บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 275 เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงผู้ดวงซวย (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 275 เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงผู้ดวงซวย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 275 เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงผู้ดวงซวย (1)

เหตุใดถึงมาอีกแล้ว

เมื่อเห็นผีร้ายที่พุ่งเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดินแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกปวดหัว

แม้ว่าด้วยกำลังรบของเขาจะบุกลุยในกองทัพผีร้ายหลายหมื่นตนได้อย่างไม่มีแรงกดดันใดๆ

แต่นี่ไม่มีความหมาย!

ผีร้ายระดับแก่นพลังทองหลายหมื่นตน แม้ว่าเขาใช้กระบี่เดียวสังหารได้สิบตนก็ต้องฟันหลายพันกระบี่กว่าจะสังหารหมด หนำซ้ำถึงผีร้ายพวกนั้นจะอ่อนแอไปหน่อยแต่ก็ไม่โง่ มันยังรู้จักหลบหลีก

การจะสังหารผีร้ายระดับแก่นพลังทองพวกนี้ เดาว่าเสิ่นเทียนคงเหนื่อยจนสำลัก!

อีกทั้งการรับมือกับผีร้ายพวกนี้ เสิ่นเทียนใช้เวลามากเกินไป หากยังไม่แก้ไขก็คงจะไม่มีผลดี

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ โชคดีที่พวกมันหลุดจากการควบคุมของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายแล้ว ผีร้ายพวกนี้ประสานงานกันได้แย่ลงไปมาก ไม่สามัคคีกันอีกต่อไป

ด้วยความที่เป็นทหารไร้สังกัด จึงยังทำลายค่ายกลป้องกันของพันธมิตรฝ่ายเซียนในเวลาสั้นๆ ไม่ได้

“ผู้อาวุโสเยี่ย ข้าฆ่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์พวกนั้นของลัทธิวิญญาณร้ายไปหมดแล้ว ไฉนถึงยังจัดการผีร้ายพวกนี้ไม่ได้”

เมื่อได้ฟังคำถามของเสิ่นเทียน เยี่ยฉิงชางก็ยิ้มกล่าว “ธงหมื่นภูตผีเป็นเพียงอาวุธวิเศษที่ใช้ควบคุมผีร้าย ไม่ใช่รากชีวิตของผีร้าย

ธงหมื่นภูตผีถูกทำลาย ผีร้ายพวกนี้เพียงแค่เสียการควบคุม ไม่ได้หายไป อีกทั้งในแดนปรโลกแห่งนี้ ผีร้ายพวกนี้แทบจะมีกายเป็นอมตะ

หากเจ้าไม่โจมตีถึงตายในทีเดียว ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด พวกมันก็จะฟื้นกลับมาได้เร็วที่สุด”

เหมือนกำลังพิสูจน์ว่าคำพูดของเยี่ยฉิงชางไม่ผิด ผีร้ายที่โดนเสิ่นเทียนรวมถึงพันธมิตรฝ่ายเซียนสังหารเริ่มก่อร่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ไม่ว่าจะมืดขาด ขาขาด กระทั่งหัวขาด ตอนนี้กลับมาเป็นสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์

คนส่วนใหญ่ในพันธมิตรฝ่ายเซียนต่างหนาวสั่น

ต้องบอกเลยว่าอู๋เซิงสมกับเป็นเจ้าผู้คุ้มกฎของลัทธิวิญญาณร้าย วางค่ายกลที่เรียกได้ว่าหมากเข้าตาจน หากไม่ได้เสิ่นเทียนอาศัยการดูวงรัศมีกับคำชี้แนะของเยี่ยฉิงชาง ใช้ศักยภาพเหลือล้นสังหารผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายก่อน ผีร้ายพวกนี้ก็แทบจะไร้พ่าย

ต่อให้ตอนนี้ผู้ควบคุมตายไปทั้งหมดแล้ว ผีร้ายพวกนี้ก็ยังจัดการยากมาก ถึงอย่างไรก็มีพลังฟื้นฟูสูงมาก

“แต่ว่า การจะทำลายจากรากฐานของผีร้ายพวกนี้ ความจริงแล้วง่ายมาก”

เยี่ยฉิงชางยิ้มลำพองใจ “อยากรู้หรือไม่ เทียนเอ๋อร์ ขอแค่เจ้าเรียกข้าว่าปู่บุญธรรมสักครั้ง ข้าจะบอกเจ้า”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

เหตุใดตาแก่นี่ถึงอยากเป็นปู่บุญธรรมคนอื่นเขานัก!

คนอื่นเขามีแต่เป็นพ่อบุญธรรม เป็นบุตรสาวบุญธรรม กระทั่งเป็นมารดาบุญธรรม

ไม่เคยได้ยินว่าจะเป็นปู่บุญธรรมเลย หรือว่าความสัมพันธ์ของโลกเซียนจะยุ่งเหยิงกัน

เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยความจำใจ “ปู่บุญธรรม”

เยี่ยฉิงชางดีใจจนเครากระดก “ความจริงแล้ว! การจะจัดการผีร้ายพวกนี้ง่ายมาก ถาดวัฏจักรหกมรรคกับจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งในตัวเจ้า โดยเฉพาะอาวุธวิเศษถาดวัฏจักรหกมรรคนี้ นั่นคือสมบัติสุดยอดจากดินแดนแห่งวัฏจักร

แม้ผู้หลอมอาวุธวิเศษชิ้นนี้จะเป็นไก่อ่อน แต่วิธีการหลอมมันไม่มีข้อบกพร่อง สามารถสร้างวัฏจักรง่ายๆ ได้ แค่เจ้าใช้วิชาโปรดสัตว์วิญญาณมรณะกระตุ้นถาดวัฏจักรหกมรรค ก็จะสร้างวัฏจักรในแดนปรโลกแห่งนี้ได้

ถึงตอนนั้น แรงอาฆาต พลังหยิน พิษร้าย ไฟกรรมในตัวผีร้ายพวกนี้จะถูกชะล้างในวัฏจักร ไม่ใช่แค่จัดการผีร้ายพวกนี้ได้ แต่ยังเพิ่มอานุภาพของถาดวัฏจักรหกมรรคได้อีกไม่น้อย”

แบบนี้ก็ได้หรือ

เสิ่นเทียนอึ้งอยู่ในใจ ก่อนจะดีใจทันที

มีคนแก่ในบ้านเหมือนมีสมบัติอยู่จริงๆ ด้วย แข็งแกร่งนี่ตาเฒ่า~

แต่ว่า แม้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะมีวิชาโปรดสัตว์วิญญาณมรณะ แต่เสิ่นเทียน…ไม่ได้เรียนมา

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาเต็มที่แค่ไม่กี่เดือน ในตัวยังมีคัมภีร์จักรพรรดิอีกเป็นกอง

แม้แต่คัมภีร์จักรพรรดิยังไม่มีเวลาฝึกฝน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิชาโปรดสัตว์วิญญาณมรณะเลย

“อะแห่ม ผู้อาวุโสเยี่ย คือข้าใช้วิชาโปรดสัตว์ไม่เป็น”

เสิ่นเทียนเกาศีรษะ ทำท่าทางให้เห็นว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์

เยี่ยฉิงชางถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ช่างเถอะ เจ้าเอาพลังในตัวเจ้าใส่ไปในถาดวัฏจักรหกมรรคก็พอ ที่เหลือข้าจัดการเอง”

ส่งพลังงานออกไปหรือ

เรื่องนี้ข้าชำนาญ!

เสิ่นเทียนยิ้ม ก่อนจะเรียกถาดวัฏจักรหกมรรคออกมา

พลังคัมภีร์คบเพลิงในตัวเขาถูกส่งเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรคเรื่อยๆ

ทองคำเซียนปีกปักษา เถากลืนกินเซียน น้ำมวลหนักปฐมกาล อัคคีอรุณใต้ ดินบริสุทธิ์วัฏจักร และอัสนีเทพปัญจธาตุกำเนิดฟ้า

พลังหกชนิดวนเวียนไปมาในถาดวัฏจักรหกมรรค ทำให้ถาดกระเบื้องเล็กสีเงินขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน

ใหญ่เท่าถาดกระเบื้องเล็ก

ใหญ่เท่าถาดกระเบื้องใหญ่

ใหญ่เท่าอ่างล้างหน้า

ใหญ่เท่าหินโม่

……

สุดท้ายก็มีกงล้อเทพสีเงินยักษ์เก้าจั้งปรากฏขึ้นในสายตาทุกคน

กงล้อเทพสีเงินนี้แบ่งเป็นหกส่วน ทุกส่วนแกะสลักลวดลายที่ลึกลับอย่างยิ่ง ทำให้คนเห็นแล้วจะรู้สึกว่าลึกลับมหัศจรรย์

มันเปล่งแสงระยิบระยับ ส่องสะท้อนบนตัวทุกคน ทำให้บาดแผลที่โดนกรงเล็บผีร้ายพิษรุนแรงและตุ่มพุพองจากผีร้ายไฟกรรมเริ่มฟื้นฟูกลับมาช้าๆ

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิข้างหน้าถาดวัฏจักรหกมรรค หลับตาลงเล็กน้อย แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องสะท้อนลงมาดูองอาจห้าวหาญยิ่ง เหมือนกับเทพเจ้ามาเยือน

ริมฝีปากเขาเปิดออกเล็กน้อย ไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมา ทว่ากลับมีเสียงสวดลอยล่องห่างไกลดังขึ้นในความว่างเปล่า

“วิถีมนุษย์เล็กจ้อย วิถีเซียนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

วิถีภูตผีสงบสุข ผู้คนกำเนิดหนทาง

วิถีเซียนถือกำเนิด วิถีภูตผีสิ้นสุด

วิถีเซียนมักประสบสิ่งดี วิถีภูตผีมักประสบสิ่งร้าย”

……..

เมื่อเสียงสวดดังขึ้น อักขระก็ลอยขึ้นมาจากอากาศทีละตัว แล้วหลอมรวมเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรค

ไม่นาน ถาดวัฏจักรหกมรรคก็เปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งวัฏจักรที่เดิมทีหยุดนิ่งก็เริ่มหมุนวนช้าๆ

แรงดึงดูดมหาศาลแผ่มาจากในถาดวัฏจักรหกมรรค ทว่ากลับไม่ได้เป็นอันตรายกับผู้ฝึกบำเพ็ญ แต่พุ่งเป้าไปที่เหล่าผีร้ายบ้าคลั่งพวกนั้น

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ผีร้ายคลั่งเมื่อได้ฟังเสียงสวดและโดนแสงแห่งวัฏจักรหกมรรคสาดแสงแล้ว ก็ค่อยๆ สงบลง

ในดวงตาสีแดงฉานบ้าคลั่งในตอนแรกค่อยๆ มีประกายสับสน ก่อนจะมีความใสกระจ่างขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

ก่อนจะมองไปยังถาดวัฏจักรหกมรรคที่ลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง ใบหน้าผีร้ายทุกตนเต็มไปด้วยความกระหาย

นั่นคือสังสารวัฏ

เป็นโอกาสในการเกิดใหม่!

ปกติแล้ว ยิ่งเป็นผีร้ายที่แข็งแกร่งมากเท่าไรก็ยิ่งมีแรงอาฆาตมากเท่านั้น ดังนั้นการจะพาพวกมันไปเกิดใหม่ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก ปกติผู้บำเพ็ญเซียนจะสังหารทันที

แต่ตอนนี้ในใจผีร้ายพวกนี้เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ขอแค่พวกเขาเข้าไปในถาดวัฏจักรนี้ได้ ก็จะสามารถชะล้างทุกสิ่งแล้วไปเกิดใหม่

ทันใดนั้น ผีร้ายทั้งหมดก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา เมฆชั่วร้ายที่เหมือนกับสายน้ำหลากเฮโลกันไปทางถาดวัฏจักรหกมรรคนั้นอย่างบ้าคลั่ง

ผีร้ายแต่ละตัวแย่งกันเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรค ก่อนจะสลายหายไปในถาดวัฏจักรหกมรรคอย่างรวดเร็ว

การสลายไปเช่นนี้ไม่ใช่การถูกสังหาร แต่เป็นการแยกวิญญาณแท้ออกจากพลังชั่วร้าย พลังหยิน พิษร้ายและไฟกรรม

มีเพียงจิตวิญญาณกลับไปอยู่ในสภาพแรกสุดเท่านั้นถึงจะไปเกิดใหม่อย่างแท้จริงได้

ไม่อย่างนั้นเจ้าจะนำพลังชั่วร้าย พิษร้าย และไฟกรรมน่ากลัวขนาดนี้เข้าไปเกิดในท้องคนอื่นเขาหรือ นั่นจะไม่ตายหนึ่งศพสองชีวิตหรอกรึ คิดจริงๆ หรือว่าทุกคนเขาจะเป็นมารดาของนาจา!

ผีร้ายชะล้างออกมาจากถาดวัฏจักรหกมรรคมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในสภาพที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุด

พวกเขามองเสิ่นเทียนที่นั่งขัดสมาธิตรงหน้าถาดวัฏจักรหกมรรค แต่ละตนคุกเข่าลงคารวะเสิ่นเทียนด้วยความจริงใจ

“ขอบคุณที่ท่านเซียนโปรดสัตว์ ข้าน้อยซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”

“ขอบคุณที่ท่านเซียนโปรดสัตว์ บ่าวซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”

“ขอบคุณที่ท่านเซียนโปรดสัตว์ ตาแก่อย่างข้าซึ้งใจยิ่งนัก!”

“ขอบคุณที่พี่เซียนโปรดสัตว์ น้องหญิงยินดีติดตามข้างกายพี่เซียน เป็นทาสรับใช้ตอบแทนพี่เซียน!”

…….

เมื่อผีร้ายได้รับการโปรดสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ค่อยๆ เกิดแสงสีทองขึ้นจากความว่างเปล่า

แสงสว่างนั้นครึ่งหนึ่งรวมเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรค อีกครั้งหนึ่งพุ่งไปหาเสิ่นเทียน หลอมรวมเข้าไปในกายเขา

กระทั่งยังเกิดกงล้อทองคำรางๆ ขึ้นข้างหลังเสิ่นเทียน ดูสง่างามมาก

เวลานี้เสิ่นเทียนรู้สึกสบายไปทั้งตัว แต่ความสบายเช่นนี้ไม่ใช่เพราะดวงชะตาแกร่งขึ้น แต่เป็นเพราะจิตวิญญาณเหมือนจะยกระดับขึ้น เป็นความสบายที่ใช้คำพูดมาบรรยายไม่ได้

‘รู้สึกได้หรือไม่ นั่นคือบุญกุศล ถึงอย่างไรจำนวนและระดับของผีร้ายพวกนี้ที่เจ้าโปรดสัตว์ก็สูงมาก’

เสียงของเยี่ยฉิงชางดังในความคิดของเสิ่นเทียน ‘บุญกุศลนี้เป็นสิ่งลึกลับ เป็นรางวัลที่สวรรค์ยอมรับ ผู้บำเพ็ญเซียนปกติโปรดสัตว์วิญญาณมรณะจะได้รับบุญกุศลเล็กน้อย แต่ด้วยความที่มีจำนวนน้อยเกินไป คุณภาพก็ธรรมดา ปกติจะมองไม่เห็น’

แต่เจ้าใช้แสงแห่งถาดวัฏจักรหกมรรคโปรดสัตว์ครั้งแรกก็โปรดสัตว์ผีร้ายหลายหมื่น อีกทั้งผีร้ายพวกนี้ยังเป็นสายพันธุ์แปลกระดับแก่นพลังทองขึ้นไป คุณภาพสูงมาก

จิ๊ๆ นักบวชปลอมนั่นเป็นคนดีจริงๆ ไม่ใช่แค่ให้ดอกไม้ฟากฝั่งกับเจ้า แต่ยังให้บุญกุศลมาอีก”

เสิ่นเทียนถาม “บุญกุศล? มีประโยชน์อะไร”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “บุญกุศลนี้มีประโยชน์เยอะมาก ใช้หลอมสมบัติ หลอมโอสถ และยังใช้เพิ่มความเร็วในการฝึกบำเพ็ญได้ แต่ของพวกนี้จะเสียบุญกุศล สิ้นเปลืองไปหน่อยจริงๆ วิธีที่ดีที่สุดคือใช้บุญกุศลหลอมสร้างกงจักรแสงบุญกุศลเสริมกำลังให้ตัวเอง

บุญกุศลนี่ไม่ใช่แค่เพิ่มการตระหนักรู้ของเจ้าให้สูงขึ้นเท่านั้น การฝึกฝนวิชาต่างๆ ยังได้ผลดีด้วย ที่สำคัญที่สุดคือดูสูงส่ง มีกงจักรแสงบุญกุศลไปที่ใด หลอกคนอื่นได้ดีกว่าปรากฏการณ์ใดๆ อีก”

‘อืม…เป็นการอธิบายที่มีเหตุผลมาก ข้าไม่มีคำจะโต้แย้งเลย’

การโปรดสัตว์ผีร้ายหลายหมื่นไม่ใช่ว่าจะทำเสร็จได้ในเวลาสั้นๆ เสิ่นเทียนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศไม่พูดสักคำ

……

อีกด้าน ในค่ายกลที่พันธมิตรฝ่ายเซียนร่วมช่วยกันวางไว้

ผู้สูงศักดิ์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์จากสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ หกแดนเทวาและสิบสองแดนผาสุก ตอนนี้ทุกคนตาค้างไปแล้ว มีเพียงสายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่กระเพื่อมขึ้นเรื่อยๆ

นี่มันอะไรกัน

หรือว่าหัวใจสำคัญในการแก้ไขสถานการณ์จะเป็นบุตรแห่งโชคบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บอกจริงๆ

นี่มันเกินจริงไปกระมัง!

นั่นคือค่ายกลสังหารของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายเก้าคนกับผีร้ายระดับแก่นพลังของหลายหมื่น แต่จะโดนบุตรศักดิ์สิทธิ์ระดับกายทองคนเดียวทำลายหรือ

สารภาพตามตรง การกระทำของเสิ่นเทียนเมื่อครู่ลบล้างความรู้ความเข้าใจต่ออัจฉริยะของพวกเขาไปทั้งหมด

หาผู้นำระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ในกองทัพนับหมื่นและไร้พ่ายในระดับพลังเดียวกันไม่เท่าไร

ปัญหาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนี้ไม่ใช่แค่ชำนาญการต่อสู้ แม้แต่วิชาการโปรดสัตว์ยังแข็งแกร่งอะไรเช่นนั้น!

โปรดสัตว์ผีร้ายระดับแก่นพลังทองหลายหมื่นตัว นี่มันอะไรกัน

พึงรู้ไว้ว่าการโปรดสัตว์ยากกว่าการสังหารเสียอีก คนละระดับความยากกันเลย

ต่อให้ผู้บำเพ็ญเซียนระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ออกมือก็ต้องโปรดสัตว์จะเป็นจะตายแปดปีสิบปี อีกทั้งอาจจะยังไม่สะอาดหมดจดด้วย

แต่เสิ่นเทียนกลับใช้ระดับกายทองโปรดสัตว์ไปมากกว่าครึ่งในเวลาหนึ่งชั่วยาม

นี่มันบ้าอะไรกัน จะโกงก็อย่าโกงกันแบบนี้จะได้หรือไม่!

มันน่าเหลือเชื่อชัดๆ!

“ที่เทียนเอ๋อร์สวดเมื่อครู่น่าจะไม่ใช่คัมภีร์โปรดสัตว์เทพสวรรค์ของฝ่ายเรากระมัง!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมองเสิ่นเทียนด้วยแววตาปลื้มใจ “แต่วิชาโปรดสัตว์นี้เหมือนจะลึกล้ำกว่าวิชาของฝ่ายเราอีก”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กระเพื่อม “เทียนเอ๋อร์เป็นบุตรแห่งโชค ได้วิชาโปรดสัตว์อื่นก็เป็นเรื่องปกติ นี่คือโชคดีของฝ่ายเรา”

เขายังคงมองศิษย์ของตนตลอด อดหลงระเริงใจกับกลยุทธ์อันชาญฉลาดของตนไม่ได้

การพาเทียนเอ๋อร์มาปิดล้อมครั้งนี้ด้วยเป็นการเลือกที่ถูกต้องจริงๆ แม้จะเกิดเหตุไม่คาดคิดเพราะบุตรแห่งโชคมาด้วย แต่สุดท้ายการมาพัวพันของเทียนเอ๋อร์ก็เปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้

เหมือนที่กล่าวในคัมภีร์โบราณพวกนั้นทุกประการ กระทั่งเกินจริงยิ่งกว่าเสียอีก!

เฮ้อ ข้าได้เทียนเอ๋อร์บุตรกิเลนคนนี้มา มีหวังว่าจะยิ่งใหญ่ขึ้นแล้ว!

ฮิๆๆๆๆ!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 275 เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงผู้ดวงซวย (1)

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 275 เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงผู้ดวงซวย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 275 เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงผู้ดวงซวย (1)

เหตุใดถึงมาอีกแล้ว

เมื่อเห็นผีร้ายที่พุ่งเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดินแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกปวดหัว

แม้ว่าด้วยกำลังรบของเขาจะบุกลุยในกองทัพผีร้ายหลายหมื่นตนได้อย่างไม่มีแรงกดดันใดๆ

แต่นี่ไม่มีความหมาย!

ผีร้ายระดับแก่นพลังทองหลายหมื่นตน แม้ว่าเขาใช้กระบี่เดียวสังหารได้สิบตนก็ต้องฟันหลายพันกระบี่กว่าจะสังหารหมด หนำซ้ำถึงผีร้ายพวกนั้นจะอ่อนแอไปหน่อยแต่ก็ไม่โง่ มันยังรู้จักหลบหลีก

การจะสังหารผีร้ายระดับแก่นพลังทองพวกนี้ เดาว่าเสิ่นเทียนคงเหนื่อยจนสำลัก!

อีกทั้งการรับมือกับผีร้ายพวกนี้ เสิ่นเทียนใช้เวลามากเกินไป หากยังไม่แก้ไขก็คงจะไม่มีผลดี

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ โชคดีที่พวกมันหลุดจากการควบคุมของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายแล้ว ผีร้ายพวกนี้ประสานงานกันได้แย่ลงไปมาก ไม่สามัคคีกันอีกต่อไป

ด้วยความที่เป็นทหารไร้สังกัด จึงยังทำลายค่ายกลป้องกันของพันธมิตรฝ่ายเซียนในเวลาสั้นๆ ไม่ได้

“ผู้อาวุโสเยี่ย ข้าฆ่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์พวกนั้นของลัทธิวิญญาณร้ายไปหมดแล้ว ไฉนถึงยังจัดการผีร้ายพวกนี้ไม่ได้”

เมื่อได้ฟังคำถามของเสิ่นเทียน เยี่ยฉิงชางก็ยิ้มกล่าว “ธงหมื่นภูตผีเป็นเพียงอาวุธวิเศษที่ใช้ควบคุมผีร้าย ไม่ใช่รากชีวิตของผีร้าย

ธงหมื่นภูตผีถูกทำลาย ผีร้ายพวกนี้เพียงแค่เสียการควบคุม ไม่ได้หายไป อีกทั้งในแดนปรโลกแห่งนี้ ผีร้ายพวกนี้แทบจะมีกายเป็นอมตะ

หากเจ้าไม่โจมตีถึงตายในทีเดียว ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด พวกมันก็จะฟื้นกลับมาได้เร็วที่สุด”

เหมือนกำลังพิสูจน์ว่าคำพูดของเยี่ยฉิงชางไม่ผิด ผีร้ายที่โดนเสิ่นเทียนรวมถึงพันธมิตรฝ่ายเซียนสังหารเริ่มก่อร่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ไม่ว่าจะมืดขาด ขาขาด กระทั่งหัวขาด ตอนนี้กลับมาเป็นสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์

คนส่วนใหญ่ในพันธมิตรฝ่ายเซียนต่างหนาวสั่น

ต้องบอกเลยว่าอู๋เซิงสมกับเป็นเจ้าผู้คุ้มกฎของลัทธิวิญญาณร้าย วางค่ายกลที่เรียกได้ว่าหมากเข้าตาจน หากไม่ได้เสิ่นเทียนอาศัยการดูวงรัศมีกับคำชี้แนะของเยี่ยฉิงชาง ใช้ศักยภาพเหลือล้นสังหารผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายก่อน ผีร้ายพวกนี้ก็แทบจะไร้พ่าย

ต่อให้ตอนนี้ผู้ควบคุมตายไปทั้งหมดแล้ว ผีร้ายพวกนี้ก็ยังจัดการยากมาก ถึงอย่างไรก็มีพลังฟื้นฟูสูงมาก

“แต่ว่า การจะทำลายจากรากฐานของผีร้ายพวกนี้ ความจริงแล้วง่ายมาก”

เยี่ยฉิงชางยิ้มลำพองใจ “อยากรู้หรือไม่ เทียนเอ๋อร์ ขอแค่เจ้าเรียกข้าว่าปู่บุญธรรมสักครั้ง ข้าจะบอกเจ้า”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

เหตุใดตาแก่นี่ถึงอยากเป็นปู่บุญธรรมคนอื่นเขานัก!

คนอื่นเขามีแต่เป็นพ่อบุญธรรม เป็นบุตรสาวบุญธรรม กระทั่งเป็นมารดาบุญธรรม

ไม่เคยได้ยินว่าจะเป็นปู่บุญธรรมเลย หรือว่าความสัมพันธ์ของโลกเซียนจะยุ่งเหยิงกัน

เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยความจำใจ “ปู่บุญธรรม”

เยี่ยฉิงชางดีใจจนเครากระดก “ความจริงแล้ว! การจะจัดการผีร้ายพวกนี้ง่ายมาก ถาดวัฏจักรหกมรรคกับจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งในตัวเจ้า โดยเฉพาะอาวุธวิเศษถาดวัฏจักรหกมรรคนี้ นั่นคือสมบัติสุดยอดจากดินแดนแห่งวัฏจักร

แม้ผู้หลอมอาวุธวิเศษชิ้นนี้จะเป็นไก่อ่อน แต่วิธีการหลอมมันไม่มีข้อบกพร่อง สามารถสร้างวัฏจักรง่ายๆ ได้ แค่เจ้าใช้วิชาโปรดสัตว์วิญญาณมรณะกระตุ้นถาดวัฏจักรหกมรรค ก็จะสร้างวัฏจักรในแดนปรโลกแห่งนี้ได้

ถึงตอนนั้น แรงอาฆาต พลังหยิน พิษร้าย ไฟกรรมในตัวผีร้ายพวกนี้จะถูกชะล้างในวัฏจักร ไม่ใช่แค่จัดการผีร้ายพวกนี้ได้ แต่ยังเพิ่มอานุภาพของถาดวัฏจักรหกมรรคได้อีกไม่น้อย”

แบบนี้ก็ได้หรือ

เสิ่นเทียนอึ้งอยู่ในใจ ก่อนจะดีใจทันที

มีคนแก่ในบ้านเหมือนมีสมบัติอยู่จริงๆ ด้วย แข็งแกร่งนี่ตาเฒ่า~

แต่ว่า แม้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะมีวิชาโปรดสัตว์วิญญาณมรณะ แต่เสิ่นเทียน…ไม่ได้เรียนมา

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาเต็มที่แค่ไม่กี่เดือน ในตัวยังมีคัมภีร์จักรพรรดิอีกเป็นกอง

แม้แต่คัมภีร์จักรพรรดิยังไม่มีเวลาฝึกฝน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิชาโปรดสัตว์วิญญาณมรณะเลย

“อะแห่ม ผู้อาวุโสเยี่ย คือข้าใช้วิชาโปรดสัตว์ไม่เป็น”

เสิ่นเทียนเกาศีรษะ ทำท่าทางให้เห็นว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์

เยี่ยฉิงชางถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ช่างเถอะ เจ้าเอาพลังในตัวเจ้าใส่ไปในถาดวัฏจักรหกมรรคก็พอ ที่เหลือข้าจัดการเอง”

ส่งพลังงานออกไปหรือ

เรื่องนี้ข้าชำนาญ!

เสิ่นเทียนยิ้ม ก่อนจะเรียกถาดวัฏจักรหกมรรคออกมา

พลังคัมภีร์คบเพลิงในตัวเขาถูกส่งเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรคเรื่อยๆ

ทองคำเซียนปีกปักษา เถากลืนกินเซียน น้ำมวลหนักปฐมกาล อัคคีอรุณใต้ ดินบริสุทธิ์วัฏจักร และอัสนีเทพปัญจธาตุกำเนิดฟ้า

พลังหกชนิดวนเวียนไปมาในถาดวัฏจักรหกมรรค ทำให้ถาดกระเบื้องเล็กสีเงินขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน

ใหญ่เท่าถาดกระเบื้องเล็ก

ใหญ่เท่าถาดกระเบื้องใหญ่

ใหญ่เท่าอ่างล้างหน้า

ใหญ่เท่าหินโม่

……

สุดท้ายก็มีกงล้อเทพสีเงินยักษ์เก้าจั้งปรากฏขึ้นในสายตาทุกคน

กงล้อเทพสีเงินนี้แบ่งเป็นหกส่วน ทุกส่วนแกะสลักลวดลายที่ลึกลับอย่างยิ่ง ทำให้คนเห็นแล้วจะรู้สึกว่าลึกลับมหัศจรรย์

มันเปล่งแสงระยิบระยับ ส่องสะท้อนบนตัวทุกคน ทำให้บาดแผลที่โดนกรงเล็บผีร้ายพิษรุนแรงและตุ่มพุพองจากผีร้ายไฟกรรมเริ่มฟื้นฟูกลับมาช้าๆ

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิข้างหน้าถาดวัฏจักรหกมรรค หลับตาลงเล็กน้อย แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องสะท้อนลงมาดูองอาจห้าวหาญยิ่ง เหมือนกับเทพเจ้ามาเยือน

ริมฝีปากเขาเปิดออกเล็กน้อย ไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมา ทว่ากลับมีเสียงสวดลอยล่องห่างไกลดังขึ้นในความว่างเปล่า

“วิถีมนุษย์เล็กจ้อย วิถีเซียนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

วิถีภูตผีสงบสุข ผู้คนกำเนิดหนทาง

วิถีเซียนถือกำเนิด วิถีภูตผีสิ้นสุด

วิถีเซียนมักประสบสิ่งดี วิถีภูตผีมักประสบสิ่งร้าย”

……..

เมื่อเสียงสวดดังขึ้น อักขระก็ลอยขึ้นมาจากอากาศทีละตัว แล้วหลอมรวมเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรค

ไม่นาน ถาดวัฏจักรหกมรรคก็เปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งวัฏจักรที่เดิมทีหยุดนิ่งก็เริ่มหมุนวนช้าๆ

แรงดึงดูดมหาศาลแผ่มาจากในถาดวัฏจักรหกมรรค ทว่ากลับไม่ได้เป็นอันตรายกับผู้ฝึกบำเพ็ญ แต่พุ่งเป้าไปที่เหล่าผีร้ายบ้าคลั่งพวกนั้น

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ผีร้ายคลั่งเมื่อได้ฟังเสียงสวดและโดนแสงแห่งวัฏจักรหกมรรคสาดแสงแล้ว ก็ค่อยๆ สงบลง

ในดวงตาสีแดงฉานบ้าคลั่งในตอนแรกค่อยๆ มีประกายสับสน ก่อนจะมีความใสกระจ่างขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

ก่อนจะมองไปยังถาดวัฏจักรหกมรรคที่ลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง ใบหน้าผีร้ายทุกตนเต็มไปด้วยความกระหาย

นั่นคือสังสารวัฏ

เป็นโอกาสในการเกิดใหม่!

ปกติแล้ว ยิ่งเป็นผีร้ายที่แข็งแกร่งมากเท่าไรก็ยิ่งมีแรงอาฆาตมากเท่านั้น ดังนั้นการจะพาพวกมันไปเกิดใหม่ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก ปกติผู้บำเพ็ญเซียนจะสังหารทันที

แต่ตอนนี้ในใจผีร้ายพวกนี้เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ขอแค่พวกเขาเข้าไปในถาดวัฏจักรนี้ได้ ก็จะสามารถชะล้างทุกสิ่งแล้วไปเกิดใหม่

ทันใดนั้น ผีร้ายทั้งหมดก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา เมฆชั่วร้ายที่เหมือนกับสายน้ำหลากเฮโลกันไปทางถาดวัฏจักรหกมรรคนั้นอย่างบ้าคลั่ง

ผีร้ายแต่ละตัวแย่งกันเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรค ก่อนจะสลายหายไปในถาดวัฏจักรหกมรรคอย่างรวดเร็ว

การสลายไปเช่นนี้ไม่ใช่การถูกสังหาร แต่เป็นการแยกวิญญาณแท้ออกจากพลังชั่วร้าย พลังหยิน พิษร้ายและไฟกรรม

มีเพียงจิตวิญญาณกลับไปอยู่ในสภาพแรกสุดเท่านั้นถึงจะไปเกิดใหม่อย่างแท้จริงได้

ไม่อย่างนั้นเจ้าจะนำพลังชั่วร้าย พิษร้าย และไฟกรรมน่ากลัวขนาดนี้เข้าไปเกิดในท้องคนอื่นเขาหรือ นั่นจะไม่ตายหนึ่งศพสองชีวิตหรอกรึ คิดจริงๆ หรือว่าทุกคนเขาจะเป็นมารดาของนาจา!

ผีร้ายชะล้างออกมาจากถาดวัฏจักรหกมรรคมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในสภาพที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุด

พวกเขามองเสิ่นเทียนที่นั่งขัดสมาธิตรงหน้าถาดวัฏจักรหกมรรค แต่ละตนคุกเข่าลงคารวะเสิ่นเทียนด้วยความจริงใจ

“ขอบคุณที่ท่านเซียนโปรดสัตว์ ข้าน้อยซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”

“ขอบคุณที่ท่านเซียนโปรดสัตว์ บ่าวซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”

“ขอบคุณที่ท่านเซียนโปรดสัตว์ ตาแก่อย่างข้าซึ้งใจยิ่งนัก!”

“ขอบคุณที่พี่เซียนโปรดสัตว์ น้องหญิงยินดีติดตามข้างกายพี่เซียน เป็นทาสรับใช้ตอบแทนพี่เซียน!”

…….

เมื่อผีร้ายได้รับการโปรดสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ค่อยๆ เกิดแสงสีทองขึ้นจากความว่างเปล่า

แสงสว่างนั้นครึ่งหนึ่งรวมเข้าไปในถาดวัฏจักรหกมรรค อีกครั้งหนึ่งพุ่งไปหาเสิ่นเทียน หลอมรวมเข้าไปในกายเขา

กระทั่งยังเกิดกงล้อทองคำรางๆ ขึ้นข้างหลังเสิ่นเทียน ดูสง่างามมาก

เวลานี้เสิ่นเทียนรู้สึกสบายไปทั้งตัว แต่ความสบายเช่นนี้ไม่ใช่เพราะดวงชะตาแกร่งขึ้น แต่เป็นเพราะจิตวิญญาณเหมือนจะยกระดับขึ้น เป็นความสบายที่ใช้คำพูดมาบรรยายไม่ได้

‘รู้สึกได้หรือไม่ นั่นคือบุญกุศล ถึงอย่างไรจำนวนและระดับของผีร้ายพวกนี้ที่เจ้าโปรดสัตว์ก็สูงมาก’

เสียงของเยี่ยฉิงชางดังในความคิดของเสิ่นเทียน ‘บุญกุศลนี้เป็นสิ่งลึกลับ เป็นรางวัลที่สวรรค์ยอมรับ ผู้บำเพ็ญเซียนปกติโปรดสัตว์วิญญาณมรณะจะได้รับบุญกุศลเล็กน้อย แต่ด้วยความที่มีจำนวนน้อยเกินไป คุณภาพก็ธรรมดา ปกติจะมองไม่เห็น’

แต่เจ้าใช้แสงแห่งถาดวัฏจักรหกมรรคโปรดสัตว์ครั้งแรกก็โปรดสัตว์ผีร้ายหลายหมื่น อีกทั้งผีร้ายพวกนี้ยังเป็นสายพันธุ์แปลกระดับแก่นพลังทองขึ้นไป คุณภาพสูงมาก

จิ๊ๆ นักบวชปลอมนั่นเป็นคนดีจริงๆ ไม่ใช่แค่ให้ดอกไม้ฟากฝั่งกับเจ้า แต่ยังให้บุญกุศลมาอีก”

เสิ่นเทียนถาม “บุญกุศล? มีประโยชน์อะไร”

เยี่ยฉิงชางยิ้ม “บุญกุศลนี้มีประโยชน์เยอะมาก ใช้หลอมสมบัติ หลอมโอสถ และยังใช้เพิ่มความเร็วในการฝึกบำเพ็ญได้ แต่ของพวกนี้จะเสียบุญกุศล สิ้นเปลืองไปหน่อยจริงๆ วิธีที่ดีที่สุดคือใช้บุญกุศลหลอมสร้างกงจักรแสงบุญกุศลเสริมกำลังให้ตัวเอง

บุญกุศลนี่ไม่ใช่แค่เพิ่มการตระหนักรู้ของเจ้าให้สูงขึ้นเท่านั้น การฝึกฝนวิชาต่างๆ ยังได้ผลดีด้วย ที่สำคัญที่สุดคือดูสูงส่ง มีกงจักรแสงบุญกุศลไปที่ใด หลอกคนอื่นได้ดีกว่าปรากฏการณ์ใดๆ อีก”

‘อืม…เป็นการอธิบายที่มีเหตุผลมาก ข้าไม่มีคำจะโต้แย้งเลย’

การโปรดสัตว์ผีร้ายหลายหมื่นไม่ใช่ว่าจะทำเสร็จได้ในเวลาสั้นๆ เสิ่นเทียนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศไม่พูดสักคำ

……

อีกด้าน ในค่ายกลที่พันธมิตรฝ่ายเซียนร่วมช่วยกันวางไว้

ผู้สูงศักดิ์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์จากสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ หกแดนเทวาและสิบสองแดนผาสุก ตอนนี้ทุกคนตาค้างไปแล้ว มีเพียงสายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่กระเพื่อมขึ้นเรื่อยๆ

นี่มันอะไรกัน

หรือว่าหัวใจสำคัญในการแก้ไขสถานการณ์จะเป็นบุตรแห่งโชคบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บอกจริงๆ

นี่มันเกินจริงไปกระมัง!

นั่นคือค่ายกลสังหารของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายเก้าคนกับผีร้ายระดับแก่นพลังของหลายหมื่น แต่จะโดนบุตรศักดิ์สิทธิ์ระดับกายทองคนเดียวทำลายหรือ

สารภาพตามตรง การกระทำของเสิ่นเทียนเมื่อครู่ลบล้างความรู้ความเข้าใจต่ออัจฉริยะของพวกเขาไปทั้งหมด

หาผู้นำระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ในกองทัพนับหมื่นและไร้พ่ายในระดับพลังเดียวกันไม่เท่าไร

ปัญหาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนี้ไม่ใช่แค่ชำนาญการต่อสู้ แม้แต่วิชาการโปรดสัตว์ยังแข็งแกร่งอะไรเช่นนั้น!

โปรดสัตว์ผีร้ายระดับแก่นพลังทองหลายหมื่นตัว นี่มันอะไรกัน

พึงรู้ไว้ว่าการโปรดสัตว์ยากกว่าการสังหารเสียอีก คนละระดับความยากกันเลย

ต่อให้ผู้บำเพ็ญเซียนระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ออกมือก็ต้องโปรดสัตว์จะเป็นจะตายแปดปีสิบปี อีกทั้งอาจจะยังไม่สะอาดหมดจดด้วย

แต่เสิ่นเทียนกลับใช้ระดับกายทองโปรดสัตว์ไปมากกว่าครึ่งในเวลาหนึ่งชั่วยาม

นี่มันบ้าอะไรกัน จะโกงก็อย่าโกงกันแบบนี้จะได้หรือไม่!

มันน่าเหลือเชื่อชัดๆ!

“ที่เทียนเอ๋อร์สวดเมื่อครู่น่าจะไม่ใช่คัมภีร์โปรดสัตว์เทพสวรรค์ของฝ่ายเรากระมัง!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมองเสิ่นเทียนด้วยแววตาปลื้มใจ “แต่วิชาโปรดสัตว์นี้เหมือนจะลึกล้ำกว่าวิชาของฝ่ายเราอีก”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กระเพื่อม “เทียนเอ๋อร์เป็นบุตรแห่งโชค ได้วิชาโปรดสัตว์อื่นก็เป็นเรื่องปกติ นี่คือโชคดีของฝ่ายเรา”

เขายังคงมองศิษย์ของตนตลอด อดหลงระเริงใจกับกลยุทธ์อันชาญฉลาดของตนไม่ได้

การพาเทียนเอ๋อร์มาปิดล้อมครั้งนี้ด้วยเป็นการเลือกที่ถูกต้องจริงๆ แม้จะเกิดเหตุไม่คาดคิดเพราะบุตรแห่งโชคมาด้วย แต่สุดท้ายการมาพัวพันของเทียนเอ๋อร์ก็เปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้

เหมือนที่กล่าวในคัมภีร์โบราณพวกนั้นทุกประการ กระทั่งเกินจริงยิ่งกว่าเสียอีก!

เฮ้อ ข้าได้เทียนเอ๋อร์บุตรกิเลนคนนี้มา มีหวังว่าจะยิ่งใหญ่ขึ้นแล้ว!

ฮิๆๆๆๆ!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+