บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!
จางอวิ๋นซีลากฟางฉางกับหลี่อวิ๋นเฟิงไปแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็หมุนตัวกลับก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า หายไปเช่นกัน

นักพรตชราที่เดิมทีเตรียมจะดูอะไรสนุกอยู่ข้างๆ ตอนนี้มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ยิ่ง จากนั้นก็ตามเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป

ส่วนเหล่าศิษย์สายตรงคนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีอยากจะขึ้นไปดูบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เสิ่นเทียนที่สุขุมอย่างยิ่งก็เปิดมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ทำท่าทีว่าจะปิดด่านบำเพ็ญชั่วคราว

ด้วยเหตุนี้แม้ศิษย์สายตรงเหล่านั้นโดยเฉพาะศิษย์ผู้หญิงจะไม่ยอมมากกว่านี้ แต่ก็ได้แค่เดินสามก้าวแล้วต้องหันกลับจากไปด้วยความจนปัญญา

หลังจากส่งทุกคนไปแล้ว เสิ่นเทียนกลับมานั่งบนหินตระหนักรู้ช้าๆ ใช้มือคว้าดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นจากบนพื้นด้านข้าง

เขาฉีกกลีบดอกไม้ทีละกลีบ “ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน ไม่ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน…”

เมื่อเห็นท่าทีของเสิ่นเทียนแล้ว กุ้ยกงกงกับฉินเกาข้างกายมองตากันเหมือนมีความคิดบางอย่าง

ชวนเขาไปฝึกด้วยกันหรือ หรือว่าองค์ชายอยากจะฝึกร่วมกับองค์หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์กัน

กุ้ยกงกงซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว ในที่สุดองค์ชายก็เบิกเนตร เตรียมจะหาคู่ครองแล้วหรือ

ด้วยเสน่ห์ขององค์ชาย หากเขายอมออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง จะต้องจับนางได้อยู่หมัดแน่ ถึงตอนนั้นองค์ชายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะให้กำเนิดหลานองค์ชายน้อยอ้วนตุ๊ต๊ะสองสามคน แล้วพาไปทำความรู้จักที่หน้าโลงศพของพระสนมหลาน

พอได้เห็นหลานชายหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองปรนนิบัติจากใต้โลงศพแล้ว พระสนมหลานจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น กุ้ยกงกงก็รีบพูด “องค์ชายจะออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์รึ”

‘จะไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทำไม!

ข้าตัดต้นกุยช่ายของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว โชคลิขิตใหม่ยังไม่งอกออกมาเลย!’

ตอนนี้เสิ่นเทียนต้องอยู่ใกล้ฟางฉาง จะต้องเก็บเกี่ยวจากเขามาให้ได้!

……

จะว่าไป ดวงชะตาของศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าคนพวกนั้นในอาณาจักรต้าเหยียนเสียอีก

ที่อาณาจักรต้าเหยียน มองไปแวบแรกพื้นฐานส่วนใหญ่มีแต่วงรัศมีสีขาว มีสีเขียวอ่อนๆ ถือว่าพบเห็นได้ยาก ทว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปกติจะเป็นวงรัศมีสีเขียวแบบเดียวกันหมด เขียวสว่าง เขียวเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต

ส่วนศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหล่านั้น ทุกคนจะมีสีเขียวออกแสงสีแดง กระทั่งเป็นสีเขียวออกลายจุดสีแดง

ที่น่าเสียดายคือดวงชะตาสูงไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้จะเจอโชคลิขิตแน่นอน ยังต้องดูโอกาสด้วย

สำหรับตอนนี้ เสิ่นเทียนเห็นโชคลิขิตแค่สองคนจากในศิษย์สายตรงจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

หนึ่งคือโชคลิขิตสายฟ้าแยกน้ำของฉินอวิ๋นตี๋ อีกคนคือโชคลิขิตของฟางฉาง

ตอนนี้เสิ่นเทียนถูกฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์จับแขวนย่าง จะต้องรีบหาโชคลิขิตมายกระดับ

โชคลิขิตของบุตรแห่งโชคสีทองวาววับบนหัวฟางฉาง เขาเอาแน่!

แววตาของเสิ่นเทียนแน่วแน่ขึ้นมาทีละน้อย ในเมื่อเชิญเขาไปฝึกฝนร่วมกันไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปชิงโชคลิขิตของเขามาก่อน แล้วแบ่งให้เขาส่วนหนึ่ง!

ก็เหมือนกับตอนอยู่พระราชวังอาณาจักรต้าเหยียนก่อนหน้านี้ที่เขาไปเอาโชคลิขิตคัมภีร์มารสู่สุริยันของฉินเกามาก่อน แล้วค่อยสอนเขา

ปรากฏว่าดวงชะตาของฉินเกา ดวงชะตาของเขา รวมถึงดวงชะตาของกุ้ยกงกงเพิ่มขึ้นกันหมด

ในเมื่อโชคลิขิตของฉินเกายังทำเช่นนั้นได้ โชคลิขิตของฟางฉางก็น่าจะทำได้เช่นกัน!

อืม ตัดสินใจแล้ว แย่งของเขามาก่อนค่อยให้เขาแล้วกัน!

แววตาเสิ่นเทียนเพ่งสมาธิเล็กน้อย ค่อยๆ ตัดสินใจอยู่ภายใน

…….

แน่นอน แม้จะตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่าม

ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาต้องทำคือแย่งมหาโชคลิขิตของพี่ใหญ่วงรัศมีสีทองคนหนึ่ง นึกย้อนไปถึงมหาโชคลิขิตของทุกคนที่ผ่านมือเขามาก่อนหน้านี้ มีใครบ้างที่ได้มาง่ายๆ

คัมภีร์มารสู่สุริยันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะได้กุ้ยกงกงที่มีวงรัศมีสีเขียวช่วย เขาคงไขความลับไม่ได้

เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ฉางเกอออกมือปกป้องน้องสาว ตนคงถูกหนีเก๋อเอ่อสังหารไปแล้ว

และยังมีจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ หากเสิ่นเทียนไม่ให้จางอวิ๋นซีแต่เก็บไว้เอง คงไม่ได้เดินออกจากสวนหมื่นวิญญาณเป็นแน่

ในโลกบำเพ็ญเซียนที่โหดร้ายแห่งนี้ คนธรรมดายังซวยเพราะซ่อนเครื่องหยก ดวงชะตาไม่สูงพออย่าได้สะเพร่าไปแย่งมหาโชคลิขิตที่สุดแห่งยุค

‘ควรทำอย่างไรดีถึงจะรับประกันได้ว่าข้าจะได้โชคลิขิตของฟางฉางอย่างปลอดภัย จากนั้นเอากลับมาแบ่งให้เขาล่ะ!’

เสิ่นเทียนขบคิดอยู่นาน ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ‘ดวงชะตาข้าไม่พอก็เกาะคนอื่นก็จบแล้วนี่’

เขามองกุ้ยกงกงกับฉินเกาที่ตอนนี้มีวงรัศมีสีเขียวอมแดงและแดงอมทองบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะมองฉินอวิ๋นตี๋ที่อาศัยโชคลิขิตไฟฟ้าแยกน้ำทำให้วงรัศมีกลายเป็นสีทองสองในสามส่วน

เสิ่นเทียนมีความมั่นใจแล้ว ถ้าพาพวกเขาไปด้วยน่าจะมั่นคงขึ้นไม่น้อยกระมัง!

ถ้ายังไม่พออีก ก็คิดหาทางลากศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีไปด้วย

พึงรู้ไว้ว่าดวงชะตาของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีสูงกว่าฟางฉางไม่น้อย ไม่เชื่อหรอกว่าจะกดโชคลิขิตของเขาไว้ไม่อยู่!

อืม ตัดสินใจแบบนี้แหละ พาคนที่มีมหาดวงชะตาพวกนี้ไปฝึกฝนด้วยกัน!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ลุกขึ้นจากหินตระหนักรู้ดังพึ่บ ดวงตาแวววาว

เขาจ้องฉินอวิ๋นตี๋พลางกล่าว “ศิษย์น้อง เจ้ายินดีจะออกไปกับข้าหรือไม่”

อะไรนะ อะไรนะ อะไรนะ

ใบหน้าหล่อเหลาของฉินอวิ๋นตี๋แดงเรื่อเล็กน้อย “ศิษย์พี่หมายความว่าอย่างไร”

ฉินเกาอีกด้านอึ้งไปเช่นกัน องค์ชายทนไม่ไหวจะเปิดเผยตัวตนแล้วรึ

‘เมื่อครู่องค์ชายเหมือนจะมองข้าหลายครั้งด้วย แววตานั้นเหมือนกับตอนเจอกันครั้งแรกมาก!

หรือว่าการคาดเดาของข้าในตอนแรกจะถูกต้องจริงๆ องค์ชายไม่ตอบรับความชื่นชอบของท่านเซียนพวกนั้นก็เพราะว่า…

เฮือก บ่าวทำไม่ได้นะ!’

ฉินเกายังไม่ทันเติมเต็มจินตนาการในใจ ก็โดนเสิ่นเทียนทำลายลงอย่างไร้เยื่อใย

เขามองฉินอวิ๋นตี๋พลางพยักหน้า “ใช่ เร็วๆ นี้ศิษย์พี่ปิดด่านบำเพ็ญครึ่งเดือนทะลวงระดับสร้างฐานแล้ว ดั่งคำกล่าวว่ายิ่งเงียบความคิดยิ่งโลดแล่น ดังนั้นข้าเลยอยากออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ออกไปฝึกฝนสักระยะ ไม่รู้ว่าศิษย์น้องยินดีจะไปด้วยกันหรือไม่”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจโล่งอก ตอนแรกเบิกตาโต ตอนนี้ค่อยๆ กลับมาหรี่ลงอีกครั้ง

ที่แท้ศิษย์พี่ก็หมายความว่าแบบนี้เอง อยากจะเชิญข้าออกไปฝึกฝนด้วยกันกับเขาหรือ

ความจริงแล้วหากเป็นศิษย์พี่คนอื่นชวนฉินอวิ๋นตี๋ไปฝึกฝนละก็ เขาจะไม่ตอบตกลงอย่างแน่นอน เขาไม่ชอบออกไปข้างนอก

การได้อยู่ในละแวกแดนศักดิ์สิทธิ์ ศึกษาวิจัยยันต์ระเบิดอัสนี ปืนระเบิดอัสนีและค่ายกลระเบิดอัสนีต่างหากคือความสุขของเขา

แต่หากเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ชวนข้าละก็ เช่นนั้นระหว่างทางจะถ่ายทอดความรู้อะไรใหม่ๆ ให้ข้าหรือไม่!

ฉินอวิ๋นตี๋รู้สึกว่ายันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางกับปืนพิฆาตอสูรจะต้องยังพัฒนาไปได้สูงกว่านี้แน่ เขาหวังว่าจะได้ทำให้มันสมบูรณ์แบบพร้อมกันกับศิษย์พี่!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็พยักหน้าให้เสิ่นเทียนอย่างแน่วแน่ “ถ้าศิษย์พี่ชวนละก็ อวิ๋นตี๋ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!”

เสิ่นเทียนมองฉินเกากับกุ้ยกงกงต่อ “ลุงกุ้ย เสี่ยวเกา พวกเจ้าก็ตามข้าไปด้วยเถอะ!”

พอเห็นกุ้ยกงกงกับฉินเกาพยักหน้า ฉินอวิ๋นตี๋จึงคิดๆ แล้วก็พูดไปว่า “ในเมื่อจะออกไปฝึกฝนกัน ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รอเดี๋ยว อวิ๋นตี๋จะกลับยอดเขาบัวทองคำไปเตรียมอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นมาก่อน”

……

เอ่ยจบ ฉินอวิ๋นตี๋ก็ขี่กระบี่บินหายวับไปยังยอดเขาบัวทองคำ รวดเร็วอย่างยิ่ง

ราวสองเค่อต่อมา ฉินอวิ๋นตี๋มาโผล่ตรงหน้ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

เสิ่นเทียนกางมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาให้ฉินอวิ๋นตี๋เข้ามา ก่อนจะเห็นเขายิ้มหยีตา ยิ้มเจิดจ้ามาก

ในมือเขาสวมแหวนดอกบัวสีทองวงหนึ่ง ตอนนี้กำลังหยิบของออกมาวางข้างนอก

ยันต์สีเหลืองทองนั่นคือยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางฉบับปรับปรุง ปึกหนึ่งสูงเท่าครึ่งคน ตอนนี้กองไว้หลายสิบปึก

ลูกกลมเหล็กวิญญาณสีเงินขาวคืออัสนีหยินหยางเจาะเกราะฉบับไข่มุกเหล็ก กล่องหนึ่งมีหลายร้อยลูก ตอนนี้กองไว้เป็นชั้นๆ หลายสิบกล่อง

เสิ่นเทียนกลืนน้ำลายลงคอ แล้วมองฉินอวิ๋นตี๋ที่กำลังหรี่ตาทำหน้าพึงพอใจ

ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือไม่ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะ…เห็นกระต่ายตัวหนึ่ง!

…………………………………………….…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!
จางอวิ๋นซีลากฟางฉางกับหลี่อวิ๋นเฟิงไปแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็หมุนตัวกลับก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า หายไปเช่นกัน

นักพรตชราที่เดิมทีเตรียมจะดูอะไรสนุกอยู่ข้างๆ ตอนนี้มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ยิ่ง จากนั้นก็ตามเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป

ส่วนเหล่าศิษย์สายตรงคนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีอยากจะขึ้นไปดูบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เสิ่นเทียนที่สุขุมอย่างยิ่งก็เปิดมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ทำท่าทีว่าจะปิดด่านบำเพ็ญชั่วคราว

ด้วยเหตุนี้แม้ศิษย์สายตรงเหล่านั้นโดยเฉพาะศิษย์ผู้หญิงจะไม่ยอมมากกว่านี้ แต่ก็ได้แค่เดินสามก้าวแล้วต้องหันกลับจากไปด้วยความจนปัญญา

หลังจากส่งทุกคนไปแล้ว เสิ่นเทียนกลับมานั่งบนหินตระหนักรู้ช้าๆ ใช้มือคว้าดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นจากบนพื้นด้านข้าง

เขาฉีกกลีบดอกไม้ทีละกลีบ “ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน ไม่ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน…”

เมื่อเห็นท่าทีของเสิ่นเทียนแล้ว กุ้ยกงกงกับฉินเกาข้างกายมองตากันเหมือนมีความคิดบางอย่าง

ชวนเขาไปฝึกด้วยกันหรือ หรือว่าองค์ชายอยากจะฝึกร่วมกับองค์หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์กัน

กุ้ยกงกงซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว ในที่สุดองค์ชายก็เบิกเนตร เตรียมจะหาคู่ครองแล้วหรือ

ด้วยเสน่ห์ขององค์ชาย หากเขายอมออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง จะต้องจับนางได้อยู่หมัดแน่ ถึงตอนนั้นองค์ชายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะให้กำเนิดหลานองค์ชายน้อยอ้วนตุ๊ต๊ะสองสามคน แล้วพาไปทำความรู้จักที่หน้าโลงศพของพระสนมหลาน

พอได้เห็นหลานชายหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองปรนนิบัติจากใต้โลงศพแล้ว พระสนมหลานจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น กุ้ยกงกงก็รีบพูด “องค์ชายจะออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์รึ”

‘จะไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทำไม!

ข้าตัดต้นกุยช่ายของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว โชคลิขิตใหม่ยังไม่งอกออกมาเลย!’

ตอนนี้เสิ่นเทียนต้องอยู่ใกล้ฟางฉาง จะต้องเก็บเกี่ยวจากเขามาให้ได้!

……

จะว่าไป ดวงชะตาของศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าคนพวกนั้นในอาณาจักรต้าเหยียนเสียอีก

ที่อาณาจักรต้าเหยียน มองไปแวบแรกพื้นฐานส่วนใหญ่มีแต่วงรัศมีสีขาว มีสีเขียวอ่อนๆ ถือว่าพบเห็นได้ยาก ทว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปกติจะเป็นวงรัศมีสีเขียวแบบเดียวกันหมด เขียวสว่าง เขียวเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต

ส่วนศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหล่านั้น ทุกคนจะมีสีเขียวออกแสงสีแดง กระทั่งเป็นสีเขียวออกลายจุดสีแดง

ที่น่าเสียดายคือดวงชะตาสูงไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้จะเจอโชคลิขิตแน่นอน ยังต้องดูโอกาสด้วย

สำหรับตอนนี้ เสิ่นเทียนเห็นโชคลิขิตแค่สองคนจากในศิษย์สายตรงจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

หนึ่งคือโชคลิขิตสายฟ้าแยกน้ำของฉินอวิ๋นตี๋ อีกคนคือโชคลิขิตของฟางฉาง

ตอนนี้เสิ่นเทียนถูกฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์จับแขวนย่าง จะต้องรีบหาโชคลิขิตมายกระดับ

โชคลิขิตของบุตรแห่งโชคสีทองวาววับบนหัวฟางฉาง เขาเอาแน่!

แววตาของเสิ่นเทียนแน่วแน่ขึ้นมาทีละน้อย ในเมื่อเชิญเขาไปฝึกฝนร่วมกันไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปชิงโชคลิขิตของเขามาก่อน แล้วแบ่งให้เขาส่วนหนึ่ง!

ก็เหมือนกับตอนอยู่พระราชวังอาณาจักรต้าเหยียนก่อนหน้านี้ที่เขาไปเอาโชคลิขิตคัมภีร์มารสู่สุริยันของฉินเกามาก่อน แล้วค่อยสอนเขา

ปรากฏว่าดวงชะตาของฉินเกา ดวงชะตาของเขา รวมถึงดวงชะตาของกุ้ยกงกงเพิ่มขึ้นกันหมด

ในเมื่อโชคลิขิตของฉินเกายังทำเช่นนั้นได้ โชคลิขิตของฟางฉางก็น่าจะทำได้เช่นกัน!

อืม ตัดสินใจแล้ว แย่งของเขามาก่อนค่อยให้เขาแล้วกัน!

แววตาเสิ่นเทียนเพ่งสมาธิเล็กน้อย ค่อยๆ ตัดสินใจอยู่ภายใน

…….

แน่นอน แม้จะตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่าม

ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาต้องทำคือแย่งมหาโชคลิขิตของพี่ใหญ่วงรัศมีสีทองคนหนึ่ง นึกย้อนไปถึงมหาโชคลิขิตของทุกคนที่ผ่านมือเขามาก่อนหน้านี้ มีใครบ้างที่ได้มาง่ายๆ

คัมภีร์มารสู่สุริยันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะได้กุ้ยกงกงที่มีวงรัศมีสีเขียวช่วย เขาคงไขความลับไม่ได้

เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ฉางเกอออกมือปกป้องน้องสาว ตนคงถูกหนีเก๋อเอ่อสังหารไปแล้ว

และยังมีจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ หากเสิ่นเทียนไม่ให้จางอวิ๋นซีแต่เก็บไว้เอง คงไม่ได้เดินออกจากสวนหมื่นวิญญาณเป็นแน่

ในโลกบำเพ็ญเซียนที่โหดร้ายแห่งนี้ คนธรรมดายังซวยเพราะซ่อนเครื่องหยก ดวงชะตาไม่สูงพออย่าได้สะเพร่าไปแย่งมหาโชคลิขิตที่สุดแห่งยุค

‘ควรทำอย่างไรดีถึงจะรับประกันได้ว่าข้าจะได้โชคลิขิตของฟางฉางอย่างปลอดภัย จากนั้นเอากลับมาแบ่งให้เขาล่ะ!’

เสิ่นเทียนขบคิดอยู่นาน ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ‘ดวงชะตาข้าไม่พอก็เกาะคนอื่นก็จบแล้วนี่’

เขามองกุ้ยกงกงกับฉินเกาที่ตอนนี้มีวงรัศมีสีเขียวอมแดงและแดงอมทองบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะมองฉินอวิ๋นตี๋ที่อาศัยโชคลิขิตไฟฟ้าแยกน้ำทำให้วงรัศมีกลายเป็นสีทองสองในสามส่วน

เสิ่นเทียนมีความมั่นใจแล้ว ถ้าพาพวกเขาไปด้วยน่าจะมั่นคงขึ้นไม่น้อยกระมัง!

ถ้ายังไม่พออีก ก็คิดหาทางลากศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีไปด้วย

พึงรู้ไว้ว่าดวงชะตาของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีสูงกว่าฟางฉางไม่น้อย ไม่เชื่อหรอกว่าจะกดโชคลิขิตของเขาไว้ไม่อยู่!

อืม ตัดสินใจแบบนี้แหละ พาคนที่มีมหาดวงชะตาพวกนี้ไปฝึกฝนด้วยกัน!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ลุกขึ้นจากหินตระหนักรู้ดังพึ่บ ดวงตาแวววาว

เขาจ้องฉินอวิ๋นตี๋พลางกล่าว “ศิษย์น้อง เจ้ายินดีจะออกไปกับข้าหรือไม่”

อะไรนะ อะไรนะ อะไรนะ

ใบหน้าหล่อเหลาของฉินอวิ๋นตี๋แดงเรื่อเล็กน้อย “ศิษย์พี่หมายความว่าอย่างไร”

ฉินเกาอีกด้านอึ้งไปเช่นกัน องค์ชายทนไม่ไหวจะเปิดเผยตัวตนแล้วรึ

‘เมื่อครู่องค์ชายเหมือนจะมองข้าหลายครั้งด้วย แววตานั้นเหมือนกับตอนเจอกันครั้งแรกมาก!

หรือว่าการคาดเดาของข้าในตอนแรกจะถูกต้องจริงๆ องค์ชายไม่ตอบรับความชื่นชอบของท่านเซียนพวกนั้นก็เพราะว่า…

เฮือก บ่าวทำไม่ได้นะ!’

ฉินเกายังไม่ทันเติมเต็มจินตนาการในใจ ก็โดนเสิ่นเทียนทำลายลงอย่างไร้เยื่อใย

เขามองฉินอวิ๋นตี๋พลางพยักหน้า “ใช่ เร็วๆ นี้ศิษย์พี่ปิดด่านบำเพ็ญครึ่งเดือนทะลวงระดับสร้างฐานแล้ว ดั่งคำกล่าวว่ายิ่งเงียบความคิดยิ่งโลดแล่น ดังนั้นข้าเลยอยากออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ออกไปฝึกฝนสักระยะ ไม่รู้ว่าศิษย์น้องยินดีจะไปด้วยกันหรือไม่”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจโล่งอก ตอนแรกเบิกตาโต ตอนนี้ค่อยๆ กลับมาหรี่ลงอีกครั้ง

ที่แท้ศิษย์พี่ก็หมายความว่าแบบนี้เอง อยากจะเชิญข้าออกไปฝึกฝนด้วยกันกับเขาหรือ

ความจริงแล้วหากเป็นศิษย์พี่คนอื่นชวนฉินอวิ๋นตี๋ไปฝึกฝนละก็ เขาจะไม่ตอบตกลงอย่างแน่นอน เขาไม่ชอบออกไปข้างนอก

การได้อยู่ในละแวกแดนศักดิ์สิทธิ์ ศึกษาวิจัยยันต์ระเบิดอัสนี ปืนระเบิดอัสนีและค่ายกลระเบิดอัสนีต่างหากคือความสุขของเขา

แต่หากเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ชวนข้าละก็ เช่นนั้นระหว่างทางจะถ่ายทอดความรู้อะไรใหม่ๆ ให้ข้าหรือไม่!

ฉินอวิ๋นตี๋รู้สึกว่ายันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางกับปืนพิฆาตอสูรจะต้องยังพัฒนาไปได้สูงกว่านี้แน่ เขาหวังว่าจะได้ทำให้มันสมบูรณ์แบบพร้อมกันกับศิษย์พี่!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็พยักหน้าให้เสิ่นเทียนอย่างแน่วแน่ “ถ้าศิษย์พี่ชวนละก็ อวิ๋นตี๋ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!”

เสิ่นเทียนมองฉินเกากับกุ้ยกงกงต่อ “ลุงกุ้ย เสี่ยวเกา พวกเจ้าก็ตามข้าไปด้วยเถอะ!”

พอเห็นกุ้ยกงกงกับฉินเกาพยักหน้า ฉินอวิ๋นตี๋จึงคิดๆ แล้วก็พูดไปว่า “ในเมื่อจะออกไปฝึกฝนกัน ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รอเดี๋ยว อวิ๋นตี๋จะกลับยอดเขาบัวทองคำไปเตรียมอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นมาก่อน”

……

เอ่ยจบ ฉินอวิ๋นตี๋ก็ขี่กระบี่บินหายวับไปยังยอดเขาบัวทองคำ รวดเร็วอย่างยิ่ง

ราวสองเค่อต่อมา ฉินอวิ๋นตี๋มาโผล่ตรงหน้ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

เสิ่นเทียนกางมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาให้ฉินอวิ๋นตี๋เข้ามา ก่อนจะเห็นเขายิ้มหยีตา ยิ้มเจิดจ้ามาก

ในมือเขาสวมแหวนดอกบัวสีทองวงหนึ่ง ตอนนี้กำลังหยิบของออกมาวางข้างนอก

ยันต์สีเหลืองทองนั่นคือยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางฉบับปรับปรุง ปึกหนึ่งสูงเท่าครึ่งคน ตอนนี้กองไว้หลายสิบปึก

ลูกกลมเหล็กวิญญาณสีเงินขาวคืออัสนีหยินหยางเจาะเกราะฉบับไข่มุกเหล็ก กล่องหนึ่งมีหลายร้อยลูก ตอนนี้กองไว้เป็นชั้นๆ หลายสิบกล่อง

เสิ่นเทียนกลืนน้ำลายลงคอ แล้วมองฉินอวิ๋นตี๋ที่กำลังหรี่ตาทำหน้าพึงพอใจ

ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือไม่ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะ…เห็นกระต่ายตัวหนึ่ง!

…………………………………………….…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!
จางอวิ๋นซีลากฟางฉางกับหลี่อวิ๋นเฟิงไปแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็หมุนตัวกลับก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า หายไปเช่นกัน

นักพรตชราที่เดิมทีเตรียมจะดูอะไรสนุกอยู่ข้างๆ ตอนนี้มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ยิ่ง จากนั้นก็ตามเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป

ส่วนเหล่าศิษย์สายตรงคนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีอยากจะขึ้นไปดูบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เสิ่นเทียนที่สุขุมอย่างยิ่งก็เปิดมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ทำท่าทีว่าจะปิดด่านบำเพ็ญชั่วคราว

ด้วยเหตุนี้แม้ศิษย์สายตรงเหล่านั้นโดยเฉพาะศิษย์ผู้หญิงจะไม่ยอมมากกว่านี้ แต่ก็ได้แค่เดินสามก้าวแล้วต้องหันกลับจากไปด้วยความจนปัญญา

หลังจากส่งทุกคนไปแล้ว เสิ่นเทียนกลับมานั่งบนหินตระหนักรู้ช้าๆ ใช้มือคว้าดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นจากบนพื้นด้านข้าง

เขาฉีกกลีบดอกไม้ทีละกลีบ “ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน ไม่ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน…”

เมื่อเห็นท่าทีของเสิ่นเทียนแล้ว กุ้ยกงกงกับฉินเกาข้างกายมองตากันเหมือนมีความคิดบางอย่าง

ชวนเขาไปฝึกด้วยกันหรือ หรือว่าองค์ชายอยากจะฝึกร่วมกับองค์หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์กัน

กุ้ยกงกงซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว ในที่สุดองค์ชายก็เบิกเนตร เตรียมจะหาคู่ครองแล้วหรือ

ด้วยเสน่ห์ขององค์ชาย หากเขายอมออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง จะต้องจับนางได้อยู่หมัดแน่ ถึงตอนนั้นองค์ชายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะให้กำเนิดหลานองค์ชายน้อยอ้วนตุ๊ต๊ะสองสามคน แล้วพาไปทำความรู้จักที่หน้าโลงศพของพระสนมหลาน

พอได้เห็นหลานชายหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองปรนนิบัติจากใต้โลงศพแล้ว พระสนมหลานจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น กุ้ยกงกงก็รีบพูด “องค์ชายจะออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์รึ”

‘จะไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทำไม!

ข้าตัดต้นกุยช่ายของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว โชคลิขิตใหม่ยังไม่งอกออกมาเลย!’

ตอนนี้เสิ่นเทียนต้องอยู่ใกล้ฟางฉาง จะต้องเก็บเกี่ยวจากเขามาให้ได้!

……

จะว่าไป ดวงชะตาของศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าคนพวกนั้นในอาณาจักรต้าเหยียนเสียอีก

ที่อาณาจักรต้าเหยียน มองไปแวบแรกพื้นฐานส่วนใหญ่มีแต่วงรัศมีสีขาว มีสีเขียวอ่อนๆ ถือว่าพบเห็นได้ยาก ทว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปกติจะเป็นวงรัศมีสีเขียวแบบเดียวกันหมด เขียวสว่าง เขียวเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต

ส่วนศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหล่านั้น ทุกคนจะมีสีเขียวออกแสงสีแดง กระทั่งเป็นสีเขียวออกลายจุดสีแดง

ที่น่าเสียดายคือดวงชะตาสูงไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้จะเจอโชคลิขิตแน่นอน ยังต้องดูโอกาสด้วย

สำหรับตอนนี้ เสิ่นเทียนเห็นโชคลิขิตแค่สองคนจากในศิษย์สายตรงจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

หนึ่งคือโชคลิขิตสายฟ้าแยกน้ำของฉินอวิ๋นตี๋ อีกคนคือโชคลิขิตของฟางฉาง

ตอนนี้เสิ่นเทียนถูกฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์จับแขวนย่าง จะต้องรีบหาโชคลิขิตมายกระดับ

โชคลิขิตของบุตรแห่งโชคสีทองวาววับบนหัวฟางฉาง เขาเอาแน่!

แววตาของเสิ่นเทียนแน่วแน่ขึ้นมาทีละน้อย ในเมื่อเชิญเขาไปฝึกฝนร่วมกันไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปชิงโชคลิขิตของเขามาก่อน แล้วแบ่งให้เขาส่วนหนึ่ง!

ก็เหมือนกับตอนอยู่พระราชวังอาณาจักรต้าเหยียนก่อนหน้านี้ที่เขาไปเอาโชคลิขิตคัมภีร์มารสู่สุริยันของฉินเกามาก่อน แล้วค่อยสอนเขา

ปรากฏว่าดวงชะตาของฉินเกา ดวงชะตาของเขา รวมถึงดวงชะตาของกุ้ยกงกงเพิ่มขึ้นกันหมด

ในเมื่อโชคลิขิตของฉินเกายังทำเช่นนั้นได้ โชคลิขิตของฟางฉางก็น่าจะทำได้เช่นกัน!

อืม ตัดสินใจแล้ว แย่งของเขามาก่อนค่อยให้เขาแล้วกัน!

แววตาเสิ่นเทียนเพ่งสมาธิเล็กน้อย ค่อยๆ ตัดสินใจอยู่ภายใน

…….

แน่นอน แม้จะตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่าม

ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาต้องทำคือแย่งมหาโชคลิขิตของพี่ใหญ่วงรัศมีสีทองคนหนึ่ง นึกย้อนไปถึงมหาโชคลิขิตของทุกคนที่ผ่านมือเขามาก่อนหน้านี้ มีใครบ้างที่ได้มาง่ายๆ

คัมภีร์มารสู่สุริยันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะได้กุ้ยกงกงที่มีวงรัศมีสีเขียวช่วย เขาคงไขความลับไม่ได้

เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ฉางเกอออกมือปกป้องน้องสาว ตนคงถูกหนีเก๋อเอ่อสังหารไปแล้ว

และยังมีจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ หากเสิ่นเทียนไม่ให้จางอวิ๋นซีแต่เก็บไว้เอง คงไม่ได้เดินออกจากสวนหมื่นวิญญาณเป็นแน่

ในโลกบำเพ็ญเซียนที่โหดร้ายแห่งนี้ คนธรรมดายังซวยเพราะซ่อนเครื่องหยก ดวงชะตาไม่สูงพออย่าได้สะเพร่าไปแย่งมหาโชคลิขิตที่สุดแห่งยุค

‘ควรทำอย่างไรดีถึงจะรับประกันได้ว่าข้าจะได้โชคลิขิตของฟางฉางอย่างปลอดภัย จากนั้นเอากลับมาแบ่งให้เขาล่ะ!’

เสิ่นเทียนขบคิดอยู่นาน ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ‘ดวงชะตาข้าไม่พอก็เกาะคนอื่นก็จบแล้วนี่’

เขามองกุ้ยกงกงกับฉินเกาที่ตอนนี้มีวงรัศมีสีเขียวอมแดงและแดงอมทองบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะมองฉินอวิ๋นตี๋ที่อาศัยโชคลิขิตไฟฟ้าแยกน้ำทำให้วงรัศมีกลายเป็นสีทองสองในสามส่วน

เสิ่นเทียนมีความมั่นใจแล้ว ถ้าพาพวกเขาไปด้วยน่าจะมั่นคงขึ้นไม่น้อยกระมัง!

ถ้ายังไม่พออีก ก็คิดหาทางลากศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีไปด้วย

พึงรู้ไว้ว่าดวงชะตาของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีสูงกว่าฟางฉางไม่น้อย ไม่เชื่อหรอกว่าจะกดโชคลิขิตของเขาไว้ไม่อยู่!

อืม ตัดสินใจแบบนี้แหละ พาคนที่มีมหาดวงชะตาพวกนี้ไปฝึกฝนด้วยกัน!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ลุกขึ้นจากหินตระหนักรู้ดังพึ่บ ดวงตาแวววาว

เขาจ้องฉินอวิ๋นตี๋พลางกล่าว “ศิษย์น้อง เจ้ายินดีจะออกไปกับข้าหรือไม่”

อะไรนะ อะไรนะ อะไรนะ

ใบหน้าหล่อเหลาของฉินอวิ๋นตี๋แดงเรื่อเล็กน้อย “ศิษย์พี่หมายความว่าอย่างไร”

ฉินเกาอีกด้านอึ้งไปเช่นกัน องค์ชายทนไม่ไหวจะเปิดเผยตัวตนแล้วรึ

‘เมื่อครู่องค์ชายเหมือนจะมองข้าหลายครั้งด้วย แววตานั้นเหมือนกับตอนเจอกันครั้งแรกมาก!

หรือว่าการคาดเดาของข้าในตอนแรกจะถูกต้องจริงๆ องค์ชายไม่ตอบรับความชื่นชอบของท่านเซียนพวกนั้นก็เพราะว่า…

เฮือก บ่าวทำไม่ได้นะ!’

ฉินเกายังไม่ทันเติมเต็มจินตนาการในใจ ก็โดนเสิ่นเทียนทำลายลงอย่างไร้เยื่อใย

เขามองฉินอวิ๋นตี๋พลางพยักหน้า “ใช่ เร็วๆ นี้ศิษย์พี่ปิดด่านบำเพ็ญครึ่งเดือนทะลวงระดับสร้างฐานแล้ว ดั่งคำกล่าวว่ายิ่งเงียบความคิดยิ่งโลดแล่น ดังนั้นข้าเลยอยากออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ออกไปฝึกฝนสักระยะ ไม่รู้ว่าศิษย์น้องยินดีจะไปด้วยกันหรือไม่”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจโล่งอก ตอนแรกเบิกตาโต ตอนนี้ค่อยๆ กลับมาหรี่ลงอีกครั้ง

ที่แท้ศิษย์พี่ก็หมายความว่าแบบนี้เอง อยากจะเชิญข้าออกไปฝึกฝนด้วยกันกับเขาหรือ

ความจริงแล้วหากเป็นศิษย์พี่คนอื่นชวนฉินอวิ๋นตี๋ไปฝึกฝนละก็ เขาจะไม่ตอบตกลงอย่างแน่นอน เขาไม่ชอบออกไปข้างนอก

การได้อยู่ในละแวกแดนศักดิ์สิทธิ์ ศึกษาวิจัยยันต์ระเบิดอัสนี ปืนระเบิดอัสนีและค่ายกลระเบิดอัสนีต่างหากคือความสุขของเขา

แต่หากเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ชวนข้าละก็ เช่นนั้นระหว่างทางจะถ่ายทอดความรู้อะไรใหม่ๆ ให้ข้าหรือไม่!

ฉินอวิ๋นตี๋รู้สึกว่ายันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางกับปืนพิฆาตอสูรจะต้องยังพัฒนาไปได้สูงกว่านี้แน่ เขาหวังว่าจะได้ทำให้มันสมบูรณ์แบบพร้อมกันกับศิษย์พี่!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็พยักหน้าให้เสิ่นเทียนอย่างแน่วแน่ “ถ้าศิษย์พี่ชวนละก็ อวิ๋นตี๋ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!”

เสิ่นเทียนมองฉินเกากับกุ้ยกงกงต่อ “ลุงกุ้ย เสี่ยวเกา พวกเจ้าก็ตามข้าไปด้วยเถอะ!”

พอเห็นกุ้ยกงกงกับฉินเกาพยักหน้า ฉินอวิ๋นตี๋จึงคิดๆ แล้วก็พูดไปว่า “ในเมื่อจะออกไปฝึกฝนกัน ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รอเดี๋ยว อวิ๋นตี๋จะกลับยอดเขาบัวทองคำไปเตรียมอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นมาก่อน”

……

เอ่ยจบ ฉินอวิ๋นตี๋ก็ขี่กระบี่บินหายวับไปยังยอดเขาบัวทองคำ รวดเร็วอย่างยิ่ง

ราวสองเค่อต่อมา ฉินอวิ๋นตี๋มาโผล่ตรงหน้ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

เสิ่นเทียนกางมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาให้ฉินอวิ๋นตี๋เข้ามา ก่อนจะเห็นเขายิ้มหยีตา ยิ้มเจิดจ้ามาก

ในมือเขาสวมแหวนดอกบัวสีทองวงหนึ่ง ตอนนี้กำลังหยิบของออกมาวางข้างนอก

ยันต์สีเหลืองทองนั่นคือยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางฉบับปรับปรุง ปึกหนึ่งสูงเท่าครึ่งคน ตอนนี้กองไว้หลายสิบปึก

ลูกกลมเหล็กวิญญาณสีเงินขาวคืออัสนีหยินหยางเจาะเกราะฉบับไข่มุกเหล็ก กล่องหนึ่งมีหลายร้อยลูก ตอนนี้กองไว้เป็นชั้นๆ หลายสิบกล่อง

เสิ่นเทียนกลืนน้ำลายลงคอ แล้วมองฉินอวิ๋นตี๋ที่กำลังหรี่ตาทำหน้าพึงพอใจ

ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือไม่ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะ…เห็นกระต่ายตัวหนึ่ง!

…………………………………………….…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 122 ศิษย์น้อง เจ้าเหมือนกระต่ายเลย!
จางอวิ๋นซีลากฟางฉางกับหลี่อวิ๋นเฟิงไปแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็หมุนตัวกลับก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า หายไปเช่นกัน

นักพรตชราที่เดิมทีเตรียมจะดูอะไรสนุกอยู่ข้างๆ ตอนนี้มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ยิ่ง จากนั้นก็ตามเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป

ส่วนเหล่าศิษย์สายตรงคนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีอยากจะขึ้นไปดูบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ทว่าหลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เสิ่นเทียนที่สุขุมอย่างยิ่งก็เปิดมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาของยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ทำท่าทีว่าจะปิดด่านบำเพ็ญชั่วคราว

ด้วยเหตุนี้แม้ศิษย์สายตรงเหล่านั้นโดยเฉพาะศิษย์ผู้หญิงจะไม่ยอมมากกว่านี้ แต่ก็ได้แค่เดินสามก้าวแล้วต้องหันกลับจากไปด้วยความจนปัญญา

หลังจากส่งทุกคนไปแล้ว เสิ่นเทียนกลับมานั่งบนหินตระหนักรู้ช้าๆ ใช้มือคว้าดอกไม้ดอกหนึ่งขึ้นจากบนพื้นด้านข้าง

เขาฉีกกลีบดอกไม้ทีละกลีบ “ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน ไม่ชวนเขาไปฝึกด้วยกัน…”

เมื่อเห็นท่าทีของเสิ่นเทียนแล้ว กุ้ยกงกงกับฉินเกาข้างกายมองตากันเหมือนมีความคิดบางอย่าง

ชวนเขาไปฝึกด้วยกันหรือ หรือว่าองค์ชายอยากจะฝึกร่วมกับองค์หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์กัน

กุ้ยกงกงซาบซึ้งใจจนกระบอกตาร้อนผ่าว ในที่สุดองค์ชายก็เบิกเนตร เตรียมจะหาคู่ครองแล้วหรือ

ด้วยเสน่ห์ขององค์ชาย หากเขายอมออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง จะต้องจับนางได้อยู่หมัดแน่ ถึงตอนนั้นองค์ชายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะให้กำเนิดหลานองค์ชายน้อยอ้วนตุ๊ต๊ะสองสามคน แล้วพาไปทำความรู้จักที่หน้าโลงศพของพระสนมหลาน

พอได้เห็นหลานชายหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองปรนนิบัติจากใต้โลงศพแล้ว พระสนมหลานจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น กุ้ยกงกงก็รีบพูด “องค์ชายจะออกไปฝึกฝนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์รึ”

‘จะไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทำไม!

ข้าตัดต้นกุยช่ายของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว โชคลิขิตใหม่ยังไม่งอกออกมาเลย!’

ตอนนี้เสิ่นเทียนต้องอยู่ใกล้ฟางฉาง จะต้องเก็บเกี่ยวจากเขามาให้ได้!

……

จะว่าไป ดวงชะตาของศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าคนพวกนั้นในอาณาจักรต้าเหยียนเสียอีก

ที่อาณาจักรต้าเหยียน มองไปแวบแรกพื้นฐานส่วนใหญ่มีแต่วงรัศมีสีขาว มีสีเขียวอ่อนๆ ถือว่าพบเห็นได้ยาก ทว่าในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปกติจะเป็นวงรัศมีสีเขียวแบบเดียวกันหมด เขียวสว่าง เขียวเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต

ส่วนศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหล่านั้น ทุกคนจะมีสีเขียวออกแสงสีแดง กระทั่งเป็นสีเขียวออกลายจุดสีแดง

ที่น่าเสียดายคือดวงชะตาสูงไม่ได้หมายความว่าช่วงนี้จะเจอโชคลิขิตแน่นอน ยังต้องดูโอกาสด้วย

สำหรับตอนนี้ เสิ่นเทียนเห็นโชคลิขิตแค่สองคนจากในศิษย์สายตรงจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

หนึ่งคือโชคลิขิตสายฟ้าแยกน้ำของฉินอวิ๋นตี๋ อีกคนคือโชคลิขิตของฟางฉาง

ตอนนี้เสิ่นเทียนถูกฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์จับแขวนย่าง จะต้องรีบหาโชคลิขิตมายกระดับ

โชคลิขิตของบุตรแห่งโชคสีทองวาววับบนหัวฟางฉาง เขาเอาแน่!

แววตาของเสิ่นเทียนแน่วแน่ขึ้นมาทีละน้อย ในเมื่อเชิญเขาไปฝึกฝนร่วมกันไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไปชิงโชคลิขิตของเขามาก่อน แล้วแบ่งให้เขาส่วนหนึ่ง!

ก็เหมือนกับตอนอยู่พระราชวังอาณาจักรต้าเหยียนก่อนหน้านี้ที่เขาไปเอาโชคลิขิตคัมภีร์มารสู่สุริยันของฉินเกามาก่อน แล้วค่อยสอนเขา

ปรากฏว่าดวงชะตาของฉินเกา ดวงชะตาของเขา รวมถึงดวงชะตาของกุ้ยกงกงเพิ่มขึ้นกันหมด

ในเมื่อโชคลิขิตของฉินเกายังทำเช่นนั้นได้ โชคลิขิตของฟางฉางก็น่าจะทำได้เช่นกัน!

อืม ตัดสินใจแล้ว แย่งของเขามาก่อนค่อยให้เขาแล้วกัน!

แววตาเสิ่นเทียนเพ่งสมาธิเล็กน้อย ค่อยๆ ตัดสินใจอยู่ภายใน

…….

แน่นอน แม้จะตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่าม

ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาต้องทำคือแย่งมหาโชคลิขิตของพี่ใหญ่วงรัศมีสีทองคนหนึ่ง นึกย้อนไปถึงมหาโชคลิขิตของทุกคนที่ผ่านมือเขามาก่อนหน้านี้ มีใครบ้างที่ได้มาง่ายๆ

คัมภีร์มารสู่สุริยันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะได้กุ้ยกงกงที่มีวงรัศมีสีเขียวช่วย เขาคงไขความลับไม่ได้

เมล็ดน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่ฉางเกอออกมือปกป้องน้องสาว ตนคงถูกหนีเก๋อเอ่อสังหารไปแล้ว

และยังมีจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ หากเสิ่นเทียนไม่ให้จางอวิ๋นซีแต่เก็บไว้เอง คงไม่ได้เดินออกจากสวนหมื่นวิญญาณเป็นแน่

ในโลกบำเพ็ญเซียนที่โหดร้ายแห่งนี้ คนธรรมดายังซวยเพราะซ่อนเครื่องหยก ดวงชะตาไม่สูงพออย่าได้สะเพร่าไปแย่งมหาโชคลิขิตที่สุดแห่งยุค

‘ควรทำอย่างไรดีถึงจะรับประกันได้ว่าข้าจะได้โชคลิขิตของฟางฉางอย่างปลอดภัย จากนั้นเอากลับมาแบ่งให้เขาล่ะ!’

เสิ่นเทียนขบคิดอยู่นาน ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ‘ดวงชะตาข้าไม่พอก็เกาะคนอื่นก็จบแล้วนี่’

เขามองกุ้ยกงกงกับฉินเกาที่ตอนนี้มีวงรัศมีสีเขียวอมแดงและแดงอมทองบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะมองฉินอวิ๋นตี๋ที่อาศัยโชคลิขิตไฟฟ้าแยกน้ำทำให้วงรัศมีกลายเป็นสีทองสองในสามส่วน

เสิ่นเทียนมีความมั่นใจแล้ว ถ้าพาพวกเขาไปด้วยน่าจะมั่นคงขึ้นไม่น้อยกระมัง!

ถ้ายังไม่พออีก ก็คิดหาทางลากศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีไปด้วย

พึงรู้ไว้ว่าดวงชะตาของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีสูงกว่าฟางฉางไม่น้อย ไม่เชื่อหรอกว่าจะกดโชคลิขิตของเขาไว้ไม่อยู่!

อืม ตัดสินใจแบบนี้แหละ พาคนที่มีมหาดวงชะตาพวกนี้ไปฝึกฝนด้วยกัน!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็ลุกขึ้นจากหินตระหนักรู้ดังพึ่บ ดวงตาแวววาว

เขาจ้องฉินอวิ๋นตี๋พลางกล่าว “ศิษย์น้อง เจ้ายินดีจะออกไปกับข้าหรือไม่”

อะไรนะ อะไรนะ อะไรนะ

ใบหน้าหล่อเหลาของฉินอวิ๋นตี๋แดงเรื่อเล็กน้อย “ศิษย์พี่หมายความว่าอย่างไร”

ฉินเกาอีกด้านอึ้งไปเช่นกัน องค์ชายทนไม่ไหวจะเปิดเผยตัวตนแล้วรึ

‘เมื่อครู่องค์ชายเหมือนจะมองข้าหลายครั้งด้วย แววตานั้นเหมือนกับตอนเจอกันครั้งแรกมาก!

หรือว่าการคาดเดาของข้าในตอนแรกจะถูกต้องจริงๆ องค์ชายไม่ตอบรับความชื่นชอบของท่านเซียนพวกนั้นก็เพราะว่า…

เฮือก บ่าวทำไม่ได้นะ!’

ฉินเกายังไม่ทันเติมเต็มจินตนาการในใจ ก็โดนเสิ่นเทียนทำลายลงอย่างไร้เยื่อใย

เขามองฉินอวิ๋นตี๋พลางพยักหน้า “ใช่ เร็วๆ นี้ศิษย์พี่ปิดด่านบำเพ็ญครึ่งเดือนทะลวงระดับสร้างฐานแล้ว ดั่งคำกล่าวว่ายิ่งเงียบความคิดยิ่งโลดแล่น ดังนั้นข้าเลยอยากออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ออกไปฝึกฝนสักระยะ ไม่รู้ว่าศิษย์น้องยินดีจะไปด้วยกันหรือไม่”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ฉินอวิ๋นตี๋ถอนหายใจโล่งอก ตอนแรกเบิกตาโต ตอนนี้ค่อยๆ กลับมาหรี่ลงอีกครั้ง

ที่แท้ศิษย์พี่ก็หมายความว่าแบบนี้เอง อยากจะเชิญข้าออกไปฝึกฝนด้วยกันกับเขาหรือ

ความจริงแล้วหากเป็นศิษย์พี่คนอื่นชวนฉินอวิ๋นตี๋ไปฝึกฝนละก็ เขาจะไม่ตอบตกลงอย่างแน่นอน เขาไม่ชอบออกไปข้างนอก

การได้อยู่ในละแวกแดนศักดิ์สิทธิ์ ศึกษาวิจัยยันต์ระเบิดอัสนี ปืนระเบิดอัสนีและค่ายกลระเบิดอัสนีต่างหากคือความสุขของเขา

แต่หากเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ชวนข้าละก็ เช่นนั้นระหว่างทางจะถ่ายทอดความรู้อะไรใหม่ๆ ให้ข้าหรือไม่!

ฉินอวิ๋นตี๋รู้สึกว่ายันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางกับปืนพิฆาตอสูรจะต้องยังพัฒนาไปได้สูงกว่านี้แน่ เขาหวังว่าจะได้ทำให้มันสมบูรณ์แบบพร้อมกันกับศิษย์พี่!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็พยักหน้าให้เสิ่นเทียนอย่างแน่วแน่ “ถ้าศิษย์พี่ชวนละก็ อวิ๋นตี๋ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!”

เสิ่นเทียนมองฉินเกากับกุ้ยกงกงต่อ “ลุงกุ้ย เสี่ยวเกา พวกเจ้าก็ตามข้าไปด้วยเถอะ!”

พอเห็นกุ้ยกงกงกับฉินเกาพยักหน้า ฉินอวิ๋นตี๋จึงคิดๆ แล้วก็พูดไปว่า “ในเมื่อจะออกไปฝึกฝนกัน ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รอเดี๋ยว อวิ๋นตี๋จะกลับยอดเขาบัวทองคำไปเตรียมอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นมาก่อน”

……

เอ่ยจบ ฉินอวิ๋นตี๋ก็ขี่กระบี่บินหายวับไปยังยอดเขาบัวทองคำ รวดเร็วอย่างยิ่ง

ราวสองเค่อต่อมา ฉินอวิ๋นตี๋มาโผล่ตรงหน้ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

เสิ่นเทียนกางมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขาให้ฉินอวิ๋นตี๋เข้ามา ก่อนจะเห็นเขายิ้มหยีตา ยิ้มเจิดจ้ามาก

ในมือเขาสวมแหวนดอกบัวสีทองวงหนึ่ง ตอนนี้กำลังหยิบของออกมาวางข้างนอก

ยันต์สีเหลืองทองนั่นคือยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางฉบับปรับปรุง ปึกหนึ่งสูงเท่าครึ่งคน ตอนนี้กองไว้หลายสิบปึก

ลูกกลมเหล็กวิญญาณสีเงินขาวคืออัสนีหยินหยางเจาะเกราะฉบับไข่มุกเหล็ก กล่องหนึ่งมีหลายร้อยลูก ตอนนี้กองไว้เป็นชั้นๆ หลายสิบกล่อง

เสิ่นเทียนกลืนน้ำลายลงคอ แล้วมองฉินอวิ๋นตี๋ที่กำลังหรี่ตาทำหน้าพึงพอใจ

ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือไม่ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะ…เห็นกระต่ายตัวหนึ่ง!

…………………………………………….…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+