บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 44 ท่านเซียน พวกเราคิดถึงท่านมาก!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 44 ท่านเซียน พวกเราคิดถึงท่านมาก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 44 ท่านเซียน พวกเราคิดถึงท่านมาก!
หมัดนี้แลดูไม่มีอะไรซับซ้อน ความเร็วก็ไม่ได้ถือว่าเร็ว

ทว่าตอนที่เสิ่นเทียนชกหมัดนี้ออกไป กุ้ยกงกงรู้สึกเหมือนตนเองโดนดูดจนหยุดชะงัก

กำปั้นของเสิ่นเทียนกำลังปลดปล่อยพลังดึงดูดที่แข็งแกร่งสายหนึ่ง

พลังดึงดูดสายนี้ดึงกุ้ยกงกงเข้าใกล้อย่างต่อเนื่อง จำกัดความเร็วในการหลบหลีกของเขา

สีหน้าของกุ้ยกงกงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เย็นวูบในใจ

สมกับที่เป็นสมบัติชั้นสูงในรายนามน้ำแท้ ไม่นึกเลยว่ายังมีความลึกลับเช่นนี้แฝงอยู่

อาศัยจังหวะของการจู่โจม ยังสามารถทำให้เกิดพลังจำกัดและดึงดูดคู่ต่อสู้!

หมัดนี้ของเสิ่นเทียนยากที่จะหลบหลีก!

แน่นอน ยากที่จะหลบหลีกไม่ได้แปลว่าไม่สามารถป้องกัน

กุ้ยกงกงสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและความน่ากลัวจากหมัดนี้ของเสิ่นเทียน

หากโดนหมัดนี้ชกเข้าใส่จริงๆ โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถไปพบพระสนมหลานได้ในทันใด

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

พลังวิญญาณในร่างกายของกุ้ยกงกงถาโถมเข้าไปหาดอกทานตะวันมารสู่สุริยันตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากดอกทานตะวันสีเลือดได้รับพลังวิญญาณที่เพียงพอ มันดูเบ่งบานและงดงามยิ่งขึ้น

มันบานออกอย่างเชื่องช้า ราวกับกำลังอ้าปากเตรียมกลืนกินทุกสิ่ง

ทว่าหลังจากสัมผัสโดนหมัดของเสิ่นเทียนที่มีน้ำมวลหนักปฐมกาลปกคลุม

ตรงกลีบดอกไม้ของดอกทานตะวันสีเลือด มีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากนั้นกลีบดอกไม้ล่องลอยแตกสลายกลายเป็นความว่างเปล่า

……

กุ้ยกงกงใช้มารทานตะวันพิทักษ์ร่างอย่างเต็มกำลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียนกลับไม่สามารถต้านทานกระบวนท่านี้

กลีบดอกไม้สีแดงกลายเป็นผุยผงล่องลอยไปท่ามกลางพายุลมหมัด กำปั้นของเสิ่นเทียนหยุดห่างจากตรงหน้าของกุ้ยกงกงสามนิ้ว

เห็นได้ชัด การประลองครั้งนี้เสิ่นเทียนเป็นฝ่ายชนะ

หลอมกายขั้นสี่เอาชนะหลอมปราณขั้นแปดด้วยกระบวนท่าเดียว!

ของเหลวสีเงินขาวไหลกลับเข้าไปในร่างกายอย่างเชื่องช้า รัศมีกดดันที่อยู่ในอากาศก็หายไปทันที

เสิ่นเทียนเกาศีรษะของตนเองอย่างยิ้มแย้ม “เมื่อกี้รู้สึกว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง รู้สึกอึดอัดถ้าไม่ได้ปลดปล่อยมันออกมา”

“ลุงกุ้ย ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่!”

กุ้ยกงกงส่ายศีรษะ ถอนหายใจแล้วกล่าว “องค์ชายดึงพลังกลับได้ทันเวลา บ่าวไม่เป็นอะไร”

“แต่ว่าหมัดนี้ขององค์ชายแข็งแกร่งยิ่งนัก เกรงว่าเพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามของผู้แข็งแกร่งระดับสร้างฐานแล้ว!”

“หากพระสนมหลานรู้ว่าปัจจุบันองค์ชายแข็งแกร่งเช่นนี้ จะต้องยิ้มร่าทั่วทั้งแดนปรโลกอย่างแน่นอน”

คำพูดของกุ้ยกงกงไม่ได้พูดสรรเสริญเยินยอ

เขาฝึกบำเพ็ญ ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ บรรลุถึงระดับหลอมปราณขั้นแปด

อันที่จริงพลังของเขาไม่ธรรมดา สู้อย่างเต็มกำลังถึงขั้นสามารถปะทะกับผู้บําเพ็ญหลอมกายเทพมารในระดับเดียวกัน

ด้วยความสามารถของเขา ถึงเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานที่อ่อนแอก็เป็นฝ่ายที่เหนือกว่า

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียน กลับไม่สามารถต้านทานแม้แต่กระบวนท่าเดียว

เสิ่นเทียนที่อยู่ในสภาวะเช่นนั้น หมัดเดียวไร้เทียมทานยิ่งนัก!

……

“น้ำมวลหนักปฐมกาลเป็นอันดับสิบสองของของรายนามน้ำแท้ อนุภาพย่อมไม่ธรรมดา”

เสิ่นเทียนยิ้มแล้วกล่าว “หมัดของข้าเมื่อกี้มีน้ำมวลหนักปฐมกาลแฝงอยู่”

บนใบหน้าของกุ้ยกงกงเผยให้เห็นความดีใจ “องค์ชายท่านสามารถควบคุมน้ำมวลหนักปฐมกาลแล้วหรือ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ข้าก็ไม่รู้เพราะเหตุใด มันเหมือนมีความเชื่อมโยงกับคัมภีร์คบเพลิง”

“เมื่อไหร่ที่ข้าโคจรทักษะหลอมกายคบเพลิง น้ำมวลหนักปฐมกาลแฝงเข้าไปในพลังของข้าด้วย”

“หลังจากนั้นไหลเวียนไปทั่วร่างตามพลังของข้า ช่วยขัดเกลาร่างกาย”

“มีมันคอยช่วยเหลือ พลังวิญญาณที่ใช้ในการขัดเกลาร่างเนื้อของข้าถูกเผาผลาญเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ผลลัพธ์ของการขัดเกลาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน”

“และเมื่อกี้ข้าลองควบแน่นน้ำมวลหนักปฐมกาลไปที่กำปั้น พบว่ามันทำได้จริง”

เสิ่นเทียนก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ทักษะหลอมกายคบเพลิงที่ซื้อมาในราคาห้าตำลึงเงินจะมีผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเช่นนี้

หรือเมื่อก่อนไม่เคยมีคนลองใช้ทักษะหลอมกายคบเพลิงไปดูดซับน้ำมวลหนักปฐมกาลเลยหรือ

หรือในนั้นมีความลับอะไรที่เขาไม่รู้แฝงอยู่

เสิ่นเทียนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา

……

“ช่างเถอะ ไม่อยากคิดแล้ว ต่อไปเมื่อมีโอกาสก็จะเข้าใจเอง”

เสิ่นเทียนปัดความสงสัยทั้งหมดทิ้งไป เริ่มครุ่นคิดตั้งชื่อที่น่าฟังให้กับท่าไม้ตายของตนเอง

‘คัมภีร์คบเพลิง’ ที่แพร่หลายในโลกบำเพ็ญเซียน ไม่มีกระบวนท่าที่สอดคล้องกัน

ในตอนนี้หลังจากคัมภีร์คบเพลิงของเสิ่นเทียนดูดซับน้ำมวลหนักปฐมกาลจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง

และยังทำให้เสิ่นเทียนสามารถคิดค้นวิชาหมัดที่น่าทึ่ง

เสิ่นเทียนย่อมต้องตั้งชื่อที่ฟังดูสุดยอดและน่าเกรงขามให้กับวิชาหมัดของตนเอง

ชื่ออะไรดีนะ!

หมัดเทพวารีคบเพลิง?

หมัดคบเพลิงไร้เทียมทาน?

หมัดเทพวารีไร้เทียมทาน?

หมัดวารีหยก?

หมัดคืนข้าล่องลอย?

……

นึกอยู่หลายสิบชื่อ สุดท้ายเสิ่นเทียนต้องยอมรับว่าตนเองเป็นพวกมีปัญหากับการตั้งชื่อ

ช่างเถอะ เรียกหมัดเทพปฐมกาลก็แล้วกัน!

ไว้เมื่อไหร่ที่สามารถโคจรน้ำมวลหนักปฐมกาลไปที่เท้า ก็เรียกว่าเท้าเทพปฐมกาล

ใช้ฝ่ามือตบคนอื่นก็เรียกฝ่ามือเทพปฐมกาล

หากสามารถไหลเวียนไปทั่วร่างก็เรียกวิชาเทพไม่บุบสลายปฐมกาล

หรือสร้างเป็นชุดเกราะเซาะกราว ก้าวสู่จอมยุทธ์แรดทมิฬ!

อืม เป็นความคิดที่ไม่เลว

อย่างไรก็ดี ขอเพียงแข็งแกร่งก็สามารถผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ ทุกสรรพสิ่งไม่มีคำว่าเกินจริง

ช่างเจ้าวิชาที่ลึกลับซับซ้อนกระไร ซัดให้ระเบิดก็สิ้นเรื่อง!

ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าของสิ่งนี้มันพุ่งออกไปเหมือนปืนฉีดน้ำหรือไม่

ถ้าหากทำได้ เจ้าของสิ่งนี้พุ่งใส่หน้า น่าจะสะใจยิ่งกว่ากระสุนเจาะเกราะต้านรถถังอีกกระมัง!

อืม ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งชื่อว่าปืนเทพปฐมกาล!

ถ้าหากการเคลื่อนไหวของมันเร็วพอ ก็สามารถพัฒนาไปทางเครื่องวอเตอร์เจ็ท

ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งชื่อว่าดาบเทพปฐมกาล!

เสิ่นเทียนคิดว่านี่เป็นแนวทางที่สามารถลองศึกษาบนเส้นทางบำเพ็ญเซียนของเขาในวันข้างหน้า

ทั้งน่าสนใจและทั้งสนุก ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกว่าอานุภาพของมันต้องรุนแรงมาก

เจ้าน้ำมวลหนักปฐมกาลนี่มันยาหม่องครอบจักรวาลชัดๆ!

ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ

……

เสิ่นเทียนดึงสติของตนเองกลับมา เห็นกุ้ยกงกงและคนอื่นล้วนแต่กำลังจ้องตนเอง

เขากระแอมด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ “อะแฮ่ม เออ พวกเราควรจะกลับกันได้แล้ว”

กุ้ยกงกงพยักหน้า “องค์ชายโปรดวางใจ พวกเราเก็บดอกบัวขาวบริสุทธิ์ในหุบเขาเรียบร้อยหมดแล้ว”

ในระหว่างสามวันที่เสิ่นเทียนหมดสติ คนทั้งสามก็ไม่ได้อยู่เฉย

สมุนไพรและดอกบัวขาวบริสุทธิ์ในหุบเขาเหล่านั้นถูกเก็บจนหมดแล้ว

ตามวิธีแบ่งผลประโยชน์ที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ เสิ่นเทียนและเสี่ยวหลิงเซียนคนละครึ่ง

สิ่งที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงคือแหวนเก็บของของเสี่ยวหลิงเซียนไม่ได้ใหญ่มาก มีเพียงพื้นที่หนึ่งตารางเมตร

เพื่อที่จะใส่สมุนไพรและดอกบัวขาวบริสุทธิ์เหล่านี้ให้เต็ม ก็นับว่าเสียพลังไปไม่น้อย

……

“ใช่แล้วลุงกุ้ย นำกระจกมาให้ข้าหน่อย”

เสิ่นเทียนนึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน เตรียมตัวตรวจดูวงรัศมีของตนเอง

กุ้ยกงกงจะยิ้มก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่เชิง นำกระจกยื่นให้เสิ่นเทียน

เมื่อก่อนไม่เคยพบองค์ชายรักสวยรักงามเช่นนี้

หรือเป็นเพราะแม่นางเสี่ยวหลิงเซียนอยู่ด้านข้าง ก็เลยใส่ใจภาพลักษณ์เป็นพิเศษ?

อืม ต้องเช่นนี้สิถึงจะถูก!

รีบไปสู่ขอแม่นางหลิงเอ๋อร์เข้าบ้าน เช่นนี้พระสนมหลานที่อยู่ในแดนปรโลกรู้ก็จะยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลก

เปิดกระจก เสิ่นเทียนมองตนเองที่อยู่ในกระจกด้วยความคาดหวัง

อืม แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง

แต่ยังคงไม่สามารถบดบังความหล่อที่ทำให้ผู้คนคลั่งไคล้

สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนดีใจคือวงรัศมีเหนือศีรษะของเขาใกล้จะถูกชำระล้างกลายเป็นสีขาวแล้ว

เหลือเพียงพื้นที่บางส่วนที่ยังมีจุดสีดำปะปน แลดูคล้ายคลึงลายเสือดาวเล็กน้อย

และแสงที่รายล้อมวงรัศมี ส่วนใหญ่ก็กลายเป็นสีขาวหมดแล้ว

มีเพียงกลิ่นอายสีดำเล็กน้อยที่ยังคงพยายามต่อต้าน

ชำระล้างจนขาวบริสุทธิ์ อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม!

……

เก็บกระจก เสิ่นเทียนและคนอื่นๆ ปีนเชือกที่ทิ้งไว้ตอนลงมากลับขึ้นหน้าผา

จัดแต่งชุดของตนเองสักพัก หยิบหนวดสองเส้นที่ตกไปแล้วขึ้นมาติดใหม่

เสิ่นเทียนกลับมาเป็นท่านเซียนเสิ่นเอ้าสี่คิ้วอีกครั้ง

เต็มเปี่ยมไปด้วยสง่าราศี ทำให้เด็กสาวนับหมื่นพันคลั่งไคล้

คนทั้งกลุ่มเดินทางกลับสวนหมื่นวิญญาณ

สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนคาดคิดไม่ถึงคือ ทันทีที่เท้าข้างหนึ่งของเขาก้าวเข้าสู่สวนหมื่นวิญญาณ

มีคนหลายสิบคนวิ่งเข้ามาทางเขาทันที

“ทุกคนรีบมาดูเร็ว! ท่านเซียนเสิ่นเอ้ากลับมาแล้ว!”

“ท่านเซียน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว พวกเรารอท่านมาสามวันแล้ว”

“สามวันแล้วนะ ท่านเซียน ท่านรู้หรือเปล่าว่าสามวันมานี้พวกเราอยู่กันอย่างไร”

……

คนทั้งกลุ่มพากันวิ่งเสิ่นเทียน กลัวว่าตนเองจะอยู่หลังเพื่อน

คนที่อยู่ด้านหน้าสุดคือผู้มีวาสนาคนแรกและคนที่สอง

พวกเขาพุ่งเข้ามากอดขาของเสิ่นเทียนคนละข้าง ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาทันที

“ท่านเซียน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว พวกเรา…คิดถึงท่านมาก!”

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 44 ท่านเซียน พวกเราคิดถึงท่านมาก!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 44 ท่านเซียน พวกเราคิดถึงท่านมาก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 44 ท่านเซียน พวกเราคิดถึงท่านมาก!
หมัดนี้แลดูไม่มีอะไรซับซ้อน ความเร็วก็ไม่ได้ถือว่าเร็ว

ทว่าตอนที่เสิ่นเทียนชกหมัดนี้ออกไป กุ้ยกงกงรู้สึกเหมือนตนเองโดนดูดจนหยุดชะงัก

กำปั้นของเสิ่นเทียนกำลังปลดปล่อยพลังดึงดูดที่แข็งแกร่งสายหนึ่ง

พลังดึงดูดสายนี้ดึงกุ้ยกงกงเข้าใกล้อย่างต่อเนื่อง จำกัดความเร็วในการหลบหลีกของเขา

สีหน้าของกุ้ยกงกงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เย็นวูบในใจ

สมกับที่เป็นสมบัติชั้นสูงในรายนามน้ำแท้ ไม่นึกเลยว่ายังมีความลึกลับเช่นนี้แฝงอยู่

อาศัยจังหวะของการจู่โจม ยังสามารถทำให้เกิดพลังจำกัดและดึงดูดคู่ต่อสู้!

หมัดนี้ของเสิ่นเทียนยากที่จะหลบหลีก!

แน่นอน ยากที่จะหลบหลีกไม่ได้แปลว่าไม่สามารถป้องกัน

กุ้ยกงกงสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและความน่ากลัวจากหมัดนี้ของเสิ่นเทียน

หากโดนหมัดนี้ชกเข้าใส่จริงๆ โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถไปพบพระสนมหลานได้ในทันใด

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

พลังวิญญาณในร่างกายของกุ้ยกงกงถาโถมเข้าไปหาดอกทานตะวันมารสู่สุริยันตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากดอกทานตะวันสีเลือดได้รับพลังวิญญาณที่เพียงพอ มันดูเบ่งบานและงดงามยิ่งขึ้น

มันบานออกอย่างเชื่องช้า ราวกับกำลังอ้าปากเตรียมกลืนกินทุกสิ่ง

ทว่าหลังจากสัมผัสโดนหมัดของเสิ่นเทียนที่มีน้ำมวลหนักปฐมกาลปกคลุม

ตรงกลีบดอกไม้ของดอกทานตะวันสีเลือด มีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากนั้นกลีบดอกไม้ล่องลอยแตกสลายกลายเป็นความว่างเปล่า

……

กุ้ยกงกงใช้มารทานตะวันพิทักษ์ร่างอย่างเต็มกำลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียนกลับไม่สามารถต้านทานกระบวนท่านี้

กลีบดอกไม้สีแดงกลายเป็นผุยผงล่องลอยไปท่ามกลางพายุลมหมัด กำปั้นของเสิ่นเทียนหยุดห่างจากตรงหน้าของกุ้ยกงกงสามนิ้ว

เห็นได้ชัด การประลองครั้งนี้เสิ่นเทียนเป็นฝ่ายชนะ

หลอมกายขั้นสี่เอาชนะหลอมปราณขั้นแปดด้วยกระบวนท่าเดียว!

ของเหลวสีเงินขาวไหลกลับเข้าไปในร่างกายอย่างเชื่องช้า รัศมีกดดันที่อยู่ในอากาศก็หายไปทันที

เสิ่นเทียนเกาศีรษะของตนเองอย่างยิ้มแย้ม “เมื่อกี้รู้สึกว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง รู้สึกอึดอัดถ้าไม่ได้ปลดปล่อยมันออกมา”

“ลุงกุ้ย ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่!”

กุ้ยกงกงส่ายศีรษะ ถอนหายใจแล้วกล่าว “องค์ชายดึงพลังกลับได้ทันเวลา บ่าวไม่เป็นอะไร”

“แต่ว่าหมัดนี้ขององค์ชายแข็งแกร่งยิ่งนัก เกรงว่าเพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามของผู้แข็งแกร่งระดับสร้างฐานแล้ว!”

“หากพระสนมหลานรู้ว่าปัจจุบันองค์ชายแข็งแกร่งเช่นนี้ จะต้องยิ้มร่าทั่วทั้งแดนปรโลกอย่างแน่นอน”

คำพูดของกุ้ยกงกงไม่ได้พูดสรรเสริญเยินยอ

เขาฝึกบำเพ็ญ ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ บรรลุถึงระดับหลอมปราณขั้นแปด

อันที่จริงพลังของเขาไม่ธรรมดา สู้อย่างเต็มกำลังถึงขั้นสามารถปะทะกับผู้บําเพ็ญหลอมกายเทพมารในระดับเดียวกัน

ด้วยความสามารถของเขา ถึงเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานที่อ่อนแอก็เป็นฝ่ายที่เหนือกว่า

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียน กลับไม่สามารถต้านทานแม้แต่กระบวนท่าเดียว

เสิ่นเทียนที่อยู่ในสภาวะเช่นนั้น หมัดเดียวไร้เทียมทานยิ่งนัก!

……

“น้ำมวลหนักปฐมกาลเป็นอันดับสิบสองของของรายนามน้ำแท้ อนุภาพย่อมไม่ธรรมดา”

เสิ่นเทียนยิ้มแล้วกล่าว “หมัดของข้าเมื่อกี้มีน้ำมวลหนักปฐมกาลแฝงอยู่”

บนใบหน้าของกุ้ยกงกงเผยให้เห็นความดีใจ “องค์ชายท่านสามารถควบคุมน้ำมวลหนักปฐมกาลแล้วหรือ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ข้าก็ไม่รู้เพราะเหตุใด มันเหมือนมีความเชื่อมโยงกับคัมภีร์คบเพลิง”

“เมื่อไหร่ที่ข้าโคจรทักษะหลอมกายคบเพลิง น้ำมวลหนักปฐมกาลแฝงเข้าไปในพลังของข้าด้วย”

“หลังจากนั้นไหลเวียนไปทั่วร่างตามพลังของข้า ช่วยขัดเกลาร่างกาย”

“มีมันคอยช่วยเหลือ พลังวิญญาณที่ใช้ในการขัดเกลาร่างเนื้อของข้าถูกเผาผลาญเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ผลลัพธ์ของการขัดเกลาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน”

“และเมื่อกี้ข้าลองควบแน่นน้ำมวลหนักปฐมกาลไปที่กำปั้น พบว่ามันทำได้จริง”

เสิ่นเทียนก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ทักษะหลอมกายคบเพลิงที่ซื้อมาในราคาห้าตำลึงเงินจะมีผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเช่นนี้

หรือเมื่อก่อนไม่เคยมีคนลองใช้ทักษะหลอมกายคบเพลิงไปดูดซับน้ำมวลหนักปฐมกาลเลยหรือ

หรือในนั้นมีความลับอะไรที่เขาไม่รู้แฝงอยู่

เสิ่นเทียนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา

……

“ช่างเถอะ ไม่อยากคิดแล้ว ต่อไปเมื่อมีโอกาสก็จะเข้าใจเอง”

เสิ่นเทียนปัดความสงสัยทั้งหมดทิ้งไป เริ่มครุ่นคิดตั้งชื่อที่น่าฟังให้กับท่าไม้ตายของตนเอง

‘คัมภีร์คบเพลิง’ ที่แพร่หลายในโลกบำเพ็ญเซียน ไม่มีกระบวนท่าที่สอดคล้องกัน

ในตอนนี้หลังจากคัมภีร์คบเพลิงของเสิ่นเทียนดูดซับน้ำมวลหนักปฐมกาลจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง

และยังทำให้เสิ่นเทียนสามารถคิดค้นวิชาหมัดที่น่าทึ่ง

เสิ่นเทียนย่อมต้องตั้งชื่อที่ฟังดูสุดยอดและน่าเกรงขามให้กับวิชาหมัดของตนเอง

ชื่ออะไรดีนะ!

หมัดเทพวารีคบเพลิง?

หมัดคบเพลิงไร้เทียมทาน?

หมัดเทพวารีไร้เทียมทาน?

หมัดวารีหยก?

หมัดคืนข้าล่องลอย?

……

นึกอยู่หลายสิบชื่อ สุดท้ายเสิ่นเทียนต้องยอมรับว่าตนเองเป็นพวกมีปัญหากับการตั้งชื่อ

ช่างเถอะ เรียกหมัดเทพปฐมกาลก็แล้วกัน!

ไว้เมื่อไหร่ที่สามารถโคจรน้ำมวลหนักปฐมกาลไปที่เท้า ก็เรียกว่าเท้าเทพปฐมกาล

ใช้ฝ่ามือตบคนอื่นก็เรียกฝ่ามือเทพปฐมกาล

หากสามารถไหลเวียนไปทั่วร่างก็เรียกวิชาเทพไม่บุบสลายปฐมกาล

หรือสร้างเป็นชุดเกราะเซาะกราว ก้าวสู่จอมยุทธ์แรดทมิฬ!

อืม เป็นความคิดที่ไม่เลว

อย่างไรก็ดี ขอเพียงแข็งแกร่งก็สามารถผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ ทุกสรรพสิ่งไม่มีคำว่าเกินจริง

ช่างเจ้าวิชาที่ลึกลับซับซ้อนกระไร ซัดให้ระเบิดก็สิ้นเรื่อง!

ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าของสิ่งนี้มันพุ่งออกไปเหมือนปืนฉีดน้ำหรือไม่

ถ้าหากทำได้ เจ้าของสิ่งนี้พุ่งใส่หน้า น่าจะสะใจยิ่งกว่ากระสุนเจาะเกราะต้านรถถังอีกกระมัง!

อืม ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งชื่อว่าปืนเทพปฐมกาล!

ถ้าหากการเคลื่อนไหวของมันเร็วพอ ก็สามารถพัฒนาไปทางเครื่องวอเตอร์เจ็ท

ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งชื่อว่าดาบเทพปฐมกาล!

เสิ่นเทียนคิดว่านี่เป็นแนวทางที่สามารถลองศึกษาบนเส้นทางบำเพ็ญเซียนของเขาในวันข้างหน้า

ทั้งน่าสนใจและทั้งสนุก ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกว่าอานุภาพของมันต้องรุนแรงมาก

เจ้าน้ำมวลหนักปฐมกาลนี่มันยาหม่องครอบจักรวาลชัดๆ!

ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ

……

เสิ่นเทียนดึงสติของตนเองกลับมา เห็นกุ้ยกงกงและคนอื่นล้วนแต่กำลังจ้องตนเอง

เขากระแอมด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ “อะแฮ่ม เออ พวกเราควรจะกลับกันได้แล้ว”

กุ้ยกงกงพยักหน้า “องค์ชายโปรดวางใจ พวกเราเก็บดอกบัวขาวบริสุทธิ์ในหุบเขาเรียบร้อยหมดแล้ว”

ในระหว่างสามวันที่เสิ่นเทียนหมดสติ คนทั้งสามก็ไม่ได้อยู่เฉย

สมุนไพรและดอกบัวขาวบริสุทธิ์ในหุบเขาเหล่านั้นถูกเก็บจนหมดแล้ว

ตามวิธีแบ่งผลประโยชน์ที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ เสิ่นเทียนและเสี่ยวหลิงเซียนคนละครึ่ง

สิ่งที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงคือแหวนเก็บของของเสี่ยวหลิงเซียนไม่ได้ใหญ่มาก มีเพียงพื้นที่หนึ่งตารางเมตร

เพื่อที่จะใส่สมุนไพรและดอกบัวขาวบริสุทธิ์เหล่านี้ให้เต็ม ก็นับว่าเสียพลังไปไม่น้อย

……

“ใช่แล้วลุงกุ้ย นำกระจกมาให้ข้าหน่อย”

เสิ่นเทียนนึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน เตรียมตัวตรวจดูวงรัศมีของตนเอง

กุ้ยกงกงจะยิ้มก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่เชิง นำกระจกยื่นให้เสิ่นเทียน

เมื่อก่อนไม่เคยพบองค์ชายรักสวยรักงามเช่นนี้

หรือเป็นเพราะแม่นางเสี่ยวหลิงเซียนอยู่ด้านข้าง ก็เลยใส่ใจภาพลักษณ์เป็นพิเศษ?

อืม ต้องเช่นนี้สิถึงจะถูก!

รีบไปสู่ขอแม่นางหลิงเอ๋อร์เข้าบ้าน เช่นนี้พระสนมหลานที่อยู่ในแดนปรโลกรู้ก็จะยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลก

เปิดกระจก เสิ่นเทียนมองตนเองที่อยู่ในกระจกด้วยความคาดหวัง

อืม แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง

แต่ยังคงไม่สามารถบดบังความหล่อที่ทำให้ผู้คนคลั่งไคล้

สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนดีใจคือวงรัศมีเหนือศีรษะของเขาใกล้จะถูกชำระล้างกลายเป็นสีขาวแล้ว

เหลือเพียงพื้นที่บางส่วนที่ยังมีจุดสีดำปะปน แลดูคล้ายคลึงลายเสือดาวเล็กน้อย

และแสงที่รายล้อมวงรัศมี ส่วนใหญ่ก็กลายเป็นสีขาวหมดแล้ว

มีเพียงกลิ่นอายสีดำเล็กน้อยที่ยังคงพยายามต่อต้าน

ชำระล้างจนขาวบริสุทธิ์ อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม!

……

เก็บกระจก เสิ่นเทียนและคนอื่นๆ ปีนเชือกที่ทิ้งไว้ตอนลงมากลับขึ้นหน้าผา

จัดแต่งชุดของตนเองสักพัก หยิบหนวดสองเส้นที่ตกไปแล้วขึ้นมาติดใหม่

เสิ่นเทียนกลับมาเป็นท่านเซียนเสิ่นเอ้าสี่คิ้วอีกครั้ง

เต็มเปี่ยมไปด้วยสง่าราศี ทำให้เด็กสาวนับหมื่นพันคลั่งไคล้

คนทั้งกลุ่มเดินทางกลับสวนหมื่นวิญญาณ

สิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนคาดคิดไม่ถึงคือ ทันทีที่เท้าข้างหนึ่งของเขาก้าวเข้าสู่สวนหมื่นวิญญาณ

มีคนหลายสิบคนวิ่งเข้ามาทางเขาทันที

“ทุกคนรีบมาดูเร็ว! ท่านเซียนเสิ่นเอ้ากลับมาแล้ว!”

“ท่านเซียน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว พวกเรารอท่านมาสามวันแล้ว”

“สามวันแล้วนะ ท่านเซียน ท่านรู้หรือเปล่าว่าสามวันมานี้พวกเราอยู่กันอย่างไร”

……

คนทั้งกลุ่มพากันวิ่งเสิ่นเทียน กลัวว่าตนเองจะอยู่หลังเพื่อน

คนที่อยู่ด้านหน้าสุดคือผู้มีวาสนาคนแรกและคนที่สอง

พวกเขาพุ่งเข้ามากอดขาของเสิ่นเทียนคนละข้าง ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาทันที

“ท่านเซียน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว พวกเรา…คิดถึงท่านมาก!”

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+