บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 439 เพิ่งจะรวมกลุ่มก็หายตัวไปแล้ว! (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 439 เพิ่งจะรวมกลุ่มก็หายตัวไปแล้ว! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 439 เพิ่งจะรวมกลุ่มก็หายตัวไปแล้ว! (1)

ม่านแสงสีโลหิตส่องสะท้อนขอบฟ้า

เมื่อยอดค่ายกลกระตุ้นขึ้น ทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังน่ากลัว

เลือดลมแผ่กระจายมาจากม่านโลหิต ปกคลุมเมืองทะเลบูรพา ทำให้ที่นี่กลายเป็นโลกสีโลหิต

เลือดลมพวกนี้ชั่วร้ายอย่างยิ่ง แฝงไว้ด้วยพลังชั่วร้ายที่เหี้ยมโหด ทารุณและบ้าคลั่ง

นี่คือยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตที่ลัทธิวิญญาณร้ายเก็บเป็นความลับมานาน ทำให้คนสิ้นสติปัญญา รู้จักแต่การเข่นฆ่ากระหายเลือด!

ไม่นานนัก ผู้บำเพ็ญที่มีพลังค่อนข้างอ่อนแอพวกนั้นก็ตาแดงก่ำ

พวกเขาหายใจหนักหน่วง กลายเป็นคลุ้มคลั่ง เริ่มลงมือกับคนรอบข้าง

ชั่วครู่เดียวก็เกิดความวุ่นวายกลางเมือง ทุกที่มีแต่การต่อสู้เข่นฆ่า โลหิตนองเป็นสายน้ำ!

ยังไม่จบเท่านั้น!

ประมุขวิหารมายาโบกมือกว้าง เปลี่ยนค่ายกลอีกครั้ง ทำให้เขตแดนเกิดฝนโลหิตสีแดงฉานตกลงมา

ฝนโลหิตเต็มไปด้วยพลังกัดกร่อน ทำให้ผู้บำเพ็ญดวงจิตดรุณกลายเป็นโครงกระดูกได้ง่ายดาย ชั่วพริบตาเดียว ที่นี่เหมือนกลายเป็นนรก ผู้บำเพ็ญมากมายส่งเสียงร้องโอดครวญ!

“เป็นไปได้อย่างไร นี่มันค่ายกลอะไร!”

“อ๊าก!”

“มือข้า!”

“ขาข้า!”

“อึกอ๊ากๆๆ”

ผู้บำเพ็ญดวงจิตดรุณเปียกฝนโลหิตแล้ว เพียงไม่กี่ลมหายใจก็กลายเป็นกองกระดูกขาว!

แม้แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์หลอมรวมเทพยังยืนหยัดได้ไม่นาน พลังฤทธิ์คุ้มกันก็ละลายไปอย่างรวดเร็ว

ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกใจจนเย็นไปทั้งตัว

“ช่วยกันวางค่ายกล!”

สวีอันตะโกนด้วยความโกรธ รีบออกคำสั่งให้ทุกคนร่วมมือกัน

ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งเมืองทะเลบูรพาได้กลายเป็นทะเลกระดูกภูเขาซากศพแน่!

ผู้บำเพ็ญแข็งแกร่งจากทุกตระกูลออกมือ พากันสำแดงพลังฤทธิ์สร้างม่านแสงป้องกัน

ม่านแสงสว่างขึ้นปกคลุมผู้บำเพ็ญทุกคนในที่นี้ไว้ สกัดฝนโลหิตได้ชั่วคราว

ทว่ากลิ่นอายพลังชั่วร้ายยังคงซึมเข้ามา ทำให้ผู้บำเพ็ญมากมายจิตใจสั่นคลอน เกิดความคิดเข่นฆ่าขึ้น

ประมุขวิหารมายาทำหน้าเหยียดหยาม ก่อนแสยะยิ้ม “พวกดื้อด้าน! ค่ายกลนี้แม้แต่อริยะแท้ยังกัดกร่อนได้ พวกเจ้าคิดว่าจะต้านไหวรึ”

คนที่มีพลังบำเพ็ญสูงสุดในที่นี้คือเจ้าเมืองทะเลบูรพาสวีอัน

แม้จะมีผู้อริยะคนอื่น แต่พลังบำเพ็ญไม่สูง จำนวนก็ไม่มาก!

พวกเขามาที่นี่เพื่อร่วมงานใหญ่แลกเปลี่ยน จะไปเคยคิดได้อย่างไรว่าจะมีลัทธิวิญญาณร้ายซุ่มอยู่ที่นี่!

ภายใต้ยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิต ผู้บำเพ็ญดินแดนกลางไม่มีแรงต่อต้านเลย!

……

ฝนโลหิตถาโถมลงมาปกคลุมมืดฟ้ามัวดิน

หยดฝนโลหิตตกลงบนม่านแสง เกิดคลื่นกระเพื่อมไม่มีสิ้นสุด เหมือนจะทำลายได้ตลอดเวลา!

ผู้อริยะมากมายหน้าเปลี่ยนสี รีบเสริมพลังความแกร่งให้ค่ายกล

“ต้องหาทางทำลายค่ายกล!”

สวีอันพูดด้วยความตื่นตระหนก ยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตน่ากลัวเกินไป ต่อให้เป็นผู้อริยะก็ยังต้านไว้ได้ไม่นานนัก

ผู้บำเพ็ญมากมายหวาดกลัวกันทุกคน จิตใจหนาวสั่น

หากค่ายกลถูกทำลาย ไม่นานที่นี่จะกลายเป็นนรกบนดิน

ประมุขวิหารมายาเผยแววตาโหดเหี้ยมขึ้นอีก “อีกไม่นาน พวกเจ้าจะกลายเป็นสารอาหารทหารอริยะของข้า!”

เขาโบกมือกว้าง ค่ายกลมีอานุภาพเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

โลหิตมากมายรวมเป็นธารน้ำยาว

พวกนั้นคือโลหิตบริสุทธิ์เซ่นไหว้โลหิต ประมุขวิหารมายาควบคุมให้เข้าไปในส่วนลึกของวิหารมายา

ชั่วครู่เดียวเกิดแสงโลหิตสว่างจ้า ลุกโชตช่วงขึ้น ส่องสะท้อนฟ้าดิน

กลิ่นอายพลังชั่วร้ายพุ่งออกมา ทำให้คนมากมายขนพองสยองเกล้าและจิตใจสั่นกลัว

ตรงนั้นมีทหารชั่วร้ายกำลังผลัดเปลี่ยน กำลังดูดซับสารอาหารและจะสำเร็จสูงสุด

สวีอันหน้าซีดขาว “หากยังทำลายค่ายกลไม่ได้ จะต้องตายที่นี่จริงๆ แล้ว!”

ไม่ว่าจะยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตหรือทหารชั่วร้าย พวกเขาก็ไม่อาจต่อต้านได้ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป สิ่งที่รอพวกเขาอยู่จะมีเพียงความตาย!

“ช่วยกันโจมตีทำลายค่ายกล!”

สวีอันตะโกนเสียงดัง ช่วยกันต้านแรงกดดันออกมือร่วมกับผู้อริยะหลายคน หมายจะทำลายค่ายกล

บึ้มๆๆ!

สายรุ้งเทพพลังงานหลายสายพุ่งขึ้นฟ้า แต่กลับไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย

การโจมตีทั้งหมดถูกยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตกลืนกินไป ไม่อาจสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย!

“ตายแน่แล้ว!”

คนมากมายร้องโอดครวญ คิดว่ามีความหวังริบหรี่!

…..

และตอนนี้เอง ในที่สุดฉีจ้านก็เคลื่อนไหว

เขายืนอยู่กลางอากาศ เปล่งแสงทองทั้งตัว เกราะนักรบทองคำเปล่งประกายระยิบระยับ กลิ่นอายพลังองอาจห้าวหาญ!

ฝนโลหิตตกลงมาบนตัวเขา ถูกแสงทองระเหยไปทันที ไม่อาจรุกรานเข้ามาได้เลย

ฉีจ้านพลันพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนควงกระบองใหญ่แสงทองในมือปาขึ้นฟ้า!

“กินกระบองของข้า!”

เขาคำรามเสียงดัง เหมือนกับเทพสงครามไร้พ่าย

กระบองพุ่งออกไปทำลายอากาศ เหมือนกับเบิกฟ้าผ่าปฐพี หมุนม้วนแม่น้ำภูเขา

บึ้ม!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน ห้วงอากาศพังทลายลง

ฉีจ้านโจมตีอย่างบ้าคลั่ง พลังเอ่อล้นยากจะปัดป้อง ทำลายห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังเทพสั่นกระเพื่อม

ทว่าเมื่อกระทบม่านโลหิตก็เกิดคลื่นกระเพื่อมไม่มีสิ้นสุด ไม่พังทลายลง

“ระยำ เจ้านี่แข็งขนาดนี้เชียวรึ”

ฉีจ้านเพ่งสายตามองเล็กน้อย เขาออกมืออย่างเต็มที่แล้วยังทำลายยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตไม่ได้อีก

ประมุขวิหารมายายิ้มเยาะไม่หยุด “ข้าเตรียมการมาหลายปีเพื่อการเซ่นไหว้ในวันนี้ จะบอกพวกเจ้าให้ก็ได้ ค่ายกลนี้วางโดยผู้อาวุโส หากไม่มีพลังระดับเจ้าอริยะก็ไม่มีทางทำลายได้! ที่นี่มีแต่เข้าไม่มีออกไปได้! รอพวกเจ้าตายแล้ว ผู้บำเพ็ญที่มาเมืองทะเลบูรพาทั้งหมดจะตายไปพร้อมกับพวกเจ้า!”

ฉีจ้านเกาศีรษะลิง ก่อนจะทำหน้าร้อนรน “นี่เป็นปัญหาแล้ว!”

เดิมทีเขาคิดจะกำราบประมุขมายา ไม่นึกเลยว่าจะเกิดปัญหาใหญ่เช่นนี้

แต่ต่อให้ฉีจ้านไม่ออกมือ ประมุขมายาก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอยู่แล้ว

หากยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่วัน นั่นจะไม่มีทางแก้ไขอะไรใดๆ ได้เลย!

ฉีจ้านเกาหนังศีรษะอย่างบ้าคลั่ง อยากจะหาทางแก้!

…..

เมื่อเห็นฉีจ้านทำลายค่ายกลไม่ได้ ทุกคนก็มีสีหน้าสิ้นหวัง!

คนมากมายร้องโอดครวญ คิดว่าต้องตายที่นี่แน่นอน

ประมุขวิหารมายาหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง “พวกเจ้าตายแน่! สาวกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ฆ่ามัน!”

สาวกวิญญาณร้ายเดิมทีฝึกวิชาชั่วร้าย ยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตไม่มีผลกับพวกเขา แต่กลับเสริมความเหี้ยมโหดให้ กลายเป็นคลุ้มคลั่งอย่างยิ่ง!

สาวกวิญญาณร้ายระดับดวงจิตดรุณและหลอมรวมเทพหลายร้อยคนแบ่งกันไปรอบๆ พุ่งใส่กลุ่มคนและเข่นฆ่าอย่างกำเริบเสิบสาน

ผู้อริยะหลายคนสู้สุดชีวิตยังปกป้องได้แค่เขตนี้

แต่พวกเขาเองก็ถูกผู้อริยะลัทธิวิญญาณร้ายหลายคนตรึงไว้ ยุ่งยากมาก ไปช่วยไม่ได้เลย

อีกทั้งเมืองทะเลบูรพาใหญ่โตมาก คนเยอะ ล้วนได้รับผลจากยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิต

ผู้บำเพ็ญทุกตระกูลไม่อาจต่อต้านได้เลย ถูกสังหารลงอย่างเหี้ยมโหด

ชั่วครู่เดียวมีแต่กองซากศพ มีแต่เศษแขนขาเต็มพื้น โลหิตนองเป็นสายน้ำ!

ประมุขวิหารมายาออกมือทันที กระตุ้นพลังชั่วร้ายโจมตีใส่ยอดค่ายกลที่ผู้อริยะพวกนั้นช่วยกันสร้างขึ้น

ขอแค่ทำลายค่ายกลได้ ผู้บำเพ็ญเมืองทะเลบูรพาจะถูกกำราบลงเร็วขึ้น!

ประมุขวิหารมายาเป็นอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ พลังน่ากลัวถึงที่สุด การออกมือของเขาทำให้ผู้อริยะที่เดิมทีต้านไว้อย่างยากลำบากอยู่แล้วหนักยิ่งกว่าเดิม!

ผู้อริยะหลายคนถูกกระแทกจนกระอักเลือดคำใหญ่ กลิ่นอายพลังอ่อนแรง

ทันใดนั้นมีกระบองใหญ่วาดเข้ามา

มันฟาดที่ศีรษะของประมุขวิหารมายา มีพลังผ่าขุนเขา!

ตึง!

ประมุขวิหารมายาถูกกระแทกลอยออกไป นัยน์ตาฉายแววตื่นกลัว

เจ้าลิงนี่มีพละกำลังน่ากลัวมาก เขายังต้านไว้ได้ยาก

ฉีจ้านมีแววตาลุกโชนดั่งดวงตะวันร้อนแรง กลิ่นอายพลังดุดัน ก่อนทำเสียงขึ้นจมูก “เจ้าลูกวิญญาณร้าย รีบเปิดค่ายกล ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบหัวสุนัขเจ้า!”

ค่ายกลนี้รวมพลังฟ้าดิน ต่อให้เป็นฉีจ้านก็ยังทำลายไม่ได้

เขาทำได้แค่จับหัวหน้าไว้ กำราบประมุขวิหารมายาก่อนแล้วค่อยหาทางให้เขาเปิดค่ายกล

ประมุขวิหารมายาโกรธจัด พลังชั่วร้ายไหลหลากทั้งตัว ก่อนพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กปากสุนัข กล้าโอหังเช่นนี้เชียวรึ!”

เขาคือประมุขวิหารมายา อริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ จะไปยอมถูกลิงหลอมรวมเทพดูถูกได้อย่างไร

ประมุขวิหารมายาออกมือก่อน พลังชั่วร้ายข้างหลังพุ่งขึ้นฟ้า กลายเป็นกรงเล็บผีร้ายฉีกห้วงอากาศ

ทันทีที่ปรากฏมือภูตผี ฟ้าดินมืดครึ้มลง ดวงตะวันจันทราหายไป กลิ่นอายพลังทำให้คนหนาวสั่น!

การโจมตีนี้มากพอจะสังหารผู้อริยะปกติได้ในพริบตา!

…..

ฉีจ้านไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาทำเสียงหึทีหนึ่งก่อนจะกระทืบเท้าอย่างแรงและพุ่งขึ้นไป

กระบองเทพตามใจนึกพลันขยายใหญ่ขึ้น ขวางห้วงอากาศ พลังสั่นสะเทือนฟ้าดิน

กระบองใหญ่กวาดเข้าไป กระแทกอากาศแตกเป็นผุยผง

บึ้ม!

แสงเทพระเบิดกระจาย กรงเล็บภูตผียักษ์ถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ พลังชั่วร้ายแตกกระจาย

พลังอำนาจของฉีจ้านยังไม่หยุดเท่านี้ เขาควงกระบองใหญ่ทุบใส่ประมุขวิหารมายาอีกครั้ง

ประมุขวิหารมายามีสีหน้าตกใจ รีบออกมือปัดป้อง

พลังเลือดลมมากมายหลั่งทะลักออกมากลายเป็นทะเลโลหิตปกคลุม หมายจะกลืนกินฉีจ้าน

เขากำลังควบคุมยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตมาโจมตี!

แสงโลหิตบดบังฟ้า กลิ่นอายพลังชั่วร้ายถึงที่สุด เหมือนจะทำให้ฟ้าดินต้องสยบ

ฉีจ้านดุดันไม่เกรงกลัว แสงทองสว่างมาจากในกาย สว่างแสบตา!

เกราะนักรบทองคำยิงพลังงานเทพออกมา พลังยิ่งใหญ่มหาศาล!

นี่คืออาวุธอริยะระดับสูงสุดชิ้นหนึ่ง มีพลังป้องกันแข็งแกร่งถึงที่สุด!

ต่อให้ทะเลโลหิตจะปกคลุมลงมา เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างก็ยังไม่อาจทำลายการป้องกันของฉีจ้านได้!

จากนั้นฉีจ้านออกมือไม่หยุด กระบองเทพตามใจนึกกวาดพันทัพ กำราบสี่สมุทร!

เกิดพายุกระบองพุ่งออกมา กวนทะเลโลหิตด้วยพละกำลังบ้าคลั่ง!

บึ้ม!

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น!

ในที่สุดทะเลโลหิตเต็มฟ้าก็ถูกตีแตกกระจาย

แสงทองสว่างจ้าส่องสะท้อนฟ้าดิน กำราบแสงโลหิตไว้

ทำลายทะเลโลหิตแล้ว ฉีจ้านก็ทุบกระบองใส่ประมุขวิหารมายา พลังชั่วร้ายระเบิดกระจาย

ประมุขวิหารมายาถูกกระบองฟาดลอยไปพันลี้

…..

พรวด!

ประมุขวิหารมายากระอักเลือด ร่างสั่นไหว นัยน์ตาฉายแววตื่นกลัว

ไม่นึกเลยว่าเจ้าลิงนี่จะมีกำลังรบน่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่เขายังถูกกำราบ!

ประมุขวิหารมายาดวงตาแดงก่ำยิ่ง กลิ่นอายพลังดุร้าย

มุมปากเขามีคราบโลหิต แต่กลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ก่อนเปล่งเสียงคำราม “สมควรตาย เจ้าเป็นคนบังคับข้าเองนะ! มารโลหิต จงออกมา!”

ครืน!

ประมุขวิหารมายาตัวสั่นอย่างรุนแรง ก่อนจะมีแสงโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมาขวางท้องนภา

กลิ่นอายพลังนี้ชั่วร้ายถึงที่สุด เหมือนจะเปลี่ยนฟ้าดินให้เป็นนรกทะเลโลหิต

นั่นคือกระบี่ยาวสีแดงคล้ำ เปล่งแสงโลหิตทุกส่วน เหมือนมีโลหิตไหลเวียน!

นี่คืออาวุธชั่วร้ายที่สุดแห่งยุค บรรลุถึงระดับอาวุธอริยะสูงสุด ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะผลัดเปลี่ยนเป็นอาวุธมหาอริยะ!

ต้องรู้ว่าอาวุธมหาอริยะมีเพียงมหาอริยะที่หลอมได้

ลัทธิวิญญาณร้ายใช้การเซ่นไหว้โลหิตผลัดเปลี่ยนอาวุธอริยะเป็นอาวุธมหาอริยะ วิธีการเช่นนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

แต่ก็มีราคาต้องจ่ายสูงมากเช่นกัน ต้องใช้โลหิตบริสุทธิ์ของผู้บำเพ็ญมากมายบ่มเพาะ

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ลัทธิชั่วร้ายวางยอดค่ายกลเซ่นไหว้โลหิตในเมืองทะเลบูรพา

เพราะจะอาศัยงานแลกเปลี่ยนใหญ่ครั้งนี้รวมผู้บำเพ็ญมากมายมาที่นี่ จะต้องทำให้กระบี่มารโลหิตผลัดเปลี่ยนได้แน่

ทว่าฉีจ้านปรากฏตัวขึ้น กดดันประมุขวิหารมายาถึงทางตัน

ประมุขวิหารมายาต้องอัญเชิญกระบี่มารโลหิตออกมาก่อน เสริมกำลังรบให้ตนเอง หมายจะสังหารฉีจ้าน ไม่เช่นนั้นทุกอย่างได้ถูกฉีจ้านทำลายหมดแน่!

กระบี่มารโลหิตเข้ามือ กลิ่นอายพลังในตัวประมุขวิหารมายาก็โหดเหี้ยมขึ้น เหมือนกับวิญญาณร้ายมาเยือน เข่นฆ่าทุกสรรพสัตว์!

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังนี้ ผู้บำเพ็ญทะเลบูรพาทุกคนต่างใจสั่นไหว

“แย่แล้ว!”

กระบี่มารโลหิตมีกลิ่นอายพลังน่ากลัวอย่างยิ่ง ทำให้ผู้อริยะหวาดกลัว ตัวสั่นกันขึ้นมา

ผู้บำเพ็ญที่มีพลังอ่อนแอยังถูกพลังมารของกระบี่มารโลหิตรบกวน ทำให้เสียสติปัญญาไป

นี่คืออาวุธชั่วร้ายสูงสุด มีพลังกระชากจิตวิญญาณคน!

ประมุขวิหารมายาเป็นอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ ด้วยอานุภาพของกระบี่มารโลหิตจึงยิ่งมีกำลังรบเป็นหนึ่ง

ตัวเขาคนเดียวก็ใช้โลหิตล้างทั้งเมืองทะเลบูรพาได้!

ทุกคนเกิดความสิ้นหวังในใจ!

“เจ้าเด็กสมควรตาย ทำให้อาวุธอริยะลัทธิข้าต้องปรากฏออกมาก่อน! แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ฆ่าเจ้า อาวุธอริยะก็ผลัดเปลี่ยนได้เช่นกัน! ตายเสียเถอะ!”

ประมุขวิหารมายาคำรามด้วยความโกรธ กวัดแกว่งมารโลหิตพุ่งเข้ามา จะสังหารฉีจ้านลงที่นี่!

แต่เขาไม่รู้ว่ากระบองตามใจนึกของฉีจ้านเป็นอาวุธมหาอริยะ

กระบองตามใจนึกเปล่งแสงสว่างลงมาด้วยพลังหนักหมื่นชั่ง!

ฉีจ้านยืนกลางฟ้าดินอย่างโอหัง ขนทองทั้งตัวตั้งขึ้น กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างยิ่ง!

ตอนนี้เอง ฉีจ้านเหมือนกับเทพสงครามทองคำ ราวกับจะสังหารวิญญาณร้าย!

บึ้ม!

กระบองเทพตามใจนึกเหมือนทำลายล้างได้ทุกอย่าง ทำให้ห้วงอากาศแตก ราวกับจะพลิกกลับฟ้าดิน!

“กระบองกวาดฟ้าดิน!”

ฉีจ้านคำรามเสียงดัง ควงกระบองเทพตามใจนึก ฟาดใส่กระบี่มารโลหิต

แก๊ง!

เกิดเสียงโลหะกระทบขึ้น!

กระบี่มารโลหิตสั่นไหวอย่างรุนแรง เหมือนถูกขุนเขาเทพบรรพกาลกำราบ ทำให้ประมุขวิหารมายาตัวสั่นอย่างรุนแรง

บึ้ม!

ประมุขวิหารมายาถูกฟาดลอยออกไป แม้แต่กระบี่มารโลหิตยังอ่อนแสงโลหิตลง เหมือนเสียความคล่องตัวไป!

อาวุธอริยะระดับสูงสุดกับอาวุธมหาอริยะต่างกันมาก ไม่อาจเทียบกันได้

ประมุขวิหารมายากระอักเลือดคำใหญ่ นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว

ฉีจ้านระเบิดพลังทั้งหมดแข็งแกร่งสุดขีด ขนาดในอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ยังคงอยู่สุดยอด ประมุขวิหารมายาต่อต้านไม่ได้เลย

เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนถึงกับร้องตกใจ!

“เยี่ยมมาก มีอันดับหนึ่งฉีจ้านอยู่ พวกเรารอดแล้ว!”

“อันดับหนึ่งฉีจ้านองอาจห้าวหาญ ฆ่าลูกวิญญาณร้ายพวกนี้ให้ตาย!”

“อันดับหนึ่งฉีจ้าน สู้ๆ อัดมันให้ตาย!”

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด