่นเลย”

นักพรตชราหัวเราะเหอะๆ “โอ้ ศิษย์น้องรองในที่สุดเจ้าก็ร้อนใจแล้วรึ ตกลง ศิษย์พี่ให้จี้มังกรพยัคฆ์กับเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องตอบตกลงเงื่อนไขของข้าสองสามข้อก่อน”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบอย่างเฉยชา “เชิญศิษย์พี่พูดมาตามตรงได้เลย”

นักพรตชรามองพิจารณาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก่อนพูดว่า “หัวเราะให้ศิษย์พี่ดูก่อน”

สายฟ้ารอบกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไหลเวียนบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ไอเซียนก็แตกสลาย แววตาของเขาบีบคั้นราวกับสายฟ้าแลบ จ้องตรงไปที่นักพรตชรา “ศิษย์พี่อย่าล้อเล่นเลย”

นักพรตชราแสยะยิ้ม “เจ้าฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้าไม่ใช่เพื่อเติมเต็มเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์รึ ตอนนี้แม่หนูซีเอ๋อร์เอาจี้มังกรพยัคฆ์กลับมาแล้ว เจ้าไม่หยุดวิชาแล้วจะมัวรออะไร!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบอย่างเย็นชาว่า “ศิษย์พี่ไม่เข้าใจ ข้าพบดินแดนใหม่แล้ว วิชามรรคหนึ่งแขนงยากจะมีสองจักรพรรดิ ข้าจะเดินบนวิถีใหม่ และการฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้าก็สำคัญกับมันมาก ข้าจะไม่มีทางล้มเลิก!”

“อ้อ!”

นักพรตชราเบ้ปาก “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เดินไปบนวิถีใหม่เถอะ! เพื่อไม่ให้เจ้าธาตุไฟเข้าแทรก ศิษย์พี่จะเก็บจี้หยกนี้ไว้ให้เจ้าเอง เผื่อวันใดเจ้าจำญาติพี่น้องไม่ได้ จี้หยกนี้จะได้ไม่หายสาบสูญไปอีก”

เอ่ยจบ นักพรตชราก็หมุนตัวเดินออกไปจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

ตอนนี้เอง สายฟ้าภายในวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดังเปรี้ยงปร้าง ไอเซียนไหลเชี่ยวราวกับคลื่นทะเล

หลังจากนักพรตชราเดินออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ครึ่งก้าว ก็มีเสียงหัวเราะแปลกๆ ดังมาจากกลางหมอกหนา

ฮิๆๆๆๆ

ใช่แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังหัวเราะ

นักพรตชรามุมปากกระตุก มุมปากบิดเบี้ยวอย่างอดมิได้

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยชา “ข้าไม่เคยหัวเราะมาร้อยกว่าปี ไม่ค่อยชินนัก ศิษย์พี่อย่าหัวเราะเยาะเลย ข้าทำตามที่ศิษย์พี่ขอแล้ว ส่งจี้หยกมาให้ข้าเถอะ!”

นักพรตชรากล่าว “นั่นเป็นเพียงเงื่อนไขแรก ยังมีอีกสามข้อ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ตอบอย่างเย็นชา “เชิญศิษย์พี่บอกมาตรงๆ เลย”+

นักพรตชราหักนิ้วลง “เงื่อนไขแรกนี้ ข้าช่วยบุตรสาวที่รักของเจ้า ตามราคาตลาดมืดของศิษย์พี่แล้ว ลงมือหนึ่งครั้งหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ แต่เห็นแก่ที่ช่วยเสี่ยวซีเอ๋อร์ ข้าจะลดให้เจ้าร้อยละยี่สิบสอง

อีกทั้งบุตรสาวที่รักของเจ้ายังกินน่องพญาปักษาปีกทองคำของข้าไปด้วย ลดให้หน่อยก็เอาห้าแสนศิลาวิญญาณแล้วกัน! เจ้าจะกินหมดแล้วไม่จ่ายไม่ได้!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยความเย็นชา “ผลึกวิญญาณพันห้าร้อยก้อน ศิษย์พี่พูดเงื่อนไขที่สองมาเถอะ!”

“ตรงไปตรงมาดี!” นักพรตชราหัวเราะ “ศิษย์น้องเจ้าดูสิ ศิษย์พี่อยู่ระดับหลอมรวมเทพแล้วยังไม่มียอดเขาวิญญาณสักลูกเลย เจ้าจะให้ศิษย์พี่เลือกยอดเขาวิญญาณไว้ฝึกฝนอีกสักลูกได้หรือไม่”

“ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ขัดคำพูดนักพรตชรา ไอเซียนรอบกายหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง

ยอดเขาวิญญาณที่ว่าหมายถึงยอดเขาที่ให้กำเนิดสายแร่ศิลาวิญญาณ ในโลกเล็กเทพสวรรค์มียอดเขาวิญญาณทั้งหมดสามสิบหกลูก ขอแค่ฝึกบำเพ็ญถึงระดับหลอมรวมเทพก็จะเป็นเจ้าของหนึ่งยอดเขาและรับลูกศิษย์ได้

เดิมทีผู้อาวุโสบัวมรกตฉู่หลงเหอก็มียอดเขาวิญญาณของตนเอง ทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นเลิศ ปัญหาคือเจ้าคนนี้ปิดด่านฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงเสียจนติดใจ แทบจะสูบสายแร่ศิลาวิญญาณหมดในคราวเดียว

จากนั้นโอสถวิญญาณว่านวิญญาณและที่ราบดอกไม้วิญญาณบนยอดเขาวิญญาณนั้นจะแห้งเหี่ยว แทบกลายเป็นภูเขาร้าง

ตามการคาดการณ์ของปรมาจารย์ด้านค้นวิญญาณประเมินแร่ ต้องอย่างน้อยพันปีสายแร่ศิลาวิญญาณนั้นถึงจะค่อยๆ ฟื้นคืนพลังปราณกลับมาใหม่

…….

ต้องรู้ไว้ว่า สายแร่ศิลาวิญญาณคือคลังของฝ่ายเซียน

ฝ่ายเซียนที่มีสายแร่ศิลาวิญญาณหนึ่งสายขึ้นไปถึงจะมีสิทธิ์ถูกเรียกว่าแดนผาสุก

ฝ่ายเซียนที่มีสายแร่ศิลาวิญญาณสามสายขึ้นไปถึงจะมีสิทธิ์ถูกเรียกว่าแดนเทวา

และฝ่ายเซียนที่มีสายแร่สิบสายขึ้นไปถึงจะมีสิทธิ์ถูกเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์

แม้นี่จะเป็นเพียงหนึ่งในการพิจารณา แต่ก็มากพอจะอธิบายความสำคัญของสายแร่ศิลาวิญญาณได้ ทรัพยากรสำคัญในด้านยุทธศาสตร์เช่นนี้ โดนฉู่หลงเหอทำลายไปสายหนึ่งก็มากพอแล้ว

ตอนนี้เขาจะเอาสายที่สอง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะตอบตกลงได้อย่างไร

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ พูดข้อสามเถอะ!”

นักพรตชราเบ้ปากอีก “เงื่อนไขที่สามง่ายมาก คือบัญญัติบรรพชนฝ่ายเรา ผู้มีวาสนาที่หาจี้มังกรพยัคฆ์มาเติมเต็มคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีได้ จะได้รับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ หากยินยอมก็จะขอตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้

ศิษย์น้อง ลูกชายลูกสาวเจ้าเพียบพร้อมทั้งสองด้านแล้ว ทั้งยังรับฟางฉางเจ้าเด็กหน้ายาวนั่นเป็นศิษย์อีก เช่นนั้นเจ้าจะมาแย่งผู้มีวาสนาคนนั้นกับศิษย์พี่ไม่ได้นะ จะต้องให้เขาคารวะข้าเป็นอาจารย์

อีกอย่างนับจากนี้ไป สวัสดิการประจำเดือนสำหรับบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาทุกเดือน ศิษย์พี่จะรับแทนเขาเอง อ้อ แล้วถ้าเขาแต่งกับบุตรสาวเจ้า เจ้าห้ามขอสินสอดด้วย!

อืม เงื่อนไขประมาณสามข้อนี้ คงไม่เกินไปกระมัง!”

“ท่านอยากเป็นอาจารย์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์รึ”

สายฟ้าสว่างวาววับไม่ส่งเสียงเปรี๊ยะๆ อีก ไอเซียนก็ไม่ไหลเชี่ยวเช่นกัน

เสียงจนปัญญาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดังมาจากไอเซียนที่ราวกับหมอกหนา

“ศิษย์พี่ เอาแผนที่ยอดเขาวิญญาณมาเถอะ ท่านถูกใจยอดเขาวิญญาณลูกใด”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+