บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 277 ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 277 ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 277 ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์!

เจ้าคิดว่าเจ้าจะไหวรึ

ผ่านมาหลายร้อยปีก็ยังพูดคำนี้ ก็ยังคงเป็นรสชาตินี้!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงโมโหแล้ว “จางหลงหยวน เจ้าอย่าโอหังให้มากนัก ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว! ข้าฝึกบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วง กระทั่งฝึกคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะสำเร็จแล้ว!

เก่งจริงก็มาสู้กับข้าสิ ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือ ‘ทหารแยกจากสามวัน ก็กลับกลายเป็นคนละคนได้’!”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่จากสงบนิ่งค่อยๆ คลุ้มคลั่งขึ้นมา ผู้ฝึกบำเพ็ญรุ่นเดียวกันกับพวกเขารอบๆ ต่างเข้าใจกัน ถึงอย่างไรมีใครบ้างที่ไม่เคยเป็นหนุ่ม

โอรสสวรรค์แห่งยุคผู้ยิ่งใหญ่ถูกเจ้าสองคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่หลายร้อยปี แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะแค้นมากเพียงใด

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกนิ่งๆ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกพยักหน้า “การปิดล้อมครั้งนี้ หากไม่ได้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กู้สถานการณ์ให้ คงยากจะคาดเดาผลสุดท้าย

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าวางมือสู้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเถอะ! ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจะยอมรับ”

สองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ยอมรับการเดิมพัน แดนเทวาและแดนผาสุกอื่นย่อมไม่คัดค้าน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ครุ่นคิด ก่อนจะปรากฏกระบี่ยาวที่มีประกายเซียนวนเวียนขึ้นในมือช้าๆ “บอกมาว่าเจ้าอยากจะสู้อย่างไร”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ประกายเซียนบนผิวกายไม่มีกระเพื่อม คาดเดาอารมณ์ไม่ได้เลยแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็แค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้ากับข้าต่างเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เห็นแก่เกียรติของเจ้า คงไม่ถึงกับทำให้เจ้าขายขี้หน้าอะไรมาก ข้าจะสู้กับเจ้าในมิติปั่นป่วน”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ขอบใจ”

เมื่อเอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เดินหน้าหนึ่งก้าวช้าๆ

ทันใดนั้นพลันปรากฏประตูมิติสีดำทมิฬขึ้นจากความว่างเปล่า เหมือนเชื่อมไปยังมิติที่ไม่รู้จัก

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก้าวเข้าไปกลางประตูมิติ ทั้งตัวหายไปจากสายตาของทุกคน การกระทำดูสบายๆ มีความสง่าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน

“ขนาดคลื่นมิติยังไม่รู้สึก เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เปิดช่องทางมิติสำเร็จแล้ว”

คนนอกมองสนุก คนในมองเป็น ทุกคนรู้ว่าผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ทะลวงมิติได้ ขณะพูดคุยหัวเราะก็ข้ามแม่น้ำภูเขาหมื่นลี้ไปได้

ทว่ามีเพียงระดับผู้อริยะอย่างเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเท่านั้นที่รู้ว่าการเก็บคลื่นมิติตอนทะลวงมิตินั้นยากเพียงใด

ลำพังแค่วิชาทะลวงมิติของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็มากพอจะทำให้ผู้อริยะส่วนใหญ่ถูกทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นแล้ว

นี่หมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีความชำนาญในศาสตร์มิติสูงมาก อย่างน้อยก็เหนือกว่าผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ส่วนใหญ่

และผู้อริยะที่ชำนาญศาสตร์มิติ จะได้เปรียบในการต่อสู้กลางกระแสมิติปั่นป่วนอย่างยิ่ง!

“จางหลงหยวนไม่ได้ฝึกแค่วิชาอัสนีเทพสวรรค์รึ! เหตุใดถึงมีพลังควบคุมมิติแข็งแกร่งเช่นนี้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีสีหน้ากังวล “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ดูท่าการสู้กับเขาในกระแสมิติปั่นป่วนคงจะ…ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทำเสียงขึ้นจมูก “ก็แค่วิชาท่องมิติเท่านั้น ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงหรอก!”

เมื่อเอ่ยจบ ไอม่วงมหาศาลหมื่นลี้ข้างหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็กลับเข้าไปในกายทั้งหมด ทำให้ทั้งตัวเด่นขึ้นเหมือนกับราชาเทพลงมายังโลกมนุษย์

“จางหลงหยวน วันนี้ข้าจะทำลายวิชาของเจ้า!”

ร่างเงาสีม่วงตามหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วนติดๆ กัน

ในกระแสมิติปั่นป่วน มิติจะไม่เสถียรมาก ดังนั้นจึงใช้พลังจิตดูการต่อสู้ทางไกลได้ยากยิ่ง

อย่างน้อยสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับอริยะ การจะชมการต่อสู้ของผู้อริยะผ่านปราการมิติก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

แต่ทุกคนที่เหนือกว่าระดับอริยะก็เลือกที่จะไม่แอบดูการต่อสู้ของสองคนถือว่าเป็นการเคารพ

…….

มีเสียงภูตผีร้องโหยหวนดังมาจากประตูมิติสีดำไม่หยุด

นั่นเกิดจากการปะทะกันของกระแสมิติปั่นป่วน ยิ่งมีพลังกระแทกใส่กันในมิติรุนแรงมากเท่าไร เสียงก็ยิ่งดังมากเท่านั้น

หลังจากสองผู้อริยะเข้าไปในประตูมิติ ทุกคนต่างจ้องหลุมดำใหญ่นั้นด้วยใบหน้าเฝ้ารอคอย

เวลาผ่านไปทีละนาที

ทันใดนั้นประตูมิติระเบิดออก

ร่างสองร่างพุ่งออกมาจากประตูมิติ

หนึ่งในนั้นมีสายฟ้าประกายเซียนพันล้อมรอบกาย อีกคนอยู่ในประกายเซียนไอม่วง มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน

เสียงหัวเราะมีความสุขของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดังมาจากไอม่วงประกายเซียน “ฮ่าๆ จางหลงหยวน สามสิบปีสายน้ำไปทางตะวันออก สิบสามปีให้หลังสายน้ำไปทางตะวันตก จงอย่างรังแกเด็กหนุ่มยากจน!

หนึ่งพันปี ผ่านไปพันปีเต็มๆ โอหังเยี่ยงเจ้าคงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้!”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดีใจเช่นนี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็เผยรอยยิ้ม “สหาย เจ้าชนะรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “ข้าทำอะไรเขาไม่ได้ เขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน! ช่างเถอะ วันนี้สู้กันถึงอกถึงใจมาก กับอีแค่วิหารย่อยลัทธิชั่วร้ายเล็กๆ ให้พวกเขาไปเถอะ!”

พูดจบแล้วเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลางประกายเซียนไอม่วงก็กลายเป็นแสงสายรุ้งสายหนึ่งพุ่งไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและผู้อาวุโสระดับผู้อริยะสองคนข้างหลังมองด้วยความงุนงง

นี่มันอะไรกัน

เหตุใดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถึงคิดเองเออเองไปเช่นนี้!

ไหนคุยไว้ดิบดีว่าจะเหยียบย่ำแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ชิงผลประโยชน์มาครึ่งหนึ่งไง

สองคนเสมอกันแท้ๆ แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลับหนีไป ไม่เอาผลประโยชน์แล้วรึ

เวลานี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและสองผู้อริยะรวมถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าคนที่ยังอยู่ที่เดิมดูเก้อเขินเล็กน้อย

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไปแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะขอคำชี้แนะด้วยหรือไม่”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ สายตามองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือด้านข้าง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือพลันหนาวสั่นขึ้นมา

ระดับพลังและกำลังรบของเขาเทียบกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ได้

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยังแค่เสมอกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เช่นนั้นเขาก็คงสู้ไม่ได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ยิ้ม “อาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงตั้งอยู่ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ไม่เกี่ยวอะไรกับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเลย

ในเมื่อเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ยุ่งกับการปิดล้อมครั้งนี้ ข้าย่อมเคารพการตัดสินใจของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ขอตัว”

พูดจบแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ใช้วิชาล่องหนแสงดาว กลายเป็นแสงดาวสายหนึ่งตามสายรุ้งของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไป

ความขัดแย้งของการ ‘เก็บลูกท้อ’ อันตึงเครียด สิ้นสุดลงอย่างน่าประหลาดและล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นนี้

…….

เขตปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง บนฟ้าเหนือเมืองศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

สายรุ้งสีม่วงสายหนึ่งพุ่งผ่านมา แสงดาวสายหนึ่งตามหลังมาติดๆ

ไม่นาน แสงดาวนั้นก็ขวางไว้หน้าสายรุ้งสีม่วง เผยเป็นร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

เขาขวางเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไว้ ก่อนพูดด้วยความจนปัญญาว่า “สหายเคหาสน์ม่วง พวกเราได้เปรียบแล้วแท้ๆ ไฉนถึงไม่อาศัยโอกาสนี้แสดงอำนาจกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกล่ะ”

เสียงของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดังมาจากในสายรุ้งสีม่วงเข้มข้นนั้นอย่างเฉยชา “ถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจะไม่มีค่าให้เอ่ยถึง แต่ก็มีรากฐานเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเสี่ยงชีวิตปราบผู้อริยะลัทธิชั่วร้ายหลายคน ไปจนถึงเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิง

เช่นนั้นทรัพยากรที่ได้จากการปิดล้อมลัทธิชั่วร้ายย่อมเป็นของพวกเขาทั้งหมด ข้าจะไม่ฉวยโอกาสตอนคนอื่นเดือดร้อนเด็ดขาด!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนืองุนงง

‘อะไรนะ

สหายเจ้ามีศักดิ์ศรีและคุณธรรมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

อีกอย่างเป็นเจ้าที่ตอนแรกมาหาข้า ให้ข้าช่วยปิดล้อมแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่หรือ

เหตุใดตอนนี้กลับเหมือนข้ากำลังเสี้ยมเขาควายให้ชนกันล่ะ และยังมีไม่ฉวยโอกาสตอนคนอื่นเดือดร้อนอีก เจ้าพูดเช่นนี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดมโนธรรมบ้างรึ

รอเดี๋ยวก่อน’

ทันใดนั้นเอง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเหมือนจะนึกอะไรได้ “เจ้าเสมอกับจางหลงหยวนจริงๆ รึ”

ไอม่วงประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสั่นไหวอย่างรุนแรง น้ำเสียงดูลนลานเล็กน้อย “แค่กๆ สะ…เสมอจริงๆ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีสีหน้าแปลกพิลึกขึ้นเรื่อยๆ “เป็นสหายกันมาพันปี เจ้าคิดว่าเจ้าจะโกหกตบตาข้าได้รึ เจ้าคงไม่โดนอัดมาอีกแล้วหรอกนะ!”

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเหมือนไปโจมตีเส้นแนวป้องกันสุดท้ายเข้า และยังเหมือนดึงผ้าปิดความอัปยศของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงออก

เขาตัวสั่นไปทั้งตัว ประกายเซียนสีม่วงบนผิวกายแตกสลายไปทันที

เผยให้เห็นใบหน้าเขียวช้ำปูดบวมที่ทนมองไม่ได้ตรงหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แม้จะเป็นสหายกันมาพันกว่าปี ก็แทบจะจำไม่ได้

เดิมทีสำหรับผู้อริยะแล้ว ต่อให้เป็นอาการบาดเจ็บมือขาดขาขาด ก็ยังฟื้นคืนสภาพเดิมได้ในเวลาสั้นๆ

แต่อาการบาดเจ็บบนหน้าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแฝงไว้ด้วยพลังแห่งกฎเกณฑ์วิถีเซียน หากพลังกฎเกณฑ์พวกนั้นยังไม่สลายไปก็จะไม่ฟื้นฟูกลับมาเลย

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงน้ำตาคลอเบ้า “จางหลงหยวน จะรังแกกันเกินไปแล้ว! มันใช้อัสนีเทพกำเนิดฟ้าผ่าข้าสามร้อยกว่าครั้ง อีกทั้ง…อีกทั้งทุกครั้งยังผ่าที่หน้าข้า”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมุมปากกระตุกเล็กน้อย เหมือนจินตนาการได้ว่านั่นคือภาพอะไร “เขาทำเกินไปเช่นนี้ เจ้าไม่สวนกลับรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตาแดงยิ่งกว่าเดิม “ข้าสู้มันไม่ได้เลย มัน…มันทุบตีข้าไปพลางร่ายมนตร์ไปพลาง การโจมตีของข้าถูกต้านไว้ได้หมด จากนั้นมันก็รวมโซ่เหล็กศักดิ์สิทธิ์มาแขวนข้าทุบตี ข้า…ข้าไม่เคยต้องอัปยศเช่นนี้มาก่อน!”

พอพูดถึงช่วงท้าย เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแทบจะร้องไห้แล้ว

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่เหมือนที่เขาคาดคิดไว้เลย

ไหนว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่มีบทต้องห้ามแล้ว ศิษย์แกนหลักรุ่นหลังจะไร้กำลังไม่ใช่รึ

เหตุใดหลังเจ้าจางหลงหยวนทะลวงระดับอริยะแล้วถึงยังโหดยิ่งกว่าเมื่อก่อน ยังมีความยุติธรรม ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่

ตอนแรกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงคิดว่าตนฝึกคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วงกับคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะสำเร็จแล้ว จะสู้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้อย่างสูสี

ความฝันดูสวยงาม ทว่าความจริงก็คือความจริง

ถูกสายฟ้าผ่าสามร้อยครั้ง ความคับอกคับใจไม่มีที่ให้ลดลง!

ข้าทุกข์ใจนัก~!

…….

เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือรู้สึกกลัวขึ้นมา

หากก่อนหน้านี้เขาไม่หนีมา ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่ถูกตบหน้าอย่างบ้าคลั่งคงจะเป็นเขา

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ไม่นึกเลยว่าจางหลงหยวนอยู่สงบเงียบมาหลายร้อยปี ระดับพลังจะหยั่งลึกไม่อาจคาดเดายิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือตาเขม็ง “ข้าโดนมันอัดจนอยู่ในสภาพนี้ เจ้ายังชมมัน ข้าจะขาดกับเจ้า!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมุมปากกระตุกเล็กน้อย เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “แค่กๆ ความจริงแล้วสหายจื่อ เจ้าไม่ต้องโกรธแค้นเช่นนี้เลย ข้ามีวิธีระบายโทสะให้เจ้า ไม่รู้ว่าสหายจื่อสนใจหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “วิธีอะไร ว่ามาให้ฟังหน่อย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยิ้ม “มีคำกล่าวว่าบิดาเป็นหนี้บุตรต้องชดใช้ ในเมื่อสหายจื่อเอาชนะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้…”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นที่อัดแน่นอยู่ในมวลอากาศรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็พูดต่อเลยว่า “สู้ฝากความหวังไว้กับรุ่นต่อไปดีกว่า!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงพูดด้วยความเคียดแค้น “ลูกข้าก็สู้จางอวิ๋นถิงไม่ได้ แม้แต่จางอวิ๋นซียังสู้ไม่ได้เลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือพูดด้วยความจำใจ “ไม่จำเป็นต้องเป็นสายเลือดเดียวกัน ลูกศิษย์ก็ได้เหมือนกัน!

หลานเซ่าเสวียนเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์แก่นพลังทองสิบรอบที่ยากจะพานพบได้ในพันปีของดินแดนบูรพา ถูกลิขิตไว้ว่าไร้พ่ายในระดับเดียวกัน ตอนนี้หลานเซ่าเสวียนท้าสู้ทั้งดินแดนบูรพา โอรสสวรรค์จากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกฟันตกม้าสิ้นศักดิ์ศรี ไฉนถึงไม่ให้เขาไปท้าสู้แสดงอำนาจกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ล่ะ”

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตาเป็นประกาย

ใช่!

ถึงข้าจะสู้จางหลงหยวนไม่ได้ แต่ศิษย์ข้ามีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิ

ดังคำกล่าวว่าผู้เป็นอาจารย์เหมือนกับบิดา เซ่าเสวียนเป็นเหมือนบุตรชายแท้ๆ ของข้า เป็นที่รักยิ่งของข้า

ตอนนี้ข้าโดนจางหลงหยวนเหยียดหยามเช่นนี้ จะต้องให้เซ่าเสวียนไปกวาดล้างคนรุ่นเดียวกันที่เทพสวรรค์ กู้สถานการณ์กลับมา

ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์!

……

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็สูดลมหายใจเข้าลึกสงบอารมณ์ลง

ประกายเซียนสีม่วงเข้มข้นคลุมร่างเขาอีกครั้ง เสริมความองอาจห้าวหาญของเขาออกมา

เขาเดินหนึ่งก้าวก็ข้ามมิติหมื่นจั้งมาปรากฏกลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ก่อนส่งพลังจิตไปยังยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

“เซ่าเสวียน มาพบอาจารย์ด่วน”

ครู่ต่อมาบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง รถสงครามทองคำที่มีมังกรคะนองน้ำหกตัวลากเคลื่อนตัวอย่างครึกโครม ข้ามผ่านระยะพันจั้งมายังยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่งเสียงดังสนั่น

“ศิษย์ขอคารวะอาจารย์”

บุรุษองอาจคนหนึ่งลงมาจากรถสงครามช้าๆ

เขาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์มังกรดำ มือถือง้าวมังกรสวรรค์ ข้างหลังเป็นปรากฏการณ์เทพมังกรทะนงสวรรค์เก้าชั้น ทั้งตัวเขาเหมือนกับราชาเทพหนุ่ม ทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่กำลังเศร้าใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย

แม้ข้าจะถูกใส่ร้ายว่าเป็น ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่ถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่อย่างอนาถาที่สุด’ แต่ศิษย์ข้าก็มีพรสวรรค์ที่สุดแห่งยุค

เซ่าเสวียนถูกลิขิตไว้ว่าไร้พ่ายในยุคนี้ กดข่มจนรุ่นเดียวกันไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าผู้สูงศักดิ์

ความอัปยศที่เคยได้รับมาในอดีต ศิษย์ข้าจะคืนสนองให้พวกเจ้าเป็นเท่าตัว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็เอ่ยขึ้นช้าๆ “เซ่าเสวียน ช่วงนี้เจ้าปรับระดับพลังเป็นอย่างไรบ้าง”

ฉีเซ่าเสวียนมีใบหน้ามั่นใจอย่างยิ่ง “เรียนอาจารย์ ช่วงนี้ศิษย์ท้าประลองกับเจ็ดแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ บุตรศักดิ์สิทธิ์ในรายนามแก่นพลังทองพวกนั้น รับมือศิษย์ได้ไม่ถึงยี่สิบกระบวนท่า บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินสวียังหายตัวไป

ดูท่าคงจะได้ยินว่าศิษย์สำเร็จแก่นพลังทองรอบสิบเลยหนีเตลิดไป! ฮ่าๆๆๆ!”

พอเห็นฉีเซ่าเสวียนโอหังอวดดีแล้ว ใบหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเต็มไปด้วยรอยยิ้มของบิดาชรา

สิ่งที่เขาภูมิใจที่สุดในชีวิตคือรับฉีเซ่าเสวียนเป็นศิษย์

แน่นอนว่าแม้จะลำพองอยู่ในใจ แต่ก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ภายนอกไว้

เสียงไร้คลื่นอารมณ์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดังมาจากในประกายเซียนสีม่วง “ดีมาก เซ่าเสวียนเจ้ามีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิ ถึงจะพยายามเพียงสามส่วนก็ยังมองคนรุ่นเดียวกันด้วยความโอหัง ไร้พ่ายได้ แต่จำไว้ว่าเป้าหมายของเจ้าไม่ใช่แค่ไร้พ่ายในยุคนี้

เป้าหมายของเจ้าคือหลอมรวมฐานรากสูงสุด ภายภาคหน้าทะลวงเขตแดนแห่งมหาจักรพรรดิ ดังนั้นอย่าพอใจในตัวเองเป็นอันขาด”

ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ศิษย์เข้าใจ โอรสสวรรค์โลกนี้ล้วนเป็นเมฆลอย มีเพียงตัวเองที่เป็นศัตรูเก่าที่แกร่งที่สุด”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงปลื้มใจมาก

เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เซ่าเสวียนเจ้าก็ไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เถอะ! แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยุคนี้มีดวงชะตาเหนือธรรมดา ตอนแรกมีหนึ่งมังกร หนึ่งพยัคฆ์และหนึ่งกิเลน คราวนี้ยังมีเสิ่นเทียนโผล่มาอีก

ข้าอยากให้เจ้าเอาชนะสี่คนนี้ด้วยตัวคนเดียว กำราบดวงชะตาเทพสวรรค์ จะได้วางรากฐานพลังไร้พ่ายของเจ้า เจ้า ทำได้หรือไม่”

ง้าวมังกรสวรรค์ในมือฉีเซ่าเสวียนสั่นไหวเบาๆ ใบหน้ามีจิตมุ่งต่อสู้เข้มข้น

เขายิ้ม “หวังว่าพวกเขาสี่คนร่วมมือกันจะทำให้ศิษย์รู้สึกสนุกขึ้นมาบ้าง ถ้าไม่อย่างนั้น…หากแข็งแกร่งไร้พ่ายก็คงจะเงียบเหงามากจริงๆ”

……………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 277 ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 277 ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 277 ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์!

เจ้าคิดว่าเจ้าจะไหวรึ

ผ่านมาหลายร้อยปีก็ยังพูดคำนี้ ก็ยังคงเป็นรสชาตินี้!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงโมโหแล้ว “จางหลงหยวน เจ้าอย่าโอหังให้มากนัก ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว! ข้าฝึกบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วง กระทั่งฝึกคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะสำเร็จแล้ว!

เก่งจริงก็มาสู้กับข้าสิ ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือ ‘ทหารแยกจากสามวัน ก็กลับกลายเป็นคนละคนได้’!”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่จากสงบนิ่งค่อยๆ คลุ้มคลั่งขึ้นมา ผู้ฝึกบำเพ็ญรุ่นเดียวกันกับพวกเขารอบๆ ต่างเข้าใจกัน ถึงอย่างไรมีใครบ้างที่ไม่เคยเป็นหนุ่ม

โอรสสวรรค์แห่งยุคผู้ยิ่งใหญ่ถูกเจ้าสองคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่หลายร้อยปี แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะแค้นมากเพียงใด

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกนิ่งๆ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกพยักหน้า “การปิดล้อมครั้งนี้ หากไม่ได้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กู้สถานการณ์ให้ คงยากจะคาดเดาผลสุดท้าย

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าวางมือสู้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเถอะ! ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจะยอมรับ”

สองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ยอมรับการเดิมพัน แดนเทวาและแดนผาสุกอื่นย่อมไม่คัดค้าน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ครุ่นคิด ก่อนจะปรากฏกระบี่ยาวที่มีประกายเซียนวนเวียนขึ้นในมือช้าๆ “บอกมาว่าเจ้าอยากจะสู้อย่างไร”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ประกายเซียนบนผิวกายไม่มีกระเพื่อม คาดเดาอารมณ์ไม่ได้เลยแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็แค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้ากับข้าต่างเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เห็นแก่เกียรติของเจ้า คงไม่ถึงกับทำให้เจ้าขายขี้หน้าอะไรมาก ข้าจะสู้กับเจ้าในมิติปั่นป่วน”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ขอบใจ”

เมื่อเอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เดินหน้าหนึ่งก้าวช้าๆ

ทันใดนั้นพลันปรากฏประตูมิติสีดำทมิฬขึ้นจากความว่างเปล่า เหมือนเชื่อมไปยังมิติที่ไม่รู้จัก

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก้าวเข้าไปกลางประตูมิติ ทั้งตัวหายไปจากสายตาของทุกคน การกระทำดูสบายๆ มีความสง่าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน

“ขนาดคลื่นมิติยังไม่รู้สึก เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เปิดช่องทางมิติสำเร็จแล้ว”

คนนอกมองสนุก คนในมองเป็น ทุกคนรู้ว่าผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ทะลวงมิติได้ ขณะพูดคุยหัวเราะก็ข้ามแม่น้ำภูเขาหมื่นลี้ไปได้

ทว่ามีเพียงระดับผู้อริยะอย่างเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเท่านั้นที่รู้ว่าการเก็บคลื่นมิติตอนทะลวงมิตินั้นยากเพียงใด

ลำพังแค่วิชาทะลวงมิติของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็มากพอจะทำให้ผู้อริยะส่วนใหญ่ถูกทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นแล้ว

นี่หมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีความชำนาญในศาสตร์มิติสูงมาก อย่างน้อยก็เหนือกว่าผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ส่วนใหญ่

และผู้อริยะที่ชำนาญศาสตร์มิติ จะได้เปรียบในการต่อสู้กลางกระแสมิติปั่นป่วนอย่างยิ่ง!

“จางหลงหยวนไม่ได้ฝึกแค่วิชาอัสนีเทพสวรรค์รึ! เหตุใดถึงมีพลังควบคุมมิติแข็งแกร่งเช่นนี้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีสีหน้ากังวล “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ดูท่าการสู้กับเขาในกระแสมิติปั่นป่วนคงจะ…ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทำเสียงขึ้นจมูก “ก็แค่วิชาท่องมิติเท่านั้น ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงหรอก!”

เมื่อเอ่ยจบ ไอม่วงมหาศาลหมื่นลี้ข้างหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็กลับเข้าไปในกายทั้งหมด ทำให้ทั้งตัวเด่นขึ้นเหมือนกับราชาเทพลงมายังโลกมนุษย์

“จางหลงหยวน วันนี้ข้าจะทำลายวิชาของเจ้า!”

ร่างเงาสีม่วงตามหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วนติดๆ กัน

ในกระแสมิติปั่นป่วน มิติจะไม่เสถียรมาก ดังนั้นจึงใช้พลังจิตดูการต่อสู้ทางไกลได้ยากยิ่ง

อย่างน้อยสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับอริยะ การจะชมการต่อสู้ของผู้อริยะผ่านปราการมิติก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

แต่ทุกคนที่เหนือกว่าระดับอริยะก็เลือกที่จะไม่แอบดูการต่อสู้ของสองคนถือว่าเป็นการเคารพ

…….

มีเสียงภูตผีร้องโหยหวนดังมาจากประตูมิติสีดำไม่หยุด

นั่นเกิดจากการปะทะกันของกระแสมิติปั่นป่วน ยิ่งมีพลังกระแทกใส่กันในมิติรุนแรงมากเท่าไร เสียงก็ยิ่งดังมากเท่านั้น

หลังจากสองผู้อริยะเข้าไปในประตูมิติ ทุกคนต่างจ้องหลุมดำใหญ่นั้นด้วยใบหน้าเฝ้ารอคอย

เวลาผ่านไปทีละนาที

ทันใดนั้นประตูมิติระเบิดออก

ร่างสองร่างพุ่งออกมาจากประตูมิติ

หนึ่งในนั้นมีสายฟ้าประกายเซียนพันล้อมรอบกาย อีกคนอยู่ในประกายเซียนไอม่วง มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน

เสียงหัวเราะมีความสุขของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดังมาจากไอม่วงประกายเซียน “ฮ่าๆ จางหลงหยวน สามสิบปีสายน้ำไปทางตะวันออก สิบสามปีให้หลังสายน้ำไปทางตะวันตก จงอย่างรังแกเด็กหนุ่มยากจน!

หนึ่งพันปี ผ่านไปพันปีเต็มๆ โอหังเยี่ยงเจ้าคงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้!”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดีใจเช่นนี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็เผยรอยยิ้ม “สหาย เจ้าชนะรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “ข้าทำอะไรเขาไม่ได้ เขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน! ช่างเถอะ วันนี้สู้กันถึงอกถึงใจมาก กับอีแค่วิหารย่อยลัทธิชั่วร้ายเล็กๆ ให้พวกเขาไปเถอะ!”

พูดจบแล้วเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลางประกายเซียนไอม่วงก็กลายเป็นแสงสายรุ้งสายหนึ่งพุ่งไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและผู้อาวุโสระดับผู้อริยะสองคนข้างหลังมองด้วยความงุนงง

นี่มันอะไรกัน

เหตุใดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถึงคิดเองเออเองไปเช่นนี้!

ไหนคุยไว้ดิบดีว่าจะเหยียบย่ำแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ชิงผลประโยชน์มาครึ่งหนึ่งไง

สองคนเสมอกันแท้ๆ แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลับหนีไป ไม่เอาผลประโยชน์แล้วรึ

เวลานี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและสองผู้อริยะรวมถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าคนที่ยังอยู่ที่เดิมดูเก้อเขินเล็กน้อย

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไปแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะขอคำชี้แนะด้วยหรือไม่”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ สายตามองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือด้านข้าง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือพลันหนาวสั่นขึ้นมา

ระดับพลังและกำลังรบของเขาเทียบกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ได้

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยังแค่เสมอกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เช่นนั้นเขาก็คงสู้ไม่ได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ยิ้ม “อาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงตั้งอยู่ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ไม่เกี่ยวอะไรกับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเลย

ในเมื่อเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ยุ่งกับการปิดล้อมครั้งนี้ ข้าย่อมเคารพการตัดสินใจของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ขอตัว”

พูดจบแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ใช้วิชาล่องหนแสงดาว กลายเป็นแสงดาวสายหนึ่งตามสายรุ้งของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไป

ความขัดแย้งของการ ‘เก็บลูกท้อ’ อันตึงเครียด สิ้นสุดลงอย่างน่าประหลาดและล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นนี้

…….

เขตปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง บนฟ้าเหนือเมืองศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

สายรุ้งสีม่วงสายหนึ่งพุ่งผ่านมา แสงดาวสายหนึ่งตามหลังมาติดๆ

ไม่นาน แสงดาวนั้นก็ขวางไว้หน้าสายรุ้งสีม่วง เผยเป็นร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

เขาขวางเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไว้ ก่อนพูดด้วยความจนปัญญาว่า “สหายเคหาสน์ม่วง พวกเราได้เปรียบแล้วแท้ๆ ไฉนถึงไม่อาศัยโอกาสนี้แสดงอำนาจกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกล่ะ”

เสียงของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดังมาจากในสายรุ้งสีม่วงเข้มข้นนั้นอย่างเฉยชา “ถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจะไม่มีค่าให้เอ่ยถึง แต่ก็มีรากฐานเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเสี่ยงชีวิตปราบผู้อริยะลัทธิชั่วร้ายหลายคน ไปจนถึงเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิง

เช่นนั้นทรัพยากรที่ได้จากการปิดล้อมลัทธิชั่วร้ายย่อมเป็นของพวกเขาทั้งหมด ข้าจะไม่ฉวยโอกาสตอนคนอื่นเดือดร้อนเด็ดขาด!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนืองุนงง

‘อะไรนะ

สหายเจ้ามีศักดิ์ศรีและคุณธรรมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

อีกอย่างเป็นเจ้าที่ตอนแรกมาหาข้า ให้ข้าช่วยปิดล้อมแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่หรือ

เหตุใดตอนนี้กลับเหมือนข้ากำลังเสี้ยมเขาควายให้ชนกันล่ะ และยังมีไม่ฉวยโอกาสตอนคนอื่นเดือดร้อนอีก เจ้าพูดเช่นนี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดมโนธรรมบ้างรึ

รอเดี๋ยวก่อน’

ทันใดนั้นเอง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเหมือนจะนึกอะไรได้ “เจ้าเสมอกับจางหลงหยวนจริงๆ รึ”

ไอม่วงประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสั่นไหวอย่างรุนแรง น้ำเสียงดูลนลานเล็กน้อย “แค่กๆ สะ…เสมอจริงๆ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีสีหน้าแปลกพิลึกขึ้นเรื่อยๆ “เป็นสหายกันมาพันปี เจ้าคิดว่าเจ้าจะโกหกตบตาข้าได้รึ เจ้าคงไม่โดนอัดมาอีกแล้วหรอกนะ!”

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเหมือนไปโจมตีเส้นแนวป้องกันสุดท้ายเข้า และยังเหมือนดึงผ้าปิดความอัปยศของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงออก

เขาตัวสั่นไปทั้งตัว ประกายเซียนสีม่วงบนผิวกายแตกสลายไปทันที

เผยให้เห็นใบหน้าเขียวช้ำปูดบวมที่ทนมองไม่ได้ตรงหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แม้จะเป็นสหายกันมาพันกว่าปี ก็แทบจะจำไม่ได้

เดิมทีสำหรับผู้อริยะแล้ว ต่อให้เป็นอาการบาดเจ็บมือขาดขาขาด ก็ยังฟื้นคืนสภาพเดิมได้ในเวลาสั้นๆ

แต่อาการบาดเจ็บบนหน้าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแฝงไว้ด้วยพลังแห่งกฎเกณฑ์วิถีเซียน หากพลังกฎเกณฑ์พวกนั้นยังไม่สลายไปก็จะไม่ฟื้นฟูกลับมาเลย

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงน้ำตาคลอเบ้า “จางหลงหยวน จะรังแกกันเกินไปแล้ว! มันใช้อัสนีเทพกำเนิดฟ้าผ่าข้าสามร้อยกว่าครั้ง อีกทั้ง…อีกทั้งทุกครั้งยังผ่าที่หน้าข้า”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมุมปากกระตุกเล็กน้อย เหมือนจินตนาการได้ว่านั่นคือภาพอะไร “เขาทำเกินไปเช่นนี้ เจ้าไม่สวนกลับรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตาแดงยิ่งกว่าเดิม “ข้าสู้มันไม่ได้เลย มัน…มันทุบตีข้าไปพลางร่ายมนตร์ไปพลาง การโจมตีของข้าถูกต้านไว้ได้หมด จากนั้นมันก็รวมโซ่เหล็กศักดิ์สิทธิ์มาแขวนข้าทุบตี ข้า…ข้าไม่เคยต้องอัปยศเช่นนี้มาก่อน!”

พอพูดถึงช่วงท้าย เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแทบจะร้องไห้แล้ว

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่เหมือนที่เขาคาดคิดไว้เลย

ไหนว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่มีบทต้องห้ามแล้ว ศิษย์แกนหลักรุ่นหลังจะไร้กำลังไม่ใช่รึ

เหตุใดหลังเจ้าจางหลงหยวนทะลวงระดับอริยะแล้วถึงยังโหดยิ่งกว่าเมื่อก่อน ยังมีความยุติธรรม ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่

ตอนแรกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงคิดว่าตนฝึกคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วงกับคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะสำเร็จแล้ว จะสู้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้อย่างสูสี

ความฝันดูสวยงาม ทว่าความจริงก็คือความจริง

ถูกสายฟ้าผ่าสามร้อยครั้ง ความคับอกคับใจไม่มีที่ให้ลดลง!

ข้าทุกข์ใจนัก~!

…….

เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือรู้สึกกลัวขึ้นมา

หากก่อนหน้านี้เขาไม่หนีมา ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่ถูกตบหน้าอย่างบ้าคลั่งคงจะเป็นเขา

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ไม่นึกเลยว่าจางหลงหยวนอยู่สงบเงียบมาหลายร้อยปี ระดับพลังจะหยั่งลึกไม่อาจคาดเดายิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือตาเขม็ง “ข้าโดนมันอัดจนอยู่ในสภาพนี้ เจ้ายังชมมัน ข้าจะขาดกับเจ้า!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมุมปากกระตุกเล็กน้อย เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “แค่กๆ ความจริงแล้วสหายจื่อ เจ้าไม่ต้องโกรธแค้นเช่นนี้เลย ข้ามีวิธีระบายโทสะให้เจ้า ไม่รู้ว่าสหายจื่อสนใจหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “วิธีอะไร ว่ามาให้ฟังหน่อย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยิ้ม “มีคำกล่าวว่าบิดาเป็นหนี้บุตรต้องชดใช้ ในเมื่อสหายจื่อเอาชนะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้…”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นที่อัดแน่นอยู่ในมวลอากาศรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็พูดต่อเลยว่า “สู้ฝากความหวังไว้กับรุ่นต่อไปดีกว่า!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงพูดด้วยความเคียดแค้น “ลูกข้าก็สู้จางอวิ๋นถิงไม่ได้ แม้แต่จางอวิ๋นซียังสู้ไม่ได้เลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือพูดด้วยความจำใจ “ไม่จำเป็นต้องเป็นสายเลือดเดียวกัน ลูกศิษย์ก็ได้เหมือนกัน!

หลานเซ่าเสวียนเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์แก่นพลังทองสิบรอบที่ยากจะพานพบได้ในพันปีของดินแดนบูรพา ถูกลิขิตไว้ว่าไร้พ่ายในระดับเดียวกัน ตอนนี้หลานเซ่าเสวียนท้าสู้ทั้งดินแดนบูรพา โอรสสวรรค์จากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกฟันตกม้าสิ้นศักดิ์ศรี ไฉนถึงไม่ให้เขาไปท้าสู้แสดงอำนาจกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ล่ะ”

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตาเป็นประกาย

ใช่!

ถึงข้าจะสู้จางหลงหยวนไม่ได้ แต่ศิษย์ข้ามีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิ

ดังคำกล่าวว่าผู้เป็นอาจารย์เหมือนกับบิดา เซ่าเสวียนเป็นเหมือนบุตรชายแท้ๆ ของข้า เป็นที่รักยิ่งของข้า

ตอนนี้ข้าโดนจางหลงหยวนเหยียดหยามเช่นนี้ จะต้องให้เซ่าเสวียนไปกวาดล้างคนรุ่นเดียวกันที่เทพสวรรค์ กู้สถานการณ์กลับมา

ศิษย์ เจ้าต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์!

……

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็สูดลมหายใจเข้าลึกสงบอารมณ์ลง

ประกายเซียนสีม่วงเข้มข้นคลุมร่างเขาอีกครั้ง เสริมความองอาจห้าวหาญของเขาออกมา

เขาเดินหนึ่งก้าวก็ข้ามมิติหมื่นจั้งมาปรากฏกลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ก่อนส่งพลังจิตไปยังยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

“เซ่าเสวียน มาพบอาจารย์ด่วน”

ครู่ต่อมาบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง รถสงครามทองคำที่มีมังกรคะนองน้ำหกตัวลากเคลื่อนตัวอย่างครึกโครม ข้ามผ่านระยะพันจั้งมายังยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่งเสียงดังสนั่น

“ศิษย์ขอคารวะอาจารย์”

บุรุษองอาจคนหนึ่งลงมาจากรถสงครามช้าๆ

เขาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์มังกรดำ มือถือง้าวมังกรสวรรค์ ข้างหลังเป็นปรากฏการณ์เทพมังกรทะนงสวรรค์เก้าชั้น ทั้งตัวเขาเหมือนกับราชาเทพหนุ่ม ทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่กำลังเศร้าใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย

แม้ข้าจะถูกใส่ร้ายว่าเป็น ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่ถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่อย่างอนาถาที่สุด’ แต่ศิษย์ข้าก็มีพรสวรรค์ที่สุดแห่งยุค

เซ่าเสวียนถูกลิขิตไว้ว่าไร้พ่ายในยุคนี้ กดข่มจนรุ่นเดียวกันไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าผู้สูงศักดิ์

ความอัปยศที่เคยได้รับมาในอดีต ศิษย์ข้าจะคืนสนองให้พวกเจ้าเป็นเท่าตัว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็เอ่ยขึ้นช้าๆ “เซ่าเสวียน ช่วงนี้เจ้าปรับระดับพลังเป็นอย่างไรบ้าง”

ฉีเซ่าเสวียนมีใบหน้ามั่นใจอย่างยิ่ง “เรียนอาจารย์ ช่วงนี้ศิษย์ท้าประลองกับเจ็ดแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ บุตรศักดิ์สิทธิ์ในรายนามแก่นพลังทองพวกนั้น รับมือศิษย์ได้ไม่ถึงยี่สิบกระบวนท่า บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินสวียังหายตัวไป

ดูท่าคงจะได้ยินว่าศิษย์สำเร็จแก่นพลังทองรอบสิบเลยหนีเตลิดไป! ฮ่าๆๆๆ!”

พอเห็นฉีเซ่าเสวียนโอหังอวดดีแล้ว ใบหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเต็มไปด้วยรอยยิ้มของบิดาชรา

สิ่งที่เขาภูมิใจที่สุดในชีวิตคือรับฉีเซ่าเสวียนเป็นศิษย์

แน่นอนว่าแม้จะลำพองอยู่ในใจ แต่ก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ภายนอกไว้

เสียงไร้คลื่นอารมณ์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงดังมาจากในประกายเซียนสีม่วง “ดีมาก เซ่าเสวียนเจ้ามีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิ ถึงจะพยายามเพียงสามส่วนก็ยังมองคนรุ่นเดียวกันด้วยความโอหัง ไร้พ่ายได้ แต่จำไว้ว่าเป้าหมายของเจ้าไม่ใช่แค่ไร้พ่ายในยุคนี้

เป้าหมายของเจ้าคือหลอมรวมฐานรากสูงสุด ภายภาคหน้าทะลวงเขตแดนแห่งมหาจักรพรรดิ ดังนั้นอย่าพอใจในตัวเองเป็นอันขาด”

ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ศิษย์เข้าใจ โอรสสวรรค์โลกนี้ล้วนเป็นเมฆลอย มีเพียงตัวเองที่เป็นศัตรูเก่าที่แกร่งที่สุด”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงปลื้มใจมาก

เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เซ่าเสวียนเจ้าก็ไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เถอะ! แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยุคนี้มีดวงชะตาเหนือธรรมดา ตอนแรกมีหนึ่งมังกร หนึ่งพยัคฆ์และหนึ่งกิเลน คราวนี้ยังมีเสิ่นเทียนโผล่มาอีก

ข้าอยากให้เจ้าเอาชนะสี่คนนี้ด้วยตัวคนเดียว กำราบดวงชะตาเทพสวรรค์ จะได้วางรากฐานพลังไร้พ่ายของเจ้า เจ้า ทำได้หรือไม่”

ง้าวมังกรสวรรค์ในมือฉีเซ่าเสวียนสั่นไหวเบาๆ ใบหน้ามีจิตมุ่งต่อสู้เข้มข้น

เขายิ้ม “หวังว่าพวกเขาสี่คนร่วมมือกันจะทำให้ศิษย์รู้สึกสนุกขึ้นมาบ้าง ถ้าไม่อย่างนั้น…หากแข็งแกร่งไร้พ่ายก็คงจะเงียบเหงามากจริงๆ”

……………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+