บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 486 แดนเทพมรณะหยินหยาง บัววาสนาวัฏจักร!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 486 แดนเทพมรณะหยินหยาง บัววาสนาวัฏจักร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 486 แดนเทพมรณะหยินหยาง บัววาสนาวัฏจักร!

ทุกคนต่างตกตะลึงกับการทำลายค่ายกลสังหารอย่างง่ายดายของเสิ่นเทียน

แต่จากนั้นพวกเขาก็เพ่งมองไปที่บัวเก้าใบนั้น

ดอกบัวเก้าใบเป็นสีแดงฉานทุกส่วน แสงเทพปกคลุม ส่องสว่างไปรอบๆ

ดอกบัวแกว่งไกวตามสายลม เหมือนคมดาบ ตัดห้วงอากาศได้ง่ายดาย

แสงสีแดงตกกระทบ กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่ไม่อาจคาดเดา แผ่อำนาจศักดิ์สิทธิ์รุนแรงออกมา

เมื่อตั้งใจสัมผัสจะสังเกตเห็นถึงจิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันยิ่งพุ่งออกมา พลานุภาพน่าสะพรึงกลัว

ดอกบัวนี้ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนสมุนไพรล้ำค่า แต่เหมือนอาวุธสูงสุด อาวุธสังหาร!

จูเก่อซือหม่าหรี่ตาลงเล็กน้อย “นี่มัน…”

จิตสังหารที่เขาสัมผัสได้จากค่ายกลก่อนหน้านี้เหมือนกับกลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากดอกบัวนี้ทุกประการ

หรือว่าเขาจะถูกสมุนไพรล้ำค่าจู่โจมถอยออกมากัน

นี่คือสมุนไพรล้ำค่าอะไรกันถึงมีจิตสังหารน่ากลัวขนาดนี้

เสิ่นเทียนเหมือนเห็นความสงสัยของจูเก่อซือหม่า จึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “นี่คือดอกบัวเก้าใบใจฟ้า โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด!”

เขาเคยฝึกคัมภีร์ร้อยว่านจักรพรรดิคราม ในนั้นมีบันทึกว่านแปลกล้ำค่าต่างๆ ของห้าดินแดน ในนั้นรวมถึงบัวเก้าใบใจฟ้าด้วย

สมุนไพรล้ำค่าต้นนี้ต่างกับโอสถศักดิ์สิทธิ์อื่น มันกำเนิดในค่ายกลสังหาร จึงดูดซับจิตสังหารในค่ายกลถือกำเนิดขึ้น

บัวเก้าใบใจฟ้าเพิ่มกำลังให้ผู้ฝึกค่ายกลเขตแดนอย่างยิ่งยวด ไม่ใช่แค่ยกระดับพลัง แต่ยังเสริมความแกร่งการตระหนักรู้ค่ายกลของผู้บำเพ็ญ

ผู้บำเพ็ญเสริมอานุภาพค่ายกลเขตแดนผ่านการหลอมรวมจิตสังหารในนั้น วางค่ายกลสังหารแข็งแกร่ง

โอสถศักดิ์สิทธิ์พิเศษชนิดนี้ไม่อาจประเมินค่าได้ สำหรับคนที่ฝึกค่ายกลแล้วมีค่าไม่ด้อยไปกว่าอาวุธเจ้าอริยะ กระทั่งในบางด้านยังเหนือกว่า

ถึงอย่างไรอาวุธอริยะก็เสริมกำลังภายนอก แต่โอสถศักดิ์สิทธิ์เสริมความแกร่งของตนเอง

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนได้สมบัติสุดยอด ผู้บำเพ็ญสองตระกูลต่างเผยสีหน้าตื่นตกใจและอิจฉา

พวกเขาปลงอนิจจังในใจอย่างยิ่ง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ช่างสมกับเป็นบุตรแห่งโชค

ไม่นึกเลยว่าแก้ค่ายกลสังหารน่ากลัวแล้วยังได้สมบัติสุดยอดเช่นนี้อีก

ทำให้คนอิจฉาจนปวดไข่จนหน้าม่วงเลยจริงๆ!

…..

ทว่าสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงคือหลังเสิ่นเทียนเก็บบัวเก้าใบใจฟ้ามาแล้วกลับส่งให้จูเก่อซือหม่า

“บัวเก้าใบใจฟ้านี้ไม่มีประโยชน์กับแซ่เสิ่น ให้น้องจูหม่าแล้วกัน!”

จูเก่อซือหม่าตัวสั่นไหวเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดเช่นนี้ ต่อให้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อยากมีไว้เยอะๆ

พี่ใหญ่เสิ่น เหตุใดถึงมอบให้ข้า

เขาตั้งสติกลับมาได้ก็รีบบอกปัด “นี่เป็นโชควาสนาของพี่ใหญ่เสิ่น จะมอบให้ข้าได้อย่างไร”

แม้บอกว่าบัวเก้าใบใจฟ้ามีประโยชน์กับจูเก่อซือหม่ามาก ยกระดับศักยภาพได้อย่างยิ่ง แต่เขาก็ยังเกรงใจอยู่ดี

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เป็นคนแก้ค่ายกลสังหาร บัวเก้าใบใจฟ้าก็เป็นเขาที่เอาออกมา

จูเก่อซือหม่าจะรับโอสถศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ ไม่ว่าจะด้านน้ำใจหรือเหตุผลก็ไปกันไม่ได้

เสิ่นเทียนยิ้ม “พบกันคือมีวาสนาต่อกัน นี่ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าที่ข้าให้เจ้าแล้วกัน!”

จูเก่อซือหม่าได้รับความเมตตาเช่นนี้ก็ตกใจ พูดด้วยใบหน้าลำบากใจ “แต่ว่า…นี่มันล้ำค่ามากเกินไป ข้าไม่ทำอะไรเลยจะให้รับผลตอบแทนได้อย่างไร พี่ใหญ่เสิ่น นี่…อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย!”

เสิ่นเทียนเอ่ยนิ่งๆ “โอสถนี้มีประโยชน์กับข้าไม่มาก ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า หากกินโอสถนี้ ความชำนาญด้านค่ายกลจะพัฒนาขึ้น บุรุษค้ำฟ้าค้ำดิน อย่าผลักสามกันสี่ ทำตัวเป็นเด็กสาวเลย”

โอสถศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลอัศจรรย์กับจูเก่อซือหม่า แต่ไม่มีประโยชน์กับเสิ่นเทียนมากนัก ถึงอย่างไรวิชาที่เขาฝึกเป็นหลักก็ไม่ใช่การพยากรณ์เร้นลับ

มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นโชคลิขิตเดิมของจูเก่อซือหม่า

ในโชคลิขิตเดิม สองบรรพบุรุษช่วยจูเก่อซือหม่าให้ได้บัวเก้าใบใจฟ้ามา

ตอนนี้เสิ่นเทียนถือว่าคืนของกับเจ้าของเดิม

ไม่ใช่แค่ได้สร้างความรู้สึกดี แต่ยังได้ดวงชะตากลับมา ทำหนึ่งได้ถึงสอง

จูเก่อซือหม่าได้ยินดังนั้น ในที่สุดก็ไม่ปฏิเสธอีก

ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณพี่ใหญ่เสิ่นมาก ภายภาคหน้าหากมีอะไรให้ข้าจูเก่อซือหม่าช่วยก็บอกมาได้เลย ข้าจูเก่อซือหม่าจะบุกน้ำลุยไฟ ไม่เกี่ยงงอนเด็ดขาด!”

เสิ่นเทียนเอ่ยราบเรียบ “ไม่ต้องทำเป็นคนอื่นคนไกลไป ภายภาคหน้าหากพบศิษย์เทพสวรรค์ข้า ก็ช่วยดูแลหน่อยก็พอ”

“ขอรับ!”

จูเก่อซือหม่ารับบัวเก้าใบใจฟ้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ

โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้ล้ำค่ายิ่งนัก ต่อให้เป็นตระกูลขุนนางลับอย่างจูเก่อกับซือหม่าก็ยังเป็นสมบัติสุดยอด

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สมกับเป็นบุตรแห่งโชคในตำนาน ยิ่งใหญ่จริงๆ!

เมื่อบัวศักดิ์สิทธิ์ถึงมือ วงรัศมีดวงชะตาเหนือศีรษะจูเก่อซือหม่าก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ แสงสีม่วงสว่างไสว

ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตัวเบาขึ้นมาก

ไม่ต้องคิด เห็นได้ชัดว่าดวงชะตาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

เสิ่นเทียนยิ้มเจิดจรัสขึ้น

…..

พวกศิษย์ของสองตระกูลขุนนางลับรอบข้างเห็นภาพนี้ก็มองตาค้าง

พวกเขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะมีน้ำใจมากขนาดนี้

โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดบอกให้ก็ให้เลย อย่างกับผักกาดขาว

นี่ไม่ถูกใจจริงๆ รึ หรือว่าที่บ้านมีเหมืองกัน

จิตใจเช่นนี้ น้ำใจเช่นนี้ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่มีใครเทียบได้เลย!

จูเก่อซือหม่าได้สมบัติสุดยอดไป ทุกคนก็เผยสีหน้าอิจฉา

ถึงอย่างไรโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดเช่นนี้ ใครจะไม่อยากได้

ตอนนี้เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย

เขาโบกมือกว้าง ยิงเถาวัลย์ออกมาหลายเส้น ทะลวงไปในหุบเขาเมื่อครู่

ไม่นานนัก เถาวัลย์พวกนั้นก็ม้วนผลสีแดงใสแวววาวออกมากองใหญ่

เสิ่นเทียนนำผลสีแดงพวกนั้นแบ่งให้ศิษย์ตระกูลขุนนางใหญ่ทั้งสอง

“ทุกท่าน ผลจูกั่วพวกนี้ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าที่ข้ามอบให้พวกเจ้าแล้วกันนะ!”

ผลจูกั่วพวกนั้นมีหลายสิบลูก แจกจ่ายให้กับศิษย์พวกนี้ได้พอดี

แม้ศิษย์พวกนี้จะมีดวงชะตาเทียบกับจูเก่อซือหม่าไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ศีรษะเปล่งแสงสีแดง ถือว่าเป็นบุตรแห่งโชค

ด้วยหลักการยิ่งมีกุยช่ายมากเท่าไรยิ่งดี เสิ่นเทียนจึงลำเอียงไม่ได้ ย่อมชโลมน้ำฝนไปให้ทั่ว

มิหนำซ้ำ ผลจูกั่วระดับโอสถวิญญาณสูงสุดพวกนี้ เสิ่นเทียนจะมีหรือไม่มีก็ได้

แต่กับโอรสสวรรค์หนุ่มพวกนี้คือของหายาก

“ขอบคุณพี่ใหญ่เสิ่นมาก!”

ศิษย์สองตระกูลขุนนางพลันตื่นเต้นกันอย่างยิ่ง

พวกเขาพากันเอ่ยขอบคุณ ภายในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่อเสิ่นเทียน

…..

ทุกคนเดินหน้าต่อ บุกเบิกไปยังส่วนลึกของเกาะเทพลอยฟ้า

ตอนนี้ในใจทุกคนเฝ้ารอคอยอย่างยิ่ง คิดว่าการเดินทางครั้งนี้จะต้องได้ประโยชน์อู้ฟู้แน่นอน

นี่เป็นเพียงขอบเขตรอบนอก ก็มีโอสถศักดิ์สิทธิ์โอสถวิญญาณมากขนาดนี้แล้ว

แค่คิดก็รู้ว่าส่วนลึกของเกาะเทพลอยฟ้าจะต้องมีมหาโชคลิขิตแน่นอน ทว่าพวกเขาไม่ได้ไปไกลนัก ก็ถูกขวางไว้

ตรงหน้าพวกเขามีม่านแสงยักษ์ลอยอยู่ เปล่งแสงหลากสี บดบังฟ้าบังดวงตะวัน

หมอกกลางม่านแสงขมุกขมัว หมอกเทาอบอวล เต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยือกและเฉียบคม

พลังแห่งหยินวนเวียน กลิ่นอายหนาวเยือกยิ่ง ทำให้คนขนพองสยองเกล้า

เหมือนนรกเก้าชั้น มืดมิดไร้ดวงตะวัน น่าพรั่นพรึง

จากนั้นทิศทัศน์พลันเปลี่ยนไปกลายเป็นแสงสว่างร้อนแรง เหมือนดวงตะวันลอยสูง

พลังหยางยิ่งใหญ่ร้อนระอุยิ่ง เหมือนจะเปลี่ยนที่นี่เป็นนรกทะเลเพลิง อานุภาพหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนหยุดชะงัก เผยแววตาจริงจัง

ที่นี่น่ากลัวยิ่งนัก แผ่อำนาจคุกคามแก่กล้า ทำให้คนไม่กล้าแตะต้อง

จูเก่อหยวนเดินเข้ามา พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หรือว่าจะเป็นเขตแดนเทพมรณะหยินหยางที่บรรพบุรุษรุ่นแรกกล่าวไว้กัน”

“ท่านบรรพบุรุษ เขตแดนเทพมรณะหยินหยางคืออะไรกัน”

จูเก่อซือหม่าเอ่ยถาม เขาไม่เคยได้ยินเขตแดนนี้มาก่อน

ซือหม่าเฉิงก้าวออกมาเช่นกัน ดวงตาลึกล้ำ “เมื่อหลายหมื่นปีก่อน บรรพบุรุษรุ่นแรกเคยเข้ามาที่นี่ ค้นพบเขตแดนเทพมรณะหยินหยาง เล่าลือว่าที่นี่เป็นดินแดนแห่งเขตแดนลึกลับ

ในนี้เต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่ใช่ของโลกนี้…ปราณหยินหยางกำเนิดที่แยกออกมาจากไอเบิกฟ้า พลังงานนี้ คนธรรมดาหลอมรวมไม่ได้เลย ตอนนั้นบรรพบุรุษรุ่นแรกสัมผัสแค่เล็กน้อยก็เกือบจะธาตุไฟเข้าแทรก”

ในน้ำเสียงของซือหม่าเฉิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตกใจ กลัวกับที่นี่อย่างยิ่ง

…..

บรรพบุรุษรุ่นแรกของสองตระกูลขุนนางในตอนนั้นก้าวสู่ระดับเตรียมเซียนแล้ว ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอด

ทว่า แม้แต่พวกเขายังเกือบถูกปราณหยินหยางกำเนิดกลืนกิน จะเห็นได้ว่าที่นี่น่ากลัวเพียงใด

เวลานี้ ทุกคนใจสั่นไหว หวาดกลัวกันยิ่งนัก

จูเก่อหยวนอธิบายต่อ “ต่อมา ท่านบรรพบุรุษรุ่นแรกได้รับมรดกตำราสวรรค์เกราะมังกร จึงคิดจะเข้าไปสำรวจที่นี่อีกครั้ง พลังแห่งเขตแดนของพวกเขายกระดับขึ้นอย่างยิ่ง จึงมั่นใจว่าจะเปิดที่นี่ได้ แต่ว่าพวกเขาก็ยังเข้าไม่ถึงส่วนลึกก็ถูกกดดันออกมา

เล่าลือว่าในนี้ซ่อนความสะพรึงกลัวไว้ สังหารเทพเจ้าและเซียนแท้ไว้มากมาย! กระทั่งยังมียักษ์ใหญ่สุดยอดสิ้นชีพลงที่นี่!”

จูเก่อหยวนหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาเหมือนคุยถึงสิ่งต้องห้ามบางอย่าง จึงสั่นกลัวไม่หยุด

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างชัดเจน

แค่ฟังเรื่องพวกนี้ก็ทำให้พวกเขาใจสั่นไหว ไม่กล้าเดินหน้าต่อแล้ว

“ดีที่การเข้าส่วนลึกเกาะเทพลอยฟ้ายังมีทางอื่นอีก พวกเราไม่ต้องฝ่าที่นี่ อ้อมไปกันเถอะ!”

จูเก่อหยวนได้รู้จากคัมภีร์บรรพชนที่บรรพบุรุษรุ่นแรกฝากเอาไว้ว่ายังมีทางอื่นที่ผ่านไปได้ จึงไม่ได้กังวลมาก

ด้วยความสามารถของพวกเขาตอนนี้ ไม่มีทางทลายค่ายกลนี้ได้เลย

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า

แม้แต่บรรพบุรุษทั้งสองยังหวาดกลัวที่นี่ขนาดนี้ พวกเขายิ่งไม่มีทางแตะต้อง

…..

ตอนนี้เอง เสิ่นเทียนจ้องแดนเทพมรณะหยินหยางตรงหน้า ดวงตากลายเป็นลึกล้ำยิ่ง

ดวงตาเขาเปล่งแสงเทพสว่างจ้า สว่างพร่างพราวเหมือนดวงดารา

เสิ่นเทียนปลุกเนตรมรรคสวรรค์ประทาน ส่องความว่างเปล่าเข้าไปในเขตแดนเทพมรณะหยินหยาง

มิติที่เดิมทีขมุกขมัวชัดเจนยิ่งภายใต้การส่องด้วยเนตรมรรคสวรรค์ประทาน

เห็นว่าใจกลางเขตแดนมีทะเลสาบยักษ์อยู่แห่งหนึ่ง

น้ำทะเลสาบเปล่งแสงทองแวววาว เหมือนของเหลวสีทองที่ละลายมาจากทองคำ สว่างจ้าอย่างยิ่ง

ส่วนใจกลางทะเลสาบยังมีดอกบัวคู่ต้นหนึ่ง ดอกบัวนั้นแปลกมาก ด้านหนึ่งเป็นสีทอง สว่างจ้าดั่งดวงตะวัน

อีกด้านเป็นสีเงิน ใสสะอาดบริสุทธิ์ดั่งจันทร์เงิน

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย พึมพำกับตนเอง “นี่มัน…บัววาสนาวัฏจักรรึ”

เขาเคยอ่านคำบรรยายของสิ่งนี้จากคัมภีร์ร้อยว่านจักรพรรดิคราม

เล่าลือว่าบัววาสนาวัฏจักรดูดซับสองปราณหยินหยางกำเนิดฟ้าดินและเติบโตขึ้น เป็นโอสถอมตะที่หายากที่สุดในโลก

นี่คือการคงอยู่ที่เหนือกว่าโอสถระดับจักรพรรดิ ยอดฝีมือโลกเซียนยังใจสั่นไหว

แต่บัววาสนาวัฏจักรมีเงื่อนไขการเติบโตที่ยากยิ่ง ต้องใช้แก่นสำคัญเลือดเนื้อของยอดฝีมือสูงสุดเป็นรากฐานถึงจะกำเนิดเป็นดอกบัวหยางสุดขั้วได้

ก่อนจะใช้ปราณหยินไม่มีสิ้นสุดเหนี่ยวนำถึงจะเกิดเป็นดอกแห่งหยินสุดขั้ว

แต่การจะกำเนิดบัววาสนาวัฏจักรยังต้องใช้ปราณหยินหยางกำเนิดมหาศาลหลั่งไหลเข้าไป ทั้งยังใช้ภูมิประเทศสูงสุดสร้างยอดค่ายกลเขตแดน กันพลังรั่วไหลออกไป

เงื่อนไขยากมากมายขนาดนี้ ต่อให้เป็นโลกเซียนก็ยังมีน้อยคนที่จะทำได้

จากตรงนี้จะเห็นได้ว่ามูลค่าของโอสถอมตะต้นนี้สูงเพียงใด

ทว่าเขากลับได้เห็นบัววาสนาวัฏจักรที่นี่

หรือว่าที่นี่เคยเป็นสนามรบในยุคโบราณ สังหารยอดฝีมือไว้มากมายกัน

และมีแต่แบบนี้เท่านั้นถึงจะอธิบายได้ชัดเจน

เสิ่นเทียนดวงตาลุกวาว อดใจไม่ไหวอยากได้โอสถนี้

ต้องรู้ว่าเขาไม่เห็นภาพนี้ในโชคลิขิตของจูเก่อซือหม่า นี่หมายความว่าจูเก่อซือหม่าไม่ได้เก็บบัววาสนาวัฏจักรนี้ไป

มหาโชคลิขิตสูงสุดเช่นนี้ ไม่อาจประเมินค่าได้เลย!

…..

หลังเห็นบัววาสนาวัฏจักร เสิ่นเทียนรู้สึกว่าโลกจิตวิมานม่วงสั่นสะเทือนขึ้นมา

สองปราณหยินหยางในกายกระหายในโอสถนี้มาก อยากจะดูดซับมัน

สิ่งนี้มีประโยชน์กับเสิ่นเทียนยิ่ง!

เสิ่นเทียนตาลุกวาว เขาคิดว่าจะลองเก็บบัววาสนาวัฏจักรออกมา

นี่เป็นโอสถอมตะสูงสุด ทำให้เขาจิตใจสั่นไหว

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็เดินไปในเขตแดนเทพมรณะหยินหยางอย่างไม่ลังเล

ศิษย์สองตระกูลขุนนางเห็นภาพนี้ต่างมีสีหน้าตื่นกลัว

จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงตกใจสะดุ้ง รีบพูดขึ้น “สหายเสิ่นเทียน ที่นี่อันตรายอย่างยิ่ง จะเข้าไปตามใจไม่ได้นะ!”

เขตแดนเทพมรณะหยินหยางน่ากลัวจริงๆ เซียนแทเทพเจ้ามากมายยังตายกันที่นี่

แม้แต่บรรพบุรุษรุ่นแรกของสองตระกูลขุนนางยังไม่กล้าเข้าไปลึก จะเห็นได้ว่าที่นี่น่ากลัวเพียงใด

แม้เสิ่นเทียนจะเมินไอเบิกฟ้าได้ แต่ก็อาจจะต้านปราณหยินหยางกำเนิดไม่ได้

บางที ที่นี่อาจจะซ่อนสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าไว้ เพราะอย่างไรก็ไม่มีใครรู้สถานการณ์ในนั้น

เสิ่นเทียนพูดอย่างมั่นใจ “ไม่เป็นไร ข้าจะเข้าไปดูหน่อย!”

ตอนแรก บรรพบุรุษรุ่นแรกของสองตระกูลถอยออกมาได้อย่างปลอดภัย นั่นหมายความว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่อันตราย

ด้วยความสามารถของเสิ่นเทียน แม้จะทำลายค่ายกลไม่ได้ แต่ก็มั่นใจว่าจะถอยมาได้อย่างปลอดภัย

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็มุดเข้าไปในเขตแดนเทพมรณะหยินหยาง หายวับไป

……

คนจากสองตระกูลขุนนางมีสีหน้าตื่นตกใจยิ่ง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าตามเข้าไปอีก

จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงจิตใจสั่นไหว “เหตุใดสหายเสิ่นเทียนถึงบุ่มบ่ามเช่นนี้ นี่มันแดนต้องห้ามนะ!”

แค่กลิ่นอายที่แผ่มาจากในเขตแดนเทพมรณะหยินหยางก็ทำให้พวกเขาขนลุกแล้ว

จูเก่อซือหม่าเผยแววตาแน่วแน่ “ข้าเชื่อใจพี่ใหญ่เสิ่น เขาไม่มีทางทำอะไรที่ไม่มั่นใจเด็ดขาด”

เสิ่นเทียนมีความชำนาญในด้านค่ายกลสูงสุด เป็นการคงอยู่สุดยอดของห้าดินแดน

แม้เขตแดนเทพมรณะหยินหยางจะอันตราย แต่ก็เป็นเขตแดน

เชื่อว่าด้วยความสามารถของเสิ่นเทียนจะต้องแก้ได้อย่างแน่นอน

“พวกเราก็เชื่อใจพี่ใหญ่เสิ่นเช่นกัน เขาเก่งกาจขนาดนั้นต้องไม่เป็นอะไรแน่!”

จูเก่อเหมิงกับซือหม่าเสวี่ยก้าวออกมาเช่นกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความแน่วแน่

จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงมองหน้ากัน “หวังว่าจะเช่นนั้นนะ! หากสหายเสิ่นเป็นอะไรไปที่นี่ นั่นจะเป็นความเสียหายครั้งใหญ่สำหรับห้าดินแดน!”

ตอนนี้ยังแก้วิกฤติห้าดินแดนไม่ได้ ทุกตระกูลต่างฝืนต้านเผ่าวิญญาณร้าย

ด้วยศักยภาพและพรสวรรค์ของเสิ่นเทียน จึงถูกลิขิตให้ประสบความสำเร็จสูงสุด

เขาเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านวิญญาณร้าย มีผลกับห้าดินแดนอย่างยิ่ง

หากเสิ่นเทียนเป็นอะไรไป จูเก่อหยวนกับซือหม่าเฉิงคงเสียใจเช่นกัน

ถึงอย่างไรก็เป็นพวกเขาที่เชิญเสิ่นเทียนให้มาร่วมสำรวจที่นี่

แต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์

สองตระกูลขุนนางได้แต่รออยู่รอบนอก ภาวนาให้เสิ่นเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย

….

ตอนนี้เองเสิ่นเทียนเข้าไปในเขตแดนเทพมรณะหยินหยางสำเร็จ

เมื่อเข้ามาที่นี่ เขาก็รู้สึกว่ามีปราณหยินหยางกำเนิดมากมายไหลเข้ามา

ปราณหยินหยางกำเนิดพวกนั้นกลายเป็นคลื่นน่าตื่นตกใจ หมุนม้วนขึ้น เต็มไปด้วยพลังน่าสะพรึงกลัว

หากเป็นผู้อริยะธรรมดาเข้ามาที่นี่จะต้องถูกทำลายกลายเป็นเลือดและกระดูกในพริบตา ดวงจิตสลายไป

พลังนี้น่ากลัวยิ่งนัก เหี้ยมโหดเหมือนไอเบิกฟ้า ผู้อริยะไม่อาจต่อต้านได้เลย

แต่นี่ไม่มีประโยชน์กับเสิ่นเทียนแม้แต่น้อย

เสิ่นเทียนเปล่งแสงเทพทั้งตัว กลิ่นอายพลังมหาศาลยากจะคาดเดา

บนผิวกายเสิ่นเทียนรวมเป็นถ้ำแสงหลายถ้ำ สว่างพร่างพราวยิ่ง

ถ้ำแสงพวกนั้นเหมือนกับน้ำวน ยิงพลังกลืนกินเหี้ยมโหดยิ่งออกมา ปราณหยินหยางกำเนิดรอบกายพลันไหลเชี่ยวกรากเหมือนคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้า ไหลรวมเข้าไปในกายเขา

ทันใดนั้นแสงสว่างกระจายไปรอบๆ สว่างจ้ายิ่ง

เสิ่นเทียนตัวสั่นไหวเล็กน้อย สองปราณหยินหยางในกายเขาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กำเนิดเป็นพลังมหาศาล

ยังไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่โลกจิตวิมานม่วงยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การเสริมของพลังนี้ กลายเป็นกว้างใหญ่ไร้พรมแดน

เสิ่นเทียนพลันรู้สึกผ่อนคลายร่างกาย เหมือนมังกรเวียนว่ายในมหาสมุทร ไม่ถูกขัดขวางใดๆ เลย

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อยก่อนเดินหน้าไปอีกครั้ง

หลังเสิ่นเทียนเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ เขาก็พบว่าที่นี่ลึกลับยิ่งขึ้น น่าตื่นตกใจ

แผ่นดินใหญ่ปรากฏเป็นสีน้ำตาลเข้ม เหมือนถูกโลหิตย้อมแล้วแห้งขึ้นมา รวดเร็วและดุดันยิ่ง

ทุกที่มีแต่ซากปรักหักพัง สภาพพังไปทั่ว

เสิ่นเทียนเพ่งสายตาเล็กน้อย ตรงหน้าเขามีโครงกระดูกร่างหนึ่ง ดูน่าตกใจยิ่งนัก

โครงกระดูกนั้นใสแวววาว เปล่งแสงพิเศษ แผ่อำนาจคุกคามแก่กล้าลับๆ

มันเหมือนอยู่มาหลายแสนปี แต่ก็ยังไม่เน่าสลาย ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์

เห็นได้ชัดมากว่านี่เป็นโครงกระดูกของผู้แข็งแกร่งสุดยอด ถูกหล่อหลอมมาเป็นพันปีก็ยังไม่สลายไป!

เสิ่นเทียนมองไปรอบๆ พบว่ามีโครงกระดูกเช่นนี้อยู่ทุกที่ เต็มไปหมด นับไม่หวาดไม่ไหว

ที่นี่เหมือนภูเขาศพทะเลกระดูก โลหิตไหลเป็นสายน้ำ เป็นแดนนรกเก้าชั้น

บนพื้นดินยังมีเศษอาวุธกระจัดกระจายจำนวนมาก แผ่พลังทรงอานุภาพ

ในนั้นมีอาวุธอริยะและอาวุธมหาอริยะจำนวนมาก กระทั่งยังมีอาวุธเซียนระดับสูงสุด

เพียงแต่ทุกชิ้นเสียหาย เสียอานุภาพทั้งหมดไป

ที่นี่เหมือนสุสาน ฝังศพเทพเจ้าไว้มากมาย

……

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย เกิดความสงสัยขึ้นในใจ

ที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่

เหตุใดถึงน่าเวทนาขนาดนี้ ผู้แข็งแกร่งตายกันมากขนาดนี้เชียว

เสิ่นเทียนเดินหน้าไปอีกครั้ง ตอนที่เขาสัมผัสกระดูกพวกนี้ มันพลันกลายเป็นเถ้าธุลีหายไปในฟ้าดิน

เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็ดับสลายไป

ต่อให้เป็นโครงกระดูกผู้แข็งแกร่งสุดยอด สุดท้ายก็หนีไม่พ้นสลายหายไป

เสิ่นเทียนเดินไปไกลมาก ก็ยังไม่ถึงสุดทาง

เห็นภาพที่นี่ เขาเหมือนได้เห็นมหาสงครามดุเดือดเมื่อหลายแสนปีก่อน

ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากกำลังอาบเลือดสู้กันที่นี่ สุดท้ายสิ้นชีพลง

แต่มีโครงกระดูกกลุ่มหนึ่งทำให้เสิ่นเทียนสงสัย

โครงกระดูกพวกนั้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยแผลบนกระดูกแม้แต่น้อย

พวกมันยืนอยู่กลางฟ้าดิน เงยหน้ามองห้วงอากาศ เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

โครงกระดูกพวกนี้ไม่ได้สู้จนตัวตาย แต่ถูกคนทำลายจิตวิญญาณ สังหารในพริบตา

พอเห็นดังนั้น เสิ่นเทียนยิ่งตกตะลึงในใจไปใหญ่

ที่นี่ เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้กัน

…..

เป็นพลังใดที่สังหารยอดฝีมือมากมายขนาดนี้ได้ในพริบตา ทำให้พวกเขาไม่มีแรงต่อต้านเลย

เขตแดนเทพมรณะหยินหยางแห่งนี้ลึกลับยิ่ง เมื่อไม่รู้กี่ปีก่อนยังมีสุดยอดความลับอยู่

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้คำตอบจากเกาะเทพลอยฟ้าหรือไม่

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด