บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 76 พลังวิเศษคบเพลิง หัตถ์ยักษ์จับปักษา

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 76 พลังวิเศษคบเพลิง หัตถ์ยักษ์จับปักษา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 76 พลังวิเศษคบเพลิง หัตถ์ยักษ์จับปักษา
อาจารย์ลุงบัวมรกต

ทันทีที่จางอวิ๋นซีเอ่ยนามนี้ หมอกดำทั้งหมดเกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดมากว่าผู้สูงศักดิ์ที่ซ่อนอยู่ในหมอกดำพวกนั้นต่างว้าวุ่นใจกันเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นสายพันธุ์ปรับแก้จากบัวครามธรรมชาติระดับเจ็ด บัวเขียวนภากาศ”

“หรือว่าจะเป็นฉู่หรงเหอ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต ถอยเร็ว!”

หมอกดำแต่ละกลุ่มพลันสลายหายไป ผู้สูงศักดิ์จำนวนมากกลายเป็นร่างเงาหนีกันไปทุกสารทิศ เพราะพวกเขารู้ดีว่าบัวสีมรกตดอกนี้หมายถึงอะไร

นั่นถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเจ้าปกครองที่ล่วงเกินไม่ได้ทั้งแดนบูรพา!

ผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณรวดเร็วยิ่ง พริบตาเดียวก็หนีไปไกลหมื่นจั้ง

ทว่าตอนนี้เองมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากมวลอากาศ

“กล้าแตะต้องบุตรสาวของศิษย์น้องข้า พวกเจ้ายังคิดจะหนีอีกรึ?”

เพิ่งกล่าวจบ ดอกบัวมรกตนั้นก็ยิงเปลวเพลิงออกไปสิบกว่าสายทันที เปลวเพลิงพวกนั้นออกเป็นสีราวกับมรกต ใสแวววาวสวยงาม

พวกมันลากผ่านท้องนภาไปในทันใด พุ่งใส่หมอกดำกลุ่มก้อนพวกนั้น เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ตามหมอกดำทั้งหมดทัน

……

เปลวเพลิงสีมรกตระเบิดออกโดยพลัน เป็นกรงขังแผดเผากลุ่มหมอกดำพวกนั้น ก่อนจะมีเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กดังมาจากกลางหมอกดำ

ชั่วประเดี๋ยวเดียวราคาต้องจ่ายที่หมอกดำแผดเผาทั้งหมดคือผู้สูงศักดิ์กลางหมอกถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นเปลวเพลิงสีมรกตเหล่านั้นม้วนแหวนเก็บของแต่ละวงลอยกลับมา

เปลวเพลิงทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน ค่อยๆ กลายเป็นร่างคนหนึ่ง คนนั้นรวมกายปรากฏต่อหน้าทุกคนเป็นนักพรตชราท่านหนึ่ง

เขาดูเป็นคนชราสุขภาพดี สวมชุดคลุมเซียนยันต์แปดทิศ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่น ราวกับเซียนเต๋าแท้จริง แน่นอนถ้าสองมือเขาไม่ได้สวมแหวนเก็บของอยู่เต็มละก็ ฐานะผู้สูงส่งแก่กล้านี้ก็ยังบรรยายออกมาได้สมจริงยิ่งกว่านี้อีกหน่อย

เมื่อเห็นนักพรตชราท่านนี้แล้ว จางอวิ๋นซีโล่งอก

แม้อาจารย์ลุงท่านนี้จะมีชื่อเสียงเรื่องทำอะไรไม่ได้มาตรฐานก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าศักยภาพเขาอยู่ในระดับชั้นสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงจริงๆ

มีเขาอยู่ จี้หยกมังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ถือว่าปลอดภัยแล้ว

นักพรตชราขยับวูบไหวร่างมาอยู่ข้างกายจางอวิ๋นซีทันที

เขาเตะขาออกไปทีแล้วว่า “ซีเอ๋อร์อย่ากลัว ไอ้นกนี่ทำร้ายเจ้าไม่ได้หรอก”

…..

เปรี้ยง!

นักพรตชราเตะออกไปทีดูเหมือนไม่มีความลึกล้ำอะไรเลย ทว่ากลับแข็งแกร่งจนน่ากลัว

เขาเตะใส่ปีกอินทรียักษ์ปีกทองทีหนึ่งจนมันกระเด็นลอยไปไกลร้อยจั้ง ขนนกสีทองอาบโลหิตสีทองอมแดงร่วงโรยลงมาจากฟ้าทีละหย่อม

นัยน์ตาอินทรียักษ์ปีกทองเต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว “นี่เป็นไปได้อย่างไร!”

ต้องรู้ว่าเผ่าอินทรียักษ์ปีกทองมียอดอาวุธสังหารทรงพลังสามชิ้น

หนึ่งคือกรงเล็บคมกริบของพวกมัน สามารถฉีกมวลอากาศได้

สองคือจะงอยปากคม ทะลวงได้ทุกสิ่ง

และสามคือสองปีกของพวกมัน มีความรวดเร็วยิ่งในใต้หล้า อีกทั้งสองปีกของอินทรียักษ์ปีกทองยังมีพลังโจมตีแข็งแกร่ง

บนสองปีกพวกมันคลุมด้วยขนปักษาที่แข็งทนทานเสียยิ่งกว่าเหล็กทมิฬ ราวกับดาบเทพเลิศล้ำ

ในยามต่อสู้ สองปีกของอินทรียักษ์ปีกทองสามารถใช้เป็นดาบนักรบได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระทั่งในมรดกของเผ่าพญาปักษายังมีวิชาดาบที่สำแดงด้วยปีก…ปักษาสวรรค์เก้าตัดสังหาร

นี่คือคู่ยอดอาวุธสังหารไร้เทียมทาน

แต่ยามนี้สองปีกของมันกลับถูกผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเตะทีเดียวแตก สำหรับเผ่าพญาอินทรีปีกทองผู้สูงศักดิ์แล้ว นี่คือความอัปยศอันใหญ่หลวง!

…….

“เจ้ามนุษย์ เจ้ายั่วโมโหข้าแล้ว! เจ้าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพคนแรกที่ข้าสังหารตั้งแต่ลงมาเยือนแดนบูรพา!

ดูตัดสังหารแรกของเก้าตัดสังหารปักษาสวรรค์ข้า…ตัดสังหารแดนดิน!”

อินทรียักษ์ปีกทองบินขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด ร่างมหึมาเปล่งแสงสว่างทรงอำนาจหมื่นจั้ง คมดาบเทพยักษ์ยาวร้อยจั้งปรากฏกลางมวลอากาศก่อนฟันใส่นักพรตชรา

ดาบนี้ลากผ่านที่ใด แม้แต่มวลอากาศยังพังทลายลง เหมือนกับนามเรียกขานของดาบนี้ ตัดสังหารแดนดิน

ถ้าฝึกกระบวนท่านี้ถึงจุดสูงสุด การทำลายแดนดินด้วยดาบเดียวมิใช่คำเกินจริงไปเลย!

นักพรตชรามองอินทรียักษ์ปีกทองมหึมากลางอากาศด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นอินทรียักษ์ปีกทอง เผ่าราชันของเผ่าพญาปักษาเขตแดนใต้ วัตถุดิบดีเช่นนี้ ควรจะทำอะไรดีนะ! ทำให้ข้าปวดสมองจริงๆ เลย!

ช่างเถอะ จับมาก่อนแล้วกัน!”

…………

นักพรตชราสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนถูฝ่ามือรูดแขนเสื้อขึ้น

เขาจ้องอินทรียักษ์ปีกทองตรงหน้าก่อนจะยื่นมือขวาออกไปกลางฟ้าอย่างฉับพลัน

“ดูพลังวิเศษหลอมกายคบเพลิงของข้า…หัตถ์ยักษ์จับปักษา!”

พอเอ่ยจบก็เห็นว่ามวลอากาศเหนือชั้นเมฆเริ่มบิดรูป อินทรียักษ์ปีกทองยาวหลายสิบจั้งร่างหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว

“ไม่ ไม่มีทาง นักพรตเจ้าใช้พลังวิเศษมิติหัตถ์ยักษ์ยกสวรรค์ได้!”

แววตาอินทรียักษ์ปีกทองเต็มไปด้วยความตกตะลึงและตื่นกลัว มันรู้สึกว่าตนเจอกับตอแข็งเข้าแล้ว

นักพรตชราเลียริมฝีปาก มือขวายังคงยื่นไปข้างหน้าช้าๆ

เขาเบะปากว่า “หัตถ์ยักษ์ยกสวรรค์อะไร กระบวนท่านี่เขาเรียกว่าหัตถ์ยักษ์จับปักษา”

“ไอ้ลูกนกปีกทอง เจ้ามาหาข้าเถอะ!”

ทันทีที่เอ่ยจบ เขาประกบห้านิ้วมือขวาทันที พริบตานั้นมวลอากาศบริเวณนั้นหดตัวอย่างฉับไว อินทรียักษ์ปีกทองถูกบีบหดตัวเหลือราวหนึ่งฉื่อ

ดูแล้วมีขนาดประมาณไก่บ้านตัวผู้ธรรมดาจริงๆ

อินทรียักษ์ปีกทองที่ถูกผนึกอยู่กลางอากาศยังคงดิ้นรนไม่หยุด

มันร้องเสียงแหลมยิ่ง “ไร้สาระ นี่มันหัตถ์ยักษ์ยกสวรรค์ชัดๆ”

นักพรตชราเบะปาก “เจ้ามันไอ้นกจะตายอยู่แล้ว จะเถียงอะไรให้มากความ?”

……..

เอ่ยจบ นักพรตก็ปลดไม้กระบองเหล็กสีทองทุกส่วนออกมาจากด้านหลัง

เขาพิจารณาอินทรียักษ์ปีกทอง ทำสีหน้าเคร่งขรึม กำลังคิดอยู่ว่าจะใช้วัตถุดิบทำอะไรดี

อินทรียักษ์ปีกทองลนลานขึ้นมาทันที “เจ้ากล้าฆ่าข้ารึ ข้าคือบุตรของสามผู้อาวุโสเผ่าพญาปักษา หากเจ้าสังหารข้าแล้ว บิดาข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแน่!”

นักพรตเต๋าอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ “บิดาเจ้าตัวใหญ่เท่าไรกัน?”

อินทรียักษ์ปีกทองแค่นเสียงขึ้นจมูก “บิดาข้าอายุห้าพันปี อีกครึ่งก้าวก็จะก้าวสู่ขอบเขตผู้อริยะแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายข้า ไม่กลัวก่อมหาสงครามระหว่างเผ่าพญาปักษากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ”

นักพรตชราเหมือนมีความคิดบางอย่าง “นกแก่อายุห้าพันปี เกรงว่าเนื้อคงไม่นุ่มแล้วกระมัง! เฮ้อ ดูท่าบิดาเจ้ามาแล้วคงได้แต่เอาไปตุ๋นทำน้ำแกง”

อินทรียักษ์ปีกทองตะลึงงันไปก่อนจะตั้งปีกสีทองขึ้น โมโหจนแทบคลั่ง

ไอ้ชาติชั่ว ไอ้คนบ้า ไม่อยากเชื่อว่าคิดจะจับบิดาข้าไปตุ๋นทำน้ำแกงด้วย!

มันยังไม่ทันฟ้องร้องอะไรก็กลายเป็นความตื่นกลัวลึกๆ เพราะนักพรตชราแบกไม้กระบองเดินเข้ามาแล้ว

เขาจับอินทรียักษ์ปีกทองพลิกตัวมา จากนั้นกระทุ้งไม้กระบองยาวสีทองใส่ตัวอินทรียักษ์ปีกทอง

นักพรตเต๋าชราพูด “เจ้านุ่มมากนะ ทนเจ็บหน่อยแล้วกัน”

อินทรียักษ์ปีกทองร้อง “อย่า ไม่เอา อ๊าก!”

……..

แว๊ก!

เสียงนกใหญ่ร้องน่าสังเวชใจดังขึ้นกลางฟ้าดินก่อนจะเงียบหายไป

นักพรตชราพลิกไม้ปิ้งย่างไปพลาง ใช้เปลวไฟสีมรกตย่างนกใหญ่ไปพลาง

เขาชำเลืองตามองมวลอากาศรอบๆ แวบหนึ่ง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เห็นแก่ที่พวกเจ้ายังไม่ลงมือนะ ทุกคนทิ้งศิลาวิญญาณไว้คนละหนึ่งล้านก้อน ข้าจะไม่ถือสาปล่อยพวกเจ้าไป ไม่อย่างนั้นข้าจะแหวกมวลอากาศไปหาพวกเจ้าเอง”

เพิ่งพูดจบก็พบว่ามวลอากาศรอบๆ แตกออก ก่อนจะเริ่มมีฝนตก

ฝนศิลาวิญญาณแวววาวมันขลับนั้นดูสวยงามหรูหราไม่มีใครเปรียบได้!

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 76 พลังวิเศษคบเพลิง หัตถ์ยักษ์จับปักษา

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 76 พลังวิเศษคบเพลิง หัตถ์ยักษ์จับปักษา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 76 พลังวิเศษคบเพลิง หัตถ์ยักษ์จับปักษา
อาจารย์ลุงบัวมรกต

ทันทีที่จางอวิ๋นซีเอ่ยนามนี้ หมอกดำทั้งหมดเกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดมากว่าผู้สูงศักดิ์ที่ซ่อนอยู่ในหมอกดำพวกนั้นต่างว้าวุ่นใจกันเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นสายพันธุ์ปรับแก้จากบัวครามธรรมชาติระดับเจ็ด บัวเขียวนภากาศ”

“หรือว่าจะเป็นฉู่หรงเหอ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต ถอยเร็ว!”

หมอกดำแต่ละกลุ่มพลันสลายหายไป ผู้สูงศักดิ์จำนวนมากกลายเป็นร่างเงาหนีกันไปทุกสารทิศ เพราะพวกเขารู้ดีว่าบัวสีมรกตดอกนี้หมายถึงอะไร

นั่นถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเจ้าปกครองที่ล่วงเกินไม่ได้ทั้งแดนบูรพา!

ผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณรวดเร็วยิ่ง พริบตาเดียวก็หนีไปไกลหมื่นจั้ง

ทว่าตอนนี้เองมีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากมวลอากาศ

“กล้าแตะต้องบุตรสาวของศิษย์น้องข้า พวกเจ้ายังคิดจะหนีอีกรึ?”

เพิ่งกล่าวจบ ดอกบัวมรกตนั้นก็ยิงเปลวเพลิงออกไปสิบกว่าสายทันที เปลวเพลิงพวกนั้นออกเป็นสีราวกับมรกต ใสแวววาวสวยงาม

พวกมันลากผ่านท้องนภาไปในทันใด พุ่งใส่หมอกดำกลุ่มก้อนพวกนั้น เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ตามหมอกดำทั้งหมดทัน

……

เปลวเพลิงสีมรกตระเบิดออกโดยพลัน เป็นกรงขังแผดเผากลุ่มหมอกดำพวกนั้น ก่อนจะมีเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กดังมาจากกลางหมอกดำ

ชั่วประเดี๋ยวเดียวราคาต้องจ่ายที่หมอกดำแผดเผาทั้งหมดคือผู้สูงศักดิ์กลางหมอกถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นเปลวเพลิงสีมรกตเหล่านั้นม้วนแหวนเก็บของแต่ละวงลอยกลับมา

เปลวเพลิงทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน ค่อยๆ กลายเป็นร่างคนหนึ่ง คนนั้นรวมกายปรากฏต่อหน้าทุกคนเป็นนักพรตชราท่านหนึ่ง

เขาดูเป็นคนชราสุขภาพดี สวมชุดคลุมเซียนยันต์แปดทิศ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่น ราวกับเซียนเต๋าแท้จริง แน่นอนถ้าสองมือเขาไม่ได้สวมแหวนเก็บของอยู่เต็มละก็ ฐานะผู้สูงส่งแก่กล้านี้ก็ยังบรรยายออกมาได้สมจริงยิ่งกว่านี้อีกหน่อย

เมื่อเห็นนักพรตชราท่านนี้แล้ว จางอวิ๋นซีโล่งอก

แม้อาจารย์ลุงท่านนี้จะมีชื่อเสียงเรื่องทำอะไรไม่ได้มาตรฐานก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าศักยภาพเขาอยู่ในระดับชั้นสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงจริงๆ

มีเขาอยู่ จี้หยกมังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ถือว่าปลอดภัยแล้ว

นักพรตชราขยับวูบไหวร่างมาอยู่ข้างกายจางอวิ๋นซีทันที

เขาเตะขาออกไปทีแล้วว่า “ซีเอ๋อร์อย่ากลัว ไอ้นกนี่ทำร้ายเจ้าไม่ได้หรอก”

…..

เปรี้ยง!

นักพรตชราเตะออกไปทีดูเหมือนไม่มีความลึกล้ำอะไรเลย ทว่ากลับแข็งแกร่งจนน่ากลัว

เขาเตะใส่ปีกอินทรียักษ์ปีกทองทีหนึ่งจนมันกระเด็นลอยไปไกลร้อยจั้ง ขนนกสีทองอาบโลหิตสีทองอมแดงร่วงโรยลงมาจากฟ้าทีละหย่อม

นัยน์ตาอินทรียักษ์ปีกทองเต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว “นี่เป็นไปได้อย่างไร!”

ต้องรู้ว่าเผ่าอินทรียักษ์ปีกทองมียอดอาวุธสังหารทรงพลังสามชิ้น

หนึ่งคือกรงเล็บคมกริบของพวกมัน สามารถฉีกมวลอากาศได้

สองคือจะงอยปากคม ทะลวงได้ทุกสิ่ง

และสามคือสองปีกของพวกมัน มีความรวดเร็วยิ่งในใต้หล้า อีกทั้งสองปีกของอินทรียักษ์ปีกทองยังมีพลังโจมตีแข็งแกร่ง

บนสองปีกพวกมันคลุมด้วยขนปักษาที่แข็งทนทานเสียยิ่งกว่าเหล็กทมิฬ ราวกับดาบเทพเลิศล้ำ

ในยามต่อสู้ สองปีกของอินทรียักษ์ปีกทองสามารถใช้เป็นดาบนักรบได้อย่างสมบูรณ์แบบ กระทั่งในมรดกของเผ่าพญาปักษายังมีวิชาดาบที่สำแดงด้วยปีก…ปักษาสวรรค์เก้าตัดสังหาร

นี่คือคู่ยอดอาวุธสังหารไร้เทียมทาน

แต่ยามนี้สองปีกของมันกลับถูกผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเตะทีเดียวแตก สำหรับเผ่าพญาอินทรีปีกทองผู้สูงศักดิ์แล้ว นี่คือความอัปยศอันใหญ่หลวง!

…….

“เจ้ามนุษย์ เจ้ายั่วโมโหข้าแล้ว! เจ้าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพคนแรกที่ข้าสังหารตั้งแต่ลงมาเยือนแดนบูรพา!

ดูตัดสังหารแรกของเก้าตัดสังหารปักษาสวรรค์ข้า…ตัดสังหารแดนดิน!”

อินทรียักษ์ปีกทองบินขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด ร่างมหึมาเปล่งแสงสว่างทรงอำนาจหมื่นจั้ง คมดาบเทพยักษ์ยาวร้อยจั้งปรากฏกลางมวลอากาศก่อนฟันใส่นักพรตชรา

ดาบนี้ลากผ่านที่ใด แม้แต่มวลอากาศยังพังทลายลง เหมือนกับนามเรียกขานของดาบนี้ ตัดสังหารแดนดิน

ถ้าฝึกกระบวนท่านี้ถึงจุดสูงสุด การทำลายแดนดินด้วยดาบเดียวมิใช่คำเกินจริงไปเลย!

นักพรตชรามองอินทรียักษ์ปีกทองมหึมากลางอากาศด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นอินทรียักษ์ปีกทอง เผ่าราชันของเผ่าพญาปักษาเขตแดนใต้ วัตถุดิบดีเช่นนี้ ควรจะทำอะไรดีนะ! ทำให้ข้าปวดสมองจริงๆ เลย!

ช่างเถอะ จับมาก่อนแล้วกัน!”

…………

นักพรตชราสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนถูฝ่ามือรูดแขนเสื้อขึ้น

เขาจ้องอินทรียักษ์ปีกทองตรงหน้าก่อนจะยื่นมือขวาออกไปกลางฟ้าอย่างฉับพลัน

“ดูพลังวิเศษหลอมกายคบเพลิงของข้า…หัตถ์ยักษ์จับปักษา!”

พอเอ่ยจบก็เห็นว่ามวลอากาศเหนือชั้นเมฆเริ่มบิดรูป อินทรียักษ์ปีกทองยาวหลายสิบจั้งร่างหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว

“ไม่ ไม่มีทาง นักพรตเจ้าใช้พลังวิเศษมิติหัตถ์ยักษ์ยกสวรรค์ได้!”

แววตาอินทรียักษ์ปีกทองเต็มไปด้วยความตกตะลึงและตื่นกลัว มันรู้สึกว่าตนเจอกับตอแข็งเข้าแล้ว

นักพรตชราเลียริมฝีปาก มือขวายังคงยื่นไปข้างหน้าช้าๆ

เขาเบะปากว่า “หัตถ์ยักษ์ยกสวรรค์อะไร กระบวนท่านี่เขาเรียกว่าหัตถ์ยักษ์จับปักษา”

“ไอ้ลูกนกปีกทอง เจ้ามาหาข้าเถอะ!”

ทันทีที่เอ่ยจบ เขาประกบห้านิ้วมือขวาทันที พริบตานั้นมวลอากาศบริเวณนั้นหดตัวอย่างฉับไว อินทรียักษ์ปีกทองถูกบีบหดตัวเหลือราวหนึ่งฉื่อ

ดูแล้วมีขนาดประมาณไก่บ้านตัวผู้ธรรมดาจริงๆ

อินทรียักษ์ปีกทองที่ถูกผนึกอยู่กลางอากาศยังคงดิ้นรนไม่หยุด

มันร้องเสียงแหลมยิ่ง “ไร้สาระ นี่มันหัตถ์ยักษ์ยกสวรรค์ชัดๆ”

นักพรตชราเบะปาก “เจ้ามันไอ้นกจะตายอยู่แล้ว จะเถียงอะไรให้มากความ?”

……..

เอ่ยจบ นักพรตก็ปลดไม้กระบองเหล็กสีทองทุกส่วนออกมาจากด้านหลัง

เขาพิจารณาอินทรียักษ์ปีกทอง ทำสีหน้าเคร่งขรึม กำลังคิดอยู่ว่าจะใช้วัตถุดิบทำอะไรดี

อินทรียักษ์ปีกทองลนลานขึ้นมาทันที “เจ้ากล้าฆ่าข้ารึ ข้าคือบุตรของสามผู้อาวุโสเผ่าพญาปักษา หากเจ้าสังหารข้าแล้ว บิดาข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแน่!”

นักพรตเต๋าอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ากังวลใจ “บิดาเจ้าตัวใหญ่เท่าไรกัน?”

อินทรียักษ์ปีกทองแค่นเสียงขึ้นจมูก “บิดาข้าอายุห้าพันปี อีกครึ่งก้าวก็จะก้าวสู่ขอบเขตผู้อริยะแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายข้า ไม่กลัวก่อมหาสงครามระหว่างเผ่าพญาปักษากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ”

นักพรตชราเหมือนมีความคิดบางอย่าง “นกแก่อายุห้าพันปี เกรงว่าเนื้อคงไม่นุ่มแล้วกระมัง! เฮ้อ ดูท่าบิดาเจ้ามาแล้วคงได้แต่เอาไปตุ๋นทำน้ำแกง”

อินทรียักษ์ปีกทองตะลึงงันไปก่อนจะตั้งปีกสีทองขึ้น โมโหจนแทบคลั่ง

ไอ้ชาติชั่ว ไอ้คนบ้า ไม่อยากเชื่อว่าคิดจะจับบิดาข้าไปตุ๋นทำน้ำแกงด้วย!

มันยังไม่ทันฟ้องร้องอะไรก็กลายเป็นความตื่นกลัวลึกๆ เพราะนักพรตชราแบกไม้กระบองเดินเข้ามาแล้ว

เขาจับอินทรียักษ์ปีกทองพลิกตัวมา จากนั้นกระทุ้งไม้กระบองยาวสีทองใส่ตัวอินทรียักษ์ปีกทอง

นักพรตเต๋าชราพูด “เจ้านุ่มมากนะ ทนเจ็บหน่อยแล้วกัน”

อินทรียักษ์ปีกทองร้อง “อย่า ไม่เอา อ๊าก!”

……..

แว๊ก!

เสียงนกใหญ่ร้องน่าสังเวชใจดังขึ้นกลางฟ้าดินก่อนจะเงียบหายไป

นักพรตชราพลิกไม้ปิ้งย่างไปพลาง ใช้เปลวไฟสีมรกตย่างนกใหญ่ไปพลาง

เขาชำเลืองตามองมวลอากาศรอบๆ แวบหนึ่ง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เห็นแก่ที่พวกเจ้ายังไม่ลงมือนะ ทุกคนทิ้งศิลาวิญญาณไว้คนละหนึ่งล้านก้อน ข้าจะไม่ถือสาปล่อยพวกเจ้าไป ไม่อย่างนั้นข้าจะแหวกมวลอากาศไปหาพวกเจ้าเอง”

เพิ่งพูดจบก็พบว่ามวลอากาศรอบๆ แตกออก ก่อนจะเริ่มมีฝนตก

ฝนศิลาวิญญาณแวววาวมันขลับนั้นดูสวยงามหรูหราไม่มีใครเปรียบได้!

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+