บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 445 กำลังรบเจ้ามีเพียงเศษกากของห้าส่วน!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 445 กำลังรบเจ้ามีเพียงเศษกากของห้าส่วน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 445 กำลังรบเจ้ามีเพียงเศษกากของห้าส่วน!

จวนอริยะสัประยุทธ์

ฉีจ้านหลับตาฝึกฝน ตระหนักความหมายแท้จริงของคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์

ทันใดนั้นมีพลังลี้ลับวนเวียนรอบกาย ทำให้พลังเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แสงทองสว่างจ้าพุ่งออกมาจากในกาย ในนั้นยังมีแสงเทพสีแดงฉาน แสงสว่างกระจายไปรอบๆ

จิตต่อสู้ล้นฟ้าหมุนม้วนออกไปเหมือนคลื่นลูกยักษ์ สั่นสะเทือนฟ้าดิน

ฉีจ้านเหมือนกลายเป็นเทพสงคราม พลังเฉียบคม จะสู้กับฟ้าดิน

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังขมวดคิ้วมุ่น พึมพำกับตนเอง “ไม่มีกฎเกณฑ์รึ เหตุใดข้ายังไม่อาจตระหนักบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ได้”

ฉีจ้านมีสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ มีความเร็วในการตระหนักรู้คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ถึงขีดสุด

แต่ว่าเขาก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงบทต้องห้าม

นี่คือพลังที่แกร่งที่สุดของคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ ทำให้เขาผลัดเปลี่ยนได้!

แต่ว่าในนี้นั้นกลับเหมือนมีร่องหุบเขาธรรมชาติ ยากจะข้ามผ่านได้!

ฉีจ้านลืมตาขึ้น พูดพลางเกาหูเกาแก้ม “ท่านบรรพบุรุษ วิชาจักรพรรดินี่มันยากไป ข้าตระหนักรู้ไม่ได้เลย!”

ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือการตระหนักรู้ของฉีจ้านล้วนไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นสุดยอด แต่บทต้องห้ามกลับไม่ได้ใช้เพียงพรสวรรค์ในการตระหนักรู้!

คัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่แปลกใจ นี่คือมรดกที่ยากที่สุดในคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์!

ฉีจ้านฝึกสำเร็จได้ในเวลาอันสั้นได้นั่นสิแปลก

เขายิ้มราบเรียบ “เจ้าหนู ไม่ต้องรีบ! บทต้องห้ามมีเพียงจิตต่อสู้ไร้พ่ายเท่านั้นถึงจะกระตุ้นได้ แม้เจ้าจะมีสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ แต่จิตต่อสู้อ่อนแอเกินไป!”

ฉีจ้านเข้าใจแจ่มแจ้ง รีบถาม “เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ยิ้ม “การจะตระหนักรู้โดยเร็วที่สุดจะต้องใช้การต่อสู้เป็นมรรค ตระหนักในการต่อสู้ ใช้จิตต่อสู้ชะล้างกายตน! เจ้าสู้กับเจ้าหนูนั่นได้ ถือเป็นการใช้การต่อสู้ขัดเกลาจิตต่อสู้”

พอได้ยินว่าจะให้สู้กับเสิ่นเทียน ฉีจ้านพลันหดคอลง “ข้าไม่เอาด้วยหรอก! สู้กับพี่ใหญ่มีแต่ถูกทุบตี! อีกอย่างพี่ใหญ่กำลังฝึกฝน รบกวนเขาไม่ดี!”

ฉีจ้านรู้ดีว่าเสิ่นเทียนมีกำลังรบน่ากลัวเพียงใด!

แม้เขาจะเรียนคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสู้ได้

สู้กับเสิ่นเทียนไม่เรียกว่าวอนหาเท้าหรือ

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ทำหน้าโกรธ “เหตุใดเจ้าถึงขี้ขลาดเช่นนี้! ไม่กล้าประชันกับเจ้าหนูนั่นด้วยซ้ำ แล้วจะสู้สวรรค์สำเร็จมรรคได้อย่างไร อีกอย่าง เจ้าหนูนี่อาจจะสู้เจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรเจ้าก็ตระหนักยอดวิชาของสายเลือดข้า แม้จะไม่เรียนถึงแก่น แต่ก็แข็งแกร่งมาก แต่เจ้าหนูนั่นต้องตระหนักไม่ได้ลึกซึ้งเท่าเจ้าแน่ ศึกนี้ ชนะแน่!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์มั่นใจเต็มสิบ ในวานรอริยะทุกรุ่นที่ผ่านมา ฉีจ้านมีกำลังรบไม่ถือว่าอ่อนแอเลย ด้วยพลังบำเพ็ญจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ กลับระเบิดกำลังรบเทียบเท่าอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ กล่าวได้ว่ามีพรสวรรค์เป็นเลิศ!

แต่ก็จนปัญญาเพราะเจ้าหนูนี่ขี้ขลาดเช่นนี้ ให้เขาไปสู้กับเจ้ามนุษย์นั่นยังไม่กล้า!

ขายหน้าสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์หมด

เสิ่นเทียนเป็นเผ่ามนุษย์ การจะตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ ยากกว่าวานรอริยะสัประยุทธ์สิบเท่าร้อยเท่า!

ดังนั้นจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ถึงบอกให้ฉีจ้านไปท้าสู้เสิ่นเทียน

วานรอริยะสัประยุทธ์หยิ่งผยองมาตลอด จะไปยอมอยู่ต่ำกว่าใครได้อย่างไร

ฉีจ้านส่ายหน้ารัว “ท่านบรรพบุรุษ ท่านจะให้ข้าไปสู้กับพี่ใหญ่ สู้ใช้กระบี่เดียวสังหารข้าไปเลยดีกว่า!”

เขาแอบแขวะในใจ

ยังจะมาพูดเรื่องวิถีแห่งสู้สวรรค์อะไรอีก

ก่อนหน้านี้จักรพรรดิฮวงสือให้ข้าใช้การสู้สวรรค์สำเร็จมรรค

เกือบจะส่งชีวิตลิงข้าไปแล้ว!

สู้สวรรค์ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่สู้คำว่า ‘เทียน’ …

ไม่มีทาง!

……

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ถอนหายใจ แต่จากนั้นก็กลอกตาทีหนึ่ง

เขาพูดเย้าหยอกว่า “ถ้าเจ้าไม่อยากสู้กับเจ้าหนูนั่นก็ช่างเถอะ ข้าจะไม่บังคับ! ช่วงนี้ข้าว่างพอดี จะได้ฝึกมือกับเจ้า!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง จะฝึกกับฉีจ้าน

ฉีจ้านมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ท่านบรรพบุรุษ ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย!

ท่านเป็นมหาจักรพรรดิ อยู่มากี่ปีแล้ว!

จะมาฝึกกับรุ่นเยาว์อย่างข้าเพื่ออะไร

ท่านว่างไม่มีอะไรทำรึ

…..

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ว่างไม่มีอะไรทำจริงๆ เขาอยู่ที่นี่มาหลายปี เบื่อหน่ายอย่างยิ่ง

เดิมทีจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ที่ชอบการต่อสู้ไม่ได้สู้มาหลายปี คันมือจนไม่ไหวแล้ว

กว่าจะมีคนมาไม่ใช่ง่ายๆ เขาจะไปพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร จะต้องดึงคนมาคลายเส้นเอ็นกระดูกหน่อย!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เหมือนมองความคิดของฉีจ้านออก จึงพูดปลอบใจ “วางใจเถอะ ข้าจะกดพลังบำเพ็ญมาอยู่ระดับเดียวกับเจ้า สู้กันอย่างยุติธรรม!”

ฉีจ้านทำหน้าขมขื่น “ท่านบรรพบุรุษ ไม่สู้ไม่ได้รึ”

เขาไม่เชื่อคำพูดบ้าๆ ของมหาจักรพรรดิสัประยุทธ์เลย!

ต่อให้กดอย่างไร นั่นก็ยังเป็นดวงจิตมหาจักรพรรดิ!

จะให้ข้าสู้อย่างไร

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ยังคงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ไม่ได้! อย่างไรก็ต้องสู้ ไม่เช่นนั้นจะฝึกอย่างไร จะสู้กับข้าหรือสู้กับเจ้าหนูนั่น เจ้าเลือกเอง”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ไม่ให้โอกาสฉีจ้านปฏิเสธเลย

หากกลัวการต่อสู้ เช่นนั้นสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์คงเสื่อมเสียหมด

ฉีจ้านสูดลมหายใจเข้าลึก เขาเข้าใจความหมายของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์

ครั้งนี้ไม่สู้ไม่ได้!

ด้านหนึ่งคือพี่ใหญ่ตัวประหลาด อีกด้านเป็นดวงจิตมหาจักรพรรดิ

เขาย่อมต้องเลือกอย่างระมัดระวัง!

ไม่นานนัก ฉีจ้านก็ตัดสินใจได้!

เขาก้าวออกมา ป้องมือกล่าว “เช่นนั้นก็รบกวนท่านบรรพบุรุษด้วย!”

เสิ่นเทียนมีศักยภาพน่ากลัวเกินไป ไม่ว่าอย่างไรก็ทุบเจ้าอริยะเจ็ดด่านเคราะห์ได้!

การสู้กับเสิ่นเทียน จะไม่มีแรงต่อต้านเลย!

แม้จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์จะเป็นดวงจิตมหาจักรพรรดิ แต่กลับยินดีกดพลังบำเพ็ญมาอยู่ระดับเดียวกับเขา

บางทีอาจจะยังพอสู้ได้

ด้านหนึ่งไม่มีโอกาสเห็นๆ ถูกทุบตีแน่นอน

อีกด้านอาจจะยังมีหวังนิดหน่อย ย่อมไม่ต้องคิดอะไรมาก

…..

เด็กดี!

เทียบกับเสิ่นเทียนแล้ว เจ้ายอมสู้กับข้ารึ

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ยิ้มเยาะ เห็นฉีจ้านเลือกตนเป็นคู่ต่อสู้แล้ว เขากลับไม่โกรธ

ถึงอย่างไรเขาก็บรรลุเป้าหมายแล้ว เขาอยากขัดเกลาฉีจ้าน ใครขัดเกลาก็คือขัดเกลาไม่ใช่รึ อีกอย่างให้เขาลงมือด้วยตนเองอีก แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!

ข้าเงียบเหงามาหมื่นปี ในที่สุดก็จะได้คลายเส้นเอ็นกระดูกแล้ว!

“ท่านบรรพบุรุษ ขอคำชี้แนะด้วย!”

ฉีจ้านมีความมุ่งมั่นในการต่อสู้เปี่ยมล้น พลังปะทุออกมาทั่วร่าง กระตุ้นพลังออกมาทั้งหมด

แสงทองพุ่งมาจากในกาย จิตต่อสู้ดุดันวนเวียนไม่ขาดสาย ทำให้พลังเขาน่าเกรงขาม เหมือนเทพสงครามมาเยือน

นัยน์ตาเขาเปล่งแสงเทพสว่างจ้า เนตรอัคคีเนตรทองทำงาน จ้องจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เขม็ง!

สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์เดิมทีชอบการต่อสู้อยู่แล้ว ภายในกายฝังความหยิ่งผยอง จิตต่อสู้ไม่ธรรมดา

จิตต่อสู้จุดเลือดนักรบในกายขึ้นได้ สำแดงกำลังรบที่แข็งแกร่งออกมา!

อีกทั้งคนตรงหน้ายังเป็นจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคบรรพกาล!

การได้สู้กับคนระดับมหาจักรพรรดิทำให้ฉีจ้านเลือดร้อนเดือดพล่าน!

เขาก็อยากดูว่าตนกับมหาจักรพรรดิในพลังบำเพ็ญเดียวกันจะต่างกันมากเพียงใด!

…..

ฉีจ้านออกมือทีคือสุดกำลัง กระตุ้นคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ จู่โจมจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์!

เขาควงหมัด ผิวกายวนเวียนด้วยแสงสีแดงอ่อนๆ เหมือนวานรเทพจู่โจม พละกำลังหนักถึงหมื่นชั่ง!

“นี่ต่างหากคือวานรอริยะสัประยุทธ์!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เผยรอยยิ้ม ร่างยังคงแน่นิ่ง ยกมือใหญ่ขึ้นช้าๆ ตบไปทางฉีจ้าน

มือใหญ่ที่ดูเหมือนธรรมดานั้นมีพละกำลังเอ่อล้นยากจะปัดป้อง!

พริบตาเดียวห้วงอากาศพังทลายลง พลังน่ากลัวจู่โจมเข้ามาโดยพลัน ทำให้ฟ้าดินกลายเป็นซากปรักหักพัง!

การโจมตีของสองคนปะทะกัน ระเบิดแสงเทพไม่มีสิ้นสุด บดบังฟ้าบังดวงตะวัน ตะวันจันทราไร้แสงสว่าง!

ฉีจ้านถอยกรูดไป เท้าเหยียบอากาศ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความจริงจัง

เขามือสั่น เหมือนกระแทกกับทองคำเทพบรรพกาล สั่นสะเทือนจนเจ็บปวด!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เหมือนดวงดาราบนฟ้าสำหรับเขา มองได้แต่ไม่อาจเอื้อม!

แม้จะกดมาอยู่ระดับเดียวกัน แต่ก็ห่างไกลจนไม่อาจเทียบได้!

ทว่าเขาไม่ได้ยำเกรง แต่ควงกระบองเทพตามใจนึก พลังอำนาจเหมือนคลื่นลูกใหญ่หมุนม้วนลงมา!

กระบองกำราบฟ้าดิน!

ฉีจ้านออกมือสุดกำลัง อานุภาพใกล้เคียงกับอริยะแท้หกด่านเคราะห์ ทำให้กฎเกณฑ์ปั่นป่วน พลังอำนาจสั่นสะเทือนฟ้าดิน!

สายลมกระบองพันจั้งเหมือนเสาสวรรค์ ทำให้แผ่นดินพังทลายลง!

ทว่าการโจมตีก็ยังถูกจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ทำลายด้วยฝ่ามือเดียว

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เอ่ยราบเรียบ “จิตต่อสู้กับพละกำลังของเจ้าอ่อนแอเกินไป! ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของวิชาสูงสุดนี้เลย! เจ้าหนู วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสวิชารบที่แกร่งที่สุดของเผ่าเรา!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เปล่งแสงทองทั้งตัว บดบังเส้นขอบฟ้า สว่างจ้าถึงที่สุด

ขณะเดียวกัน จิตต่อสู้น่าสะพรึงแผ่มาจากในกายเขา เหมือนดาวตกลงมา พลังอำนาจล้นฟ้า!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ออกหมัดง่ายๆ แต่กลับเหมือนรวมพลังทั้งหมดไว้ในหมัดนี้

ห้วงอากาศพลันถูกกดเป็นก้อน พลังทั้งหมดกลายเป็นแสงหมัดยักษ์พุ่งใส่ฉีจ้าน!

“ท่านบรรพบุรุษ ต้องโหดขนาดนี้เลยรึ”

ฉีจ้านเบิกตาโต รีบกระตุ้นพละกำลังทั้งหมด กระทั่งยังกระตุ้นเกราะเทพสัประยุทธ์!

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจิตต่อสู้ไร้พ่าย ทุกอย่างก็ถูกทำลายล้างลง!

ปัง!

เกิดเสียงดังสนั่น ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย!

ฉีจ้านกระแทกพื้นอย่างแรง เกิดฝุ่นดินมากมาย แม้แต่แผ่นดินยังถูกกระแทกแตกเป็นหลุมลึกยักษ์!

เขาคลานออกมาจากหลุมใหญ่ด้วยหน้าดำเป็นเถ้าถ่าน ก่อนจะรีบตะโกน “ท่านบรรพบุรุษ ไม่สู้แล้วๆ! ข้ายอมแพ้!”

ฉีจ้านทำหน้าตาน่าสงสาร คับอกคับใจถึงที่สุด

ข้านี่มันน่าเวทนาจริงๆ!

เหตุใดถึงเจอกับบรรพบุรุษเช่นนี้ได้!

ลงมือไม่เห็นใจกันเลย!

เอ็นดูชนรุ่นหลังหน่อยไม่ได้รึ

……

เสียงของจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เหมือนสายลมเบา ลอยล่องมา “นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า! ไม่ให้แรงกดดันเจ้าหน่อย จะไปมีแรงขับเคลื่อนได้อย่างไร”

ทันใดนั้น แสงเทพสว่างจ้าส่องสะท้อนฟ้าดิน ผนึกเขตนี้ไว้ อำนาจเทพไม่มีสิ้นสุดถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย!

แสงเทพสีทองกลายเป็นมือใหญ่เท่าฟ้า พลันดึงเขาเข้าไปในมิติ

ฉีจ้านทำหน้าขมขื่น รีบส่ายหน้า “ท่านบรรพบุรุษ ท่านปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าฝึกฝนเอง ตระหนักรู้จิตต่อสู้เองได้!”

“ไม่ได้ แบบนี้จะเร็วกว่า!”

“อ๊าก อย่า!”

“วางใจเถอะ รอเจ้าตระหนักจิตต่อสู้ไร้พ่ายเมื่อไร กำลังรบจะพุ่งพรวดขึ้น!”

“ท่านบรรพบุรุษ อย่าตีหน้าสิ!”

ตึงๆๆ!

เวลานี้มีเสียงร้องโอดครวญดังก้องสวรรค์เก้าชั้น ดังอยู่นานไม่เลือนหาย!

…..

เสิ่นเทียนนั่งนิ่งดั่งขุนเขา นั่งขัดสมาธิบนหินยักษ์ ไม่รับผลจากเรื่องราวภายนอก

เขากำลังใช้สมาธิและกำลังทั้งหมดตระหนักความหมายแท้จริงของคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์!

สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ถ่ายทอดให้กันและกัน ลึกล้ำอย่างยิ่ง สลับซับซ้อน

หากไม่มีสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ จะส่องความลี้ลับในนั้นพบได้ยากมาก!

ไม่นานเสิ่นเทียนก็พบกับช่องทางลัดในการฝึกวิชาจักรพรรดินี้!

นั่นคือจิตต่อสู้!

สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ใช้การต่อสู้สำเร็จมรรค ใช้จิตต่อสู้ฝึกบำเพ็ญ!

การหาช่องทางรัดนี้พบ ทุกอย่างจึงง่ายขึ้นมา

เสิ่นเทียนเปล่งแสงเทพมาทางผิวกาย ปล่อยพลังลี้ลับในลี้ลับ ทำให้กฎเกณฑ์ฟ้าดินอ่อนโยนขึ้น

แสงเทพวนเวียนหนาทึบ แสงเรืองรองสว่างพร่างพราว ไหลเข้าไปในกายเสิ่นเทียนทั้งหมด ทำให้เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง!

ข้อมูลที่เดิมทีซับซ้อนพลันราบรื่น ระเบียบแบบแผนชัดเจน

เสิ่นเทียนจิตใจตกอยู่ในห้วงนั้น แสดงคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ในร่างกายตนเอง!

ในความคิดเขามีร่างเงาใหญ่โตยิ่งหนึ่งร่างลอยขึ้นมา มีความสูงหมื่นจั้ง แหงนหน้าเชิดอก คำรามขึ้นฟ้า!

นั่นคือวานรอริยะสัประยุทธ์ มือถือกระบองเทพไร้พ่าย มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่!

ขณะคำรามนั้น ตะวันจันทราอ่อนแสงลง ระหว่างโบกมือ ดวงดาราพังทลายลง!

วานรยักษ์มีเปลวไฟสีแดงวนเวียนรอบกาย จิตต่อสู้แก่กล้าเหมือนคลื่นยักษ์เทียมฟ้า พุ่งทะลักออกมาทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน!

พลังหยิ่งผยองพุ่งขึ้นฟ้า เหนี่ยวนำท้องนภา เหมือนจะพลิกฟ้าดิน

เขาใช้สองมือทุบหน้าอก พลันควงกระบองใหญ่ในมือ วิชากระบองมหัศจรรย์ แผ่พลังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งออกมา!

กระบองยาวขวางห้วงอากาศ ทะลวงฟ้าดิน ลอยขึ้นสูงล้านล้านลี้ พุ่งขึ้นทะเลหมอกสวรรค์เก้าชั้น!

กระบองนี้เหมือนจะค้ำฟ้ากำราบสมุทร ทำลายตะวันจันทราและดารา!

บึ้ม!

เกิดเสียงดังสนั่น!

ท้องนภาก็ยังถูกตีแตก เผยความว่างเปล่าไร้พรมแดน หมื่นกฎเกณฑ์สูญสิ้น ลำดับพังทลายลง!

ทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินมอดดับ มีเพียงวานรยักษ์ที่ยืนค้ำฟ้าดิน!

โหดยิ่งนัก!

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนยังอดตกตะลึงในใจมิได้!

แต่ไม่นานเขาก็มีสีหน้าดีใจใหญ่

เสิ่นเทียนพบว่าตนได้เห็นความสง่างามไร้พ่ายนี้และได้ตระหนักจิตต่อสู้

กลิ่นอายพลังในกายเขาพลันผลัดเปลี่ยน จิตต่อสู้แข็งแกร่งกำเนิดออกมา เชื่อมไปทั่วร่าง ทั้งยังแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้การผลักดันของจิตต่อสู้นี้ เสิ่นเทียนตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

….

สามวันต่อมา!

ในที่สุดแสงทองกลางนภาก็หายไป สองร่างเงาลอยลงมาช้าๆ

สองคนนี้คือฉีจ้านกับจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์!

ด้วยการฝึกร่วมกัน สองคนนี้สู้กันสามวันสามคืนถึงยุติลง!

แม้จะต่อสู้กัน แต่บทสรุปย่อมเอียงไปทางด้านเดียว!

ฉีจ้านจมูกเขียวหน้าบวม สภาพน่าสงสารถึงที่สุด

แต่ดีที่แสงทองบนผิวกายเขาถูกแสงเทพสีแดงปกคลุม จิตต่อสู้มีมากมายมหาศาล

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์พยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เลว ฝึกบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ถึงขั้นต้นได้ในสามวัน คงขาดคุณความดีของข้าไปไม่ได้! เจ้าหนู ไม่ต้องขอบคุณล่ะ! นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ตบบ่าฉีจ้าน เดินมาข้างๆ อย่างพึงพอใจ

มีเพียงฉีจ้านที่น้ำตาคลอ คับอกคับใจอย่างยิ่ง

สามวันนี้ เขาถูกจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ทุบตีอย่างหนัก แต่ดีที่จิตต่อสู้ของฉีจ้านได้รับการขัดเกลาจนแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งยังตระหนักบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ ‘โลหิตยุทธ์ผลาญฟ้า’ ถึงขั้นต้น!

นี่คือวิชาสูงสุด สามารถเผาโลหิตยุทธ์ในกาย ระเบิดพลังได้หลายเท่า!

ยิ่งจิตต่อสู้แกร่งมากเท่าไรก็ยิ่งยกระดับกำลังรบได้มากเท่านั้น!

หากฉีจ้านสำเร็จวิชานี้จะระเบิดศักยภาพได้สองเท่าทันที กำราบอริยะแท้หกด่านเคราะห์ได้ในพริบตา!

ศักยภาพพุ่งพรวดขึ้น นี่น่าจะเป็นความโชคดีในความโชคร้าย!

ต่อให้ตนจะถูกทุบตี แต่ในใจฉีจ้านกลับไม่มีความแค้นใจใดๆ เลย

ฉีจ้านรู้ว่าจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ทำเช่นนี้เพราะหวังดีกับตน

อืม ไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้เด็ดขาด!

……

“ผ่านไปสามวันแล้ว พี่ใหญ่ยังไม่ตื่นจากสภาวะตระหนักรู้อีกรึ”

ฉีจ้านกลอกตา พบว่าเสิ่นเทียนยังปิดด่านบำเพ็ญฝึกฝน

“หืม เจ้าหนูนี่เหมือนจะมีอะไรต่างออกไป!”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ทำหน้าตกใจระคนสงสัย

ในความคิดเขา เสิ่นเทียนไม่ใช่วานรอริยะสัประยุทธ์ ย่อมตระหนักแก่นแท้อะไรไม่ได้ ไม่ต้องเสียเวลามากขนาดนี้ก็น่าจะตื่นมานานแล้ว!

แต่เสิ่นเทียนตระหนักรู้มาสามวัน นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ

ตอนนี้เองในที่สุดเสิ่นเทียนก็ขยับแล้ว!

เขาพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเปล่งแสงเทพสว่างพร่างพราว

ดวงตานั้นลึกล้ำอย่างยิ่ง เหมือนจักรวาลกว้างใหญ่ แต่กลับสว่างจ้าดั่งดวงดารา!

ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนพลันระเบิดจิตต่อสู้จากในกายออกมาอย่างมหาศาล เหมือนธารน้ำเงินสวรรค์เก้าชั้นพุ่งขึ้นเมฆเก้าชั้น!

พลังจิตต่อสู้น่าสะพรึงเอ่อล้นกลายเป็นประกายไฟสีแดงฉานวนเวียนรอบกาย พลังน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

พริบตาเดียว เปลวไฟสีแดงฉานเหมือนกับไฟเทพฟ้าดิน เผาทำลายห้วงอากาศเป็นเถ้าถ่าน อานุภาพน่ากลัวถึงที่สุด!

นัยน์ตาฉีจ้านเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะร้องตกใจ “จิตต่อสู้นี่…น่ากลัวมาก!”

เขาพบว่าจิตต่อสู้ที่เสิ่นเทียนระเบิดมาจากในกายแกร่งกว่าเขาอีก!

ฉีจ้านทำหน้างุนงง เขาเป็นวานรอริยะสัประยุทธ์ มีจิตต่อสู้แรงกล้ามาแต่กำเนิด

ตอนนี้กลับสู้มนุษย์คนหนึ่งไม่ได้หรือ

เล่นอะไรกัน!

ใครคือวานรอริยะสัประยุทธ์กันแน่

แต่ทุกอย่างแค่เพิ่งเริ่มต้น!

พลังวนเวียนข้างหลังเสิ่นเทียน แสงเทพส่องสว่าง สะท้อนเป็นร่างเงาใหญ่ยิ่ง

นั่นคือวานรอริยะที่สุดแห่งยุค แผ่พลังหยิ่งผยองยิ่ง สู้ฟ้าสู้ดิน สั่นสะเทือนจักรวาล!

เมื่อปรากฏการณ์วานรอริยะสัประยุทธ์ปรากฏก็สำแดงเป็นอานุภาพเทพไร้ที่สิ้นสุด พลิกแม่น้ำพลิกทะเล พลิกกลับฟ้าดิน!

กระบองเทพนภาพลันปรากฏขึ้นในมือเสิ่นเทียน ควบคู่กับจิตต่อสู้สีแดงฉาน ทำให้กลิ่นอายพลังเขาน่าสะพรึงอย่างยิ่ง!

เขาควงกระบอง ระเบิดอำนาจเทพเจ้าไม่มีสิ้นสุดออกมา ทำให้ฟ้าดินพลันโค่นล้มลง!

พริบตาเดียว ห้วงอากาศไม่มีสิ้นสุดพังทลายเป็นความว่างเปล่า ทุกอย่างถูกบดขยี้แหลกลาญ!

อานุภาพนี้เทียบได้กับการโจมตีสุดกำลังของเจ้าอริยะ!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เผยแววตาตกใจ “ไม่อยากเชื่อว่าจะเพิ่มกำลังรบได้หกเท่า และยังตระหนักวิชากระบองค้ำฟ้ากำราบสมุทรได้อีก! นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน รุ่นเยาว์คนเดียว จะบรรลุถึงระดับนี้ในสามวันได้อย่างไร”

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เป็นวานรอริยะสัประยุทธ์ตัวที่สองในฟ้าดิน แต่กลับเข้าใจในสายเลือดนี้อย่างยิ่ง

วานรอริยะสัประยุทธ์กำเนิดตามฟ้าดิน คงอยู่มาแต่กำเนิดฟ้า กล่าวได้ว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์!

สายเลือดนี้แข็งแกร่งมาแต่เกิด ทั้งยังไม่มีคอขวดใดๆ เพียงแค่ใช้การต่อสู้ก็สำเร็จมรรคได้!

ในยุคดึกดำบรรพ์ ฟ้าดินกำเนิดวานรอริยะสัประยุทธ์ตัวแรก ก็คงอยู่สุดยอดแล้ว!

นั่นคือบรรพบุรุษรุ่นแรกสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ มีศักยภาพแข็งแกร่ง แม้แต่ฟ้าดินยังพลิกคว่ำได้

การคงอยู่ระดับนี้ ในยุคดึกดำบรรพ์ ในยุคที่มีผู้แข็งแกร่งกำเนิดขึ้นพร้อมกัน ยังสังหารเป็นหนึ่งได้

เขากำลังใช้วิชาสูงสุดกระบองค้ำฟ้ากำราบสมุทรทำให้สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์มีชื่อเสียงเลื่องลือฟ้าดิน โด่งดังไปเป็นหมื่นๆ ปี!

และวิชากระบองนี้ต้องฝึกบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ถึงระดับสมบูรณ์ถึงจะสำแดงได้!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์สัมผัสได้ว่าวิชากระบองและพลังฤทธิ์ที่เสิ่นเทียนสำแดงไม่มีพลังกฎเกณฑ์อยู่!

หรือก็คือ เสิ่นเทียนยังไม่ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ ยังไม่ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะก็มีกำลังรบเช่นนี้แล้ว!

นี่มันปีศาจชัดๆ!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์อดกลืนน้ำลายมิได้

เขามองฉีจ้านทีหนึ่งก่อนจะมองเสิ่นเทียน ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าหนูนี่ถึงกลัวขนาดนี้

ยอมสู้กับข้า ไม่ยอมสู้กับเสิ่นเทียน!

หากข้าอยู่ในยุคนี้ ก็อาจจะเลือกเช่นนี้เหมือนกัน!

ช่วยไม่ได้ ปีศาจเช่นนี้น่าตกใจจริงๆ!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์เหมือนนึกอะไรได้จึงทำเสียงขึ้นจมูก “เจ้าลูกลิง ดูลูกบ้านคนอื่นเขาสิ แล้วดูตัวเจ้า! ฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์เหมือนกัน เหตุใดถึงต่างกันขนาดนี้

เจ้าหนูนี่ ทำสายเลือดสูงส่งแห่งวานรอริยะสัประยุทธ์ของเราเสียหมด! กำลังรบของเจ้ามีเพียงเศษกากของห้าส่วน น่าขายหน้า!

เข้ามา ข้าจะขัดเกลาเจ้าอีก!”

ยิ่งคิดยิ่งโกรธ ยิ่งคิดยิ่งโมโห!

จักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์อดทนไม่ไหว หิ้วฉีจ้านเดินเข้าไปในมิติ

เขาจะฝึกฝนรุ่นเยาว์คนนี้อย่างหนัก!

จะให้เจ้าหนูนี่ทำให้สายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์แปดเปื้อนไม่ได้!

ฉีจ้านทำหน้างุนงง

นี่ใช่ท่านบรรพบุรุษจะขัดเกลาข้าที่ใดกัน!

นี่จะทุบตีข้าชัดๆ!

เหตุใดต้องเอาข้าไปเทียบกับพี่ใหญ่ด้วย!

เมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ใหญ่ ข้ามันเป็นขยะ!

ท่านให้อภัยข้าเถอะ!

ฉีจ้านดิ้นรนไม่หยุด แต่ก็จนปัญญาเพราะจักรพรรดิอริยะสัประยุทธ์ไม่ให้โอกาสเขาเลย!

แสงทองปกคลุมฟ้าดิน มีเพียงเสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง!

เมื่อเห็นสองลิงเดินไป เสิ่นเทียนเกาศีรษะ

…..

สหายฉียังฝึกไม่เสร็จอีกรึ!

สมกับเป็นสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ หมั่นเพียรจริงๆ!

สหายฉีสู้ๆ!

ข้าจะเป็นกำลังใจให้เจ้า!

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด