บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 452 ศิษย์น้องเสิ่นเทียน เหตุใดเจ้าถึงเร็วขนาดนี้!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 452 ศิษย์น้องเสิ่นเทียน เหตุใดเจ้าถึงเร็วขนาดนี้! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 452 ศิษย์น้องเสิ่นเทียน เหตุใดเจ้าถึงเร็วขนาดนี้!

คนพวกนี้เกรงใจไปแล้ว ไม่ว่าเสิ่นเทียนจะโน้มน้าวอย่างไรพวกเขาก็ยังยืนกรานจะใช้อาวุธอริยะแลก

เสิ่นเทียนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ให้พวกเขาแลก

เนื่องจากชาตระหนักรู้มีจำกัด คนที่อยากแลกมีมากขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าชาจึงสูงขึ้น กระทั่งต้องใช้อาวุธอริยะหลายชิ้นถึงจะแลกชาตระหนักรู้ได้ถ้วยหนึ่ง

คนที่แลกไปได้ก่อนมีสีหน้าตื่นเต้น คิดว่าจ่ายน้อยก็ได้ชาตระหนักรู้มา

คนข้างหลังต่างแย่งชิงกันจนตาแดง!

ถึงอย่างไรใครจะปฏิเสธชาเทพตระหนักรู้เช่นนี้ได้

ใครบ้างไม่อยากได้ผลประโยชน์มากมายหลังโลกสะพานเชื่อมฟ้าเปิด

การเอาอาวุธอริยะหลายชิ้นออกมาไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนพวกนี้มากนักเลย!

หลายคนในที่นี้ล้วนเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุดขดงแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ในกระเป๋าจะไม่มีเก็บไว้บ้างได้อย่างไร

นอกจากโอรสสวรรค์หนุ่มที่ขัดสนแล้ว ผู้แข็งแกร่งทุกทิศต่างแย่งกันรับชาตระหนัก

ส่วนตรงหน้าเสิ่นเทียนเป็นอาวุธอริยะกองมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับภูเขาเล็ก!

ใบหน้าเสิ่นเทียนเต็มไปด้วยความจนปัญญา ได้แต่ยอมรับ

…..

แบ่งงานแจกชาตระหนักรู้ให้พวกกุ้ยกงกงจัดการ ส่วนเสิ่นเทียนยกชาตระหนักรู้ถ้วยหนึ่งเดินไปข้างๆ

เขาไม่ลืมผูกมิตรกับบุตรแห่งโชค!

ร่างระหงยืนอย่างเงียบสงบเหมือนบัวครามเหนือสามัญดอกหนึ่ง ไม่ปนเปื้อนโลกียวิสัย

คนนี้คือเทพธิดาชิงเยวี่ย

นางรักสันโดษ ไม่ชอบความวุ่นวาย

เสิ่นเทียนยกชาตระหนักรู้เดินมาข้างนาง “ศิษย์พี่หญิงชิงเยวี่ย นี่ชาตระหนักรู้ของท่าน!”

เทพธิดาชิงเยวี่ยอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าแดง “ไม่ นี่ชาตระหนักรู้ของเจ้า”

ชาตระหนักรู้มีมูลค่าประจักษ์แจ้ง แม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังนำอาวุธอริยะมาถึงจะแลกได้ สุดท้ายเนื่องด้วยชาตระหนักรู้มีจำกัด คนมากมายไม่ได้แลก ต่างเสียใจกันอย่างยิ่ง

ตอนนี้เสิ่นเทียนมามอบชาให้ ทำให้เทพธิดาชิงเยวี่ยจิตใจสั่นกระเพื่อม

เหตุใดศิษย์น้องเสิ่นเทียนถึงมอบชาตระหนักรู้ให้ข้าก่อน!

หรือว่าเขาจะชอบข้า

เสิ่นเทียนยิ้ม “ศิษย์พี่หญิงชิงเยวี่ยไม่ต้องเกรงใจ นี่คือน้ำใจของแซ่เสิ่น!”

เสิ่นเทียนจ้องเทพธิดาชิงเยวี่ย ใบหน้าเผยรอยยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ

พูดให้ถูกคือเขากำลังจ้องวงรัศมีดวงชะตาเหนือศีรษะเทพธิดาชิงเยวี่ยมากกว่า ตรงนั้นกำลังมีภาพโชคลิขิตลอยอยู่

….

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนจ้องตน เทพธิดาชิงเยวี่ยก็หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

นางเงยหน้าขึ้นอย่างเขินอาย สบตากับเสิ่นเทียนพอดี

ใบหน้าหล่อเหลานั้น ดวงตาหยั่งลึกดั่งทะเลดาราแผ่เอกลักษณ์เหนือสามัญออกมา!

เสิ่นเทียนเหมือนกับเซียนบนฟ้าลงมาเยือน เหนือธรรมดาสะท้านโลกา เพียงชั่วพริบตา เทพธิดาชิงเยวี่ยก็เหม่อลอยไปนิด

แม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสิ่นเทียนถึงจ้องหน้าผากตน แต่เขาก็หล่อเหลาจริงๆ!

“ศิษย์พี่หญิงรับไว้เถอะ!”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางวางชาตระหนักรู้ลงในมือเทพธิดาชิงเยวี่ย

เทพธิดาชิงเยวี่ยตั้งสติกลับมาได้ จึงพูดเสียงเบาด้วยใบหน้าแดงเรื่อ “ขอบคุณศิษย์น้องมาก”

เรื่องราวมาจนถึงตอนนี้ เทพธิดาชิงเยวี่ยก็ปฏิเสธไม่ได้อีก

ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงเกิดคลื่นกระเพื่อมในใจนาง เกิดความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

……

ตอนนี้เองมีสายลมสดชื่นพัดเข้ามา

ต้นสะพานเชื่อมฟ้าแกว่งไกวเบาๆ กิ่งและใบส่งเสียงกระดิ่งเงิน!

เสียงนั้นนุ่มนวลมาก เหมือนสายลมสดชื่นพัดผ่านใจคน ทำให้คนจิตใจปรอดโปร่ง จากนั้นเสียงนี้พลันเปลี่ยนไป กลายเป็นคลื่นพลังยิ่งใหญ่ยากจะคาดเดา เหมือนกองทหารม้านับพันนับหมื่นพุ่งทะยาน

หมื่นกฎเกณฑ์ฟ้าดินพลันปรากฏขึ้น!

แสงเทพกฎเกณฑ์มากมายวนเวียนขึ้นสวรรค์เก้าชั้น กว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แผ่ไปทั้งต้นสะพานเชื่อมฟ้า ยิงแสงเทพสว่างจ้าออกมา

เสียงแห่งมหามรรคดังกึกก้อง เหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์ฟ้าดินสั่นสะเทือน เหมือนจะทำให้ฟ้าดินแห่งนี้กลายเป็นทะเลแห่งแดนมรรค

กฎเกณฑ์หนาทึบตกมาจากขอบฟ้า เหมือนธารน้ำทมิฬสวรรค์เก้าชั้นไหลลงมา ปกคลุมต้นสะพานเชื่อมฟ้าทั้งหมด

เจตจำนงแห่งมหามรรคยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กฎเกณฑ์มากมายวนเวียนไม่ขาดสาย เหนี่ยวนำเป็นภาพแห่งห้วงอากาศ!

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนต่างมีสีหน้าดีใจ

โลกสะพานเปิดแล้ว!

…..

ทุกคนมองไป ตรงกลางต้นสะพานกว้างหมื่นจั้งเกิดมิติบิดเบี้ยว

ถ้ำแสงขมุกขมัวสูงตระหง่านกลางฟ้าดิน แสงเทพหนาทึบวนเวียน แสงเรืองรองแผ่คลุม หมอกกระจายไปรอบๆ แสดงเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ออกมาทั้งหมด

เจตจำนงมรรคาแรงกล้าเหมือนกับคลื่นลูกใหญ่พุ่งออกมาจากถ้ำแสง เหมือนจะชะล้างฟ้าดิน

ทันใดนั้น พื้นที่นี่กลายเป็นแดนตระหนักรู้ที่เข้มข้นยิ่ง เหนี่ยวนำกฎเกณฑ์ฟ้าดินตกลงมา

โลกสะพานเชื่อมฟ้าที่เปิดทุกแปดพันปี ในที่สุดก็ปรากฏก่อนเวลาอันควร

เมื่อเห็นภาพนี้ คนมากมายมีสีหน้าดีใจเป็นบ้า!

พวกเขานั่งขัดสมาธิลงอย่างรวดเร็ว ตระหนักท่วงทำนองมหามรรคที่กระจายมาจากสะพานเชื่อมฟ้า ชิงการกู่ร้องพร้อมกับมหามรรคเพื่อเข้าโลกสะพานเป็นคนแรก

ไม่นานก็มีคนเปล่งแสงสว่างทั้งตัว พวกเขาแผ่เจตจำนงมรรคารุนแรงออกมาจากในกาย เหมือนจะหลอมรวมกับฟ้าดิน

คนพวกนี้ดื่มชาตระหนักรู้ ย่อมใกล้ชิดกับหมื่นกฎเกณฑ์ฟ้าดิน ความเร็วในการตระหนักรู้พุ่งพรวดขึ้น เจตจำนงมรรคารอบตัวพวกเขาเหมือนมหาสมุทร กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่ ไม่ต้องใช้เวลานานก็กู่ร้องพร้อมกับมหามรรคฟ้าดินได้

เวลานี้ ปรากฏภาพยิ่งใหญ่ขึ้นตรงหน้าสะพานเชื่อมฟ้า ผู้แข็งแกร่งมากมายล้วนกำลังตระหนักรู้

…..

หนึ่งชั่วยามต่อมา!

เจตจำนงมรรคาแรงกล้าพุ่งออกมา กฎเกณฑ์มากมายตกลง ล้อมรอบสือเทียนจื่อ

เดิมทีสือเทียนจื่อมีพรสวรรค์สุดยอด และยังดื่มชาตระหนักรู้อีก ไม่ถึงชั่วยามก็กู่ร้องพร้อมกับมหามรรคได้

เขายืนกลางฟ้าดินอย่างโอหังเหมือนเทพเจ้ามาเยือนโลกมนุษย์ กลิ่นอายพลังโอ่อ่ายิ่งใหญ่

ทุกคนเผยแววตาตื่นตกใจ “สมกับเป็นองค์ชายสือเทียนจื่อ มีพรสวรรค์เหนือกว่าคนอื่นไม่เป็นสองรองใคร!”

ทุกรุ่นที่ผ่านมา คนที่ตระหนักรู้ภายในหนึ่งชั่วยามและเข้าโลกสะพานไปได้แทบนับนิ้วได้เลย

ต่อให้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ก็ยังห่างไกลไม่ถึงขั้นนี้

สือเทียนจื่อลุกขึ้น แสงเทพกฎเกณฑ์วนเวียนรอบกาย

เขามองเสิ่นเทียนเรียบๆ “สหายเสิ่น แซ่สือจะรอเจ้าในนั้น!”

เมื่อเอ่ยจบ โลกสะพานก็เปล่งแสงเทพไม่มีสิ้นสุด มาพร้อมกับพลังเหนี่ยวนำดึงสือเทียนจื่อเข้าไป

เสิ่นเทียนยิ้มราบเรียบ พึมพำกับตัวเอง “วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า!”

เขาไม่รีบร้อนตระหนักรู้ แต่กำลังรออะไรบางอย่าง

….

เทพธิดาชิงเยวี่ยเองก็ดื่มชาตระหนักรู้ เริ่มตระหนักรู้

ทันใดนั้นนางเปล่งแสงเทพทั้งตัว ข้างหลังปรากฏจันทร์เงินหกดวงลอยขึ้น!

เทพธิดาชิงเยวี่ยมีกายศักดิ์สิทธิ์จันทรา เป็นผู้มีพรสวรรค์สูงสุดในสตรีศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก

เพิ่งฝ่าด่านเคราะห์ นางก็ฝึกกายศักดิ์สิทธิ์จันทราไปถึงจันทร์หกดวง อีกทั้งกายศักดิ์สิทธิ์จันทรายังใกล้ชิดกับฟ้าดิน เหมาะสมจะตระหนักรู้มหามรรคฟ้าดิน

เจตจำนงมรรคาในตัวเทพธิดาชิงเยวี่ยแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายพลังยังลี้ลับยากจะคาดเดา!

ไม่ได้ช้าไปกว่าสือเทียนจื่อเท่าไร จันทร์เงินรอบตัวเทพธิดาชิงเยวี่ยเปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ กู่ร้องพร้อมกับมหามรรคฟ้าดินเช่นกัน

นางเหมือนกับกลายเป็นเซียนนอกฟ้า ถูกโลกสะพานเหนี่ยวนำเข้าไป

เมื่อเห็นภาพนี้ ในที่สุดเสิ่นเทียนก็เคลื่อนไหว

เขาดื่มชาตระหนักรู้ถ้วยหนึ่งก่อนกระตุ้นกายมรรคสวรรค์ประทานเริ่มตระหนักรู้

ทันใดนั้นเสิ่นเทียนเปล่งแสงเทพขมุกขมัว กฎเกณฑ์มากมายเหมือนถูกเหนี่ยวนำ ไหลมารวมที่เขาทั้งหมด

กฎเกณฑ์มหามรรคที่มีลายลึกลับพลันอ่อนโยนขึ้น ตระหนักรู้ได้ง่ายดาย แสงสว่างจ้าขึ้น เจตจำนงมรรคากลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ไหลไปรวมในกายเสิ่นเทียน

ภายใต้การเสริมด้วยกายมรรคสวรรค์ประทานจึงตระหนักรู้ได้ง่ายมาก

ตอนนี้เขาเหมือนหลอมรวมกับฟ้าดินเป็นหนึ่ง คุมกฎเกณฑ์มหามรรคได้ง่ายดาย เพียงแค่ไม่กี่นาทีเสิ่นเทียนก็กู่ร้องพร้อมกับมหามรรค

เสิ่นเทียนในสภาวะฟ้ากับคนรวมเป็นหนึ่งพุ่งไปโลกสะพานและหายไปต่อหน้าทุกคน

…..

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนใช้เวลาไปหนึ่งถ้วยน้ำชาตั้งแต่ตระหนักรู้ไปจนจากไปแล้ว ทุกคนมีสีหน้าตื่นกลัว เบิกตาโต “มะ ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นขอบเขตฟ้ามนุษย์รวมเป็นหนึ่ง”

“การตระหนักรู้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์น่ากลัวจริงๆ!”

“นั่นคือขอบเขตฟ้ามนุษย์รวมเป็นหนึ่ง หลายปีมานี้ไม่มีใครไปถึงขอบเขตนี้เลย!”

ขอบเขตฟ้ามนุษย์รวมเป็นหนึ่งคือขอบเขตที่สอดคล้องกับการตระหนักรู้มหามรรคที่สุด

สภาวะปกติตระหนักรู้ การตระหนักรู้จะเหมือนข้ามพันขุนเขาหมื่นธารน้ำ ยากยิ่ง!

แต่ขอบเขตฟ้ามนุษย์รวมเป็นหนึ่ง การตระหนักรู้จะง่ายเหมือนทานอาหารดื่มน้ำ!

ทุกรุ่นที่ผ่านมาก็มีคนแตะสภาวะฟ้ามนุษย์รวมเป็นหนึ่งเหมือนกัน นั่นคือคนที่มีดวงชะตาดียิ่ง ผ่านการตระหนักรู้เป็นเวลานานถึงจะแตะขอบเขตนี้ได้

แต่เสิ่นเทียนเหมือนจะไม่ใช้แค่ดวงดีแล้ว!

มีใครบ้างตระหนักรู้ได้เร็วขนาดนี้

เพิ่งไม่กี่นาทีเองก็ตระหนักรู้มหามรรคได้ กระทั่งเข้าสู่สภาวะฟ้ามนุษย์รวมเป็นหนึ่ง

น่าตกใจยิ่งนัก!

…..

“ไม่กระมัง ไม่กระมัง ไม่กระมัง! เหตุใดสหายเสิ่นถึงเร็วขนาดนี้ บุรุษเร็วขนาดนี้จะดีจริงๆ หรือ”

หวังเสินซวีด้านข้างมุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง

แม้เขาจะรู้ว่าเสิ่นเทียนมีพรสวรรค์เป็นที่หนึ่งแห่งยุค แต่ก็ไม่จำเป็นต้องน่ากลัวขนาดนี้ก็ได้กระมัง!

แม้แต่สือเทียนจื่อยังต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยามถึงจะทำได้ แต่ท่านกี่นาทีเสร็จกัน

ไม่ให้ทางรอดกับคนอื่นบ้างรึ

ประชันกับสหายเสิ่น เรียกว่าหาเรื่องสะเทือนจิตใจตัวเอง!

หวังเสินซวีกับฉีเซ่าเสวียนมองหน้ากัน จากนั้นกัดฟันตั้งใจฝึกฝน

ฉีจ้านเห็นภาพนี้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยจิตต่อสู้

เขาก็ตระหนักรู้อย่างเต็มที่เหมือนกัน ก้าวตามเสิ่นเทียนไปติดๆ

แต่คนที่ร้อนใจที่สุดคือพวกสตรีอย่างจางอวิ๋นซีกับคุนอวี้!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนเข้าโลกสะพานได้เร็วขนาดนี้ พวกนางก็ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรพวกนางก็เห็นที่เสิ่นเทียนมอบชาให้เทพธิดาชิงเยวี่ย

ตอนนี้เทพธิดาชิงเยวี่ยเพิ่งเข้าไป เสิ่นเทียนก็เข้าโลกสะพานไปทันทีเลย

ท่าทีของเจ้านี่ทำให้สตรีทุกคนร้อนใจนิดๆ!

แต่การตระหนักรู้พวกนี้เน้นความเป็นธรรมชาติ

พวกจางอวิ๋นซีร้อนใจเกินไป ไม่อาจสงบใจตระหนักรู้ได้ ทำให้ยากยิ่งกว่าเดิม

…..

ในโลกสะพานเชื่อมฟ้า

เทพธิดาชิงเยวี่ยพลันปรากฏตัวขึ้น มาอยู่ในมิติแปลกประหลาด

ที่นี่กว้างใหญ่ยิ่งเหมือนกับโลกหนึ่ง มองไปไม่เห็นสุดสายตา

รอบๆ เป็นอากาศธาตุสลัวขมุกขมัว หมอกกว้างใหญ่ มองไปกว้างใหญ่ไพศาล

ในฟ้าเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์แข็งแกร่ง เข้มข้นถึงที่สุด ชัดเจนยิ่งกว่าห้าดินแดน!

การตระหนักรู้ที่นี่ได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสิบเท่า!

โลกสะพานเชื่อมฟ้า สมกับเป็นพื้นที่ที่ทำให้แม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังใจสั่นไหว

แดนศักดิ์สิทธิ์ตระหนักรู้เช่นนี้ ไม่มีใครปฏิเสธได้!

เทพธิดาชิงเยวี่ยมองไปในพื้นที่ขมุกขมัวรอบๆ เกิดการหลงทางเล็กน้อย ไม่รู้ควรไปที่ใด

นางเพิ่งมาโลกสะพานเชื่อมฟ้าเป็นครั้งแรก แม้จะได้ฟังจักรพรรดิฮวงสือเล่าถึงสถานการณ์ในโลกสะพาน แต่เมื่อนางเข้ามาแล้วก็ยังงุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรไปที่ใด

…..

ตอนนี้เองเสิ่นเทียนพลันปรากฏกายขึ้น

“ศิษย์พี่หญิงชิงเยวี่ย!”

เขาเห็นเทพธิดาชิงเยวี่ยตะลึงค้างอยู่กับที่ก็เลยเดินเข้าไป

เทพธิดาชิงเยวี่ยทำหน้าตกใจ “ศิษย์น้องเสิ่นเทียน เหตุใดเจ้าถึงเร็วขนาดนี้!”

นางต้องตกใจ!

ก่อนที่เทพธิดาชิงเยวี่ยจะเข้ามา ก็เห็นแล้วว่าเสิ่นเทียนยังไม่เริ่มตระหนักรู้เลย

นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าไรเอง เสิ่นเทียนก็เข้ามาแล้วรึ

นี่มันจะ…เร็วไปหน่อยกระมัง!

เสิ่นเทียนยิ้ม “ไม่รู้ว่าแซ่เสิ่นจะได้รับเกียรติร่วมเดินทางกับศิษย์พี่หญิงหรือไม่”

ที่เสิ่นเทียนเลือกเข้ามาในเวลานี้ย่อมเพื่อเดินทางกับเทพธิดาชิงเยวี่ย

ในภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะบุตรแห่งโชคทุกคน เทพธิดาชิงเยวี่ยเกิดขึ้นเร็วที่สุด และอิ่มเอิบที่สุด!

เสิ่นเทียนย่อมคว้าโอกาสนี้ไว้ ชิงเกาะมหาโชคลิขิต

เทพธิดาชิงเยวี่ยอึ้งไปเล็กน้อย

นางไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะขอร่วมเดินทางก่อน นี่ทำให้จิตใจนางปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อย

เหตุใดศิษย์น้องเสิ่นเทียนถึงชวนข้าร่วมเดินทางก่อนล่ะ หรือจะกังวลความปลอดภัยของข้า เขาคงไม่ได้ชอบข้าจริงๆ หรอกกระมัง!

แต่เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าปีเองนะ!

ยังเล็กอยู่เลย~

………

แม้โลกสะพานจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ตระหนักรู้ ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิดไว้ ไม่ได้มีแค่มารมรรคสัตว์ประหลาดที่รวมมาจากกฎเกณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีประตูมิติกระจายไปอยู่รอบๆ มากมาย

ตรงนั้นคือซากโบราณที่หลงเหลือมาจากผู้แข็งแกร่งยุคโบราณ ประตูมิติมีโอกาสมีโชคลิขิต แต่ก็มีอันตรายสูงมาก

การเดินทางเป็นกลุ่มเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่มีคนคุ้มกันการตระหนักรู้ แต่ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้

เทพธิดาชิงเยวี่ยชอบเดินทางเพียงลำพังมาตลอด เมื่อได้ยินว่ามีคนเชิญนางร่วมกลุ่ม จึงไม่ทันตั้งตัวนิดๆ

นางนึกไปถึงโลกภายนอกที่เล่าลือว่าเสิ่นเทียนเป็นบุตรแห่งโชค การรวมกลุ่มกับเขาจะได้มหาโชคลิขิต!

ในแดนมหาโชคลิขิตอย่างโลกสะพานเชื่อมฟ้านี้ คำเชิญของบุตรแห่งโชคน่าเย้ายวนจริงๆ

เทพธิดาชิงเยวี่ยขบคิดก่อนจะเอ่ยตอบ “การได้เดินทางกับศิษย์น้องเสิ่นเทียนเป็นเกียรติของชิงเยวี่ยมากกว่า”

อืม นางคิดว่าตนตอบตกลงเดินทางกับเสิ่นเทียนเพียงเพื่อตามหาโชคลิขิต

ไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนหน้าตาหล่อเหลามาก ไม่ใช่เด็ดขาด!

…..

พอเห็นเทพธิดาชิงเยวี่ยตอบตกลง เสิ่นเทียนก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม

“ดี เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ!”

เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ต่อไปก็ไปยังแดนโชคลิขิต

“ศิษย์น้อง พวกเราจะไปที่ใดกัน”

ในเมื่อรวมกลุ่มกับเสิ่นเทียน ในที่สุดเทพธิดาชิงเยวี่ยก็เอ่ยข้อสงสัยในใจ ไม่เช่นนั้นนางเองก็ไม่รู้ทิศทาง

โชคลิขิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสะพานไม่มีอะไรเกินกว่าการตระหนักรู้และซากโบราณสถาน

แต่การตระหนักรู้ไม่ได้หมายถึงการนั่งตระหนักรู้บนพื้น แม้เจตจำนงมรรคาที่นี่จะแกร่งกว่าโลกภายนอกมาก แต่ก็ยังไม่พอ ไม่พอเลย

ในโลกสะพานมีเขตตระหนักรู้มากมาย อย่างเช่นสระชะล้างกระบี่ แฝงไว้ด้วยท่วงทำนองเจตจำนงกระบี่ของผู้แข็งแกร่ง เพิ่มการฝึกเจตจำนงกระบี่ของผู้บำเพ็ญได้อย่างมาก!

หรืออาจจะเป็นแดนเพลิงไร้พรมแดน แฝงไว้ด้วยเจตจำนงอัคคีสามพัน เป็นเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้บำเพ็ญธาตุไฟ!

และยังมีเขตแดนตระหนักรู้ต่างๆ เขตแดนพวกนี้ ทำให้การตระหนักรู้เร็วกว่าโลกภายนอกเป็นร้อยเท่าพันเท่า การตระหนักรู้ที่นั่นหนึ่งวันจะเทียบเท่ากับตระหนักรู้โลกข้างนอกร้อยปี

เพียงแต่ว่าเขตแดนพวกนี้ซ่อนอยู่ในประตูมิติ การจะหาเจอนั้นยากยิ่ง

ต้องหาพื้นที่ตระหนักรู้ที่เหมาะสมที่สุดถึงจะถือว่ากำไรเลือดสาด

ไม่เช่นนั้นก็ได้แต่เสียเวลาเปล่า!

…..

เสิ่นเทียนยิ้มราบเรียบ “พวกเราไปทางตะวันตกกัน!”

เขากำหนดทิศทางตามใจก่อนจะพุ่งทะยานออกไป

“ทางตะวันตกรึ”

เทพธิดาชิงเยวี่ยแอบตกใจเล็กน้อย

ก่อนที่เสิ่นเทียนปรากฏ นางตั้งใจว่าจะเลือกทิศทางตามใจ และทางนั้นก็คือทางตะวันตกพอดี!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนมีความคิดตรงกับนาง เทพธิดาชิงเยวี่ยก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

ศิษย์น้องเสิ่นเทียนมีใจตรงกับข้าจริงๆ~

สองคนมุ่งหน้าไปทางตะวันตก เข้าสู่ส่วนตะวันตกของโลกสะพาน

ระหว่างทางพวกเขาเจอมารมรรคบางส่วน มารมรรคพวกนั้นมีรูปร่างแปลกประหลาด มีกลายเป็นสัตว์ร้ายน่าสยดสยอง มีมายาเหมือนหมอกลับแล และยังมีสัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์!

พวกมันแผ่เจตจำนงมรรคาแข็งแกร่ง หลอมรวมกับกฎเกณฑ์ที่นี่

หากไม่ตั้งใจสัมผัสจะไม่พบการคงอยู่ของพวกมันเลย!

มารมรรคพวกนี้มีการโจมตีที่พิเศษมาก ควบคุมพลังกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่นี่โจมตีได้

ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญระดับเดียวกันก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมารมรรค

ดีที่มารมรรคในเขตรอบนอกมีเพียงระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ ไม่ส่งผลกับสองคนมากนัก สองคนออกมือสบายๆ ก็สังหารมารมรรคไปสิบกว่าตัว

และที่สำคัญที่สุดคือหลังจากมารมรรคพวกนี้ตายแล้ว ศพจะสลายไปในฟ้าดิน เหลือเพียงเศษมหามรรคที่เปล่งแสงและมีกฎเกณฑ์วนเวียน

ที่นี่แฝงไว้ด้วยพลังแห่งมหามรรคที่มารมรรคควบคุม นำมาหลอมรวมได้

แต่ว่าเศษมหามรรคพวกนี้มีผลกับสองคนไม่มาก ไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ แต่มีน้อยก็ดีกว่าไม่มีเลย

….

เมื่อสองคนเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งเจอมารมรรคแกร่งขึ้นเช่นกัน มีมารมรรคระดับอริยะ ศักยภาพแข็งแกร่งมาก แต่ก็ถูกเทพธิดาชิงเยวี่ยสังหารลงทั้งหมด

ถึงนางจะมีนางจะมีพลังบำเพ็ญเพียงผู้อริยะเคราะห์แรก แต่มีศักยภาพแก่กล้า สังหารข้ามขั้นได้

อาศัยปรากฏการณ์จันทราหกดวงค้ำฟ้า ถึงขั้นสังหารอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์ได้

มารมรรคระหว่างทางปกติจะถูกเทพธิดาชิงเยวี่ยจัดการคนเดียว นี่ทำให้เสิ่นเทียนค่อนข้างสบาย

ตอนนี้เองพลันเกิดคลื่นมิติขึ้น!

กลิ่นอายพลังน่าสะพรึงพลันปะทุขึ้น เหมือนคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาโดยพลัน

“ศิษย์พี่หญิงระวัง!”

เสิ่นเทียนตั้งสติกลับมาได้ในทันที ดึงเทพธิดาชิงเยวี่ยหนีไปข้างๆ

วินาทีต่อมาหลังพวกเขาหนีไป พื้นที่นั้นกลายเป็นห้วงมิติ เหมือนถูกบางสิ่งกลืนกินไป

เทพธิดาชิงเยวี่ยมีสีหน้าตกใจ

สัตว์ประหลาดนี่มีความสามารถในการอำพรางแกร่งมาก

เทพธิดาชิงเยวี่ยไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อยก็โจมตีเข้ามาแล้ว หากไม่ได้เสิ่นเทียน บางทีนางอาจจะบาดเจ็บสาหัส!

“นั่นอะไร”

เทพธิดาชิงเยวี่ยมีสีหน้าจริงจัง

โลกสะพานไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดไว้ ไม่อยากเชื่อว่าจะซ่อนการคงอยู่น่ากลัวเช่นนี้ไว้!

บึ้ม!

เสียงคำรามดังขึ้น

เหมือนการโจมตีใส่ความว่างเปล่าจะทำให้มารมรรคนี่ฉุนเฉียวอย่างยิ่ง

ห้วงมิติบิดเบี้ยว มารมรรคใหญ่ตัวหนึ่งเดินออกมา พลังน่าสะพรึงถึงที่สุด

มารมรรคนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง ลักษณะเหมือนกับตัวตะกละ ทั่วร่างเปล่งแสงสีม่วงอ่อน รอบกายปกคลุมด้วยเกล็ดหนา

มันดวงตาแดงเหมือนเลือด ดั่งตะวันโลหิต เต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังที่กระชากจิตวิญญาณคน

มันอ้าปากสีแดงโลหิตกว้าง ใหญ่ยักษ์ยิ่ง เหมือนจะกลืนกินฟ้าดินแห่งนี้!

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเจตจำนงมรรคาที่มันแผ่ออกมา เหมือนจะทำลายฟ้าดิน ทำให้ห้วงอากาศทยอยกันพังทลายลง

“นี่มัน…สัตว์กลืนฟ้า!”

เทพธิดาชิงเยวี่ยหน้าขาวซีดเล็กน้อย ตัวสั่นไหวเบาๆ

นางเคยอ่านในคัมภีร์โบราณ เห็นบันทึกสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ไว้

ในยุคดึกดำบรรพ์มีเผ่าหนึ่งน่ากลัวอย่างยิ่ง กลืนกินทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินได้

นั่นคือสัตว์กลืนฟ้า!

เผ่านี้ควบคุมกฎเกณฑ์ห้วงมิติ ข้ามผ่านกระแสมิติปั่นป่วนได้ คุมพลังมิติในฟ้าดินได้

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด!

ความแข็งแกร่งที่สุดของสัตว์กลืนฟ้าคือพลังกลืนกิน

เผ่านี้แข็งแกร่งมากในยุคดึกดำบรรพ์ บนฟ้ากลืนกินตะวันจันทราและดารา ลงล่างกลืนกินแผ่นดินมหาสมุทร

ผู้แข็งแกร่งที่สุดถึงขั้นกลืนกินระดับเซียนแท้จริงได้

ที่ที่มีสัตว์กลืนฟ้า ทุกสิ่งมีชีวิตต่างสูญพันธุ์ แม้แต่กฎเกณฑ์ฟ้าดินยังถูกกิน กลายเป็นแดนรกร้าง

เทพธิดาชิงเยวี่ยไม่นึกเลยว่าจะเจอสัตว์กลืนฟ้าที่นี่

แม้จะเป็นสัตว์กลืนฟ้าที่เกิดจากกฎเกณฑ์มหามรรค แต่ศักยภาพก็ยังน่ากลัวสุดขีด

ข้ามเรื่องกลิ่นอายพลังของสัตว์กลืนฟ้านี่เทียบเท่าอริยะแท้หกด่านเคราะห์ไปก่อน สิ่งที่สำคัญคือมันยังควบคุมพลังกฎเกณฑ์สองชนิดได้

กฎเกณฑ์มิติกับกฎเกณฑ์กลืนกิน!

สัตว์กลืนฟ้านี่มีกำลังรบเหนือกว่ามารมรรคระดับเดียวกันไปไกล

เทพธิดาชิงเยวี่ยหน้าซีดขาว “ศิษย์น้อง สัตว์กลืนฟ้านี่ไร้เทียมทาน รีบหนีเร็ว!”

สัตว์กลืนฟ้ามีศักยภาพแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อต้านได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เทพธิดาชิงเยวี่ยก็รีบถอยหนีไป ทว่าหลังนางไปได้หลายร้อยลี้กลับเห็นเสิ่นเทียนยังอยู่ที่เดิม

เทพธิดาชิงเยวี่ยพลันตระหนกขึ้นมา “ศิษย์น้อง หนีเร็ว!”

แต่สัตว์กลืนฟ้าเข้ามาใกล้แล้ว!

มันรวดเร็วเหมือนแสงขั้วโลก พลันพุ่งมาหน้าเสิ่นเทียน

สัตว์กลืนฟ้าผ่านไปที่ใด มิติจะถูกกลืนกิน เหลือเพียงความว่างเปล่า

มันอ้าปากกว้าง มาพร้อมกับพลังกลืนกิน เหมือนจะเขมือบเสิ่นเทียนในคำเดียว

เสิ่นเทียนมีสีหน้าดังเดิม เพลิงเทพสีแดงวนเวียนรอบกาย จิตต่อสู้น่าเกรงขาม เดินเข้าไปหาสัตว์กลืนฟ้า

หนึ่งหมัดชกออกไป ห้วงอากาศแตกกระจาย!

ประกายหมัดของเสิ่นเทียนไร้พ่าย ไปพร้อมกับเพลิงเทพสีแดงฉาน เหมือนรวมเป็นวานรเทพตัวหนึ่ง จิตต่อสู้พุ่งทะลัก

ประกายหมัดสีแดงพลันปะทุขึ้น ชกใส่ศีรษะสัตว์กลืนฟ้า!

โครม!

พลังน่าสะพรึงเหมือนคลื่นยักษ์จู่โจม พลันปะทุขึ้น ฉีกสัตว์กลืนฟ้าแหลกเป็นเสี่ยงๆ

สัตว์กลืนฟ้ายังไม่ทันร้องโอดครวญก็ตายลง กลายเป็นเศษมหามรรคสองชิ้น

เมื่อเห็นเศษมหามรรคที่พุ่งมาแล้ว เทพธิดาชิงเยวี่ยนิ่งอึ้งไปเลย

….

นี่คือศักยภาพที่แท้จริงของศิษย์น้องเสิ่นเทียนรึ

สัตว์กลืนฟ้าเทียบเท่าอริยะแท้หกด่านเคราะห์ยังสังหารได้ในพริบตา

ซี้ด~

น่ากลัวยิ่งนัก!

หรือว่าศิษย์น้องเสิ่นเทียนจะเคยสังหารเจ้าอริยะมาจริงๆ กัน

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด