บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 479 สังหารเซียนแท้!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 479 สังหารเซียนแท้! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 479 สังหารเซียนแท้!

เมื่อได้ฟังคำพูดของเซียนชั่วร้าย วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบห้าตนต่างมีสีหน้าดีใจใหญ่

หากพวกเขาหลอมรวมตัวหมากฟ้าขุ่นพวกนี้ได้ จะต้องลบล้างความอัปยศก่อนหน้านี้ได้แน่นอน

วิญญาณร้ายทุกตนออกมือ พลังชั่วร้ายไหลเชี่ยวกราก ทำให้ตัวหมากทั้งหมดสั่นสะเทือน บินไปในค่ายกล

เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้บำเพ็ญทะเลอุดรต่างตื่นตกใจใหญ่

หากวิญญาณร้ายพวกนั้นชิงสมบัติสุดยอดพวกนี้ไป จะไม่พลิกสถานการณ์กลับมารึ

กระทั่ง แม้แต่เสิ่นเทียนยังตกอยู่ในอันตราย

ทุกคนเผยแววตากังวล ไม่รู้ว่าเสิ่นเทียนจะจัดการอย่างไร

…..

ทว่า เสิ่นเทียนก็ยังเฉยเมยอย่างยิ่ง นัยน์ตาเผยการเย้าหยอก

เขาหัวเราะเยาะ “พอรึ ไม่พอยังมีให้อีก!”

เสิ่นเทียนโบกมือกว้าง พลันมีตัวหมากหลายพันตัวพุ่งออกมา ตัวหมากพวกนั้นมีแสงเทพเวียนวน พลันพุ่งใส่ค่ายกล

วิญญาณร้ายทุกตนมีสีหน้าดีใจใหญ่ อดหัวเราะเยาะมิได้ “เจ้าหนูนี่กำลังรนหาที่ตาย รอข้าคุมสมบัติสุดยอดนี่ได้ก่อน จะสังหารมันได้แน่ ดูท่าครั้งนี้พวกเราจะร่ำรวยกันแล้ว!”

วิญญาณร้ายเตรียมเซียนทุกตนยื่นมือใหญ่มาคว้าตัวหมาก

เสิ่นเทียนใบหน้าเย็นยะเยือกยิ่ง มุทรามือเปลี่ยนไป

“กระบี่เทพผนึกดาราสวรรค์!”

ตัวหมากพวกนั้นระเบิดอานุภาพที่รุนแรงอย่างยิ่ง น่าสะพรึงถึงที่สุด

พลังดาราไม่มีสิ้นสุดกระจายออกมา ส่องแสงสีสันหลากสี ราศีแผ่ไปโดยรอบ

ตัวหมากที่ดูเหมือนธรรมดาพวกนั้นพลันกลายเป็นแสงดาราตกลงมา พลังอำนาจทำลายล้างทุกสิ่ง!

ท้องนภาพลันถูกทะลวง กระบี่แสงดารานับร้อยนับพันพุ่งเข้ามาเหมือนดอกสาลี่พายุคลั่ง ยิงม่านแสงป้องกันเป็นรูพรุน

“อะไรกัน”

วิญญาณร้ายทุกตนมีสีหน้าหวาดกลัว รีบปลุกพลังชั่วร้าย จะสร้างค่ายกลป้องกันขึ้นใหม่

ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสมบัติสุดยอดนี้ ทุกอย่างไร้เรี่ยวแรง

ไม่นาน ยอดค่ายกลป้องกันที่เตรียมเซียนวิญญาณร้ายทุกตนสร้างขึ้นถูกทำลายลง

สายฟ้าเคราะห์ภัยไหลรวมเข้าไป ระเบิดพลังชั่วร้ายของวิญญาณร้ายทุกตนแตกกระจาย

เสิ่นเทียนย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป เขาพุ่งทะยานบุกเข้าไป

