บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 215 นกยูงนี่ไม่ใช่นกดีอะไร

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 215 นกยูงนี่ไม่ใช่นกดีอะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 215 นกยูงนี่ไม่ใช่นกดีอะไร!

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สารชั่วทำเช่นนี้กับข้า!

จินอวี่สวมชุดเกราะเก่าที่เก็บมาได้จากในสนามรบบรรพกาล ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอับอาย

เขาเป็นถึงโอรสสวรรค์เผ่าอินทรีสวรรค์ดินแดนทักษิณผู้ยิ่งใหญ่ เป็นปักษาเหนือปักษามาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไปที่ใดมีใครไม่ต้อนรับด้วยความเคารพบ้าง

ปรากฏว่าครั้งนี้เดินทางไกลจากดินแดนทักษิณมาโจมตีดินแดนบูรพา เดิมทีคิดจะล้างความอัปยศให้เผ่าอินทรี แต่กลับโดนเสิ่นเทียนปล้นไปจนหมดตัว

และที่สำคัญกว่านั้นคือทุกอย่างอยู่ในสายตาข่งเมิ่ง

นี่ทำให้ความโอหังในใจจินอวี่รับไม่ได้เลย รู้สึกเป็นบ้าไปแล้ว

‘บัดซบ เสิ่นเทียนเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!’

จินอวี่กัดฟันด้วยความโมโห ทั่วร่างแผ่เปลวไฟสีทองออกมา ‘ต้องมีสักวันที่ข้าจะเหยียบเจ้าอยู่ใต้เท้า!’

ช่วงที่จินอวี่เกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ เขาพลันหน้าเปลี่ยนสีไป มองไปอีกทางของหุบเขามารโลหิตด้วยสีหน้าจริงจัง

เขารู้สึกไม่ดีบางอย่าง!

ความหวาดกลัวรุนแรงทะลักขึ้นมาในใจ

เขารู้สึกได้ว่าเหมือนมีบางสิ่งที่ชั่วร้ายกำลังซ่อนอยู่ในหุบเขามารโลหิต

จินอวี่เปล่งแสงสีทองยิ่งกว่าเดิม เตรียมพร้อมรับมือกับข้าศึก แต่สภาพเขาตอนนี้ไม่ดีเลย!

ทันใดนั้นจินอวี่ก็หมุนตัวหนีไป

เขาพลันกระพือสองปีกบินกลับไปวงในของหุบเขามารโลหิต เพราะจินอวี่เห็นมารโลหิตสูงสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้า

มารโลหิตตัวนี้มีขนาดและกลิ่นอายพลังไม่ด้อยไปกว่ามารโลหิตตัวนั้นที่พวกจินอวี่ห้าคนสังหารไปเลย หรือก็คือเจ้านี่มีกำลังรบเทียบเท่าระดับดวงจิตดรุณ!

ต้องรู้ว่าตอนนี้อยู่ในสนามรบบรรพกาล ระดับพลังของสิ่งมีชีวิตข้างนอกทั้งหมดจะถูกจำกัดไว้ต่ำกว่าแก่นพลังทอง ต่อให้เป็นจินอวี่ในสภาพสมบูรณ์ก็ไม่มีทางปราบมารโลหิตนี่ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่อาจจะโดนมันสูบกินเหือดแห้งด้วยซ้ำ

มิหนำซ้ำ จินอวี่ในตอนนี้พลังปราณเดิมบาดเจ็บสาหัส ถ้าปะทะกับมารโลหิตนี่จริงๆ เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่โอกาสหนี

จินอวี่ร้องแย่แล้วในใจ เป็นนกจะซวย ดื่มน้ำเย็นยังติดซอกฟันเลยจริงๆ

การฝึกฝนบนสนามรบบรรพกาลทุกครั้งในอดีตไม่มีกระทั่งวิญญาณมรณะดวงจิตดรุณสักตัว เหตุใดครั้งนี้ถึงโผล่มาติดๆ กันเช่นนี้

ตอนนี้ได้แต่กลับไปรอบในของสนามรบบรรพกาลก่อน จากนั้นค่อยหาทางอื่นหนีไป

จินอวี่กระพือปีกเต็มที่ มุ่งหน้ากลับไปทางหุบเขาอย่างสุดกำลัง ทว่าตอนที่เขาจะบินออกจากหุบเขามารโลหิตหนีพ้นจากอันตรายนั้น ก็ปรากฏมารโลหิตตัวที่สองขึ้นตรงหน้า

มีความสูงสิบกว่าจั้งเช่นกัน แผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งเช่นกัน มันขวางหน้าจินอวี่ไว้เช่นนี้ ก่อนจะตบฝ่ามือเข้ามา

ทันทีที่มันตบฝ่ามือ จินอวี่รู้สึกว่ากระแสลมรอบตัวเขาถูกพลังงานไร้รูปดึงไว้ ยากจะหลบได้อย่างคล่องแคล่ว

ข้างหน้ามีมารโลหิต ข้างหลังก็มีมารโลหิต สองข้างเป็นผาที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ นี่คือสถานการณ์เลวร้ายที่มากพอจะทำให้เจ้านกสิ้นหวัง!

นัยน์ตาเขาเผยความเฉียบคม ใช้ปีกเป็นดาบฟันใส่ฝ่ามือมารโลหิตนั้นทันที

“เก้าตัดสังหารปักษาสวรรค์ ตัดที่หนึ่ง…ตัดภูผานที!”

แสงสีทองสว่างจ้าเหมือนกับดวงตะวันสีทองชนเข้ากับโลหิตหนืดนั้น ต่อมา…ก็ถูกจมหายไป

“อ๊าก!”

จินอวี่ส่งเสียงร้อง โดนฝ่ามือตบกลิ้งไปกับพื้น ชักกระตุกอยู่กับที่ไม่หยุด ปากพ่นฟองสีขาวออกมา

มารโลหิตตัวข้างหลังตามมาเช่นกัน ก่อนยื่นสองมือมาหิ้วสองปีกของจินอวี่ขึ้นมาเหมือนกับหิ้วลูกนก

“ปล่อยข้า ปล่อยข้า! สารเลว จะฆ่าก็ฆ่า อย่าแตะรักแร้ข้า! มันจั๊กจี้จะตายอยู่แล้ว! จั๊กจี้มาก เอามือสกปรกเหนียวหนืดของเจ้าออกไป!

นี่ข้าก่อกรรมอะไรไว้ ถึงต้องมาตายในมือมารโลหิตวิญญาณร้ายสกปรกเช่นนี้!”

ชั่วขณะที่จินอวี่กำลังดิ้นไปมาในมือมารโลหิตไม่หยุดนั้น เด็กหนุ่มชุดคลุมดำก็เดินออกมาจากเงามืดช้าๆ

เขามองจินอวี่เชิงหยอกล้อ “โอรสสวรรค์ของเผ่าพญาอินทรีปีกทอง มีสายเลือดพญาอินทรีปีกทองที่แทบจะบริสุทธิ์ทั้งหมด หาได้ยากจริงๆ

เจ้าเป็นเครื่องเซ่นที่ดีที่สุด รวมกับโอรสสวรรค์มากมายเป็นหินฐานรากให้ข้าไปสู่จุดสูงสุดและได้รับเกียรติยศ! เจ้าลูกนก เจ้ารู้ตัวแล้วสิ!”

เมื่อเอ่ยจบ เฮยหยวนก็ประสานมุทรา

ผิวกายมารโลหิตเกิดคลื่นกระเพื่อมโลหิตขึ้น จากนั้นยัดจินอวี่เข้าไปในท้องน้อยของมัน

กลิ่นคาวเลือดรุนแรงโชยเข้ามา ทำให้จินอวี่อยากจะอาเจียนหลายครั้ง “เจ้าชั่ว จะฆ่าก็ฆ่าเลย ไฉนต้องหยามเกียรติข้า!

เหม็นมาก! อย่า อย่ายัดเข้าไป เจ้าฆ่าข้าเลยเถอะ! ทำให้มันจบๆ ไป! หายใจไม่ออกแล้ว คาวมากเหม็นมาก อยากจะอ้วก อ้วก~ อ้วกๆ~ อ้วกๆๆ~”

สุดท้ายจินอวี่ก็ยังถูกขังอยู่ในตัวมารโลหิตเหมือนกับพวกศิษย์น้องพวกนั้น

ทางด้านเฮยหยวนหลังจากจับจินอวี่แล้วก็เข้าไปในเงามืดอีกครั้ง ซุ่มในหุบเขามารโลหิตรอคอยโอกาสมาถึง

เขากำลังรอการเซ่นไหว้ครั้งใหญ่ มนุษย์และเผ่าปีศาจพวกนี้เป็นของเซ่นไหว้ และบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือเครื่องเซ่นที่เขาอยากได้มากที่สุด!

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน รีบมาเถอะ ข้าคิดถึงเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”

………..

ตัดภาพไปอีกที่ ตอนนี้เสิ่นเทียนกับข่งเมิ่งเพิ่งออกจากมิติแสงเทพ

ผนังที่ตอนแรกมีแต่ภาพนกยูงห้าสีค่อยๆ เกิดรอยร้าวและถล่มลง

ข่งเมิ่งมองผนังที่ถล่มลงนั้นพลางแสดงความเคารพ นัยน์ตาขยับประกายแสงสว่างห้าสี

ตอนนี้นางแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อีก เพราะได้รับต้นกำเนิดแสงเทพของนกยูงสายเลือดบริสุทธิ์ระดับผู้อริยะ นี่มีประโยชน์กับนางอย่างที่ไม่มีอะไรมาเปรียบได้

ขอแค่ข่งเมิ่งดูดซับต้นกำเนิดแสงเทพวกนี้ทั้งหมด ก็จะไม่มีคอขวดในก่อนบรรลุผู้อริยะอีก!

อีกทั้ง นางเหมือนจะได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์พัดแสงเทพห้าสีด้วย

นั่นคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงผู้อริยะที่ฝ่าด่านเคราะห์ภัยสวรรค์สามครั้งขึ้นไปเท่านั้นถึงจะพอหลอมสร้างมันขึ้นมาได้ ต่อให้เป็นผู้อริยะ การจะหลอมสร้างสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ง่ายๆ จะต้องตั้งใจบ่มเพาะหลายปีถึงจะสำเร็จออกมาได้

แม้แต่ในผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพ คนที่มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ล้วนเป็นบุคคลหายาก แทบจะไร้พ่ายในระดับเดียวกัน

เดิมทีข่งเมิ่งเป็นอันดับหนึ่งในรายนามแก่นพลังทองของดินแดนทักษิณอยู่แล้ว ตอนนี้ได้พัดแสงเทพห้าสีมาอีก จึงเหมือนกับเสือติดปีก

ดูท่าแม้แต่ในแก่นพลังทองทั้งหมดของห้าดินแดน ข่งเมิ่งในตอนนี้ก็สามารถบุกลุยฝ่าไปได้แล้ว!

ส่วนสิ่งที่เสิ่นเทียนได้รับ มองจากระดับบางอย่างแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าข่งเมิ่งเลย ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินอันดับแปดในรายนามทองคำเซียน ซึ่งเรียกได้ว่าล้ำค่าที่สุดในตัวเสิ่นเทียนตอนนี้แล้ว

ตอนแรกในกลีบปอดเขามีกระบี่ฟ้าสังหารอยู่ก็จริง แต่ความแข็งแกร่งหลักๆ ของกระบี่ฟ้าสังหารคือผู้สร้างหลอมให้มันแข็งแกร่งทนทาน แต่ตัวกระบี่เป็นเพียงทองคำเตรียมเซียนเท่านั้น เทียบกับทองคำเซียนปีกปักษาไม่ได้

ตอนนี้เสิ่นเทียนหยดโลหิตเป็นนายทองคำเซียนปีกปักษาแล้ว ทองคำเซียนจึงถูกดูดเข้าไปในกายเสิ่นเทียน เข้าไปในกลีบปอดอีกข้าง

ทองคำเซียนปีกปักษาอยู่ทางซ้าย กระบี่ฟ้าสังหารอยู่ทางขวา ขณะเดียวกันยังแผ่กลิ่นอายธาตุทองลำดับเจ็ด ขัดเกลากลีบปอดของเสิ่นเทียน

ตอนนี้เสิ่นเทียนไม่กล้าหายใจแรงแล้ว กลัวว่าไอกระบี่จะตัดศีรษะของสหายเสียเรียบเตียน

….

ตอนนี้เอง ป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ในอกเสื้อของเสิ่นเทียนสั่นไหวเบาๆ

เขาหยิบป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก่อนจะอึ้งไป “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋เรียกข้า เหมือนจะเร่งด่วนมากด้วย”

ป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏแสงสีแดงแปดสาย นี่หมายความว่าฉินอวิ๋นตี๋ติดต่อหาเสิ่นเทียนผ่านป้ายคำสั่งในมือตนแปดครั้งแล้ว

เกิดเรื่องด่วนอะไรขึ้น พวกเขาถึงต้องเร่งรีบเช่นนี้

เสิ่นเทียนใช้วิชากับป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างฉินอวิ๋นตี๋ลอยขึ้นจากป้ายคำสั่ง

เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็ติดต่อได้แล้ว ฉินอวิ๋นตี๋ก็ดูโล่งอกไปอย่างเห็นได้ชัด “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านไม่รับข้อความกัน พวกเราเป็นห่วงกันมากเลย”

เสี่ยวหลิงเซียนกับไข่มังกรดำข้างฉินอวิ๋นตี๋เห็นข่งเมิ่งหน้าตาสดใสข้างเสิ่นเทียนแล้ว ตอนนี้สีหน้ากับสีไข่แปลกมาก ออกเป็นสีดำนิดๆ

เจ้าข่งเมิ่งไปทำอะไรกับเสิ่นเทียนกันแน่

สองคนแอบทำอะไรลับๆ กัน ติดต่อไปก็ไม่รับ ตอนนี้ยังดูมีความสุขเช่นนี้อีก!

บัดซบจริงๆ!

นางนกยูงห้าสีนี้ไม่ใช่นกดีอะไรเลยจริงๆ!

เสิ่นเทียนเอ่ยด้วยความจำใจ “เมื่อครู่ข้ากับท่านหญิงเซียนข่งเมิ่งไปเจอกับดินแดนลับมา มันสร้างมิติขึ้นเองเลยอาจจะปิดกั้นสัญญาณพลังจิต”

เจอดินแดนลับหรือ ทั้งยังสร้างมิติขึ้นเองอีก

พอได้ฟังคำพูดของเสิ่นเทียนแล้ว ทุกคนอดปลงอนิจจังมิได้

ท่านออกไปกับข่งเมิ่งนานเท่าไรเอง!

แค่ชั่วครู่สั้นๆ ก็เจอมหาโชคลิขิตอีกแล้วหรือ

ข่าวลือในแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นความจริง บุตรศักดิ์สิทธิ์คือบุตรแห่งสวรรค์จริงๆ!

เหนือธรรมดาอย่างยิ่ง!

ไม่รู้ว่าครั้งนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์กับท่านหญิงเซียนข่งเมิ่งเจอโชคลิขิตอะไร เราเองก็ไม่ค่อยกล้าถาม

เมื่อเห็นใบหน้าแปลกๆ ของทุกคนแล้ว เสิ่นเทียนก็เอ่ยอย่างจนปัญญา “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงได้ร้อนใจเช่นนี้”

ฉินอวิ๋นตี๋ถึงตั้งสติกลับมาได้ก็รีบพูด “ศิษย์พี่ ศิษย์ฝ่ายเราเจออันตรายในหุบเขามารโลหิต จึงขอความช่วยเหลือจากเรา”

ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ศิษย์ทุกคนจะมีป้ายคำสั่งเป็นสัญลักษณ์ฐานะ รวมถึงหมายเลขของศิษย์ที่สอดคล้องกัน

หากส่งพลังฤทธิ์เข้าไปจะติดต่อศิษย์คนอื่นได้ สามารถส่งพลังจิตสื่อสารในระยะสั้นๆ กับศิษย์คนอื่นได้ แน่นอนว่ายิ่งป้ายคำสั่งของศิษย์มีระดับสูงมากเท่าไร ระยะทางการสื่อสารก็จะไกลมากเท่านั้น

พวกจางซานไม่มีหมายเลขของเสิ่นเทียน ก่อนหน้านี้ตอนเจออันตรายเลยได้แต่ติดต่อไปหาฉินอวิ๋นตี๋ที่ค่อนข้างคุ้นเคยกว่า

หลังจากฉินอวิ๋นตี๋ได้ข่าวก็ติดต่อหาเสิ่นเทียนทันที เพียงแต่ถูกมิติห้าสีปิดกั้น จนเสิ่นเทียนออกจากโลกเล็กถึงติดต่อได้

ฉินอวิ๋นตี๋จึงเล่าเรื่องในหุบเขามารโลหิตให้ฟังคร่าวๆ ทันที รายงานเสิ่นเทียนทุกอย่าง

“ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ เท่าที่อวิ๋นตี๋รู้มา ปกติมารโลหิตกินอาหารจะมีกฎเกณฑ์ตายตัว พวกมันจะตุนอาหารโลหิตไว้ ไม่ฆ่าหมดในครั้งเดียว ดังนั้นถ้าเราไปช่วยทัน บางทีอาจจะช่วยพวกศิษย์น้องกลับมาได้”

ฉินอวิ๋นตี๋รายงานสถานการณ์กับเสิ่นเทียนไปพลาง เตรียมกระสุนปืนหยินหยางพิฆาตอสูรของตนไปพลาง

เส้นผมสีทองส่องประกายระยิบระยับภายใต้แสงตะวัน ใบหน้าตาตี่เต็มไปด้วยความแน่วแน่

ถึงอย่างไรศิษย์พวกนั้นก็เป็นศิษย์น้องที่ฉินอวิ๋นตี๋สนิทสนมมาก!

ตอนนี้เองข่งเมิ่งเอ่ยช้าๆ “หุบเขามารโลหิตหรือ มารโลหิตโผล่มาอีกแล้วรึ”

คำพูดของนางทำให้เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าถึงบอกว่า ‘อีกแล้ว’ ล่ะ หรือจะมีลับลมคมในอะไร”

ข่งเมิ่งพยักหน้า “ตอนที่ข้ากับไป๋หลิงและพวกเฮ่ออู๋ซวงผ่านหุบเขามารโลหิตก็เจอมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณตัวหนึ่ง แค่พวกเราห้าคนร่วมมือกัน มารโลหิตนั่นก็ตายแล้ว เหตุใดถึงมีมาอีกตัวกัน”

อีกด้านของป้ายคำสั่ง ไป๋หลิง เฮ่ออู๋ซวงและทูจิ้วพยักหน้าเช่นกัน สื่อว่าข่งเมิ่งไม่ได้โกหก

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “จากครั้งที่ผ่านๆ มา หุบเขามารโลหิตจะไม่ปรากฏสัตว์ประหลาดวิญญาณร้ายระดับดวงจิตดรุณ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่มี แต่ยังไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย ที่สำคัญกว่านั้นคือเพิ่งฆ่าไปตัวหนึ่งก็โผล่มาอีกตัว! เรื่องผิดปกติต้องมีคนบงการอย่างแน่นอน หุบเขามารโลหิตนี่อาจจะมีอะไรแปลกๆ!”

ตอนนี้เสิ่นเทียนขมวดคิ้วมุ่น ดูระมัดระวังมาก

ขอแค่มีตัวเอกมหาดวงชะตามาร่วมด้วย ต่อให้เป็นการฝึกฝนเล็กกว่านี้ก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน!

ตอนนี้บนสนามรบบรรพกาล ข่งเมิ่ง จ้าวเฮ่า ฉินอวิ๋นตี๋ เซียวหลิงและพวกฉินเกาเป็นผู้มีมหาดวงชะตาและมากองรวมกันหมดแล้ว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นก็ไม่แปลก!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดอย่างจริงจัง “ฉินอวิ๋นตี๋ ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือไม่”

ทันทีที่รู้สึกถึงแววตาเชื่อใจจากเสิ่นเทียน ฉินอวิ๋นตี๋พลันรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว ดวงตาตี่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “ศิษย์พี่กำชับมาได้เลย!”

เสิ่นเทียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “หุบเขามารโลหิตปรากฏมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณแล้ว ให้แจ้งศิษย์ฝ่ายเราให้ออกห่างจากหุบเขามารโลหิตทันที”

ฉินอวิ๋นตี๋พยักหน้า “ศิษย์พี่วางใจเถอะ อวิ๋นตี๋เตือนศิษย์น้องทุกคนไปตั้งแต่แรกแล้ว”

ซี้ด!

เร็วเช่นนี้เลยรึ

ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เจ้าไวเช่นนี้ มารดาเจ้ารู้หรือไม่

อะแห่มๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรไร้สาระ ถึงอย่างไรชีวิตคนก็สำคัญ

จะต้องคิดแผนการช่วยเหลือที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด!

เสิ่นเทียนใช้ความคิดอย่างหนักจนในที่สุด…ก็พบว่าตนไม่เหมาะจะเป็นผู้นำแบบฉลาดหลักแหลมที่วางแผนในกระโจมกองทัพเลย

ปวดหัว ช่างเถอะ ลุยเลยดีกว่า!

พอคิดได้ดังนั้นเสิ่นเทียนก็พูดขึ้น “ในที่นี้มีแค่ข้าที่รับมือกับมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณขึ้นไปได้ ข้าจะไปหุบเขามารโลหิตคนเดียว หากช่วยพวกศิษย์น้องได้แล้ว ข้าจะรีบติดต่อให้พวกเจ้ามารวมกันให้เร็วที่สุด หากไม่มีการติดต่อมาในหนึ่งวัน…

ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ หากไม่มีการติดต่อจากข้าให้แจ้งศิษย์ทุกคนให้เคลื่อนย้ายออกจากสนามรบทันที! ไม่ใช่แค่ศิษย์ฝ่ายเรา รวมถึงศิษย์สำนักอื่นๆ ก็ต้องเตือนด้วย!

เมื่อออกจากสนามรบแล้วให้รายงานพวกอาจารย์อาบัวขาว ให้พวกเขาตัดสินใจ”

เสิ่นเทียนเพิ่งพูดจบ ซ่งฟู้กุ้ยกับหลิวไท่อี่กระบอกตาร้อนร้องไห้พูดไม่เป็นคำแล้ว “ท่านปรมาจารย์สวรรค์ ท่านจะเสี่ยงอันตรายไม่ได้นะ!”

“ท่านปรมาจารย์สวรรค์ ในเมื่อหุบเขามารโลหิตอาจจะมีตัวแปรกับอันตราย พวกเราก็ยิ่งให้ท่านไปเสี่ยงคนเดียวไม่ได้!”

“ข้าหลิวไท่อี่ไม่ใช่คนขี้ขลาดกลัวตาย ยินดีร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ เสริมอำนาจให้ท่านปรมาจารย์สวรรค์!”

สยงเหมิ่งด้านข้างเกาศีรษะก่อนจะพูดทันที “ข้าด้วย ข้าก็เช่นกัน!”

เมื่อเห็นซ่งฟู้กุ้ยกับหลิวไท่อี่แข็งกร้าวเช่นนี้ คนอื่นๆ ย่อมไม่มีถอยไปด้วยความกลัว

ถึงอย่างไรถ้ากลัวตอนนี้ ภายภาคหน้าไปอยู่ข้างกายเสิ่นเทียนจะไม่กระดากอายหรือ

“สหายเสิ่น แซ่จ้าวยินดีร่วมรบกับเจ้า ถึงตายก็ไม่เสียใจ!”

ทั่วร่างจ้าวเฮ่าปกคลุมด้วยอัคคีอรุณใต้รุนแรง รวมเป็นร่างกระบี่รางๆ แผ่ไอกระบี่ทรงพลังออกมาทั่วตัว

นั่นคือผลลัพธ์จากผลใจกระบี่ หลังจากหลอมรวมต้นใจกระบี่บรรลุกายเทพกระบี่ฟ้าแล้ว เสิ่นเทียนก็พบว่าผลใจกระบี่แทบไม่มีประโยชน์กับตน

ดังนั้นเขาจึงแบ่งผลใจกระบี่ให้จ้าวเฮ่า กุ้ยกงกง เสี่ยวหลิงเซียนและเสิ่นเอ้า ให้พวกเขาหลอมรวม

ตอนนี้ทุกคนย่อยผลใจกระบี่กับว่านโลหิตมังกรไปพอประมาณแล้ว ศักยภาพของทุกคนจึงเกิดการผลัดเปลี่ยนและพัฒนาขึ้น อย่างน้อยในผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐาน ทุกคนก็ถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์แล้ว รวมถึง…เสิ่นเอ้า

ต้องบอกว่าอยู่กับน้องสิบสามดีจริงๆ ไม่ต้องลำบากก็แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว!

ไม่เหมือนลำบากฝึกฝนกับเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ในแดนเทวาดาวประกายพรึก ทั้งลำบากทั้งไม่มีประโยชน์

เสิ่นเอ้ามองเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าซับซ้อน “น้องสิบสาม ถ้าจะให้พี่มองเจ้าไปตาย พี่ทำไม่ได้!”

เสิ่นเทียน “…”

แม้จะเป็นคำพูดซาบซึ้งใจ แต่เหตุใดถึงรู้สึกว่ากำลังสาปแช่งข้าอยู่ล่ะ!

กุ้ยกงกงยิ้มเหมือนไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ แล้ว “บ่าวเคยสาบานว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายองค์ชายเด็ดขาด เว้นแต่จะข้ามศพของบ่าวไปก่อน”

ฉินเกามองเสิ่นเทียนอย่างลึกซึ้ง “องค์ชายเป็นคนช่วยชีวิตบ่าวไว้ ถึงต้องตายก็หวังว่าจะได้ตายเพื่อปกป้ององค์ชาย!”

……

เมื่อได้ฟังคำพูดมีพลังและอำนาจโน้มน้าวของทุกคนกับเห็นสีหน้ากล้าหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว

ภายในใจเสิ่นเทียนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ…และหมดคำจะพูด

ไฉนต้องทำเช่นนี้!

เหตุใดพวกเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย!

ข้าแค่จะไปสู้กับมารโลหิตดวงจิตดรุณตัวเดียว

เหตุใดถึงรู้สึกว่าในสายตาพวกเจ้า ข้ากำลังไปมอบหัวให้ศัตรูล่ะ

ระดับสร้างฐานสู้ดวงจิตดรุณไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อยหรือ พวกเจ้าอย่าปลุกปั่นกันตามใจได้หรือไม่

มุกเก่าเช่นนี้ยังเอาออกมาหลอกกัน นี่มันจะเกินไปแล้ว!

และที่สำคัญกว่านั้นคือถ้าข้าเจอศัตรูที่รับมือไม่ได้จริงๆ ก็แค่เปลี่ยนเกราะทั้งตัวแล้วหนีไปก็จบแล้วไม่ใช่หรือ

พวกเจ้าตามมากัน หากเจออันตรายอะไรจริงๆ จะให้ข้าช่วยอย่างไร มันช่วยไม่ได้หรอกนะ!

เสิ่นเทียนถอนหายใจด้วยความจนปัญญา คิดอยู่ว่าจะพูดกับเจ้าพวกนี้อย่างไรถึงไม่ทำลายเกียรติ

ข้าไม่ได้เกรงใจจริงๆ แต่พวกเจ้านี่มัน…ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ มีแต่สร้างปัญหาเพิ่ม!

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 215 นกยูงนี่ไม่ใช่นกดีอะไร

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 215 นกยูงนี่ไม่ใช่นกดีอะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 215 นกยูงนี่ไม่ใช่นกดีอะไร!

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สารชั่วทำเช่นนี้กับข้า!

จินอวี่สวมชุดเกราะเก่าที่เก็บมาได้จากในสนามรบบรรพกาล ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอับอาย

เขาเป็นถึงโอรสสวรรค์เผ่าอินทรีสวรรค์ดินแดนทักษิณผู้ยิ่งใหญ่ เป็นปักษาเหนือปักษามาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไปที่ใดมีใครไม่ต้อนรับด้วยความเคารพบ้าง

ปรากฏว่าครั้งนี้เดินทางไกลจากดินแดนทักษิณมาโจมตีดินแดนบูรพา เดิมทีคิดจะล้างความอัปยศให้เผ่าอินทรี แต่กลับโดนเสิ่นเทียนปล้นไปจนหมดตัว

และที่สำคัญกว่านั้นคือทุกอย่างอยู่ในสายตาข่งเมิ่ง

นี่ทำให้ความโอหังในใจจินอวี่รับไม่ได้เลย รู้สึกเป็นบ้าไปแล้ว

‘บัดซบ เสิ่นเทียนเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!’

จินอวี่กัดฟันด้วยความโมโห ทั่วร่างแผ่เปลวไฟสีทองออกมา ‘ต้องมีสักวันที่ข้าจะเหยียบเจ้าอยู่ใต้เท้า!’

ช่วงที่จินอวี่เกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ เขาพลันหน้าเปลี่ยนสีไป มองไปอีกทางของหุบเขามารโลหิตด้วยสีหน้าจริงจัง

เขารู้สึกไม่ดีบางอย่าง!

ความหวาดกลัวรุนแรงทะลักขึ้นมาในใจ

เขารู้สึกได้ว่าเหมือนมีบางสิ่งที่ชั่วร้ายกำลังซ่อนอยู่ในหุบเขามารโลหิต

จินอวี่เปล่งแสงสีทองยิ่งกว่าเดิม เตรียมพร้อมรับมือกับข้าศึก แต่สภาพเขาตอนนี้ไม่ดีเลย!

ทันใดนั้นจินอวี่ก็หมุนตัวหนีไป

เขาพลันกระพือสองปีกบินกลับไปวงในของหุบเขามารโลหิต เพราะจินอวี่เห็นมารโลหิตสูงสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้า

มารโลหิตตัวนี้มีขนาดและกลิ่นอายพลังไม่ด้อยไปกว่ามารโลหิตตัวนั้นที่พวกจินอวี่ห้าคนสังหารไปเลย หรือก็คือเจ้านี่มีกำลังรบเทียบเท่าระดับดวงจิตดรุณ!

ต้องรู้ว่าตอนนี้อยู่ในสนามรบบรรพกาล ระดับพลังของสิ่งมีชีวิตข้างนอกทั้งหมดจะถูกจำกัดไว้ต่ำกว่าแก่นพลังทอง ต่อให้เป็นจินอวี่ในสภาพสมบูรณ์ก็ไม่มีทางปราบมารโลหิตนี่ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่อาจจะโดนมันสูบกินเหือดแห้งด้วยซ้ำ

มิหนำซ้ำ จินอวี่ในตอนนี้พลังปราณเดิมบาดเจ็บสาหัส ถ้าปะทะกับมารโลหิตนี่จริงๆ เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่โอกาสหนี

จินอวี่ร้องแย่แล้วในใจ เป็นนกจะซวย ดื่มน้ำเย็นยังติดซอกฟันเลยจริงๆ

การฝึกฝนบนสนามรบบรรพกาลทุกครั้งในอดีตไม่มีกระทั่งวิญญาณมรณะดวงจิตดรุณสักตัว เหตุใดครั้งนี้ถึงโผล่มาติดๆ กันเช่นนี้

ตอนนี้ได้แต่กลับไปรอบในของสนามรบบรรพกาลก่อน จากนั้นค่อยหาทางอื่นหนีไป

จินอวี่กระพือปีกเต็มที่ มุ่งหน้ากลับไปทางหุบเขาอย่างสุดกำลัง ทว่าตอนที่เขาจะบินออกจากหุบเขามารโลหิตหนีพ้นจากอันตรายนั้น ก็ปรากฏมารโลหิตตัวที่สองขึ้นตรงหน้า

มีความสูงสิบกว่าจั้งเช่นกัน แผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งเช่นกัน มันขวางหน้าจินอวี่ไว้เช่นนี้ ก่อนจะตบฝ่ามือเข้ามา

ทันทีที่มันตบฝ่ามือ จินอวี่รู้สึกว่ากระแสลมรอบตัวเขาถูกพลังงานไร้รูปดึงไว้ ยากจะหลบได้อย่างคล่องแคล่ว

ข้างหน้ามีมารโลหิต ข้างหลังก็มีมารโลหิต สองข้างเป็นผาที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ นี่คือสถานการณ์เลวร้ายที่มากพอจะทำให้เจ้านกสิ้นหวัง!

นัยน์ตาเขาเผยความเฉียบคม ใช้ปีกเป็นดาบฟันใส่ฝ่ามือมารโลหิตนั้นทันที

“เก้าตัดสังหารปักษาสวรรค์ ตัดที่หนึ่ง…ตัดภูผานที!”

แสงสีทองสว่างจ้าเหมือนกับดวงตะวันสีทองชนเข้ากับโลหิตหนืดนั้น ต่อมา…ก็ถูกจมหายไป

“อ๊าก!”

จินอวี่ส่งเสียงร้อง โดนฝ่ามือตบกลิ้งไปกับพื้น ชักกระตุกอยู่กับที่ไม่หยุด ปากพ่นฟองสีขาวออกมา

มารโลหิตตัวข้างหลังตามมาเช่นกัน ก่อนยื่นสองมือมาหิ้วสองปีกของจินอวี่ขึ้นมาเหมือนกับหิ้วลูกนก

“ปล่อยข้า ปล่อยข้า! สารเลว จะฆ่าก็ฆ่า อย่าแตะรักแร้ข้า! มันจั๊กจี้จะตายอยู่แล้ว! จั๊กจี้มาก เอามือสกปรกเหนียวหนืดของเจ้าออกไป!

นี่ข้าก่อกรรมอะไรไว้ ถึงต้องมาตายในมือมารโลหิตวิญญาณร้ายสกปรกเช่นนี้!”

ชั่วขณะที่จินอวี่กำลังดิ้นไปมาในมือมารโลหิตไม่หยุดนั้น เด็กหนุ่มชุดคลุมดำก็เดินออกมาจากเงามืดช้าๆ

เขามองจินอวี่เชิงหยอกล้อ “โอรสสวรรค์ของเผ่าพญาอินทรีปีกทอง มีสายเลือดพญาอินทรีปีกทองที่แทบจะบริสุทธิ์ทั้งหมด หาได้ยากจริงๆ

เจ้าเป็นเครื่องเซ่นที่ดีที่สุด รวมกับโอรสสวรรค์มากมายเป็นหินฐานรากให้ข้าไปสู่จุดสูงสุดและได้รับเกียรติยศ! เจ้าลูกนก เจ้ารู้ตัวแล้วสิ!”

เมื่อเอ่ยจบ เฮยหยวนก็ประสานมุทรา

ผิวกายมารโลหิตเกิดคลื่นกระเพื่อมโลหิตขึ้น จากนั้นยัดจินอวี่เข้าไปในท้องน้อยของมัน

กลิ่นคาวเลือดรุนแรงโชยเข้ามา ทำให้จินอวี่อยากจะอาเจียนหลายครั้ง “เจ้าชั่ว จะฆ่าก็ฆ่าเลย ไฉนต้องหยามเกียรติข้า!

เหม็นมาก! อย่า อย่ายัดเข้าไป เจ้าฆ่าข้าเลยเถอะ! ทำให้มันจบๆ ไป! หายใจไม่ออกแล้ว คาวมากเหม็นมาก อยากจะอ้วก อ้วก~ อ้วกๆ~ อ้วกๆๆ~”

สุดท้ายจินอวี่ก็ยังถูกขังอยู่ในตัวมารโลหิตเหมือนกับพวกศิษย์น้องพวกนั้น

ทางด้านเฮยหยวนหลังจากจับจินอวี่แล้วก็เข้าไปในเงามืดอีกครั้ง ซุ่มในหุบเขามารโลหิตรอคอยโอกาสมาถึง

เขากำลังรอการเซ่นไหว้ครั้งใหญ่ มนุษย์และเผ่าปีศาจพวกนี้เป็นของเซ่นไหว้ และบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือเครื่องเซ่นที่เขาอยากได้มากที่สุด!

“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน รีบมาเถอะ ข้าคิดถึงเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”

………..

ตัดภาพไปอีกที่ ตอนนี้เสิ่นเทียนกับข่งเมิ่งเพิ่งออกจากมิติแสงเทพ

ผนังที่ตอนแรกมีแต่ภาพนกยูงห้าสีค่อยๆ เกิดรอยร้าวและถล่มลง

ข่งเมิ่งมองผนังที่ถล่มลงนั้นพลางแสดงความเคารพ นัยน์ตาขยับประกายแสงสว่างห้าสี

ตอนนี้นางแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อีก เพราะได้รับต้นกำเนิดแสงเทพของนกยูงสายเลือดบริสุทธิ์ระดับผู้อริยะ นี่มีประโยชน์กับนางอย่างที่ไม่มีอะไรมาเปรียบได้

ขอแค่ข่งเมิ่งดูดซับต้นกำเนิดแสงเทพวกนี้ทั้งหมด ก็จะไม่มีคอขวดในก่อนบรรลุผู้อริยะอีก!

อีกทั้ง นางเหมือนจะได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์พัดแสงเทพห้าสีด้วย

นั่นคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงผู้อริยะที่ฝ่าด่านเคราะห์ภัยสวรรค์สามครั้งขึ้นไปเท่านั้นถึงจะพอหลอมสร้างมันขึ้นมาได้ ต่อให้เป็นผู้อริยะ การจะหลอมสร้างสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ง่ายๆ จะต้องตั้งใจบ่มเพาะหลายปีถึงจะสำเร็จออกมาได้

แม้แต่ในผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพ คนที่มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ล้วนเป็นบุคคลหายาก แทบจะไร้พ่ายในระดับเดียวกัน

เดิมทีข่งเมิ่งเป็นอันดับหนึ่งในรายนามแก่นพลังทองของดินแดนทักษิณอยู่แล้ว ตอนนี้ได้พัดแสงเทพห้าสีมาอีก จึงเหมือนกับเสือติดปีก

ดูท่าแม้แต่ในแก่นพลังทองทั้งหมดของห้าดินแดน ข่งเมิ่งในตอนนี้ก็สามารถบุกลุยฝ่าไปได้แล้ว!

ส่วนสิ่งที่เสิ่นเทียนได้รับ มองจากระดับบางอย่างแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าข่งเมิ่งเลย ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินอันดับแปดในรายนามทองคำเซียน ซึ่งเรียกได้ว่าล้ำค่าที่สุดในตัวเสิ่นเทียนตอนนี้แล้ว

ตอนแรกในกลีบปอดเขามีกระบี่ฟ้าสังหารอยู่ก็จริง แต่ความแข็งแกร่งหลักๆ ของกระบี่ฟ้าสังหารคือผู้สร้างหลอมให้มันแข็งแกร่งทนทาน แต่ตัวกระบี่เป็นเพียงทองคำเตรียมเซียนเท่านั้น เทียบกับทองคำเซียนปีกปักษาไม่ได้

ตอนนี้เสิ่นเทียนหยดโลหิตเป็นนายทองคำเซียนปีกปักษาแล้ว ทองคำเซียนจึงถูกดูดเข้าไปในกายเสิ่นเทียน เข้าไปในกลีบปอดอีกข้าง

ทองคำเซียนปีกปักษาอยู่ทางซ้าย กระบี่ฟ้าสังหารอยู่ทางขวา ขณะเดียวกันยังแผ่กลิ่นอายธาตุทองลำดับเจ็ด ขัดเกลากลีบปอดของเสิ่นเทียน

ตอนนี้เสิ่นเทียนไม่กล้าหายใจแรงแล้ว กลัวว่าไอกระบี่จะตัดศีรษะของสหายเสียเรียบเตียน

….

ตอนนี้เอง ป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ในอกเสื้อของเสิ่นเทียนสั่นไหวเบาๆ

เขาหยิบป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก่อนจะอึ้งไป “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋เรียกข้า เหมือนจะเร่งด่วนมากด้วย”

ป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏแสงสีแดงแปดสาย นี่หมายความว่าฉินอวิ๋นตี๋ติดต่อหาเสิ่นเทียนผ่านป้ายคำสั่งในมือตนแปดครั้งแล้ว

เกิดเรื่องด่วนอะไรขึ้น พวกเขาถึงต้องเร่งรีบเช่นนี้

เสิ่นเทียนใช้วิชากับป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างฉินอวิ๋นตี๋ลอยขึ้นจากป้ายคำสั่ง

เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็ติดต่อได้แล้ว ฉินอวิ๋นตี๋ก็ดูโล่งอกไปอย่างเห็นได้ชัด “ศิษย์พี่ เหตุใดท่านไม่รับข้อความกัน พวกเราเป็นห่วงกันมากเลย”

เสี่ยวหลิงเซียนกับไข่มังกรดำข้างฉินอวิ๋นตี๋เห็นข่งเมิ่งหน้าตาสดใสข้างเสิ่นเทียนแล้ว ตอนนี้สีหน้ากับสีไข่แปลกมาก ออกเป็นสีดำนิดๆ

เจ้าข่งเมิ่งไปทำอะไรกับเสิ่นเทียนกันแน่

สองคนแอบทำอะไรลับๆ กัน ติดต่อไปก็ไม่รับ ตอนนี้ยังดูมีความสุขเช่นนี้อีก!

บัดซบจริงๆ!

นางนกยูงห้าสีนี้ไม่ใช่นกดีอะไรเลยจริงๆ!

เสิ่นเทียนเอ่ยด้วยความจำใจ “เมื่อครู่ข้ากับท่านหญิงเซียนข่งเมิ่งไปเจอกับดินแดนลับมา มันสร้างมิติขึ้นเองเลยอาจจะปิดกั้นสัญญาณพลังจิต”

เจอดินแดนลับหรือ ทั้งยังสร้างมิติขึ้นเองอีก

พอได้ฟังคำพูดของเสิ่นเทียนแล้ว ทุกคนอดปลงอนิจจังมิได้

ท่านออกไปกับข่งเมิ่งนานเท่าไรเอง!

แค่ชั่วครู่สั้นๆ ก็เจอมหาโชคลิขิตอีกแล้วหรือ

ข่าวลือในแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นความจริง บุตรศักดิ์สิทธิ์คือบุตรแห่งสวรรค์จริงๆ!

เหนือธรรมดาอย่างยิ่ง!

ไม่รู้ว่าครั้งนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์กับท่านหญิงเซียนข่งเมิ่งเจอโชคลิขิตอะไร เราเองก็ไม่ค่อยกล้าถาม

เมื่อเห็นใบหน้าแปลกๆ ของทุกคนแล้ว เสิ่นเทียนก็เอ่ยอย่างจนปัญญา “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงได้ร้อนใจเช่นนี้”

ฉินอวิ๋นตี๋ถึงตั้งสติกลับมาได้ก็รีบพูด “ศิษย์พี่ ศิษย์ฝ่ายเราเจออันตรายในหุบเขามารโลหิต จึงขอความช่วยเหลือจากเรา”

ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ศิษย์ทุกคนจะมีป้ายคำสั่งเป็นสัญลักษณ์ฐานะ รวมถึงหมายเลขของศิษย์ที่สอดคล้องกัน

หากส่งพลังฤทธิ์เข้าไปจะติดต่อศิษย์คนอื่นได้ สามารถส่งพลังจิตสื่อสารในระยะสั้นๆ กับศิษย์คนอื่นได้ แน่นอนว่ายิ่งป้ายคำสั่งของศิษย์มีระดับสูงมากเท่าไร ระยะทางการสื่อสารก็จะไกลมากเท่านั้น

พวกจางซานไม่มีหมายเลขของเสิ่นเทียน ก่อนหน้านี้ตอนเจออันตรายเลยได้แต่ติดต่อไปหาฉินอวิ๋นตี๋ที่ค่อนข้างคุ้นเคยกว่า

หลังจากฉินอวิ๋นตี๋ได้ข่าวก็ติดต่อหาเสิ่นเทียนทันที เพียงแต่ถูกมิติห้าสีปิดกั้น จนเสิ่นเทียนออกจากโลกเล็กถึงติดต่อได้

ฉินอวิ๋นตี๋จึงเล่าเรื่องในหุบเขามารโลหิตให้ฟังคร่าวๆ ทันที รายงานเสิ่นเทียนทุกอย่าง

“ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ เท่าที่อวิ๋นตี๋รู้มา ปกติมารโลหิตกินอาหารจะมีกฎเกณฑ์ตายตัว พวกมันจะตุนอาหารโลหิตไว้ ไม่ฆ่าหมดในครั้งเดียว ดังนั้นถ้าเราไปช่วยทัน บางทีอาจจะช่วยพวกศิษย์น้องกลับมาได้”

ฉินอวิ๋นตี๋รายงานสถานการณ์กับเสิ่นเทียนไปพลาง เตรียมกระสุนปืนหยินหยางพิฆาตอสูรของตนไปพลาง

เส้นผมสีทองส่องประกายระยิบระยับภายใต้แสงตะวัน ใบหน้าตาตี่เต็มไปด้วยความแน่วแน่

ถึงอย่างไรศิษย์พวกนั้นก็เป็นศิษย์น้องที่ฉินอวิ๋นตี๋สนิทสนมมาก!

ตอนนี้เองข่งเมิ่งเอ่ยช้าๆ “หุบเขามารโลหิตหรือ มารโลหิตโผล่มาอีกแล้วรึ”

คำพูดของนางทำให้เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าถึงบอกว่า ‘อีกแล้ว’ ล่ะ หรือจะมีลับลมคมในอะไร”

ข่งเมิ่งพยักหน้า “ตอนที่ข้ากับไป๋หลิงและพวกเฮ่ออู๋ซวงผ่านหุบเขามารโลหิตก็เจอมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณตัวหนึ่ง แค่พวกเราห้าคนร่วมมือกัน มารโลหิตนั่นก็ตายแล้ว เหตุใดถึงมีมาอีกตัวกัน”

อีกด้านของป้ายคำสั่ง ไป๋หลิง เฮ่ออู๋ซวงและทูจิ้วพยักหน้าเช่นกัน สื่อว่าข่งเมิ่งไม่ได้โกหก

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “จากครั้งที่ผ่านๆ มา หุบเขามารโลหิตจะไม่ปรากฏสัตว์ประหลาดวิญญาณร้ายระดับดวงจิตดรุณ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่มี แต่ยังไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย ที่สำคัญกว่านั้นคือเพิ่งฆ่าไปตัวหนึ่งก็โผล่มาอีกตัว! เรื่องผิดปกติต้องมีคนบงการอย่างแน่นอน หุบเขามารโลหิตนี่อาจจะมีอะไรแปลกๆ!”

ตอนนี้เสิ่นเทียนขมวดคิ้วมุ่น ดูระมัดระวังมาก

ขอแค่มีตัวเอกมหาดวงชะตามาร่วมด้วย ต่อให้เป็นการฝึกฝนเล็กกว่านี้ก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน!

ตอนนี้บนสนามรบบรรพกาล ข่งเมิ่ง จ้าวเฮ่า ฉินอวิ๋นตี๋ เซียวหลิงและพวกฉินเกาเป็นผู้มีมหาดวงชะตาและมากองรวมกันหมดแล้ว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นก็ไม่แปลก!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดอย่างจริงจัง “ฉินอวิ๋นตี๋ ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือไม่”

ทันทีที่รู้สึกถึงแววตาเชื่อใจจากเสิ่นเทียน ฉินอวิ๋นตี๋พลันรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว ดวงตาตี่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “ศิษย์พี่กำชับมาได้เลย!”

เสิ่นเทียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “หุบเขามารโลหิตปรากฏมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณแล้ว ให้แจ้งศิษย์ฝ่ายเราให้ออกห่างจากหุบเขามารโลหิตทันที”

ฉินอวิ๋นตี๋พยักหน้า “ศิษย์พี่วางใจเถอะ อวิ๋นตี๋เตือนศิษย์น้องทุกคนไปตั้งแต่แรกแล้ว”

ซี้ด!

เร็วเช่นนี้เลยรึ

ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เจ้าไวเช่นนี้ มารดาเจ้ารู้หรือไม่

อะแห่มๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรไร้สาระ ถึงอย่างไรชีวิตคนก็สำคัญ

จะต้องคิดแผนการช่วยเหลือที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด!

เสิ่นเทียนใช้ความคิดอย่างหนักจนในที่สุด…ก็พบว่าตนไม่เหมาะจะเป็นผู้นำแบบฉลาดหลักแหลมที่วางแผนในกระโจมกองทัพเลย

ปวดหัว ช่างเถอะ ลุยเลยดีกว่า!

พอคิดได้ดังนั้นเสิ่นเทียนก็พูดขึ้น “ในที่นี้มีแค่ข้าที่รับมือกับมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณขึ้นไปได้ ข้าจะไปหุบเขามารโลหิตคนเดียว หากช่วยพวกศิษย์น้องได้แล้ว ข้าจะรีบติดต่อให้พวกเจ้ามารวมกันให้เร็วที่สุด หากไม่มีการติดต่อมาในหนึ่งวัน…

ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ หากไม่มีการติดต่อจากข้าให้แจ้งศิษย์ทุกคนให้เคลื่อนย้ายออกจากสนามรบทันที! ไม่ใช่แค่ศิษย์ฝ่ายเรา รวมถึงศิษย์สำนักอื่นๆ ก็ต้องเตือนด้วย!

เมื่อออกจากสนามรบแล้วให้รายงานพวกอาจารย์อาบัวขาว ให้พวกเขาตัดสินใจ”

เสิ่นเทียนเพิ่งพูดจบ ซ่งฟู้กุ้ยกับหลิวไท่อี่กระบอกตาร้อนร้องไห้พูดไม่เป็นคำแล้ว “ท่านปรมาจารย์สวรรค์ ท่านจะเสี่ยงอันตรายไม่ได้นะ!”

“ท่านปรมาจารย์สวรรค์ ในเมื่อหุบเขามารโลหิตอาจจะมีตัวแปรกับอันตราย พวกเราก็ยิ่งให้ท่านไปเสี่ยงคนเดียวไม่ได้!”

“ข้าหลิวไท่อี่ไม่ใช่คนขี้ขลาดกลัวตาย ยินดีร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ เสริมอำนาจให้ท่านปรมาจารย์สวรรค์!”

สยงเหมิ่งด้านข้างเกาศีรษะก่อนจะพูดทันที “ข้าด้วย ข้าก็เช่นกัน!”

เมื่อเห็นซ่งฟู้กุ้ยกับหลิวไท่อี่แข็งกร้าวเช่นนี้ คนอื่นๆ ย่อมไม่มีถอยไปด้วยความกลัว

ถึงอย่างไรถ้ากลัวตอนนี้ ภายภาคหน้าไปอยู่ข้างกายเสิ่นเทียนจะไม่กระดากอายหรือ

“สหายเสิ่น แซ่จ้าวยินดีร่วมรบกับเจ้า ถึงตายก็ไม่เสียใจ!”

ทั่วร่างจ้าวเฮ่าปกคลุมด้วยอัคคีอรุณใต้รุนแรง รวมเป็นร่างกระบี่รางๆ แผ่ไอกระบี่ทรงพลังออกมาทั่วตัว

นั่นคือผลลัพธ์จากผลใจกระบี่ หลังจากหลอมรวมต้นใจกระบี่บรรลุกายเทพกระบี่ฟ้าแล้ว เสิ่นเทียนก็พบว่าผลใจกระบี่แทบไม่มีประโยชน์กับตน

ดังนั้นเขาจึงแบ่งผลใจกระบี่ให้จ้าวเฮ่า กุ้ยกงกง เสี่ยวหลิงเซียนและเสิ่นเอ้า ให้พวกเขาหลอมรวม

ตอนนี้ทุกคนย่อยผลใจกระบี่กับว่านโลหิตมังกรไปพอประมาณแล้ว ศักยภาพของทุกคนจึงเกิดการผลัดเปลี่ยนและพัฒนาขึ้น อย่างน้อยในผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐาน ทุกคนก็ถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์แล้ว รวมถึง…เสิ่นเอ้า

ต้องบอกว่าอยู่กับน้องสิบสามดีจริงๆ ไม่ต้องลำบากก็แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว!

ไม่เหมือนลำบากฝึกฝนกับเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ในแดนเทวาดาวประกายพรึก ทั้งลำบากทั้งไม่มีประโยชน์

เสิ่นเอ้ามองเสิ่นเทียนด้วยสีหน้าซับซ้อน “น้องสิบสาม ถ้าจะให้พี่มองเจ้าไปตาย พี่ทำไม่ได้!”

เสิ่นเทียน “…”

แม้จะเป็นคำพูดซาบซึ้งใจ แต่เหตุใดถึงรู้สึกว่ากำลังสาปแช่งข้าอยู่ล่ะ!

กุ้ยกงกงยิ้มเหมือนไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ แล้ว “บ่าวเคยสาบานว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายองค์ชายเด็ดขาด เว้นแต่จะข้ามศพของบ่าวไปก่อน”

ฉินเกามองเสิ่นเทียนอย่างลึกซึ้ง “องค์ชายเป็นคนช่วยชีวิตบ่าวไว้ ถึงต้องตายก็หวังว่าจะได้ตายเพื่อปกป้ององค์ชาย!”

……

เมื่อได้ฟังคำพูดมีพลังและอำนาจโน้มน้าวของทุกคนกับเห็นสีหน้ากล้าหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว

ภายในใจเสิ่นเทียนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ…และหมดคำจะพูด

ไฉนต้องทำเช่นนี้!

เหตุใดพวกเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย!

ข้าแค่จะไปสู้กับมารโลหิตดวงจิตดรุณตัวเดียว

เหตุใดถึงรู้สึกว่าในสายตาพวกเจ้า ข้ากำลังไปมอบหัวให้ศัตรูล่ะ

ระดับสร้างฐานสู้ดวงจิตดรุณไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อยหรือ พวกเจ้าอย่าปลุกปั่นกันตามใจได้หรือไม่

มุกเก่าเช่นนี้ยังเอาออกมาหลอกกัน นี่มันจะเกินไปแล้ว!

และที่สำคัญกว่านั้นคือถ้าข้าเจอศัตรูที่รับมือไม่ได้จริงๆ ก็แค่เปลี่ยนเกราะทั้งตัวแล้วหนีไปก็จบแล้วไม่ใช่หรือ

พวกเจ้าตามมากัน หากเจออันตรายอะไรจริงๆ จะให้ข้าช่วยอย่างไร มันช่วยไม่ได้หรอกนะ!

เสิ่นเทียนถอนหายใจด้วยความจนปัญญา คิดอยู่ว่าจะพูดกับเจ้าพวกนี้อย่างไรถึงไม่ทำลายเกียรติ

ข้าไม่ได้เกรงใจจริงๆ แต่พวกเจ้านี่มัน…ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ มีแต่สร้างปัญหาเพิ่ม!

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+