บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 190 ขับรถไม่ได้มาตรฐาน บุตรศักดิ์สิทธิ์น้ำตานอง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 190 ขับรถไม่ได้มาตรฐาน บุตรศักดิ์สิทธิ์น้ำตานอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 190 ขับรถไม่ได้มาตรฐาน บุตรศักดิ์สิทธิ์น้ำตานอง!

รถม้าดารามุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงสุดภายใต้ยามรุ่งอรุณขมุกขมัว ม้าสวรรค์ที่ลากรถสี่ตัวเป็นสายพันธุ์แปลก บนหัวมีเขาสีเงินอันหนึ่งงอกออกมา

แสงรุ่งอรุณสาดบนตัวม้าสวรรค์ สะท้อนเป็นแสงดารารางๆ ดูงดงามเป็นพิเศษ

นี่คือรถม้าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือตั้งใจเปลี่ยนหลังจากทะลวงระดับดวงจิตดรุณ และยังเป็นหน้าเป็นตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

บุตรศักดิ์สิทธิ์เร่งรถม้าดาราสุดกำลัง ระยะทางร้อยลี้แทบจะถึงที่หมายในชั่วครู่เดียว ช่วงที่เฉินจงเทียนใกล้ถึงเมืองภูเขาดำนั้นเขาพลันมีสีหน้าเป็นสมาธิเล็กน้อย

เพราะเขาเห็นสีโลหิตเป็นผืน นั่นคือฝูงยุงโลหิตรวมกันแน่นขนัดราวกับพายุฝน กำลังล้อมอยู่นอกเมืองภูเขาดำ ดูน่าตกใจมาก

“บังอาจ! ไม่อยากเชื่อว่าจะมีอสูรกล้าบุกเมืองขึ้นของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือข้า!”

แววตาเฉินจงเทียนเย็นชาเล็กน้อย กลิ่นอายสังหารเผยออกมาโล่งโจ้ง

เขาไม่ได้สนใจที่เผ่าปีศาจสังหารคน เพราะเรื่องเผ่าปีศาจสังหารคนในดินแดนบูรพาเป็นเรื่องปกติมาก แต่เมืองภูเขาดำเป็นเมืองขึ้นของเมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ปีศาจยุงโลหิตพวกนี้ล้อมโจมตีเมืองภูเขาดำ นั่นเท่ากับการท้าทายอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

ต้องประหาร!

อีกทั้งเฉินจงเทียนยังมีแผนอยู่ในใจด้วย ถึงเขาจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่ฐานะในฝ่ายก็ไม่ได้สูงมาก

เพราะเขาติดตามบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมาตลอด เหมือนเป็นเมืองขึ้นของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ฐานะจึงต่ำมาก

ในแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยังมีว่าที่โอรสสวรรค์ที่มีกำลังรบด้อยกว่าเขาเล็กน้อยอยู่หลายคน ทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะคุกคามถึงฐานะของเขา ดังนั้นเฉินจงเทียนจึงไม่รู้สึกปลอดภัยมาตลอด

ความรู้สึกปลอดภัยนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็พอจะให้เขาได้บ้าง แต่ก็ยังไม่พอ ดังนั้นเฉินจงเทียนจึงต้องทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง

อย่างเช่น…ชักจูงทิศทางคำวิจารณ์!

ก็เหมือนกับหายนะยุงโลหิตบุกเมืองภูเขาดำในตอนนี้ เดิมทีถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องมีศพนอนเกลื่อนโลหิตไหลเป็นแม่น้ำ แต่เนื่องจากบุตรศักดิ์สิทธิ์เฉินจงเทียนมากวาดล้างปีศาจทันเวลา ช่วยคนธรรมดานับล้านในเมืองได้ สร้างคุณูปการไร้ที่สิ้นสุด!

เรื่องเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ในด้านวัตถุใดๆ เลยกับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่กลับทำให้ทุกเมืองขึ้นรู้สึกเป็นครอบครัวกันมากขึ้น

และเฉินจงเทียนที่ ‘ช่วยอาณาประชาราษฎร์’ ก็ต้องได้รับคำชมจากผู้อาวุโสในสำนัก

แม้จะเป็นเพียงการชมเชยเชิงสัญลักษณ์ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย!

เมื่อคิดได้ดังนั้น นัยน์ตาเฉินจงเทียนก็ตื่นเต้นขึ้นมา แม้แต่ดวงจิตดรุณยังฮึกเหิม

เขาถือกระบี่เจ็ดดาวเหนือควบรถม้าดาราพุ่งไปกลางฝูงยุงโลหิตหนาแน่นนั้นด้วยความเร็วสูงสุด!

“ดาราเก้าสวรรค์ส่องแสง จงเป็นกระบี่ของข้า ดาวเหนือนำทาง แสงส่องสว่างโบราณกาล!”

รถม้าดาราพลันพุ่งมาอยู่นอกฝูงยุงโลหิต เฉินจงเทียนยืนบนรถม้าอย่างห้าวหาญ กระบี่ยาวในมือพลันยิงไอกระบี่ส่องแสงสว่างพร่างพราวออกไปหลายสิบสาย

ไอกระบี่ผ่านไปที่ใดจะฟันยุงโลหิตนับไม่ถ้วนร่วงลงพื้น อานุภาพเป็นหนึ่ง

นัยน์ตาเฉินจงเทียนเป็นประกายโอหัง ขณะกำลังคิดคำพูดโอ้อวดสูงส่ง เสแสร้งต่อหน้าชาวเมืองภูเขาดำนั้น เขาก็รู้สึกว่ารถม้าใต้เท้าสั่นไหวอย่างรุนแรง

วินาทีต่อมา ม้าสวรรค์เขาเดียวสี่ตัวชักกระตุกกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงกรีดร้อง

‘ฮี่ๆๆๆ~’

ขนจากสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหิมะพลันกลายเป็นสีดำสนิท ทั้งยังตั้งขึ้นเหมือนกับสุนัขกำลังโกรธ!

ที่แท้ก็เป็นเพราะฝูงยุงโลหิตหนาแน่นเกินไปจนบังยอดค่ายกลมังกรเขียวเทพสวรรค์ที่ปกคลุมเมืองไว้ ม้าสวรรค์สี่ตัวใจคิดอยากจะทะลวงปราการฝูงยุงโลหิตจึงไม่ได้ลดความเร็วลงเลย

ดังนั้นหลังพวกมันบุกทะลวงฝูงยุงโลหิตแล้วก็เอาหัวชนกับปราการยอดค่ายกล

ม้าสวรรค์สี่ตัวนี้เป็นสัตว์ดาราเขาเดียวระดับสูงสุด ภายนอกสุดยอด ความเร็วในการวิ่งยังเทียบเท่ากับจุดสูงสุดระดับแก่นพลังทอง

แต่กำลังรบของพวกมันเทียบเท่าเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญจุดสูงสุดระดับสร้างฐาน กระทั่งยังสู้ไม่ได้เล็กน้อย

ส่วนทางด้านเสิ่นเทียนหลังจากปราบผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแล้ว ฝูงยุงโลหิตนอกเมืองก็บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ด้วยความจำใจ เขาเลยได้แต่กระตุ้นยอดค่ายกลมังกรเขียวให้อยู่ในระดับสูงสุด ไม่กักพลังไว้อีก

ยอดค่ายกลอัสนีระดับนี้ ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองสามรอบบุกมาก็ต้องโดนสายฟ้าผ่าบาดเจ็บไปบ้าง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงม้าสวรรค์สี่ตัว

จนเมื่อเฉินจงเทียนตั้งสติกลับมาได้และจะช่วยม้าสวรรค์สี่ตัวนั้น ม้าสวรรค์ระดับสูงสุดที่มีสายเลือดสูงศักดิ์สี่ตัวนั้น…ก็เริ่มส่งกลิ่นหอมเนื้อ อืม หอมมาก!

หัวใจเฉินจงเทียนหลั่งเลือดทันที!

พึงรู้ไว้ว่านั่นคือม้าสวรรค์เขาเดียวที่มีสายเลือดตรงของสัตว์เขาเดียว เป็นสายเลือดบริสุทธิ์!

แม้ตอนนี้จะอยู่เพียงระดับสร้างฐาน แต่ทุกตัวมีพลังแฝงที่ยกระดับไปแก่นพลังทองได้ เลี้ยงดีๆ ยังถึงขั้นรวมตัวเป็นดรุณได้

ต่อให้ม้าสวรรค์ดาราสี่ตัวนี้ยังเยาว์วัย เฉินจงเทียนก็ต้องจ่ายหนักกว่าจะซื้อมาได้ ก็เพื่อภายภาคหน้าเลี้ยงมันโตขึ้นมาแล้ว จะได้ขี่พวกมันออกเดินทาง แสดงความนับหน้าถือตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้น เสียงคัดค้านในแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นก็จะลดน้อยลงไปมาก

แต่เฉินจงเทียนไม่คาดคิดเลยว่าเพิ่งซื้อม้าล้ำค่ามาไม่กี่วันก็ชนเสียแล้ว!

ม้าล้ำค่าสี่ตัวโดนฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน กลิ่นหอมโชยไปสิบลี้

ต่อให้เฉินจงเทียนมองโลกในแง่ดีกว่านี้ก็รู้ว่าคงช่วยม้าล้ำค่าลูกรักของเขาไม่ได้แล้ว ได้แต่น้ำตาคลอ…

ไม่ใช่แค่นั้น รถม้าที่เฉินจงเทียนตั้งใจตกแต่งอย่างหรูหรายิ่งยังชนกับยอดค่ายกลมังกรเขียวเต็มๆ

เดิมทียอดค่ายกลมังกรเขียวรับการโจมตีของยุงโลหิตก็ค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว ตอนนี้มีรถม้าหลอมขึ้นจากทองคำวิญญาณพุ่งชนด้วยความเร็วเช่นนี้อีก

ทั้งยอดค่ายกลจึงพังทลายลง ส่วนรถม้าก็โดนพลังหลงเหลือสุดท้ายของยอดค่ายกลระเบิดแหลกละเอียด!

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาคับแค้นใจที่ชาวเมืองมองตนแล้ว เฉินจงเทียนถึงกับอึ้งไปเลย

ข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ใด เหตุใดถึงมียอดค่ายกล!

ลูกม้าข้า เหตุใดถึงมีกลิ่นหอมโชยมาล่ะ!

…….

เวลานี้ เฉินจงเทียนยืนเหม่ออยู่บนฟ้าพลางสงสัยในชีวิต

ทางด้านเสิ่นเทียนไม่ได้ว่างขนาดนั้น ถึงอย่างไรฝูงยุงโลหิตก็บุกเมืองมาแล้ว ถ้ายุงโลหิตมืดฟ้ามัวดินนั้นปะทะกับชาวบ้านธรรมดาในเมือง เพียงครู่เดียวคงมีศพเกลื่อนกลาด!

แม้เขาจะมีกำลังรบเอาชนะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตระดับดวงจิตดรุณได้อย่างถูกต้องชอบธรรม แต่ก็ได้แค่ปกป้องตัวเองในฝูงยุงโลหิตเท่านั้น

ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ฝูงยุงโลหิตเป็นแสนเป็นล้านตัวจะเฮโลกันเข้าเมืองมา ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มีทางสังหารได้หมดในพริบตา

ภายในใจครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็ใช้ค้อนทุบไปที่ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีวิธีแน่ ให้ยุงโลหิตพวกนี้ถอยไปให้หมด เร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้า!”

ตอนนี้ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตถูกเถากลืนกินเซียนมัดไว้เหมือนกับบ๊ะจ่าง แม้แต่ดวงจิตดรุณยังถูกเถากลืนกินเซียนที่มุดเข้าไปในปากมัดไว้อย่างแน่นหนา

เขามองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจพลางส่งกระแสจิตไป “ขอแค่เจ้าสาบานว่าจะไม่ฆ่าข้า ข้าจะให้พวกมันถอยไปทันที”

เสิ่นเทียนปากกระตุกเล็กน้อย “โอ้ ยังกล้าขู่ข้าอีกรึ ได้ ข้าสาบาน ขอแค่เจ้าให้ยุงโลหิตพวกนี้ออกไป ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตขบคิด “และก็ห้ามสั่งให้คนอื่นมาฆ่าข้าด้วย!”

