บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 385 ศิษย์พี่ใหญ่เทพสวรรค์กลับมาแล้ว

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 385 ศิษย์พี่ใหญ่เทพสวรรค์กลับมาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 385 ศิษย์พี่ใหญ่เทพสวรรค์กลับมาแล้ว

กรรซ์~

อีกาทองสามตัวแสดงพลังของทั้งสามปิดล้อมเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตและเสิ่นเทียนไว้ตรงกลาง

สามต่อสาม ใช้ตัวเลขที่ง่ายที่สุดมาคำนวณอย่างยุติธรรม ก็คือหนึ่งต่อหนึ่ง

แต่ในโลกบำเพ็ญเซียน สถิติบางอย่างก็ไม่ใช่หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง

หากบอกว่าก่อนหน้านี้อีกาทองสองตัวร่วมมือกัน กำลังรบแทบจะเท่ากับอีกาทองสามสี่ตัวละก็

เช่นนั้นตอนนี้อีกาทองสามตัวร่วมมือกัน ก็สร้างแรงกดดันให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเจ็ดแปดเท่าแล้ว

ระหว่างที่อีกาทองสามตัวโจมตีและปัดป้อง จะสร้างแรงกดดันให้ทุกคนเหมือนเผชิญหน้ากับอีกาทองแข็งแกร่งเจ็ดแปดตัว มีแต่เพลิงมารถาโถมเข้ามามืดฟ้ามัวดิน

แม้ว่าอีกาทองสามตัวนี้จะสิ้นสติปัญญา เข้าใจแต่การโจมตีด้วยเปลวเพลิงโดยสัญชาตญาณที่สุด ไม่อาจใช้พลังงานกฎเกณฑ์ที่แท้จริงโจมตีคู่ต่อสู้ กำลังรบค่อนข้างอ่อนแอในระดับอริยะ

แต่พวกมันก็มีข้อได้เปรียบในด้านภูมิประเทศมากจริงๆ ในเขตแดนสุสานจักรพรรดิแห่งนี้ เจ้าพวกนี้แทบจะเป็นอมตะ

ขอแค่ไม่บาดเจ็บหนักมาก พริบตาเดียวก็จะฟื้นกลับมาแล้ว กระทั่งความเร็วในการทำให้พวกมันบาดเจ็บอาจจะสู้ความเร็วในการฟื้นฟูของพวกมันไม่ได้ด้วยซ้ำ

ต่อให้ทำให้เจ้าพวกนี้บาดเจ็บสาหัสกระทั่งสังหารอย่างที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำ ความจริงแล้วไม่มีประโยชน์อะไรมากนักเลย

วิญญาณแท้ของพวกมันเชื่อมต่อกับสุสานจักรพรรดิแล้ว จิตวิญญาณประทับอยู่ในสุสานจักรพรรดิ

สุสานจักรพรรดิไม่ทลายลง วิญญาณแท้ของพวกมันก็จะเกิดใหม่ได้ แปลกและมหัศจรรย์ถึงขีดสุด

ต้องรู้ว่ามองไปทั้งห้าดินแดน ก็แทบจะหาวิธีการที่ทำให้เกิดใหม่ได้ไร้ขีดจำกัดเช่นนี้ไม่ได้ นี่ส่งผลถึงสมดุลของกฎแห่งสวรรค์

ถึงอย่างไรการเกิดและดับคือมหามรรค การเกิดใหม่อย่างไม่มีขีดจำกัดคือการสวนทางกับมหามรรค ได้แต่บอกว่ามหาจักรพรรดิอีกาทองมีเล่ห์เหลี่ยมเหนือชั้นจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะวางเขตแดนสะท้านโลกเช่นนี้ไว้บนเกาะมหานที บ่มเพาะวิญญาณแท้ของทายาททั้งเก้าของตน

หากเป็นคนอื่น ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิคนอื่นก็อาจจะทำเช่นนี้ไม่ได้

เห็นได้ชัดมากว่ามหาจักรพรรดิอีกาทองกุมมรดกที่สุดยอดเอาไว้

…….

“เดรัจฉานพวกนี้ร่วมมือกันแล้วรับมือยากยิ่งกว่าเดิมอีก”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตถูกเผาจนกระโดดโลดเต้นในทะเลเพลิง เขาคือผู้สูงศักดิ์สวรรค์มรรคสูงสุดที่แท้จริง กำลังรบเทียบได้กับผู้อริยะ

แต่จะเห็นได้ชัดมากว่าผนึกสุสานจักรพรรดิที่มหาจักรพรรดิอีกาทองวางไว้ไม่ได้มองข้ามปัจจัยผู้สูงศักดิ์สวรรค์มรรคสูงสุดเลย

ในสุสานจักรพรรดิแห่งนี้ แม้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจะไม่ถูกจำกัดรุนแรงเท่าผู้อริยะที่แท้จริงคนอื่น แต่ก็ได้รับผลอย่างมาก

“ไอ้ลูกนกชั่ว ถ้าไม่ใช่เพราะข้าถูกผนึกของสุสานจักรพรรดิครอบไว้ จะให้พวกเจ้าได้เห็นดีกัน!”

กระบองเทพทองคำส่งพลังวิเศษออกไปตามลำดับ ฟันเปลวไฟพวกนี้ออกไป

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกล้ามเนื้อขยายทั้งตัว ขยายชุดคลุมเซียนม่วงที่ตัวใหญ่และคล่องแคล่วจนติดเนื้อ เคราและเส้นผมปลิวไสวเรียกได้ว่าเผยความสามารถออกมาทั้งหมด

น่าเสียดาย ต่อให้เผยความสามารถมากกว่านี้ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็ยังเลี่ยงการโจมตีประสานของวิญญาณอาฆาตอีกาทองสามตัวไม่ได้

ทุกกระบองที่เขาฟาดออกไป จะถูกค่ายกลประสานจากอีกาทองสามตัวนี้แก้ได้หมด

การโจมตีที่ผ่าขุนเขาได้ในตอนแรกแบ่งไปในอีกาทองสามตัวเท่าๆ กัน ทำได้แค่ให้เปลวไฟสีดำบนผิวกายอีกาทองสามตัวนี้สลายไปเล็กน้อย ไม่มีการพัฒนาในด้านแก่นแท้อะไรเลย

“จะต้องแยกพวกมันออกจากกัน ไม่เช่นนั้นทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชายิ่ง เพียงแต่ประกายเซียนที่ส่องแสงไปบนผิวกายสว่างมากขึ้น พลังก็สูงขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด

ทั่วร่างเขาเต็มไปด้วยสายฟ้าสีทอง และยังมีเพลิงเทพสีแดงอมทอง

นั่นคืออัสนีเทพกำเนิดฟ้าที่เกิดขึ้นจากการโคจรคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ถึงขีดจำกัด มีผลปฏิปักษ์กับวิญญาณร้ายทุกตนอย่างยิ่งยวด

ขณะเดียวกันยังมีพลังแห่งสุริยะสวรรค์ประทานที่รวมออกมาจากคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตระหนักมา

แน่นอน ตอนนี้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สำแดงคัมภีร์จักรพรรดิสุริยัน ไม่ใช่เพื่อใช้พลังเพลิงเทพนี้กำราบวิญญาณอาฆาตอีกาทอง นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ถึงอย่างไรเผ่าเทพอีกาทองก็เป็นหนึ่งในเผ่าที่ควบคุมไฟได้แกร่งที่สุดและเป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงทัดเทียมกับหงส์สายเลือดบริสุทธิ์

ประกอบกับวิญญาณอาฆาตอีกาทองเก้าตัว ตอนมีชีวิตยังเป็นบุตรจักรพรรดิอย่างไม่ต้องละอายใจ คุณสมบัติ พรสวรรค์ ระดับพลังและศักยภาพบรรลุถึงระดับที่ไม่อาจประเมินได้ แค่คิดก็รู้ถึงระดับการควบคุมต่อเปลวไฟ

การจะใช้พลังงานเปลวไฟกำราบพวกมัน นี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เพียงแค่อยากใช้คัมภีร์จักรพรรดิสุริยันที่ตนตระหนักรู้มาสอดคล้องกับเขตแดนสุสานจักรพรรดิ จากนั้นเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูพลังฤทธิ์ของตน

ขณะเดียวกันยังเป็นการจำกัดความเร็วในการฟื้นฟูของอีกาทองสามตัวเล็กน้อย

สายฟ้าประกายเซียนรอบตัวเขาเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ รวมออกมาเป็นร่างเงายิ่งใหญ่ สูงสิบกว่าจั้ง เหมือนกับเทพสายฟ้าบนสวรรค์มาเยือนโลกมนุษย์

เปลวไฟที่วิญญาณอาฆาตอีกาทองรวมขึ้นพุ่งเข้าใส่เขาทีละลูก แต่กลับถูกกระบี่อริยะสายฟ้าในมือฟันขาดเป็นสองส่วน

เทียบกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตที่ตระหนักเงากระบองมังกรทองออกมา แต่ยังถูกกดดันให้หนีไปมาทั่วอีกด้านหนึ่งแล้ว ผลงานของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดูจะเด่นตายิ่งกว่า

อย่างน้อย ในด้านเสแสร้งก็ยังสูงกว่าไม่รู้กี่ขั้น

“พูดง่าย หลังเดรัจฉานสามตัวนี่ร่วมมือกันแล้วก็เหมือนกับคนหนึ่ง พละกำลัง ความเร็วและพลังป้องกันเพิ่มขึ้นพร้อมกันเป็นเท่าตัว ต่อให้เจ้าอริยะห้าด่านเคราะห์อยู่ต่อหน้าพวกมันก็อาจจะไม่ได้เปรียบเท่าไรเลย

ในสุสานจักรพรรดิแห่งนี้ ศักยภาพของเราถูกจำกัดถึงขีดสุด เจ้าบอกข้าสิว่าจะแยกพวกมันออกจากกันอย่างไร ใช้หน้าตาของศิษย์เจ้าล่อไปรึ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแบะปาก อานุภาพของยอดค่ายกลอีกาทองนี่รับมือยากจริงๆ ตอนนี้เขาเสียใจนิดๆ แล้วที่ล่อเจ้าพวกนี้ออกมา

เฮ้อ จะพาศิษย์หลานสิ่งมงคลไปขโมยของ ปล้นสุสานอะไรนี่ไม่ได้รึไง

อย่างไรก็เป็นสมบัติที่มหาจักรพรรดิอีกาทองฝากเอาไว้ ต่อให้เป็นถ้วยที่มหาจักรพรรดิใช้ทานข้าวเป็นประจำ ตะเกียบ หม้อใหญ่กระทั่งกระโถน ก็ไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน

หนึ่งเดือนนี้ พอให้หาโถและกระบวยกลับไปได้เต็มบ้าน ไฉนจะต้องทำงานอันตรายและเหนื่อยเช่นนี้ด้วย

เกิดอีกาทองตัวอื่นก็มาด้วย จะไม่กลายเป็นเนื้อย่างไปทุกนาทีเลยรึ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยอย่างเฉยชา “ศิษย์พี่ ตั้งแต่ท่านเปลี่ยนไปฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร ก็มีนิสัยสุขุมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว และยังรู้จักอำพรางฝีมือ นี่เป็นเรื่องดี

แต่เรื่องในวันนี้เกี่ยวกับการโปรดสัตว์ทายาทของมหาจักรพรรดิอีกาทอง รวมถึงเทียนเอ๋อร์จะได้รับสืบทอดแดนมรรคมหานทีของมหาจักรพรรดิอีกาทองหรือไม่ จึงหวังว่าศิษย์พี่จะแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูดอย่างจำใจ “ศิษย์น้องเจ้าพูดอะไร ศิษย์พี่พยายามสุดความสามารถแล้ว”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “จริงรึ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต “จริง”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “ตอนแรกว่าเมื่อรับแดนมรรคมหานทีแล้ว เราจะแบ่งโชคลิขิตบนเกาะมหานทีเท่าๆ กัน ตอนนี้ดูแล้ว…”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเผยรอยยิ้ม “เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไร”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “ทุกครั้งที่ท่านกินยาลบความจำ สรรพคุณยาจะยิ่งได้ผลดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยกายและจิตของศาสตร์หลอมกายเทพมารของศิษย์พี่ ขอแค่ท่านไม่ยินดี ต่อให้โอสถลบความจำระดับอริยะจะเกิดผล ก็ไม่มีทางราบรื่นเช่นนี้แน่”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยักไหล่ “เจ้าพูดให้ชัดเจนได้หรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยนิ่งๆ “ข้าจะบอกว่าท่านจงใจปิดบังพลัง เพราะบางคนไม่อยากเห็นฝ่ายเรามีโอรสสวรรค์มรรคสูงสุดยิ่งใหญ่ขึ้นพร้อมกันสองคน ดังนั้นท่านจึงแกล้งโง่มาตลอด ทำตัวเสเพล หาเรื่องไปทั่ว จะได้เหมือนระเบิดตัวเองและพิการไป

แต่ข้าเชื่อมาตลอดว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่เคยอยู่เหนือกว่าข้าไม่อ่อนแอกว่าผู้ใด ข้าเองก็ปิดบัง ท่านเองก็ปิดบัง สัญญาลับนี้อยู่มานานมากแล้ว”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยิ้มทีเล่นทีจริง “ปิดบังพลัง หมายถึงอะไรอีก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบนิ่งๆ “ศิษย์พี่ในอดีตเผยประกายคมอย่างองอาจห้าวหาญ แต่ข้าก็ไม่ได้เคารพอะไรท่านมาก เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ตกต่ำไม่ต้องการผู้นำที่ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ

แต่หลังจากศึกนั้นที่ศิษย์พี่สิ้นระดับพลังหลอมปราณ ข้าก็พบว่า ศิษย์พี่อาจจะไม่ได้ตื้นเขินกว่าข้า ถวายตัวเองสร้างความหวาดหวั่น แลกเวลาให้ฝ่ายเราได้พักผ่อน แลกเวลาให้ฝ่ายเราผงาดขึ้น

ท่านต้องปิดบังพลัง ข้าจึงปิดบังพลังเป็นเพื่อนท่าน ท่านจะแสร้งบ้าขายความโง่ ข้าก็จะแสร้งบ้าขายความโง่กับท่าน พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว ตอนนี้ฝ่ายเรามีเทียนเอ๋อร์ จะต้องรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนแล้ว ศิษย์พี่ไม่ต้องแบกรับภาระหนักขนาดนั้นแล้ว เปล่งประกายแสงของท่านอย่างเต็มที่เถอะ!

ถึงเวลาให้ทั้งห้าดินแดนได้ประจักษ์เห็นความสง่างามของศิษย์พี่ใหญ่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้นำรุ่นเยาว์ดินแดนบูรพาและโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในห้าดินแดนแล้ว ให้พวกเขาต้องกราบไหว้ด้วยความตกตะลึง

ในเวลาเดียวกัน ข้าก็แปลกใจมากว่า ศิษย์พี่ใหญ่เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนอยู่เหนือกว่าข้ามาตลอด เจ็ดร้อยปีต่อมาข้าตัดเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา ส่องเห็นมหามรรคสูงสุดแล้ว จะยังสู้ศิษย์พี่ใหญ่ได้หรือไม่”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมอย่างรุนแรง คนยักษ์สายฟ้าทองคำสูงสิบจั้งแผ่พลังล้นฟ้า แม้แต่เส้นทางสุสานจักรพรรดิยังสั่นสะเทือน

ในเสียงของเขาเกิดอารมณ์ตื่นเต้นของมนุษย์ขึ้นมาเล็กน้อย “ศิษย์พี่ กล้าประชันกันหรือไม่ว่าใครจะกำราบอีกาทองสองตัวนี้ได้ก่อน”

……

เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตต่อสู้เข้มข้นที่แผ่มาจากเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็แบะปาก “พูดอะไรเยอะแยะ ก็แค่อยากยุให้ข้าใช้ไพ่ตายไม่ใช่รึ”

ตรงระหว่างคิ้วของนักพรตชรามีสัญลักษณ์สายฟ้าสีทองสว่างจ้าลอยขึ้นมาช้าๆ แผ่กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่และสูงส่ง

เขาชูกระบองเทพทองคำในมือขึ้นช้าๆ ชี้ไปบนฟ้า ทันใดนั้นก็มีอัสนีเทพกำเนิดฟ้าไร้ที่สิ้นสุดรวมตรงกระบองเทพ

ใช่ นี่คือวิชาอัสนีเทพสวรรค์ ต้องเป็นผู้บำเพ็ญศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองเท่านั้นถึงจะใช้ได้

ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกลับสำแดงวิชาอัสนีที่ดั้งเดิมที่สุด

เวลานี้ กลิ่นอายพลังรอบตัวผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเพิ่มขึ้นสูงสุด พุ่งทะลวงกำแพงระดับอริยะ ไปถึงระดับความสูงใหม่หมด

เขาเดินหน้าหนึ่งก้าวช้าๆ เศษเงาหยุดอยู่ที่เดิม ก่อนจะค่อยๆ สมจริงขึ้นจากมายา

ร่างเงานี้มีหน้าตาคล้ายกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมาก เพียงแค่ดูเหมือนวัยกลางคน เขาสวมอาภรณ์สีทอง มือถือหยกล้ำค่าตามใจนึกสามชิ้น รอบตัวแผ่กลิ่นอายพลังน่าเกรงขามอย่างยิ่ง เหมือนกับเทพและจักรพรรดิ

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไม่หยุดเดิน เขาเดินหน้าอีกก้าว ทิ้งเศษเงาไว้ที่เดิมอีกร่าง ทั้งยังรวมขึ้นเป็นกายแท้

หน้าตาของร่างเงานี้ก็คล้ายกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมากเช่นกัน แต่ดูหนุ่มยิ่งกว่า เป็นโอรสสวรรค์หนุ่มผู้องอาจห้าวหาญ

เขาถือกระบี่ยาวสีครามเล่มหนึ่ง รอบตัวแผ่กลิ่นอายเฉียบคมยิ่ง เหมือนจะทำลายได้ทุกวิชาในโลก

และทันทีที่โอรสสวรรค์หนุ่มคนนี้ปรากฏตัว ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลันสั่นไหว

…..

ร่างเงานี้ ประทับอยู่ในความทรงจำของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาหลายร้อยปีแล้ว

เขามองผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต น้ำเสียงมีคลื่นอารมณ์หลายส่วนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ศิษย์พี่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”

ฉู่หรงเหอถือกระบองเทพทองคำ ตอนนี้น่าเกรงขามอย่างที่ไม่เคยเป็น “ใช่ กลับมาแล้ว”

ชายหนุ่ม วัยกลางคน วัยชราสามร่างพูดพร้อมกัน “ตอนนี้ มีข้าสามคน จะให้ข้าออกมือ ต้องเพิ่มเงิน เงินสามเท่า!”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด