บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 20 ช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 20 ช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 20 ช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า!
“ไม่ใช่ความรักแล้วคืออะไร

พี่เสิ่นไม่ต้องกลัว ถึงท่านพ่อและท่านพี่ไม่ชอบท่าน แต่ข้าจะปกป้องท่านเอง!”

หลี่เหลียงเอ๋อร์ชักกระบี่เซียนที่สะพายอยู่ด้านหลังออกมา “ท่านพี่ ถ้าท่านยังขู่ให้พี่เสิ่นไปจากข้า ข้า…ข้าจะตายให้ท่านดู!”

สาวน้อยที่ยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้กำลังโกรธมาก

ราวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับความอยุติธรรม!

หลี่ฉางเกอ “?!”

“เสิ่นเทียน “!?”

เสิ่นเทียนตกตะลึง

เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าเกิดข้อผิดพลาดตอนที่เดินทางข้ามภพมาโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้

อะไรกัน ไม่เพียงแต่มีหน้าม้าขายแร่ แถมยังมีพวกคลั่งไคล้ดาราอีกด้วย!

ตอนแรกเขาคิดว่าพวกแฟนคลับที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพบไอดอลของตัวเองสักครั้ง ล้วนแต่เป็นพวกติ่ง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนเทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ท่านนี้คลั่งยิ่งกว่าพวกเธอเสียอีก!

ข้าเพิ่งจะพบกับเจ้าครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเลยกระมัง!

จากสหายเต๋ากลายมาเป็นพี่เสิ่น ตอนนี้พร้อมที่จะตายเพื่อความรักแล้ว?

เทพธิดา ความรักของเจ้ามาเร็วเกินไปแล้วกระมัง แม้กระทั่งพายุทอร์นาโดก็ยังตามไม่ทัน!

เฮ้อ เกิดมาหน้าตาดีก็เป็นบาปกรรมประเภทหนึ่ง

เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนตนเองพัวพันกับปัญหาเข้าเสียแล้ว

…….

“หรือไม่เอาแบบนี้ก็แล้วกัน!” หลี่ฉางเกอถอนหายใจแล้วกล่าว “ไม่ทราบว่านักพรตเสิ่นมีอาจารย์ เข้าสำนักพรรคใดหรือยัง”

เสิ่นเทียนกล่าว “ข้าเสิ่นเอ้าเทียนลูกศิษย์ใต้สังกัดผู้สูงศักดิ์เทียนจี ถ้ำหุบเหวเดียวดายแห่งเขานามวสันต์”

“ที่แท้น้องเสิ่นเป็นลูกศิษย์ของผู้สูงศักดิ์เทียนจี ไม่น่าแปลกใจที่มีความสามารถเช่นนี้”

ได้ยินคำตอบของเสิ่นเทียน หลี่ฉางเกอรู้สึกดีใจขึ้นมาทันใด กล่าว “ไม่ทราบว่าช่วงนี้ท่านอาจารย์สบายดีหรือไม่”

หา?

เสิ่นเทียนตกตะลึง

อะไร เจ้าเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของอาจารย์ข้าด้วยหรือ

หรือว่าโลกนี้มีผู้สูงศักดิ์เทียนจีอยู่จริง?

แล้วข้าจะแต่งเรื่องต่ออย่างไร

หรือว่าความจะแตกแล้ว?

แบบนี้ไม่แย่หรอกหรือ!

ในขณะที่เสิ่นเทียนกำลังตื่นตระหนก!

เสียงของหลี่ฉางเกอดังเข้ามาในหูอย่างกะทันหัน “ถ้าไม่อยากถูกท่านพ่อของข้าตอน ทางที่ดีควรให้ความร่วมมือกับข้า”

ทันใดนั้น เสิ่นเทียนสะดุ้ง “ขอบคุณพี่หลี่ที่ห่วงใย ท่านอาจารย์สบายดี”

ถึงแม้วิชา ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ จะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เขาไม่อยากฝึก

“เช่นนี้ตอนนี้ทุกอย่างก็ง่ายแล้ว”

ความคลั่งบนใบหน้าของหลี่ฉางเกอหายไปหมดแล้ว ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

“เหลียงเอ๋อร์เจ้าอาจจะไม่รู้ ท่านเทียนจีอาจารย์ของคุณชายเสิ่นเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายของท่านพ่อตอนสมัยหนุ่ม”

“พวกเราทั้งสองตระกูลเป็นสหายกัน!”

หลี่เหลียงเอ๋อร์ทำหน้าสงสัย “พี่เสิ่น เป็นเรื่องจริงหรือ?”

ในขณะที่เสิ่นเทียนกำลังจะเอ่ยปาก หลี่ฉางเกอกล่าวเตือน “ท่านพ่อของข้าคือหลี่ชางหลานเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ คาดว่าน้องเสิ่นคงจะเคยได้ยินท่านเทียนจีเอ่ยถึงอยู่บ้าง…กระมัง!”

ตอนที่กล่าวถึงคำว่า ‘กระมัง’ หลี่ฉางเกอเน้นเสียงค่อนข้างหนัก

เสิ่นเทียนรีบพยักหน้า “เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ ย่อมเคยได้ยินอยู่แล้ว ชื่อเสียงเกรียงไกรก้องหู”

“อาจารย์เอ่ยชมวิชากระบี่ของผู้อาวุโสหลี่ไม่หยุดปาก โดยเฉพาะชื่นชมคุณธรรมของเขาอย่างมาก”

“ชื่นชมคุณธรรมของท่านพ่อ” หลี่เหลียงเอ๋อร์อึ้ง “ท่านพ่อมีสหายเช่นนี้ด้วยหรือ”

หลี่ฉางเกอกระแอม “ได้ยินมาว่าสมัยท่านพ่อยังเป็นหนุ่ม เป็นคนสุภาพและค่อนข้างเข้ากับคนง่าย ปัจจุบันคงเป็นเพราะเลยวัยนั้นมาแล้ว จึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนกระมัง!”

“เอาเป็นว่า…”

หลี่ฉางเกอกล่าว “ในเมื่อน้องเสิ่นเป็นลูกศิษย์ของท่านเทียนจี น้องข้าเจ้าก็ไม่ต้องห่วงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเขาแล้ว”

หลี่เหลียงเอ๋อร์กล่าวด้วยความดีใจ “ความหมายของท่านพี่คือ ท่านกับท่านพ่อไม่คัดค้าน?”

หลี่ฉางเกอพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม “สายสืบทอดของท่านเทียนจีเป็นสหายของตระกูลเรา ข้าและท่านพ่อจะคัดค้านได้อย่างไร!”

“เพียงแต่เหลียงเอ๋อร์ อย่างไรแล้วเจ้าก็ยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์”

“คงจะปล่อยให้ผู้อื่นคิดว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่หนีตามผู้ชายไปไม่ได้กระมัง!”

เห็นหลี่เหลียงเอ๋อร์เหมือนจะใจเย็นลงบ้างแล้ว หลี่ฉางเกอกล่าวเสนอแนะ

“อีกอย่าง ข้าไม่คัดค้านเรื่องของเจ้ากับน้องเสิ่น แต่พวกเราต้องกลับแดนเทวาดาวประกายพรึกก่อน”

หลี่เหลียงเอ๋อร์หวาดระแหวงขึ้นทันใด “เพราะอะไร”

หลี่ฉางเกอกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้เจ้ายังมีเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติอยู่กับตัว!”

“ถ้าหากข่าวกระจายออกไป ผู้คนจากทั่วสารทิศจะมาตามหาเจ้ากับน้องเสิ่น เวลานั้นถึงเป็นข้าก็ปกป้องพวกเจ้าไม่ได้แล้ว”

“ทำไมกัน ตอนนี้ท่านพ่อกับข้าไม่คัดค้านแล้ว เจ้ายังต้องการใช้ชีวิตคู่รักแบบถูกไล่ล่าหรือ”

หลี่เหลียงเอ๋อร์ถอนหายใจ กล่าวด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน “ไม่ต้องการแล้ว”

“ก็แค่นั้นแหละ!”

หลี่ฉางเกอกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ตอนนี้เจ้ากับน้องเสิ่นแยกจากกันชั่วคราว พวกเรากลับไปปลูกเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติก่อน”

“ส่วนน้องเสิ่นก็กลับเขานามวสันต์ไปหาผู้อาวุโสเทียนจี หาฤกษ์มงคลมาขอแต่งงาน”

“ถึงเวลานั้น ผลตกผลึกวาสนาของพวกเจ้าก็งอกเงยขึ้นแล้ว เจ้าจะได้แต่งออกไปอย่างสง่าผ่าเผย”

“เช่นนี้ไม่ดีหรือ”

ฟังอุบายคำพูดของหลี่ฉางเกอประโยคแล้วประโยคเล่า เสิ่นเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม

ท่าทางที่จริงใจและจริงจังของเขา แม้กระทั่งเขาก็เกือบหลงเชื่อแล้ว!

ในด้านของฝีปาก ข้ายินดียอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งที่สุด!

หลี่เหลียงเอ๋อร์หันไปจ้องเสิ่นเทียน กล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์ “พี่เสิ่น ถ้าอย่างนั้นท่านต้องมาหาข้าที่แดนเทวาดาวประกายพรึกนะ!”

เมื่อได้ยินหลี่เหลียงเอ๋อร์ยอมกล่าวลา หลี่ฉางเกอซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล

ในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมน้องคนนี้ได้สำเร็จ มีอะไรกลับไปแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

อย่างน้อยก็ต้องพาน้องสาวกลับไปอย่างปลอดภัยก่อน

ส่วนเรื่องที่เหลือ ท่านพ่อจะจัดการอย่างไร

นั่นเป็นเรื่องของท่านพ่อ

อย่างไรถ้าท่านแม่ถามถึง

เขาไม่เกี่ยว!

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเจ้าหมอนี่กล้าไปแดนเทวดาดาวประกายพรึก ต้านทานกระบี่ชางหลานของตาเฒ่านั้นไว้

ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถพิจารณา อนุญาตให้เขาตามจีบเหลียงเอ๋อร์

ปัญหาคือ เขากล้าหรือไม่?!

หลี่ฉางเกอมองเสิ่นเทียน มีรอยยิ้มที่ ‘ให้กำลังใจ’ ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

คาดหวังที่จะได้เห็นเจ้าถูกตาเฒ่าถลกหนัง

ต้องบอกเอาไว้ก่อน ตาเฒ่านั้นโหดกว่าข้าหลายเท่า!

………..

เผชิญหน้ากับสายตาที่คาดหวังของหลี่เหลียงเอ๋อร์ เสิ่นเทียนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “แน่นอน จะต้องไปแน่นอน”

เพราะอย่างไรก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเมื่อไหร่ หลังจากหนึ่งร้อยปีค่อยไปก็ไม่ถือว่าผิดสัญญา

อย่างไรก็ดี ในโลกบำเพ็ญเซียน เวลาหนึ่งร้อยปีไม่ได้ถือว่ายาวนาน

อย่างน้อยก็ก่อนที่จะสู้กับหลี่ฉางเกอและหลี่ชางหลานได้ เสิ่นเทียนไม่มีทางไปแดนเทวดาดาวประกายพรึกเด็ดขาด

หวงน้องสาว+หวงลูกสาว+ดวงชะตาอับโชค ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

ต้องโดนเล่นงานจนตายแน่!

คิดไปคิดมา หลี่ฉางเกอก็หยิบป้ายคำสั่งอีกอันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ

ป้ายคำสั่งอันนี้เป็นสีเงินขาวทั้งหมด มีลวดลายของกระบี่สีฟ้าแกะสลักอยู่ตรงกลาง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโบราณ เจตจำนงกระบี่เอ่อล้น

ส่วนอีกด้านหนึ่งของป้ายคำสั่ง แกะสลักตัวอักษร ‘หลี่’

“ในเมื่อเรื่องระหว่างเจ้ากับเหลียงเอ๋อร์ได้ตกลงกันแล้ว คนเป็นพี่อย่างข้าก็ต้องแสดงความจริงใจบ้าง”

“ท่านพ่อใช้เงินจำนวนมากตีหลอม ‘ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่’ อันนี้ขึ้น มีพลังของวิญญาณกระบี่ที่แข็งแกร่งเทียบเท่าดวงจิตดรุณช่วงต้นสายหนึ่งถูกปิดผนึกอยู่ด้านใน ขอเพียงหยดเลือดทำสัญญาพันธะเจ้าของก็จะสามารถใช้มัน”

“ในขณะเดียวกันก็มีการสลักตราเวทสื่อสารไว้บนป้ายคำสั่ง ขอเพียงเปิดใช้มันก็จะสามารถส่งเสียงไกลหมื่นลี้”

“ในอนาคตหากเจอปัญหาอะไร สามารถใช้เรียกข้าได้ทุกเมื่อ”

“แม้มูลค่าของมันจะเทียบเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้า!”

“วันนี้ ขอมอบให้น้องเสิ่นก็แล้วกัน!”

มองดูหลี่ฉางเกอที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า เสิ่นเทียนเข้าใจได้ในทันที ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้ น่าจะเป็นของตอบแทนเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ

อย่างไรก็ดี แดนเทวาประกายพรึกที่อยู่ในโลกบำเพ็ญเซียน ก็ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีหน้ามีตา

ได้รับโชคลิขิตอันประเสริฐเช่นนี้ ย่อมต้องมีการตอบแทนกันบ้าง

……

ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในโลกบำเพ็ญเซียนถือเป็นสมบัติสุดยอดระดับสูงสุด

และที่สำคัญสำหรับเสิ่นเทียนในตอนนี้ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ใช้งานดีกว่าเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ

ต้องรู้ก่อนว่า ถึงจะเป็นจักรพรรดิเหยียนแห่งอาณาจักรต้าเหยียนท่านพ่อของเสิ่นเทียนที่ได้มาโดยไม่เสียเงินผู้นี้ พลังบำเพ็ญของเขาก็อยู่แค่ช่วงสูงสุดของแก่นพลังทอง

ส่วนป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้ ถึงขั้นสามารถเรียกผู้คุ้มกันที่มีพลังระดับดวงจิตดรุณช่วงต้น

มีป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้อยู่ ขอเพียงไม่ดันทุรังรนหาที่ตาย ก็เพียงพอที่จะอยู่ในอาณาจักรต้าเหยียนโดยไม่ต้องเกรงกลัวใครแล้ว

จินตนาการถึงความล้ำค่าของมันได้เลย

สามารถมอบของวิเศษเช่นนี้ให้โดยไม่รู้สึกเสียดาย ต้องยอมรับว่าตระกูลหลี่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

เสิ่นเทียนถึงขั้นมีความรู้สึกไม่อยากจะพยายามแล้ว

“จะรับไว้ได้อย่างไร!”

เสิ่นเทียนรับป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ หันไปกล่าว “เทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ ข้าขอยืมกระบี่เซียนของเจ้าใช้หน่อย”

ใบหน้ากลมของหลี่เหลียงเอ๋อร์แดงระรื่น “พี่เสิ่นเรียกข้าว่าเหลียงเอ๋อร์ก็พอแล้ว”

“กระบี่วารีครามเล่มนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านพ่อมอบให้เหลียงเอ๋อร์ตอนอายุครบสิบหกปี

แต่ว่าถ้าหากพี่เสิ่นชอบมัน มอบให้พี่เสิ่นเป็นของแทนใจเลยก็แล้วกัน!”

เสิ่นเทียนงงงัน

ของแทนใจอะไร

ก็แค่จะยืมกระบี่ของเจ้ากรีดนิ้วมือ หยดเลือดทำสัญญาพันธะเจ้าของเท่านั้น!

เพราะถ้ากัดนิ้วมันเจ็บเกินไป และก็ยังไม่ถูกหลักอนามัยด้วย

นี่เจ้าช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า!

……………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 20 ช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 20 ช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 20 ช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า!
“ไม่ใช่ความรักแล้วคืออะไร

พี่เสิ่นไม่ต้องกลัว ถึงท่านพ่อและท่านพี่ไม่ชอบท่าน แต่ข้าจะปกป้องท่านเอง!”

หลี่เหลียงเอ๋อร์ชักกระบี่เซียนที่สะพายอยู่ด้านหลังออกมา “ท่านพี่ ถ้าท่านยังขู่ให้พี่เสิ่นไปจากข้า ข้า…ข้าจะตายให้ท่านดู!”

สาวน้อยที่ยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้กำลังโกรธมาก

ราวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับความอยุติธรรม!

หลี่ฉางเกอ “?!”

“เสิ่นเทียน “!?”

เสิ่นเทียนตกตะลึง

เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าเกิดข้อผิดพลาดตอนที่เดินทางข้ามภพมาโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้

อะไรกัน ไม่เพียงแต่มีหน้าม้าขายแร่ แถมยังมีพวกคลั่งไคล้ดาราอีกด้วย!

ตอนแรกเขาคิดว่าพวกแฟนคลับที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพบไอดอลของตัวเองสักครั้ง ล้วนแต่เป็นพวกติ่ง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนเทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ท่านนี้คลั่งยิ่งกว่าพวกเธอเสียอีก!

ข้าเพิ่งจะพบกับเจ้าครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเลยกระมัง!

จากสหายเต๋ากลายมาเป็นพี่เสิ่น ตอนนี้พร้อมที่จะตายเพื่อความรักแล้ว?

เทพธิดา ความรักของเจ้ามาเร็วเกินไปแล้วกระมัง แม้กระทั่งพายุทอร์นาโดก็ยังตามไม่ทัน!

เฮ้อ เกิดมาหน้าตาดีก็เป็นบาปกรรมประเภทหนึ่ง

เสิ่นเทียนรู้สึกเหมือนตนเองพัวพันกับปัญหาเข้าเสียแล้ว

…….

“หรือไม่เอาแบบนี้ก็แล้วกัน!” หลี่ฉางเกอถอนหายใจแล้วกล่าว “ไม่ทราบว่านักพรตเสิ่นมีอาจารย์ เข้าสำนักพรรคใดหรือยัง”

เสิ่นเทียนกล่าว “ข้าเสิ่นเอ้าเทียนลูกศิษย์ใต้สังกัดผู้สูงศักดิ์เทียนจี ถ้ำหุบเหวเดียวดายแห่งเขานามวสันต์”

“ที่แท้น้องเสิ่นเป็นลูกศิษย์ของผู้สูงศักดิ์เทียนจี ไม่น่าแปลกใจที่มีความสามารถเช่นนี้”

ได้ยินคำตอบของเสิ่นเทียน หลี่ฉางเกอรู้สึกดีใจขึ้นมาทันใด กล่าว “ไม่ทราบว่าช่วงนี้ท่านอาจารย์สบายดีหรือไม่”

หา?

เสิ่นเทียนตกตะลึง

อะไร เจ้าเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของอาจารย์ข้าด้วยหรือ

หรือว่าโลกนี้มีผู้สูงศักดิ์เทียนจีอยู่จริง?

แล้วข้าจะแต่งเรื่องต่ออย่างไร

หรือว่าความจะแตกแล้ว?

แบบนี้ไม่แย่หรอกหรือ!

ในขณะที่เสิ่นเทียนกำลังตื่นตระหนก!

เสียงของหลี่ฉางเกอดังเข้ามาในหูอย่างกะทันหัน “ถ้าไม่อยากถูกท่านพ่อของข้าตอน ทางที่ดีควรให้ความร่วมมือกับข้า”

ทันใดนั้น เสิ่นเทียนสะดุ้ง “ขอบคุณพี่หลี่ที่ห่วงใย ท่านอาจารย์สบายดี”

ถึงแม้วิชา ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ จะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เขาไม่อยากฝึก

“เช่นนี้ตอนนี้ทุกอย่างก็ง่ายแล้ว”

ความคลั่งบนใบหน้าของหลี่ฉางเกอหายไปหมดแล้ว ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

“เหลียงเอ๋อร์เจ้าอาจจะไม่รู้ ท่านเทียนจีอาจารย์ของคุณชายเสิ่นเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายของท่านพ่อตอนสมัยหนุ่ม”

“พวกเราทั้งสองตระกูลเป็นสหายกัน!”

หลี่เหลียงเอ๋อร์ทำหน้าสงสัย “พี่เสิ่น เป็นเรื่องจริงหรือ?”

ในขณะที่เสิ่นเทียนกำลังจะเอ่ยปาก หลี่ฉางเกอกล่าวเตือน “ท่านพ่อของข้าคือหลี่ชางหลานเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ คาดว่าน้องเสิ่นคงจะเคยได้ยินท่านเทียนจีเอ่ยถึงอยู่บ้าง…กระมัง!”

ตอนที่กล่าวถึงคำว่า ‘กระมัง’ หลี่ฉางเกอเน้นเสียงค่อนข้างหนัก

เสิ่นเทียนรีบพยักหน้า “เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ ย่อมเคยได้ยินอยู่แล้ว ชื่อเสียงเกรียงไกรก้องหู”

“อาจารย์เอ่ยชมวิชากระบี่ของผู้อาวุโสหลี่ไม่หยุดปาก โดยเฉพาะชื่นชมคุณธรรมของเขาอย่างมาก”

“ชื่นชมคุณธรรมของท่านพ่อ” หลี่เหลียงเอ๋อร์อึ้ง “ท่านพ่อมีสหายเช่นนี้ด้วยหรือ”

หลี่ฉางเกอกระแอม “ได้ยินมาว่าสมัยท่านพ่อยังเป็นหนุ่ม เป็นคนสุภาพและค่อนข้างเข้ากับคนง่าย ปัจจุบันคงเป็นเพราะเลยวัยนั้นมาแล้ว จึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนกระมัง!”

“เอาเป็นว่า…”

หลี่ฉางเกอกล่าว “ในเมื่อน้องเสิ่นเป็นลูกศิษย์ของท่านเทียนจี น้องข้าเจ้าก็ไม่ต้องห่วงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเขาแล้ว”

หลี่เหลียงเอ๋อร์กล่าวด้วยความดีใจ “ความหมายของท่านพี่คือ ท่านกับท่านพ่อไม่คัดค้าน?”

หลี่ฉางเกอพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม “สายสืบทอดของท่านเทียนจีเป็นสหายของตระกูลเรา ข้าและท่านพ่อจะคัดค้านได้อย่างไร!”

“เพียงแต่เหลียงเอ๋อร์ อย่างไรแล้วเจ้าก็ยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์”

“คงจะปล่อยให้ผู้อื่นคิดว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่หนีตามผู้ชายไปไม่ได้กระมัง!”

เห็นหลี่เหลียงเอ๋อร์เหมือนจะใจเย็นลงบ้างแล้ว หลี่ฉางเกอกล่าวเสนอแนะ

“อีกอย่าง ข้าไม่คัดค้านเรื่องของเจ้ากับน้องเสิ่น แต่พวกเราต้องกลับแดนเทวาดาวประกายพรึกก่อน”

หลี่เหลียงเอ๋อร์หวาดระแหวงขึ้นทันใด “เพราะอะไร”

หลี่ฉางเกอกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้เจ้ายังมีเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติอยู่กับตัว!”

“ถ้าหากข่าวกระจายออกไป ผู้คนจากทั่วสารทิศจะมาตามหาเจ้ากับน้องเสิ่น เวลานั้นถึงเป็นข้าก็ปกป้องพวกเจ้าไม่ได้แล้ว”

“ทำไมกัน ตอนนี้ท่านพ่อกับข้าไม่คัดค้านแล้ว เจ้ายังต้องการใช้ชีวิตคู่รักแบบถูกไล่ล่าหรือ”

หลี่เหลียงเอ๋อร์ถอนหายใจ กล่าวด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน “ไม่ต้องการแล้ว”

“ก็แค่นั้นแหละ!”

หลี่ฉางเกอกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ตอนนี้เจ้ากับน้องเสิ่นแยกจากกันชั่วคราว พวกเรากลับไปปลูกเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติก่อน”

“ส่วนน้องเสิ่นก็กลับเขานามวสันต์ไปหาผู้อาวุโสเทียนจี หาฤกษ์มงคลมาขอแต่งงาน”

“ถึงเวลานั้น ผลตกผลึกวาสนาของพวกเจ้าก็งอกเงยขึ้นแล้ว เจ้าจะได้แต่งออกไปอย่างสง่าผ่าเผย”

“เช่นนี้ไม่ดีหรือ”

ฟังอุบายคำพูดของหลี่ฉางเกอประโยคแล้วประโยคเล่า เสิ่นเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม

ท่าทางที่จริงใจและจริงจังของเขา แม้กระทั่งเขาก็เกือบหลงเชื่อแล้ว!

ในด้านของฝีปาก ข้ายินดียอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งที่สุด!

หลี่เหลียงเอ๋อร์หันไปจ้องเสิ่นเทียน กล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์ “พี่เสิ่น ถ้าอย่างนั้นท่านต้องมาหาข้าที่แดนเทวาดาวประกายพรึกนะ!”

เมื่อได้ยินหลี่เหลียงเอ๋อร์ยอมกล่าวลา หลี่ฉางเกอซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล

ในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมน้องคนนี้ได้สำเร็จ มีอะไรกลับไปแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

อย่างน้อยก็ต้องพาน้องสาวกลับไปอย่างปลอดภัยก่อน

ส่วนเรื่องที่เหลือ ท่านพ่อจะจัดการอย่างไร

นั่นเป็นเรื่องของท่านพ่อ

อย่างไรถ้าท่านแม่ถามถึง

เขาไม่เกี่ยว!

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเจ้าหมอนี่กล้าไปแดนเทวดาดาวประกายพรึก ต้านทานกระบี่ชางหลานของตาเฒ่านั้นไว้

ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถพิจารณา อนุญาตให้เขาตามจีบเหลียงเอ๋อร์

ปัญหาคือ เขากล้าหรือไม่?!

หลี่ฉางเกอมองเสิ่นเทียน มีรอยยิ้มที่ ‘ให้กำลังใจ’ ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

คาดหวังที่จะได้เห็นเจ้าถูกตาเฒ่าถลกหนัง

ต้องบอกเอาไว้ก่อน ตาเฒ่านั้นโหดกว่าข้าหลายเท่า!

………..

เผชิญหน้ากับสายตาที่คาดหวังของหลี่เหลียงเอ๋อร์ เสิ่นเทียนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “แน่นอน จะต้องไปแน่นอน”

เพราะอย่างไรก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเมื่อไหร่ หลังจากหนึ่งร้อยปีค่อยไปก็ไม่ถือว่าผิดสัญญา

อย่างไรก็ดี ในโลกบำเพ็ญเซียน เวลาหนึ่งร้อยปีไม่ได้ถือว่ายาวนาน

อย่างน้อยก็ก่อนที่จะสู้กับหลี่ฉางเกอและหลี่ชางหลานได้ เสิ่นเทียนไม่มีทางไปแดนเทวดาดาวประกายพรึกเด็ดขาด

หวงน้องสาว+หวงลูกสาว+ดวงชะตาอับโชค ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

ต้องโดนเล่นงานจนตายแน่!

คิดไปคิดมา หลี่ฉางเกอก็หยิบป้ายคำสั่งอีกอันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ

ป้ายคำสั่งอันนี้เป็นสีเงินขาวทั้งหมด มีลวดลายของกระบี่สีฟ้าแกะสลักอยู่ตรงกลาง เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความโบราณ เจตจำนงกระบี่เอ่อล้น

ส่วนอีกด้านหนึ่งของป้ายคำสั่ง แกะสลักตัวอักษร ‘หลี่’

“ในเมื่อเรื่องระหว่างเจ้ากับเหลียงเอ๋อร์ได้ตกลงกันแล้ว คนเป็นพี่อย่างข้าก็ต้องแสดงความจริงใจบ้าง”

“ท่านพ่อใช้เงินจำนวนมากตีหลอม ‘ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่’ อันนี้ขึ้น มีพลังของวิญญาณกระบี่ที่แข็งแกร่งเทียบเท่าดวงจิตดรุณช่วงต้นสายหนึ่งถูกปิดผนึกอยู่ด้านใน ขอเพียงหยดเลือดทำสัญญาพันธะเจ้าของก็จะสามารถใช้มัน”

“ในขณะเดียวกันก็มีการสลักตราเวทสื่อสารไว้บนป้ายคำสั่ง ขอเพียงเปิดใช้มันก็จะสามารถส่งเสียงไกลหมื่นลี้”

“ในอนาคตหากเจอปัญหาอะไร สามารถใช้เรียกข้าได้ทุกเมื่อ”

“แม้มูลค่าของมันจะเทียบเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้า!”

“วันนี้ ขอมอบให้น้องเสิ่นก็แล้วกัน!”

มองดูหลี่ฉางเกอที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า เสิ่นเทียนเข้าใจได้ในทันที ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้ น่าจะเป็นของตอบแทนเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ

อย่างไรก็ดี แดนเทวาประกายพรึกที่อยู่ในโลกบำเพ็ญเซียน ก็ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีหน้ามีตา

ได้รับโชคลิขิตอันประเสริฐเช่นนี้ ย่อมต้องมีการตอบแทนกันบ้าง

……

ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในโลกบำเพ็ญเซียนถือเป็นสมบัติสุดยอดระดับสูงสุด

และที่สำคัญสำหรับเสิ่นเทียนในตอนนี้ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ใช้งานดีกว่าเมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติ

ต้องรู้ก่อนว่า ถึงจะเป็นจักรพรรดิเหยียนแห่งอาณาจักรต้าเหยียนท่านพ่อของเสิ่นเทียนที่ได้มาโดยไม่เสียเงินผู้นี้ พลังบำเพ็ญของเขาก็อยู่แค่ช่วงสูงสุดของแก่นพลังทอง

ส่วนป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้ ถึงขั้นสามารถเรียกผู้คุ้มกันที่มีพลังระดับดวงจิตดรุณช่วงต้น

มีป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่อันนี้อยู่ ขอเพียงไม่ดันทุรังรนหาที่ตาย ก็เพียงพอที่จะอยู่ในอาณาจักรต้าเหยียนโดยไม่ต้องเกรงกลัวใครแล้ว

จินตนาการถึงความล้ำค่าของมันได้เลย

สามารถมอบของวิเศษเช่นนี้ให้โดยไม่รู้สึกเสียดาย ต้องยอมรับว่าตระกูลหลี่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

เสิ่นเทียนถึงขั้นมีความรู้สึกไม่อยากจะพยายามแล้ว

“จะรับไว้ได้อย่างไร!”

เสิ่นเทียนรับป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ หันไปกล่าว “เทพธิดาเหลียงเอ๋อร์ ข้าขอยืมกระบี่เซียนของเจ้าใช้หน่อย”

ใบหน้ากลมของหลี่เหลียงเอ๋อร์แดงระรื่น “พี่เสิ่นเรียกข้าว่าเหลียงเอ๋อร์ก็พอแล้ว”

“กระบี่วารีครามเล่มนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านพ่อมอบให้เหลียงเอ๋อร์ตอนอายุครบสิบหกปี

แต่ว่าถ้าหากพี่เสิ่นชอบมัน มอบให้พี่เสิ่นเป็นของแทนใจเลยก็แล้วกัน!”

เสิ่นเทียนงงงัน

ของแทนใจอะไร

ก็แค่จะยืมกระบี่ของเจ้ากรีดนิ้วมือ หยดเลือดทำสัญญาพันธะเจ้าของเท่านั้น!

เพราะถ้ากัดนิ้วมันเจ็บเกินไป และก็ยังไม่ถูกหลักอนามัยด้วย

นี่เจ้าช่วยอย่าคิดไปเองได้หรือเปล่า!

……………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+