บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!

ณ ชายแดนตะวันออกของเมืองหมอกลับแล กลางหุบเขาที่มีเสียงนกร้องดอกไม้หอมฟุ้ง

จ้าวเฮ่าคุกเข่าตรงหน้าหลุมศพ ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาสิ้นพลังบำเพ็ญไปแล้ว แม้กายเนื้อจะแกร่งเหนือกว่าคนธรรมดา แต่ก็ยังเหนื่อยล้า

ตอนนี้จ้าวเฮ่าคุกเข่าหน้าหลุมศพมารดามาหนึ่งวันหนึ่งคืน ความรู้สึกเหนื่อยล้ารุนแรงปกคลุมไปทั่วร่าง แต่เขาก็ยังคุกเข่าหน้าหลุมศพอย่างแน่วแน่ ไม่ลุกขึ้น แม้ขาสองข้างจะชาแล้วก็ตาม

เพราะในใจเขามีความยึดมั่น เขาจะต้องฟื้นพลังบำเพ็ญของตนให้ได้

จ้าวเฮ่าจะพิสูจน์ให้คนพวกนั้นได้เห็นว่าเขาก็ปลุกใจฮึกเหิมขึ้นมาได้!

‘ยังอีกสองวัน แค่ยืนหยัดอีกสองวัน’

จ้าวเฮ่าเลียริมฝีปากแห้งกร้านของตน พลางให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ ในใจ

ทันใดนั้นพลันปรากฏดาวตกส่องสว่างดวงหนึ่งบนฟ้ายามค่ำคืน ลากผ่านผืนฟ้ามืดมิดเข้ามา

ใช่ ดาวตกดวงนี้ก็คือต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ที่มาพร้อมกับเสี้ยวดวงจิตของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า ตอนนี้มันพุ่งลงมาด้วยความบังเอิญ

บึ้ม~!

จ้าวเฮ่าที่กำลังให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ ในใจ! พลันรู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง ตัวเขานอนหมอบลงไปกับพื้น เปลวเพลิงน่าสะพรึงติดไฟร่างจ้าวเฮ่าแล้วก็แทบจะปกคลุมทั่วร่างเขาในพริบตา

จ้าวเฮ่าแทบจะสิ้นสติไปภายใต้อุณหภูมิสูง เคราะห์ดีที่ความคิดยึดมั่นสุดท้ายค้ำจุนเอาไว้

นี่คือโชคลิขิตที่สหายเสิ่นบอกหรือ แต่สหายเสิ่นบอกว่าจะมาภายในสามวันนี่

ข้าเข้าใจแล้ว สหายเสิ่นทำเพื่อให้กำลังใจข้า ให้ข้าเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นกว่าเดิม

อีกทั้งเดิมทีคิดว่าสามวัน แต่สรุปเพิ่งวันแรกโชคลิขิตก็มาแล้ว

ใช่ สหายเสิ่นคงอยากจะทำให้ข้าตกใจเป็นแน่!

แม้โดนไฟแผดเผาทั่วร่างจะเจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่จ้าวเฮ่าก็ไม่เกรงกลัวเลย ในทางตรงกันข้าม เขากลับตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเขารู้สึกถึงพลังวิญญาณโหมซัดอีกครั้ง

ร่างจ้าวเฮ่าดูดซับเปลวเพลิงนั้นไป ทั้งยังหลั่งไหลเข้าไปยังจุดตันเถียนตามเส้นสายพลังปราณของเขาอย่างบ้าคลั่ง

จ้าวเฮ่าไม่พูดไม่จา แต่กอดความซาบซึ้งใจต่อเสิ่นเทียนไว้พลางโคจรวิชาเคล็ดอัคคีกระบี่ผลาญฟ้าสุดกำลัง

เขารู้สึกได้รางๆ ว่าเปลวเพลิงนี้โอนอ่อนต่อเขายิ่ง เหมือนกับมีเทพเจ้าปกปักอยู่ลับๆ

จ้าวเฮ่าครุ่นคิดในใจ ‘สหายเสิ่นจะต้องคาดการณ์ได้ก่อนแล้วแน่ สหายเสิ่นเก่งจริงๆ!’

แน่นอน ถ้าเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าที่ตอนนี้กำลังพักฟื้นหายใจรวยรินได้ยินความคิดเหล่านี้ของเขาละก็ คงจะต้องฆ่าล้างบางตระกูลเขาเป็นแน่

อะไรคือสหายเสิ่นเตรียมเรื่องตกใจไว้ให้เจ้ากัน ข้าใช้พลังเฮือกสุดท้ายช่วยเจ้าต่างหาก!

ต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้หลั่งไหลเข้าไปในกายจ้าวเฮ่าทีละน้อยภายใต้การควบคุมของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า จ้าวเฮ่ารู้สึกเหมือนว่าตนทะลวงเยื่อบางชั้นหนึ่งเข้าไปสู่โลกใหม่ กระทั่งเขายังรู้สึกหลอมรวมกับเปลวเพลิงเป็นหนึ่งเดียว รู้สึกถึงลมหายใจของเปลวเพลิง

มีเสียงคุ้นหูหนึ่งดังขึ้นในความคิดเขา “ปะ…เป็นกายนักรบเก้าตะวันจริงๆ เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกว่าเจ้าไม่ธรรมดาแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะเป็นกายนักรบเก้าตะวันในตำนาน”

จ้าวเฮ่าอึ้งไปเล็กน้อย เขาจำเสียงนี้ได้ “ท่านหรือ ท่านหนวด ท่านออกมาได้อย่างไรกัน”

เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าพูดด้วยความจำใจ “นี่ไม่สำคัญ ตอนนี้วิญญาณข้าอ่อนแอมาก ต้องหลับใหลเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ที่ราบหมอกลับแลอันตรายมาก เจ้าไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไปไกลเท่าไรยิ่งดี!”

เมื่อพูดจบ เสียงเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าก็หายไป ไม่ว่าจ้าวเฮ่าจะถามอย่างไรก็ไม่ตอบกลับ นี่ทำให้จ้าวเฮ่าเข้าใจว่าอาจารย์หนวดของตนเหมือนจะอยู่สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก

‘ไม่ใช่สิ ถ้าที่ราบหมอกลับแลอันตราย แล้วพวกสหายเสิ่นล่ะ!’

จ้าวเฮ่ามีสีหน้ากังวลใจ ไม่ได้การ สหายเสิ่นมีบุญคุณให้ชีวิตใหม่กับข้า ตอนนี้ในละแวกใกล้เคียงมีอันตรายครั้งใหญ่ ข้าจะต้องไปแจ้งให้สหายเสิ่นในเมืองหมอกลับแล ให้เขาหนีไป!

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเฮ่าก็เอาหัวโขกหน้าหลุมศพสามครั้ง “ท่านแม่ ลูกเฝ้าหลุมศพให้ท่านต่อไปไม่ได้แล้ว รอลูกช่วยสหายเสิ่นแล้ว วันหลังจะกลับมาเฝ้าหลุมศพให้ท่านอีกสองวันที่เหลือ!”

……..

กลางเมืองหมอกลับแล ยอดค่ายกลเทพสวรรค์มหึมาปกคลุมทั้งพระราชวังเอาไว้ ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดผลัดกันมาส่งพลังวิญญาณใส่ยอดค่ายกลเพื่อต้านการโจมตีไว้

ทันใดนั้นเอง เถาจองจำเซียนที่โจมตีใส่ค่ายกลอย่างบ้าคลั่งก็เริ่มแห้งเหี่ยว ในไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ เถาจองจำเซียนที่ตอนแรกยังโหดเหี้ยมกลับกลายเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด

ต้องบอกว่าทุกคนที่ซ่อนอยู่ในพระราชวังเมืองหมอกลับแลพากันตื่นตกใจ หลังจากเงียบไปชั่วครู่แล้ว เสียงโห่ร้องของผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนที่รอดจากความตายมาได้ก็ระเบิดดังขึ้น

“เถาจองจำเซียนพวกนั้นแห้งไปหมดแล้ว ท่านเซียนปราบปีศาจในที่ราบหมอกลับแลสำเร็จแล้วรึ”

“ต้องใช่แน่ๆ ท่านเซียนแข็งแกร่งจริงๆ ปราบปีศาจแก่กล้าได้เร็วเช่นนี้เลย”

“เราจะเป็นคนที่รู้บุญคุณแต่ไม่ตอบแทนไม่ได้นะ ท่านเซียนช่วยชีวิตเรา เราก็ต้องจดจำบุญคุณนี้เอาไว้”

“ข้าว่านะ เรารวมเงินกันมาคนละหน่อย ให้ท่านเซียนเป็นค่าตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตเถอะ!”

“ไม่เหมาะๆ ท่านเซียนเคยบอกว่าผู้มีวาสนาจะไม่รับแม้แต่แดงเดียว เขาต้องไม่รับเงินพวกนี้แน่”

“อืม ให้เงินมันดูสามัญเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้น…เราก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!”

“ใช่ที่สุดเลยๆ ท่านเซียนมีสติปัญญาเลิศล้ำ ทั้งยังมีฝีมือปราบมารได้อีก เขาช่วยคนทั้งเมืองหมอกลับแลไว้ การสร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนก็ไม่เกินไป”

“ลุย เราไปหาฝ่าบาทกัน เสนอให้สร้างรูปปั้นทองของท่านเซียนกลางเมืองหมอกลับแลกัน!”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าก็เห็นด้วย”

“ข้าด้วย ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน!”

…….

กองทัพมหึมาเฮโลกันเข้ามา ทำให้ประมุขแห่งอาณาจักรอู้อิ่นตกใจจนเกือบจะชักกระบี่ออกมาเรียกองครักษ์ปราบกบฏ

แต่เมื่อได้ฟังเจ้าพวกนี้บอกว่าอยากสร้างรูปปั้นทองคำให้ท่านเซียน ประมุขก็ตอบตกลงโดยแทบไม่ต้องคิดเลย

ตลก อย่าว่าแต่ท่านเซียนคนนี้มีความสูงส่งลึกล้ำยากจะคาดเดา มีวิชาทำนายชะตาน่ามหัศจรรย์เลย ลำพังแค่ท่าทีที่สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีต่อท่านเซียนคนนั้นก็เห็นถึงความสำคัญมากเกินกว่าปกติแล้ว

ทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญเช่นนี้ได้ กระทั่งติดตามอยู่ข้างกายจะเป็นคนธรรมดาหรือ

คิดว่าผู้ฝึกบำเพ็ญธรรมดาอย่างพวกเจ้าประจบเป็นคนเดียวหรือ ข้าก็ทำได้เช่นกัน!

ประมุขครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านเซียนช่วยเมืองหมอกลับแลไว้ และยังช่วยอาณาจักรอู้อิ่นไว้อีก แค่รูปปั้นทองจะไปพออะไร ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะสร้างรูปปั้นทองคำบริสุทธิ์เก้าจั้งให้ท่านเซียนใจกลางเมืองเลย นอกจากนี้จะสร้างรูปปั้นทองคำบริสุทธิ์เก้าจั้งให้ท่านเซียนอีกในสี่ประตูเมืองเหนือใต้ออกตก

นับจากวันนี้ไป ราชนิกุลทั้งหมดแห่งอาณาจักรอู้อิ่นจะต้องแขวนป้ายอวยพรให้ท่านเซียนอายุยืนนานหน้าวังตน มกุฎราชกุมารแห่งอาณาจักรอู้อิ่นข้าทุกสมัยห้ามลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านเซียนเป็นอันขาด!”

เมื่อเอ่ยจบ ประมุขก็มองจาวอวิ๋นซี “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดเห็นอย่างไร”

จางอวิ๋นซีแอบปาดเหงื่อเงียบๆ เจ้านี่เป็นกษัตริย์ได้เพราะมีเหตุผลจริงๆ ยามที่เผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตจริงๆ จะถอดหน้ากากแห่งประมุขออกทั้งหมด ทั้งยังรู้จักบุญคุณคน

จางอวิ๋นซีเป็นคนที่ไม่ชอบพวกประจบสอพลอที่สุดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกรังเกียจ

อืม แน่นอนว่าในนั้นมีสาเหตุมาจากคนที่ประมุขซาบซึ้งใจคือเสิ่นเทียนด้วย ถึงอย่างไรการที่มีผู้ฝึกบำเพ็ญจำนวนมากรู้จักบุญคุณมีคุณธรรมก็ไม่ใช่เรื่องแย่

กระทั่งยังมีประโยชน์กับเสิ่นเทียนกลายๆ!

“ข้าไม่มีความเห็นอะไร แต่รอให้หมอกวิญญาณสลายไปก่อนค่อยว่ากันดีกว่า!”

จางอวิ๋นซีมองหมอกวิญญาณที่ยังคงหนาทึบข้างนอกพระราชวังอย่างเฉยชา “ทุกคนที่นี่อย่าเพิ่งออกจากค่ายกล ไม่อย่างนั้นเกิดเป็นวิชาลวงตาของปีศาจขึ้นมา ออกไปตอนนี้จะตรงตามเป้าหมายของพวกมันพอดี”

หลังกำชับว่าทุกคนในวังห้ามออกไปแล้ว จางอวิ๋นซีก็นั่งขัดสมาธิลงบนพื้นราบ

นางเสียพลังจิตกับพลังฤทธิ์ไปมากเกินไป จะต้องฟื้นฟูกลับมา

‘ศิษย์น้อง เจ้าอยู่ที่ใด จะต้องปลอดภัยแน่ๆ!’

…..

ช่วงที่ทุกคนกำลังคิดถึงเสิ่นเทียนอยู่นั้น ตัวเสิ่นเทียนเองกลับไม่ค่อยสู้ดีนัก

ตอนนี้เขายังหลบอยู่หลังหิน ในมือถือชุดผู้หญิงไว้ชุดหนึ่ง

เขาในตอนนี้มีสีหน้าเต็มไปด้วยความว้าวุ่น

อืม ว้าวุ่นมาก!

…………………………………….……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!

ณ ชายแดนตะวันออกของเมืองหมอกลับแล กลางหุบเขาที่มีเสียงนกร้องดอกไม้หอมฟุ้ง

จ้าวเฮ่าคุกเข่าตรงหน้าหลุมศพ ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาสิ้นพลังบำเพ็ญไปแล้ว แม้กายเนื้อจะแกร่งเหนือกว่าคนธรรมดา แต่ก็ยังเหนื่อยล้า

ตอนนี้จ้าวเฮ่าคุกเข่าหน้าหลุมศพมารดามาหนึ่งวันหนึ่งคืน ความรู้สึกเหนื่อยล้ารุนแรงปกคลุมไปทั่วร่าง แต่เขาก็ยังคุกเข่าหน้าหลุมศพอย่างแน่วแน่ ไม่ลุกขึ้น แม้ขาสองข้างจะชาแล้วก็ตาม

เพราะในใจเขามีความยึดมั่น เขาจะต้องฟื้นพลังบำเพ็ญของตนให้ได้

จ้าวเฮ่าจะพิสูจน์ให้คนพวกนั้นได้เห็นว่าเขาก็ปลุกใจฮึกเหิมขึ้นมาได้!

‘ยังอีกสองวัน แค่ยืนหยัดอีกสองวัน’

จ้าวเฮ่าเลียริมฝีปากแห้งกร้านของตน พลางให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ ในใจ

ทันใดนั้นพลันปรากฏดาวตกส่องสว่างดวงหนึ่งบนฟ้ายามค่ำคืน ลากผ่านผืนฟ้ามืดมิดเข้ามา

ใช่ ดาวตกดวงนี้ก็คือต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ที่มาพร้อมกับเสี้ยวดวงจิตของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า ตอนนี้มันพุ่งลงมาด้วยความบังเอิญ

บึ้ม~!

จ้าวเฮ่าที่กำลังให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ ในใจ! พลันรู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง ตัวเขานอนหมอบลงไปกับพื้น เปลวเพลิงน่าสะพรึงติดไฟร่างจ้าวเฮ่าแล้วก็แทบจะปกคลุมทั่วร่างเขาในพริบตา

จ้าวเฮ่าแทบจะสิ้นสติไปภายใต้อุณหภูมิสูง เคราะห์ดีที่ความคิดยึดมั่นสุดท้ายค้ำจุนเอาไว้

นี่คือโชคลิขิตที่สหายเสิ่นบอกหรือ แต่สหายเสิ่นบอกว่าจะมาภายในสามวันนี่

ข้าเข้าใจแล้ว สหายเสิ่นทำเพื่อให้กำลังใจข้า ให้ข้าเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นกว่าเดิม

อีกทั้งเดิมทีคิดว่าสามวัน แต่สรุปเพิ่งวันแรกโชคลิขิตก็มาแล้ว

ใช่ สหายเสิ่นคงอยากจะทำให้ข้าตกใจเป็นแน่!

แม้โดนไฟแผดเผาทั่วร่างจะเจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่จ้าวเฮ่าก็ไม่เกรงกลัวเลย ในทางตรงกันข้าม เขากลับตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเขารู้สึกถึงพลังวิญญาณโหมซัดอีกครั้ง

ร่างจ้าวเฮ่าดูดซับเปลวเพลิงนั้นไป ทั้งยังหลั่งไหลเข้าไปยังจุดตันเถียนตามเส้นสายพลังปราณของเขาอย่างบ้าคลั่ง

จ้าวเฮ่าไม่พูดไม่จา แต่กอดความซาบซึ้งใจต่อเสิ่นเทียนไว้พลางโคจรวิชาเคล็ดอัคคีกระบี่ผลาญฟ้าสุดกำลัง

เขารู้สึกได้รางๆ ว่าเปลวเพลิงนี้โอนอ่อนต่อเขายิ่ง เหมือนกับมีเทพเจ้าปกปักอยู่ลับๆ

จ้าวเฮ่าครุ่นคิดในใจ ‘สหายเสิ่นจะต้องคาดการณ์ได้ก่อนแล้วแน่ สหายเสิ่นเก่งจริงๆ!’

แน่นอน ถ้าเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าที่ตอนนี้กำลังพักฟื้นหายใจรวยรินได้ยินความคิดเหล่านี้ของเขาละก็ คงจะต้องฆ่าล้างบางตระกูลเขาเป็นแน่

อะไรคือสหายเสิ่นเตรียมเรื่องตกใจไว้ให้เจ้ากัน ข้าใช้พลังเฮือกสุดท้ายช่วยเจ้าต่างหาก!

ต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้หลั่งไหลเข้าไปในกายจ้าวเฮ่าทีละน้อยภายใต้การควบคุมของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า จ้าวเฮ่ารู้สึกเหมือนว่าตนทะลวงเยื่อบางชั้นหนึ่งเข้าไปสู่โลกใหม่ กระทั่งเขายังรู้สึกหลอมรวมกับเปลวเพลิงเป็นหนึ่งเดียว รู้สึกถึงลมหายใจของเปลวเพลิง

มีเสียงคุ้นหูหนึ่งดังขึ้นในความคิดเขา “ปะ…เป็นกายนักรบเก้าตะวันจริงๆ เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกว่าเจ้าไม่ธรรมดาแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะเป็นกายนักรบเก้าตะวันในตำนาน”

จ้าวเฮ่าอึ้งไปเล็กน้อย เขาจำเสียงนี้ได้ “ท่านหรือ ท่านหนวด ท่านออกมาได้อย่างไรกัน”

เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าพูดด้วยความจำใจ “นี่ไม่สำคัญ ตอนนี้วิญญาณข้าอ่อนแอมาก ต้องหลับใหลเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ที่ราบหมอกลับแลอันตรายมาก เจ้าไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไปไกลเท่าไรยิ่งดี!”

เมื่อพูดจบ เสียงเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าก็หายไป ไม่ว่าจ้าวเฮ่าจะถามอย่างไรก็ไม่ตอบกลับ นี่ทำให้จ้าวเฮ่าเข้าใจว่าอาจารย์หนวดของตนเหมือนจะอยู่สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก

‘ไม่ใช่สิ ถ้าที่ราบหมอกลับแลอันตราย แล้วพวกสหายเสิ่นล่ะ!’

จ้าวเฮ่ามีสีหน้ากังวลใจ ไม่ได้การ สหายเสิ่นมีบุญคุณให้ชีวิตใหม่กับข้า ตอนนี้ในละแวกใกล้เคียงมีอันตรายครั้งใหญ่ ข้าจะต้องไปแจ้งให้สหายเสิ่นในเมืองหมอกลับแล ให้เขาหนีไป!

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเฮ่าก็เอาหัวโขกหน้าหลุมศพสามครั้ง “ท่านแม่ ลูกเฝ้าหลุมศพให้ท่านต่อไปไม่ได้แล้ว รอลูกช่วยสหายเสิ่นแล้ว วันหลังจะกลับมาเฝ้าหลุมศพให้ท่านอีกสองวันที่เหลือ!”

……..

กลางเมืองหมอกลับแล ยอดค่ายกลเทพสวรรค์มหึมาปกคลุมทั้งพระราชวังเอาไว้ ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดผลัดกันมาส่งพลังวิญญาณใส่ยอดค่ายกลเพื่อต้านการโจมตีไว้

ทันใดนั้นเอง เถาจองจำเซียนที่โจมตีใส่ค่ายกลอย่างบ้าคลั่งก็เริ่มแห้งเหี่ยว ในไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ เถาจองจำเซียนที่ตอนแรกยังโหดเหี้ยมกลับกลายเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด

ต้องบอกว่าทุกคนที่ซ่อนอยู่ในพระราชวังเมืองหมอกลับแลพากันตื่นตกใจ หลังจากเงียบไปชั่วครู่แล้ว เสียงโห่ร้องของผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนที่รอดจากความตายมาได้ก็ระเบิดดังขึ้น

“เถาจองจำเซียนพวกนั้นแห้งไปหมดแล้ว ท่านเซียนปราบปีศาจในที่ราบหมอกลับแลสำเร็จแล้วรึ”

“ต้องใช่แน่ๆ ท่านเซียนแข็งแกร่งจริงๆ ปราบปีศาจแก่กล้าได้เร็วเช่นนี้เลย”

“เราจะเป็นคนที่รู้บุญคุณแต่ไม่ตอบแทนไม่ได้นะ ท่านเซียนช่วยชีวิตเรา เราก็ต้องจดจำบุญคุณนี้เอาไว้”

“ข้าว่านะ เรารวมเงินกันมาคนละหน่อย ให้ท่านเซียนเป็นค่าตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตเถอะ!”

“ไม่เหมาะๆ ท่านเซียนเคยบอกว่าผู้มีวาสนาจะไม่รับแม้แต่แดงเดียว เขาต้องไม่รับเงินพวกนี้แน่”

“อืม ให้เงินมันดูสามัญเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้น…เราก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!”

“ใช่ที่สุดเลยๆ ท่านเซียนมีสติปัญญาเลิศล้ำ ทั้งยังมีฝีมือปราบมารได้อีก เขาช่วยคนทั้งเมืองหมอกลับแลไว้ การสร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนก็ไม่เกินไป”

“ลุย เราไปหาฝ่าบาทกัน เสนอให้สร้างรูปปั้นทองของท่านเซียนกลางเมืองหมอกลับแลกัน!”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าก็เห็นด้วย”

“ข้าด้วย ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน!”

…….

กองทัพมหึมาเฮโลกันเข้ามา ทำให้ประมุขแห่งอาณาจักรอู้อิ่นตกใจจนเกือบจะชักกระบี่ออกมาเรียกองครักษ์ปราบกบฏ

แต่เมื่อได้ฟังเจ้าพวกนี้บอกว่าอยากสร้างรูปปั้นทองคำให้ท่านเซียน ประมุขก็ตอบตกลงโดยแทบไม่ต้องคิดเลย

ตลก อย่าว่าแต่ท่านเซียนคนนี้มีความสูงส่งลึกล้ำยากจะคาดเดา มีวิชาทำนายชะตาน่ามหัศจรรย์เลย ลำพังแค่ท่าทีที่สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีต่อท่านเซียนคนนั้นก็เห็นถึงความสำคัญมากเกินกว่าปกติแล้ว

ทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญเช่นนี้ได้ กระทั่งติดตามอยู่ข้างกายจะเป็นคนธรรมดาหรือ

คิดว่าผู้ฝึกบำเพ็ญธรรมดาอย่างพวกเจ้าประจบเป็นคนเดียวหรือ ข้าก็ทำได้เช่นกัน!

ประมุขครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านเซียนช่วยเมืองหมอกลับแลไว้ และยังช่วยอาณาจักรอู้อิ่นไว้อีก แค่รูปปั้นทองจะไปพออะไร ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะสร้างรูปปั้นทองคำบริสุทธิ์เก้าจั้งให้ท่านเซียนใจกลางเมืองเลย นอกจากนี้จะสร้างรูปปั้นทองคำบริสุทธิ์เก้าจั้งให้ท่านเซียนอีกในสี่ประตูเมืองเหนือใต้ออกตก

นับจากวันนี้ไป ราชนิกุลทั้งหมดแห่งอาณาจักรอู้อิ่นจะต้องแขวนป้ายอวยพรให้ท่านเซียนอายุยืนนานหน้าวังตน มกุฎราชกุมารแห่งอาณาจักรอู้อิ่นข้าทุกสมัยห้ามลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านเซียนเป็นอันขาด!”

เมื่อเอ่ยจบ ประมุขก็มองจาวอวิ๋นซี “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดเห็นอย่างไร”

จางอวิ๋นซีแอบปาดเหงื่อเงียบๆ เจ้านี่เป็นกษัตริย์ได้เพราะมีเหตุผลจริงๆ ยามที่เผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตจริงๆ จะถอดหน้ากากแห่งประมุขออกทั้งหมด ทั้งยังรู้จักบุญคุณคน

จางอวิ๋นซีเป็นคนที่ไม่ชอบพวกประจบสอพลอที่สุดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกรังเกียจ

อืม แน่นอนว่าในนั้นมีสาเหตุมาจากคนที่ประมุขซาบซึ้งใจคือเสิ่นเทียนด้วย ถึงอย่างไรการที่มีผู้ฝึกบำเพ็ญจำนวนมากรู้จักบุญคุณมีคุณธรรมก็ไม่ใช่เรื่องแย่

กระทั่งยังมีประโยชน์กับเสิ่นเทียนกลายๆ!

“ข้าไม่มีความเห็นอะไร แต่รอให้หมอกวิญญาณสลายไปก่อนค่อยว่ากันดีกว่า!”

จางอวิ๋นซีมองหมอกวิญญาณที่ยังคงหนาทึบข้างนอกพระราชวังอย่างเฉยชา “ทุกคนที่นี่อย่าเพิ่งออกจากค่ายกล ไม่อย่างนั้นเกิดเป็นวิชาลวงตาของปีศาจขึ้นมา ออกไปตอนนี้จะตรงตามเป้าหมายของพวกมันพอดี”

หลังกำชับว่าทุกคนในวังห้ามออกไปแล้ว จางอวิ๋นซีก็นั่งขัดสมาธิลงบนพื้นราบ

นางเสียพลังจิตกับพลังฤทธิ์ไปมากเกินไป จะต้องฟื้นฟูกลับมา

‘ศิษย์น้อง เจ้าอยู่ที่ใด จะต้องปลอดภัยแน่ๆ!’

…..

ช่วงที่ทุกคนกำลังคิดถึงเสิ่นเทียนอยู่นั้น ตัวเสิ่นเทียนเองกลับไม่ค่อยสู้ดีนัก

ตอนนี้เขายังหลบอยู่หลังหิน ในมือถือชุดผู้หญิงไว้ชุดหนึ่ง

เขาในตอนนี้มีสีหน้าเต็มไปด้วยความว้าวุ่น

อืม ว้าวุ่นมาก!

…………………………………….……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 149 ถ้าไม่อย่างนั้นก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!

ณ ชายแดนตะวันออกของเมืองหมอกลับแล กลางหุบเขาที่มีเสียงนกร้องดอกไม้หอมฟุ้ง

จ้าวเฮ่าคุกเข่าตรงหน้าหลุมศพ ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาสิ้นพลังบำเพ็ญไปแล้ว แม้กายเนื้อจะแกร่งเหนือกว่าคนธรรมดา แต่ก็ยังเหนื่อยล้า

ตอนนี้จ้าวเฮ่าคุกเข่าหน้าหลุมศพมารดามาหนึ่งวันหนึ่งคืน ความรู้สึกเหนื่อยล้ารุนแรงปกคลุมไปทั่วร่าง แต่เขาก็ยังคุกเข่าหน้าหลุมศพอย่างแน่วแน่ ไม่ลุกขึ้น แม้ขาสองข้างจะชาแล้วก็ตาม

เพราะในใจเขามีความยึดมั่น เขาจะต้องฟื้นพลังบำเพ็ญของตนให้ได้

จ้าวเฮ่าจะพิสูจน์ให้คนพวกนั้นได้เห็นว่าเขาก็ปลุกใจฮึกเหิมขึ้นมาได้!

‘ยังอีกสองวัน แค่ยืนหยัดอีกสองวัน’

จ้าวเฮ่าเลียริมฝีปากแห้งกร้านของตน พลางให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ ในใจ

ทันใดนั้นพลันปรากฏดาวตกส่องสว่างดวงหนึ่งบนฟ้ายามค่ำคืน ลากผ่านผืนฟ้ามืดมิดเข้ามา

ใช่ ดาวตกดวงนี้ก็คือต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ที่มาพร้อมกับเสี้ยวดวงจิตของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า ตอนนี้มันพุ่งลงมาด้วยความบังเอิญ

บึ้ม~!

จ้าวเฮ่าที่กำลังให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ ในใจ! พลันรู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง ตัวเขานอนหมอบลงไปกับพื้น เปลวเพลิงน่าสะพรึงติดไฟร่างจ้าวเฮ่าแล้วก็แทบจะปกคลุมทั่วร่างเขาในพริบตา

จ้าวเฮ่าแทบจะสิ้นสติไปภายใต้อุณหภูมิสูง เคราะห์ดีที่ความคิดยึดมั่นสุดท้ายค้ำจุนเอาไว้

นี่คือโชคลิขิตที่สหายเสิ่นบอกหรือ แต่สหายเสิ่นบอกว่าจะมาภายในสามวันนี่

ข้าเข้าใจแล้ว สหายเสิ่นทำเพื่อให้กำลังใจข้า ให้ข้าเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นกว่าเดิม

อีกทั้งเดิมทีคิดว่าสามวัน แต่สรุปเพิ่งวันแรกโชคลิขิตก็มาแล้ว

ใช่ สหายเสิ่นคงอยากจะทำให้ข้าตกใจเป็นแน่!

แม้โดนไฟแผดเผาทั่วร่างจะเจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่จ้าวเฮ่าก็ไม่เกรงกลัวเลย ในทางตรงกันข้าม เขากลับตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะเขารู้สึกถึงพลังวิญญาณโหมซัดอีกครั้ง

ร่างจ้าวเฮ่าดูดซับเปลวเพลิงนั้นไป ทั้งยังหลั่งไหลเข้าไปยังจุดตันเถียนตามเส้นสายพลังปราณของเขาอย่างบ้าคลั่ง

จ้าวเฮ่าไม่พูดไม่จา แต่กอดความซาบซึ้งใจต่อเสิ่นเทียนไว้พลางโคจรวิชาเคล็ดอัคคีกระบี่ผลาญฟ้าสุดกำลัง

เขารู้สึกได้รางๆ ว่าเปลวเพลิงนี้โอนอ่อนต่อเขายิ่ง เหมือนกับมีเทพเจ้าปกปักอยู่ลับๆ

จ้าวเฮ่าครุ่นคิดในใจ ‘สหายเสิ่นจะต้องคาดการณ์ได้ก่อนแล้วแน่ สหายเสิ่นเก่งจริงๆ!’

