บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 393 กระแสมิติปั่นป่วน ราชินีหงส์อมตะ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 393 กระแสมิติปั่นป่วน ราชินีหงส์อมตะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 393 กระแสมิติปั่นป่วน ราชินีหงส์อมตะ!

หลังทะลวงมิติมา ไม่นานพวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สองคนก็มารวมกับผู้อาวุโสและศิษย์คนอื่นของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ไม่ใช่แค่ผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับศิษย์โอรสสวรรค์แกนหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

เดิมทีพวกเขากำลังฝึกฝนอยู่บนเวทีประลองในสุสานจักรพรรดิอีกาทอง แต่จู่ๆ ก็ถูกเคลื่อนย้ายออกมา

นั่นคือหลังวิญญาณอาฆาตอีกาทองเก้าตัวได้รับการโปรดสัตว์ มหาจักรพรรดิอีกาทองเสร็จสิ้นปณิธานก่อนตาย จึงส่งผู้บำเพ็ญนอกจากพวกเสิ่นเทียนออกไป

ถึงอย่างไรนับจากนี้ไป สุสานจักรพรรดิอีกาทองก็ถือว่าเป็นของส่วนตัวของเสิ่นเทียนแล้ว

แต่พวกเขาเพิ่งออกมาได้ไม่นาน สุสานจักรพรรดิก็ถูกแสงกระบี่แยกเป็นสองส่วน พังทลายลงทั้งหมด

นี่ทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่แค้นเคืองเสียดาย แต่ก็แอบกลัวอยู่นิดๆ

หากเมื่อครู่พวกเขายังอยู่นั้น เกรงว่าคงรอดยาก

ถึงอย่างไรในกระแสมิติปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจากสุสานจักรพรรดิอีกาทองพังทลายลง ต่อให้เป็นผู้อริยะก็ยังไม่กล้ารอบรองว่าตนจะปลอดภัย

ส่วนผู้บำเพ็ญต่ำกว่าระดับอริยะ แทบจะต้องตายอย่างแน่นอน!

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตออกมาแล้ว!”

“แต่ว่า…เหตุใดถึงไม่เห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ล่ะ”

มีคนสงสัย พวกเขาไม่เห็นเสิ่นเทียน ภายในใจเต้นตึกตัก เกิดความตระหนกขึ้นมา

“อาจารย์ ศิษย์น้องอยู่ที่ใด เหตุใดถึงไม่เห็นเขา”

จางอวิ๋นซีก้าวเข้ามาเร็วๆ ตอนนี้ใบหน้างดงามมีความกังวลอย่างชัดเจน

ถึงอย่างไรอานุภาพของกระบี่เมื่อครู่นี้ก็น่ากลัวมากจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงสะท้านโลกที่พวกเขาไม่รู้

ไม่ใช่แค่นาง องค์หญิงหลิงหลงสือหลิงหลง คุนอวี้ และโอรสสวรรค์ที่สนิทสนมกับเสิ่นเทียนต่างเดินเข้ามา ทุกคนต่างถามว่าเสิ่นเทียนอยู่ที่ใด

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม ไม่นึกเลยว่าเทียนเอ๋อร์จะมีสหายสนิทมากขนาดนี้

คนพวกนี้ล้วนเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ของขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ รวมพวกเขาเข้าด้วยกันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มาก

ศิษย์ข้าเทียนเอ๋อร์มีบุคลิกแห่งราชาเซียนจริงๆ โอรสสวรรค์แปดทิศยังต้องแหงนหน้ามอง!

ฮิๆๆๆๆ~

ประกายเซียนบนผิวกายกระเพื่อม เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยอย่างเฉยชา “ศิษย์พี่ ข้าจะไปรายงานกับผู้อาวุโสสูงสุดก่อน เรื่องที่นี่ยกให้ท่านแล้วกัน”

เมื่อเอ่ยจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ก้าวเข้าไปในมิติ หายไปต่อหน้าทุกคน

“ศิษย์น้อง…เจ้า…บ้าจริง!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตอึ้งไป แต่ไม่นานก็ตั้งสติกลับมาได้

ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่ จะทิ้งปัญหายุ่งยากไว้ให้เขาชัดๆ

ปัญหาคือ ข้าก็ไม่อยากรับปัญหายุ่งยากนี้เหมือนกัน!

คนพวกนี้เป็นสหายสนิทที่สุดของเสิ่นเทียน หากรู้ว่าเสิ่นเทียนเป็นอะไรไป จะไม่มาฉีกทึ้งข้ารึ

คนอื่นไม่ว่า แค่ด่านจางอวิ๋นซีก็ผ่านไปไม่ได้แล้วนะ

“ข้า…ข้าก็ต้องไปด้วย…”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกลอกตา ก่อนกำลังจะตามไปด้วย

แต่จางอวิ๋นซีจะไม่รู้ความคิดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตได้หรือ

ท่านพ่อไปได้ แต่อาจารย์ลุงไปไม่ได้

นางเดินมาหนึ่งก้าว ขวางหน้าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไว้ “รบกวนอาจารย์ลุงบอกข้าด้วยว่าศิษย์น้องไปอยู่ที่ใด”

“ศิษย์หลาน คือว่า…ข้า…”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเกาศีรษะ ไม่รู้จะเริ่มพูดจากที่ใด

“ขอให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต/อาจารย์ลุง บอกพวกเราด้วยว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์/ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด”

ไม่ใช่แค่จางอวิ๋นซี โอรสสวรรค์ที่สนิทสนมกับเสิ่นเทียนพวกนั้นก็พากันเดินเข้ามา

เมื่อเห็นดังนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตรู้สึกศีรษะโตขึ้นมาแล้ว

หากมีเพียงจางอวิ๋นซี ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคงคิดหาทางตีมึนผ่านไปได้ แต่ตอนนี้โอรสสวรรค์มากมายกำลังซักถาม ข้าต้านไว้ไม่ไหวหรอกนะ!

“เอาล่ะ ศิษย์พี่ ข้ารายงานเรื่องนี้กับเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ผิวกายปกคลุมด้วยแสงทอง

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมองมาด้วยความดีใจใหญ่ “ศิษย์น้องเจ้าดีจริงๆ เลย มาช่วยแก้ปัญหาให้กับข้าด้วย!”

หืม

ไม่ใช่สิ!

เจ้าเป็นคนโยนปัญหาให้กับข้าแท้ๆ ตอนนี้ออกมาอีก หมายความว่าอย่างไรกัน

“ทุกท่านใจเย็นก่อน ฟังข้าอธิบายอย่างละเอียดก่อน”

เสียงของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เฉยชา ก่อนจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน

แน่นอน เรื่องกระบี่สะท้านฟ้าจากจักรพรรดินีที่สุดแห่งยุคนั้น เขาพูดให้คลุมเครือผ่านไป

นี่คือไพ่ตายของเสิ่นเทียนคนเดียว ทั้งยังเกี่ยวพันกันใหญ่โต เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะเผยไปไม่ได้

….

“อะไรนะ มีวิญญาณร้ายต่างแดนยึดวิญญาณแท้มหาจักรพรรดิรึ”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทุกคนก็ตัวสั่นสะท้าน นัยน์ตาฉายแววตื่นกลัว มิน่าสุสานมหาจักรพรรดิถึงถล่มลง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในที่นี้ล้วนเป็นเสาเอกของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ จะไม่รู้จักวิญญาณร้ายต่างแดนได้อย่างไร

แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีวิญญาณร้ายใดแทรกซึมมหาจักรพรรดิและยึดร่างได้

ถึงอย่างไรมหาจักรพรรดิก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในห้าดินแดน หากวิญญาณร้ายนั้นแทรกซึมยึดร่างได้กระทั่งมหาจักรพรรดิ คนอื่นๆ จะเอามาสู้กับมัน

มิน่า หายนะครั้งนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนถึงจะเกิดขึ้นอีกครั้ง กระทั่งยังน่ากลัวกว่าหายนะครั้งนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนอีกหรือ

จากนั้นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เอ่ยต่อ “ขอให้ทุกคนวางใจ มหาจักรพรรดิอีกาทองเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณแท้ ประมาทไปชั่วครู่ถึงได้เกิดเหตุไม่คาดคิด

วิญญาณร้ายต่างแดนยังไม่แกร่งถึงขนาดมหาจักรพรรดิยังต้านไม่ได้ ขอแค่พวกเราร่วมใจสามัคคีกัน กับอีแค่วิญญาณร้ายจะต้องกำจัดให้สิ้นซากได้แน่นอน”

เมื่อเอ่ยจบแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็มองโอรสสวรรค์หนุ่มสาวทุกคน ก่อนพูดนิ่งๆ “สหายน้อยทุกท่านวางใจเถอะ เทียนเอ๋อร์เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายข้า ข้าได้ขอให้ผู้อาวุโสสูงสุดที่เหนือกว่าระดับอริยะออกมือกันทั้งหมดแล้ว จะต้องพาเทียนเอ๋อร์กลับมาได้อย่างแน่ แน่นอน ขอแค่เป็นศิษย์เทพสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่ทิ้งใครเด็ดขาด”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ เฉยชาแต่แน่วแน่

ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแสดงทัศนคตินี้ออกไป!

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หลังจากได้ฟังคำพูดโน้มน้าวของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทุกคนก็คึกคักขึ้นมา

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นห่วงเป็นใยชนรุ่นหลังจริงๆ พอออกมาก็แจ้งกับทุกคนให้ไปตามหาบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนทันทีเลย”

“ฮือๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดีเกินไปแล้วกระมัง! ไม่ใช่แค่มีบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนที่อุทิศตัวเพื่อคนอื่น แม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังมีคุณธรรมสูงส่งเช่นนี้”

“อยากจะร้องไห้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องให้ศิษย์ชนรุ่นหลังในเผ่าข้าไปเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ให้ได้”

“ข้าก็เหมือนกัน มีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว!”

“ข้าก็เช่นกัน!”

“ข้าก็เช่นกัน!”

……

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นด้านข้างถึงกับมุมปากกระตุก

นี่ก็คุยโม้ได้รึ มีอะไรให้คุยโม้กัน

เสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทั้งยังเป็นบุตรแห่งโชคที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติการณ์

สุดยอดโอรสสวรรค์เช่นนี้ไปอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์ใด แดนศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ต้องช่วยเขาโดยยอมจ่ายทุกอย่างกระมัง!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ช่วยเสิ่นเทียนอย่างสุดความสามารถ นี่ก็ปกติมากเลยไม่ใช่รึ นี่ควรค่าให้พวกเจ้าซาบซึ้งใจ คิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รักใคร่สามัคคีกันรึ

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาคับแค้นใจของศิษย์ข้างหลังแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นก็รู้สึกถึงความคับแค้นใจแรงกล้าพุ่งขึ้นหัวใจ

แต่สำหรับโอรสสวรรค์ที่สนิทสนมกับเสิ่นเทียน ต่างใจสั่นสะท้าน

“วิญญาณร้ายต่างแดนเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้หลิงหลงจะติดต่อท่านพ่อและแจ้งเรื่องนี้ แน่นอน บุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนตกไปในกระแสมิติปั่นป่วนเพื่อปกป้องห้าดินแดน ข้าจะไม่นั่งอยู่เฉยดูดายเด็ดขาด ข้าจะขอให้ท่านพ่อช่วยอย่างเต็มที่ พาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลับมา”

องค์หญิงหลิงหลงเอ่ยขึ้น ทำให้คนรอบข้างตัวสั่นไหว

สือหลิงหลงเป็นคนระดับใดกัน องค์หญิงแห่งราชวงศ์ต้าฮวง เป็นบุตรสาวที่รักที่สุดของจักรพรรดิสือต้าฮวง

ในเมื่อนางเอ่ย ก็หมายความว่าตัดสินใจดีแล้ว

“ขอบคุณองค์หญิงหลิงหลงด้วย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย รับน้ำใจนี้แล้ว

“ผู้อาวุโสเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เรื่องตามหาบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียน พวกข้าก็ขอร่วมด้วยเช่นกัน”

เหล่าโอรสสวรรค์พากันเอ่ยขึ้น เริ่มติดต่อผู้อาวุโสในเผ่าตน

เวลานี้ ดินแดนบูรพาสั่นสะเทือนแล้ว

สัตว์ประหลาดระดับอริยะมากมายทนการรบเร้าจากรุ่นเยาว์ไม่ไหว พากันมุดเข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วน

และทุกอย่างนี้ เสิ่นเทียนไม่รู้เลย

…….

กระแสมิติปั่นป่วน กฎเกณฑ์ยุ่งเหยิงมากมายคือห้วงมิติตัดสลับกัน

ที่นี่เป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง มีเพียงผู้แข็งแกร่งเหนือกว่าระดับอริยะเท่านั้นถึงจะเดินทางในห้วงมิติได้ พอจะก้าวเข้าไปได้

ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญระดับอริยะเข้ามาที่นี่ หากไม่รีบออกไปก็ต้องกล้ำกลืนความแค้นถูกฝังกระดูกอยู่ที่นี่

และตอนนี้เอง ร่างเงาเสิ่นเทียนลอยขึ้นมาช้าๆ

‘นี่ข้าถูกกินรึ’

เสิ่นเทียนมองห้วงมิติที่ลำดับปั่นป่วนและกฎเกณฑ์บ้าคลั่งรอบตัว ถึงกับมุมปากกระตุกขึ้นมาเบาๆ

‘ไม่นึกเลยว่าหลังจากดวงชะตาลดลงแล้ว จะเกิดเรื่องซวยติดต่อกันเช่นนี้’

ใช่ เดิมทีเสิ่นเทียนวางมาดออกไปจากสุสานจักรพรรดิได้ แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ จะปรากฏกระแสมิติปั่นป่วนขึ้นข้างกายเขา

เสิ่นเทียนไม่ทันตั้งตัวก็ถูกดึงเข้ามาที่นี่

ฟิ้วๆๆ~

เสียงลมพัดดังขึ้น นั่นคือกระแสมิติปั่นป่วนตัดสลับกัน ปล่อยเป็นกลิ่นอายน่าขนลุกออกมา

พลังกฎเกณฑ์ในกระแสมิติปั่นป่วนบ้าคลั่งถึงที่สุด เหมือนมีดสับกระดูก อานุภาพหนาวเหน็บ ฉีกกายเนื้อของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้ง่ายดาย

ต่อให้เป็นผู้อริยะอยู่ในกระแสมิติปั่นป่วนก็อาจจะทนได้ไม่นานนัก

และตอนนี้ กฎเกณฑ์ทั้งผืนฟ้ารวมเข้ามา กระแทกใส่เสิ่นเทียนอย่างแรง

ชิ้งๆๆ!

คมสีทองเปล่งแสง สะเก็ดไฟแตกกระเซ็น

พลังกฎเกณฑ์บ้าคลั่งฟันใส่กายเนื้อเสิ่นเทียนราวกับคมดาบ เกิดเป็นสะเก็ดไฟ

‘ฟู่ ดีที่ข้ามีกายเนื้อแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นคงได้ไปพบยมบาลจริงๆ แน่…’

เสิ่นเทียนพ่นลมหายใจยาว โชคดีที่เขามีกายทองเก้ารอบสวรรค์ประทาน กายเนื้อแข็งแกร่งทนทาน มองข้ามกระแสมิติปั่นป่วนได้

หากเป็นผู้บำเพ็ญนิพพานคนอื่นคงกายเนื้อแหลกไปนานแล้ว วิญญาณสิ้นลงที่นี่

‘แต่ว่า ข้าจะออกไปอย่างไรล่ะ’

เสิ่นเทียนมองห้วงมิติขมุกขมัวรอบๆ เวลานี้ไม่รู้จะเริ่มจากที่ใดดี

กระแสมิติปั่นป่วนไม่เหมือนกับที่อื่นๆ หากหาข้อต่อมิติแท้จริงพบ ก็ยากจะเปิดปราการมิติออกไปได้

‘ช่างเถอะ ให้เป็นไปตามธรรมชาติ เดินไปทีละก้าวแล้วกัน’

เขาไม่มีเป้าหมายใดๆ เลย สู้ไหลไปตามคลื่นดีกว่า เดินไปตามกระแสมิติปั่นป่วนก่อน

ความพยายามก็ใช่ว่าจะมีผลลัพธ์เสมอไป แต่ไม่พยายาม…ก็จะสบายแน่นอน!

หลักๆ เป็นเพราะกฎเกณฑ์ที่นี่ไม่คุกคามถึงเสิ่นเทียนเลย

ข้ามเรื่องกายทองเก้ารอบเบิกฟ้าไปก่อน ในตัวเสิ่นเทียนยังมีจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งอยู่ด้วย

จักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งเข้าใกล้กับวิชามิติ ทำให้ร่างเสิ่นเทียนเปลี่ยนจากความจริงเป็นมายา มองข้ามการจู่โจมจากกฎเกณฑ์มิติได้

ขณะเดียวกันเสิ่นเทียนยังมีวิชาคุนเผิง อาศัยพลังแห่งคุนเผิงในวิชาคุนเผิงห้อทะยานในที่นี่ได้ ผ่านไปได้อย่างปลอดโปร่ง

ดังนั้นอยู่ในห้วงมิติแห่งนี้ เสิ่นเทียนมีความรู้สึกเหมือนเป็นมังกรว่ายในมหาสมุทร ควบม้าเที่ยวชมไปทั่ว

หากมีคนเห็นภาพนี้ จะต้องตาค้างอ้าปากกว้างแน่นอน

ตั้งแต่โบราณกาลมา มีผู้บำเพ็ญระดับนิพพานคนใดกล้าเล่นในห้วงมิติเช่นนี้บ้าง

ที่นี่คือกระแสมิติปั่นป่วน เป็นที่นี่ผู้อริยะยังหวาดกลัว

พลังกฎเกณฑ์บ้าคลั่งมากพอจะฉีกร่างคน และยังซ่อนอันตรายต่างๆ ไว้มากมาย

หากไม่ระวังเพียงนิดเดียว บางทีอาจจะถูกปล่อยไปในห้วงมิติไร้ขอบเขต หมื่นวิชาดับสูญ เช่นนั้นต้องตายแน่นอน

……

ครืน!

ตอนนี้เอง กระแสลับมิติโหมซัดสาดหลั่งไหลขึ้นมา เหมือนกับคลื่นลูกใหญ่ถาโถมลงมา

‘จะได้ยืมพลังนี้ตามหาปราการมิติพอดี บางทีอาจจะหาทางออกพบ’

เสิ่นเทียนดีใจอยู่ข้างใน มีไพ่ตายอยู่มากมาย เขาไม่กลัวกฎเกณฑ์ที่นี่เลย

กระแสมิติปั่นป่วนที่ทำให้ผู้อริยะหวาดกลัว กลายเป็นรถแล่นไปตามลมของเขา

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงไม่ถอย แต่บุกเข้าไปก่อน จากนั้นพลังของกระแสลับก็ไหลเวียนไปไกลอย่างรวดเร็ว

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ภายใต้การผลักดันของกระแสมิติปั่นป่วน เสิ่นเทียนเร็วขึ้นไม่รู้กี่เท่า ก่อนหน้านี้ไม่อาจเทียบได้เลย

แต่เมื่อความเร็วในการเดินหน้ามากขึ้น เสิ่นเทียนก็รู้สึกแปลกนิดๆ

คือว่า…มึนหัวนิดหน่อย~

‘ในกระแสมิติปั่นป่วนมีการโจมตีทางจิตด้วยรึ

อ้วก~ ความรู้สึกเช่นนี้

อยากอ้วกชะมัด…

ข้าเมารถแล้ว’

เสิ่นเทียนวิงเวียนศีรษะพร้อมกับไหลไปตามกระแสมิติปั่นป่วนไกลขึ้นเรื่อยๆ

…..

อีกด้านหนึ่ง

มีสายฟ้าเคราะห์ภัยสะท้านโลกลอยขึ้นมากลางกระแสมิติปั่นป่วนไร้พรมแดน

ประกายสายฟ้าสั่นไหว หมุนม้วนไปสามพันลี้ เหมือนกับจะทำลายฟ้าดินให้กลับไปเบิกฟ้าใหม่อีกครั้ง

ภายใต้สายฟ้าเคราะห์ภัยนี้ มีร่างหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศ เงาหงส์ข้างหลังมีขนาดพันจั้ง เปลวไฟร้อนแรงล้นฟ้า มุดเข้าไปในมิติเบิกฟ้า

เห็นได้ชัดว่านี่คือผู้แข็งแกร่งสุดยอดคนหนึ่งกำลังฝ่าด่านเคราะห์

หากมีผู้แข็งแกร่งที่สุดในห้าดินแดนอยู่ที่นี่ ได้เห็นอำนาจเทพเช่นนี้จะต้องจำได้ในทีแรกแน่นอน

คนที่ฝ่าด่านเคราะห์ตอนนี้ก็คือราชินีปีศาจอันดับหนึ่งของดินแดนทักษิณ หญิงหงส์แห่งเผ่าหงส์อมตะ…ราชินีหงส์อมตะ!

นั่นคือสุดยอดธิดาสวรรค์ของดินแดนทักษิณ เข่นฆ่าจนมีชื่อเสียงโด่งดังในศึกตัดฟ้าเมื่อหมื่นปีก่อน เป็นศัตรูคู่แค้นขององค์หญิงขั้นหนึ่งเผ่ามังกรดำเอ๋าปิง!

ความต่างของสองคนคือเมื่อหมื่นปีก่อนเอ๋าปิงเกิดเหตุไม่คาดคิดสิ้นชีพลง ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญเป็นเวลาหมื่นปี

แต่ราชินีหงส์อมตะมีขวัญกำลังใจฮึกเหิมมาตลอดหมื่นปี บรรลุถึงระดับสูงสุดที่ไม่มีผู้แข็งแกร่งสุดยอดคนใดในห้าดินแดนกล้าดูถูกแล้ว

ต่อให้เคราะห์อัสนีระบายความกลัดกลุ้ม ราชินีหงส์อมตะก็ยังเหมือนภูเขาไท่ซาน ปล่อยให้เคราะห์อัสนีชะล้าง

ฉึก!

ตอนนี้เองเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น!

แสงกระบี่สีขาวเงินสายหนึ่งพุ่งมาจากกลางกระแสมิติปั่นป่วนไร้พรมแดน ทะลวงผ่านมิติไร้ที่สิ้นสุดเข้ามา

นั่นคือเจตจำนงกระบี่สะท้านโลก เยือนสวรรค์เก้าชั้น ขึ้นถึงจุดสูงสุด

ผ่านไปที่ใด แม้แต่เศษมิติยังแตกกระจายตาม กลายเป็นอากาศธาตุไปทั้งหมด

“หืม”

ราชินีหงส์อมตะยังตั้งตัวไม่ทันก็เห็นแสงกระบี่นี้ทะลวงเข้ามา ฟันเคราะห์อัสนีกลางนภากลายเป็นความว่างเปล่า

จากนั้น คลื่นพลังของแสงกระบี่นี้ก็หมุนม้วนเข้าใส่ราชินีหงส์อมตะ

หลบรึ

หลบไม่ได้เลย!

โชคดีที่แสงกระบี่นี้ไม่ได้พุ่งตรงใส่ราชินีหงส์อมตะ เพียงแค่คลื่นพลังกระจายมาเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น อานุภาพสูงสุดนั้นก็ยังทำให้ราชินีหงส์อมตะกระอักเลือด กลิ่นอายพลังพลันเหือดแห้งลงไป

เปลวไฟร้อนระอุพุ่งทะลักมาจากในกายราชินีหงส์อมตะ วนเวียนรอบตัวนาง แผ่พลังน่ากลัวออกมา

ใบหน้างดงามที่สุดเผยความจริงจังเสี้ยวหนึ่ง ตอนนี้นางฝ่าด่านเคราะห์มาถึงช่วงเวลาสำคัญ วิชา ลำดับและพลังในกายอยู่ในความสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดยิ่ง

และความสงบนิ่งเช่นนี้ กลับพังทลายลงเมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่นั้น

นางรู้สึกว่าพลังงานบ้าคลั่งในตัวนาง ตอนนี้คุมไม่อยู่แล้ว

“กำราบให้ข้า!”

ราชินีหงส์อมตะเอ่ยอย่างเฉยชา ก่อนเคลื่อนกำลังทั้งหมด เตรียมกำราบเปลวเพลิงที่ปะทุในกาย

น่าเสียดายที่เหมือนจะได้ผลไม่ค่อยชัดเจนนัก

พรึ่บ!

ประกายไฟแตกกระจาย อัคคีอรุณใต้พ่นออกมาทั้งหมด

เปลวไฟเอ่อล้นทะลักถาโถมเข้ามาปกคลุมราชินีหงส์อมตะ

กรรซ์!

แต่จากนั้นก็มีเสียงหงส์ร้องดังสนั่นฟ้า เงาเทพหงส์มหึมาสะท้อนกลางห้วงมิติไร้พรมแดน

เพลิงเทพอีกชนิดทะลักมาจากในกายราชินีหงส์อมตะ พลังยิ่งใหญ่ขึ้นไม่หยุดหย่อน ไม่อยากเชื่อว่าจะกำราบอัคคีอรุณใต้ลงไปได้

“กำราบ!”

ราชินีหงส์อมตะตะคอกเบาๆ เก็บเปลวเพลิงสองชนิดเข้าไปในกาย ถึงจะให้ปรากฏการณ์น่ากลัวค่อยๆ สลายไป

ทว่าตอนนี้เอง ดวงตานางพลันมีความแปลกประหลาดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นเหมือนจะมีเปลวเพลิงต่างกันสองชนิดกำลังโหมไฟลุก

นี่ จะเห็นได้ชัดว่าธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว!

…..

ห่างไปไม่ไกล มีลำแสงสายหนึ่งบินเข้ามาใกล้ที่นี่อย่างรวดเร็ว

นั่น คืออาวุธจักรพรรดิที่มหาจักรพรรดิอีกาทองมอบให้เสิ่นเทียน เตาหลอมเทพสุริยะ

ภายใต้การผลักดันด้วยกระแสมิติปั่นป่วน เสิ่นเทียนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เวียนหัวมาก สุดท้ายก็ได้แต่นำเตาหลอมเทพสุริยะออกมา อยู่ในเตาหลอมเทพ ลดอาการวิงเวียนศีรษะได้

เพียงแต่เสิ่นเทียนไม่รู้เลยว่าสุดท้ายกระแสมิติปั่นป่วนไปจะในทิศทางใด

ได้แต่ลอยไปตามคลื่น~

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด