บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 194 แก่นพลังทองสิบรอบ ท้าสู้ทั่วดินแดนบูรพา

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 194 แก่นพลังทองสิบรอบ ท้าสู้ทั่วดินแดนบูรพา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 194 แก่นพลังทองสิบรอบ ท้าสู้ทั่วดินแดนบูรพา

แดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แสงดาวส่องประกาย

ยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชวังที่พำนักของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกัน

“น่าขายหน้า น่าขายหน้าเกินไปแล้ว!”

“เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับควบม้าชนยอดค่ายกลของคนอื่น ไม่มีตารึไง”

“ก่อเรื่องทำให้ชาวเมืองหลายร้อยคนตายไม่เท่าไร แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เห็นนี่สิ มันทำให้ฝ่ายเราอับอาย!”

“เรื่องนี้มีคนจงใจกระจายข่าวไปมากกว่าครึ่งดินแดนบูรพาแล้ว กวาดศักดิ์ศรีเราไปหมด!”

“เฉินจงเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเรา แต่ไม่เคยรับหน้าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มที่มาก่อน เอาแต่ทำให้ฝ่ายเราอับอาย ไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ต่อไปจริงๆ!”

“ใช่ที่สุดๆ ตอนนี้ดวงจิตดรุณของเฉินจงเทียนร้าวพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่เหมาะจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์อีก!”

“เหยากวง เทียนซู เทียนเสวียน โอรสสวรรค์สามคนนี้มีพรสวรรค์เป็นผู้ถูกเลือกระดับสูง ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอเสนอ…ให้แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหม่”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน!”

……

เมื่อได้ฟังคำพูดของผู้อาวุโสทุกคนกลางวิหารใหญ่แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ

การให้เฉินจงเทียนผูกมิตรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน ความจริงแล้วเป็นการตัดสินใจของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมาตลอด

ทว่าผู้อาวุโสที่คัดค้านในวิหารพวกนี้ล้วนเป็นผู้สนับสนุนของผู้อาวุโสใหญ่

ตอนนี้เฉินจงเทียนก่อเรื่องเป็นเรื่องเล็ก แต่ขายหน้าต่อหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ กระทั่งมีคนตั้งใจคอยผสมโรง กระจายข่าวออกไป นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว

ไม่ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ใดล้วนให้ความสำคัญกับหน้าตา บางครั้งเกียรติของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็สำคัญกว่าชีวิตของผู้แข็งแกร่ง

เฉินจงเทียนดวงจิตดรุณร้าว ทั้งยังทำให้ชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียหาย

พวกผู้อาวุโสที่คิดจะโค่นล้มเขามานานส่วนใหญ่ย่อมอดใจก่อกบฏมิได้ ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็มีการแบ่งเป็นฝักฝ่าย!

แม้จะเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ตามใจ

ทันใดนั้นเองมีเสียงเย็นชาดังขึ้นกลางวิหารใหญ่ “แดนศักดิ์สิทธิ์ของท่านจะแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหม่ เล่นแบบเด็กๆ ง่ายเช่นนี้เลยหรือ”

เสียงคำรามมังกรดังสนั่นหูดังขึ้นนอกยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ อำนาจเขย่าขวัญใจคน

เหล่าผู้อาวุโสหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยก่อนรีบเดินออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

ก่อนพบว่าบนฟ้ายอดเขาแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวมีรถสงครามทองคำคันหนึ่ง ขยับแสงสว่างจ้าทุกส่วนราวกับดวงตะวันสีทอง

รถสงครามเป็นทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก รอบๆ แกะสลักตราเวทลี้ลับ

มีภาพนกทองคำวนเวียนอยู่บนนั้น ดูบ้าอำนาจอย่างยิ่ง และที่ทำให้ตกใจกว่านั้นคือรถสงครามทองคำคันนี้มีมังกรคะนองน้ำสีดำหกตัวลากมา

มังกรคะนองน้ำทุกตัวแผ่พลังอันแกร่งกล้า เป็นสัตว์อสูรน่าสะพรึงเทียบเท่ากับมนุษย์ระดับดวงจิตดรุณ!

กระทั่งมังกรคะนองน้ำสองตัวข้างหน้ามีเขาที่สองงอกออกมา นี่เรียกว่ามังกรน้ำไม่ได้แล้ว สามารถเรียกว่ามังกรดำแท้จริงได้เลย!

กลิ่นอายพลังของพวกมันเทียบเท่ากับจุดสูงสุดระดับดวงจิตดรุณ!

มังกรหกตัวลากรถ!

พลังแฝงและความบ้าอำนาจของคนที่มาเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร!

นี่คือความหรูหราที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพยังแทบจะไม่มีทางมีได้

เพราะเผ่ามังกรหยิ่งผยองที่หนึ่ง ถ้าไม่มีใจภักดี จะยอมก้มหัวลากรถได้อย่างไร

ทั้งดินแดนบูรพา คนที่หรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนี้ได้มีเพียงคนเดียว นั่นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ฉีเซ่าเสวียน!

ก่อนจะเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์มังกรดำยืนบนรถสงครามทองคำด้วยความโอหัง มือถือง้าวมังกรสวรรค์ ร่างแผ่ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ล้นฟ้า

ข้างหลังเขาเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ร้อยจั้ง นั่นคือภาพของราชาเทพหนุ่มกดขี่อยู่เหนือสวรรค์เก้าชั้น ใต้เท้าราชาเทพหนุ่มคนนี้เป็นมังกรดำเรียกฟ้าเรียกฝน แผ่กระจายอำนาจคุกคามเหลือล้น!

นี่คือปรากฏการณ์สูงสุด…เทพมังกรทระนงฟ้า!

เล่าลือว่ามีเพียงฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงที่เผยแพร่มาจากเกาะมังกรดำทะเลอุดรถึงระดับสูงสุดเท่านั้นถึงจะรวมเป็นปรากฏการณ์เช่นนี้ได้

และนี่ก็หมายความว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนได้รับการยอมรับจากเผ่ามังกรดำทะเลอุดรอย่างแท้จริงแล้ว

หากให้เวลาเขามากพอ ถึงขั้นอาจจะได้ทำสัญญายอมรับจากเผ่ามังกรดำสายเลือดบริสุทธิ์ ถึงตอนนั้นผู้ปกป้องเขาจะไม่ได้มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง แต่ยังมีเกาะมังกรดำทะเลอุดรที่แข็งแกร่งอย่างหาใครเปรียบไม่ได้

คนคนนี้สูงส่งจนไม่อาจกล่าว!

ทันทีที่ฉีเซ่าเสวียนปรากฏตัว ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือที่เดิมทียังพูดพร่ำไม่หยุดก็หุบปากลงโดยไม่ได้นัดหมาย

ตลกน่า ฉีเซ่าเสวียนเป็นใคร

นั่นคือหมายเลขหนึ่งในรายนามแก่นพลังทองแห่งดินแดนบูรพา ได้รับขนานนามว่าโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคที่มี ‘คุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิ’!

ขอแค่ฉีเซ่าเสวียนไม่ตาย ภายภาคหน้าอย่างแย่ที่สุดก็เป็นผู้อริยะไร้พ่าย ถ้าประสบความสำเร็จต่อไป ถึงขั้นได้พิสูจน์จักรพรรดิ!

เขามีอนาคตไร้ที่สิ้นสุด ผู้อาวุโสตัวเล็กๆ อย่างพวกเขาจะเทียบได้หรือ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสฝ่ายนอกแห่งดาวเหนือบางส่วน ระดับพลังเพียงจุดสูงสุดดวงจิตดรุณเท่านั้น

ถ้าลงมือจริงๆ แม้แต่สัตว์ขี่ของอีกฝ่ายก็อาจจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

การยื่นความไม่ไว้วางใจเฉินจงเทียนน้องเล็กของฉีเซ่าเสวียนต่อหน้าเขา นี่ไม่เรียกว่าหาเรื่องใส่ตัวหรือ!

เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเผยรอยยิ้มบางๆ “ไม่ทราบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมามีเรื่องใดรึ”

“ขอคารวะท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เซ่าเสวียนมาในวันนี้มีเพียงสองเรื่อง”

ฉีเซ่าเสวียนยกมุมปากเล็กน้อย “ข้อหนึ่ง ได้ยินว่าเฉินจงเทียนดวงจิตดรุณร้าว เซ่าเสวียนเป็นห่วง จึงตั้งใจมาถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดินิพพานเพื่อช่วยรักษา”

เมื่อสิ้นคำพูดของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ทุกคนถึงกับผงะไป

เล่นใหญ่มาก!

นั่นคือคัมภีร์นิพพานอมตะ เป็นมรดกสูงสุดที่ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งรุ่งเรือง เจ้าถ่ายทอดให้เช่นนี้เลยหรือ

แม้จะรู้ดีว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเพียงแค่กู้บารมีให้เฉินจงเทียน อย่างมากก็ถ่ายทอดให้บางส่วน ไม่มีทางถ่ายทอดให้ทั้งหมด แต่ถึงจะอย่างนั้น นี่ก็เป็นโชควาสนายิ่งใหญ่เท่าฟ้าสำหรับเฉินจงเทียน!

หากดวงดีจะสร้างขึ้นใหม่หลังทำลายและมีโอกาสก้าวไปอีกขั้น

เวลานี้ เหล่าผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมองฉีเซ่าเสวียนด้วยแววตาซับซ้อน พวกเขาจะไม่รู้ความคิดในใจของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงได้อย่างไร

นี่เขากำลังสร้างอำนาจให้ผู้ติดตามของตน!

ถึงอย่างไรสุนัขรับใช้ระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์ มองไปทั้งดินแดนบูรพาก็มีแต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือคนเดียว

พันตำลึงทองซื้อกระดูกม้า ฉีเซ่าเสวียนต้องให้คนอื่นได้เห็นทัศนคติของเขา

แบบนี้ ภายภาคหน้าจะมีคนติดตามมากขึ้น

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยิ้ม “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมีคุณธรรม ข้าขอขอบคุณแทนบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วย”

ผู้อาวุโสใหญ่ข้างๆ มีสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงใจกว้างจริงๆ! ขนาดคัมภีร์จักรพรรดิยังถ่ายทอดให้กันได้ง่ายๆ”

บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงชำเลืองตามองผู้อาวุโสใหญ่แวบหนึ่งก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่คัมภีร์จักรพรรดิเท่านั้นเอง เทียบกับมิตรภาพระหว่างจงเทียนกับแซ่ฉีแล้ว ไม่พอให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ”

ขณะพูดอยู่นั้น ฉีเซ่าเสวียนยังมองยอดเขาอื่นๆ ของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือด้วยรอยยิ้ม “แซ่ฉีชอบผูกมิตรที่สุด ข้าจะไม่ขี้เหนียวกับพี่น้องที่ผูกมิตรด้วยกันอย่างจริงใจเลย พี่น้องทุกท่านแห่งดาวเหนือ หากสนใจก็มาผูกมิตรกับข้าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงได้เสมอ แซ่ฉียินดีต้อนรับทุกท่านอย่างแน่นอน!”

ผู้อาวุโสใหญ่มีสีหน้าแย่เล็กน้อย “บุตรศักดิ์สิทธิ์มาครั้งนี้มีสองเรื่อง เช่นนั้นเรื่องที่สองคืออะไร”

เรื่องที่สองหรือ

ง้าวมังกรสวรรค์ในมือฉีเซ่าเสวียนขยับแสงหนาวเยือกอึมครึม แก่นพลังทองที่เปล่งแสงสว่างจ้าก็ลอยขึ้นมาจากตันเถียนเขาช้าๆ

รอบๆ แก่นพลังทองนั้นมีลวดลายมรรคลี้ลับลอยขึ้นมา มีร่างมายาเทพและพุทธปรากฏขึ้นรางๆ และยังมีเสียงคำรามมังกรวนเวียนเบาๆ

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือบนผิวแก่นพลังทองนี้มีลวดลายเทพสิบสายชัดเจนวนเวียนอยู่

ลวดลายเทพสิบสาย แก่นพลังทอง…สิบรอบ!

ทุกคนต่างรู้ว่าแก่นพลังทองหนึ่งรอบคือตอนต้น แก่นพลังทองสองรอบคือตอนกลาง สามรอบตอนปลาย หลังจากสี่รอบคือจุดสูงสุด…

และแก่นพลังทองเก้ารอบคือขีดจำกัดของระดับแก่นพลังทอง!

ทว่านั่นเป็นเพียงขีดจำกัดของผู้ฝึกบำเพ็ญปกติ สำหรับโอรสสวรรค์เป็นเอกแห่งยุคที่มุ่งมั่นจะทะลวงระดับจักรพรรดิ การก้าวข้ามขีดจำกัดคือสิ่งที่ต้องแสวงหา

กระทั่งในดินแดนบูรพามีคำอธิบายไว้ว่า ‘มีเพียงแก่นพลังทองสิบรอบเท่านั้นถึงจะมีโอกาสสัมผัสถึงระดับจักรพรรดิอย่างแท้จริง!’

แต่ดินแดนบูรพาไม่ปรากฏจักรพรรดิมาหมื่นปีแล้ว ในรอบพันปีก็ยังไม่เคยปรากฏโอรสสวรรค์แก่นพลังทองสิบรอบ

คำอธิบายนี้จริงเท็จประการใดก็ไม่อาจยืนยันได้มานานมากแล้ว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น โอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคแท้จริงก็ยังมุ่งมั่นไปแก่นพลังทองเก้ารอบกับก้าวข้ามขีดจำกัดไปสิบรอบ

อย่างเช่นฉีเซ่าเสวียน ตอนอายุสิบแปดอยู่ระดับแก่นพลังทองเก้ารอบและยึดอันดับรายนามแก่นพลังทอง แต่ก็เสียเวลาอยู่ระดับแก่นพลังทองมาสองปีก็เพื่อยกระดับให้สูงสุด ก้าวข้ามขีดจำกัดไปถึงระดับสิบรอบที่อยู่สูงสุดและยากจะพานพบได้ในพันปี

และวันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว!

ฉีเซ่าเสวียนยืนยันระดับแก่นพลังทองสิบรอบให้เห็น นั่นมากพอจะทำให้ทั้งห้าเขตแดนสั่นสะเทือน

เพราะอย่างไรนี่ก็หมายความว่าฉีเซ่าเสวียนมีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิจริงๆ!

เวลานี้ ทั้งยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เงียบเป็นเป่าสาก

ผู้อาวุโสทุกคนรู้สึกขมขื่นอย่างยิ่ง แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมีมังกรถือกำเนิดขึ้นจริงๆ!

ดินแดนบูรพาปรากฏบุตรแห่งโชคคนนี้ขึ้น ในรอบหลายพันปีนี้จะมีใครเทียบเคียงเขาได้อีก แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องยิ่งใหญ่!

ท่ามกลางสายตาของทุกคนนั้น ฉีเซ่าเสวียนดันแก่นพลังทองสิบรอบพลางยิ้มพอใจ

เขากระโดดลงมาจากรถสงครามทองคำช้าๆ “แซ่ฉีเพิ่งก้าวสู่ระดับสิบรอบ พลังบำเพ็ญเลื่อนลอยยังไม่เสถียรภาพ ดังนั้นจึงตัดสินใจอยากจะใช้การต่อสู้ฟื้นฟูกำลังรบ ขอท้าสู้กับโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาระดับพลังเดียวกันก่อน แล้วค่อยไปดินแดนทักษิณ ดินแดนทะเลทรายประจิม ทะเลอุดรแล้วก็ทวีปกลาง

สั่งสมพลังไร้พ่าย ทุบแก่นบรรลุดวงจิตดรุณ!

ได้ยินว่าค่ายกลเจ็ดดาวหมีใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมหัศจรรย์เป็นหนึ่ง เจ็ดบุตรดาวเหนือก็เป็นโอรสสวรรค์ยุคนี้ เหยากวง เทียนซูและเทียนเสวียนศิษย์น้องทั้งสามยังติดอันดับต้นๆ ในรายนามแก่นพลังทอง

เซ่าเสวียนบุ่มบ่าม ยินดีจะใช้คัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะครึ่งหนึ่งเป็นของเดิมพัน รับการสั่งสอนจากศิษย์น้องทั้งเจ็ดท่าน หากเซ่าเสวียนพ่ายแพ้ ก็ยินดีจะมอบคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะครึ่งหนึ่งให้กับฝ่ายท่าน!”

คำพูดของฉีเซ่าเสวียนพลันดังไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

ท้าสู้โอรสสวรรค์ทั้งดินแดนบูรพา แล้วค่อยไปสู้กับดินแดนทักษิณ ดินแดนทะเลทรายประจิม ทะเลอุดรและทวีปกลาง สั่งสมพลังไร้พ่ายพิสูจน์ดวงจิตดรุณสูงสุดหรือ

ไม่เห็นใครในสายตา โอหังมาก!

แต่คำพูดโอหังเช่นนี้มาจากปากฉีเซ่าเสวียน กลับเป็นเรื่องปกติ

เพราะว่าเขาก็ไร้พ่ายอยู่แล้ว!

ตอนนี้เพียงแค่พิสูจน์อย่างเป็นทางการเท่านั้น!

ตำนานบทใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ท้องฟ้าแห่งดินแดนบูรพากำลังจะเปลี่ยนไป!

……

แต่ตอนนี้ เสิ่นเทียนกำลังหลงทาง

อาจารย์ก็พึ่งพาไม่ได้แล้ว เป็นบุรุษก็ได้แต่พึ่งพาตัวเอง!

เสิ่นเทียนหาทางอยู่ในทุ่งกว้างรกร้างต่อไป ปืนปทุมฆาตเทพก็เสียดสีจนร้อนแล้ว

แค่กๆ นั่นเกิดจากการเสียดสีกับอากาศตอนบินด้วยความเร็วสูง

ทว่าเสิ่นเทียนก็ยังหาเมืองที่มีมนุษย์ไม่เจอเลย สัตว์ประหลาดที่ดูไม่เตะตามีให้เห็นไม่น้อย

สุดท้ายเสิ่นเทียนก็ยอมแพ้

เขาหยิบป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ออกมา “อาจารย์ ข้าไม่อยากสู้…ข้าเจอโชคลิขิตแล้ว”

เมื่อเปิดสมรรถนะการสื่อสารของป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว เงาสะท้อนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ปรากฏมาตรงหน้า สายฟ้าประกายเซียนกระเพื่อมอย่างมาก

“อาจารย์ปลื้มใจมาก ดวงชะตาของเทียนเอ๋อร์สูงกว่าที่อาจารย์คิดอีก หลงทางหลายชั่วยามสั้นๆ ก็เจอมหาโชคลิขิตแล้ว เทียบกับเจ้าแล้ว ฉีเซ่าเสวียนไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย!

เจ้ายืนอยู่ตรงที่ราบอย่าขยับ อาจารย์จะไปรับเจ้าเดี๋ยวนี้”

เมื่อเอ่ยจบ ร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ค่อยๆ หายไป

ราวหนึ่งเค่อต่อมาก็ปรากฏประตูมิติขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียนช้าๆ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏกายอยู่ตรงข้ามประตู มองเสิ่นเทียนพลางพูดขึ้น “เทียนเอ๋อร์ เข้ามาสิ!”

เมื่อเห็นเครื่องตกแต่งของวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในอีกด้านแล้ว เสิ่นเทียนซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว จากนี้จะไม่ออกจากบ้านคนเดียวอีกเด็ดขาด!

ยามนี้ ความกระหายที่จะแข็งแกร่งขึ้นในใจเสิ่นเทียนเร่าร้อนถึงขีดสุด จะต้องฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะให้เร็วที่สุด แล้วก็เรียนสุดยอดวิชาประตูมิติจากอาจารย์

ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหลงทางในป่าแล้ว

……

ข้ามประตูมิติมาแล้ว เสิ่นเทียนมาอยู่กลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

เจอกับใบหน้าคนแก่สุขภาพดีเข้ามาต้อนรับ ถ้าไม่ใช่นักพรตชราแล้วจะเป็นใครไปได้อีก

นักพรตชราจ้องเสิ่นเทียน “นี่แค่กี่ชั่วยามเอง เจ้าก็เจอมหาโชคลิขิตอีกแล้วรึ โชคลิขิตอะไร เอาออกมาให้อาจารย์ลุงดูหน่อยสิ อาจารย์ลุงรับรองว่าจะไม่แย่งเจ้าหรอก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดอย่างเฉยชา “ศิษย์พี่ ผู้อาวุโสต้องมีกิริยาของผู้อาวุโส เทียนเอ๋อร์ได้โชคลิขิตอะไรนั่นคือโชควาสนาของเขา และเป็นไพ่ตายในภายภาคหน้า ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไรยิ่งได้ผลดีมากเท่านั้น

หากท่านเคยอ่านชีวประวัติของผู้มีมหาดวงชะตาพันคนก็จะพบว่าบุตรแห่งโชคล้วนมีความลับและไพ่ตายของตนเสมอ เราเป็นผู้อาวุโสก็ต้องรู้จักให้เกียรติ คนที่หวังจะล่วงรู้ความลับของบุตรแห่งโชค ปกติจะไม่ตายดีหรอก”

นักพรตชราพูดไม่ออก

เอ่ยจบแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ตบบ่าเสิ่นเทียน “เทียนเอ๋อร์ บอกอาจารย์ได้หรือไม่ว่าโชคลิขิตครั้งนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด”

คำถามนี้ทำให้เสิ่นเทียนอึ้งไป โชคลิขิตครั้งนี้ใหญ่เพียงใดหรือ

นี่จะให้เขาตอบอย่างไร

ใหญ่เท่าแตงกวา ใหญ่เท่าข้าวโพด ใหญ่เท่ามะเขือ หรือใหญ่เท่าฟักเขียวล่ะ

ใหญ่ปกติ ค่อนข้างใหญ่ ใหญ่เป็นพิเศษ หรือว่าใหญ่จนรับไม่ไหวล่ะ

เสิ่นเทียนครุ่นคิดอย่างหนักชั่วครู่แล้วก็ตอบกลับ “ยิ่งใหญ่…ราวๆ โชคลิขิตของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานกระมัง!”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานทำให้การเอาตัวรอดของเสิ่นเทียนเพิ่มขึ้นมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องบาดเจ็บเลย แต่ถ้าถูกฆ่าในพริบตาก็ช่วยไม่ได้

ทางด้านบุตรเทพโลหิตก็ทำให้เสิ่นเทียนมีคนปิดหูปิดตาคนอื่นแทนเขาได้ ช่วยเขาเลี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้มาก ในมุมมองเขา โชคลิขิตสองอย่างน่าจะมีประโยชน์มากพอๆ กัน

พอได้ฟังคำตอบของเสิ่นเทียนแล้ว นักพรตชราก็นิ่งอึ้งไปเลย

เขาพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ยิ่งใหญ่เท่าโชคลิขิตของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือ ใหญ่เท่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่ง!”

นักพรตชราเบิกตาโต!

เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนเคยเอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสามสิบกว่าขวดออกมาให้ดู ทุกขวดมีร้อยชั่งกว่า หรือก็คือในตัวเสิ่นเทียนมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอย่างน้อยหลายพันชั่ง

แต่เสิ่นเทียนกลับบอกว่าโชคลิขิตที่เจอในครั้งนี้ยิ่งใหญ่พอๆ กับโชคลิขิตของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือ

พระผู้เป็นเจ้าหาที่สิ้นสุดมิได้!

ผ่านไปไม่กี่วัน เจ้าหนูนี่ก็เจอกับลาภลอยอีกแล้ว

หรือว่าเขาเป็นบุตรนอกสมรสของสวรรค์อย่างที่ศิษย์น้องรองบอกจริงๆ นี่ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!

นักพรตชราตาเขียวแล้ว เคยมีศิษย์ที่ร่ำรวยจนมีกินล้นปากวางอยู่ตรงหน้าแท้ๆ เขากลับไม่รักษาไว้

ตอนนี้…

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รู้ดีว่าศิษย์พี่ตนเป็นทุกข์จึงพูดนิ่งๆ ว่า “เทียนเอ๋อร์ การฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลครั้งนี้จะมีผู้คุมยอดเขาบัวขาวนำไป ตอนที่เจ้ากลับมา ขบวนฝึกฝนยังไม่ออกเดินทาง เจ้าไปรวมไปรวมกลุ่มกับศิษย์น้องหญิงบัวขาวเถอะ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอรับ ศิษย์น้อมรับคำสั่ง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองส่งเสิ่นเทียนออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายกระเพื่อมเบาๆ

เขาพูดนิ่งๆ ว่า “ศิษย์พี่ ข้าพูดไว้ไม่ผิดใช่หรือไม่! ถ้าข้าไม่ให้เทียนเอ๋อร์เดินไปตามความรู้สึกจะไปเจอโชคลิขิตได้อย่างไร ดังนั้นนะศิษย์พี่ จะต้องอ่านหนังสือเยอะๆ อ่านหนังสือดีๆ อ่านหนังสือเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!

รู้สึกอย่างไรบ้าง สำนึกเสียใจหรือไม่ ถ้าสำนึกเสียใจละก็…”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 194 แก่นพลังทองสิบรอบ ท้าสู้ทั่วดินแดนบูรพา

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 194 แก่นพลังทองสิบรอบ ท้าสู้ทั่วดินแดนบูรพา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 194 แก่นพลังทองสิบรอบ ท้าสู้ทั่วดินแดนบูรพา

แดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แสงดาวส่องประกาย

ยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชวังที่พำนักของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกัน

“น่าขายหน้า น่าขายหน้าเกินไปแล้ว!”

“เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับควบม้าชนยอดค่ายกลของคนอื่น ไม่มีตารึไง”

“ก่อเรื่องทำให้ชาวเมืองหลายร้อยคนตายไม่เท่าไร แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เห็นนี่สิ มันทำให้ฝ่ายเราอับอาย!”

“เรื่องนี้มีคนจงใจกระจายข่าวไปมากกว่าครึ่งดินแดนบูรพาแล้ว กวาดศักดิ์ศรีเราไปหมด!”

“เฉินจงเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเรา แต่ไม่เคยรับหน้าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มที่มาก่อน เอาแต่ทำให้ฝ่ายเราอับอาย ไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ต่อไปจริงๆ!”

“ใช่ที่สุดๆ ตอนนี้ดวงจิตดรุณของเฉินจงเทียนร้าวพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่เหมาะจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์อีก!”

“เหยากวง เทียนซู เทียนเสวียน โอรสสวรรค์สามคนนี้มีพรสวรรค์เป็นผู้ถูกเลือกระดับสูง ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอเสนอ…ให้แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหม่”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน!”

……

เมื่อได้ฟังคำพูดของผู้อาวุโสทุกคนกลางวิหารใหญ่แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ

การให้เฉินจงเทียนผูกมิตรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน ความจริงแล้วเป็นการตัดสินใจของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมาตลอด

ทว่าผู้อาวุโสที่คัดค้านในวิหารพวกนี้ล้วนเป็นผู้สนับสนุนของผู้อาวุโสใหญ่

ตอนนี้เฉินจงเทียนก่อเรื่องเป็นเรื่องเล็ก แต่ขายหน้าต่อหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ กระทั่งมีคนตั้งใจคอยผสมโรง กระจายข่าวออกไป นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว

ไม่ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ใดล้วนให้ความสำคัญกับหน้าตา บางครั้งเกียรติของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็สำคัญกว่าชีวิตของผู้แข็งแกร่ง

เฉินจงเทียนดวงจิตดรุณร้าว ทั้งยังทำให้ชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียหาย

พวกผู้อาวุโสที่คิดจะโค่นล้มเขามานานส่วนใหญ่ย่อมอดใจก่อกบฏมิได้ ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็มีการแบ่งเป็นฝักฝ่าย!

แม้จะเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ตามใจ

ทันใดนั้นเองมีเสียงเย็นชาดังขึ้นกลางวิหารใหญ่ “แดนศักดิ์สิทธิ์ของท่านจะแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหม่ เล่นแบบเด็กๆ ง่ายเช่นนี้เลยหรือ”

เสียงคำรามมังกรดังสนั่นหูดังขึ้นนอกยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ อำนาจเขย่าขวัญใจคน

เหล่าผู้อาวุโสหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยก่อนรีบเดินออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

ก่อนพบว่าบนฟ้ายอดเขาแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวมีรถสงครามทองคำคันหนึ่ง ขยับแสงสว่างจ้าทุกส่วนราวกับดวงตะวันสีทอง

รถสงครามเป็นทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก รอบๆ แกะสลักตราเวทลี้ลับ

มีภาพนกทองคำวนเวียนอยู่บนนั้น ดูบ้าอำนาจอย่างยิ่ง และที่ทำให้ตกใจกว่านั้นคือรถสงครามทองคำคันนี้มีมังกรคะนองน้ำสีดำหกตัวลากมา

มังกรคะนองน้ำทุกตัวแผ่พลังอันแกร่งกล้า เป็นสัตว์อสูรน่าสะพรึงเทียบเท่ากับมนุษย์ระดับดวงจิตดรุณ!

กระทั่งมังกรคะนองน้ำสองตัวข้างหน้ามีเขาที่สองงอกออกมา นี่เรียกว่ามังกรน้ำไม่ได้แล้ว สามารถเรียกว่ามังกรดำแท้จริงได้เลย!

กลิ่นอายพลังของพวกมันเทียบเท่ากับจุดสูงสุดระดับดวงจิตดรุณ!

มังกรหกตัวลากรถ!

พลังแฝงและความบ้าอำนาจของคนที่มาเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร!

นี่คือความหรูหราที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพยังแทบจะไม่มีทางมีได้

เพราะเผ่ามังกรหยิ่งผยองที่หนึ่ง ถ้าไม่มีใจภักดี จะยอมก้มหัวลากรถได้อย่างไร

ทั้งดินแดนบูรพา คนที่หรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนี้ได้มีเพียงคนเดียว นั่นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ฉีเซ่าเสวียน!

ก่อนจะเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์มังกรดำยืนบนรถสงครามทองคำด้วยความโอหัง มือถือง้าวมังกรสวรรค์ ร่างแผ่ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ล้นฟ้า

ข้างหลังเขาเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ร้อยจั้ง นั่นคือภาพของราชาเทพหนุ่มกดขี่อยู่เหนือสวรรค์เก้าชั้น ใต้เท้าราชาเทพหนุ่มคนนี้เป็นมังกรดำเรียกฟ้าเรียกฝน แผ่กระจายอำนาจคุกคามเหลือล้น!

นี่คือปรากฏการณ์สูงสุด…เทพมังกรทระนงฟ้า!

เล่าลือว่ามีเพียงฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้จริงที่เผยแพร่มาจากเกาะมังกรดำทะเลอุดรถึงระดับสูงสุดเท่านั้นถึงจะรวมเป็นปรากฏการณ์เช่นนี้ได้

และนี่ก็หมายความว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนได้รับการยอมรับจากเผ่ามังกรดำทะเลอุดรอย่างแท้จริงแล้ว

หากให้เวลาเขามากพอ ถึงขั้นอาจจะได้ทำสัญญายอมรับจากเผ่ามังกรดำสายเลือดบริสุทธิ์ ถึงตอนนั้นผู้ปกป้องเขาจะไม่ได้มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง แต่ยังมีเกาะมังกรดำทะเลอุดรที่แข็งแกร่งอย่างหาใครเปรียบไม่ได้

คนคนนี้สูงส่งจนไม่อาจกล่าว!

ทันทีที่ฉีเซ่าเสวียนปรากฏตัว ผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือที่เดิมทียังพูดพร่ำไม่หยุดก็หุบปากลงโดยไม่ได้นัดหมาย

ตลกน่า ฉีเซ่าเสวียนเป็นใคร

นั่นคือหมายเลขหนึ่งในรายนามแก่นพลังทองแห่งดินแดนบูรพา ได้รับขนานนามว่าโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคที่มี ‘คุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิ’!

ขอแค่ฉีเซ่าเสวียนไม่ตาย ภายภาคหน้าอย่างแย่ที่สุดก็เป็นผู้อริยะไร้พ่าย ถ้าประสบความสำเร็จต่อไป ถึงขั้นได้พิสูจน์จักรพรรดิ!

เขามีอนาคตไร้ที่สิ้นสุด ผู้อาวุโสตัวเล็กๆ อย่างพวกเขาจะเทียบได้หรือ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสฝ่ายนอกแห่งดาวเหนือบางส่วน ระดับพลังเพียงจุดสูงสุดดวงจิตดรุณเท่านั้น

ถ้าลงมือจริงๆ แม้แต่สัตว์ขี่ของอีกฝ่ายก็อาจจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

การยื่นความไม่ไว้วางใจเฉินจงเทียนน้องเล็กของฉีเซ่าเสวียนต่อหน้าเขา นี่ไม่เรียกว่าหาเรื่องใส่ตัวหรือ!

เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเผยรอยยิ้มบางๆ “ไม่ทราบว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมามีเรื่องใดรึ”

“ขอคารวะท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เซ่าเสวียนมาในวันนี้มีเพียงสองเรื่อง”

ฉีเซ่าเสวียนยกมุมปากเล็กน้อย “ข้อหนึ่ง ได้ยินว่าเฉินจงเทียนดวงจิตดรุณร้าว เซ่าเสวียนเป็นห่วง จึงตั้งใจมาถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดินิพพานเพื่อช่วยรักษา”

เมื่อสิ้นคำพูดของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ทุกคนถึงกับผงะไป

เล่นใหญ่มาก!

นั่นคือคัมภีร์นิพพานอมตะ เป็นมรดกสูงสุดที่ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งรุ่งเรือง เจ้าถ่ายทอดให้เช่นนี้เลยหรือ

แม้จะรู้ดีว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเพียงแค่กู้บารมีให้เฉินจงเทียน อย่างมากก็ถ่ายทอดให้บางส่วน ไม่มีทางถ่ายทอดให้ทั้งหมด แต่ถึงจะอย่างนั้น นี่ก็เป็นโชควาสนายิ่งใหญ่เท่าฟ้าสำหรับเฉินจงเทียน!

หากดวงดีจะสร้างขึ้นใหม่หลังทำลายและมีโอกาสก้าวไปอีกขั้น

เวลานี้ เหล่าผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมองฉีเซ่าเสวียนด้วยแววตาซับซ้อน พวกเขาจะไม่รู้ความคิดในใจของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงได้อย่างไร

นี่เขากำลังสร้างอำนาจให้ผู้ติดตามของตน!

ถึงอย่างไรสุนัขรับใช้ระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์ มองไปทั้งดินแดนบูรพาก็มีแต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือคนเดียว

พันตำลึงทองซื้อกระดูกม้า ฉีเซ่าเสวียนต้องให้คนอื่นได้เห็นทัศนคติของเขา

แบบนี้ ภายภาคหน้าจะมีคนติดตามมากขึ้น

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยิ้ม “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมีคุณธรรม ข้าขอขอบคุณแทนบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วย”

ผู้อาวุโสใหญ่ข้างๆ มีสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย “บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงใจกว้างจริงๆ! ขนาดคัมภีร์จักรพรรดิยังถ่ายทอดให้กันได้ง่ายๆ”

บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงชำเลืองตามองผู้อาวุโสใหญ่แวบหนึ่งก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่คัมภีร์จักรพรรดิเท่านั้นเอง เทียบกับมิตรภาพระหว่างจงเทียนกับแซ่ฉีแล้ว ไม่พอให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ”

ขณะพูดอยู่นั้น ฉีเซ่าเสวียนยังมองยอดเขาอื่นๆ ของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือด้วยรอยยิ้ม “แซ่ฉีชอบผูกมิตรที่สุด ข้าจะไม่ขี้เหนียวกับพี่น้องที่ผูกมิตรด้วยกันอย่างจริงใจเลย พี่น้องทุกท่านแห่งดาวเหนือ หากสนใจก็มาผูกมิตรกับข้าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงได้เสมอ แซ่ฉียินดีต้อนรับทุกท่านอย่างแน่นอน!”

ผู้อาวุโสใหญ่มีสีหน้าแย่เล็กน้อย “บุตรศักดิ์สิทธิ์มาครั้งนี้มีสองเรื่อง เช่นนั้นเรื่องที่สองคืออะไร”

เรื่องที่สองหรือ

ง้าวมังกรสวรรค์ในมือฉีเซ่าเสวียนขยับแสงหนาวเยือกอึมครึม แก่นพลังทองที่เปล่งแสงสว่างจ้าก็ลอยขึ้นมาจากตันเถียนเขาช้าๆ

รอบๆ แก่นพลังทองนั้นมีลวดลายมรรคลี้ลับลอยขึ้นมา มีร่างมายาเทพและพุทธปรากฏขึ้นรางๆ และยังมีเสียงคำรามมังกรวนเวียนเบาๆ

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือบนผิวแก่นพลังทองนี้มีลวดลายเทพสิบสายชัดเจนวนเวียนอยู่

ลวดลายเทพสิบสาย แก่นพลังทอง…สิบรอบ!

ทุกคนต่างรู้ว่าแก่นพลังทองหนึ่งรอบคือตอนต้น แก่นพลังทองสองรอบคือตอนกลาง สามรอบตอนปลาย หลังจากสี่รอบคือจุดสูงสุด…

และแก่นพลังทองเก้ารอบคือขีดจำกัดของระดับแก่นพลังทอง!

ทว่านั่นเป็นเพียงขีดจำกัดของผู้ฝึกบำเพ็ญปกติ สำหรับโอรสสวรรค์เป็นเอกแห่งยุคที่มุ่งมั่นจะทะลวงระดับจักรพรรดิ การก้าวข้ามขีดจำกัดคือสิ่งที่ต้องแสวงหา

กระทั่งในดินแดนบูรพามีคำอธิบายไว้ว่า ‘มีเพียงแก่นพลังทองสิบรอบเท่านั้นถึงจะมีโอกาสสัมผัสถึงระดับจักรพรรดิอย่างแท้จริง!’

แต่ดินแดนบูรพาไม่ปรากฏจักรพรรดิมาหมื่นปีแล้ว ในรอบพันปีก็ยังไม่เคยปรากฏโอรสสวรรค์แก่นพลังทองสิบรอบ

คำอธิบายนี้จริงเท็จประการใดก็ไม่อาจยืนยันได้มานานมากแล้ว

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น โอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคแท้จริงก็ยังมุ่งมั่นไปแก่นพลังทองเก้ารอบกับก้าวข้ามขีดจำกัดไปสิบรอบ

อย่างเช่นฉีเซ่าเสวียน ตอนอายุสิบแปดอยู่ระดับแก่นพลังทองเก้ารอบและยึดอันดับรายนามแก่นพลังทอง แต่ก็เสียเวลาอยู่ระดับแก่นพลังทองมาสองปีก็เพื่อยกระดับให้สูงสุด ก้าวข้ามขีดจำกัดไปถึงระดับสิบรอบที่อยู่สูงสุดและยากจะพานพบได้ในพันปี

และวันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว!

ฉีเซ่าเสวียนยืนยันระดับแก่นพลังทองสิบรอบให้เห็น นั่นมากพอจะทำให้ทั้งห้าเขตแดนสั่นสะเทือน

เพราะอย่างไรนี่ก็หมายความว่าฉีเซ่าเสวียนมีคุณสมบัติแห่งมหาจักรพรรดิจริงๆ!

เวลานี้ ทั้งยอดเขาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เงียบเป็นเป่าสาก

ผู้อาวุโสทุกคนรู้สึกขมขื่นอย่างยิ่ง แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมีมังกรถือกำเนิดขึ้นจริงๆ!

ดินแดนบูรพาปรากฏบุตรแห่งโชคคนนี้ขึ้น ในรอบหลายพันปีนี้จะมีใครเทียบเคียงเขาได้อีก แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องยิ่งใหญ่!

ท่ามกลางสายตาของทุกคนนั้น ฉีเซ่าเสวียนดันแก่นพลังทองสิบรอบพลางยิ้มพอใจ

เขากระโดดลงมาจากรถสงครามทองคำช้าๆ “แซ่ฉีเพิ่งก้าวสู่ระดับสิบรอบ พลังบำเพ็ญเลื่อนลอยยังไม่เสถียรภาพ ดังนั้นจึงตัดสินใจอยากจะใช้การต่อสู้ฟื้นฟูกำลังรบ ขอท้าสู้กับโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาระดับพลังเดียวกันก่อน แล้วค่อยไปดินแดนทักษิณ ดินแดนทะเลทรายประจิม ทะเลอุดรแล้วก็ทวีปกลาง

สั่งสมพลังไร้พ่าย ทุบแก่นบรรลุดวงจิตดรุณ!

ได้ยินว่าค่ายกลเจ็ดดาวหมีใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมหัศจรรย์เป็นหนึ่ง เจ็ดบุตรดาวเหนือก็เป็นโอรสสวรรค์ยุคนี้ เหยากวง เทียนซูและเทียนเสวียนศิษย์น้องทั้งสามยังติดอันดับต้นๆ ในรายนามแก่นพลังทอง

เซ่าเสวียนบุ่มบ่าม ยินดีจะใช้คัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะครึ่งหนึ่งเป็นของเดิมพัน รับการสั่งสอนจากศิษย์น้องทั้งเจ็ดท่าน หากเซ่าเสวียนพ่ายแพ้ ก็ยินดีจะมอบคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะครึ่งหนึ่งให้กับฝ่ายท่าน!”

คำพูดของฉีเซ่าเสวียนพลันดังไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

ท้าสู้โอรสสวรรค์ทั้งดินแดนบูรพา แล้วค่อยไปสู้กับดินแดนทักษิณ ดินแดนทะเลทรายประจิม ทะเลอุดรและทวีปกลาง สั่งสมพลังไร้พ่ายพิสูจน์ดวงจิตดรุณสูงสุดหรือ

ไม่เห็นใครในสายตา โอหังมาก!

แต่คำพูดโอหังเช่นนี้มาจากปากฉีเซ่าเสวียน กลับเป็นเรื่องปกติ

เพราะว่าเขาก็ไร้พ่ายอยู่แล้ว!

ตอนนี้เพียงแค่พิสูจน์อย่างเป็นทางการเท่านั้น!

ตำนานบทใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ท้องฟ้าแห่งดินแดนบูรพากำลังจะเปลี่ยนไป!

……

แต่ตอนนี้ เสิ่นเทียนกำลังหลงทาง

อาจารย์ก็พึ่งพาไม่ได้แล้ว เป็นบุรุษก็ได้แต่พึ่งพาตัวเอง!

เสิ่นเทียนหาทางอยู่ในทุ่งกว้างรกร้างต่อไป ปืนปทุมฆาตเทพก็เสียดสีจนร้อนแล้ว

แค่กๆ นั่นเกิดจากการเสียดสีกับอากาศตอนบินด้วยความเร็วสูง

ทว่าเสิ่นเทียนก็ยังหาเมืองที่มีมนุษย์ไม่เจอเลย สัตว์ประหลาดที่ดูไม่เตะตามีให้เห็นไม่น้อย

สุดท้ายเสิ่นเทียนก็ยอมแพ้

เขาหยิบป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ออกมา “อาจารย์ ข้าไม่อยากสู้…ข้าเจอโชคลิขิตแล้ว”

เมื่อเปิดสมรรถนะการสื่อสารของป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว เงาสะท้อนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ปรากฏมาตรงหน้า สายฟ้าประกายเซียนกระเพื่อมอย่างมาก

“อาจารย์ปลื้มใจมาก ดวงชะตาของเทียนเอ๋อร์สูงกว่าที่อาจารย์คิดอีก หลงทางหลายชั่วยามสั้นๆ ก็เจอมหาโชคลิขิตแล้ว เทียบกับเจ้าแล้ว ฉีเซ่าเสวียนไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย!

เจ้ายืนอยู่ตรงที่ราบอย่าขยับ อาจารย์จะไปรับเจ้าเดี๋ยวนี้”

เมื่อเอ่ยจบ ร่างของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ค่อยๆ หายไป

ราวหนึ่งเค่อต่อมาก็ปรากฏประตูมิติขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียนช้าๆ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏกายอยู่ตรงข้ามประตู มองเสิ่นเทียนพลางพูดขึ้น “เทียนเอ๋อร์ เข้ามาสิ!”

เมื่อเห็นเครื่องตกแต่งของวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในอีกด้านแล้ว เสิ่นเทียนซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว จากนี้จะไม่ออกจากบ้านคนเดียวอีกเด็ดขาด!

ยามนี้ ความกระหายที่จะแข็งแกร่งขึ้นในใจเสิ่นเทียนเร่าร้อนถึงขีดสุด จะต้องฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะให้เร็วที่สุด แล้วก็เรียนสุดยอดวิชาประตูมิติจากอาจารย์

ถ้าแบบนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหลงทางในป่าแล้ว

……

ข้ามประตูมิติมาแล้ว เสิ่นเทียนมาอยู่กลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

เจอกับใบหน้าคนแก่สุขภาพดีเข้ามาต้อนรับ ถ้าไม่ใช่นักพรตชราแล้วจะเป็นใครไปได้อีก

นักพรตชราจ้องเสิ่นเทียน “นี่แค่กี่ชั่วยามเอง เจ้าก็เจอมหาโชคลิขิตอีกแล้วรึ โชคลิขิตอะไร เอาออกมาให้อาจารย์ลุงดูหน่อยสิ อาจารย์ลุงรับรองว่าจะไม่แย่งเจ้าหรอก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดอย่างเฉยชา “ศิษย์พี่ ผู้อาวุโสต้องมีกิริยาของผู้อาวุโส เทียนเอ๋อร์ได้โชคลิขิตอะไรนั่นคือโชควาสนาของเขา และเป็นไพ่ตายในภายภาคหน้า ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไรยิ่งได้ผลดีมากเท่านั้น

หากท่านเคยอ่านชีวประวัติของผู้มีมหาดวงชะตาพันคนก็จะพบว่าบุตรแห่งโชคล้วนมีความลับและไพ่ตายของตนเสมอ เราเป็นผู้อาวุโสก็ต้องรู้จักให้เกียรติ คนที่หวังจะล่วงรู้ความลับของบุตรแห่งโชค ปกติจะไม่ตายดีหรอก”

นักพรตชราพูดไม่ออก

เอ่ยจบแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ตบบ่าเสิ่นเทียน “เทียนเอ๋อร์ บอกอาจารย์ได้หรือไม่ว่าโชคลิขิตครั้งนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด”

คำถามนี้ทำให้เสิ่นเทียนอึ้งไป โชคลิขิตครั้งนี้ใหญ่เพียงใดหรือ

นี่จะให้เขาตอบอย่างไร

ใหญ่เท่าแตงกวา ใหญ่เท่าข้าวโพด ใหญ่เท่ามะเขือ หรือใหญ่เท่าฟักเขียวล่ะ

ใหญ่ปกติ ค่อนข้างใหญ่ ใหญ่เป็นพิเศษ หรือว่าใหญ่จนรับไม่ไหวล่ะ

เสิ่นเทียนครุ่นคิดอย่างหนักชั่วครู่แล้วก็ตอบกลับ “ยิ่งใหญ่…ราวๆ โชคลิขิตของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานกระมัง!”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานทำให้การเอาตัวรอดของเสิ่นเทียนเพิ่มขึ้นมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องบาดเจ็บเลย แต่ถ้าถูกฆ่าในพริบตาก็ช่วยไม่ได้

ทางด้านบุตรเทพโลหิตก็ทำให้เสิ่นเทียนมีคนปิดหูปิดตาคนอื่นแทนเขาได้ ช่วยเขาเลี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้มาก ในมุมมองเขา โชคลิขิตสองอย่างน่าจะมีประโยชน์มากพอๆ กัน

พอได้ฟังคำตอบของเสิ่นเทียนแล้ว นักพรตชราก็นิ่งอึ้งไปเลย

เขาพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ยิ่งใหญ่เท่าโชคลิขิตของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือ ใหญ่เท่าของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่ง!”

นักพรตชราเบิกตาโต!

เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนเคยเอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสามสิบกว่าขวดออกมาให้ดู ทุกขวดมีร้อยชั่งกว่า หรือก็คือในตัวเสิ่นเทียนมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอย่างน้อยหลายพันชั่ง

แต่เสิ่นเทียนกลับบอกว่าโชคลิขิตที่เจอในครั้งนี้ยิ่งใหญ่พอๆ กับโชคลิขิตของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือ

พระผู้เป็นเจ้าหาที่สิ้นสุดมิได้!

ผ่านไปไม่กี่วัน เจ้าหนูนี่ก็เจอกับลาภลอยอีกแล้ว

หรือว่าเขาเป็นบุตรนอกสมรสของสวรรค์อย่างที่ศิษย์น้องรองบอกจริงๆ นี่ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!

นักพรตชราตาเขียวแล้ว เคยมีศิษย์ที่ร่ำรวยจนมีกินล้นปากวางอยู่ตรงหน้าแท้ๆ เขากลับไม่รักษาไว้

ตอนนี้…

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รู้ดีว่าศิษย์พี่ตนเป็นทุกข์จึงพูดนิ่งๆ ว่า “เทียนเอ๋อร์ การฝึกฝนในสนามรบบรรพกาลครั้งนี้จะมีผู้คุมยอดเขาบัวขาวนำไป ตอนที่เจ้ากลับมา ขบวนฝึกฝนยังไม่ออกเดินทาง เจ้าไปรวมไปรวมกลุ่มกับศิษย์น้องหญิงบัวขาวเถอะ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอรับ ศิษย์น้อมรับคำสั่ง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองส่งเสิ่นเทียนออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายกระเพื่อมเบาๆ

เขาพูดนิ่งๆ ว่า “ศิษย์พี่ ข้าพูดไว้ไม่ผิดใช่หรือไม่! ถ้าข้าไม่ให้เทียนเอ๋อร์เดินไปตามความรู้สึกจะไปเจอโชคลิขิตได้อย่างไร ดังนั้นนะศิษย์พี่ จะต้องอ่านหนังสือเยอะๆ อ่านหนังสือดีๆ อ่านหนังสือเพื่อความรุ่งเรืองของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!

รู้สึกอย่างไรบ้าง สำนึกเสียใจหรือไม่ ถ้าสำนึกเสียใจละก็…”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+