บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 34 รับบทเป็นพ่อเลี้ยง?

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 34 รับบทเป็นพ่อเลี้ยง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 34 รับบทเป็นพ่อเลี้ยง?
พวกเขาทุกคนถูกปกคลุมด้วยประกายกระบี่สีขาว ส่องสว่างราวกับดาวตกบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

หัวหน้ากลุ่มสามคนในระดับแก่นพลังทองยืนเคียงข้างกัน และผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานอีกยี่สิบกว่าคนยืนเรียงแถวกระจายออกไปทางฝั่งซ้ายและขวา ก่อตัวขึ้นเป็นลักษณะอักษรเหริน (人)

จากการศึกษาวิชาการเหยียบกระบี่บิน การเดินทางเช่นนี้ช่วยประหยัดพลังวิญญาณได้ค่อนข้างมาก

และความจริงก็เป็นเช่นนั้น กลุ่มผู้คุมกฎยี่สิบกว่าคนล้วนแต่เหยียบอยู่บนกระบี่ด้วยความเร็วสูงสุด

พุ่งมาจากนอกรัศมีหมื่นลี้ในพริบตาเดียว

ชิง!

กระบี่ปราบมารที่สะพายอยู่บนแผ่นหลังของกลุ่มผู้คุมกฎถูกชักออกจากฝักพร้อมกัน เสียงกระบี่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังกังวานชัดเจนเป็นพิเศษ

กระบี่อาคมยี่สิบสามเล่มรวมกันเป็นตาข่ายฟ้าดิน เพียงชั่วครู่ก็ปิดล้อมผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยไว้ตรงกลาง

ทันใดนั้น ประกายกระบี่พุ่งผ่าน ราวกับเทพนักรบลงมาจากสวรรค์!

……

“ขจัดมาร—สังหาร!”

ผู้บำเพ็ญแก่นพลังทองที่เป็นผู้นำตะโกนเสียงดัง จากนั้นชูกระบี่ยาวในมือขึ้น

ทันใดนั้น กระบี่อาคมของกลุ่มผู้คุมกฎราวกับได้รับแรงดึงดูด คลื่นกระบี่พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งถาโถมออกมารวมกัน

กระบี่พลังวิญญาณที่มีความยาวยี่สิบเมตรก่อตัวขึ้นกลางอากาศและฟันลงมาอย่างกะทันหัน

ทุกที่ที่คลื่นกระบี่พุ่งผ่าน พื้นดินแตกร้าว รอยกระบี่ลึกหลายฟุต!

สีหน้าของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเปลี่ยนไปทันที และไม่กล้าวางตัวเป็นใหญ่อีก

แก่นพลังทองที่เคยเป็นสีทองในตอนแรกมีปราณสีดำพุ่งออกมา เป็นภาพที่ดูค่อนข้างแปลกประหลาด

ในขณะเดียวกัน กลิ่นอายบนร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

เห็นได้ชัด ตอนที่อีกฝ่ายรับมือกุ้ยกงกง

เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี

“ฝ่ามือโลหิตนรกทมิฬ!”

เสียงของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยแหบแห้ง ราวกับปีศาจร้ายที่กลับจากนรก

เขาซัดฝ่ามือออกไป ทำให้พลังทั้งหมดของแก่นพลังทองถาโถมออกไปสกัดกั้นคลื่นกระบี่

พลังฝ่ามือกลายเป็นกระแสระลอกคลื่นสีแดงเข้ม ปลดปล่อยแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งออกมา ราวกับต้องการกลืนกินทุกอย่าง

แต่น่าเสียดาย การโจมตีที่รวบรวมปราณกระบี่ของกลุ่มผู้คุมกฎยี่สิบกว่าคนแข็งแกร่งมากเกินไป

การขจัดมารนี้ราวกับสามารถทำลายทุกสิ่งที่เป็นมารนอกรีต เพียงนิดก็ล้มพังทลาย

พลังฝ่ามือวังวนของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยสกัดกั้นได้เพียงชั่วขณะ จากนั้นระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง

พู่!

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเซถอยหลัง กระอักเลือดออกมากองใหญ่

สีหน้าดูซีดขาวขึ้นมาทันที

……

ผู้คุมกฎทั้งยี่สิบสามคนร่อนลงพื้นพร้อมกัน คุ้มกันเสิ่นเทียนไว้ด้านหลัง

“เฮยเสวี่ย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนของลัทธิวิญญาณร้าย!

เจ้าหนีไม่รอดแล้ว อย่าขัดขืนเลยจะดีกว่า!

ท่านเซียนโปรดวางใจ มีพวกเราอยู่ที่นี่ โจรชั่วผู้นี้ทำอะไรท่านไม่ได้แน่นอน!”

ในอาณาจักรต้าเหยียนมีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองไม่มาก เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าผู้คุมกฎทั้งสามรู้จักเฮยเสวี่ย

แต่ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร หลังจากที่รู้ว่าผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเป็นคนของลัทธิวิญญาณร้าย พวกเขาเหลือเพียงทางเลือกเดียว

นั่นก็คือ ฆ่า!

นอกจากนี้แล้ว สถานะของ ‘ท่านเซียนเสิ่นเอ้าเทียน’ ที่อยู่ด้านหลังยังสูงส่งเช่นนี้

ไม่เพียงแต่มีผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มากมายในสวนหมื่นวิญญาณที่ติดค้างบุญคุณท่านเซียน ทุกคนรู้สึกขอบคุณเขาอย่างมาก

โดยเฉพาะองค์หญิงน้อยของสวนหมื่นวิญญาณก็แอบชอบเขา ถึงขั้นยอมมอบแม้กระทั่งกระบี่วารีครามให้เขา

บุคคลระดับนี้ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นในสวนหมื่นวิญญาณ ถูกลัทธิมารลักพาตัวไป

หัวหน้าผู้คุมกฎอย่างพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำงานแล้ว

รีบเก็บข้าวของแล้วไปเสียเถอะ!

……

ด้านหลังของผู้คุมกฎเหล่านี้ ฉินเกาก็ไล่ตามมาจนทัน

รากฐานของเขาถึงขั้นเหมาะสมที่จะฝึก ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ มากกว่ากุ้ยกงกง

หลังจากที่เสิ่นเทียนสนับสนุนศิลาวิญญาณ พลังบำเพ็ญของฉินเกาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในคืนเดียว

จากหลอมปราณขั้นหนึ่งในเวลาอันสั้นก็บรรลุถึงขอบเขตของหลอมปราณขั้นสามช่วงสูงสุด

ตอนนี้สำแดงวิชาท่าร่างของ ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเร็วจนน่าตกใจ

“องค์ชาย ลุงกุ้ย พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่!”

ฉินเกาวิ่งไปหยุดอยู่ข้างกายของเสิ่นเทียน กล่าวด้วยความเป็นห่วง

กุ้ยกงกงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าว “โชคดีที่มากองสนับสนุนมาทันเวลา ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องไปพบพระสนมหลานแล้ว”

ฉินเการู้สึกผิดเล็กน้อย เกาศีรษะของตนเอง “ต้องโทษที่ข้ามาช้า”

อันที่จริง ก่อนหน้านี้ตอนเห็นผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยลักพาตัวเสี่ยวหลิงเซียน

ในใจของเสิ่นเทียนเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น

แม้โรงเตี๊ยมในสวนหมื่นวิญญาณจะไม่ใช่รังมังกรถ้ำพยัคฆ์อะไร แต่ก็ยังมีมาตรการป้องกัน

โจรระดับหลอมปราณทั่วไป จะกล้ามาลักพาตัวคนถึงในโรงเตี๊ยมได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น เขาลักพาตัวเสี่ยวหลิงเซียนไปมีประโยชน์อะไร?

ถ้าหากเป็นการปล้นสวาท เตียงที่พร้อมใช้งานในห้อง จะไม่สะดวกและตื่นเต้นกว่าหรอกหรือ?

มันไม่ตรงกับหลักจิตวิทยาของคนโรคจิตเลย!

ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยก็ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร

ทั้งที่แบกหญิงงามไว้บนไหล่ แต่กลับหันไปมองทางเสิ่นเทียนไม่หยุด

ก็คงจะเหลือแค่ไม่ได้ชี้หน้าเสิ่นเทียนแล้วบอกว่า รีบตามข้ามา!

ถ้าหากไม่สงสัยพฤติกรรมเช่นนี้ นิยายมากมายที่เสิ่นเทียนเคยอ่านเมื่อภพที่แล้วก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด

เพราะเหตุนี้ เสิ่นเทียนจึงสั่งให้ฉินเกาติดต่อกับกลุ่มผู้คุมกฎให้มาช่วย

เพราะอย่างไรการลงโทษผู้กระทำความผิดก็เป็นหน้าที่ของกลุ่มผู้คุมกฎอยู่แล้ว

ในเมื่อสามารถขอให้คนอื่นลงมือ ตนเองก็ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยง

เป็นอย่างที่คิด ความจริงได้พิสูจน์ว่าเขาคิดถูก

แต่เสิ่นเทียนก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าฉินเกาสามารถเรียกคนมาตั้งมากมายเช่นนี้

เดิมทีเขาคิดว่าสามารถเรียกผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองมาได้คนเดียวก็สุดยอดแล้ว

คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองสามคน และระดับสร้างฐานอีกยี่สิบกว่าคนมา

เท่านี้ก็เพียงพอที่จะก่อตั้งกองกำลังที่แข็งแกร่งแล้วกระมัง!

ครั้งนี้เสิ่นเทียนรู้สึกชื่นชมมาก

เขายิ้มแล้วกล่าว “หัวหน้าผู้คุมกฎของสวนหมื่นวิญญาณไม่ใช่จะออกมากันง่ายๆ เสี่ยวเกาสามารถเชิญหัวหน้ากลุ่มมาได้ถึงสามคน ทำได้ไม่เลว”

ฉินเกากล่าวไปตามความจริง “อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ข้าแค่บอกกับสมาชิกของกลุ่มผู้คุมกฎคนหนึ่งว่าองค์ชายอาจจะมีอันตราย

จากนั้นสมาชิกกลุ่มผู้คุมกฎที่เข้ากะกลางคืนก็แห่มากันทั้งหมด แถมยังกลัวว่าตัวเองจะช้ากว่าคนอื่นด้วย

พวกเขาบอกว่าสามารถทำงานเพื่อท่านเซียน นี่เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับการผูกวาสนา

หัวหน้ากลุ่มทั้งสามคนยังบอกอีกด้วยว่าห้ามไปบอกหัวหน้ากลุ่มคนอื่น

มีคนมามากเกินไป วาสนาก็จะลดน้อยลง!”

เสิ่นเทียนถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

เรื่องนี้ยังสามารถเอาไปเชื่อมโยงกับการผูกวาสนาได้ด้วยหรือ

มุมปากของเสิ่นเทียนกระตุกขึ้น เจ้าคนพวกนี้เพื่อให้ข้าช่วยค้นวิญญาณประเมินแร่

คงโดนปีศาจครอบงำจิตใจแล้วกระมัง!

ในตอนนั้นเอง การต่อสู้อีกด้านหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง

“สมกับที่เป็นผู้คุมกฎของสวนหมื่นวิญญาณ ค่ายกลกระบี่ขจัดมารแข็งแกร่งมาก!”

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยในตอนนี้เสื้อผ้าฉีกขาดไปหมดทั้งตัว

บนร่างกายของเขามีบาดแผลหลายสิบแห่ง มีเลือดสีดำไหลออกจากบาดแผล ให้ความรู้สึกถึงความชั่วร้ายอย่างยิ่ง

หัวหน้าผู้คุมกฎระดับแก่นพลังทองกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เฮยเสวี่ย ยอมแพ้เสีย อย่าขัดขืนจะดีกว่า!”

“ให้ยอมแพ้?”

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยหัวเราะแหะๆ อย่างเย็นชา “ข้าเป็นอาวุโสผู้ดูแลลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรต้าเหยียน หรือพวกเจ้าคิดว่าข้าไม่มีไพ่ตายอะไรซ่อนอยู่เลยอย่างนั้นหรือ?”

เขาส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย จากนั้นกรีดข้อมือซ้ายของตนเองในทันใด

เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา ก่อตัวขึ้นเป็นภาพลวดลายที่แปลกประหลาดบนความว่างเปล่า

และในขณะที่เลือดกำลังหลั่งไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ลวดลายก็ยิ่งดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยคำราม “มารดาภูตผี จงออกมา!”

……

ทันใดนั้น

มีฝ่ามือเรียวยาวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากภาพลวดลายที่ซับซ้อน

จากนั้นเป็นศีรษะ ลำคอ ร่างกาย!

สิ่งที่ปรากฏออกมาเป็นผู้หญิงที่สวมชุดแต่งงานสีแดง ผมทั้งศีรษะบดบังใบหน้า ร่างกายซีดเซียว

นางลอยอยู่กลางอากาศ

มีกลิ่นอายมืดมนน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย ทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก

ส่วนด้านข้างของนาง มีวิญญาณเด็กห้อมล้อมอย่างแน่นหนา

บนตัวของเด็กเต็มไปด้วยเลือด ท่าทางดูน่อัปลักษณ์ ดุร้ายมาก

“นี่…นี่คือวิญญาณร้ายในระดับดวงจิตดรุณครึ่งขั้น มารดาภูตผีเก้าโอรส!”

เสียงที่หวาดกลัวจนสั่นของหัวหน้าผู้คุมกฎดังขึ้นจากด้านข้าง

มารดาภูตผีเก้าโอรส?

เสิ่นเทียนตะลึงเล็กน้อย หันไปมองทางมารดาภูตผีเก้าโอรส

กลับพบว่าดวงตาที่อยู่ภายใต้ผมสีดำเหล่านั้นกำลังจ้องตรงมาทางเขา

เสียงแหลมของผู้หญิงดังขึ้นจากความว่างเปล่าอย่างแผ่วเบา

“ฮิๆ…”

“เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาดีมาก ในที่สุดลูกๆ ของข้า…จะมีพ่อแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 34 รับบทเป็นพ่อเลี้ยง?

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 34 รับบทเป็นพ่อเลี้ยง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 34 รับบทเป็นพ่อเลี้ยง?
พวกเขาทุกคนถูกปกคลุมด้วยประกายกระบี่สีขาว ส่องสว่างราวกับดาวตกบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

หัวหน้ากลุ่มสามคนในระดับแก่นพลังทองยืนเคียงข้างกัน และผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานอีกยี่สิบกว่าคนยืนเรียงแถวกระจายออกไปทางฝั่งซ้ายและขวา ก่อตัวขึ้นเป็นลักษณะอักษรเหริน (人)

จากการศึกษาวิชาการเหยียบกระบี่บิน การเดินทางเช่นนี้ช่วยประหยัดพลังวิญญาณได้ค่อนข้างมาก

และความจริงก็เป็นเช่นนั้น กลุ่มผู้คุมกฎยี่สิบกว่าคนล้วนแต่เหยียบอยู่บนกระบี่ด้วยความเร็วสูงสุด

พุ่งมาจากนอกรัศมีหมื่นลี้ในพริบตาเดียว

ชิง!

กระบี่ปราบมารที่สะพายอยู่บนแผ่นหลังของกลุ่มผู้คุมกฎถูกชักออกจากฝักพร้อมกัน เสียงกระบี่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังกังวานชัดเจนเป็นพิเศษ

กระบี่อาคมยี่สิบสามเล่มรวมกันเป็นตาข่ายฟ้าดิน เพียงชั่วครู่ก็ปิดล้อมผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยไว้ตรงกลาง

ทันใดนั้น ประกายกระบี่พุ่งผ่าน ราวกับเทพนักรบลงมาจากสวรรค์!

……

“ขจัดมาร—สังหาร!”

ผู้บำเพ็ญแก่นพลังทองที่เป็นผู้นำตะโกนเสียงดัง จากนั้นชูกระบี่ยาวในมือขึ้น

ทันใดนั้น กระบี่อาคมของกลุ่มผู้คุมกฎราวกับได้รับแรงดึงดูด คลื่นกระบี่พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งถาโถมออกมารวมกัน

กระบี่พลังวิญญาณที่มีความยาวยี่สิบเมตรก่อตัวขึ้นกลางอากาศและฟันลงมาอย่างกะทันหัน

ทุกที่ที่คลื่นกระบี่พุ่งผ่าน พื้นดินแตกร้าว รอยกระบี่ลึกหลายฟุต!

สีหน้าของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเปลี่ยนไปทันที และไม่กล้าวางตัวเป็นใหญ่อีก

แก่นพลังทองที่เคยเป็นสีทองในตอนแรกมีปราณสีดำพุ่งออกมา เป็นภาพที่ดูค่อนข้างแปลกประหลาด

ในขณะเดียวกัน กลิ่นอายบนร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

เห็นได้ชัด ตอนที่อีกฝ่ายรับมือกุ้ยกงกง

เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี

“ฝ่ามือโลหิตนรกทมิฬ!”

เสียงของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยแหบแห้ง ราวกับปีศาจร้ายที่กลับจากนรก

เขาซัดฝ่ามือออกไป ทำให้พลังทั้งหมดของแก่นพลังทองถาโถมออกไปสกัดกั้นคลื่นกระบี่

พลังฝ่ามือกลายเป็นกระแสระลอกคลื่นสีแดงเข้ม ปลดปล่อยแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งออกมา ราวกับต้องการกลืนกินทุกอย่าง

แต่น่าเสียดาย การโจมตีที่รวบรวมปราณกระบี่ของกลุ่มผู้คุมกฎยี่สิบกว่าคนแข็งแกร่งมากเกินไป

การขจัดมารนี้ราวกับสามารถทำลายทุกสิ่งที่เป็นมารนอกรีต เพียงนิดก็ล้มพังทลาย

พลังฝ่ามือวังวนของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยสกัดกั้นได้เพียงชั่วขณะ จากนั้นระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง

พู่!

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเซถอยหลัง กระอักเลือดออกมากองใหญ่

สีหน้าดูซีดขาวขึ้นมาทันที

……

ผู้คุมกฎทั้งยี่สิบสามคนร่อนลงพื้นพร้อมกัน คุ้มกันเสิ่นเทียนไว้ด้านหลัง

“เฮยเสวี่ย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนของลัทธิวิญญาณร้าย!

เจ้าหนีไม่รอดแล้ว อย่าขัดขืนเลยจะดีกว่า!

ท่านเซียนโปรดวางใจ มีพวกเราอยู่ที่นี่ โจรชั่วผู้นี้ทำอะไรท่านไม่ได้แน่นอน!”

ในอาณาจักรต้าเหยียนมีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองไม่มาก เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าผู้คุมกฎทั้งสามรู้จักเฮยเสวี่ย

แต่ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร หลังจากที่รู้ว่าผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยเป็นคนของลัทธิวิญญาณร้าย พวกเขาเหลือเพียงทางเลือกเดียว

นั่นก็คือ ฆ่า!

นอกจากนี้แล้ว สถานะของ ‘ท่านเซียนเสิ่นเอ้าเทียน’ ที่อยู่ด้านหลังยังสูงส่งเช่นนี้

ไม่เพียงแต่มีผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มากมายในสวนหมื่นวิญญาณที่ติดค้างบุญคุณท่านเซียน ทุกคนรู้สึกขอบคุณเขาอย่างมาก

โดยเฉพาะองค์หญิงน้อยของสวนหมื่นวิญญาณก็แอบชอบเขา ถึงขั้นยอมมอบแม้กระทั่งกระบี่วารีครามให้เขา

บุคคลระดับนี้ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นในสวนหมื่นวิญญาณ ถูกลัทธิมารลักพาตัวไป

หัวหน้าผู้คุมกฎอย่างพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำงานแล้ว

รีบเก็บข้าวของแล้วไปเสียเถอะ!

……

ด้านหลังของผู้คุมกฎเหล่านี้ ฉินเกาก็ไล่ตามมาจนทัน

รากฐานของเขาถึงขั้นเหมาะสมที่จะฝึก ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ มากกว่ากุ้ยกงกง

หลังจากที่เสิ่นเทียนสนับสนุนศิลาวิญญาณ พลังบำเพ็ญของฉินเกาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในคืนเดียว

จากหลอมปราณขั้นหนึ่งในเวลาอันสั้นก็บรรลุถึงขอบเขตของหลอมปราณขั้นสามช่วงสูงสุด

ตอนนี้สำแดงวิชาท่าร่างของ ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’ ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเร็วจนน่าตกใจ

“องค์ชาย ลุงกุ้ย พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่!”

ฉินเกาวิ่งไปหยุดอยู่ข้างกายของเสิ่นเทียน กล่าวด้วยความเป็นห่วง

กุ้ยกงกงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าว “โชคดีที่มากองสนับสนุนมาทันเวลา ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องไปพบพระสนมหลานแล้ว”

ฉินเการู้สึกผิดเล็กน้อย เกาศีรษะของตนเอง “ต้องโทษที่ข้ามาช้า”

อันที่จริง ก่อนหน้านี้ตอนเห็นผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยลักพาตัวเสี่ยวหลิงเซียน

ในใจของเสิ่นเทียนเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น

แม้โรงเตี๊ยมในสวนหมื่นวิญญาณจะไม่ใช่รังมังกรถ้ำพยัคฆ์อะไร แต่ก็ยังมีมาตรการป้องกัน

โจรระดับหลอมปราณทั่วไป จะกล้ามาลักพาตัวคนถึงในโรงเตี๊ยมได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น เขาลักพาตัวเสี่ยวหลิงเซียนไปมีประโยชน์อะไร?

ถ้าหากเป็นการปล้นสวาท เตียงที่พร้อมใช้งานในห้อง จะไม่สะดวกและตื่นเต้นกว่าหรอกหรือ?

มันไม่ตรงกับหลักจิตวิทยาของคนโรคจิตเลย!

ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงของผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยก็ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร

ทั้งที่แบกหญิงงามไว้บนไหล่ แต่กลับหันไปมองทางเสิ่นเทียนไม่หยุด

ก็คงจะเหลือแค่ไม่ได้ชี้หน้าเสิ่นเทียนแล้วบอกว่า รีบตามข้ามา!

ถ้าหากไม่สงสัยพฤติกรรมเช่นนี้ นิยายมากมายที่เสิ่นเทียนเคยอ่านเมื่อภพที่แล้วก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด

เพราะเหตุนี้ เสิ่นเทียนจึงสั่งให้ฉินเกาติดต่อกับกลุ่มผู้คุมกฎให้มาช่วย

เพราะอย่างไรการลงโทษผู้กระทำความผิดก็เป็นหน้าที่ของกลุ่มผู้คุมกฎอยู่แล้ว

ในเมื่อสามารถขอให้คนอื่นลงมือ ตนเองก็ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยง

เป็นอย่างที่คิด ความจริงได้พิสูจน์ว่าเขาคิดถูก

แต่เสิ่นเทียนก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าฉินเกาสามารถเรียกคนมาตั้งมากมายเช่นนี้

เดิมทีเขาคิดว่าสามารถเรียกผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองมาได้คนเดียวก็สุดยอดแล้ว

คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองสามคน และระดับสร้างฐานอีกยี่สิบกว่าคนมา

เท่านี้ก็เพียงพอที่จะก่อตั้งกองกำลังที่แข็งแกร่งแล้วกระมัง!

ครั้งนี้เสิ่นเทียนรู้สึกชื่นชมมาก

เขายิ้มแล้วกล่าว “หัวหน้าผู้คุมกฎของสวนหมื่นวิญญาณไม่ใช่จะออกมากันง่ายๆ เสี่ยวเกาสามารถเชิญหัวหน้ากลุ่มมาได้ถึงสามคน ทำได้ไม่เลว”

ฉินเกากล่าวไปตามความจริง “อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ข้าแค่บอกกับสมาชิกของกลุ่มผู้คุมกฎคนหนึ่งว่าองค์ชายอาจจะมีอันตราย

จากนั้นสมาชิกกลุ่มผู้คุมกฎที่เข้ากะกลางคืนก็แห่มากันทั้งหมด แถมยังกลัวว่าตัวเองจะช้ากว่าคนอื่นด้วย

พวกเขาบอกว่าสามารถทำงานเพื่อท่านเซียน นี่เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับการผูกวาสนา

หัวหน้ากลุ่มทั้งสามคนยังบอกอีกด้วยว่าห้ามไปบอกหัวหน้ากลุ่มคนอื่น

มีคนมามากเกินไป วาสนาก็จะลดน้อยลง!”

เสิ่นเทียนถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

เรื่องนี้ยังสามารถเอาไปเชื่อมโยงกับการผูกวาสนาได้ด้วยหรือ

มุมปากของเสิ่นเทียนกระตุกขึ้น เจ้าคนพวกนี้เพื่อให้ข้าช่วยค้นวิญญาณประเมินแร่

คงโดนปีศาจครอบงำจิตใจแล้วกระมัง!

ในตอนนั้นเอง การต่อสู้อีกด้านหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง

“สมกับที่เป็นผู้คุมกฎของสวนหมื่นวิญญาณ ค่ายกลกระบี่ขจัดมารแข็งแกร่งมาก!”

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยในตอนนี้เสื้อผ้าฉีกขาดไปหมดทั้งตัว

บนร่างกายของเขามีบาดแผลหลายสิบแห่ง มีเลือดสีดำไหลออกจากบาดแผล ให้ความรู้สึกถึงความชั่วร้ายอย่างยิ่ง

หัวหน้าผู้คุมกฎระดับแก่นพลังทองกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เฮยเสวี่ย ยอมแพ้เสีย อย่าขัดขืนจะดีกว่า!”

“ให้ยอมแพ้?”

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยหัวเราะแหะๆ อย่างเย็นชา “ข้าเป็นอาวุโสผู้ดูแลลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรต้าเหยียน หรือพวกเจ้าคิดว่าข้าไม่มีไพ่ตายอะไรซ่อนอยู่เลยอย่างนั้นหรือ?”

เขาส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย จากนั้นกรีดข้อมือซ้ายของตนเองในทันใด

เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา ก่อตัวขึ้นเป็นภาพลวดลายที่แปลกประหลาดบนความว่างเปล่า

และในขณะที่เลือดกำลังหลั่งไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ลวดลายก็ยิ่งดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

ผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยคำราม “มารดาภูตผี จงออกมา!”

……

ทันใดนั้น

มีฝ่ามือเรียวยาวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากภาพลวดลายที่ซับซ้อน

จากนั้นเป็นศีรษะ ลำคอ ร่างกาย!

สิ่งที่ปรากฏออกมาเป็นผู้หญิงที่สวมชุดแต่งงานสีแดง ผมทั้งศีรษะบดบังใบหน้า ร่างกายซีดเซียว

นางลอยอยู่กลางอากาศ

มีกลิ่นอายมืดมนน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย ทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก

ส่วนด้านข้างของนาง มีวิญญาณเด็กห้อมล้อมอย่างแน่นหนา

บนตัวของเด็กเต็มไปด้วยเลือด ท่าทางดูน่อัปลักษณ์ ดุร้ายมาก

“นี่…นี่คือวิญญาณร้ายในระดับดวงจิตดรุณครึ่งขั้น มารดาภูตผีเก้าโอรส!”

เสียงที่หวาดกลัวจนสั่นของหัวหน้าผู้คุมกฎดังขึ้นจากด้านข้าง

มารดาภูตผีเก้าโอรส?

เสิ่นเทียนตะลึงเล็กน้อย หันไปมองทางมารดาภูตผีเก้าโอรส

กลับพบว่าดวงตาที่อยู่ภายใต้ผมสีดำเหล่านั้นกำลังจ้องตรงมาทางเขา

เสียงแหลมของผู้หญิงดังขึ้นจากความว่างเปล่าอย่างแผ่วเบา

“ฮิๆ…”

“เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาดีมาก ในที่สุดลูกๆ ของข้า…จะมีพ่อแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+