บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 210 โปรดเอาชนะข้า

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 210 โปรดเอาชนะข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 210 โปรดเอาชนะข้า!

คำพูดของข่งเมิ่งทำให้จินอวี่ถึงกับชะงักงัน

ก่อนพูดยังพูดไว้ดิบดีไม่ใช่หรือว่าเป็นเรื่องง่ายๆ!

เหตุใดตอนนี้เซียนข่งเมิ่งกลับพูดแทนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยังมีจุดยืนอยู่อีกหรือไม่?

“เซียนหญิง เจ้าต้องรับผิดชอบให้พวกเรา ห้ามกลับคำ!”

จินอวี่ดูคับอกคับใจมาก สู้ก็สู้ไม่ได้ ได้แต่คุยเหตุผล

ถึงอย่างไรหากไม่มีข่งเมิ่งหนุนหลัง เขาคงสู้ไม่ได้กระทั่งฉินอวิ๋นตี๋ที่รัวยิงอย่างสุดกำลัง

สนามรบบรรพกาลสมควรตายนี่ เหตุใดถึงจำกัดแต่ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองขึ้นไป มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!

ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจำกัดศักยภาพไว้ จินอวี่คงไม่หวาดกลัวเช่นนี้ เขามีความมั่นใจว่าจะสังหารทุกคนได้ด้วยตัวคนเดียว!

จะเสียดายก็แต่โลกนี้ไม่มีคำว่าถ้าหาก

การจะจับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็มีแต่ต้องพึ่งข่งเมิ่ง

ข่งเมิ่งเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของจินอวี่ นางเอาแต่จ้องเสิ่นเทียน

นางรู้สึกได้ว่าชายคนนี้มีพลังบริสุทธิ์ที่เร่าร้อนและเอ่อล้นอย่างยิ่งอยู่ในตัว นางมองเสิ่นเทียนและรู้สึกว่าตนเหมือนเห็นภูเขาไฟลูกหนึ่ง ซึ่งอาจจะถูกหินหนืดภูเขาไฟที่พุ่งออกมาจมหายไปได้ตลอดเวลา

“กับอีแค่ระดับสร้างฐานตัวเล็ก ศาสตร์หลอมกายเทพมารยังแค่ระดับเหนือสามัญ แต่กลับปล่อยพลังเช่นนี้ออกมาได้!”

ข่งเมิ่งพึมพำกับตัวเอง “หากเจ้ารวมแก่นพลังสำเร็จ ข้าก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้เจ้า

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ บอกข้านามของเจ้าได้หรือไม่”

ช่วงที่ข่งเมิ่งพิจารณามองเสิ่นเทียน เสิ่นเทียนเองก็พิจารณามองข่งเมิ่งอย่างละเอียดเช่นกัน

แต่ในใจเขาไม่ได้คิดว่าข่งเมิ่งแข็งแกร่งเพียงใด แต่คิดว่าเจ้านี่เป็นชายหรือหญิงกันแน่

จะว่าไปไหนว่ามีแค่นกยูงตัวผู้ที่รำแพนหางได้ไม่ใช่หรือ! เหตุใดข้างหลังเด็กสาวเผ่านกยูงนี่ถึงเกิดปรากฏการณ์รำแพนหางเช่นนี้

หรือว่าเด็กสาวคนนี้จะเหมือนกับข่งเสวียนในโลกมืดมน เป็นคนใหญ่คนโตที่ชอบแต่งหญิงนั่นกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนพลันมีสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา “เจ้าเป็นใครกัน”

ข่งเมิ่งเอ่ย “ข้าเสียมารยาทเอง น่าจะแนะนำตัวเองก่อน ข้าคือข่งเมิ่งท่านหญิงน้อยรุ่นปัจจุบันของเผ่าเทพนกยูงดินแดนทักษิณ ได้ยินว่าดินแดนบูรพามีโอรสสวรรค์มากมาย ก็หวังจะมาประลองกับโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาบ้าง

บุตรศักดิ์สิทธิ์เจ้ามีศักยภาพแข็งแกร่งมาก ตอนนี้ทุกคนในสนามรบบรรพกาลถูกจำกัดพลังบำเพ็ญไว้ระดับสร้างฐาน ข่งเมิ่งหวังว่าจะได้สู้กับเจ้า รับการสั่งสอนจากศักยภาพของโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพา”

น้ำเสียงข่งเมิ่งนุ่มนวลกว่าเดิมมาก เพียงแค่ยังไม่ได้เก็บการท้าทายเสิ่นเทียน

เห็นได้ชัดว่านี่คือหญิงที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง

นางลองไร้พ่ายและโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุดมาแล้ว ความกระหายในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจึงพุ่งถึงจุดสูงสุด

เมื่อเห็นข่งเมิ่งจ้องตนเขม็งด้วยแววตาเร่าร้อนแล้ว เสิ่นเทียนก็รู้สึกว่าตนไม่เป็นตัวของตัวเองนิดๆ

สายตาของสาวคนนี้มีความรุกรานมากเกินไปแล้ว มั่นใจนะว่าอยากจะสู้กันจริงๆ

จะว่าไปในเรื่องไซอิ๋ว ก็เหมือนว่านกยูงจะชอบกินคนมาก แม้แต่พระยูไรยังโดนกลืนไป

ซี้ด นางคงไม่ได้คิดจะใช้การประลองมาหลอกกินข้ากระมัง!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนระแวงขึ้นมาทันที

เขายิ้มอ่อนๆ “ท่านเซียนเป็นโอรสสวรรค์ดินแดนทักษิณ เดินทางไกลมาถึงดินแดนบูรพา เสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็ควรจะต้อนรับอย่างเป็นมิตร

จะไปอาศัยช่วงที่เจ้าเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาประลองกับเจ้าได้อย่างไร แบบนี้มันฉวยโอกาสกับคนอื่นมากเกินไป การท้าประลองครั้งนี้ไว้ก่อนเถอะ!”

เมื่อได้ฟังคำพูด ‘ตรงไปตรงมา’ ของเสิ่นเทียนแล้ว แววตาข่งเมิ่งมีความชื่นชมมากขึ้น “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ สมกับเป็นเจ้าจริงๆ! แต่ข่งเมิ่งเฝ้ารอการต่อสู้อย่างถึงอกถึงใจมานานมากแล้ว จนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ลงมือเถอะ! ข้าเฝ้ารอคู่ต่อสู้ที่แท้จริง โปรดเอาชนะข้า!”

โปรดเอาชนะข้า!

สี่คำนี้ออกจากปาก ความนุ่มนวลในแววตาข่งเมิ่งก็หายไปจนสิ้น แต่แทนที่ด้วยจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้อันแรงกล้า แสงเทพห้าสีข้างหลังแผ่กระจายออก

แสงเทพห้าสีมืดฟ้ามัวดินนั้นเหมือนกับนกยูงสูงสิบจั้งกำลังรำแพนหาง สวยงามอย่างยิ่ง

แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดมักจะซ่อนอยู่ในความสวยงามนั้น

เมื่อแสงเทพห้าสีแผ่ขยายออกทั้งหมด เสิ่นเทียนรู้สึกถึงสัญญาณเตือนในตัวดังขึ้นอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าแสงเทพห้าสีนี้ไม่ธรรมดามาก ถ้าโดนสาดผ่าน เกรงว่าคงต้องเจอกับปัญหาใหญ่

ทันทีที่เห็นแสงเทพห้าสีพุ่งมาทางตน ดวงตาเสิ่นเทียนหรี่แคบลงทันที ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางหลายสิบแผ่นลอยออกไป

ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางที่ลอยออกไปทุกแผ่นพุ่งใส่แสงเทพห้าสีเหมือนกับกระบี่เทพทะลวงนภา

ความเร็วนั้นไม่ด้อยไปกว่าแสงเทพห้าสีเท่าไร

จ้าวเฮ่ามีแววตาสนอกสนใจนิดๆ “วิชากระบี่สุดยอดมาก พุ่งออกไปอย่างฉับพลัน รวดเร็วถึงขีดสุด!”

เขามองยันต์ระเบิดอัสนีที่แฝงด้วยไอกระบี่ออกไปพลางพูดงึมงำกับตัวเอง “สมกับเป็นศิษย์พี่เสิ่น นี่คือความเร็ว!”

กุ้ยกงกงกับฉินเกามองเสิ่นเทียนด้วยแววตาเร่าร้อน “องค์ชายแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะใช้ยันต์ระเบิดอัสนีสำแดงวิชากระบี่เช่นนี้ได้!”

“หรือว่านี่จะเป็นระดับสูงสุดที่บันทึกไว้ในคัมภีร์มารสู่สุริยัน ต้นไม้ใบหญ้าหินและดอกไม้ ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นกระบี่หรือ”

เสิ่นเอ้าก้มหน้ามองกระบี่ในมือตนพลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ข้าไม่คู่ควร!”

…..

ยันต์ระเบิดอัสนีพุ่งใส่แสงเทพห้าสีพร้อมกับไอกระบี่คมกริบ ฉีกแสงเทพห้าสีแตกเป็นร่องรอย

บึ้ม~!

บึ้มๆๆ~!

บึ้มๆๆๆ~!

เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง แสงเทพห้าสีถูกชะลอช้าลงไปชั่วพริบตาเดียว ทว่าในเวลาพริบตาเดียวนั้น ตัวเสิ่นเทียนออกจากการปกคลุมของแสงเทพห้าสีแล้ว

เสิ่นเทียนมองข่งเมิ่งที่ตื่นเต้นกับการต่อสู้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากลองแล้วก็พูดอย่างจำใจ “เซียนหญิง ไฉนต้องสู้กันอย่างไร้ความหมายด้วย”

เสิ่นเทียนไม่เข้าใจจริงๆ การฝึกบำเพ็ญเซียนไม่ใช่เพื่อมีชีวิตยืนยาว มีชีวิตที่ดีรึไง!

