บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 390 ฝึกระดับกายทองใหม่ กายเบิกฟ้าสวรรค์ประทาน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 390 ฝึกระดับกายทองใหม่ กายเบิกฟ้าสวรรค์ประทาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 390 ฝึกระดับกายทองใหม่ กายเบิกฟ้าสวรรค์ประทาน

ในเตาหลอมเทพสุริยะ แสงทองสว่างจ้า เปลวไฟร้อนแรง

อุณหภูมิน่าสะพรึงมาพร้อมกับคลื่นความร้อน เผาห้วงอากาศภายในจนบิดเบี้ยวไปหมด

ร่างเงาหนึ่งยืนตระหง่านกลางของเหลวสีทองไร้ที่สิ้นสุด ยังคงแน่นิ่ง

ร่างเงานี้ก็คือเสิ่นเทียน

ของเหลวกำเนิดสุริยะรอบตัวหลั่งไหลไปไม่หยุด กฎเกณฑ์ตัดสลับกัน รวมเป็นอีกาทองเล็กบริสุทธิ์ที่รวมขึ้นจากพลังงาน พุ่งกระแทกใส่ทวารรอบตัวเขา

เวลานี้ เสิ่นเทียนถูกของเหลวสุริยะปกคลุมทั้งตัว ประกายไฟล้นฟ้า

“ผู้เฒ่าเยี่ย สถานการณ์เหมือนจะแปลกๆ เลย!

เหตุใดฤทธิ์ยาถึงโหดเช่นนี้ ขึ้นสมองเลย นกน้อยโมโหจะลุกขึ้นมาแล้ว

ร้อน ร้อนมาก ร้อนมากเลย!”

เสิ่นเทียนตัวเป็นสีแดงฉานทั้งตัว ถูกของเหลวสุริยะกระแทกใส่ไม่หยุด ทำให้นอกผิวกายเขาเป็นไฟแท้ร้อนแรงลุกท่วม

ทุกการปะทะของอีกาทองพลังงานจะทำให้เสิ่นเทียนตัวสั่นอย่างรุนแรง เลือดลมเดือดพล่าน

เห็นได้ชัดมากว่าของเหลวกำเนิดสุริยะที่ตกตะกอนมาแปดหมื่นปีมีพลังงานบริสุทธิ์มากจริงๆ เคี่ยวกรำจนเสิ่นเทียนร้อนอบอ้าวอย่างยิ่ง

เสิ่นเทียนมองไฟแท้สุริยะที่ลุกแผดเผาไม่หยุดบนตัวพลางรู้สึกว่าสถานการณ์นี้แปลกไปนิด

นี่เจ้าคิดจะตุ๋นกระดูกข้าเป็นน้ำแกงรึ

…….

“เจ้าหนูวางใจเถอะ ของเหลวกำเนิดสุริยะนี่หล่อหลอมขึ้นจากแก่นสารสุริยะ ทั้งยังผ่านการตกตะกอนมาแปดหมื่นปี อานุภาพย่อมบ้าคลั่งกว่าไฟศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้บำเพ็ญระดับอริยะปกติก็อาจจะไม่มีวาสนาได้เสวยสุขด้วยซ้ำ

แต่เจ้าไม่เหมือนกัน คุณสมบัติกายบ้าคลั่งนี่ แม้แต่ไอเบิกฟ้ายังเอาเจ้าไม่ลง จะไปถูกตุ๋นง่ายๆ ได้อย่างไร อย่างมากก็กรอบนอกนุ่มใน กลิ่นหอมเนื้อโชยเข้าจมูกเท่านั้น”

เสียงของเยี่ยฉิงชางดังเอ้อระเหยขึ้นในความคิดเสิ่นเทียน

อะไรนะ

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย!

กรอบนอกนุ่มในรึ

กลิ่นหอมโชยเข้าจมูกรึ

นี่มันคำบรรยายเทพเซียนอะไรกัน เจ้ากำลังย่างนกรึ

อืม

กลิ่นหอมเนื้อย่างมากจากที่ใด

ไม่กระมัง! ไม่กระมัง! ข้าคงไม่ถูกต้มสุกหรอกกระมัง

เยี่ยฉิงชางเหมือนสังเกตเห็นความคิดของเสิ่นเทียน จึงปลอบโยน “ใจเย็นไว้ โคจรคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า หลอมรวมพลังแห่งของเหลวสุริยะเป็นของตนเอง”

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็นั่งขัดสมาธิลง กายเนื้อแน่นิ่ง ปล่อยให้ของเหลวกำเนิดไร้ที่สิ้นสุดพุ่งใส่ตัวเขา

ในกายเขา คัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าหมุนโคจร เริ่มเหนี่ยวนำพลังงานรอบตัว ไปรวมไว้ในกายเขา

ตอนนี้เหมือนกับไฟแห่งดวงดาราพลันลุกไหม้ขึ้นมา

“บึ้ม!”

เมื่อพลังแห่งของเหลวกำเนิดสุริยะหลั่งไหลเข้ามา ชุดผ้าแพรมังกรขาวบนตัวเสิ่นเทียนพลันกลายเป็นเถ้าถ่าน ส่วนเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรก็เก็บไปนานแล้ว

สิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินมากมายในตัวเสิ่นเทียนกำลังเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเมล็ดพันธุ์ไฟแท้สุริยะนั้น ตอนนี้กำลังดูดซับพลังงานของเหลวกำเนิดสุริยะ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แผ่อำนาจคุกคามน่ากลัวของอันดับสองในรายนามไฟศักดิ์สิทธิ์

แต่สิ่งที่กินของเหลวต้นกำเนิดสุริยะมากที่สุดไม่ใช่ไฟแท้สุริยะ แต่เป็นปราณเบิกฟ้าในกายเสิ่นเทียน

สิ่งนี้เหมือนกับกินยาแรงเข้าไป เปลี่ยนร่างเป็นเหมือนคนตะกละ เริ่มกินพลังงานของเหลวกำเนิดสุริยะอย่างบ้าคลั่งเพื่อเสริมความแกร่งให้ตัวเอง

ของเหลวกำเนิดสุริยะเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุด เป็นแก่นสารของฟ้าดินถูกไอเบิกฟ้าเปลี่ยนแปลงได้

หลังจากหลอมรวมของเหลวกำเนิดสุริยะพวกนี้แล้ว ปราณเบิกฟ้าในตัวเสิ่นเทียนก็ทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ แทรกซึมอวัยวะภายใน ไปทุกส่วนของร่างกาย

เสิ่นเทียนตัวสั่นเล็กน้อย เขากำลังรอโอกาสนี้อยู่เลย!

ประจวบเหมาะพอดีที่จะได้ยืมพลังงานนี้ ใช้ปราณเบิกฟ้าขัดเกลากายทองทั้งนอกและใน

ฝึกระดับกายทองใหม่อีกครั้ง สำเร็จกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบที่แท้จริง เสริมความแกร่งของรากฐานให้ถึงขีดสุด

เวลานี้ เกิดแสงสว่างขึ้นรอบตัวเสิ่นเทียน แสงเรืองรองวนเวียนไม่ขาดสาย ทวารรอบตัวส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ

เขากำลังทำลายกายทองที่ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์ของตัวเอง เตรียมจะฝึกระดับกายทองใหม่!

เมื่อคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าโคจร ไอเบิกฟ้าพวกนั้นก็พุ่งชนกายเสิ่นเทียนไม่หยุด หลอมรวมเข้าไปในเลือดเนื้อ กระดูกและเส้นเอ็นเนื้อเยื่อ

กระทั่งอวัยวะภายในของเสิ่นเทียนยังเปล่งแสงสีขาวเงินอ่อนๆ

ส่วนกลิ่นอายพลังรอบตัวเสิ่นเทียนก็ถูกชะล้างไปตามกายเนื้อเรื่อยๆ ผลัดเปลี่ยนไป แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แกร่งขึ้นเรื่อยๆ!

……

โลกข้างนอก

มหาจักรพรรดิอีกาทองเห็นเสิ่นเทียนเข้าไปในเตาหลอมเทพสุริยะแล้วก็ไม่สนใจอีก ในมุมมองเขา ด้วยพรสวรรค์ของเสิ่นเทียน การจะชะล้างด้วยของเหลวกำเนิดสุริยะน่าจะไม่ยาก เพียงแค่ต้องใช้เวลาเล็กน้อยเท่านั้น

จากนั้น มหาจักรพรรดิอีกาทองก็เบนสายตาไปมองบุตรอีกาทองทั้งเก้า

“กาลเวลาแปดหมื่นปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ในที่สุดพวกเจ้าก็ได้หลุดพ้นเสียที วันนี้ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปเกิดใหม่”

แม้มหาจักรพรรดิอีกาทองจะเป็นจักรพรรดิ แต่องค์ชายอีกาทองทั้งเก้าก็เป็นเลือดเนื้อของเขา มีสายเลือดเชื่อมถึงกัน

ตอนนี้องค์ชายอีกาทองเก้าท่านได้รับการโปรดสัตว์แล้ว คนเป็นบิดาจึงจะส่งพวกเขาเดินทางครั้งสุดท้าย กลับไปเกิดใหม่ นี่ถือว่าเป็นการหลุดพ้นอย่างแท้จริง

“เสด็จพ่อ! หากมีภพหน้า พวกข้ายินดีที่จะเป็นทายาทของท่านอีก”

อีกาทองทั้งเก้าได้ยินดังนั้นก็น้ำตาคลอเบ้า โศกเศร้าในใจอย่างยิ่ง

บิดาของพวกเขา มหาจักรพรรดิที่สุดแห่งยุค ไม่เคยยอมแพ้เลยตลอดแปดหมื่นปีเพื่อช่วยพวกเขา

ต่อให้สิ้นชีพในโลกเซียนก็ยังไม่ลืมส่งเสี้ยววิญญาณกลับมาโปรดสัตว์พวกมัน จะไม่ให้บุตรอีกาทองทั้งเก้าไม่ซาบซึ้งใจได้อย่างไร

“ไปอย่างหมดห่วงเถอะ!”

มหาจักรพรรดิอีกาทองถอนหายใจยาว ก่อนกดมือใหญ่ พลังยิ่งใหญ่ทะลักออกมา

เกิดแสงสว่างจ้ามาเยือน

ชั่วครู่เดียว ร่างเงาของอีกาทองทั้งเก้าสลายหายไป กลายเป็นแสงทองกระจายไปบนฟ้าดิน ตกเข้าไปอยู่ในวัฏจักร

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ เสี้ยววิญญาณของมหาจักรพรรดิอีกาทองก็กลายเป็นมายาขึ้นมา

ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิอีกาทอง การจะส่งอีกาทองทั้งเก้าไปเกิดใหม่ก็ต้องใช้พลังงานมหาศาล

แต่มหาจักรพรรดิอีกาทองไม่สนใจ ปมในใจเขาคลายออกแล้วในเวลานี้

…..

บึ้ม!

ตอนนี้เองเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

ประกายแสงพุ่งขึ้นจากเตาหลอมเทพสุริยะ ขึ้นไปนอกชั้นเมฆเก้าชั้น

ทุกคนเบนสายตาไปมองที่เตาหลอมเทพสุริยะ พวกเขารู้สึกว่าในนั้นเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจขึ้น

เป็นอย่างที่คิดไว้ ในเตาหลอมเทพสุริยะ

ไฟแท้สุริยะที่วนเวียนบนผิวกายเสิ่นเทียนมอดดับลงแล้ว แม้แต่ของเหลวกำเนิดสุริยะรอบตัวยังเหลือเพียงหร็อมแหร็ม

เมื่อพลังงานของเหลวกำเนิดสุริยะเสี้ยวสุดท้ายหลอมรวมเข้าไปในกายเสิ่นเทียน ตัวเขาพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง

ตอนนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกว่าในใจเหมือนมีก้อนเปลวเพลิงถูกจุดไฟขึ้น

อ๊าก~

อ๊ากๆ~

อ๊ากๆๆ~

ไม่ไหว จะระเบิดแล้ว!

บึ้ม!

เสียงปานฟ้าผ่าดังขึ้นในกายเสิ่นเทียน

กลิ่นอายพลังของกายเนื้อเขาเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ!

กายทองเบิกฟ้ารอบที่หนึ่ง!

กายทองเบิกฟ้ารอบที่สอง!

กายทองเบิกฟ้ารอบที่สาม!

…..

กายทองเบิกฟ้ารอบที่เก้า!

กลิ่นอายพลังน่ากลัวเพิ่มขึ้นอย่างตามอำเภอใจ จนกระทั่งกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบแล้วถึงหยุดลง

เก้ารอบ กายทองเบิกฟ้าสูงสุดสวรรค์ประทาน!

ตอนนี้เสิ่นเทียนพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเปล่งประกายแสงสีเงิน ดุร้ายและทรงอำนาจบารมี

พลังของเสิ่นเทียนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แสงตะวันเทพวนเวียนรอบกาย กายเนื้อเหมือนกับหยกวิญญาณแกะสลัก ใสแวววาว

ภายใต้การผลักดันด้วยของเหลวกำเนิดสุริยะจำนวนมาก ในที่สุดเสิ่นเทียนก็หลอมกายทองใหม่ได้อีกครั้ง สำเร็จกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบ

และไม่ใช่แค่นี้ ในตัวเสิ่นเทียนยังมีกลิ่นอายปกคลุมหนาทึบพุ่งออกจากร่าง วนเวียนรอบกาย ทำให้ทั้งตัวเขาดูมหัศจรรย์อย่างยิ่ง

อืม ดูมหัศจรรย์และหล่อเหลายิ่งกว่าเดิม เหนือธรรมดาไปแล้ว

“นี่คือ…ไอเบิกฟ้ารึ”

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่วนเวียนรอบกาย เสิ่นเทียนก็เพ่งสายตามองเล็กน้อย

นั่นคือไอเบิกฟ้าที่ทำให้ทุกสรรพสัตว์สูญสิ้น มันกลายเป็นโอนอ่อนอย่างยิ่ง ให้เขาควบคุมได้อย่างง่ายดาย

เสิ่นเทียนยกมือขึ้นเบาๆ วาดไปบนอากาศ ไอเบิกฟ้านั้นพลันจู่โจมออกไป กลายเป็นคมดาบแทงห้วงอากาศนี้

ชิ้ง!

เกิดเสียงดังสนั่น ทำให้คนหวาดกลัว

ตรงนี้คือมิติส่วนในของเตาหลอมเทพสุริยะ แต่มันกลับสั่นไหวด้วยการโจมตีของเสิ่นเทียน แม้แต่ห้วงอากาศยังถูกฉีก

การโจมตีนี้มีไอเบิกฟ้าวนเวียน เหมือนจะทำลายล้างท้องนภา!

เยี่ยฉิงชางปรากฏกายขึ้นข้างๆ เขามองเสิ่นเทียนที่มีไอเบิกฟ้าวนเวียนอยู่ด้วยแววตาปลงอนิจจัง

“คุณสมบัติกายเจ้าแปลกจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะสำเร็จกายกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทาน”

เยี่ยฉิงชางอดถอนหายใจมิได้ กายกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทานคือคุณสมบัติกายสูงสุดในตำนาน ยากจะพานพบได้ตั้งแต่โบราณกาล

หากเติบใหญ่ขึ้นมาจะต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุด สำเร็จผลพลังบำเพ็ญสูงสุด

ทว่าคุณสมบัติกายนี้แกร่งมาก ต่อให้อยู่ในโลกเซียนที่มีพลังวิญญาณมารวมกัน ในแดนโบราณก็ยังพบเพียงสองสามคน ต่อให้มี ส่วนใหญ่ก็มีแค่กายกำเนิดฟ้ามานะสร้างที่มีมลทิน

แต่ตอนนี้ เสิ่นเทียนกลับรวมเป็นกายกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทานที่สมบูรณ์แบบไม่มีมลทิน มากพอจะยืนยันความน่ากลัวของคุณสมบัติกายเขาได้

แน่นอน นี่ยังยืนยันความแกร่งของคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าด้วยเช่นกัน

ถึงอย่างไรวิชาที่ใช้ไอเบิกฟ้าเป็นสารอาหารได้ ต่อให้เป็นเยี่ยฉิงชางก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน

เซียนเหินฟ้าในแหวนทองสัมฤทธิ์ท่านนั้นเป็นใครกันแน่

หรือว่าจะเป็นการคงอยู่ระดับนั้นกัน

…….

“แม้แต่การคงอยู่ระดับนั้นยังหลงใหลในใบหน้าที่สุดแห่งยุคของเทียนเอ๋อร์รึ จิ๊ๆ สมกับเป็นหลานบุญธรรมของข้า! หากจักรพรรดินีท่านนั้นเป็นหลานสะใภ้ของข้า เช่นนั้นข้าจะไปได้ทุกแห่งหนในโลกเซียนเลยไม่ใช่รึ! เหอะๆ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!”

เยี่ยฉิงชางเหมือนกำลังฝันถึงความยิ่งใหญ่หลังจากนี้ เคราถึงกับลอยขึ้นแล้ว

อีกด้านหนึ่ง ไอเบิกฟ้ารอบตัวเสิ่นเทียนค่อยๆ เก็บเข้าไป ก่อนลงมาตรงหน้าเยี่ยฉิงชาง

เยี่ยฉิงชางถามด้วยรอยยิ้ม “พลังของกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบเป็นอย่างไรบ้าง”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความตื่นเต้น “แข็งแกร่งมาก พละกำลังเพิ่มเป็นเท่าตัว ดีดนิ้วทีเดียวก็สังหารผู้สูงศักดิ์สวรรค์ปกติได้! ผู้อริยะแบบนั้นที่ต่ำกว่าสามเคราะห์ภัย ขอแค่อย่ามาทีเดียวแปดคนสิบคน ถ้าข้าสู้เต็มกำลังก็น่าจะจัดการได้กระมัง!”

เสิ่นเทียนรู้สึกถึงพลังงานที่มาไม่ขาดสายจากในกายเนื้อ ไหลรวมดั่งน้ำหลาก พร้อมจะเทออกมาได้ตลอดเวลา

ถึงอย่างไร เสิ่นเทียนก็หลอมเป็นกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบ ต่อให้อยู่ในโลกเซียนก็ยังเป็นคุณสมบัติกายสูงสุด อีกทั้งเขายังใช้โอกาสนี้ทะลวงระดับนิพพานแล้ว รับมือกับผู้อริยะปกติได้แน่นอน

รอเดี๋ยว ทะลวงระดับนิพพานแล้วรึ

เสิ่นเทียนใจเต้นตึกๆ เหมือนจะนึกอะไรได้

เขารีบนำกระจกแสงทมิฬออกมา เริ่มพิจารณาใบหน้าหล่อเหลาของตนเอง

เอ่อ…เป็นวงรัศมีดวงชะตาเหนือใบหน้าหล่อเหลาต่างหาก!

เสิ่นเทียนพบว่าวงรัศมีดวงชะตาจากตอนแรกกลายเป็นสีทองเข้มเหนือศีรษะ ตอนนี้แสงสว่างลดลง จนมาถึงสีทองอ่อน

ระยำ!

การเพิ่มและลดลงของดวงชะตาครั้งนี้ เหตุใดถึงลดลงเกินกว่าครั้งก่อนๆ

หรือเป็นเพราะว่าคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าสุดยอดกว่าคัมภีร์คบเพลิงธรรมดากัน

อ้อ ไม่!

ดวงชะตาของข้า!

กว่าจะลำบากเก็บเกี่ยวพี่น้องกุ้ยช่ายมาได้มากขนาดนี้ กว่าจะมาถึงสีทองเข้มไม่ง่ายเลย

ปรากฏว่าเก็บเกี่ยวไปทีเดียวมากกว่าครึ่ง กลับทำให้อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา!

ตอนนี้เสิ่นเทียนยิ่งเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเหตุใดสองอัจฉริยะเทพสวรรค์ในอดีตอย่างผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตถึงตกต่ำมาเป็นคนดวงซวยเช่นนี้

แม้คัมภีร์คบเพลิงจะช่วงชิงโชควาสนาของฟ้าดิน แต่ก็ทำให้ดวงชะตาเป็นสีดำ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะยอมรับได้เลย

ยังดีที่เสิ่นเทียนเก็บเกี่ยวเหล่าพี่น้องกุยช่ายมาเสริมดวงชะตาของตนได้มากพอ

ไม่เช่นนั้น คราวนี้จู่ๆ ได้ตกกลับไปเป็นคนอินเดียแน่นอน

แน่นอนว่าดวงชะตาลดลงชั่วคราวไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ช้าก็เร็วจะเพิ่มกลับมา

สิ่งที่เสิ่นเทียนไม่วางใจที่สุดคือทุกครั้งที่ดวงชะตาเขาลดลง เหมือนจะเจอกับเรื่องซวย

ตอนนี้ดวงชะตาในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองลดลง นี่ทำให้เขาจิตใจไม่สงบจริงๆ

…..

“ผู้เฒ่าเยี่ย ตอนนี้องค์ชายอีกาทองได้รับการโปรดสัตว์แล้ว น่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วกระมัง!”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “วางใจเถอะ สายเลือดคบเพลิงเทพสงครามพวกเรามีชื่อเสียงในเรื่องดวงชะตาแข็งแกร่ง จะไปเกิดอะไรขึ้นง่ายๆ ได้อย่างไร”

“จริงรึ”

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตาแก่นี่กำลังหลอกตนอยู่

เหมือนว่าคนที่ฝึกคัมภีร์คบเพลิงจะไม่มีใครมีจุดจบที่ดีเลยกระมัง!

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน และยังมีตาแก่คนนี้อีก ถูกไล่ล่าจากโลกเซียนมาห้าดินแดน หอคอยเทพสงครามถูกทำลาย ดวงชะตาไปที่ใดแล้ว!

เมื่อเห็นแววตาลังเลของเสิ่นเทียน เยี่ยฉิงชางก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างพบเห็นได้ยาก แต่ไม่นานก็ปกปิดเอาไว้

เขาตบบ่าเสิ่นเทียน “เส้นทางบำเพ็ญเซียน เดิมทีคือการแสวงหาการพลิกฟ้าปรับแก้ชะตา ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องดวงชะตาเลื่อนลอยนั่น มิหนำซ้ำมีข้าอยู่นี่ จะภูตผีปีศาจมารอะไร ก็มาก่อเรื่องอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”

อืม ไม่ผิด

อย่างน้อยสำหรับห้าดินแดนโลกมนุษย์นี้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้

เยี่ยฉิงชางมั่นใจในจุดนี้มาก

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

เสิ่นเทียนยักไหล่ แอบตัดสินใจเงียบๆ ว่าจากนี้จะต้องหากุยช่ายที่น่ารักมาให้เยอะๆ

ก่อนที่ดวงชะตาจะกลับมาเป็นสีทองเข้ม จะต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน ฟาร์มไปอย่างมั่นคง

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็พุ่งทะยานออกจากเตาหลอมเทพสุริยะ

…..

โลกข้างนอก

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตและมหาจักรพรรดิอีกาทองกำลังชะเง้อหน้ารอคอย

พวกเขาสังเกตเห็นกลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากในเตาหลอมเทพสุริยะก่อนแล้ว แสดงว่าเสิ่นเทียนเป็นคนกระตุ้นออกมา แม้แต่มหาจักรพรรดิอีกาทองยังคาดไม่ถึงว่าเสิ่นเทียนจะบ้าถึงขนาดนี้ ถึงขั้นหลอมรวมของเหลวกำเนิดสุริยะในเตาหลอมเทพสุริยะทั้งหมดได้

สวรรค์!

ต้องรู้ว่าเดิมทีมหาจักรพรรดิอีกาทองคิดว่าเสิ่นเทียนหลอมรวมได้หนึ่งส่วนสิบก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว!

เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นของเหลวกำเนิดสุริยะที่เคี่ยวมาแปดหมื่นปี บริสุทธิ์ถึงที่สุด

ต่อให้เป็นผู้อริยะผลัดเปลี่ยนเป็นกายศักดิ์สิทธิ์ ก็ใช้ของเหลวกำเนิดได้ไม่ถึงครึ่งส่วน ก็มากพอจะถึงขีดจำกัดแล้ว

เสิ่นเทียนเป็นเพียงผู้บำเพ็ญระดับกายทองตัวเล็กๆ หลอมรวมของเหลวกำเนิดมากขนาดนี้ กายเนื้อเขาจะแข็งแกร่งถึงระดับน่าเหลือเชื่อเช่นนี้เชียวหรือ

ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิอีกาทองก็ไม่อาจจินตนาการได้!

ได้แต่บอกว่าความสูงส่งของพรสวรรค์บางคนก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้จริงๆ

ไม่นาน เมื่อแสงทองสว่างวาบขึ้น เสิ่นเทียนก็มาปรากฏตรงหน้าทุกคน

“ไม่เลว สหายน้อยมีพรสวรรค์น่าตกใจจริงๆ มะ…ไม่อยากเชื่อว่าจะดูดซับของเหลวกำเนิดพวกนี้ได้ทั้งหมด ชะล้างสร้างกายทองใหม่ได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าของสหายน้อยหล่อเหลายิ่งกว่าเดิมแล้ว เทียบกับใบหน้าของข้าในตอนนั้น ยังเหนือกว่าเล็กน้อย!”

มหาจักรพรรดิอีกาทองเอ่ยขึ้น ในน้ำเสียงมีความตื่นตกใจยากจะปกปิดได้

เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเสิ่นเทียน

แม้บอกว่าคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าตัดขาดทุกอย่าง ไม่มีใครส่องกลิ่นอายพลังของเสิ่นเทียนได้

แต่มองแค่ผิวพรรณภายนอกตัวเสิ่นเทียนก็ต่างไปจากแต่ก่อนชัดเจนแล้ว

กายเนื้อที่ถูกแสงตะวันเทพโอบล้อมนั้นใสแวววาวราวกับหยก

เสิ่นเทียนยืนอยู่กลางฟ้าดินอย่างโอหัง เหมือนกับเซียนที่ตกลงมาจากโลกเซียน เอกลักษณ์เหนือธรรมดา

เสิ่นเทียน “…”

มาจนถึงตอนนี้ ในใจนกแก่นี่ยังหลงตัวเองอยู่อีก

แต่กินของคนอื่นแล้วต้องพูดจาดีๆ กินของเหลวกำเนิดสุริยะของเขาไปไม่เหลือสักหยด ให้เขาพูดมากก็สมควร

“ขอบคุณผู้อาวุโสจักรพรรดิที่มอบของขวัญให้”

เสิ่นเทียนป้องมือขอบคุณจากใจจริง

หากไม่มีของเหลวกำเนิดสุริยะนี้ เขาคงไม่มีทางหลอมกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบ สำเร็จกายกำเนิดฟ้าสวรรค์ประทานได้เร็วเช่นนี้แน่

ถึงจะบอกว่าทำให้เสิ่นเทียนบรรลุระดับนิพพาน ดวงชะตาลดลง

แต่อาจารย์กับอาจารย์ลุงยังอยู่ และยังมีวิญญาณแท้มหาจักรพรรดิอีกาทองอยู่ด้วย น่าจะไม่มีอันตรายอะไรกระมัง

เสิ่นเทียนพลันพบว่ามหาจักรพรรดิอีกาทองที่เดิมทียิ่งใหญ่ ร่างเงากลับเป็นมายาขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนจะสลายไปได้ตลอดเวลา

“ผู้อาวุโสจักรพรรดิ ร่างกายของท่าน…”

เสิ่นเทียนอดใจเตือนมิได้ “ผู้เยาว์มีสามประกายวารีเทพอยู่ และยังมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน ไม่รู้ว่าจะช่วยผู้อาวุโสได้หรือไม่”

มหาจักรพรรดิอีกาทองยิ้ม “ไม่เป็นไร ชะตาชีวิตข้าสิ้นสุดลงแล้ว ก็ควรจะให้วิญญาณตกลงสู่ฟ้าดิน ความจริงแล้ว ทำศึกมาแปดหมื่นปี ข้าเหนื่อยแล้วจริงๆ ลืมทุกอย่าง กลับเข้าไปในวัฏจักรอีกครั้ง เดินบนเส้นทางเป็นตายอีกครั้ง บางทีภพหน้าอาจไปได้ไกลยิ่งกว่า ได้เห็นทิวทัศน์ที่สูงกว่า

หากมีวาสนา ภพหน้าข้ากับสหายน้อยอาจจะมีวันได้พบกันอีก”

……

ในน้ำเสียงของมหาจักรพรรดิอีกาทองมีความสบายเหมือนยกภูเขาออกจากอก

วิญญาณแท้ของเขายิงแสงสว่างไร้ที่สิ้นสุดออกมา ประตูใหญ่สีแดงอมทองปรากฏขึ้นมาตรงหน้าทุกคนช้าๆ

นั่นคือประตูแห่งวัฏจักร หลังก้าวข้ามประตูใหญ่ไป มหาจักรพรรดิอีกาทองจะชะล้างสิ่งปฏิกูลทั้งหมดและเข้าสู่วัฏจักร ไปเริ่มต้นภพใหม่

แม้นี่จะทำให้เขาเสียพลังบำเพ็ญและความทรงจำทั้งหมด แต่สำหรับคนระดับอย่างมหาจักรพรรดิอีกาทองแล้ว มองเรื่องความเป็นตายเฉยชาไปนานแล้ว ไม่ได้สนใจอะไรมาก

การได้เห็นทายาทเก้าคนของตนได้รับการโปรดสัตว์ก่อนเกิดใหม่ เขาก็ปลื้มใจมากแล้ว

ร่างยิ่งใหญ่เดินเข้าประตูใหญ่สีแดงอมทองไปทีละก้าว

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม ก่อนจะโค้งตัวให้จักรพรรดิที่ทำศึกสงครามมาแปดหมื่นปีท่านนี้ช้าๆ “ขอส่งท่านจักรพรรดิ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไม่ได้สอดแทรกมุกตลกอย่างพบเห็นได้ยาก เขาเก็บกระบองเทพทอง ก่อนโค้งตัว “ขอส่งท่านจักรพรรดิ”

เสิ่นเทียนกำลังจะคารวะส่งเช่นกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงเตือนของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิด “ไม่ใช่ แปลกๆ!”

บึ้ม!

ประตูใหญ่วัฏจักรสีแดงอมทองพลันพังทลายลง แสงสว่างสีแดงอมทองที่ปกคลุมทั่วร่างมหาจักรพรรดิอีกาทองพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง

กลิ่นอายพลังที่ทำให้คนว้าวุ่นจากก้นบึ้งหัวใจแผ่กระจายเข้ามา

อบอวลไปทั้งสุสานจักรพรรดิ!

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด