บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 50 เถ้าแก่ซ่งผู้ปราดเปรื่อง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 50 เถ้าแก่ซ่งผู้ปราดเปรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 50 เถ้าแก่ซ่งผู้ปราดเปรื่อง
สมบัติวิเศษระดับสูงสุด!

ไม่อยากเชื่อว่าจะเปิดได้สมบัติวิเศษระดับสูงสุดอีกชิ้นแล้ว!

ทุกคนที่มุงดูอยู่ในร้านวิญญาณสวรรค์พากันตกตะลึง!

“ประเสริฐนัก ค้อนนี่เหมือนจะแข็งแกร่งมาก!”

“ค้อนเปล่งแสงสายฟ้าสีม่วงทอง พลานุภาพโดดเด่นชวนให้คนอดตัวสั่นมิได้”

“ในมุมมองข้า ค้อนม่วงทองนี่เกรงว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าปิ่นขนหงส์เสียอีก”

……

ผู้มีวาสนาทั้งหมดต่างมองด้วยแววตาชื่นชมอิจฉา

ถึงแม้หินแร่วิญญาณที่ท่านเซียนเลือกแทนพวกเขาจะได้ของดีมาเช่นกัน แต่เมื่อเทียบมูลค่ากับค้อนฟ้าลั่นม่วงทองนี่แล้ว กลับเทียบกันไม่ได้เลย

เถ้าแก่ซ่งฝ่าฟันสร้างกิจการใหญ่ในสวนหมื่นวิญญาณได้ ย่อมมีความสามารถอยู่แล้ว

ถ้ารู้แต่แรกว่าแขวนคำกลอนคู่ไว้หน้าร้าน เดิมตามท่านเซียนซ้ายขวา จะทำให้ท่านเซียนช่วยค้นวิญญาณประเมินแร่ออกมาเป็นของวิเศษสะเทือนฟ้าดินเช่นนี้ละก็

พวกเขาก็คงจ้างขบวนตีฆ้องตีกลองคุยโวโอ้อวดให้ท่านเซียนเหมือนกัน!

เฮ้อ จะโทษก็ต้องโทษที่ตนเหนียมอายเกินไป ไม่ได้ใจกว้างอย่างเถ้าแก่ซ่ง ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่ได้ค้อนฟ้าลั่นม่วงทองนี่ต้องเป็นตนไม่ใช่หรือ

พอนึกถึงตรงนี้ เหล่าผู้มีวาสนารอบกายต่างตีอกชกหัวกันใหญ่ สาบานในใจเงียบๆ ว่าครั้งหน้าจะต้องพยายามให้มากกว่านี้!

พยายามประจบท่านเซียนทุกวิถีทางให้ถึงระดับพึงพอใจที่สุด!

……………

พอเห็นเถ้าแก่ซ่งจ้องค้อนม่วงทองด้วยความตกตะลึงและหลงใหลแล้ว ผู้มีวาสนาคนที่สองกลอกตาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมไปอยู่ข้างเถ้าแก่ซ่ง

“เถ้าแก่ซ่ง เถ้าแก่คิดจะรับสมบัติวิเศษชิ้นนี้ไว้เองหรือ”

เถ้าแก่ซ่งได้สติกลับมา พูดเหมือนมีความคิดบางอย่าง “ขอบคุณสหายที่เตือน ข้าเข้าใจแล้ว

ตาแก่อย่างข้าจะไปหาสหาย แล้วดำเนินเรื่องเข้าร่วมลัทธิปรมาจารย์เซียน ส่วนมูลค่าของค้อนม่วงทองนี่ แน่นอนว่าต้องมีส่วนของท่านเซียนเอ้าเทียนด้วยครึ่งหนึ่ง”

ผู้มีวาสนาคนที่สองทำสีหน้าเลื่อมใส สมกับเป็นเถ้าแก่ซ่งจริงๆ!

หลายวันมานี้ เขาพูดจาโน้มหน้าโน้มหลังให้ผู้มีวาสนาแบ่งผลประโยชน์ให้ท่านเซียนห้าส่วน แต่ก็ต้องเสียเวลาพูดกับผู้มีวาสนาทุกคน หลังจากสาธยายถึงส่วนได้ส่วนเสียอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงได้ยอมให้

มีเพียงเถ้าแก่ซ่งที่เขาแค่จี้จุดเพียงเล็กน้อย ก็เข้าใจทุกอย่างโดยพลัน

มิน่าเขาถึงได้เป็นเถ้าแก่ ระดับความฉลาดทางอารมณ์สังหารได้หลายคนในพริบตาเดียว!

…….

ผู้มีวาสนาคนที่สองเห็นเถ้าแก่ซ่งเดินไปหาเสิ่นเทียน ในนัยน์ตาไร้ซึ่งความโดดเดี่ยว

เถ้าแก่ซ่งหยิบค้อนม่วงทองบนพื้นขึ้นมา พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด

ไม่เลวเลย เป็นของดีระดับสูงสุดที่พบเห็นได้ยากในท้องตลาดจริงๆ

ในค้อนม่วงทองยังสลักจารึกตราเวทสายฟ้าที่ลี้ลับเอาไว้ด้วย แค่ส่งพลังวิญญาณเข้าไป ก็จะกระตุ้นให้ตราเวทปล่อยสายฟ้าทรงพลังออกมาได้

หากเถ้าแก่ซ่งมองไม่ผิด ค้อนม่วงทองนี่น่าจะเคยเป็นสมบัติวิญญาณมาก่อน เพียงแต่ผนึกอยู่ในหินแร่วิญญาณนานเกินไปจึงสูญเสียแก่นราก ระดับชั้นตกลงมา

ถ้ามีผู้บำเพ็ญธาตุสายฟ้าเก่งๆ ใช้พลังวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์บำรุงรักษามัน ให้เวลามันอีกสักหน่อย ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสยกระดับเป็นสมบัติวิญญาณได้เลย

หากให้เถ้าแก่ซ่งประเมินราคาค้อนม่วงทอง อย่างน้อยก็ต้องมีสามแสนก้อนศิลาวิญญาณ!

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “เถ้าแก่ซ่งเป็นอย่างไรบ้าง มันไม่ทำให้เจ้าผิดหวังละสิ!”

เถ้าแก่ซ่งขยับดวงตาเล็กน้อย พูดยิ้มๆ ว่า “ที่ไหนกันๆ ท่านเซียนสุดยอดจริงๆ ค้อนม่วงทองนี่ค่อนข้างไม่ธรรมดา ตาแก่อย่างข้ามองว่าน่าจะอย่างน้อยหนึ่งหมื่นก้อนศิลาวิญญาณ”

คำพูดของเถ้าแก่ซ่งทำให้คนที่มีความรู้เรื่องสมบัติรอบๆ พากันขมวดคิ้ว

เจ้าว่าสมบัติวิเศษระดับสูงสุดที่เปล่งแสงสายฟ้าม่วงทองทุกส่วนนี่ มีค่าเพียงหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณหรือ

เถ้าแก่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเถ้าแก่คนก่อนที่กดราคาต่อหน้าท่านเซียนมีจุดจบเป็นอย่างไร

ผู้มีวาสนาคนที่สองกับผู้มีวาสนาคนแรกมองเถ้าแก่ซ่งพลางถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

เดิมทีก็คิดว่าเถ้าแก่ซ่งเป็นคนฉลาด ตอนนี้ดูๆ แล้ว…

เฮ้อ จริงๆ เลย เถ้าแก่ซ่งก็ยังต้านความเย้ายวนไม่ไหว!

เสิ่นเทียนกลับไม่ได้ใส่ใจราคาที่เถ้าแก่ซ่งประเมิน ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยคนค้นวิญญาณประเมินแร่ ไม่ได้คิดจะตักตวงผลประโยชน์อะไรมากอยู่แล้ว

ขอแค่ไอดำมืดเหนือศีรษะน้อยลงเรื่อยๆ ก็พอ

ก็ได้!

ความจริงสาเหตุหลักๆ คือเสิ่นเทียนไม่รู้เลยว่าสิ่งนี้มีค่าเท่าไร ถึงอย่างไรเขาก็เป็นตัวซวยที่โชคร้ายมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขายากจนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

ไม่เคยมีเครื่องประดับระดับสูงอะไรมาแต่ไหนแต่ไร จะประเมินราคาอย่างแม่นยำได้อย่างไร

เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เถ้าแก่ซ่งขาดทุน!”

เถ้าแก่ซ่งรีบตอบ “ท่านเซียนพูดอะไรอย่างนั้น หินแร่นั่นขายห้าร้อยศิลาวิญญาณ เปิดมาได้หมื่นศิลาวิญญาณก็เพิ่มเป็นยี่สิบเท่าแล้ว จะไปขาดทุนได้อย่างไร!”

เถ้าแก่ซ่งมีสีหน้าเขินอายทันที

เขามองเสิ่นเทียนพลางบอก “ตอนแรกข้าควรจะแบ่งให้ท่านเซียนห้าพันก้อนศิลาวิญญาณ แต่ช่วงนี้ร้านมีสินค้าเยอะมาก จึงหมุนเงินทุนไม่ทันจริงๆ”

คำพูดของเถ้าแก่ซ่งทำให้ผู้มีวาสนาทั้งหมดโดยรอบต่างมีสีหน้าโมโห

ทำแบบนี้ได้อย่างไร!

ท่านเซียนพูดแล้วว่าไม่ขอรับเงินจากผู้มีวาสนาแม้แต่แดงเดียว

เจ้าไม่อยากให้จริงๆ ก็ไม่ต้องให้สิ! ไม่ได้มีใครบังคับให้เจ้าให้สักหน่อย!

จะมาหาเหตุผลอะไร!

ช่วงนี้ร้านมีสินค้าเยอะมาก ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนจริงๆ แต่เจ้าเปิดร้านวิญญาณสวรรค์ใหญ่โต ร้านใหญ่ถึงเพียงนี้กลับบอกข้าว่าเจ้าเอาศิลาวิญญาณแค่ห้าพันก้อนออกมาไม่ได้หรือ

หนำซ้ำแม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกว่าค้อนม่วงทองนี่มีมูลค่าไม่เบาเลย

ถ้าขายให้ผู้บำเพ็ญธาตุสายฟ้าจริงๆ คงได้สองสามแสนก้อนศิลาวิญญาณสบายๆ

แต่เจ้าประเมินราคาออกมาหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณ คิดจะตบตากันรึ

เป็นโสเภณีแล้วยังจะสร้างซุ้มประตูพรหมจารีอีก ไร้ยางอายยิ่งนัก!

ชั่วขณะที่ทุกคนกำลังลับดาบ เตรียมจะออกหน้าแทนท่านเซียนนั้น

เถ้าแก่ซ่งเอ่ยอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นเอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าขายค้อนม่วงทองให้ท่านเซียนหนึ่งหมื่น หักค่าเหนื่อยที่ท่านเซียนค้นวิญญาณประเมินแร่ให้ข้าอีกห้าส่วน ก็เหลือห้าพันศิลาวิญญาณ หรือก็คือท่านเซียนให้ข้ามาห้าพันศิลาวิญญาณ ค้อนม่วงทองนี่ก็จะเป็นของท่านแล้ว

ศิลาวิญญาณในร้านมีตุนไว้ไม่พอ ข้าจึงได้แต่ใช้แผนหักส่วนต่างเช่นนี้ ถ้าในตัวท่านเซียนมีศิลาวิญญาณไม่พอ จะติดเอาไว้ก็ไม่เป็นไร ท่านว่าข้อเสนอของข้ามีตรงไหนไม่เหมาะสมหรือไม่”

เฮือก!

น่ากลัวยิ่งนัก!

เมื่อเถ้าแก่ซ่งเอ่ยจบ

ผู้มีวาสนาคนแรกคุกเข่าลง ผู้มีวาสนาคนที่สองคุกเข่าลง

บ้าจริง!

เถ้าแก่ซ่ง ท่านสมกับเป็นเถ้าแก่ซ่งจริงๆ!

ท่านกำลังรอปิดฉากอยู่ตรงนี้นี่เอง!

เห็นๆ อยู่ว่าเป็นสมบัติวิเศษระดับสูงสุดที่มีมูลค่าสามแสน ตามหลักห้าส่วนต่อห้าส่วน ก็ต้องแบ่งอย่างน้อยหนึ่งแสนห้าหมื่นศิลาวิญญาณ!

แต่ตอนนี้ท่านประเมินราคาไว้หนึ่งหมื่น ลดลงครึ่งหนึ่งอีกห้าพันก็ขายไปเลย!

การให้สินบนของท่านในครั้งนี้ทำได้ไหลลื่นเป็นธรรมชาติจริงๆ!

จบอุบายต่อเนื่องชุดนี้แล้ว ยังต้องกังวลว่าจากนี้ไปจะสิ้นวาสนากับท่านเซียนในเร็ววันอีกหรือ!

ต้องพูดว่าในตอนนี้ แม้แต่ผู้มีวาสนาคนที่สองยังอดกราบไหว้ไม่ได้

เดิมทีคิดว่าเขาอยู่ขั้นสาม ผู้มีวาสนาคนอื่นๆ อยู่ขั้นสอง ส่วนเถ้าแก่ซ่งที่หลงผิดมัวเมาในความละโมบยังอยู่ขั้นหนึ่ง

ตอนนี้มาดูแล้ว อีกฝ่ายไปถึงขั้นเก้าตั้งนานแล้วต่างหาก!

บุคคลต้นแบบ เถ้าแก่ซ่งท่านคือบุคคลต้นแบบของข้าจริงๆ!

การดำเนินแผนช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!

……..

ทางด้านเสิ่นเทียนก็อึ้งไปเช่นกัน

ขอสารภาพตามตรง เขาไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าค้อนนี่มีค่าเท่าไร

แต่มองจากภายนอกแล้วไม่ค่อยแย่นัก!

เสิ่นเทียนรับค้อนม่วงทองมา กำมือขวาช้าๆ

อื้อหือ! น้ำหนักมากพอสมควรเลย!

กำไว้ในมือรู้สึกเหมาะมือมาก มุทะลุมาก!

ถ้าใช้น้ำมวลหนักปฐมกาลเสริมเข้าไปอีก น่าจะเหมาะกับเป็นอาวุธที่ใช้ทุบวอลนัทได้พอดี!

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็มองไปทางเถ้าแก่ซ่ง

“ตกลง ข้าค่อนข้างชอบค้อนม่วงทองนี่เลย ในเมื่อเถ้าแก่ซ่งมีเงินทุนหมุนไม่พอ อยากขายเป็นศิลาวิญญาณละก็ ข้าจะรับซื้อไว้แล้วกัน! แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดไว้ว่าจะไม่รับเงินจากผู้มีวาสนาแม้แต่แดงเดียว ดังนั้นห้าพันก้อนศิลาวิญญาณนี่ช่างมันเถอะ

หนึ่งหมื่นแล้วกัน ข้าจะขอซื้อค้อนม่วงทองนี้ไว้ในราคาหนึ่งหมื่นก้อนศิลาวิญญาณ แบบนี้เถ้าแก่ก็จะไม่ขาดทุนแล้ว เถ้าแก่คิดเห็นอย่างไรบ้าง”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 50 เถ้าแก่ซ่งผู้ปราดเปรื่อง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 50 เถ้าแก่ซ่งผู้ปราดเปรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 50 เถ้าแก่ซ่งผู้ปราดเปรื่อง
สมบัติวิเศษระดับสูงสุด!

ไม่อยากเชื่อว่าจะเปิดได้สมบัติวิเศษระดับสูงสุดอีกชิ้นแล้ว!

ทุกคนที่มุงดูอยู่ในร้านวิญญาณสวรรค์พากันตกตะลึง!

“ประเสริฐนัก ค้อนนี่เหมือนจะแข็งแกร่งมาก!”

“ค้อนเปล่งแสงสายฟ้าสีม่วงทอง พลานุภาพโดดเด่นชวนให้คนอดตัวสั่นมิได้”

“ในมุมมองข้า ค้อนม่วงทองนี่เกรงว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าปิ่นขนหงส์เสียอีก”

……

ผู้มีวาสนาทั้งหมดต่างมองด้วยแววตาชื่นชมอิจฉา

ถึงแม้หินแร่วิญญาณที่ท่านเซียนเลือกแทนพวกเขาจะได้ของดีมาเช่นกัน แต่เมื่อเทียบมูลค่ากับค้อนฟ้าลั่นม่วงทองนี่แล้ว กลับเทียบกันไม่ได้เลย

เถ้าแก่ซ่งฝ่าฟันสร้างกิจการใหญ่ในสวนหมื่นวิญญาณได้ ย่อมมีความสามารถอยู่แล้ว

ถ้ารู้แต่แรกว่าแขวนคำกลอนคู่ไว้หน้าร้าน เดิมตามท่านเซียนซ้ายขวา จะทำให้ท่านเซียนช่วยค้นวิญญาณประเมินแร่ออกมาเป็นของวิเศษสะเทือนฟ้าดินเช่นนี้ละก็

พวกเขาก็คงจ้างขบวนตีฆ้องตีกลองคุยโวโอ้อวดให้ท่านเซียนเหมือนกัน!

เฮ้อ จะโทษก็ต้องโทษที่ตนเหนียมอายเกินไป ไม่ได้ใจกว้างอย่างเถ้าแก่ซ่ง ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่ได้ค้อนฟ้าลั่นม่วงทองนี่ต้องเป็นตนไม่ใช่หรือ

พอนึกถึงตรงนี้ เหล่าผู้มีวาสนารอบกายต่างตีอกชกหัวกันใหญ่ สาบานในใจเงียบๆ ว่าครั้งหน้าจะต้องพยายามให้มากกว่านี้!

พยายามประจบท่านเซียนทุกวิถีทางให้ถึงระดับพึงพอใจที่สุด!

……………

พอเห็นเถ้าแก่ซ่งจ้องค้อนม่วงทองด้วยความตกตะลึงและหลงใหลแล้ว ผู้มีวาสนาคนที่สองกลอกตาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมไปอยู่ข้างเถ้าแก่ซ่ง

“เถ้าแก่ซ่ง เถ้าแก่คิดจะรับสมบัติวิเศษชิ้นนี้ไว้เองหรือ”

เถ้าแก่ซ่งได้สติกลับมา พูดเหมือนมีความคิดบางอย่าง “ขอบคุณสหายที่เตือน ข้าเข้าใจแล้ว

ตาแก่อย่างข้าจะไปหาสหาย แล้วดำเนินเรื่องเข้าร่วมลัทธิปรมาจารย์เซียน ส่วนมูลค่าของค้อนม่วงทองนี่ แน่นอนว่าต้องมีส่วนของท่านเซียนเอ้าเทียนด้วยครึ่งหนึ่ง”

ผู้มีวาสนาคนที่สองทำสีหน้าเลื่อมใส สมกับเป็นเถ้าแก่ซ่งจริงๆ!

หลายวันมานี้ เขาพูดจาโน้มหน้าโน้มหลังให้ผู้มีวาสนาแบ่งผลประโยชน์ให้ท่านเซียนห้าส่วน แต่ก็ต้องเสียเวลาพูดกับผู้มีวาสนาทุกคน หลังจากสาธยายถึงส่วนได้ส่วนเสียอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงได้ยอมให้

มีเพียงเถ้าแก่ซ่งที่เขาแค่จี้จุดเพียงเล็กน้อย ก็เข้าใจทุกอย่างโดยพลัน

มิน่าเขาถึงได้เป็นเถ้าแก่ ระดับความฉลาดทางอารมณ์สังหารได้หลายคนในพริบตาเดียว!

…….

ผู้มีวาสนาคนที่สองเห็นเถ้าแก่ซ่งเดินไปหาเสิ่นเทียน ในนัยน์ตาไร้ซึ่งความโดดเดี่ยว

เถ้าแก่ซ่งหยิบค้อนม่วงทองบนพื้นขึ้นมา พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด

ไม่เลวเลย เป็นของดีระดับสูงสุดที่พบเห็นได้ยากในท้องตลาดจริงๆ

ในค้อนม่วงทองยังสลักจารึกตราเวทสายฟ้าที่ลี้ลับเอาไว้ด้วย แค่ส่งพลังวิญญาณเข้าไป ก็จะกระตุ้นให้ตราเวทปล่อยสายฟ้าทรงพลังออกมาได้

หากเถ้าแก่ซ่งมองไม่ผิด ค้อนม่วงทองนี่น่าจะเคยเป็นสมบัติวิญญาณมาก่อน เพียงแต่ผนึกอยู่ในหินแร่วิญญาณนานเกินไปจึงสูญเสียแก่นราก ระดับชั้นตกลงมา

ถ้ามีผู้บำเพ็ญธาตุสายฟ้าเก่งๆ ใช้พลังวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์บำรุงรักษามัน ให้เวลามันอีกสักหน่อย ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสยกระดับเป็นสมบัติวิญญาณได้เลย

หากให้เถ้าแก่ซ่งประเมินราคาค้อนม่วงทอง อย่างน้อยก็ต้องมีสามแสนก้อนศิลาวิญญาณ!

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “เถ้าแก่ซ่งเป็นอย่างไรบ้าง มันไม่ทำให้เจ้าผิดหวังละสิ!”

เถ้าแก่ซ่งขยับดวงตาเล็กน้อย พูดยิ้มๆ ว่า “ที่ไหนกันๆ ท่านเซียนสุดยอดจริงๆ ค้อนม่วงทองนี่ค่อนข้างไม่ธรรมดา ตาแก่อย่างข้ามองว่าน่าจะอย่างน้อยหนึ่งหมื่นก้อนศิลาวิญญาณ”

คำพูดของเถ้าแก่ซ่งทำให้คนที่มีความรู้เรื่องสมบัติรอบๆ พากันขมวดคิ้ว

เจ้าว่าสมบัติวิเศษระดับสูงสุดที่เปล่งแสงสายฟ้าม่วงทองทุกส่วนนี่ มีค่าเพียงหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณหรือ

เถ้าแก่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเถ้าแก่คนก่อนที่กดราคาต่อหน้าท่านเซียนมีจุดจบเป็นอย่างไร

ผู้มีวาสนาคนที่สองกับผู้มีวาสนาคนแรกมองเถ้าแก่ซ่งพลางถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

เดิมทีก็คิดว่าเถ้าแก่ซ่งเป็นคนฉลาด ตอนนี้ดูๆ แล้ว…

เฮ้อ จริงๆ เลย เถ้าแก่ซ่งก็ยังต้านความเย้ายวนไม่ไหว!

เสิ่นเทียนกลับไม่ได้ใส่ใจราคาที่เถ้าแก่ซ่งประเมิน ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยคนค้นวิญญาณประเมินแร่ ไม่ได้คิดจะตักตวงผลประโยชน์อะไรมากอยู่แล้ว

ขอแค่ไอดำมืดเหนือศีรษะน้อยลงเรื่อยๆ ก็พอ

ก็ได้!

ความจริงสาเหตุหลักๆ คือเสิ่นเทียนไม่รู้เลยว่าสิ่งนี้มีค่าเท่าไร ถึงอย่างไรเขาก็เป็นตัวซวยที่โชคร้ายมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขายากจนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

ไม่เคยมีเครื่องประดับระดับสูงอะไรมาแต่ไหนแต่ไร จะประเมินราคาอย่างแม่นยำได้อย่างไร

เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เถ้าแก่ซ่งขาดทุน!”

เถ้าแก่ซ่งรีบตอบ “ท่านเซียนพูดอะไรอย่างนั้น หินแร่นั่นขายห้าร้อยศิลาวิญญาณ เปิดมาได้หมื่นศิลาวิญญาณก็เพิ่มเป็นยี่สิบเท่าแล้ว จะไปขาดทุนได้อย่างไร!”

เถ้าแก่ซ่งมีสีหน้าเขินอายทันที

เขามองเสิ่นเทียนพลางบอก “ตอนแรกข้าควรจะแบ่งให้ท่านเซียนห้าพันก้อนศิลาวิญญาณ แต่ช่วงนี้ร้านมีสินค้าเยอะมาก จึงหมุนเงินทุนไม่ทันจริงๆ”

คำพูดของเถ้าแก่ซ่งทำให้ผู้มีวาสนาทั้งหมดโดยรอบต่างมีสีหน้าโมโห

ทำแบบนี้ได้อย่างไร!

ท่านเซียนพูดแล้วว่าไม่ขอรับเงินจากผู้มีวาสนาแม้แต่แดงเดียว

เจ้าไม่อยากให้จริงๆ ก็ไม่ต้องให้สิ! ไม่ได้มีใครบังคับให้เจ้าให้สักหน่อย!

จะมาหาเหตุผลอะไร!

ช่วงนี้ร้านมีสินค้าเยอะมาก ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนจริงๆ แต่เจ้าเปิดร้านวิญญาณสวรรค์ใหญ่โต ร้านใหญ่ถึงเพียงนี้กลับบอกข้าว่าเจ้าเอาศิลาวิญญาณแค่ห้าพันก้อนออกมาไม่ได้หรือ

หนำซ้ำแม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกว่าค้อนม่วงทองนี่มีมูลค่าไม่เบาเลย

ถ้าขายให้ผู้บำเพ็ญธาตุสายฟ้าจริงๆ คงได้สองสามแสนก้อนศิลาวิญญาณสบายๆ

แต่เจ้าประเมินราคาออกมาหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณ คิดจะตบตากันรึ

เป็นโสเภณีแล้วยังจะสร้างซุ้มประตูพรหมจารีอีก ไร้ยางอายยิ่งนัก!

ชั่วขณะที่ทุกคนกำลังลับดาบ เตรียมจะออกหน้าแทนท่านเซียนนั้น

เถ้าแก่ซ่งเอ่ยอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นเอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าขายค้อนม่วงทองให้ท่านเซียนหนึ่งหมื่น หักค่าเหนื่อยที่ท่านเซียนค้นวิญญาณประเมินแร่ให้ข้าอีกห้าส่วน ก็เหลือห้าพันศิลาวิญญาณ หรือก็คือท่านเซียนให้ข้ามาห้าพันศิลาวิญญาณ ค้อนม่วงทองนี่ก็จะเป็นของท่านแล้ว

ศิลาวิญญาณในร้านมีตุนไว้ไม่พอ ข้าจึงได้แต่ใช้แผนหักส่วนต่างเช่นนี้ ถ้าในตัวท่านเซียนมีศิลาวิญญาณไม่พอ จะติดเอาไว้ก็ไม่เป็นไร ท่านว่าข้อเสนอของข้ามีตรงไหนไม่เหมาะสมหรือไม่”

เฮือก!

น่ากลัวยิ่งนัก!

เมื่อเถ้าแก่ซ่งเอ่ยจบ

ผู้มีวาสนาคนแรกคุกเข่าลง ผู้มีวาสนาคนที่สองคุกเข่าลง

บ้าจริง!

เถ้าแก่ซ่ง ท่านสมกับเป็นเถ้าแก่ซ่งจริงๆ!

ท่านกำลังรอปิดฉากอยู่ตรงนี้นี่เอง!

เห็นๆ อยู่ว่าเป็นสมบัติวิเศษระดับสูงสุดที่มีมูลค่าสามแสน ตามหลักห้าส่วนต่อห้าส่วน ก็ต้องแบ่งอย่างน้อยหนึ่งแสนห้าหมื่นศิลาวิญญาณ!

แต่ตอนนี้ท่านประเมินราคาไว้หนึ่งหมื่น ลดลงครึ่งหนึ่งอีกห้าพันก็ขายไปเลย!

การให้สินบนของท่านในครั้งนี้ทำได้ไหลลื่นเป็นธรรมชาติจริงๆ!

จบอุบายต่อเนื่องชุดนี้แล้ว ยังต้องกังวลว่าจากนี้ไปจะสิ้นวาสนากับท่านเซียนในเร็ววันอีกหรือ!

ต้องพูดว่าในตอนนี้ แม้แต่ผู้มีวาสนาคนที่สองยังอดกราบไหว้ไม่ได้

เดิมทีคิดว่าเขาอยู่ขั้นสาม ผู้มีวาสนาคนอื่นๆ อยู่ขั้นสอง ส่วนเถ้าแก่ซ่งที่หลงผิดมัวเมาในความละโมบยังอยู่ขั้นหนึ่ง

ตอนนี้มาดูแล้ว อีกฝ่ายไปถึงขั้นเก้าตั้งนานแล้วต่างหาก!

บุคคลต้นแบบ เถ้าแก่ซ่งท่านคือบุคคลต้นแบบของข้าจริงๆ!

การดำเนินแผนช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!

……..

ทางด้านเสิ่นเทียนก็อึ้งไปเช่นกัน

ขอสารภาพตามตรง เขาไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าค้อนนี่มีค่าเท่าไร

แต่มองจากภายนอกแล้วไม่ค่อยแย่นัก!

เสิ่นเทียนรับค้อนม่วงทองมา กำมือขวาช้าๆ

อื้อหือ! น้ำหนักมากพอสมควรเลย!

กำไว้ในมือรู้สึกเหมาะมือมาก มุทะลุมาก!

ถ้าใช้น้ำมวลหนักปฐมกาลเสริมเข้าไปอีก น่าจะเหมาะกับเป็นอาวุธที่ใช้ทุบวอลนัทได้พอดี!

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็มองไปทางเถ้าแก่ซ่ง

“ตกลง ข้าค่อนข้างชอบค้อนม่วงทองนี่เลย ในเมื่อเถ้าแก่ซ่งมีเงินทุนหมุนไม่พอ อยากขายเป็นศิลาวิญญาณละก็ ข้าจะรับซื้อไว้แล้วกัน! แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดไว้ว่าจะไม่รับเงินจากผู้มีวาสนาแม้แต่แดงเดียว ดังนั้นห้าพันก้อนศิลาวิญญาณนี่ช่างมันเถอะ

หนึ่งหมื่นแล้วกัน ข้าจะขอซื้อค้อนม่วงทองนี้ไว้ในราคาหนึ่งหมื่นก้อนศิลาวิญญาณ แบบนี้เถ้าแก่ก็จะไม่ขาดทุนแล้ว เถ้าแก่คิดเห็นอย่างไรบ้าง”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+