ปรากฏการณ์มากมายปะทุขึ้นข้างหลังเขาทั้งหมด อานุภาพสั่นสะเทือนจักรวาล

สัตว์เทพสิบทิศคำรามสั่นฟ้าดิน ปรากฏการณ์มังกรหงส์ทองโลกหล้า…

และยังมีพลังดารามหาศาลอบอวล แปลงเป็นแดนเทวาดารา พลังอำนาจทลายทุกสิ่งได้

เวลานี้ เตรียมเซียนวิญญาณร้ายทุกตนใจสั่นสะท้าน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

เสิ่นเทียนพุ่งทะยาน เรียกเตาหลอมเทพสุริยะมาสู้กับเตรียมเซียนวิญญาณร้ายทุกตน

อานุภาพน่าสะพรึงหมุนม้วนท้องนภา ทำให้ฟ้าถอดสี ตะวันจันทราไร้แสงสว่าง

“เอ่อ…อ๊าก!”

“อย่านะ!”

เสียงร้องโอดครวญดังกึกก้อง แหลมเล็กอย่างยิ่ง ใครได้ยินถึงกับใจสั่นไหว

เสิ่นเทียนองอาจห้าวหาญไร้พ่าย ภายใต้การเสริมพลังด้วยเคราะห์ภัยสามพันทำให้เหมือนเซียนสงครามที่สุดแห่งยุค สังหารมารเงามืดใต้หล้า

ไม่นานวิญญาณร้ายทุกตนเลือดอาบ ภาพน่าตื่นตกใจ

มีคนถูกหมัดเทพฟ้าขุ่นบดเป็นโจ๊กเนื้อ โลหิตสาดกระจายพันลี้ เลือดย้อมผืนฟ้าดารา

มีคนถูกกระบี่เดียวแบ่งร่าง พลังเลือดลมพุ่งขึ้นฟ้า ศพยังกระจายไปตามอำเภอใจ

และยังมีคนถูกไฟแท้สุริยะเผาเป็นเถ้าถ่าน ศพสลายไป จิตวิญญาณดับสลาย

วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบห้าตนเดิมทีแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีพลังน่ากลัวพอจะทำลายขุมอำนาจเก้าส่วนของทะเลอุดร

แต่กลับไม่มีแรงต่อต้านเหมือนมดปลวกต่อหน้าเสิ่นเทียน

กองเลือดสาดกระจายภายใต้เงากระบี่แสงดาบ เลือดเหมือนน้ำตกเหมือนธารน้ำยาว กระเซ็นตกลงมา

ฝนโลหิตโหมกระหน่ำ ย้อมทะเลอุดรเป็นสีแดง

…….

เพียงชั่วครู่เดียว วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบห้าตนถูกสังหารจนหมดสิ้น

ภาพน่าสะพรึงกลัว น้ำทะเลกลายเป็นสีแดงฉาน เศษชิ้นส่วนแขนขากระจาย

ห้วงอากาศรอบๆ เต็มไปด้วยสภาพทรุดโทรม ถูกทำลายเป็นรูมากมาย ถล่มเป็นซากปรักหักพัง

แม้แต่พลังแห่งฟ้าดินยังไม่อาจคืนสภาพมันกลับมาในเวลาอันสั้น

ศึกนี้เป็นหินตกกระทบฟ้า สังหารจนฟ้าดินแตกตัว

ทว่าเสิ่นเทียนมีสีหน้าเฉยชา ยืนบนฟ้า ทั่วร่างอาบแสงเคราะห์ภัยอัสนี

สายฟ้าเคราะห์ภัยไม่มีสิ้นสุดชะล้างลงมา กระแทกใส่ร่างเขา กลายเป็นพลังเทพบริสุทธิ์วนเวียนรอบฟ้า

ผ่านไปไม่นานเท่าไร เคราะห์ภัยสามพันก็ถาโถมลงมาเสร็จสิ้น เมฆเคราะห์ภัยค่อยๆ ถอยไป

ในที่สุดเสิ่นเทียนก็ปรากฏมาตรงหน้าทุกคน เขาแผ่พลังอริยะแก่กล้า กลิ่นอายพลังหมุนม้วนฟ้าดิน

กายเนื้อใสแวววาวสว่างจ้าแสบตา เปล่งแสงเทพไม่มีสิ้นสุด เหมือนมีพลังมหาศาลไหลเวียน

ตอนนี้ศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองของเสิ่นเทียนทะลวงพลังสำเร็จ บรรลุระดับผู้อริยะขั้นแรก

แต่พลังที่แผ่มาจากในกายเขาน่ากลัวกว่าเตรียมเซียน ทำให้คนมากมายใจสั่นสะท้าน

…..

ทุกคนมองภาพนี้จนตาพร่ามัว

เอ๋าปิงเพ่งมองห้วงอากาศ มองร่างเงาเหมือนเทพเหมือนมารนั้นพลางยกมุมปากเล็กน้อย

สมกับเป็นบุรุษที่ข้าเลือก แข็งแกร่งจริงๆ

เสิ่นเอ๋าเสวี่ยด้านข้างจิตใจสั่นกระเพื่อม ปลงอนิจจังอย่างยิ่ง

นี่คือศักยภาพแท้จริงของท่านพ่อรึ

แข็งแกร่งมากจริงๆ!

ท่านพ่อ คือเป้าหมายที่ข้าจะไล่ตาม

กลับไปจะต้องหมั่นฝึกฝน จะให้ขายหน้าท่านพ่อไม่ได้

เสิ่นเอ๋าเสวี่ยเผยแววตาแน่วแน่ ตั้งปณิธานเงียบๆ ในใจ

เอ๋าอูมองจนตาเหม่อลอย อดพึมพำมิได้ “เจ้าหนูฉีเซ่าเสวียนไปอยู่ที่ใดกัน เหตุใดถึงไม่มาช่วย ถ้าเมื่อก่อนรออีกสองสามปีก็คงได้ลงนามสัญญากับพี่เสิ่นเทียนแล้ว

พลาดไปแล้ว!”

…..

ทุกคนต่างตกตะลึงกับกำลังรบของเสิ่นเทียน

องอาจห้าวหาญเช่นนี้ กำลังรบเช่นนี้เหนือกว่าโอรสสวรรค์ทุกคนในอดีต ไม่มีใครเทียบได้

ตอนนี้เขาฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ ศักยภาพจะน่ากลัวถึงระดับใดกัน

ไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิดเลย!

……

ตรงรูหนอนมิติ เซียนชั่วร้ายเผยแววตาตกใจ

พรสวรรค์และกำลังรบของเสิ่นเทียนน่าตกใจยิ่งนัก ทำให้เซียนแท้จริงยังต้องตกตะลึง

เขาไม่เคยพบโอรสสวรรค์ที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน เรียกได้ว่าไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติการณ์

“เหล่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ถอยจากโลกนี้ก่อน”

เซียนชั่วร้ายเอ่ยอย่างเย็นชา สั่งให้กองทัพถอย

เสิ่นเทียนมีกำลังรบน่ากลัวเกินไป แม้แต่วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบแปดตนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา ถูกสังหารลงที่นี่

ขืนให้เผ่าวิญญาณร้ายที่เหลืออยู่ต่อมีแต่จะตายเปล่า

กำลังรบที่เสิ่นเทียนแสดงออกมาทำให้เซียนชั่วร้ายเกิดความกลัว

หากไม่ใช่เพราะรูหนอนมิติไม่มั่นคง ไม่อาจมาเยือนด้วยตนเอง เขาจะต้องสังหารเสิ่นเทียนที่นี่แน่

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็มีพรสวรรค์น่ากลัวมากจริงๆ สะท้านโลกา

หากให้เขาเติบใหญ่ขึ้น จะต้องคุกคามถึงแผนการบุกโลกนี้ของเผ่าวิญญาณร้ายแน่นอน

เซียนชั่วร้ายตัดสินใจแล้ว กลับไปจะติดต่อผู้แข็งแกร่งในเผ่าให้เปิดเส้นทางใหม่ทันที ให้ผู้แข็งแกร่งสูงสุดมาเยือน

ต้องสังหารเสิ่นเทียนให้เร็วที่สุด ขจัดภัยร้ายในภายหลัง

……

เมื่อได้ฟังคำพูดของเซียนชั่วร้าย วิญญาณร้ายเตรียมเซียนอีกสามตนที่เหลือต่างรีบถอยมา

พวกเขาตกใจกลัวกับกำลังรบของเสิ่นเทียนแล้ว ตกใจจนจิตใจแทบปริแตก

หากอยู่ที่นี่ต่อไป คงยากจะหนีรอดจากความตาย

วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสามตนรีบปล่อยคู่ต่อสู้ก่อนพุ่งกลับไปในรูหนอนมิติ จะออกจากโลกนี้ไปก่อน

ส่วนวิญญาณร้ายตนอื่นก็ถอยมาทั้งหมด ทำให้โลกนี้กลับมาสงบลงชั่วคราว

เมื่อเห็นดังนั้น ผู้แข็งแกร่งทะเลอุดรต่างโล่งอก

ดีที่พวกเขายื้อไว้จนเสิ่นเทียนมา ไม่อย่างนั้นที่นี่คงกลายเป็นแดนมรณะไปนานแล้ว

เผ่าวิญญาณร้ายแข็งแกร่ง เหนือเกินกว่าที่ขุมอำนาจทะเลอุดรจะต้านไหว

แค่ช่วงเปิดฉากสงคราม ทุกเผ่าทะเลอุดรเสียหายอย่างหนัก ศพกองเป็นภูเขา กองเป็นหมื่นลี้

ยังดีที่ทุกอย่างจบลงแล้ว

ทุกอย่างเป็นคุณความดีของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียน!

…….

เซียนชั่วร้ายยืนกลางอากาศ ดวงตาแดงก่ำยิ่ง พลังอำนาจถาโถมมาไม่ขาดสาย

กลิ่นอายพลังเขาเฉียบคมและมืดทะมึน ก่อนเอ่ยอย่างน่าสะพรึงกลัว “เจ้าหนู เจ้าอย่าลำพองใจเร็วไปนัก อีกไม่นาน กองทัพเผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะมาเยือนอีกครั้ง อย่าว่าแต่ที่นี่เลย ต่อให้เป็นทั้งห้าดินแดนก็จะกลายเป็นแดนปศุสัตว์ของเผ่าวิญญาณร้ายข้า

เจ้าหนู เสพช่วงเวลาสุดท้ายนี้เสียเถอะ ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง เลาะเส้นเอ็นกระดูกเลือดเนื้อเจ้าทีละนิด ทรมานจนตาย เคี๊ยกๆๆๆ!”

แม้จะพ่ายแพ้ แต่ก็ยังหยุดความตั้งใจที่จะบุกห้าดินแดนของเผ่าวิญญาณร้ายไม่ได้

เซียนชั่วร้ายจะให้คนพวกนี้ตายในความกลัวไม่มีสิ้นสุด

“กลับ!”

เซียนชั่วร้ายโบกมือกว้าง นำเผ่าวิญญาณร้ายถอยออกกลับไปนอกดินแดน

ตอนนี้เองเสียงเสิ่นเทียนดังขึ้น เฉยชาและเย้าหยอก

“คิดหนีรึ คิดว่าจะหนีพ้นรึ”

เสิ่นเทียนโบกมือกว้าง กระดานหมากฟ้าขุ่นพุ่งขึ้นฟ้า ทะลวงเมฆนภา กลายเป็นม่านแสงบดบังฟ้าดิน

ปรากฏกระดานหมากยักษ์ขึ้นกลางนภา ส่องสะท้อนท้องนภา แผ่อำนาจเทพเจ้าไม่มีสิ้นสุด

กฎเกณฑ์วนเวียน โซ่ลำดับตัดสลับกัน ผนึกมิติที่นี่ไว้ทั้งหมด

ส่วนวิญญาณร้ายทุกตนที่คิดจะถอยกลับไปต่างแดนก็ถูกยอดค่ายกลขวางเอาไว้

เมื่อเห็นดังนั้น เซียนชั่วร้ายขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าหนู เจ้าคิดจะทำอะไร”

“ย่อมต้องให้พวกเจ้าอยู่ดื่มชากันสิ!”

เสิ่นเทียนเอ่ยราบเรียบ ก่อนนำตัวหมากฟ้าขุ่นออกมาทีละตัว

เซียนชั่วร้ายเพ่งสายตามองก่อนจะพูดเหยียดหยาม “น่าขัน เจ้าคิดว่าจะหยุดข้าได้รึ ถ้าข้าจะไปก็ไม่มีใครขวางได้ทั้งนั้น!”

แม้จะถูกยอดค่ายกลผนึก แต่เซียนชั่วร้ายก็ไม่สนใจ

เขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนแท้ จะไปสนใจค่ายกลเล็กจ้อยได้อย่างไร

“อย่างนั้นรึ เจ้าก็ลองดู!”

เสิ่นเทียนยิ้มเยาะ ตัวหมากฟ้าขุ่นพุ่งออกไป

แสงเทพพุ่งขึ้นฟ้าทีละสาย แสงสว่างจ้าถึงที่สุด

ตัวหมากพวกนั้นเหมือนดวงดาราปกคลุมท้องนภา แสงเรืองรองส่องสว่างไปรอบๆ

พริบตานั้นเอง กฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดตกลง เหมือนดวงดาราพุ่งลงมา

ตัวหมากฟ้าขุ่นสามหมื่นหกพันตัวขวางอากาศ สร้างเป็นยอดค่ายกลสูงสุด ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“นี่…นี่มัน”

เซียนชั่วร้ายตัวสั่นไหวเบาๆ เขาพลันรู้สึกถึงความหวาดกลัวน่าประหลาดวนเวียนในใจ

กลางนภาเต็มไปด้วยตัวหมากสีสันหลากสี ตัดสลับกันเหมือนดวงดารา แปลงเป็นครอบฟ้า แผ่อำนาจมหาศาล

พลังนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง ทำให้เขาใจสั่นสะท้าน

“ไม่มีทาง โลกนี้จะมีค่ายกลน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร!”

เซียนชั่วร้ายคำรามเสียงดัง พลังชั่วร้ายในกายปะทุ แผ่พลังอำนาจมหาศาลพุ่งไปยังยอดค่ายกล

ตึง!

เสียงดังปานฟ้าผ่า

เซียนชั่วร้ายโจมตีได้น่ากลัวยิ่ง พลิกฟ้าพลิกดินได้

ทว่าการโจมตีของเขากระทบยอดค่ายกลแล้วกลับไม่เกิดคลื่นกระเพื่อมใดๆ เลย

“อะไรกัน”

เซียนชั่วร้ายจิตใจสั่นสะท้าน รู้สึกเหลือเชื่อ

เขาออกมือไม่หยุด จู่โจมเหมือนมารคลั่ง ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนตาม

น่าเสียดายที่ทุกอย่างไร้ประโยชน์

เสิ่นเทียนวางยอดค่ายกลดาราครอบฟ้า ทุกตัวหมากเชื่อมต่อพลังแห่งดาราต่างแดน เกิดเป็นค่ายกลสูงสุด

การจะทำลายค่ายกลนี้ ต้องทำลายดาราสามหมื่นหกพันดวงในทีเดียว อีกทั้งเซียนชั่วร้ายยังบาดเจ็บหนัก กำลังรบลดลงอย่างมาก

ต่อให้เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ระเบิดพลังน่ากลัวเช่นนี้ไม่ได้

เพราะอย่างไรวิชาสูงสุดในคัมภีร์มรรคครอบฟ้าก็สร้างขึ้นมาจากยอดอาวุธสูงสุดกระดานหมากฟ้าขุ่น

อาวุธสูงสุดของราชาเซียนฟ้าขุ่นผู้ยิ่งใหญ่ เซียนแท้ปกติจะทำลายได้อย่างไร

เซียนชั่วร้ายตื่นตระหนก เขารู้สึกถึงความผิดปกติลับๆ เกิดความรู้สึกถึงวิกฤติขึ้น

แต่เขาก็ยังแสร้งเป็นสงบนิ่ง ทำเสียงขึ้นจมูก “ขังข้าไว้แล้วอย่างไร ต่อให้ข้ายืนอยู่ตรงนี้ให้เจ้าทุบตี ก็ไม่มีทางทำอะไรข้าได้แม้แต่ขนเส้นเดียว รอกองทัพวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาเยือนเมื่อไร พวกเจ้าจะต้องตายเหมือนเดิม”

แม้เซียนชั่วร้ายจะตกใจกับยอดค่ายกลผนึกสูงสุดของเสิ่นเทียน แต่ก็ไม่คิดว่าเสิ่นเทียนจะทำอะไรเขาได้ เพราะเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนแท้จริง มีศักยภาพแข็งแกร่งมาก

ส่วนเสิ่นเทียนเป็นเพียงรุ่นเยาว์ที่เพิ่งก้าวสู่ผู้อริยะ แม้จะมีกำลังรบไร้พ่าย แต่ก็ไม่มีทางคุกคามถึงชีวิตเซียนแท้จริงได้

ถึงอย่างไร ความต่างระหว่างเซียนแท้จริงกับเตรียมเซียนก็เหมือนกับหุบเหวสวรรค์

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงความต่างระหว่างเซียนแท้จริงกับผู้อริยะ นี่ต่างกันเหมือนเมฆและดินเลน ห่างไกลไม่อาจเอื้อมถึง

เซียนชั่วร้ายถือดีไม่เกรงกลัว ยังคงเยาะเย้ย

เสิ่นเทียนเผยใบหน้าเย้าหยอก “เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นอานุภาพแท้จริงของยอดค่ายกลนี้!

ค่ายกลหลอมรวมเทพดาราครอบฟ้า ทำงาน!”

เสิ่นเทียนเปลี่ยนมุทรามือ พลังยิ่งใหญ่มหาศาลแผ่มาจากในกาย

ทันใดนั้นท้องนภาเปลี่ยนไปครั้งใหญ่

ตัวหมากมากมายขยับแสง เริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เหนี่ยวนำแสงดาราไม่มีสิ้นสุดตกลงมา

แสงเทพหลากสีวนเวียน หมอกควันหนาทึบสว่างพร่างพราว กลิ่นอายพลังน่ากลัวสุดขีด

ฟ้าดินแห่งนี้เหมือนกำลังสั่นสะเทือน ส่งเสียงดังสนั่น ทำให้จิตใจทุกคนสั่นไหวตาม

จากนั้นแสงดาราไม่มีสิ้นสุดรวมเข้าด้วยกัน รวมเป็นสัตว์ยักษ์ดารามหึมา เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า

นั่นคือมังกรฟ้าสีทองตัวหนึ่ง แสงทองสว่างจ้าไหลเวียนไปทั่วร่าง เหมือนหลอมขึ้นมาจากทองคำ

มังกรฟ้าทองตัวนี้คือมังกรทองสวาตินักษัตรในยี่สิบแปดดาวนักษัตรจีน

มันมีรูปร่างใหญ่โต บังฟ้าบังดวงตะวันสั่นสะเทือนท้องนภา

แสงดารามากมายตกลงบนตัวมัน ทำให้อานุภาพของมังกรทองสวาตินักษัตรแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

โฮก!

มังกรทองสวาตินักษัตรเงยหน้าคำรามบ้าคลั่ง อานุภาพสั่นสะเทือนฟ้าดิน พลังแห่งดาราพุ่งออกไปสั่นสะเทือนโลกหล้า ระเบิดพลังอำนาจมหาศาล

เพียงพริบตาเดียววิญญาณร้ายทุกคนขนพองสยองเกล้า จิตวิญญาณสั่นไหว เหมือนตกไปในนรก

ห้วงมิติกดมารวมกัน เหมือนมีดาราไม่มีสิ้นสุดชนเข้าด้วยกัน จะทำลายล้างโลกนี้

ปังๆๆ!

นั่นคือเสียงกายเนื้อระเบิด ดังสนั่นไม่หยุด ใครได้ยินเป็นต้องใจสั่นไหว

วิญญาณร้ายระดับล่างต้านอำนาจทำลายล้างนี้ไม่ไหว กายเนื้อระเบิดกระจายเป็นหมอกโลหิตหายไปในฟ้าดิน

วิญญาณร้ายเตรียมเซียนใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ร่างค่อยๆ ขยายใหญ่ เหมือนจะระเบิดตายได้ตลอดเวลา

เซียนชั่วร้ายหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรุนแรง นัยน์ตาฉายแววตื่นกลัวอย่างยิ่ง

เขาพบว่าตนไม่อาจต่อต้านพลังนี้ได้ โลหิตทั้งตัวกำลังปั่นป่วน จะพุ่งออกจากในกาย

แม้เซียนชั่วร้ายจะมีศักยภาพแก่กล้า มีปฏิกิริยาโต้ตอบเหนือกว่าวิญญาณร้ายอื่นอย่างชัดเจน แต่ในใจเขาก็ยังอดสั่นไหวขึ้นมามิได้

ยอดค่ายกลนี้น่ากลัวเกินไป สังหารเซียนแท้จริงได้!

หากอยู่ที่นี่นานกว่านี้จะถูกพลังฤทธิ์ทำลายล้างของสัตว์ยักษ์ดารา ยากจะรอดพ้นจากความตายไปได้

“ไม่ อย่า!

ให้ข้าออกไป!”

เซียนชั่วร้ายพลันบ้าคลั่งขึ้นมา จู่โจมไปสุดชีวิต

ทว่าภายใต้ยอดค่ายกลดาราครอบฟ้า

ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเซียนแท้จริงก็ยังเล็กจ้อยอย่างยิ่ง

ไม่ว่าเซียนชั่วร้ายจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย

หลอมละลายเซียนชั่วร้ายได้อย่างสมบูรณ์ก็เป็นปัญหาแค่เรื่องเวลาเท่านั้น

…..

เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้บำเพ็ญทะเลอุดรจิตใจสั่นสะท้าน

โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งสุดยอดอย่างเอ๋าเย่และคุนซวี ในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น

สองคนจ้องเสิ่นเทียนกับมังกรเทพสีทองบนฟ้าพลางปลงอนิจจังอย่างยิ่ง

ไม่นึกเลยว่าไม่ได้พบมาร้อยปี เจ้าหนูเสิ่นจะเพิ่มศักยภาพได้เร็วขนาดนี้

ดูท่าวันนี้ค่ายกลจะสังหารเซียนแล้ว!

คลื่นลูกใหม่แรงกว่าคลื่นลูกเก่าจริงๆ คนหนุ่มสาวควรค่าแก่การยกย่อง

ยุคสมัยนี้ ถูกลิขิตไว้ว่าให้เป็นของเขา!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด