บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 318 อันดับหนึ่งใต้ฟ้า มีได้เพียงคนเดียว!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 318 อันดับหนึ่งใต้ฟ้า มีได้เพียงคนเดียว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 318 อันดับหนึ่งใต้ฟ้า มีได้เพียงคนเดียว!

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมังกรยักษ์น่ากลัวหลายสิบตัวข้างหลัง ใบหน้าที่เดิมทีซีดขาวของหวังเสินซวี ตอนนี้ขาวซีดยิ่งกว่าเดิม

ต้องรู้ว่าเขาไม่ได้แอบมาเขตทะเลเบิกฟ้าเพื่อมาเที่ยวเล่น

เรื่องมันเป็นเช่นนี้ เมื่อหลายเดือนก่อนฉีเซ่าเสวียนท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในดินแดนบูรพา หวังเสินซวีในนั้นอยู่อันดับสี่ในรายนามแก่นพลังทอง เป็นเป้าหมายสำคัญ

ทว่าหวังเสินซวีฝึกคัมภีร์จักรพรรดิท้องนภา เป็นวิชากัดกินชีวิต

วิชาตื้นเขินพวกนั้นในนั้นไม่เท่าไร แต่วิชาสังหารลึกล้ำ แทบจะต้องเสียอายุขัย

โดยเฉพาะหวังเสินซวีมี ‘กายเทพท้องนภา’ เดิมทีนี่เป็นกายต้องสาป อายุขัยจะลดลงเร็วมากกว่าคนปกติ

ต่อให้เขาใช้โอสถล้ำค่าบำรุงกายมาตลอด ก็ยากจะมีชีวิตยืนยาวเหมือนกับผู้ฝึกบำเพ็ญคนอื่น

หากกล้าหาญสู้สุดชีวิตบ่อยครั้ง เกรงว่าคงมีชีวิตไม่เกินห้าสิบปี

ต้องรู้ว่าผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนปกติ ต่อให้เป็นผู้จริงแท้แก่นพลังทองก็มีอายุได้อย่างน้อยห้าร้อยปี ผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณมีอายุขัยพันปี

ห้าสิบปีก็ตาย เรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษมักตายเร็วโดยแท้

ดังนั้นหวังเสินซวีจึงทิ้งจดหมายไว้อย่างไร้ศักดิ์ศรี จากนั้นหนีออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์

หน้าตาเป็นของสำนัก ชีวิตน้อยๆ เป็นของตน ทั้งยังไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เขาจึงไม่ยอมสละตัวเอง!

หวังเสินซวีนำคลังสมบัติเล็กและชาห้าสิ่งเลอค่าของตนมาด้วย อาศัยจังหวะยามค่ำคืนลมแรงออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา กระทั่งหนีออกจากดินแดนบูรพา

ในมุมมองเขา ข้าจะไปรับลมที่ทะเลอุดร

ที่นั่นห่างจากดินแดนบูรพาแสนแปดพันลี้ เจ้าฉีเซ่าเสวียนเก่งกาจกว่านี้ ก็คงไม่ถึงกับมาล่าสังหารข้าถึงทะเลอุดรกระมัง

หลังหนีมาทะเลอุดร หวังเสินซวีก็ใช้ชีวิตอย่างเอ้อระเหยและสุขสบายหลายวัน

อากาศที่นี่เยี่ยมมาก สายลมทะเลก็สบาย ปีศาจหอยก็ชุ่มชื่น

หวังเสินซวีชอบที่นี่มาก~

………

น่าเสียดายก็แต่ครั้งนี้ค่อนข้างรีบร้อนออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ หวังเสินซวีนำเงินติดตัวมาไม่มากพอ

หลังเที่ยวเล่นสนุกสนานสักระยะหนึ่งก็ใช้ศิลาวิญญาณไปมากพอประมาณ ชาห้าสิ่งเลอค่าที่นำมาจากดินแดนบูรพาก็ดื่มไปมากเช่นกัน

หวังเสินซวีคิดว่าตนควรจะหาช่องทางทำเงินมาใช้จ่าย

ประจวบเหมาะกับได้ยินว่า ‘เขตทะเลเบิกฟ้า’ ของทะเลอุดรเปิด หวังเสินซวีคิดหน้าคิดหลังแล้วก็คิดว่าตนจะแอบเข้าเอาสมบัติล้ำค่าออกมาได้

ดังนั้นหวังเสินซวีจึงลดชีวิตลงหลายปี วางยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบสุ่มนอกเขตทะเลเบิกฟ้า

อาศัยจังหวะที่เขตทะเลเบิกฟ้าเปิด หวังเสินซวีก็ใช้ยอดค่ายกลข้ามผ่านปีศาจทะเลอุดรพวกนั้น ข้ามมิติมาในเขตทะเล

แต่เขาไม่นึกเลยว่าหลังข้ามยอดค่ายกลของตนมา มันจะส่งเขามาส่วนลึกของเขตทะเลเบิกฟ้า อีกทั้งยังส่งมาบนเกาะเลย

เดิมทีนี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้าย ถึงอย่างไรพลังวิญญาณบนเกาะนี้ก็เต็มเปี่ยมมาก สมบัติก็เยอะมาก กระทั่งมีโสม เก๋ากี้ พุทราวิญญาณ หวงจิงอายุหลายพันปีไม่น้อย เก็บเกี่ยวมาเยอะๆ ยังเพิ่มอายุขัยได้ กำไรเลือดสาด

แต่หวังเสินซวีไม่คาดคิดว่า ‘กิจการยิ่งใหญ่’ ของตนยังไม่เริ่ม ก็ถูดขัดขาก่อน

เขาเพิ่งแอบขโมยเถาวัลย์เหอโส่วอูพันปีมาต้นเดียว ก็ถูกมังกรยักษ์ฝูงใหญ่ล่าสังหารหลายพันลี้

ไฉนต้องทำถึงขนาดนี้!

บนเกาะมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ทุกที่ ให้ข้าหน่อยจะเป็นอะไรไป!

ไอ้เผ่ามังกรพวกนี้ ไม่ต้อนรับแขกกันเกินไปแล้ว!

หวังเสินซวีบ่นในใจไปพลาง หนีสุดชีวิตไปพลาง เขารู้สึกว่าร่างกายถูกควักออกเหลือแต่ความว่างเปล่า

ถึงอย่างไรการโจมตีของระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์จะหลบง่ายๆ ได้อย่างไร

‘วิชาท่องมิติ’ ของหวังเสินซวีแม้จะแข็งแกร่งมาก กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นตัวโกง แต่ความแข็งแกร่งก็แลกมาด้วยชีวิต ทุกครั้งที่ใช้วิชาหลบหนีนี้ หวังเสินซวีจะเสียอายุขัยไปจำนวนมาก ใช้ต่อเนื่องกันอย่างน้อยก็เสียไปปีครึ่ง อย่างมากก็สามถึงห้าปี

หากหนีเช่นนี้ต่อไป หวังเสินซวีรู้สึกว่าฝูงมังกรพวกนี้ฆ่าเขาไม่ตาย แต่ตัวเขาเองจะอายุขัยหมดไปก่อน

‘หรือว่าข้าจะต้องคับแค้นใจอยู่ที่นี่เช่นนี้จริงๆ’

หวังเสินซวีกัดฟันด้วยความโกรธ เขาไม่ยอมหรอก!

…….

ทันใดนั้นเอง หวังเสินซวีหรี่ดวงตาลง

เพราะเขาพบว่าใต้เท้าเขาพลันมีเถาวัลย์พุ่งออกมาสองเส้น

เถาวัลย์สองเส้นนี้มีสีสันแวววาวเหมือนกับมรกต ทว่าในสายตาหวังเสินซวีกลับเหมือนอสรพิษ เพราะเถาวัลย์สองเส้นนั้นกำลังมัดขาสองข้างเขา อีกทั้งยังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วน่าตกใจ

‘เป็นสัตว์ร้ายที่ควบคุมพืชได้รึ’

หวังเสินซวีหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เขาไม่สงสัยเลยว่าหากตอนนี้ตนถูกมัดไว้ พวกมังกรยักษ์ข้างหลังจะชนเขาแหลกกระจายในพริบตาแน่นอน

“คิดจะจับข้ารึ ฝันไปเถอะ จงขาดไป!”

หวังเสินซวีใช้สองมือประสานมุทรา รวมเป็นกริชไร้รูปขึ้นในอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เถาวัลย์สองเส้นนั้น

ฟิ้ว~

กริชไร้รูปลากผ่านอากาศ แฝงไว้ด้วยพลังแห่งมิติส่วนหนึ่ง

ต่อให้เป็นเหล็กวิญญาณแกร่งผ่านการหลอมมาเป็นร้อยครั้ง ก็ยังโดนกริชแห่งมิตินี่ฟันขาดสองท่อนในทีเดียว

แต่หวังเสินซวีต้องพบเรื่องที่น่าตื่นกลัวคือ ตอนที่กริชแห่งมิติฟันใส่เถาวัลย์สองเส้นนั้น เพียงแค่สับขาดครึ่งเดียวเท่านั้น

อีกทั้งตอนที่กริชแห่งมิติสิ้นพลังงานหมดแล้ว รอยแผลของเถาวัลย์ก็แทบจะสมานกันในพริบตา

เถาวัลย์พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วไม่ได้ช้าลงเลย

บัดซบ ไม่จ่ายชีวิตก็ตัดเจ้าไม่ขาดรึ

หวังเสินซวีหน้าเขียวปัด ก่อนจะใช้สองมือประสานมุทราอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวพลังทั้งตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหมือนจะหลอมรวมกับมวลอากาศเป็นหนึ่งเดียว

ตัวเขาเหมือนกลายเป็นมายา การโจมตีเปลวไฟ สายฟ้าและพายุหมุนมากมายทะลวงผ่านตัวเขา แต่กลับไม่สร้างอำนาจคุกคามให้เขาเลยแม้แต่น้อย

“มังกรยักษ์โง่เง่า คิดจะทำลายกายเทพท้องนภาของข้ารึ ฝันไป…อึก!”

หวังเสินซวียังพูดไม่จบ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นกลัว

เพราะเขาพบว่าเถาวัลย์สองเส้นนั้นมองข้ามกายเทพท้องนภาของเขาไปเลย ทะลวงมวลอากาศเข้ามามัดเอวเขา

ไอ้เถาวัลย์บ้านี่ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีความสามารถทะลวงมวลอากาศได้!

ต้องรู้นะว่าวิชามิติของหวังเสินซวีสูงส่งกว่า ‘การข้ามมิติ’ ของผู้สูงศักดิ์ส่วนใหญ่ไม่รู้กี่เท่า

เขาซ่อนอยู่ในส่วนลึกของมิติ แม้การโจมตีของระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์จะฉีกมิติได้ ก็ยังมาไปไม่ถึงระดับความลึกนั้น จึงยิ่งคุกคามไม่ถึงเขา

แต่หวังเสินซวีไม่นึกเลยว่าเถาวัลย์นี่จะยื่นเข้ามาได้!

จบแล้ว ตายแน่แล้ว~

…….

ที่หวังเสินซวีวิ่งวนกับมังกรยักษ์พวกนี้ได้ตลอด ก็อาศัยการที่มังกรยักษ์พวกนี้โจมตีไม่โดนเขา ตอนนี้เถาวัลย์ประหลาดนี่มัดเขาไว้ เขาจะเอาอะไรมาสู้กับมังกรยักษ์พวกนี้

“พี่ใหญ่มังกรยักษ์ไว้ชีวิตข้าเถอะ! ข้ายังเป็นชายบริสุทธิ์อยู่นะ!”

เถาวัลย์สีมรกตมัดเอวหวังเสินซวีก่อนจะกระชากเขาลงดินอย่างรวดเร็ว

หวังเสินซวีหน้าขาวซีด พยายามใช้คัมภีร์จักรพรรดิท้องนภาสุดชีวิตหมายจะหลุดจากเถาวัลย์ กระทั่งจ่ายชีวิตอย่างไม่เสียดาย

ทว่าเขาก็ต้องสิ้นหวังเพราะมันไม่มีประโยชน์ เถาวัลย์สองเส้นนี้มีความสามารถมิติที่แข็งแกร่งยิ่ง ควบคุมวิชาลับของเขาได้อย่างสมบูรณ์

“ไอ้ชั่ว เจ้าบีบข้าเองนะ! อย่างมากข้าก็เสียอายุขัยห้าสิบปี ข้าจะสับหัวสุนัขของเจ้า!”

ใบหน้าหล่อเหลาของหวังเสินซวีเต็มไปด้วยความโกรธ การประสานมุทราพลันรวดเร็วกว่าเดิม

กลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากรอบตัวเขาก็น่ากลัวขึ้นทันที กริชแห่งมิติไร้รูปปกคลุมทั้งตัวเขาไว้

หวังเสินซวียื่นมือออกไปช้าๆ พลังแห่งมิติไร้ที่สิ้นสุดกลายเป็นดาบยาวเล่มหนึ่ง “กาลเวลาดั่งดาบตัดโอรสสวรรค์ ข้าขอถวายชีวิตเพื่อสังหารเจ้า!”

ดาบนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง!

ตอนที่มันปรากฏมา มวลอากาศรอบตัวดาบกำลังปั่นป่วน กระทั่งบนเถากลืนกินเซียนที่เดิมทีอยู่ระหว่างความจริงกับมายายังเกิดรอยดาบชัดเจนหลายรอย

เห็นได้ชัดว่าเมื่อหวังเสินซวีสู้สุดชีวิตแล้วจะเหี้ยมโหดมากจริงๆ!

ทว่าช่วงที่เขาจะกวัดแกว่งดาบนี้นั้น กลับได้ยินเสียงบุรุษน่าฟังดังขึ้นข้างหู “สหายอย่าเข้าใจผิด แซ่เสิ่นมาช่วยเจ้า”

ช่วยข้ารึ

หวังเสินซวีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงได้พบว่าอีกด้านของเถาวัลย์เป็นบุรุษรูปงามที่สุดแห่งยุคในชุดคลุมขาว

บ้าจริง เจ้ามาช่วยข้าไฉนถึงไม่บอกแต่แรกล่ะ

ข้าถวายอายุขัยไปห้าสิบปีแล้ว ตอนนี้จะให้ข้าฟันใส่ใคร

ใบหน้าขาวซีดพลันแดงด้วยความโมโห หวังเสินซวีถือดาบแห่งมิตินั้นในมือพลางอยากจะร้องไห้

ถ้าไม่ใช่เพราะบุรุษรูปงามชุดคลุมขาวนี่ดูมีศักยภาพไม่ธรรมดา ช่วยได้จริงๆ ละก็ หวังเสินซวีก็อยากจะสับเขาจริงๆ

ถึงอย่างไร ข้าก็จะให้เสียอายุขัยไปเปล่าๆ ไม่ได้!

……

กรรซ์~

ชั่วขณะที่หวังเสินซวีกับเสิ่นเทียนกำลังเถียงกันนั้น มังกรยักษ์ข้างหลังก็กำลังเข้ามาใกล้เช่นกัน

มังกรปีกเทพวายุตัวหนึ่งในนั้นรวดเร็วที่สุด ตามหลังหวังเสินซวีมาห่างหลายสิบจั้งแล้ว

อย่าคิดว่าหลายสิบจั้งไกลอะไรมาก ต้องรู้ว่าสำหรับมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์พวกนี้แล้ว หลายสิบจั้งก็แค่ครึ่งตัวเท่านั้น

ขอแค่ขยับปีกสั่นขาอีกหน่อย ก็อาจจะกินหวังเสินซวีลงไปได้

“ร้องรึ ร้องหาน้องสาวเจ้ารึ!”

หวังเสินซวีโกรธแล้ว ดาบแห่งมิติน่าสะพรึงที่รวมอายุขัยห้าสิบปีในมือฟันใส่มังกรปีกเทพวายุตัวนั้น

พริบตาเดียว ดาบแห่งมิติยาวหลายฉื่อในตอนแรกก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยาวหลายฉื่อ…ยาวหลายจั้ง…ยาวหลายสิบจั้ง!

ดาบไร้รูปเล่มหนึ่งฟันทั้งมวลอากาศขาดเป็นสองส่วน มาปรากฏตรงหน้ามังกรปีกเทพวายุตัวนั้นในทันใด

มังกรปีกเทพวายุนั่นพลันมีสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด

ตอนนี้ มันรู้สึกถึงอำนาจคุกคามของความตาย

กรรซ์~

ท่ามกลางเสียงร้องน่าเวทนา รอบตัวมังกรปีกเทพวายุเปล่งแสงสีเขียวหมื่นจั้ง พลังธาตุลมมากมายมหาศาลรวมขึ้นรอบตัวมัน

มันขยับปีกขวาของตน เหมือนกวัดแกว่งดาบยักษ์ร้อยจั้ง ประกายคมทำให้มังกรยักษ์มากมายหนาวสั่น

ทว่าหลังจากปีกขวาปะทะกับดาบแห่งมิตินั้นแล้ว กลับต้านไว้ไม่ได้เลย

พริบตาเดียว เพียงแค่พริบตาเดียว ปีกขวาร้อยจั้งก็ขาดไปพร้อมกับบ่า

มังกรปีกเทพวายุส่งเสียงร้องโหยหวน โลหิตสาดกระจายเต็มฟ้า

“ของดี อย่าสิ้นเปลือง!”

พลันปรากฏร่างหนึ่งขึ้นบนพื้นผิวดิน เก็บปีกยักษ์ร้อยจั้งนั้นเข้าไปในถุงทันที

จากนั้น ปีกเทพทองคำข้างหลังเขาก็กางออก มาปรากฏร่างข้างหวังเสินซวีเหมือนกับใช้เคลื่อนย้ายพริบตา

ฟุบ~

สองร่างพลันมุดลงใต้ดิน ก่อนจะหนีไปไกลในทันใด ไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ ก็หายไปจากวงรัศมีสัมผัสของมังกรทั้งหมด

อืม ระหว่างนั้นย่อมมีมังกรยักษ์ที่ชำนาญการมุดดินคิดจะตามมา

แต่เมื่อเห็นมังกรปีกเทพวายุปีกข้างหนึ่งขาดอย่าน่าอนาถแล้ว มังกรยักษ์พวกนั้นก็ยอมแพ้อย่างชาญฉลาด

ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่แค่พวกมันที่เสียสมบัติในรังของตนไป จะสู้สุดชีวิตก็ต้องสู้ด้วยกัน

พวกมันไม่อยากตามไปสู้ตายกับเผ่ามนุษย์พวกนั้นแล้ว จากนั้นโดนมังกรยักษ์ตัวอื่นเก็บลูกท้อไป

เผ่ามังกรบนเกาะมังกรไม่มีสติปัญญา ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสมอง

…….

“ไม่ต้องขอบคุณข้า เราเป็นเผ่ามนุษย์ด้วยกัน เห็นเรื่องไม่เป็นธรรมก็ต้องชักดาบช่วย นี่เป็นสิ่งที่แซ่เสิ่นควรทำ”

ใต้ดิน เสิ่นเทียนควบคุมเถากลืนกินเซียนให้มุดดินมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วพลางพูดกับหวังเสินซวีด้วยรอยยิ้ม

ทว่าหวังเสินซวียังคงจ้องเสิ่นเทียน ใบหน้ายังมีความคับแค้นใจอยู่ เหมือนกับลูกสะใภ้ที่โดนเย้าหยอก

หวังเสินซวีถาม “ไฉนมังกรยักษ์บนเกาะมังกรนี่ แต่ละตัวถึงล่าสังหารข้ากันอย่างบ้าคลั่งเลย”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะใจฝ่อขึ้นมานิดๆ “แค่กๆ แซ่เสิ่นจะรู้ได้อย่างไร บางทีอาจเป็นเพราะมังกรยักษ์พวกนั้นต่อต้านคนนอกก็ได้กระมัง!”

แววตาของหวังเสินซวีดูคับแค้นใจยิ่งกว่าเดิม “แต่เหตุใดแซ่หวังถึงรู้สึกว่า หลังจากมังกรยักษ์พวกนั้นเห็นสหายเสิ่นแล้ว เหมือนจะบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิมล่ะ”

หวังเสินซวีไม่ใช่คนโง่ เขาคิดอยู่นานแล้วว่าเกาะมังกรนี่มันแปลกๆ

แม้เขาจะเคยคิดใช้วิชามิติของตนแอบหารายได้พิเศษจากเกาะมังกรนี้ แต่ก็เห็นอยู่ว่าเขายังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ! เหตุใดมังกรยักษ์พวกนั้นเห็นเขาแล้ว ถึงโมโหจนเหมือนกับถูกคนยึดบ้าน

จนกระทั่งเห็นเสิ่นเทียนโผล่มา หวังเสินซวีก็เข้าใจแล้ว

บนเกาะมังกรนี้ไม่ได้มีเผ่ามนุษย์อย่างเขาคนเดียว แต่ยังมีคนอื่นอีก

อีกทั้งเจ้านี่ยังชำนาญวิชาคล้ายๆ มิติขั้นสูง สร้างความโกรธแค้นให้กับเผ่ามังกรพวกนี้ได้มากกว่าเขา

สรุปแล้ว แซ่หวังกำลังเป็นแพะแทนเจ้านี่อยู่ละสิ!

บ้าจริง รู้อย่างนี้แต่แรกไม่น่าถอนดาบใหญ่ห้าสิบปีนั่นเลย!

…..

เสิ่นเทียนโดนหวังเสินซวีมองด้วยแววตาคับแค้นจนขนหัวลุกนิดๆ

เจ้านี่ คงจะไม่เดาความจริงออกหรอกกระมัง!

จะว่าไปนี่ก็จะโทษแซ่เสิ่นไม่ได้นะ!

ถึงอย่างไรใครจะรู้ว่าบนเกาะมังกรนี่จะมีผีดวงซวยอย่างเจ้าอยู่ด้วย!

เปลี่ยนหัวข้อคุยเถอะ!

อืม ต้องเปลี่ยนเรื่องเดี๋ยวนี้เลย

เสิ่นเทียนครุ่นคิดแล้วก็ป้องมือกล่าวกับหวังเสินซวี “ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน ไม่ทราบว่าสหายชื่อแซ่ใด”

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ

บุตรแห่งโชคที่หาบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิมาคืนให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนั้นหรือ

เขาไม่ใช่ว่าเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่กี่วัน เพิ่งมีระดับพลังสร้างฐานหรอกรึ ไม่กี่เดือนเอง ไฉนถึงแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว!

หวังเสินซวีมองเสิ่นเทียนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สารภาพตามตรง เขาสงสัยในตัวตนของเสิ่นเทียนเล็กน้อย

ถึงอย่างไรเมื่อหลายเดือนก่อนเขาก็หนีการต่อสู้มาทะเลอุดร ไม่เคยกลับไปเลย

จึงไม่ค่อยรู้ข่าวของดินแดนบูรพาจริงๆ

สรุป เจ้านี่น่าสงสัย จะต้องระวังไว้!

เมื่อเห็นหวังเสินซวีเงียบ เสิ่นเทียนก็คิดว่าเขายังโกรธตนอยู่

เสิ่นเทียนจึงครุ่นคิดก่อนจะนำขวดหยกเล็กขวดหนึ่งออกมาจากแหวนเวหา “สหายหวังบาดเจ็บไม่เบา นี่คือของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน ช่วยฟื้นฟูพลังปราณเดิมให้สหายหวังได้บ้าง”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานรึ

หวังเสินซวีอึ้งไปเล็กน้อย ชะงักงันไปเลย

ควรรู้ว่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมาจากพลังงานต้นกำเนิดตอนที่สัตว์อสูรจำพวกพืชนิพพานเกิดใหม่

สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญที่เผาอายุขัยสำแดงวิชาลับแล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานคือทางเลือกในการเติมเต็มอายุขัยที่ดีที่สุด ไม่มีใครเทียบได้!

หวังเสินซวีรีบรับขวดหยกเล็กมา เปิดจุกขวดออก

ก่อนจะพบว่าในขวดหยกเล็กนั้นบรรจุของเหลวสีเงินราวๆ สิบชั่ง

ของเหลวนี้แผ่กลิ่นอายที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทำให้หวังเสินซวีที่ร่างถูกดูดพลังไปจนหมดกระหายเป็นอย่างยิ่ง

เป็นของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานจริงๆ อีกทั้งยังเป็นระดับสูงสุดในสูงสุด!

สรรพคุณยาของของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสิบชั่งนี้ เดาว่าคงจะเท่ากับข้าดื่มชาแปดสิ่งเลอค่าสิบกว่าตันเลย!

สหายคนนี้ช่วยเหลือคนอื่นด้วยจิตใจเมตตาเช่นนี้ จะเป็นคนเลวไปได้อย่างไร!

……

หวังเสินซวีเก็บขวดหยกเล็กไปเงียบๆ ก่อนเผยรอยยิ้มอ่อนโยนทันที “สหายเสิ่นเกรงใจแล้ว นี่มันน่าเกรงใจจริงๆ!”

หวังเสินซวีขบคิดแล้วก็ป้องมือกล่าว “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ข้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินซวี ได้ยินมานานแล้วว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีบุคลิกแห่งเซียน วันนี้ได้พบช่างสมคำร่ำลือจริงๆ!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจโล่งอก เปลี่ยนเรื่องสำเร็จแล้ว

ข้า ช่างฉลาดจริงๆ เลย!

หลังจากตัดสินกันอย่างรอบคอบมากแล้ว เสิ่นเทียนกับหวังเสินซวีก็ต่างยอมรับฐานะกันในขั้นต้น และเกิดความเชื่อใจกันในขั้นต้นจากตรงนี้

แน่นอนว่าสองคนมีเชาวน์ปัญญาสูงมาก รู้ว่าอะไรควรถามอะไรไม่ควรถาม

เสิ่นเทียนไม่ได้ถามหวังเสินซวีว่าเขาไม่ใช่ผู้ทำสัญญากับเผ่าอสูรทะเลอุดร ไฉนถึงเข้ามาในเขตทะเลเบิกฟ้าได้ หวังเสินซวีก็ไม่ได้ถามเสิ่นเทียนว่า ใช่เสิ่นเทียนที่เป็นคนทำให้มังกรยักษ์พวกนั้นบนเกาะเทพมังกรบ้าคลั่งหรือไม่

สองฝ่ายต่างเดินหน้าไปในใต้ดินด้วยความเงียบและปรองดองรู้กันดี

ไม่นาน เสิ่นเทียนก็นำหวังเสินซวีทะลวงใต้ดินไปหลายร้อยลี้ มารวมกับพวกฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอู

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูก็โล่งอก

แต่เมื่อเห็นว่าข้างกายเสิ่นเทียนยังมีบุรุษอีกคน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอูต่างขมวดคิ้วขึ้น

โดยเฉพาะฉีเซ่าเสวียน เขาจ้องหวังเสินซวีตาเขม็ง ทั่วร่างแผ่จิตต่อสู้มหาศาลออกมา เหมือนพร้อมจะลงมือทุกเมื่อ

แต่หวังเสินซวีมุมปากกระตุก ดูเป็นบ้าไปนิดๆ “ระยำ เจ้ามาได้อย่างไรกัน เจ้าคนแซ่ฉี ไฉนถึงไม่ยอมเลิกราเช่นนี้! ก็แค่ท้าประลองไม่ใช่รึ แซ่หวังไม่รับคำท้า เจ้าก็มองว่าแซ่หวังยอมแพ้ไม่ได้รึ ไฉนยังต้องตามแซ่หวังมาถึงทะเลอุดรอีก!”

สารภาพตามตรง หากไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าฉีเซ่าเสวียนก็ทะลวงระดับดวงจิตดรุณเช่นกันแล้ว อีกทั้งดวงจิตดรุณยังมีพลังมั่นคงแข็งแกร่งละก็ หวังเสินซวีก็อยากจะสู้กับเขาสักครั้ง

ข้ามสองดินแดนใหญ่อย่างดินแดนบูรพากับทะเลอุดรมา ตามล่ามาเป็นล้านล้านลี้ นี่จะรังแกกันเกินไปแล้ว!

ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะมองเสิ่นเทียนอย่างเฉยชา “เจ้าเก็บเจ้านี่มาจากที่ใดกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินซวี เป็นพวกกลัวตาย แค่เพราะไม่กล้ารับคำท้าประลองของแซ่ฉี ถึงกับหนีหมื่นลี้มาถึงทะเลอุดรอย่างไม่เสียดาย

เหอะๆ เจ้าคิดว่าแซ่ฉีตามเจ้ามาทะเลอุดรรึ น่าขำ~”

ขณะพูดอยู่นั้น จิตต่อสู้ที่แผ่ออกมาจากในตัวเขาก็เก็บกลับเข้าไป

มีเสิ่นเทียนอยู่ หวังเสินซวีเป็นแค่เมฆลอยไปแล้ว

………

หวังเสินซวีมุมปากกระตุกเล็กน้อย กระทืบเท้าด้วยความโกรธ

เขาใช้มือซ้ายดึงแขนเสื้อเสิ่นเทียน มือขวาชี้หน้าฉีเซ่าเสวียน “ไอ้สารเลว คิดว่าแซ่หวังกลัวเจ้าจริงๆ รึ

สหายเสิ่นเจ้าอย่าดึงข้า วันนี้แซ่หวังจะให้เจ้านี่ได้รู้ว่าอะไรคือสายเลือดแห่งท้องนภาไม่อ่อนแอกว่าใคร ข้าจะสับหัวสุนัขของเจ้าในสิบกระบวนท่า!”

ฉีเซ่าเสวียนมองหวังเสินซวีด้วยความเฉยชาและเหยียดหยาม “เจ้าไม่อยู่ในสายตาแซ่ฉีมานานแล้ว เป็นแค่เมฆลอยเท่านั้น”

หวังเสินซวีโกรธจนเส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผาก เจ้าคนแซ่ฉีนี่ด่าคนไม่มีคำหยาบ ไม่เห็นเขาในสายตาเลย เรื่องเช่นนี้ถ้ายังฝืนทนได้ก็คงไม่มีอะไรที่ทนไม่ได้อีกแล้ว

หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งหนีมังกรพวกนั้นมา เสียพลังต้นกำเนิดชีวิตไปจำนวนมาก แม้แต่อายุขัยยังเสียหายอย่างหนักละก็ ตอนนี้ก็จะสู้กับเขาสุดชีวิต!

ฟู่~

ทนไว้ ทนไว้!

อย่าเสียอายุขัยตัวเองเพราะความโกรธเพียงชั่ววูบ

หวังเสินซวีมองฉีเซ่าเสวียนลึกๆ ทีหนึ่ง “เห็นแก่หน้าสหายเสิ่น แซ่หวังจะไม่เอาเรื่องเจ้า”

ฉีเซ่าเสวียนชำเลืองตามองหวังเสินซวี ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ไอ้เมฆลอย~”

หวังเสินซวีมุมปากกระตุกนิดๆ “คนแซ่ฉี เจ้าเปลี่ยนคำได้หรือไม่”

ฉีเซ่าเสวียนมองหวังเสินซวีอย่างเฉยชา ผ่านไปพักหนึ่งถึงพูดช้าๆ “ไอ้เมฆลอย~”

……..

เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสองปะทะคารมกัน เสิ่นเทียนก็ยิ้มอย่างจนปัญญา

เขาพูดขึ้นว่า “สหายฉีอย่าดูถูกสหายหวังเชียว เมื่อครู่ข้าได้เห็นศักยภาพของสหายหวังแล้ว ค่อนข้างแข็งแกร่งเลย หากสู้เต็มกำลัง เกรงว่ากำลังรบอาจจะไม่ด้อยกว่าสหายฉีเลย”

อ้อ

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ฉีเซ่าเสวียนมีดวงตาเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย “อ้อ สหายเสิ่นคิดว่ากำลังรบของเจ้านี่อาจจะไม่ด้อยไปกว่าแซ่ฉีรึ”

หึ!

เมื่อเอ่ยจบแล้ว เนตรสวรรค์ตรงระหว่างคิ้วฉีเซ่าเสวียนก็ลืมตาขึ้น

ง้าวมังกรสวรรค์หมุนม้วนไอม่วงหมื่นจั้ง พลันเสริมตัวเขาให้เหมือนกับเทพสงคราม

เขาจ้องหวังเสินซวีตาเขม็ง จิตต่อสู้คึกคักขึ้นมา “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครแกร่งใครอ่อนแอ สู้กันก็รู้แล้ว!”

อันดับหนึ่งใต้ฟ้า มีได้เพียงคนเดียว!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 318 อันดับหนึ่งใต้ฟ้า มีได้เพียงคนเดียว!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 318 อันดับหนึ่งใต้ฟ้า มีได้เพียงคนเดียว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 318 อันดับหนึ่งใต้ฟ้า มีได้เพียงคนเดียว!

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมังกรยักษ์น่ากลัวหลายสิบตัวข้างหลัง ใบหน้าที่เดิมทีซีดขาวของหวังเสินซวี ตอนนี้ขาวซีดยิ่งกว่าเดิม

ต้องรู้ว่าเขาไม่ได้แอบมาเขตทะเลเบิกฟ้าเพื่อมาเที่ยวเล่น

เรื่องมันเป็นเช่นนี้ เมื่อหลายเดือนก่อนฉีเซ่าเสวียนท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในดินแดนบูรพา หวังเสินซวีในนั้นอยู่อันดับสี่ในรายนามแก่นพลังทอง เป็นเป้าหมายสำคัญ

ทว่าหวังเสินซวีฝึกคัมภีร์จักรพรรดิท้องนภา เป็นวิชากัดกินชีวิต

วิชาตื้นเขินพวกนั้นในนั้นไม่เท่าไร แต่วิชาสังหารลึกล้ำ แทบจะต้องเสียอายุขัย

โดยเฉพาะหวังเสินซวีมี ‘กายเทพท้องนภา’ เดิมทีนี่เป็นกายต้องสาป อายุขัยจะลดลงเร็วมากกว่าคนปกติ

ต่อให้เขาใช้โอสถล้ำค่าบำรุงกายมาตลอด ก็ยากจะมีชีวิตยืนยาวเหมือนกับผู้ฝึกบำเพ็ญคนอื่น

หากกล้าหาญสู้สุดชีวิตบ่อยครั้ง เกรงว่าคงมีชีวิตไม่เกินห้าสิบปี

ต้องรู้ว่าผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนปกติ ต่อให้เป็นผู้จริงแท้แก่นพลังทองก็มีอายุได้อย่างน้อยห้าร้อยปี ผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณมีอายุขัยพันปี

ห้าสิบปีก็ตาย เรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษมักตายเร็วโดยแท้

ดังนั้นหวังเสินซวีจึงทิ้งจดหมายไว้อย่างไร้ศักดิ์ศรี จากนั้นหนีออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์

หน้าตาเป็นของสำนัก ชีวิตน้อยๆ เป็นของตน ทั้งยังไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เขาจึงไม่ยอมสละตัวเอง!

หวังเสินซวีนำคลังสมบัติเล็กและชาห้าสิ่งเลอค่าของตนมาด้วย อาศัยจังหวะยามค่ำคืนลมแรงออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภา กระทั่งหนีออกจากดินแดนบูรพา

ในมุมมองเขา ข้าจะไปรับลมที่ทะเลอุดร

ที่นั่นห่างจากดินแดนบูรพาแสนแปดพันลี้ เจ้าฉีเซ่าเสวียนเก่งกาจกว่านี้ ก็คงไม่ถึงกับมาล่าสังหารข้าถึงทะเลอุดรกระมัง

หลังหนีมาทะเลอุดร หวังเสินซวีก็ใช้ชีวิตอย่างเอ้อระเหยและสุขสบายหลายวัน

อากาศที่นี่เยี่ยมมาก สายลมทะเลก็สบาย ปีศาจหอยก็ชุ่มชื่น

หวังเสินซวีชอบที่นี่มาก~

………

น่าเสียดายก็แต่ครั้งนี้ค่อนข้างรีบร้อนออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ หวังเสินซวีนำเงินติดตัวมาไม่มากพอ

หลังเที่ยวเล่นสนุกสนานสักระยะหนึ่งก็ใช้ศิลาวิญญาณไปมากพอประมาณ ชาห้าสิ่งเลอค่าที่นำมาจากดินแดนบูรพาก็ดื่มไปมากเช่นกัน

หวังเสินซวีคิดว่าตนควรจะหาช่องทางทำเงินมาใช้จ่าย

ประจวบเหมาะกับได้ยินว่า ‘เขตทะเลเบิกฟ้า’ ของทะเลอุดรเปิด หวังเสินซวีคิดหน้าคิดหลังแล้วก็คิดว่าตนจะแอบเข้าเอาสมบัติล้ำค่าออกมาได้

ดังนั้นหวังเสินซวีจึงลดชีวิตลงหลายปี วางยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบสุ่มนอกเขตทะเลเบิกฟ้า

อาศัยจังหวะที่เขตทะเลเบิกฟ้าเปิด หวังเสินซวีก็ใช้ยอดค่ายกลข้ามผ่านปีศาจทะเลอุดรพวกนั้น ข้ามมิติมาในเขตทะเล

แต่เขาไม่นึกเลยว่าหลังข้ามยอดค่ายกลของตนมา มันจะส่งเขามาส่วนลึกของเขตทะเลเบิกฟ้า อีกทั้งยังส่งมาบนเกาะเลย

เดิมทีนี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้าย ถึงอย่างไรพลังวิญญาณบนเกาะนี้ก็เต็มเปี่ยมมาก สมบัติก็เยอะมาก กระทั่งมีโสม เก๋ากี้ พุทราวิญญาณ หวงจิงอายุหลายพันปีไม่น้อย เก็บเกี่ยวมาเยอะๆ ยังเพิ่มอายุขัยได้ กำไรเลือดสาด

แต่หวังเสินซวีไม่คาดคิดว่า ‘กิจการยิ่งใหญ่’ ของตนยังไม่เริ่ม ก็ถูดขัดขาก่อน

เขาเพิ่งแอบขโมยเถาวัลย์เหอโส่วอูพันปีมาต้นเดียว ก็ถูกมังกรยักษ์ฝูงใหญ่ล่าสังหารหลายพันลี้

ไฉนต้องทำถึงขนาดนี้!

บนเกาะมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ทุกที่ ให้ข้าหน่อยจะเป็นอะไรไป!

ไอ้เผ่ามังกรพวกนี้ ไม่ต้อนรับแขกกันเกินไปแล้ว!

หวังเสินซวีบ่นในใจไปพลาง หนีสุดชีวิตไปพลาง เขารู้สึกว่าร่างกายถูกควักออกเหลือแต่ความว่างเปล่า

ถึงอย่างไรการโจมตีของระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์จะหลบง่ายๆ ได้อย่างไร

‘วิชาท่องมิติ’ ของหวังเสินซวีแม้จะแข็งแกร่งมาก กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นตัวโกง แต่ความแข็งแกร่งก็แลกมาด้วยชีวิต ทุกครั้งที่ใช้วิชาหลบหนีนี้ หวังเสินซวีจะเสียอายุขัยไปจำนวนมาก ใช้ต่อเนื่องกันอย่างน้อยก็เสียไปปีครึ่ง อย่างมากก็สามถึงห้าปี

หากหนีเช่นนี้ต่อไป หวังเสินซวีรู้สึกว่าฝูงมังกรพวกนี้ฆ่าเขาไม่ตาย แต่ตัวเขาเองจะอายุขัยหมดไปก่อน

‘หรือว่าข้าจะต้องคับแค้นใจอยู่ที่นี่เช่นนี้จริงๆ’

หวังเสินซวีกัดฟันด้วยความโกรธ เขาไม่ยอมหรอก!

…….

ทันใดนั้นเอง หวังเสินซวีหรี่ดวงตาลง

เพราะเขาพบว่าใต้เท้าเขาพลันมีเถาวัลย์พุ่งออกมาสองเส้น

เถาวัลย์สองเส้นนี้มีสีสันแวววาวเหมือนกับมรกต ทว่าในสายตาหวังเสินซวีกลับเหมือนอสรพิษ เพราะเถาวัลย์สองเส้นนั้นกำลังมัดขาสองข้างเขา อีกทั้งยังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วน่าตกใจ

‘เป็นสัตว์ร้ายที่ควบคุมพืชได้รึ’

หวังเสินซวีหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เขาไม่สงสัยเลยว่าหากตอนนี้ตนถูกมัดไว้ พวกมังกรยักษ์ข้างหลังจะชนเขาแหลกกระจายในพริบตาแน่นอน

“คิดจะจับข้ารึ ฝันไปเถอะ จงขาดไป!”

หวังเสินซวีใช้สองมือประสานมุทรา รวมเป็นกริชไร้รูปขึ้นในอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เถาวัลย์สองเส้นนั้น

ฟิ้ว~

กริชไร้รูปลากผ่านอากาศ แฝงไว้ด้วยพลังแห่งมิติส่วนหนึ่ง

ต่อให้เป็นเหล็กวิญญาณแกร่งผ่านการหลอมมาเป็นร้อยครั้ง ก็ยังโดนกริชแห่งมิตินี่ฟันขาดสองท่อนในทีเดียว

แต่หวังเสินซวีต้องพบเรื่องที่น่าตื่นกลัวคือ ตอนที่กริชแห่งมิติฟันใส่เถาวัลย์สองเส้นนั้น เพียงแค่สับขาดครึ่งเดียวเท่านั้น

อีกทั้งตอนที่กริชแห่งมิติสิ้นพลังงานหมดแล้ว รอยแผลของเถาวัลย์ก็แทบจะสมานกันในพริบตา

เถาวัลย์พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วไม่ได้ช้าลงเลย

บัดซบ ไม่จ่ายชีวิตก็ตัดเจ้าไม่ขาดรึ

หวังเสินซวีหน้าเขียวปัด ก่อนจะใช้สองมือประสานมุทราอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวพลังทั้งตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหมือนจะหลอมรวมกับมวลอากาศเป็นหนึ่งเดียว

ตัวเขาเหมือนกลายเป็นมายา การโจมตีเปลวไฟ สายฟ้าและพายุหมุนมากมายทะลวงผ่านตัวเขา แต่กลับไม่สร้างอำนาจคุกคามให้เขาเลยแม้แต่น้อย

“มังกรยักษ์โง่เง่า คิดจะทำลายกายเทพท้องนภาของข้ารึ ฝันไป…อึก!”

หวังเสินซวียังพูดไม่จบ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นกลัว

เพราะเขาพบว่าเถาวัลย์สองเส้นนั้นมองข้ามกายเทพท้องนภาของเขาไปเลย ทะลวงมวลอากาศเข้ามามัดเอวเขา

ไอ้เถาวัลย์บ้านี่ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีความสามารถทะลวงมวลอากาศได้!

ต้องรู้นะว่าวิชามิติของหวังเสินซวีสูงส่งกว่า ‘การข้ามมิติ’ ของผู้สูงศักดิ์ส่วนใหญ่ไม่รู้กี่เท่า

เขาซ่อนอยู่ในส่วนลึกของมิติ แม้การโจมตีของระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์จะฉีกมิติได้ ก็ยังมาไปไม่ถึงระดับความลึกนั้น จึงยิ่งคุกคามไม่ถึงเขา

แต่หวังเสินซวีไม่นึกเลยว่าเถาวัลย์นี่จะยื่นเข้ามาได้!

จบแล้ว ตายแน่แล้ว~

…….

ที่หวังเสินซวีวิ่งวนกับมังกรยักษ์พวกนี้ได้ตลอด ก็อาศัยการที่มังกรยักษ์พวกนี้โจมตีไม่โดนเขา ตอนนี้เถาวัลย์ประหลาดนี่มัดเขาไว้ เขาจะเอาอะไรมาสู้กับมังกรยักษ์พวกนี้

“พี่ใหญ่มังกรยักษ์ไว้ชีวิตข้าเถอะ! ข้ายังเป็นชายบริสุทธิ์อยู่นะ!”

เถาวัลย์สีมรกตมัดเอวหวังเสินซวีก่อนจะกระชากเขาลงดินอย่างรวดเร็ว

หวังเสินซวีหน้าขาวซีด พยายามใช้คัมภีร์จักรพรรดิท้องนภาสุดชีวิตหมายจะหลุดจากเถาวัลย์ กระทั่งจ่ายชีวิตอย่างไม่เสียดาย

ทว่าเขาก็ต้องสิ้นหวังเพราะมันไม่มีประโยชน์ เถาวัลย์สองเส้นนี้มีความสามารถมิติที่แข็งแกร่งยิ่ง ควบคุมวิชาลับของเขาได้อย่างสมบูรณ์

“ไอ้ชั่ว เจ้าบีบข้าเองนะ! อย่างมากข้าก็เสียอายุขัยห้าสิบปี ข้าจะสับหัวสุนัขของเจ้า!”

ใบหน้าหล่อเหลาของหวังเสินซวีเต็มไปด้วยความโกรธ การประสานมุทราพลันรวดเร็วกว่าเดิม

กลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากรอบตัวเขาก็น่ากลัวขึ้นทันที กริชแห่งมิติไร้รูปปกคลุมทั้งตัวเขาไว้

หวังเสินซวียื่นมือออกไปช้าๆ พลังแห่งมิติไร้ที่สิ้นสุดกลายเป็นดาบยาวเล่มหนึ่ง “กาลเวลาดั่งดาบตัดโอรสสวรรค์ ข้าขอถวายชีวิตเพื่อสังหารเจ้า!”

ดาบนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง!

ตอนที่มันปรากฏมา มวลอากาศรอบตัวดาบกำลังปั่นป่วน กระทั่งบนเถากลืนกินเซียนที่เดิมทีอยู่ระหว่างความจริงกับมายายังเกิดรอยดาบชัดเจนหลายรอย

เห็นได้ชัดว่าเมื่อหวังเสินซวีสู้สุดชีวิตแล้วจะเหี้ยมโหดมากจริงๆ!

ทว่าช่วงที่เขาจะกวัดแกว่งดาบนี้นั้น กลับได้ยินเสียงบุรุษน่าฟังดังขึ้นข้างหู “สหายอย่าเข้าใจผิด แซ่เสิ่นมาช่วยเจ้า”

ช่วยข้ารึ

หวังเสินซวีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงได้พบว่าอีกด้านของเถาวัลย์เป็นบุรุษรูปงามที่สุดแห่งยุคในชุดคลุมขาว

บ้าจริง เจ้ามาช่วยข้าไฉนถึงไม่บอกแต่แรกล่ะ

ข้าถวายอายุขัยไปห้าสิบปีแล้ว ตอนนี้จะให้ข้าฟันใส่ใคร

ใบหน้าขาวซีดพลันแดงด้วยความโมโห หวังเสินซวีถือดาบแห่งมิตินั้นในมือพลางอยากจะร้องไห้

ถ้าไม่ใช่เพราะบุรุษรูปงามชุดคลุมขาวนี่ดูมีศักยภาพไม่ธรรมดา ช่วยได้จริงๆ ละก็ หวังเสินซวีก็อยากจะสับเขาจริงๆ

ถึงอย่างไร ข้าก็จะให้เสียอายุขัยไปเปล่าๆ ไม่ได้!

……

กรรซ์~

ชั่วขณะที่หวังเสินซวีกับเสิ่นเทียนกำลังเถียงกันนั้น มังกรยักษ์ข้างหลังก็กำลังเข้ามาใกล้เช่นกัน

มังกรปีกเทพวายุตัวหนึ่งในนั้นรวดเร็วที่สุด ตามหลังหวังเสินซวีมาห่างหลายสิบจั้งแล้ว

อย่าคิดว่าหลายสิบจั้งไกลอะไรมาก ต้องรู้ว่าสำหรับมังกรยักษ์ระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์พวกนี้แล้ว หลายสิบจั้งก็แค่ครึ่งตัวเท่านั้น

ขอแค่ขยับปีกสั่นขาอีกหน่อย ก็อาจจะกินหวังเสินซวีลงไปได้

“ร้องรึ ร้องหาน้องสาวเจ้ารึ!”

หวังเสินซวีโกรธแล้ว ดาบแห่งมิติน่าสะพรึงที่รวมอายุขัยห้าสิบปีในมือฟันใส่มังกรปีกเทพวายุตัวนั้น

พริบตาเดียว ดาบแห่งมิติยาวหลายฉื่อในตอนแรกก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยาวหลายฉื่อ…ยาวหลายจั้ง…ยาวหลายสิบจั้ง!

ดาบไร้รูปเล่มหนึ่งฟันทั้งมวลอากาศขาดเป็นสองส่วน มาปรากฏตรงหน้ามังกรปีกเทพวายุตัวนั้นในทันใด

มังกรปีกเทพวายุนั่นพลันมีสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด

ตอนนี้ มันรู้สึกถึงอำนาจคุกคามของความตาย

กรรซ์~

ท่ามกลางเสียงร้องน่าเวทนา รอบตัวมังกรปีกเทพวายุเปล่งแสงสีเขียวหมื่นจั้ง พลังธาตุลมมากมายมหาศาลรวมขึ้นรอบตัวมัน

มันขยับปีกขวาของตน เหมือนกวัดแกว่งดาบยักษ์ร้อยจั้ง ประกายคมทำให้มังกรยักษ์มากมายหนาวสั่น

ทว่าหลังจากปีกขวาปะทะกับดาบแห่งมิตินั้นแล้ว กลับต้านไว้ไม่ได้เลย

พริบตาเดียว เพียงแค่พริบตาเดียว ปีกขวาร้อยจั้งก็ขาดไปพร้อมกับบ่า

มังกรปีกเทพวายุส่งเสียงร้องโหยหวน โลหิตสาดกระจายเต็มฟ้า

“ของดี อย่าสิ้นเปลือง!”

พลันปรากฏร่างหนึ่งขึ้นบนพื้นผิวดิน เก็บปีกยักษ์ร้อยจั้งนั้นเข้าไปในถุงทันที

จากนั้น ปีกเทพทองคำข้างหลังเขาก็กางออก มาปรากฏร่างข้างหวังเสินซวีเหมือนกับใช้เคลื่อนย้ายพริบตา

ฟุบ~

สองร่างพลันมุดลงใต้ดิน ก่อนจะหนีไปไกลในทันใด ไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ ก็หายไปจากวงรัศมีสัมผัสของมังกรทั้งหมด

อืม ระหว่างนั้นย่อมมีมังกรยักษ์ที่ชำนาญการมุดดินคิดจะตามมา

แต่เมื่อเห็นมังกรปีกเทพวายุปีกข้างหนึ่งขาดอย่าน่าอนาถแล้ว มังกรยักษ์พวกนั้นก็ยอมแพ้อย่างชาญฉลาด

ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่แค่พวกมันที่เสียสมบัติในรังของตนไป จะสู้สุดชีวิตก็ต้องสู้ด้วยกัน

พวกมันไม่อยากตามไปสู้ตายกับเผ่ามนุษย์พวกนั้นแล้ว จากนั้นโดนมังกรยักษ์ตัวอื่นเก็บลูกท้อไป

เผ่ามังกรบนเกาะมังกรไม่มีสติปัญญา ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสมอง

…….

“ไม่ต้องขอบคุณข้า เราเป็นเผ่ามนุษย์ด้วยกัน เห็นเรื่องไม่เป็นธรรมก็ต้องชักดาบช่วย นี่เป็นสิ่งที่แซ่เสิ่นควรทำ”

ใต้ดิน เสิ่นเทียนควบคุมเถากลืนกินเซียนให้มุดดินมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วพลางพูดกับหวังเสินซวีด้วยรอยยิ้ม

ทว่าหวังเสินซวียังคงจ้องเสิ่นเทียน ใบหน้ายังมีความคับแค้นใจอยู่ เหมือนกับลูกสะใภ้ที่โดนเย้าหยอก

หวังเสินซวีถาม “ไฉนมังกรยักษ์บนเกาะมังกรนี่ แต่ละตัวถึงล่าสังหารข้ากันอย่างบ้าคลั่งเลย”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะใจฝ่อขึ้นมานิดๆ “แค่กๆ แซ่เสิ่นจะรู้ได้อย่างไร บางทีอาจเป็นเพราะมังกรยักษ์พวกนั้นต่อต้านคนนอกก็ได้กระมัง!”

แววตาของหวังเสินซวีดูคับแค้นใจยิ่งกว่าเดิม “แต่เหตุใดแซ่หวังถึงรู้สึกว่า หลังจากมังกรยักษ์พวกนั้นเห็นสหายเสิ่นแล้ว เหมือนจะบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิมล่ะ”

หวังเสินซวีไม่ใช่คนโง่ เขาคิดอยู่นานแล้วว่าเกาะมังกรนี่มันแปลกๆ

แม้เขาจะเคยคิดใช้วิชามิติของตนแอบหารายได้พิเศษจากเกาะมังกรนี้ แต่ก็เห็นอยู่ว่าเขายังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ! เหตุใดมังกรยักษ์พวกนั้นเห็นเขาแล้ว ถึงโมโหจนเหมือนกับถูกคนยึดบ้าน

จนกระทั่งเห็นเสิ่นเทียนโผล่มา หวังเสินซวีก็เข้าใจแล้ว

บนเกาะมังกรนี้ไม่ได้มีเผ่ามนุษย์อย่างเขาคนเดียว แต่ยังมีคนอื่นอีก

อีกทั้งเจ้านี่ยังชำนาญวิชาคล้ายๆ มิติขั้นสูง สร้างความโกรธแค้นให้กับเผ่ามังกรพวกนี้ได้มากกว่าเขา

สรุปแล้ว แซ่หวังกำลังเป็นแพะแทนเจ้านี่อยู่ละสิ!

บ้าจริง รู้อย่างนี้แต่แรกไม่น่าถอนดาบใหญ่ห้าสิบปีนั่นเลย!

…..

เสิ่นเทียนโดนหวังเสินซวีมองด้วยแววตาคับแค้นจนขนหัวลุกนิดๆ

เจ้านี่ คงจะไม่เดาความจริงออกหรอกกระมัง!

จะว่าไปนี่ก็จะโทษแซ่เสิ่นไม่ได้นะ!

ถึงอย่างไรใครจะรู้ว่าบนเกาะมังกรนี่จะมีผีดวงซวยอย่างเจ้าอยู่ด้วย!

เปลี่ยนหัวข้อคุยเถอะ!

อืม ต้องเปลี่ยนเรื่องเดี๋ยวนี้เลย

เสิ่นเทียนครุ่นคิดแล้วก็ป้องมือกล่าวกับหวังเสินซวี “ข้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน ไม่ทราบว่าสหายชื่อแซ่ใด”

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ

บุตรแห่งโชคที่หาบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิมาคืนให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนั้นหรือ

เขาไม่ใช่ว่าเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่กี่วัน เพิ่งมีระดับพลังสร้างฐานหรอกรึ ไม่กี่เดือนเอง ไฉนถึงแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว!

หวังเสินซวีมองเสิ่นเทียนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สารภาพตามตรง เขาสงสัยในตัวตนของเสิ่นเทียนเล็กน้อย

ถึงอย่างไรเมื่อหลายเดือนก่อนเขาก็หนีการต่อสู้มาทะเลอุดร ไม่เคยกลับไปเลย

จึงไม่ค่อยรู้ข่าวของดินแดนบูรพาจริงๆ

สรุป เจ้านี่น่าสงสัย จะต้องระวังไว้!

เมื่อเห็นหวังเสินซวีเงียบ เสิ่นเทียนก็คิดว่าเขายังโกรธตนอยู่

เสิ่นเทียนจึงครุ่นคิดก่อนจะนำขวดหยกเล็กขวดหนึ่งออกมาจากแหวนเวหา “สหายหวังบาดเจ็บไม่เบา นี่คือของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน ช่วยฟื้นฟูพลังปราณเดิมให้สหายหวังได้บ้าง”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานรึ

หวังเสินซวีอึ้งไปเล็กน้อย ชะงักงันไปเลย

ควรรู้ว่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมาจากพลังงานต้นกำเนิดตอนที่สัตว์อสูรจำพวกพืชนิพพานเกิดใหม่

สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญที่เผาอายุขัยสำแดงวิชาลับแล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานคือทางเลือกในการเติมเต็มอายุขัยที่ดีที่สุด ไม่มีใครเทียบได้!

หวังเสินซวีรีบรับขวดหยกเล็กมา เปิดจุกขวดออก

ก่อนจะพบว่าในขวดหยกเล็กนั้นบรรจุของเหลวสีเงินราวๆ สิบชั่ง

ของเหลวนี้แผ่กลิ่นอายที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทำให้หวังเสินซวีที่ร่างถูกดูดพลังไปจนหมดกระหายเป็นอย่างยิ่ง

เป็นของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานจริงๆ อีกทั้งยังเป็นระดับสูงสุดในสูงสุด!

สรรพคุณยาของของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสิบชั่งนี้ เดาว่าคงจะเท่ากับข้าดื่มชาแปดสิ่งเลอค่าสิบกว่าตันเลย!

สหายคนนี้ช่วยเหลือคนอื่นด้วยจิตใจเมตตาเช่นนี้ จะเป็นคนเลวไปได้อย่างไร!

……

หวังเสินซวีเก็บขวดหยกเล็กไปเงียบๆ ก่อนเผยรอยยิ้มอ่อนโยนทันที “สหายเสิ่นเกรงใจแล้ว นี่มันน่าเกรงใจจริงๆ!”

หวังเสินซวีขบคิดแล้วก็ป้องมือกล่าว “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ข้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินซวี ได้ยินมานานแล้วว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีบุคลิกแห่งเซียน วันนี้ได้พบช่างสมคำร่ำลือจริงๆ!”

เสิ่นเทียนถอนหายใจโล่งอก เปลี่ยนเรื่องสำเร็จแล้ว

ข้า ช่างฉลาดจริงๆ เลย!

หลังจากตัดสินกันอย่างรอบคอบมากแล้ว เสิ่นเทียนกับหวังเสินซวีก็ต่างยอมรับฐานะกันในขั้นต้น และเกิดความเชื่อใจกันในขั้นต้นจากตรงนี้

แน่นอนว่าสองคนมีเชาวน์ปัญญาสูงมาก รู้ว่าอะไรควรถามอะไรไม่ควรถาม

เสิ่นเทียนไม่ได้ถามหวังเสินซวีว่าเขาไม่ใช่ผู้ทำสัญญากับเผ่าอสูรทะเลอุดร ไฉนถึงเข้ามาในเขตทะเลเบิกฟ้าได้ หวังเสินซวีก็ไม่ได้ถามเสิ่นเทียนว่า ใช่เสิ่นเทียนที่เป็นคนทำให้มังกรยักษ์พวกนั้นบนเกาะเทพมังกรบ้าคลั่งหรือไม่

สองฝ่ายต่างเดินหน้าไปในใต้ดินด้วยความเงียบและปรองดองรู้กันดี

ไม่นาน เสิ่นเทียนก็นำหวังเสินซวีทะลวงใต้ดินไปหลายร้อยลี้ มารวมกับพวกฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอู

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูก็โล่งอก

แต่เมื่อเห็นว่าข้างกายเสิ่นเทียนยังมีบุรุษอีกคน ฉีเซ่าเสวียนและเอ๋าอูต่างขมวดคิ้วขึ้น

โดยเฉพาะฉีเซ่าเสวียน เขาจ้องหวังเสินซวีตาเขม็ง ทั่วร่างแผ่จิตต่อสู้มหาศาลออกมา เหมือนพร้อมจะลงมือทุกเมื่อ

แต่หวังเสินซวีมุมปากกระตุก ดูเป็นบ้าไปนิดๆ “ระยำ เจ้ามาได้อย่างไรกัน เจ้าคนแซ่ฉี ไฉนถึงไม่ยอมเลิกราเช่นนี้! ก็แค่ท้าประลองไม่ใช่รึ แซ่หวังไม่รับคำท้า เจ้าก็มองว่าแซ่หวังยอมแพ้ไม่ได้รึ ไฉนยังต้องตามแซ่หวังมาถึงทะเลอุดรอีก!”

สารภาพตามตรง หากไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าฉีเซ่าเสวียนก็ทะลวงระดับดวงจิตดรุณเช่นกันแล้ว อีกทั้งดวงจิตดรุณยังมีพลังมั่นคงแข็งแกร่งละก็ หวังเสินซวีก็อยากจะสู้กับเขาสักครั้ง

ข้ามสองดินแดนใหญ่อย่างดินแดนบูรพากับทะเลอุดรมา ตามล่ามาเป็นล้านล้านลี้ นี่จะรังแกกันเกินไปแล้ว!

ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะมองเสิ่นเทียนอย่างเฉยชา “เจ้าเก็บเจ้านี่มาจากที่ใดกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินซวี เป็นพวกกลัวตาย แค่เพราะไม่กล้ารับคำท้าประลองของแซ่ฉี ถึงกับหนีหมื่นลี้มาถึงทะเลอุดรอย่างไม่เสียดาย

เหอะๆ เจ้าคิดว่าแซ่ฉีตามเจ้ามาทะเลอุดรรึ น่าขำ~”

ขณะพูดอยู่นั้น จิตต่อสู้ที่แผ่ออกมาจากในตัวเขาก็เก็บกลับเข้าไป

มีเสิ่นเทียนอยู่ หวังเสินซวีเป็นแค่เมฆลอยไปแล้ว

………

หวังเสินซวีมุมปากกระตุกเล็กน้อย กระทืบเท้าด้วยความโกรธ

เขาใช้มือซ้ายดึงแขนเสื้อเสิ่นเทียน มือขวาชี้หน้าฉีเซ่าเสวียน “ไอ้สารเลว คิดว่าแซ่หวังกลัวเจ้าจริงๆ รึ

สหายเสิ่นเจ้าอย่าดึงข้า วันนี้แซ่หวังจะให้เจ้านี่ได้รู้ว่าอะไรคือสายเลือดแห่งท้องนภาไม่อ่อนแอกว่าใคร ข้าจะสับหัวสุนัขของเจ้าในสิบกระบวนท่า!”

ฉีเซ่าเสวียนมองหวังเสินซวีด้วยความเฉยชาและเหยียดหยาม “เจ้าไม่อยู่ในสายตาแซ่ฉีมานานแล้ว เป็นแค่เมฆลอยเท่านั้น”

หวังเสินซวีโกรธจนเส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผาก เจ้าคนแซ่ฉีนี่ด่าคนไม่มีคำหยาบ ไม่เห็นเขาในสายตาเลย เรื่องเช่นนี้ถ้ายังฝืนทนได้ก็คงไม่มีอะไรที่ทนไม่ได้อีกแล้ว

หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งหนีมังกรพวกนั้นมา เสียพลังต้นกำเนิดชีวิตไปจำนวนมาก แม้แต่อายุขัยยังเสียหายอย่างหนักละก็ ตอนนี้ก็จะสู้กับเขาสุดชีวิต!

ฟู่~

ทนไว้ ทนไว้!

อย่าเสียอายุขัยตัวเองเพราะความโกรธเพียงชั่ววูบ

หวังเสินซวีมองฉีเซ่าเสวียนลึกๆ ทีหนึ่ง “เห็นแก่หน้าสหายเสิ่น แซ่หวังจะไม่เอาเรื่องเจ้า”

ฉีเซ่าเสวียนชำเลืองตามองหวังเสินซวี ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ไอ้เมฆลอย~”

หวังเสินซวีมุมปากกระตุกนิดๆ “คนแซ่ฉี เจ้าเปลี่ยนคำได้หรือไม่”

ฉีเซ่าเสวียนมองหวังเสินซวีอย่างเฉยชา ผ่านไปพักหนึ่งถึงพูดช้าๆ “ไอ้เมฆลอย~”

……..

เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสองปะทะคารมกัน เสิ่นเทียนก็ยิ้มอย่างจนปัญญา

เขาพูดขึ้นว่า “สหายฉีอย่าดูถูกสหายหวังเชียว เมื่อครู่ข้าได้เห็นศักยภาพของสหายหวังแล้ว ค่อนข้างแข็งแกร่งเลย หากสู้เต็มกำลัง เกรงว่ากำลังรบอาจจะไม่ด้อยกว่าสหายฉีเลย”

อ้อ

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ฉีเซ่าเสวียนมีดวงตาเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย “อ้อ สหายเสิ่นคิดว่ากำลังรบของเจ้านี่อาจจะไม่ด้อยไปกว่าแซ่ฉีรึ”

หึ!

เมื่อเอ่ยจบแล้ว เนตรสวรรค์ตรงระหว่างคิ้วฉีเซ่าเสวียนก็ลืมตาขึ้น

ง้าวมังกรสวรรค์หมุนม้วนไอม่วงหมื่นจั้ง พลันเสริมตัวเขาให้เหมือนกับเทพสงคราม

เขาจ้องหวังเสินซวีตาเขม็ง จิตต่อสู้คึกคักขึ้นมา “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครแกร่งใครอ่อนแอ สู้กันก็รู้แล้ว!”

อันดับหนึ่งใต้ฟ้า มีได้เพียงคนเดียว!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+