เสิ่นเทียนเอาค้อนทุบศีรษะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไปอีกที “เจ้าจะพูดอะไรเยอะแยะ ข้าสาบาน ได้แล้วกระมัง! รีบให้ยุงโลหิตพวกนี้ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้าก่อน แล้วค่อยฆ่าล้างฝูงยุงโลหิตพวกนี้ อย่างมากก็แค่ใช้ไพ่ตาย!”

เจ้ายังมีไพ่ตายอีกรึ

พอได้ฟังคำพูดของเสิ่นเทียนแล้ว ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็สิ้นหวัง

เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานตัวเล็กๆ สู้ระดับแก่นพลังทองได้ไม่เท่าไร

แต่ในตัวยังมีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินอย่างวารีแท้และไม้วิญญาณ ประกอบกับเกราะศักดิ์สิทธิ์และป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ ขนาดระดับดวงจิตดรุณยังตาย

นี่ยังไม่ใช่ไพ่ตายของเจ้าหรือ

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตยอมรับว่ากลัว เจอลูกหมาป่าเช่นนี้ มันจะทำอะไรได้

“เอาของสิ่งนั้นของเจ้าขยับออกในปากข้าก่อน ไม่อย่างนั้นข้าสำแดงวิชาลับไม่ได้”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนคลายเถากลืนกินเซียนที่มัดดวงจิตดรุณของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ แต่เขาไม่ได้เชื่อผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอย่างสนิทใจ ปืนปทุมฆาตเทพกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแปดกระบอกยังจ่อผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ตลอด

ถ้าเจ้านี่กล้าเล่นตุกติก เสิ่นเทียนก็พร้อมจะฆ่ามันทันที!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเองก็ไม่ได้เล่นตุกติกอะไร พลังจิตของมันส่งคลื่นพิเศษออกไป

ทันใดนั้น ยุงโลหิตที่บุกเข้ามาในเมืองและสู้กับผู้ฝึกบำเพ็ญและชาวเมืองในเมืองก็หยุดโจมตี พวกมันสั่นปีกและบินไปนอกเมือง ครู่เดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

……

เสิ่นเทียนพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะใช้เถากลืนกินเซียนยัดเข้าไปในปากผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอีกครั้ง จากนั้นพุ่งไปถึงกลางระหว่างคิ้ว มัดดวงจิตดรุณของมันเอาไว้แน่น

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต “…”

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง “ไหนเจ้าบอกว่าขอแค่ข้าให้ยุงโลหิตพวกนี้ออกไปให้หมด เจ้าจะไม่ฆ่าข้าไง”

เสิ่นเทียนมองค้อนผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไปที “ข้าฆ่าเจ้าแล้วรึ”

ปากของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่โดนเถากลืนกินเซียนยัดไว้เต็มปากกระตุกทีหนึ่ง เหมือนก็มีเหตุผล

แม่งเอ๊ย เหตุใดเมื่อครู่ข้าไม่บังคับให้ไอ้เด็กนี่ปล่อยข้ากัน

บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าจะเล่นอุบายตัวอักษะชั้นต่ำเช่นนี้กับข้า!

มนุษย์เจ้าเล่ห์จริงๆ ดีที่ข้ายังมีแผนสำรอง!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเค้นรอยยิ้มพูด “ท่านเซียน เจ้าไม่อยากรู้หรือว่ากระดาษสีแดงอมทองนั่นคือสมบัติอะไร”

เสิ่นเทียนแบะปาก เขาเคยอ่านบทแบบนี้มานานแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกเฝ้ารอคอยสักนิด “ไม่อยากรู้”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตะลึงไป ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ “ท่านเซียนฟังหน่อยสิ! ข้ารับรองว่าเจ้าฟังจบแล้วจะต้องสนใจแน่นอน กระดาษสีแดงอมทองนั่นไม่ใช่ของธรรมดา นั่นคือคัมภีร์เทพโลหิต สุดยอดวิชาของทั้งแดนบูรพาและมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากมหาผู้อริยะธารโลหิต!”

เสิ่นเทียนเบื่อหน่ายมาก “อ้อ! แล้วอย่างไร!”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตสภาพจิตใจระเบิดกระจาย เจ้านี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกันแน่

ระยำ!

มหาผู้อริยะธารโลหิตคือมหาผู้อริยะนะ!

มีเพียงผู้อริยะที่ฝ่าด่านเคราะห์อัสนีเก้าขั้นเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ถูกเรียกว่ามหาผู้อริยะ!

อีกทั้งมหาผู้อริยะธารโลหิตยังมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในมหาผู้อริยะ

สุดยอดวิชาก้นหีบของคนใหญ่คนโตระดับสุดยอดเช่นนี้ เจ้านี่กลับไม่สนใจ? หรือว่าเขาเป็นทายาทของมหาจักรพรรดิกัน

คำด่าว่านับหมื่นวิ่งผ่านในใจ แต่เพื่อให้หลุดพ้น ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตจึงต้องทำใจแข็งเข้าไว้ “ท่านเซียนไม่รู้ คัมภีร์เทพโลหิตนี่มหัศจรรย์มาก มันทำให้ท่านแยกจิตใจกับโลหิตบริสุทธิ์ออกจากกันและสร้างร่างแยกได้

อีกทั้งกลิ่นอายพลังของร่างแยกยังเหมือนกับท่านทุกประการ เท่ากับมีสองชีวิต และยังควบคุมจิตสำนึกจากร่างจริงได้อย่างสมบูรณ์! ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับพลังเหนือกว่าท่านก็ยากจะแยกออก ยุงโลหิตระดับแก่นพลังทองที่ท่านสังหารไปก่อนหน้านี้ ความจริงคือร่างแยกของข้าเอง”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพูดไปพลางจ้องใบหน้าเสิ่นเทียนเขม็ง เขาหวังว่าเสิ่นเทียนจะมีสีหน้าตกใจหรือสนใจ

หากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะมีจุดต่อรอง เพราะคัมภีร์เทพโลหิตมีทั้งหมดสองหน้า

หน้านี้ในมือเขาเป็นเพียงบทพื้นฐาน ยังมีอีกหน้าที่เขาซ่อนไว้และมีแค่เขาที่รู้

ขอแค่เสิ่นเทียนแสดงความสนใจในมรดกสุดยอดชุดนี้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็จะฉวยโอกาสนี้ให้เสิ่นเทียนสาบานอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะต้องรับประกันว่าเสิ่นเทียนจะไม่มีช่องทางหาผลประโยชน์อีก!

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตผิดหวังคือ เสิ่นเทียนเพียงแค่หยิบลูกประคำออกมาจากอกเสื้อและวนเล่นไม่หยุด

ใบหน้าเขาเฉยชาเหมือนไม่ได้สนใจคัมภีร์เทพโลหิตที่ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพูดสักนิด

ช่วงที่ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตกำลังจะสิ้นหวังนั้น ในที่สุดเสิ่นเทียนก็เอ่ยขึ้นช้าๆ

“เจ้าอยากบอกข้าว่าหน้านั้นที่ข้าได้ไปไม่ใช่คัมภีร์เทพโลหิตฉบับสมบูรณ์ ขอแค่ข้าสาบานว่าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าก็จะมอบคัมภีร์เทพโลหิตที่เหลือให้ข้ารึ”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตกใจแล้ว “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เสิ่นเทียนยิ้มลึกลับ เหตุใดจะไม่รู้ล่ะ เพราะข้าเห็นมาหมดแล้ว!

ในภาพโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียน เขาก็เจอกับผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ฆ่าล้างเมืองภูเขาดำเช่นกัน เฉินจงเทียนทะลวงดวงจิตดรุณด้วยแก่นพลังทองแปดรอบ แม้จะเพิ่งทะลวงดวงจิตดรุณ แต่กำลังรบเหนือกว่าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตมาก

เขาสังหารร่างแยกเสวี่ยเหวินเค่อระดับแก่นพลังทองอย่างง่ายดาย กระทั่งจับผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ซ่อนในเงามืดออกมาได้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแพ้เฉินจงเทียนและถูกจับแล้วก็ใช้คัมภีร์เทพโลหิตมาต่อรองกัน

สุดท้ายเฉินจงเทียนตอบตกลงเงื่อนไขของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต ปล่อยเขาไป

แน่นอนว่าเงื่อนไขคือผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตจะสาบานว่าจะไม่ถ่ายทอดคัมภีร์เทพโลหิตให้ผู้ใดอีก!

เฉินจงเทียนปล่อยผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ก่อกรรมทำเข็ญไปเพื่อวิชาลับสูงสุด เสิ่นเทียนขอไม่วิจารณ์แล้วกัน

เขาได้รู้ที่อยู่ของคัมภีร์เทพโลหิตอีกหน้าตั้งนานแล้ว ย่อมไม่สนใจเงื่อนไขของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตและปล่อยเขาไป!

“จิ่วเอ๋อร์ จัดการเขาที!”

ภูตผีหญิงงดงามหยาดเยิ้มเศร้าระทมตนหนึ่งลอยขึ้นมาจากลูกประคำเก้าโอรสช้าๆ

นางถือปืนปทุมฆาตเทพก่อนจะปักลงตรงระหว่างคิ้วผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต เคลื่อนตราเวท!

บึ้ม!

ตะปูเทพทะลวงเขตแดนดอกหนึ่งทะลวงและฉีกดวงจิตดรุณของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต

ใบหน้าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเต็มไปด้วยความไม่ยอมและเคียดแค้น “เจ้า…เจ้าสาบานแล้วว่าจะไม่สั่งให้คนอื่นฆ่าข้า!”

เสิ่นเทียนเบนสายตามองไปกลางเมืองภูเขาดำ แม้จะออกคำสั่งให้ฝูงยุงโลหิตออกไปได้ทันการ แต่แค่ไม่กี่นาทีสั้นๆ ก็ยังทำให้ในเมืองเกิดการบาดเจ็บล้มตายกันไม่น้อย!

เสิ่นเทียนดมกลิ่นคาวเลือดในอากาศพลางขยับลูกประคำเก้าโอรสอย่างเย็นชา “จิ่วเอ๋อร์ เจ้าบอกเขาสิ”

ภูตผีหญิงชุดคลุมแดงชักปืนปทุมฆาตเทพกลับมาช้าๆ ใบหน้ายิ้มแบบผู้บริสุทธิ์ “จิ่วเอ๋อร์ไม่ใช่คน แต่เป็นภูตผีหญิง”

เจ้า!

มนุษย์ เจ้าเล่ห์นัก!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเบิกตาโต จิตสำนึกขุ่นมัวอย่างรวดเร็วก่อนจะสิ้นใจไป

มันตายแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่ามรดกสูงสุดอันล้ำค่าอย่างยิ่งอย่างคัมภีร์เทพโลหิต เหตุใดเจ้ามนุษย์นี่ถึงไม่สนใจสักนิดเลย!

หรือเจ้าโง่นี่คิดว่าชีวิตของคนธรรมดาเล็กจ้อยสำคัญกว่าสุดยอดคัมภีร์เซียนรึ

…..

คำถามนี้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไม่มีวันเข้าใจแล้ว!

มันยังคงตายตกไป ตายด้วยปืนของจิ่วเอ๋อร์ ตายตาไม่หลับ

อีกด้านหนึ่ง บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียนอึ้งไปแล้ว เขาเหม่อมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมือง เวลานี้รู้สึกปวดไข่นิดๆ

ข้าทำอะไร

เดิมทีเมืองภูเขาดำมียอดค่ายกลอัสนีคุ้มกันอยู่หรือ

ข้ากลับควบรถม้าดาราพุ่งชนทำลายยอดค่ายกลอัสนีหรือ

ไม่ใช่แค่เสียม้าสวรรค์เขาเดียวสี่ตัวไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ยังทำลายรถม้าทองคำวิญญาณคันหนึ่ง ซ้ำยังทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอีก

เวรกรรม!

ก่อนบุก เหตุใดข้าไม่ใช้พลังจิตตรวจสอบเส้นทางก่อนล่ะ

นี่ถ้าแพร่งพรายไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ

ยิ่งได้ฟังคำพูดซุบซิบชี้นู่นชี้นี่ของคนมากมายในเมืองแล้ว เฉินจงเทียนเป็นบ้าไปแล้ว

ทันใดนั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ชำเลืองตาไปเห็นร่างคุ้นเคยร่างหนึ่ง

นั่นเขา! นั่นเขา! ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเขา!

พริบตานั้น…จิตใจเขาเป็นบ้าไปยิ่งกว่าเดิม!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 190 ขับรถไม่ได้มาตรฐาน บุตรศักดิ์สิทธิ์น้ำตานอง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 190 ขับรถไม่ได้มาตรฐาน บุตรศักดิ์สิทธิ์น้ำตานอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 190 ขับรถไม่ได้มาตรฐาน บุตรศักดิ์สิทธิ์น้ำตานอง!

รถม้าดารามุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงสุดภายใต้ยามรุ่งอรุณขมุกขมัว ม้าสวรรค์ที่ลากรถสี่ตัวเป็นสายพันธุ์แปลก บนหัวมีเขาสีเงินอันหนึ่งงอกออกมา

แสงรุ่งอรุณสาดบนตัวม้าสวรรค์ สะท้อนเป็นแสงดารารางๆ ดูงดงามเป็นพิเศษ

นี่คือรถม้าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือตั้งใจเปลี่ยนหลังจากทะลวงระดับดวงจิตดรุณ และยังเป็นหน้าเป็นตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

บุตรศักดิ์สิทธิ์เร่งรถม้าดาราสุดกำลัง ระยะทางร้อยลี้แทบจะถึงที่หมายในชั่วครู่เดียว ช่วงที่เฉินจงเทียนใกล้ถึงเมืองภูเขาดำนั้นเขาพลันมีสีหน้าเป็นสมาธิเล็กน้อย

เพราะเขาเห็นสีโลหิตเป็นผืน นั่นคือฝูงยุงโลหิตรวมกันแน่นขนัดราวกับพายุฝน กำลังล้อมอยู่นอกเมืองภูเขาดำ ดูน่าตกใจมาก

“บังอาจ! ไม่อยากเชื่อว่าจะมีอสูรกล้าบุกเมืองขึ้นของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือข้า!”

แววตาเฉินจงเทียนเย็นชาเล็กน้อย กลิ่นอายสังหารเผยออกมาโล่งโจ้ง

เขาไม่ได้สนใจที่เผ่าปีศาจสังหารคน เพราะเรื่องเผ่าปีศาจสังหารคนในดินแดนบูรพาเป็นเรื่องปกติมาก แต่เมืองภูเขาดำเป็นเมืองขึ้นของเมืองศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ ปีศาจยุงโลหิตพวกนี้ล้อมโจมตีเมืองภูเขาดำ นั่นเท่ากับการท้าทายอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

ต้องประหาร!

อีกทั้งเฉินจงเทียนยังมีแผนอยู่ในใจด้วย ถึงเขาจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่ฐานะในฝ่ายก็ไม่ได้สูงมาก

เพราะเขาติดตามบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมาตลอด เหมือนเป็นเมืองขึ้นของบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ฐานะจึงต่ำมาก

ในแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยังมีว่าที่โอรสสวรรค์ที่มีกำลังรบด้อยกว่าเขาเล็กน้อยอยู่หลายคน ทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะคุกคามถึงฐานะของเขา ดังนั้นเฉินจงเทียนจึงไม่รู้สึกปลอดภัยมาตลอด

ความรู้สึกปลอดภัยนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็พอจะให้เขาได้บ้าง แต่ก็ยังไม่พอ ดังนั้นเฉินจงเทียนจึงต้องทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง

อย่างเช่น…ชักจูงทิศทางคำวิจารณ์!

ก็เหมือนกับหายนะยุงโลหิตบุกเมืองภูเขาดำในตอนนี้ เดิมทีถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องมีศพนอนเกลื่อนโลหิตไหลเป็นแม่น้ำ แต่เนื่องจากบุตรศักดิ์สิทธิ์เฉินจงเทียนมากวาดล้างปีศาจทันเวลา ช่วยคนธรรมดานับล้านในเมืองได้ สร้างคุณูปการไร้ที่สิ้นสุด!

เรื่องเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ในด้านวัตถุใดๆ เลยกับแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ แต่กลับทำให้ทุกเมืองขึ้นรู้สึกเป็นครอบครัวกันมากขึ้น

และเฉินจงเทียนที่ ‘ช่วยอาณาประชาราษฎร์’ ก็ต้องได้รับคำชมจากผู้อาวุโสในสำนัก

แม้จะเป็นเพียงการชมเชยเชิงสัญลักษณ์ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย!

เมื่อคิดได้ดังนั้น นัยน์ตาเฉินจงเทียนก็ตื่นเต้นขึ้นมา แม้แต่ดวงจิตดรุณยังฮึกเหิม

เขาถือกระบี่เจ็ดดาวเหนือควบรถม้าดาราพุ่งไปกลางฝูงยุงโลหิตหนาแน่นนั้นด้วยความเร็วสูงสุด!

“ดาราเก้าสวรรค์ส่องแสง จงเป็นกระบี่ของข้า ดาวเหนือนำทาง แสงส่องสว่างโบราณกาล!”

รถม้าดาราพลันพุ่งมาอยู่นอกฝูงยุงโลหิต เฉินจงเทียนยืนบนรถม้าอย่างห้าวหาญ กระบี่ยาวในมือพลันยิงไอกระบี่ส่องแสงสว่างพร่างพราวออกไปหลายสิบสาย

ไอกระบี่ผ่านไปที่ใดจะฟันยุงโลหิตนับไม่ถ้วนร่วงลงพื้น อานุภาพเป็นหนึ่ง

นัยน์ตาเฉินจงเทียนเป็นประกายโอหัง ขณะกำลังคิดคำพูดโอ้อวดสูงส่ง เสแสร้งต่อหน้าชาวเมืองภูเขาดำนั้น เขาก็รู้สึกว่ารถม้าใต้เท้าสั่นไหวอย่างรุนแรง

วินาทีต่อมา ม้าสวรรค์เขาเดียวสี่ตัวชักกระตุกกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงกรีดร้อง

‘ฮี่ๆๆๆ~’

ขนจากสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหิมะพลันกลายเป็นสีดำสนิท ทั้งยังตั้งขึ้นเหมือนกับสุนัขกำลังโกรธ!

ที่แท้ก็เป็นเพราะฝูงยุงโลหิตหนาแน่นเกินไปจนบังยอดค่ายกลมังกรเขียวเทพสวรรค์ที่ปกคลุมเมืองไว้ ม้าสวรรค์สี่ตัวใจคิดอยากจะทะลวงปราการฝูงยุงโลหิตจึงไม่ได้ลดความเร็วลงเลย

ดังนั้นหลังพวกมันบุกทะลวงฝูงยุงโลหิตแล้วก็เอาหัวชนกับปราการยอดค่ายกล

ม้าสวรรค์สี่ตัวนี้เป็นสัตว์ดาราเขาเดียวระดับสูงสุด ภายนอกสุดยอด ความเร็วในการวิ่งยังเทียบเท่ากับจุดสูงสุดระดับแก่นพลังทอง

แต่กำลังรบของพวกมันเทียบเท่าเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญจุดสูงสุดระดับสร้างฐาน กระทั่งยังสู้ไม่ได้เล็กน้อย

ส่วนทางด้านเสิ่นเทียนหลังจากปราบผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแล้ว ฝูงยุงโลหิตนอกเมืองก็บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ด้วยความจำใจ เขาเลยได้แต่กระตุ้นยอดค่ายกลมังกรเขียวให้อยู่ในระดับสูงสุด ไม่กักพลังไว้อีก

ยอดค่ายกลอัสนีระดับนี้ ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองสามรอบบุกมาก็ต้องโดนสายฟ้าผ่าบาดเจ็บไปบ้าง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงม้าสวรรค์สี่ตัว

จนเมื่อเฉินจงเทียนตั้งสติกลับมาได้และจะช่วยม้าสวรรค์สี่ตัวนั้น ม้าสวรรค์ระดับสูงสุดที่มีสายเลือดสูงศักดิ์สี่ตัวนั้น…ก็เริ่มส่งกลิ่นหอมเนื้อ อืม หอมมาก!

หัวใจเฉินจงเทียนหลั่งเลือดทันที!

พึงรู้ไว้ว่านั่นคือม้าสวรรค์เขาเดียวที่มีสายเลือดตรงของสัตว์เขาเดียว เป็นสายเลือดบริสุทธิ์!

แม้ตอนนี้จะอยู่เพียงระดับสร้างฐาน แต่ทุกตัวมีพลังแฝงที่ยกระดับไปแก่นพลังทองได้ เลี้ยงดีๆ ยังถึงขั้นรวมตัวเป็นดรุณได้

ต่อให้ม้าสวรรค์ดาราสี่ตัวนี้ยังเยาว์วัย เฉินจงเทียนก็ต้องจ่ายหนักกว่าจะซื้อมาได้ ก็เพื่อภายภาคหน้าเลี้ยงมันโตขึ้นมาแล้ว จะได้ขี่พวกมันออกเดินทาง แสดงความนับหน้าถือตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้น เสียงคัดค้านในแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นก็จะลดน้อยลงไปมาก

แต่เฉินจงเทียนไม่คาดคิดเลยว่าเพิ่งซื้อม้าล้ำค่ามาไม่กี่วันก็ชนเสียแล้ว!

ม้าล้ำค่าสี่ตัวโดนฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน กลิ่นหอมโชยไปสิบลี้

ต่อให้เฉินจงเทียนมองโลกในแง่ดีกว่านี้ก็รู้ว่าคงช่วยม้าล้ำค่าลูกรักของเขาไม่ได้แล้ว ได้แต่น้ำตาคลอ…

ไม่ใช่แค่นั้น รถม้าที่เฉินจงเทียนตั้งใจตกแต่งอย่างหรูหรายิ่งยังชนกับยอดค่ายกลมังกรเขียวเต็มๆ

เดิมทียอดค่ายกลมังกรเขียวรับการโจมตีของยุงโลหิตก็ค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว ตอนนี้มีรถม้าหลอมขึ้นจากทองคำวิญญาณพุ่งชนด้วยความเร็วเช่นนี้อีก

ทั้งยอดค่ายกลจึงพังทลายลง ส่วนรถม้าก็โดนพลังหลงเหลือสุดท้ายของยอดค่ายกลระเบิดแหลกละเอียด!

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาคับแค้นใจที่ชาวเมืองมองตนแล้ว เฉินจงเทียนถึงกับอึ้งไปเลย

ข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ใด เหตุใดถึงมียอดค่ายกล!

ลูกม้าข้า เหตุใดถึงมีกลิ่นหอมโชยมาล่ะ!

…….

เวลานี้ เฉินจงเทียนยืนเหม่ออยู่บนฟ้าพลางสงสัยในชีวิต

ทางด้านเสิ่นเทียนไม่ได้ว่างขนาดนั้น ถึงอย่างไรฝูงยุงโลหิตก็บุกเมืองมาแล้ว ถ้ายุงโลหิตมืดฟ้ามัวดินนั้นปะทะกับชาวบ้านธรรมดาในเมือง เพียงครู่เดียวคงมีศพเกลื่อนกลาด!

แม้เขาจะมีกำลังรบเอาชนะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตระดับดวงจิตดรุณได้อย่างถูกต้องชอบธรรม แต่ก็ได้แค่ปกป้องตัวเองในฝูงยุงโลหิตเท่านั้น

ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ฝูงยุงโลหิตเป็นแสนเป็นล้านตัวจะเฮโลกันเข้าเมืองมา ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มีทางสังหารได้หมดในพริบตา

ภายในใจครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็ใช้ค้อนทุบไปที่ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีวิธีแน่ ให้ยุงโลหิตพวกนี้ถอยไปให้หมด เร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้า!”

ตอนนี้ศีรษะของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตถูกเถากลืนกินเซียนมัดไว้เหมือนกับบ๊ะจ่าง แม้แต่ดวงจิตดรุณยังถูกเถากลืนกินเซียนที่มุดเข้าไปในปากมัดไว้อย่างแน่นหนา

เขามองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจพลางส่งกระแสจิตไป “ขอแค่เจ้าสาบานว่าจะไม่ฆ่าข้า ข้าจะให้พวกมันถอยไปทันที”

เสิ่นเทียนปากกระตุกเล็กน้อย “โอ้ ยังกล้าขู่ข้าอีกรึ ได้ ข้าสาบาน ขอแค่เจ้าให้ยุงโลหิตพวกนี้ออกไป ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตขบคิด “และก็ห้ามสั่งให้คนอื่นมาฆ่าข้าด้วย!”

เสิ่นเทียนเอาค้อนทุบศีรษะผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไปอีกที “เจ้าจะพูดอะไรเยอะแยะ ข้าสาบาน ได้แล้วกระมัง! รีบให้ยุงโลหิตพวกนี้ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นข้าจะทำลายเจ้าก่อน แล้วค่อยฆ่าล้างฝูงยุงโลหิตพวกนี้ อย่างมากก็แค่ใช้ไพ่ตาย!”

เจ้ายังมีไพ่ตายอีกรึ

พอได้ฟังคำพูดของเสิ่นเทียนแล้ว ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็สิ้นหวัง

เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานตัวเล็กๆ สู้ระดับแก่นพลังทองได้ไม่เท่าไร

แต่ในตัวยังมีสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินอย่างวารีแท้และไม้วิญญาณ ประกอบกับเกราะศักดิ์สิทธิ์และป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ ขนาดระดับดวงจิตดรุณยังตาย

นี่ยังไม่ใช่ไพ่ตายของเจ้าหรือ

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตยอมรับว่ากลัว เจอลูกหมาป่าเช่นนี้ มันจะทำอะไรได้

“เอาของสิ่งนั้นของเจ้าขยับออกในปากข้าก่อน ไม่อย่างนั้นข้าสำแดงวิชาลับไม่ได้”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนคลายเถากลืนกินเซียนที่มัดดวงจิตดรุณของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ แต่เขาไม่ได้เชื่อผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอย่างสนิทใจ ปืนปทุมฆาตเทพกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแปดกระบอกยังจ่อผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไว้ตลอด

ถ้าเจ้านี่กล้าเล่นตุกติก เสิ่นเทียนก็พร้อมจะฆ่ามันทันที!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเองก็ไม่ได้เล่นตุกติกอะไร พลังจิตของมันส่งคลื่นพิเศษออกไป

ทันใดนั้น ยุงโลหิตที่บุกเข้ามาในเมืองและสู้กับผู้ฝึกบำเพ็ญและชาวเมืองในเมืองก็หยุดโจมตี พวกมันสั่นปีกและบินไปนอกเมือง ครู่เดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

……

เสิ่นเทียนพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะใช้เถากลืนกินเซียนยัดเข้าไปในปากผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตอีกครั้ง จากนั้นพุ่งไปถึงกลางระหว่างคิ้ว มัดดวงจิตดรุณของมันเอาไว้แน่น

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต “…”

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง “ไหนเจ้าบอกว่าขอแค่ข้าให้ยุงโลหิตพวกนี้ออกไปให้หมด เจ้าจะไม่ฆ่าข้าไง”

เสิ่นเทียนมองค้อนผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไปที “ข้าฆ่าเจ้าแล้วรึ”

ปากของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่โดนเถากลืนกินเซียนยัดไว้เต็มปากกระตุกทีหนึ่ง เหมือนก็มีเหตุผล

แม่งเอ๊ย เหตุใดเมื่อครู่ข้าไม่บังคับให้ไอ้เด็กนี่ปล่อยข้ากัน

บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าจะเล่นอุบายตัวอักษะชั้นต่ำเช่นนี้กับข้า!

มนุษย์เจ้าเล่ห์จริงๆ ดีที่ข้ายังมีแผนสำรอง!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเค้นรอยยิ้มพูด “ท่านเซียน เจ้าไม่อยากรู้หรือว่ากระดาษสีแดงอมทองนั่นคือสมบัติอะไร”

เสิ่นเทียนแบะปาก เขาเคยอ่านบทแบบนี้มานานแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกเฝ้ารอคอยสักนิด “ไม่อยากรู้”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตะลึงไป ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ “ท่านเซียนฟังหน่อยสิ! ข้ารับรองว่าเจ้าฟังจบแล้วจะต้องสนใจแน่นอน กระดาษสีแดงอมทองนั่นไม่ใช่ของธรรมดา นั่นคือคัมภีร์เทพโลหิต สุดยอดวิชาของทั้งแดนบูรพาและมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากมหาผู้อริยะธารโลหิต!”

เสิ่นเทียนเบื่อหน่ายมาก “อ้อ! แล้วอย่างไร!”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตสภาพจิตใจระเบิดกระจาย เจ้านี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกันแน่

ระยำ!

มหาผู้อริยะธารโลหิตคือมหาผู้อริยะนะ!

มีเพียงผู้อริยะที่ฝ่าด่านเคราะห์อัสนีเก้าขั้นเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ถูกเรียกว่ามหาผู้อริยะ!

อีกทั้งมหาผู้อริยะธารโลหิตยังมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในมหาผู้อริยะ

สุดยอดวิชาก้นหีบของคนใหญ่คนโตระดับสุดยอดเช่นนี้ เจ้านี่กลับไม่สนใจ? หรือว่าเขาเป็นทายาทของมหาจักรพรรดิกัน

คำด่าว่านับหมื่นวิ่งผ่านในใจ แต่เพื่อให้หลุดพ้น ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตจึงต้องทำใจแข็งเข้าไว้ “ท่านเซียนไม่รู้ คัมภีร์เทพโลหิตนี่มหัศจรรย์มาก มันทำให้ท่านแยกจิตใจกับโลหิตบริสุทธิ์ออกจากกันและสร้างร่างแยกได้

อีกทั้งกลิ่นอายพลังของร่างแยกยังเหมือนกับท่านทุกประการ เท่ากับมีสองชีวิต และยังควบคุมจิตสำนึกจากร่างจริงได้อย่างสมบูรณ์! ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับพลังเหนือกว่าท่านก็ยากจะแยกออก ยุงโลหิตระดับแก่นพลังทองที่ท่านสังหารไปก่อนหน้านี้ ความจริงคือร่างแยกของข้าเอง”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพูดไปพลางจ้องใบหน้าเสิ่นเทียนเขม็ง เขาหวังว่าเสิ่นเทียนจะมีสีหน้าตกใจหรือสนใจ

หากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะมีจุดต่อรอง เพราะคัมภีร์เทพโลหิตมีทั้งหมดสองหน้า

หน้านี้ในมือเขาเป็นเพียงบทพื้นฐาน ยังมีอีกหน้าที่เขาซ่อนไว้และมีแค่เขาที่รู้

ขอแค่เสิ่นเทียนแสดงความสนใจในมรดกสุดยอดชุดนี้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตก็จะฉวยโอกาสนี้ให้เสิ่นเทียนสาบานอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะต้องรับประกันว่าเสิ่นเทียนจะไม่มีช่องทางหาผลประโยชน์อีก!

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตผิดหวังคือ เสิ่นเทียนเพียงแค่หยิบลูกประคำออกมาจากอกเสื้อและวนเล่นไม่หยุด

ใบหน้าเขาเฉยชาเหมือนไม่ได้สนใจคัมภีร์เทพโลหิตที่ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตพูดสักนิด

ช่วงที่ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตกำลังจะสิ้นหวังนั้น ในที่สุดเสิ่นเทียนก็เอ่ยขึ้นช้าๆ

“เจ้าอยากบอกข้าว่าหน้านั้นที่ข้าได้ไปไม่ใช่คัมภีร์เทพโลหิตฉบับสมบูรณ์ ขอแค่ข้าสาบานว่าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าก็จะมอบคัมภีร์เทพโลหิตที่เหลือให้ข้ารึ”

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตตกใจแล้ว “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เสิ่นเทียนยิ้มลึกลับ เหตุใดจะไม่รู้ล่ะ เพราะข้าเห็นมาหมดแล้ว!

ในภาพโชคลิขิตของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียน เขาก็เจอกับผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ฆ่าล้างเมืองภูเขาดำเช่นกัน เฉินจงเทียนทะลวงดวงจิตดรุณด้วยแก่นพลังทองแปดรอบ แม้จะเพิ่งทะลวงดวงจิตดรุณ แต่กำลังรบเหนือกว่าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตมาก

เขาสังหารร่างแยกเสวี่ยเหวินเค่อระดับแก่นพลังทองอย่างง่ายดาย กระทั่งจับผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ซ่อนในเงามืดออกมาได้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตแพ้เฉินจงเทียนและถูกจับแล้วก็ใช้คัมภีร์เทพโลหิตมาต่อรองกัน

สุดท้ายเฉินจงเทียนตอบตกลงเงื่อนไขของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต ปล่อยเขาไป

แน่นอนว่าเงื่อนไขคือผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตจะสาบานว่าจะไม่ถ่ายทอดคัมภีร์เทพโลหิตให้ผู้ใดอีก!

เฉินจงเทียนปล่อยผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตที่ก่อกรรมทำเข็ญไปเพื่อวิชาลับสูงสุด เสิ่นเทียนขอไม่วิจารณ์แล้วกัน

เขาได้รู้ที่อยู่ของคัมภีร์เทพโลหิตอีกหน้าตั้งนานแล้ว ย่อมไม่สนใจเงื่อนไขของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตและปล่อยเขาไป!

“จิ่วเอ๋อร์ จัดการเขาที!”

ภูตผีหญิงงดงามหยาดเยิ้มเศร้าระทมตนหนึ่งลอยขึ้นมาจากลูกประคำเก้าโอรสช้าๆ

นางถือปืนปทุมฆาตเทพก่อนจะปักลงตรงระหว่างคิ้วผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต เคลื่อนตราเวท!

บึ้ม!

ตะปูเทพทะลวงเขตแดนดอกหนึ่งทะลวงและฉีกดวงจิตดรุณของผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต

ใบหน้าผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเต็มไปด้วยความไม่ยอมและเคียดแค้น “เจ้า…เจ้าสาบานแล้วว่าจะไม่สั่งให้คนอื่นฆ่าข้า!”

เสิ่นเทียนเบนสายตามองไปกลางเมืองภูเขาดำ แม้จะออกคำสั่งให้ฝูงยุงโลหิตออกไปได้ทันการ แต่แค่ไม่กี่นาทีสั้นๆ ก็ยังทำให้ในเมืองเกิดการบาดเจ็บล้มตายกันไม่น้อย!

เสิ่นเทียนดมกลิ่นคาวเลือดในอากาศพลางขยับลูกประคำเก้าโอรสอย่างเย็นชา “จิ่วเอ๋อร์ เจ้าบอกเขาสิ”

ภูตผีหญิงชุดคลุมแดงชักปืนปทุมฆาตเทพกลับมาช้าๆ ใบหน้ายิ้มแบบผู้บริสุทธิ์ “จิ่วเอ๋อร์ไม่ใช่คน แต่เป็นภูตผีหญิง”

เจ้า!

มนุษย์ เจ้าเล่ห์นัก!

ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตเบิกตาโต จิตสำนึกขุ่นมัวอย่างรวดเร็วก่อนจะสิ้นใจไป

มันตายแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่ามรดกสูงสุดอันล้ำค่าอย่างยิ่งอย่างคัมภีร์เทพโลหิต เหตุใดเจ้ามนุษย์นี่ถึงไม่สนใจสักนิดเลย!

หรือเจ้าโง่นี่คิดว่าชีวิตของคนธรรมดาเล็กจ้อยสำคัญกว่าสุดยอดคัมภีร์เซียนรึ

…..

คำถามนี้ ผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิตไม่มีวันเข้าใจแล้ว!

มันยังคงตายตกไป ตายด้วยปืนของจิ่วเอ๋อร์ ตายตาไม่หลับ

อีกด้านหนึ่ง บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียนอึ้งไปแล้ว เขาเหม่อมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมือง เวลานี้รู้สึกปวดไข่นิดๆ

ข้าทำอะไร

เดิมทีเมืองภูเขาดำมียอดค่ายกลอัสนีคุ้มกันอยู่หรือ

ข้ากลับควบรถม้าดาราพุ่งชนทำลายยอดค่ายกลอัสนีหรือ

ไม่ใช่แค่เสียม้าสวรรค์เขาเดียวสี่ตัวไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ยังทำลายรถม้าทองคำวิญญาณคันหนึ่ง ซ้ำยังทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอีก

เวรกรรม!

ก่อนบุก เหตุใดข้าไม่ใช้พลังจิตตรวจสอบเส้นทางก่อนล่ะ

นี่ถ้าแพร่งพรายไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ

ยิ่งได้ฟังคำพูดซุบซิบชี้นู่นชี้นี่ของคนมากมายในเมืองแล้ว เฉินจงเทียนเป็นบ้าไปแล้ว

ทันใดนั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็ชำเลืองตาไปเห็นร่างคุ้นเคยร่างหนึ่ง

นั่นเขา! นั่นเขา! ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเขา!

พริบตานั้น…จิตใจเขาเป็นบ้าไปยิ่งกว่าเดิม!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+