แน่นอน ถ้าเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าที่ตอนนี้กำลังพักฟื้นหายใจรวยรินได้ยินความคิดเหล่านี้ของเขาละก็ คงจะต้องฆ่าล้างบางตระกูลเขาเป็นแน่

อะไรคือสหายเสิ่นเตรียมเรื่องตกใจไว้ให้เจ้ากัน ข้าใช้พลังเฮือกสุดท้ายช่วยเจ้าต่างหาก!

ต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้หลั่งไหลเข้าไปในกายจ้าวเฮ่าทีละน้อยภายใต้การควบคุมของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า จ้าวเฮ่ารู้สึกเหมือนว่าตนทะลวงเยื่อบางชั้นหนึ่งเข้าไปสู่โลกใหม่ กระทั่งเขายังรู้สึกหลอมรวมกับเปลวเพลิงเป็นหนึ่งเดียว รู้สึกถึงลมหายใจของเปลวเพลิง

มีเสียงคุ้นหูหนึ่งดังขึ้นในความคิดเขา “ปะ…เป็นกายนักรบเก้าตะวันจริงๆ เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกว่าเจ้าไม่ธรรมดาแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะเป็นกายนักรบเก้าตะวันในตำนาน”

จ้าวเฮ่าอึ้งไปเล็กน้อย เขาจำเสียงนี้ได้ “ท่านหรือ ท่านหนวด ท่านออกมาได้อย่างไรกัน”

เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าพูดด้วยความจำใจ “นี่ไม่สำคัญ ตอนนี้วิญญาณข้าอ่อนแอมาก ต้องหลับใหลเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ที่ราบหมอกลับแลอันตรายมาก เจ้าไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไปไกลเท่าไรยิ่งดี!”

เมื่อพูดจบ เสียงเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าก็หายไป ไม่ว่าจ้าวเฮ่าจะถามอย่างไรก็ไม่ตอบกลับ นี่ทำให้จ้าวเฮ่าเข้าใจว่าอาจารย์หนวดของตนเหมือนจะอยู่สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก

‘ไม่ใช่สิ ถ้าที่ราบหมอกลับแลอันตราย แล้วพวกสหายเสิ่นล่ะ!’

จ้าวเฮ่ามีสีหน้ากังวลใจ ไม่ได้การ สหายเสิ่นมีบุญคุณให้ชีวิตใหม่กับข้า ตอนนี้ในละแวกใกล้เคียงมีอันตรายครั้งใหญ่ ข้าจะต้องไปแจ้งให้สหายเสิ่นในเมืองหมอกลับแล ให้เขาหนีไป!

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเฮ่าก็เอาหัวโขกหน้าหลุมศพสามครั้ง “ท่านแม่ ลูกเฝ้าหลุมศพให้ท่านต่อไปไม่ได้แล้ว รอลูกช่วยสหายเสิ่นแล้ว วันหลังจะกลับมาเฝ้าหลุมศพให้ท่านอีกสองวันที่เหลือ!”

……..

กลางเมืองหมอกลับแล ยอดค่ายกลเทพสวรรค์มหึมาปกคลุมทั้งพระราชวังเอาไว้ ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดผลัดกันมาส่งพลังวิญญาณใส่ยอดค่ายกลเพื่อต้านการโจมตีไว้

ทันใดนั้นเอง เถาจองจำเซียนที่โจมตีใส่ค่ายกลอย่างบ้าคลั่งก็เริ่มแห้งเหี่ยว ในไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ เถาจองจำเซียนที่ตอนแรกยังโหดเหี้ยมกลับกลายเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด

ต้องบอกว่าทุกคนที่ซ่อนอยู่ในพระราชวังเมืองหมอกลับแลพากันตื่นตกใจ หลังจากเงียบไปชั่วครู่แล้ว เสียงโห่ร้องของผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนที่รอดจากความตายมาได้ก็ระเบิดดังขึ้น

“เถาจองจำเซียนพวกนั้นแห้งไปหมดแล้ว ท่านเซียนปราบปีศาจในที่ราบหมอกลับแลสำเร็จแล้วรึ”

“ต้องใช่แน่ๆ ท่านเซียนแข็งแกร่งจริงๆ ปราบปีศาจแก่กล้าได้เร็วเช่นนี้เลย”

“เราจะเป็นคนที่รู้บุญคุณแต่ไม่ตอบแทนไม่ได้นะ ท่านเซียนช่วยชีวิตเรา เราก็ต้องจดจำบุญคุณนี้เอาไว้”

“ข้าว่านะ เรารวมเงินกันมาคนละหน่อย ให้ท่านเซียนเป็นค่าตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตเถอะ!”

“ไม่เหมาะๆ ท่านเซียนเคยบอกว่าผู้มีวาสนาจะไม่รับแม้แต่แดงเดียว เขาต้องไม่รับเงินพวกนี้แน่”

“อืม ให้เงินมันดูสามัญเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้น…เราก็สร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนเถอะ!”

“ใช่ที่สุดเลยๆ ท่านเซียนมีสติปัญญาเลิศล้ำ ทั้งยังมีฝีมือปราบมารได้อีก เขาช่วยคนทั้งเมืองหมอกลับแลไว้ การสร้างรูปปั้นทองให้ท่านเซียนก็ไม่เกินไป”

“ลุย เราไปหาฝ่าบาทกัน เสนอให้สร้างรูปปั้นทองของท่านเซียนกลางเมืองหมอกลับแลกัน!”

“ข้าเห็นด้วย!”

“ข้าก็เห็นด้วย”

“ข้าด้วย ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน!”

…….

กองทัพมหึมาเฮโลกันเข้ามา ทำให้ประมุขแห่งอาณาจักรอู้อิ่นตกใจจนเกือบจะชักกระบี่ออกมาเรียกองครักษ์ปราบกบฏ

แต่เมื่อได้ฟังเจ้าพวกนี้บอกว่าอยากสร้างรูปปั้นทองคำให้ท่านเซียน ประมุขก็ตอบตกลงโดยแทบไม่ต้องคิดเลย

ตลก อย่าว่าแต่ท่านเซียนคนนี้มีความสูงส่งลึกล้ำยากจะคาดเดา มีวิชาทำนายชะตาน่ามหัศจรรย์เลย ลำพังแค่ท่าทีที่สตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีต่อท่านเซียนคนนั้นก็เห็นถึงความสำคัญมากเกินกว่าปกติแล้ว

ทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญเช่นนี้ได้ กระทั่งติดตามอยู่ข้างกายจะเป็นคนธรรมดาหรือ

คิดว่าผู้ฝึกบำเพ็ญธรรมดาอย่างพวกเจ้าประจบเป็นคนเดียวหรือ ข้าก็ทำได้เช่นกัน!

ประมุขครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านเซียนช่วยเมืองหมอกลับแลไว้ และยังช่วยอาณาจักรอู้อิ่นไว้อีก แค่รูปปั้นทองจะไปพออะไร ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะสร้างรูปปั้นทองคำบริสุทธิ์เก้าจั้งให้ท่านเซียนใจกลางเมืองเลย นอกจากนี้จะสร้างรูปปั้นทองคำบริสุทธิ์เก้าจั้งให้ท่านเซียนอีกในสี่ประตูเมืองเหนือใต้ออกตก

นับจากวันนี้ไป ราชนิกุลทั้งหมดแห่งอาณาจักรอู้อิ่นจะต้องแขวนป้ายอวยพรให้ท่านเซียนอายุยืนนานหน้าวังตน มกุฎราชกุมารแห่งอาณาจักรอู้อิ่นข้าทุกสมัยห้ามลืมบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านเซียนเป็นอันขาด!”

เมื่อเอ่ยจบ ประมุขก็มองจาวอวิ๋นซี “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดเห็นอย่างไร”

จางอวิ๋นซีแอบปาดเหงื่อเงียบๆ เจ้านี่เป็นกษัตริย์ได้เพราะมีเหตุผลจริงๆ ยามที่เผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตจริงๆ จะถอดหน้ากากแห่งประมุขออกทั้งหมด ทั้งยังรู้จักบุญคุณคน

จางอวิ๋นซีเป็นคนที่ไม่ชอบพวกประจบสอพลอที่สุดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกรังเกียจ

อืม แน่นอนว่าในนั้นมีสาเหตุมาจากคนที่ประมุขซาบซึ้งใจคือเสิ่นเทียนด้วย ถึงอย่างไรการที่มีผู้ฝึกบำเพ็ญจำนวนมากรู้จักบุญคุณมีคุณธรรมก็ไม่ใช่เรื่องแย่

กระทั่งยังมีประโยชน์กับเสิ่นเทียนกลายๆ!

“ข้าไม่มีความเห็นอะไร แต่รอให้หมอกวิญญาณสลายไปก่อนค่อยว่ากันดีกว่า!”

จางอวิ๋นซีมองหมอกวิญญาณที่ยังคงหนาทึบข้างนอกพระราชวังอย่างเฉยชา “ทุกคนที่นี่อย่าเพิ่งออกจากค่ายกล ไม่อย่างนั้นเกิดเป็นวิชาลวงตาของปีศาจขึ้นมา ออกไปตอนนี้จะตรงตามเป้าหมายของพวกมันพอดี”

หลังกำชับว่าทุกคนในวังห้ามออกไปแล้ว จางอวิ๋นซีก็นั่งขัดสมาธิลงบนพื้นราบ

นางเสียพลังจิตกับพลังฤทธิ์ไปมากเกินไป จะต้องฟื้นฟูกลับมา

‘ศิษย์น้อง เจ้าอยู่ที่ใด จะต้องปลอดภัยแน่ๆ!’

…..

ช่วงที่ทุกคนกำลังคิดถึงเสิ่นเทียนอยู่นั้น ตัวเสิ่นเทียนเองกลับไม่ค่อยสู้ดีนัก

ตอนนี้เขายังหลบอยู่หลังหิน ในมือถือชุดผู้หญิงไว้ชุดหนึ่ง

เขาในตอนนี้มีสีหน้าเต็มไปด้วยความว้าวุ่น

อืม ว้าวุ่นมาก!

…………………………………….……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+