เหตุใดโอรสสวรรค์พวกนั้นถึงชอบท้าสู้ต่อยตีกับคนอื่นขนาดนั้นกัน

สู้ชนะก็ทำให้แค้น สู้แพ้ก็อาจจะตาย ไม่ว่าชนะหรือแพ้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไฉนต้องทำเช่นนี้!

ข่งเมิ่งมองเสิ่นเทียน ความมุ่งมั่นในการต่อสู้พุ่งสูงสุด “นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ไร้ความหมาย ในเผ่าปีศาจผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่ได้รับความเคารพ

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ถึงเจ้าจะมีใบหน้าเป็นหนึ่ง แต่ถ้าชนะก็จะได้รับความเคารพจากข้า ขอให้เจ้าใช้ศักยภาพของเจ้าเอาชนะข้าเสีย!

ข้าหวังว่าการต่อสู้ที่สูสีกันครั้งนี้ ข้าเป็นฝ่ายแพ้จะดีที่สุด ขอให้เจ้าทำให้ข้าสมหวังด้วย!”

พรึ่บ!

ชุดห้าสีพลันกางออก เหมือนนกยูงรำแพนหาง

แสงเทพห้าสีปล่อยออกมาจากในตัวข่งเมิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะพุ่งไปทางเสิ่นเทียน

“ไฉนต้องบังคับข้าด้วย!”

เสิ่นเทียนมองข่งเมิ่งที่โจมตีใส่ตนไม่หยุดด้วยความจนปัญญามาก

นี่ถ้าเป็นเผ่าปีศาจธรรมดา ตอนนี้เขาคงชักกระบี่ฟ้าสังหารออกมาสับนางไปตุ๋นเป็นน้ำแกงดื่มแล้ว

ปัญหาคือเจ้านี่มีวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์ อีกทั้งสียังสว่างกว่าจางอวิ๋นซี กระทั่งเกิดแสงสีม่วงแล้ว

ผู้มีมหาดวงชะตาสุดยอดเช่นนี้ เป็นหนึ่งในตัวเอกของเผ่าปีศาจยุคนี้เลย

ประกอบกับนางเป็นนกยูงห้าสีสายเลือดบริสุทธิ์เพียงคนเดียวในรอบพันปีมานี้ เป็นความหวังที่ทำให้เผ่าเทพนกยูงยิ่งใหญ่ขึ้น เห็นได้ชัดว่านางได้รับความสำคัญในเผ่ามากที่สุด

ถ้าบอกว่าคนแบบนี้ไม่มีไพ่ตายรักษาชีวิตอะไร สามารถฆ่าได้ง่ายๆ เสิ่นเทียนก็ไม่เชื่อเลย

อีกทั้งตอนนี้ดูแล้ว สาวน้อยข่งเมิ่งนี่ไม่มีเจตนาร้าย แค่เป็นวัยหนุ่มสาวเลือดร้อน อยากจะตัดสินสูงต่ำกับเสิ่นเทียนเท่านั้น

เสิ่นเทียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูกัน โดยเฉพาะศัตรูที่แข็งแกร่งมีดวงชะตาสูงกว่าตน

ถึงอย่างไรการฟาร์มเงียบๆ ก็คือจุดมุ่งหมายที่เสิ่นเทียนปฏิบัติ ไม่ใช่เพราะกลัวแน่นอน!

เสิ่นเทียนรวมเกราะอัสนีมังกรเขียวขึ้นบนตัวช้าๆ สองมือรวมออกมาเป็นอัสนีเทพมังกรเขียวธาตุไม้ลำดับหนึ่ง แต่ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้รวมอัสนีเทพเป็นลูกกลม แต่รวมเป็นกระบี่ยาวสายฟ้า

กระบี่ยาวสายฟ้าพุ่งชนใส่แสงเทพห้าสีเหมือนกับงูเล็กสีเขียว ฉีกแสงเทพห้าสีพวกนั้น

“กระบี่แข็งแกร่งมาก!”

ฉินอวิ๋นตี๋มองแสงเทพห้าสีที่ถูกฉีกไปหลายต่อหลายครั้งพลางพูดพึมพำกับตัวเอง

ไม่มีใครรู้ดีกว่าเขาถึงความทนทานและน่ากลัวของแสงเทพห้าสี เพราะเขาเคยเผชิญหน้ามาแล้ว

เมื่ออยู่ต่อหน้าแสงเทพห้าสี แม้แต่ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรหกสิบกว่ากระบอกยิงไปพร้อมกันยังไม่ทำให้แสงเทพเกิดรอยแม้แต่น้อย

ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ แสงเทพห้าสีที่แข็งแกร่งยากจะตีแตกนี่กลับเกิดรูโหว่ต่อเนื่องกัน นี่ใช่เพราะแสงเทพอ่อนกำลังลงแน่นอน

แต่เสิ่นเทียนใช้ยันต์ระเบิดกับสายฟ้าเป็นกระบี่เพิ่มอานุภาพของยันต์ระเบิดอัสนีกับอัสนีเทพธาตุไม้ลำดับหนึ่งให้ถึงระดับน่าสะพรึงกลัว

เมื่ออยู่ในมือเสิ่นเทียนที่มี ‘กายเทพกระบี่ฟ้า’ การโจมตีที่ดูเหมือนธรรมดาพวกนี้ก็พัฒนาขึ้น!

พัฒนาจนถึงขั้นที่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานส่วนใหญ่ยังไม่กล้าคิด!

…….

“เจ้าทำให้ข้าพอใจได้จริงๆ! แต่การโจมตีแค่นี้ยังไม่พอ ออกแรงอีกๆ!”

แสงเทพห้าสีถูกฉีกเป็นรูหลายต่อหลายครั้ง แต่ข่งเมิ่งยังยิ้มพอใจ

นางไร้พ่ายมานานมาก ในรุ่นเดียวกันของดินแดนทักษิณยังไม่มีใครฉีกแสงเทพคุ้มกายของนางได้

ไร้พ่ายเงียบเหงาเพียงใด ไร้พ่ายว่างเปล่าเพียงใด นางเข้าใจดีกว่าใคร

การเดินทางมาสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ ได้พบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็พอใจแล้ว!

เมื่อสัมผัสได้ว่าแสงเทพห้าสีโดนเสิ่นเทียนฉีกเป็นรอยแยก ข่งเมิ่งก็รู้ว่านั่นเป็นเพราะแสงเทพห้าสียังมีช่องโหว่และจุดเปราะบางอยู่

ในการต่อสู้ ข่งเมิ่งสามารถเข้าใจและเพิ่มทักษะการควบคุมแสงเทพห้าสีได้รวดเร็วและชัดเจน ดังคำกล่าวว่าปิดด่านบำเพ็ญร้อยปีสู้การรบอย่างดุเดือดสักครั้งไม่ได้ การต่อสู้คือทางลัดในการเพิ่มศักยภาพเสมอ!

ไม่ใช่แค่แสงเทพของข่งเมิ่งกำลังแกร่งขึ้น ความเข้าใจในกระบี่ของเสิ่นเทียนก็ลึกซึ้งขึ้นเช่นกัน

“ไร้อุบายชนะมีอุบาย ไร้กระบี่ชนะมีกระบี่ ทุกสรรพสิ่งล้วนคือกระบี่! ฝึกยุทธ์ใต้หล้า ไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลายได้ มีเพียงความเร็วที่ยังคงอยู่!”

…..

ไม่อยากเชื่อว่าเสิ่นเทียนจะเข้าใจและดูดซับทฤษฎีพื้นฐานกระบี่ที่เคยอ่านเมื่อภพก่อนได้ เขาเปลี่ยนมันเป็นพลังแฝงวิถีกระบี่

ในการต่อสู้อย่างต่อเนื่องนี้ เขารู้สึกว่าตนไม่ได้เรียนวิชากระบี่ใดๆ เลย แต่ความเข้าใจในวิถีกระบี่กลับเพิ่มขึ้นไม่หยุด

นี่ถ้าผู้ฝึกบำเพ็ญที่ฝึกฝนวิถีกระบี่อย่างหนักพวกนั้นมาเห็นเข้า คงต้องสงสัยในชีวิตกันแน่

“ยินดีมากที่ได้พบเจ้า สหายเสิ่นเทียน”

ข่งเมิ่งมองเสิ่นเทียนด้วยรอยยิ้มงดงาม “แต่ถ้าเจ้ามีศักยภาพแค่นี้ เช่นนั้นวันนี้เจ้าคงต้องแพ้อย่างแน่นอน!

ชักกระบี่เถอะ! มีระดับวิถีกระบี่ลึกล้ำเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่มีสุดยอดกระบี่เทพในมือ ใช้กระบี่ของเจ้าเอาชนะข้า หรือไม่ก็ให้ข้าปราบกระบี่ของเจ้า มา ทำให้ข้าพอใจ!

ถ้าเอาชนะข้าได้ เจ้าจะได้รับความเคารพและมิตรภาพจากเผ่าเทพนกยูง!”

ข่งเมิ่งตะโกนเสียงเย็นชา สองปีกข้างหลังกระพือขึ้น

ร่างนางพุ่งขึ้นฟ้า แสงเทพห้าสีข้างหลังแสดงปรากฏการณ์อย่างกับของจริง

ต่อมาก็รวมเป็นกรงแสงเทพใหญ่มหึมากดทับใส่เสิ่นเทียน

เมื่อเห็นข่งเมิ่งควบคุมกรงแสงเทพห้าสีกดลงมาใส่ตนแล้ว เสิ่นเทียนก็ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ก่อนยื่นเถาวัลย์สีเขียวมรกตออกมาจากมือขวาช้าๆ บนนั้นยังแนบด้วยน้ำมวลหนักสีเงิน

วินาทีต่อมา เถากลืนกินเซียนพลันขยายใหญ่ขึ้น ลากผ่านมวลอากาศไปเป็นเศษเงาพุ่งออกไป

เถากลืนกินเซียนปะทะกับกรงแสงท่ามกลางสายตาเฝ้ารอคอยของทุกคน

กึก!

กรงแสงที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้เกิดรอยร้าวขึ้น!

แสงเทพห้าสีเกิดรอยร้าวแล้ว!

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 210 โปรดเอาชนะข้า

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 210 โปรดเอาชนะข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 210 โปรดเอาชนะข้า!

คำพูดของข่งเมิ่งทำให้จินอวี่ถึงกับชะงักงัน

ก่อนพูดยังพูดไว้ดิบดีไม่ใช่หรือว่าเป็นเรื่องง่ายๆ!

เหตุใดตอนนี้เซียนข่งเมิ่งกลับพูดแทนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ยังมีจุดยืนอยู่อีกหรือไม่?

“เซียนหญิง เจ้าต้องรับผิดชอบให้พวกเรา ห้ามกลับคำ!”

จินอวี่ดูคับอกคับใจมาก สู้ก็สู้ไม่ได้ ได้แต่คุยเหตุผล

ถึงอย่างไรหากไม่มีข่งเมิ่งหนุนหลัง เขาคงสู้ไม่ได้กระทั่งฉินอวิ๋นตี๋ที่รัวยิงอย่างสุดกำลัง

สนามรบบรรพกาลสมควรตายนี่ เหตุใดถึงจำกัดแต่ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองขึ้นไป มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!

ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจำกัดศักยภาพไว้ จินอวี่คงไม่หวาดกลัวเช่นนี้ เขามีความมั่นใจว่าจะสังหารทุกคนได้ด้วยตัวคนเดียว!

จะเสียดายก็แต่โลกนี้ไม่มีคำว่าถ้าหาก

การจะจับตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็มีแต่ต้องพึ่งข่งเมิ่ง

ข่งเมิ่งเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของจินอวี่ นางเอาแต่จ้องเสิ่นเทียน

นางรู้สึกได้ว่าชายคนนี้มีพลังบริสุทธิ์ที่เร่าร้อนและเอ่อล้นอย่างยิ่งอยู่ในตัว นางมองเสิ่นเทียนและรู้สึกว่าตนเหมือนเห็นภูเขาไฟลูกหนึ่ง ซึ่งอาจจะถูกหินหนืดภูเขาไฟที่พุ่งออกมาจมหายไปได้ตลอดเวลา

“กับอีแค่ระดับสร้างฐานตัวเล็ก ศาสตร์หลอมกายเทพมารยังแค่ระดับเหนือสามัญ แต่กลับปล่อยพลังเช่นนี้ออกมาได้!”

ข่งเมิ่งพึมพำกับตัวเอง “หากเจ้ารวมแก่นพลังสำเร็จ ข้าก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้เจ้า

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ บอกข้านามของเจ้าได้หรือไม่”

ช่วงที่ข่งเมิ่งพิจารณามองเสิ่นเทียน เสิ่นเทียนเองก็พิจารณามองข่งเมิ่งอย่างละเอียดเช่นกัน

แต่ในใจเขาไม่ได้คิดว่าข่งเมิ่งแข็งแกร่งเพียงใด แต่คิดว่าเจ้านี่เป็นชายหรือหญิงกันแน่

จะว่าไปไหนว่ามีแค่นกยูงตัวผู้ที่รำแพนหางได้ไม่ใช่หรือ! เหตุใดข้างหลังเด็กสาวเผ่านกยูงนี่ถึงเกิดปรากฏการณ์รำแพนหางเช่นนี้

หรือว่าเด็กสาวคนนี้จะเหมือนกับข่งเสวียนในโลกมืดมน เป็นคนใหญ่คนโตที่ชอบแต่งหญิงนั่นกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนพลันมีสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา “เจ้าเป็นใครกัน”

ข่งเมิ่งเอ่ย “ข้าเสียมารยาทเอง น่าจะแนะนำตัวเองก่อน ข้าคือข่งเมิ่งท่านหญิงน้อยรุ่นปัจจุบันของเผ่าเทพนกยูงดินแดนทักษิณ ได้ยินว่าดินแดนบูรพามีโอรสสวรรค์มากมาย ก็หวังจะมาประลองกับโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาบ้าง

บุตรศักดิ์สิทธิ์เจ้ามีศักยภาพแข็งแกร่งมาก ตอนนี้ทุกคนในสนามรบบรรพกาลถูกจำกัดพลังบำเพ็ญไว้ระดับสร้างฐาน ข่งเมิ่งหวังว่าจะได้สู้กับเจ้า รับการสั่งสอนจากศักยภาพของโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพา”

น้ำเสียงข่งเมิ่งนุ่มนวลกว่าเดิมมาก เพียงแค่ยังไม่ได้เก็บการท้าทายเสิ่นเทียน

เห็นได้ชัดว่านี่คือหญิงที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง

นางลองไร้พ่ายและโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุดมาแล้ว ความกระหายในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจึงพุ่งถึงจุดสูงสุด

เมื่อเห็นข่งเมิ่งจ้องตนเขม็งด้วยแววตาเร่าร้อนแล้ว เสิ่นเทียนก็รู้สึกว่าตนไม่เป็นตัวของตัวเองนิดๆ

สายตาของสาวคนนี้มีความรุกรานมากเกินไปแล้ว มั่นใจนะว่าอยากจะสู้กันจริงๆ

จะว่าไปในเรื่องไซอิ๋ว ก็เหมือนว่านกยูงจะชอบกินคนมาก แม้แต่พระยูไรยังโดนกลืนไป

ซี้ด นางคงไม่ได้คิดจะใช้การประลองมาหลอกกินข้ากระมัง!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนระแวงขึ้นมาทันที

เขายิ้มอ่อนๆ “ท่านเซียนเป็นโอรสสวรรค์ดินแดนทักษิณ เดินทางไกลมาถึงดินแดนบูรพา เสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็ควรจะต้อนรับอย่างเป็นมิตร

จะไปอาศัยช่วงที่เจ้าเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาประลองกับเจ้าได้อย่างไร แบบนี้มันฉวยโอกาสกับคนอื่นมากเกินไป การท้าประลองครั้งนี้ไว้ก่อนเถอะ!”

เมื่อได้ฟังคำพูด ‘ตรงไปตรงมา’ ของเสิ่นเทียนแล้ว แววตาข่งเมิ่งมีความชื่นชมมากขึ้น “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ สมกับเป็นเจ้าจริงๆ! แต่ข่งเมิ่งเฝ้ารอการต่อสู้อย่างถึงอกถึงใจมานานมากแล้ว จนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ลงมือเถอะ! ข้าเฝ้ารอคู่ต่อสู้ที่แท้จริง โปรดเอาชนะข้า!”

โปรดเอาชนะข้า!

สี่คำนี้ออกจากปาก ความนุ่มนวลในแววตาข่งเมิ่งก็หายไปจนสิ้น แต่แทนที่ด้วยจิตมุ่งมั่นในการต่อสู้อันแรงกล้า แสงเทพห้าสีข้างหลังแผ่กระจายออก

แสงเทพห้าสีมืดฟ้ามัวดินนั้นเหมือนกับนกยูงสูงสิบจั้งกำลังรำแพนหาง สวยงามอย่างยิ่ง

แต่สิ่งที่อันตรายที่สุดมักจะซ่อนอยู่ในความสวยงามนั้น

เมื่อแสงเทพห้าสีแผ่ขยายออกทั้งหมด เสิ่นเทียนรู้สึกถึงสัญญาณเตือนในตัวดังขึ้นอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าแสงเทพห้าสีนี้ไม่ธรรมดามาก ถ้าโดนสาดผ่าน เกรงว่าคงต้องเจอกับปัญหาใหญ่

ทันทีที่เห็นแสงเทพห้าสีพุ่งมาทางตน ดวงตาเสิ่นเทียนหรี่แคบลงทันที ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางหลายสิบแผ่นลอยออกไป

ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางที่ลอยออกไปทุกแผ่นพุ่งใส่แสงเทพห้าสีเหมือนกับกระบี่เทพทะลวงนภา

ความเร็วนั้นไม่ด้อยไปกว่าแสงเทพห้าสีเท่าไร

จ้าวเฮ่ามีแววตาสนอกสนใจนิดๆ “วิชากระบี่สุดยอดมาก พุ่งออกไปอย่างฉับพลัน รวดเร็วถึงขีดสุด!”

เขามองยันต์ระเบิดอัสนีที่แฝงด้วยไอกระบี่ออกไปพลางพูดงึมงำกับตัวเอง “สมกับเป็นศิษย์พี่เสิ่น นี่คือความเร็ว!”

กุ้ยกงกงกับฉินเกามองเสิ่นเทียนด้วยแววตาเร่าร้อน “องค์ชายแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะใช้ยันต์ระเบิดอัสนีสำแดงวิชากระบี่เช่นนี้ได้!”

“หรือว่านี่จะเป็นระดับสูงสุดที่บันทึกไว้ในคัมภีร์มารสู่สุริยัน ต้นไม้ใบหญ้าหินและดอกไม้ ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นกระบี่หรือ”

เสิ่นเอ้าก้มหน้ามองกระบี่ในมือตนพลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ข้าไม่คู่ควร!”

…..

ยันต์ระเบิดอัสนีพุ่งใส่แสงเทพห้าสีพร้อมกับไอกระบี่คมกริบ ฉีกแสงเทพห้าสีแตกเป็นร่องรอย

บึ้ม~!

บึ้มๆๆ~!

บึ้มๆๆๆ~!

เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง แสงเทพห้าสีถูกชะลอช้าลงไปชั่วพริบตาเดียว ทว่าในเวลาพริบตาเดียวนั้น ตัวเสิ่นเทียนออกจากการปกคลุมของแสงเทพห้าสีแล้ว

เสิ่นเทียนมองข่งเมิ่งที่ตื่นเต้นกับการต่อสู้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากลองแล้วก็พูดอย่างจำใจ “เซียนหญิง ไฉนต้องสู้กันอย่างไร้ความหมายด้วย”

เสิ่นเทียนไม่เข้าใจจริงๆ การฝึกบำเพ็ญเซียนไม่ใช่เพื่อมีชีวิตยืนยาว มีชีวิตที่ดีรึไง!

เหตุใดโอรสสวรรค์พวกนั้นถึงชอบท้าสู้ต่อยตีกับคนอื่นขนาดนั้นกัน

สู้ชนะก็ทำให้แค้น สู้แพ้ก็อาจจะตาย ไม่ว่าชนะหรือแพ้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไฉนต้องทำเช่นนี้!

ข่งเมิ่งมองเสิ่นเทียน ความมุ่งมั่นในการต่อสู้พุ่งสูงสุด “นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ไร้ความหมาย ในเผ่าปีศาจผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่ได้รับความเคารพ

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ถึงเจ้าจะมีใบหน้าเป็นหนึ่ง แต่ถ้าชนะก็จะได้รับความเคารพจากข้า ขอให้เจ้าใช้ศักยภาพของเจ้าเอาชนะข้าเสีย!

ข้าหวังว่าการต่อสู้ที่สูสีกันครั้งนี้ ข้าเป็นฝ่ายแพ้จะดีที่สุด ขอให้เจ้าทำให้ข้าสมหวังด้วย!”

พรึ่บ!

ชุดห้าสีพลันกางออก เหมือนนกยูงรำแพนหาง

แสงเทพห้าสีปล่อยออกมาจากในตัวข่งเมิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะพุ่งไปทางเสิ่นเทียน

“ไฉนต้องบังคับข้าด้วย!”

เสิ่นเทียนมองข่งเมิ่งที่โจมตีใส่ตนไม่หยุดด้วยความจนปัญญามาก

นี่ถ้าเป็นเผ่าปีศาจธรรมดา ตอนนี้เขาคงชักกระบี่ฟ้าสังหารออกมาสับนางไปตุ๋นเป็นน้ำแกงดื่มแล้ว

ปัญหาคือเจ้านี่มีวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์ อีกทั้งสียังสว่างกว่าจางอวิ๋นซี กระทั่งเกิดแสงสีม่วงแล้ว

ผู้มีมหาดวงชะตาสุดยอดเช่นนี้ เป็นหนึ่งในตัวเอกของเผ่าปีศาจยุคนี้เลย

ประกอบกับนางเป็นนกยูงห้าสีสายเลือดบริสุทธิ์เพียงคนเดียวในรอบพันปีมานี้ เป็นความหวังที่ทำให้เผ่าเทพนกยูงยิ่งใหญ่ขึ้น เห็นได้ชัดว่านางได้รับความสำคัญในเผ่ามากที่สุด

ถ้าบอกว่าคนแบบนี้ไม่มีไพ่ตายรักษาชีวิตอะไร สามารถฆ่าได้ง่ายๆ เสิ่นเทียนก็ไม่เชื่อเลย

อีกทั้งตอนนี้ดูแล้ว สาวน้อยข่งเมิ่งนี่ไม่มีเจตนาร้าย แค่เป็นวัยหนุ่มสาวเลือดร้อน อยากจะตัดสินสูงต่ำกับเสิ่นเทียนเท่านั้น

เสิ่นเทียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูกัน โดยเฉพาะศัตรูที่แข็งแกร่งมีดวงชะตาสูงกว่าตน

ถึงอย่างไรการฟาร์มเงียบๆ ก็คือจุดมุ่งหมายที่เสิ่นเทียนปฏิบัติ ไม่ใช่เพราะกลัวแน่นอน!

เสิ่นเทียนรวมเกราะอัสนีมังกรเขียวขึ้นบนตัวช้าๆ สองมือรวมออกมาเป็นอัสนีเทพมังกรเขียวธาตุไม้ลำดับหนึ่ง แต่ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้รวมอัสนีเทพเป็นลูกกลม แต่รวมเป็นกระบี่ยาวสายฟ้า

กระบี่ยาวสายฟ้าพุ่งชนใส่แสงเทพห้าสีเหมือนกับงูเล็กสีเขียว ฉีกแสงเทพห้าสีพวกนั้น

“กระบี่แข็งแกร่งมาก!”

ฉินอวิ๋นตี๋มองแสงเทพห้าสีที่ถูกฉีกไปหลายต่อหลายครั้งพลางพูดพึมพำกับตัวเอง

ไม่มีใครรู้ดีกว่าเขาถึงความทนทานและน่ากลัวของแสงเทพห้าสี เพราะเขาเคยเผชิญหน้ามาแล้ว

เมื่ออยู่ต่อหน้าแสงเทพห้าสี แม้แต่ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรหกสิบกว่ากระบอกยิงไปพร้อมกันยังไม่ทำให้แสงเทพเกิดรอยแม้แต่น้อย

ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ แสงเทพห้าสีที่แข็งแกร่งยากจะตีแตกนี่กลับเกิดรูโหว่ต่อเนื่องกัน นี่ใช่เพราะแสงเทพอ่อนกำลังลงแน่นอน

แต่เสิ่นเทียนใช้ยันต์ระเบิดกับสายฟ้าเป็นกระบี่เพิ่มอานุภาพของยันต์ระเบิดอัสนีกับอัสนีเทพธาตุไม้ลำดับหนึ่งให้ถึงระดับน่าสะพรึงกลัว

เมื่ออยู่ในมือเสิ่นเทียนที่มี ‘กายเทพกระบี่ฟ้า’ การโจมตีที่ดูเหมือนธรรมดาพวกนี้ก็พัฒนาขึ้น!

พัฒนาจนถึงขั้นที่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานส่วนใหญ่ยังไม่กล้าคิด!

…….

“เจ้าทำให้ข้าพอใจได้จริงๆ! แต่การโจมตีแค่นี้ยังไม่พอ ออกแรงอีกๆ!”

แสงเทพห้าสีถูกฉีกเป็นรูหลายต่อหลายครั้ง แต่ข่งเมิ่งยังยิ้มพอใจ

นางไร้พ่ายมานานมาก ในรุ่นเดียวกันของดินแดนทักษิณยังไม่มีใครฉีกแสงเทพคุ้มกายของนางได้

ไร้พ่ายเงียบเหงาเพียงใด ไร้พ่ายว่างเปล่าเพียงใด นางเข้าใจดีกว่าใคร

การเดินทางมาสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ ได้พบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็พอใจแล้ว!

เมื่อสัมผัสได้ว่าแสงเทพห้าสีโดนเสิ่นเทียนฉีกเป็นรอยแยก ข่งเมิ่งก็รู้ว่านั่นเป็นเพราะแสงเทพห้าสียังมีช่องโหว่และจุดเปราะบางอยู่

ในการต่อสู้ ข่งเมิ่งสามารถเข้าใจและเพิ่มทักษะการควบคุมแสงเทพห้าสีได้รวดเร็วและชัดเจน ดังคำกล่าวว่าปิดด่านบำเพ็ญร้อยปีสู้การรบอย่างดุเดือดสักครั้งไม่ได้ การต่อสู้คือทางลัดในการเพิ่มศักยภาพเสมอ!

ไม่ใช่แค่แสงเทพของข่งเมิ่งกำลังแกร่งขึ้น ความเข้าใจในกระบี่ของเสิ่นเทียนก็ลึกซึ้งขึ้นเช่นกัน

“ไร้อุบายชนะมีอุบาย ไร้กระบี่ชนะมีกระบี่ ทุกสรรพสิ่งล้วนคือกระบี่! ฝึกยุทธ์ใต้หล้า ไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลายได้ มีเพียงความเร็วที่ยังคงอยู่!”

…..

ไม่อยากเชื่อว่าเสิ่นเทียนจะเข้าใจและดูดซับทฤษฎีพื้นฐานกระบี่ที่เคยอ่านเมื่อภพก่อนได้ เขาเปลี่ยนมันเป็นพลังแฝงวิถีกระบี่

ในการต่อสู้อย่างต่อเนื่องนี้ เขารู้สึกว่าตนไม่ได้เรียนวิชากระบี่ใดๆ เลย แต่ความเข้าใจในวิถีกระบี่กลับเพิ่มขึ้นไม่หยุด

นี่ถ้าผู้ฝึกบำเพ็ญที่ฝึกฝนวิถีกระบี่อย่างหนักพวกนั้นมาเห็นเข้า คงต้องสงสัยในชีวิตกันแน่

“ยินดีมากที่ได้พบเจ้า สหายเสิ่นเทียน”

ข่งเมิ่งมองเสิ่นเทียนด้วยรอยยิ้มงดงาม “แต่ถ้าเจ้ามีศักยภาพแค่นี้ เช่นนั้นวันนี้เจ้าคงต้องแพ้อย่างแน่นอน!

ชักกระบี่เถอะ! มีระดับวิถีกระบี่ลึกล้ำเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่มีสุดยอดกระบี่เทพในมือ ใช้กระบี่ของเจ้าเอาชนะข้า หรือไม่ก็ให้ข้าปราบกระบี่ของเจ้า มา ทำให้ข้าพอใจ!

ถ้าเอาชนะข้าได้ เจ้าจะได้รับความเคารพและมิตรภาพจากเผ่าเทพนกยูง!”

ข่งเมิ่งตะโกนเสียงเย็นชา สองปีกข้างหลังกระพือขึ้น

ร่างนางพุ่งขึ้นฟ้า แสงเทพห้าสีข้างหลังแสดงปรากฏการณ์อย่างกับของจริง

ต่อมาก็รวมเป็นกรงแสงเทพใหญ่มหึมากดทับใส่เสิ่นเทียน

เมื่อเห็นข่งเมิ่งควบคุมกรงแสงเทพห้าสีกดลงมาใส่ตนแล้ว เสิ่นเทียนก็ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ก่อนยื่นเถาวัลย์สีเขียวมรกตออกมาจากมือขวาช้าๆ บนนั้นยังแนบด้วยน้ำมวลหนักสีเงิน

วินาทีต่อมา เถากลืนกินเซียนพลันขยายใหญ่ขึ้น ลากผ่านมวลอากาศไปเป็นเศษเงาพุ่งออกไป

เถากลืนกินเซียนปะทะกับกรงแสงท่ามกลางสายตาเฝ้ารอคอยของทุกคน

กึก!

กรงแสงที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้เกิดรอยร้าวขึ้น!

แสงเทพห้าสีเกิดรอยร้าวแล้ว!

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+