บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 410 หอคอยเทพสงคราม ลดราคาครึ่งหนึ่ง!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 410 หอคอยเทพสงคราม ลดราคาครึ่งหนึ่ง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 410 หอคอยเทพสงคราม ลดราคาครึ่งหนึ่ง!

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ มีแขกมาเยือนมากมาย

ตอนนี้เหลือเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์

แต่ขุมอำนาจมากมายอดใจรอไม่ไหว พากันเดินทางมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นปัจจุบันเสิ่นเทียน เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาก็ได้โชคลิขิตมากมายในหนึ่งปี

นำบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ที่หายไปหมื่นปีกลับมาให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์มีความหวังกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง

จากนั้นเดินไปทางผจญภัยในสนามรบบรรพกาล ทำลายแผนการร้ายของลัทธิวิญญาณร้ายที่จะช่วยวิญญาณร้ายต่างแดน และนำอาวุธเทพสูงสุดกลับมาให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…หอคอยเทพสงคราม

ต่อมา ในสงครามปิดล้อมของวิญญาณร้ายในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใช้กำลังตัวคนเดียวโปรดสัตว์วิญญาณร้ายนับไม่ถ้วน

นี่คือสิ่งที่ผู้อริยะยังทำได้ยากมาก!

มิหนำซ้ำยังได้ยินมาว่าเสิ่นเทียนเป็นคนเดียวในห้าดินแดนที่หอคอยเทพสงครามประเมินให้เป็นโอรสสวรรค์เจ็ดดาว

ในกายเขาหลอมรวมสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินหลายชนิด กระทั่งพรสวรรค์ยังแกร่งกว่าจักรพรรดิฮวงสือ!

เรื่องราวต่างๆ พวกนี้ได้กระจายไปในทุกขุมอำนาจใหญ่ในห้าดินแดนแล้ว

นี่ยังทำให้เสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนแรกที่ยังไม่ประกาศต่อโลกหล้าก็มีชื่อเสียงเลื่องลือห้าดินแดนแล้ว คนมากมายต่างมาตามชื่อเสียง อยากจะเห็นความสง่างามของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับตาก่อน

แต่พวกเขามาก่อนหลายวันก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเสิ่นเทียน เพราะว่าตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังปิดด่านบำเพ็ญอยู่บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนปฏิเสธรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เองก็ไม่บังคับ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คิดว่าเสิ่นเทียนมีสติปัญญาสุกงอม ไม่ละโมบในชื่อเสียงและผลประโยชน์ มีจิตใจสุขุม

หากไม้งามกว่าป่า จะต้องโดนพายุโค่นล้ม!

หากโดดเด่นเกินไป จะเป็นที่สนใจของขุมอำนาจศัตรู

โอรสสวรรค์ที่ตายตกเช่นนี้มีไม่น้อย มั่นคงไว้หน่อยจะดีกว่า ยกระดับศักยภาพให้เร็วที่สุดจะดีกว่า

เสิ่นเทียนก็คิดเช่นนั้นได้อย่างลึกซึ้ง กลับยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ปิดด่านบำเพ็ญฝึกฝนทันที

…..

ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ กลางวิหารบุตรศักดิ์สิทธิ์!

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิ กระดาษโบราณสีแดงอมทองที่จุดด่างเก่าแก่สองหน้าลอยอยู่กลางฝ่ามือ

นี่คือบทล่างของคัมภีร์เทพโลหิต แบ่งเป็นยอดวิชาวิญญาณแท้คืนชีพกับวิชาโคจรวิญญาณแท้

มหาจักรพรรดิอีกาทองอาศัยบทล่างของคัมภีร์เทพโลหิต ถึงให้เสี้ยววิญญาณออกจากโลกเซียนกลับมาห้าดินแดนได้ แม้จะมีวิญญาณร้ายสูงสุดสอดมือ แต่ความแกร่งของคัมภีร์โบราณนี้ไม่เป็นที่ต้องสงสัยเลย

ต้องรู้ว่าระหว่างโลกเซียนกับมนุษย์ไม่ได้จะข้ามผ่านกันง่ายขนาดนั้น

ระหว่างโลกเซียนกับมนุษย์มีปราการมหามรรคอยู่ แทบจะไม่มีใครข้ามผ่านได้ตามใจ!

สิ่งมีชีวิตโลกมนุษย์จะเข้าไปในโลกเซียนได้ยากมาก มีเพียงฝ่าเคราะห์สวรรค์สิบสองขั้นขึ้นไปถึงจะลองบินขึ้นโลกเซียนได้ แต่ผู้แข็งแกร่งโลกเซียนจะทำลายเขตแดนเข้ามาในโลกมนุษย์ไม่ได้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะถูกมหามรรคสังหาร

นี่คือปราการที่สวรรค์ปกป้องโลกมนุษย์ ไม่เช่นนั้นผู้แข็งแกร่งโลกเซียนลงมาฆ่าล้าง ห้าดินแดนจะไม่มีใครต้านได้ สิ่งมีชีวิตจะต้องสูญพันธุ์ไปทั้งหมด

มหาจักรพรรดิอีกาทองอาศัยสองบทคัมภีร์เทพโลหิตอำพรางสวรรค์ ให้เสี้ยววิญญาณกลับมา นี่ก็มากพอจะยืนยันความแกร่งของคัมภีร์เทพโลหิตแล้ว

เดิมทีเสิ่นเทียนเคยฝึกบทส่วนบนของคัมภีร์เทพโลหิตแล้ว ย่อมได้สัมผัสว่าคัมภีร์เทพโลหิตมีทักษะการเอาตัวรอดแกร่งเพียงใด!

หากฝึกบทส่วนล่างสำเร็จ สองบทรวมเป็นหนึ่ง ทักษะการเอาตัวรอดจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า!

ไม่สิ เพิ่มร้อยเท่า!

วิชาเอาตัวรอดสูงสุดเช่นนี้ เสิ่นเทียนจะพลาดไปได้อย่างไร

หลังจากผ่านเหตุการณ์เกาะมหานที เสิ่นเทียนก็รู้ตัวว่าโลกนี้ไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้น โลกข้างล่างมีลัทธิวิญญาณร้ายกำลังก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน สร้างหายนะให้ห้าดินแดน

โลกเซียนยังมีวิญญาณร้ายต่างแดนบุกเข้ามาเรื่อยๆ หมายจะเปิดเส้นทางโลกเซียน!

แม้แต่มหาจักรพรรดิอีกาทองยังบอกมาตรงๆ ว่าโลกเซียนกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!

มหาจักรพรรดิที่ลอยขึ้นไปแปดหมื่นปีอย่างเขายังเอาตัวรอดไม่ได้ ถูกผู้แข็งแกร่งวิญญาณร้ายตบทีเดียวตาย อีกทั้งตายแล้วยังถูกวิญญาณร้ายสิงร่าง แทบจะทำให้หายนะเมื่อหมื่นปีก่อนเกิดขึ้นอีก

หากผู้พิทักษ์โลกเซียนต้านไม่อยู่ วิญญาณร้ายต่างแดนรุกรานเข้ามา ถึงตอนนั้นห้าดินแดนจะต้องเผชิญกับหายนะที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าสงครามใหญ่เมื่อหมื่นปีก่อนแน่นอน!

เมื่อนึกได้ว่าโลกนี้ซ่อนอันตรายไว้มากขนาดนี้ เสิ่นเทียนก็ลนลานขึ้นมา หากไม่รีบยกระดับศักยภาพ จะอยู่รอดในกลียุคได้อย่างไร

มีเพียงตัวเองแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะทำลายหมื่นวิชา อยู่รอดในกลียุคได้อย่างสงบสุข

จุดนี้ เสิ่นเทียนเชื่อมั่นไม่มีสงสัย

เขาปิดด่านบำเพ็ญฝึกฝนครั้งนี้ก็เพื่อเตรียมฝึกคัมภีร์เทพโลหิตบทส่วนล่าง

ขอแค่ฝึกสำเร็จ เสิ่นเทียนก็จะใช้บุตรเทพโลหิตกับวิชาโคจรวิญญาณแท้คืนชีพได้เรื่อยๆ!

ห้าดินแดนจะวุ่นวายแล้วอย่างไร หายนะมาเยือนแล้วอย่างไร สังหารข้าไปคนหนึ่ง ก็ยังมีข้าอีกเป็นพันเป็นหมื่นยืนขึ้นมา

ขอแค่มีร่างแยกเยอะพอ ระเบิดชีวิตไปก็ไม่เสียเปล่าแล้ว!

…..

จากนั้น เสิ่นเทียนนึกถึงเรื่องหนึ่ง

นั่นคือเขาไม่มีโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าแล้ว

มีหนึ่งพูดหนึ่ง โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าเป็นของดีในการสร้างน้ำใจให้คนจริงๆ!

ถึงโอสถเสริมสวรรค์จะใช้ได้ครั้งเดียว ไม่มีประโยชน์อะไรกับเสิ่นเทียนแล้ว แต่กินเองไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างน้ำใจให้คนอื่นไม่ได้!

ถึงอย่างไรในแหวนมิติของเขาก็ยังมีโอสถศักดิ์สิทธิ์อีกกองใหญ่ แทะก็แทะไม่หมด จะได้เอามาหลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าพอดี

เจ้านี่คือยาดีต้องมีไว้ตกบุตรแห่งโชค

ถึงอย่างไรหากเจอโอรสสวรรค์แปลกหน้า เจอหน้ากันก็บอกว่า ‘ข้าเห็นว่าเจ้ามีวาสนากับข้า ไปลงดันเจี้ยนด้วยกันดีหรือไม่’

แบบนี้มันน่าเขินเกินไป ดูโฉ่งฉ่างและเสียมารยาทเกินไป!

บางทีคนอื่นอาจจะหันหน้าหนี นี่จะไม่พลาดกุยช่ายดีๆ ไปต้นหนึ่งฟรีๆ เลยหรือ แต่ถ้ามีโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า สถานการณ์จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ไม่พูดไม่จาก็ปาโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าใส่เม็ดหนึ่ง รวมกับคุณภาพด้วย ใครจะปฏิเสธสิ่งนี้ได้

ถึงอย่างไรมีมารยาทกับคนอื่นเยอะๆ ไว้ก็ไม่เสียหาย มีใครไม่ชอบสมบัติฟรีๆ บ้าง มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นโอสถเสริมสวรรค์ที่ชะล้างกระดูกได้ ยกระดับพรสวรรค์ได้

ถ้าเกี่ยวกับการยกระดับคุณสมบัติกายและการตระหนักรู้ ผู้อริยะยังไม่ปฏิเสธเลย แล้วนับประสาอะไรกับโอรสสวรรค์หนุ่มสาวพวกนั้น!

ถึงตอนนั้นอยากจะเกาะโชคลิขิต เก็บเกี่ยวกุยช่ายจะไม่ง่ายเลยหรือ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

ตอนนี้จะเริ่มพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีกุย…มีบุตรแห่งโชคทยอยกันมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ

ข้าจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด ต้องหาโอกาสหลอมโอสถเสริมสวรรค์อีกสักหม้อ

ถึงตอนนั้นมีโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าในมือ ยังต้องกลัวว่าจะไม่เกาะโชคลิขิตรึ

เสิ่นเทียนเริ่มชีวิตปิดด่านบำเพ็ญอันยาวนานและเต็มอิ่มอย่างไม่ลังเลเลย

…..

เวลาครึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา

เหลือวันสุดท้ายก็จะถึงพิธีใหญ่แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์

ทั้งโลกเล็กเทพสวรรค์มีผู้คนมากมาย แม้แต่ผู้อาวุโสยังพากันออกมาต้อนรับแขก นี่เป็นเหตุการณ์ที่หายาก แขกที่มาถึงยังมากกว่าพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่น

คนพวกนี้ล้วนมาเพราะเสิ่นเทียน!

โลกข้างนอก เสิ่นเทียนมีชื่อเสียงโด่งดังกึกก้องไปนานแล้ว!

บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้มีน้ำใจและความจริงใจ มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเซียนมาจุติอะไรนั่น และยังมีโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งดินแดนบูรพา บุตรแห่งโชคที่สุดในประวัติการณ์เป็นต้น

ทำให้ขุมอำนาจใหญ่มากันไม่ขาดสาย การจะได้เห็นความสง่างามของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับตา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากสุสานจักรพรรดิอีกาทอง

เนื่องจากคนที่ได้เห็นมหาจักรพรรดิอีกาทองในช่วงสุดท้ายมีเพียงเสิ่นเทียน เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตสามคนเท่านั้น

ขณะเดียวกันในคนที่ตระหนักศิลาจักรพรรดิสุริยันทั้งหมด มีเพียงเสิ่นเทียนที่ตระหนักศิลาจักรพรรดิสุริยันถึงระดับสมบูรณ์ กระทั่งสร้างปรากฏการณ์สิบตะวันค้ำฟ้า

นี่ทำให้คนจากขุมอำนาจมากมายเกิดความสงสัย!

คิดว่าเสิ่นเทียนได้เป็นผู้สืบทอดของมหาจักรพรรดิอีกาทอง สงสัยว่าจะมีเตาหลอมเทพสุริยะอยู่กับตัว กระทั่งมีคนมากมายปล่อยข่าวลือว่าเสิ่นเทียนมีอาวุธจักรพรรดิอยู่เป็นเข่งๆ ร่ำรวยมาก!

ดังนั้นคนใหญ่คนโตในห้าดินแดนพวกนั้นจึงอยากมาดูว่าเป็นความจริงหรือไม่!

ทุกอย่างนี้ไปถึงหูของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเลิกคิ้วขึ้น “ศิษย์น้อง ศิษย์หลานมีชื่อเสียงไม่เบาเลย! ด้วยบารมีของเขา เกรงว่าคงจะแซงหน้าเราสองคนไปแล้ว!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์เมื่อพันปีก่อนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ได้รับขนานนามว่าบุตรคู่เทพสวรรค์!

กระทั่งกล่าวได้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตลอดพันปีมานี้ ได้พวกเขาสองคนเป็นคนแบก

ดังนั้น ชื่อเสียงบารมี (ชื่อเสียงชั่วร้าย) ของสองคนจึงเลื่องลือไปในห้าดินแดนนานแล้ว แต่ตอนนี้ชื่อเสียงดีงามของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ตกเป็นรองบุตรคู่เทพสวรรค์ในตอนนั้นเลย กระทั่งในบางด้านยังเหนือกว่า

อย่างเช่น…มีอาวุธจักรพรรดิเป็นเข่งอะไรนั่น!

เมื่อนึกถึงตรงนี้ นัยน์ตาผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตขยับประกายเย็นชา เผยจิตสังหารออกมาอย่างพบเห็นได้ยาก

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่มีคนแอบปลุกปั่นในเงามืด อยากจะดันเสิ่นเทียนให้โดดเด่น เห็นได้ชัดว่าอยากจะดึงความสนใจของโอรสสวรรค์และผู้อาวุโสจากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น

เพราะอย่างไรไม่ว่าจะมรดกมหาจักรพรรดิอีกาทองหรือเตาหลอมเทพสุริยะก็ล้ำค่าอย่างยิ่ง ทำให้คนอิจฉาได้!

โลกบำเพ็ญเซียนเห็นผลประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญสุด นี่คือแผนการร้ายอย่างโจ่งแจ้ง!

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไหลหลาก ก่อนเอ่ยนิ่งๆ “เทียนเอ๋อร์เป็นบุตรแห่งโชคที่สุดในประวัติการณ์ จะไปถูกเล่ห์เหลี่ยมพวกนี้เล่นงานได้อย่างไร แน่นอน เรื่องที่ควรทำก็ต้องทำ ศิษย์พี่อย่าได้เบาใจ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเข้าใจความคิดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทันที นี่คือโอกาสดีงามที่ได้สร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับเสิ่นเทียน

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตหัวเราะเหอะๆ “ศิษย์น้อง วีรบุรุษมักมีความคิดที่คล้ายคลึงกันจริงๆ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดไม่ออก

ไม่นานนัก คนใหญ่คนโตจากห้าดินแดนพวกนั้นก็ทยอยกันมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ผู้แข็งแกร่งแต่ละคนขี่สายรุ้งเทพมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปรากฏตรงหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับนักพรตชรา

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไกลโพ้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ…

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับผู้อาวุโสชั้นสูงจากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์พากันปรากฏกาย

ในผู้แข็งแกร่งพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนรู้จักเก่ากับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต มีหลายคนเคยประมือกันอย่าง ‘สูสี’

นอกจากพวกเขาแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์จากทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ทยอยกันโผล่มา

บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาหวังเสินซวี บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียน บุตรศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีขู่ตัว…

พวกคนรู้จักเก่าของเสิ่นเทียนมากันครบ

…..

“ยินดีกับสหายหลงหยวนด้วยที่ได้ศิษย์ดี! บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นมังกรในหมู่ชนจริงๆ ยังไม่เข้าพิธีใหญ่ก็มีชื่อเสียงเลื่องลือห้าดินแดนแล้ว! ลองดูสิว่าในห้าดินแดนแห่งนี้ มีใครไม่รู้จักบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บ้าง”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไกลโพ้นอวยพรจากใจจริง

ก่อนหน้านี้ในสุสานจักรพรรดิอีกาทอง ดีที่ได้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ช่วยไว้ ถึงได้ต้านการจู่โจมจากวิญญาณอาฆาตอีกาทองได้

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไกลโพ้นขอบคุณในตรงนี้มาก จึงมาอวยพรด้วยตนเอง

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างเฉยชา “สหายเกรงใจแล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นพิธีใหญ่แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว ทุกท่านพักกันสักเดี๋ยวเถอะ”

“ผู้เยาว์ขอคารวะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไม่รู้ว่าเราจะขอไปพบบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก่อนได้หรือไม่”

พวกฉีเซ่าเสวียนพากันแสดงความเคารพ อยากจะถามว่าเสิ่นเทียนอยู่ที่ใด

ตั้งแต่แยกกันที่เกาะมหานที พวกเขาก็ไม่เจอเสิ่นเทียนอีกเลย

เมื่อได้ยินว่าเสิ่นเทียนออกจากกระแสมิติปั่นป่วนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนก็รีบมากันทันที

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย “เทียนเอ๋อร์กำลังปิดด่านบำเพ็ญ พรุ่งนี้จะต้องออกมาพบแขกแน่นอน”

โอรสสวรรค์ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็อดปลงอนิจจังไม่ได้ “สหายเสิ่นมีพรสวรรค์สุดยอด ยังหมั่นบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ พวกเราละอายใจจริงๆ”

“พวกเรากลับไปแล้วจะตั้งใจฝึกบำเพ็ญ จะตามฝีก้าวของสหายเสิ่นให้ทัน!”

เรื่องการแซงหน้าเสิ่นเทียนเป็นอันดับหนึ่งในดินแดนบูรพานั้น แม้แต่คิดพวกเขายังไม่กล้าคิด

ถึงนั่นจะเป็นความฝัน แต่ก็เป็นฝันกลางวันที่ไม่มีวันเป็นความจริง

แต่ในใจโอรสสวรรค์ทุกคนก็ยังคงฮึดสู้กันเป็นอย่างมาก!

ไม่ได้ที่หนึ่งดินแดนบูรพา ก็ต้องชิงที่หนึ่งใต้ฟ้า!

อืม ฟ้าคือฟ้าจากนามของเสิ่นเทียน!

……

“เล่าลือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีสุดยอดพรสวรรค์ ใช้พลังบำเพ็ญกายทองสู้กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้ ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีโอกาสได้เห็นตำนานอันสง่างามของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับตาหรือไม่”

ตอนนี้เองมีผู้อริยะคนหนึ่งกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์หลายคนเดินเข้ามา

พวกเขาแผ่กลิ่นอายพลังร้อนระอุ เห็นได้ชัดว่ามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ฝึกธาตุไฟ

นี่คือผู้สูงศักดิ์สวรรค์จากแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันดินแดนกลาง เนื่องจากผู้อริยะในตระกูลถูกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สังหารในสุสานจักรพรรดิอีกาทอง จึงเกิดความไม่พอใจ

แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปสร้างปัญหาให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ถึงอย่างไรเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ลึกลับไม่อาจคาดเดา แม้แต่ผู้อริยะยังสังหารได้ง่ายดาย นี่มากพอจะพิสูจน์ความไม่ธรรมดาของเขาแล้ว

แต่รับมือกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้ หรือจะรับมือกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้กัน

ผู้อาวุโสจากแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันไม่เชื่อเลยว่าเสิ่นเทียนจะใช้ศักยภาพระดับแก่นพลังทองสู้กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้ จะต้องเป็นข่าวลือแน่นอน

ดังนั้นพวกเขาถึงอยากยั่วยุ อยากใช้โอกาสนี้กู้หน้ากลับมา

หากเอาชนะเสิ่นเทียนในช่วงเวลาสำคัญนี้ได้ จะไม่ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขายหน้ายับเยินหรือ เพียงแต่ว่าพวกเขามาครึ่งเดือนแล้ว ก็ยังไม่เห็นเงาของเสิ่นเทียน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่ทันพูด ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกลับหัวเราะเยาะ “ศิษย์หลานข้าไม่ว่าง ถ้าพวกเจ้าคันหนังนัก ก็มาประมือกับข้าได้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตลูบกระบองใหญ่ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยการเย้าหยอกและยั่วยุ

เขาจะไม่รู้ความคิดคนพวกนี้ได้อย่างไร

หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนกำลังปิดด่านบำเพ็ญ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคงไม่อยากสอดมือ

ถึงอย่างไรด้วยกำลังรบของเสิ่นเทียน จึงรับมือกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์พวกนี้ได้ง่ายดาย จะได้เหยียบย่ำพวกมันแสดงบารมีได้พอดี

แต่ตอนนี้ศิษย์หลานไม่อยู่ ก็จะให้เจ้าพวกนี้มาเหยียบจมูกขึ้นหน้าไม่ได้หรอก!

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าแข็งทื่อ

แม้คนพวกนี้จะมาจากดินแดนกลาง แต่พวกเขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมาไม่น้อย!

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์มรรคสูงสุด ใช้ศักยภาพของผู้สูงศักดิ์สวรรค์สังหารผู้อริยะได้! มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นเรื่องในอดีต ใครจะรู้ว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตยกระดับพลังแล้วหรือไม่

ถึงคนพวกนี้จะเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ แต่ก็เทียบกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์มรรคสูงสุดไม่ได้ มาหาเรื่องผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต จะไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ

ดังนั้น ผู้อาวุโสจากแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวันพวกนั้นถึงยิ้มแหยๆ พากันเอ่ยลาไป

เมื่อเห็นดังนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็ยิ้มเยาะไม่หยุด “ขยะเช่นนี้ ยังคิดมาหาเรื่องศิษย์หลานข้าอีกรึ”

หากไม่ใช่เพราะอยู่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคงฟาดกระบองใหญ่ในมือไปแล้ว จะไปพูดมากกับพวกเขาเพื่ออะไรกัน

ประกายเซียนบนผิวกายแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “ศิษย์พี่ พิธีใหญ่ครั้งนี้อาจจะไม่ง่ายแล้ว”

พิธีใหญ่รวมขุมอำนาจจากห้าดินแดนมามากมาย จะต้องมีคนไม่หวังดีมาแน่นอน

ถึงอย่างไรห้าดินแดนก็ไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้น

ลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนในเงามืดมาตลอด ถ้าจะก่อความวุ่นวายในห้าดินแดน ต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน

ด้วยพรสวรรค์ของเสิ่นเทียน คงจะถูกลัทธิวิญญาณร้ายหมายตาไปนานแล้ว

จุดนี้จะต้องระวังไว้

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ถ้าลูกมารพวกนั้นกล้ามา ข้าจะให้พวกมันได้สัมผัสรสชาติของกระบองทุบหัวสุนัข!”

…..

ฉื่อ!

ตอนนี้เองเกิดแสงสว่างจ้า!

แสงม่วงสว่างจ้าปกคลุมฟ้าดิน ปกคลุมแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เงามายาหอคอยยักษ์ส่องสะท้อนฟ้าดิน พลังอำนาจน่าเกรงขามดึงดูดความสนใจของทุกคน

ต้นตอของแสงม่วงนี้คือหอคอยเทพสงคราม!

แสงสว่างจ้า วนเวียนและปกคลุมหนาทุบ รวมเป็นร่างเงายิ่งใหญ่ร่างหนึ่ง

“สหายทุกท่านจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเป็นการอวยพรแสดงความยินดีกับการแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ หอคอยเทพสงครามจึงจัดกิจกรรมลดราคาครั้งใหญ่ขึ้น ภายในสามวันนี้ ราคาการฝึกฝนทั้งหมดจะลดลงครึ่งหนึ่ง ภายในสามเดือนนี้ ราคาการฝึกฝนจะลดลงสองส่วน!

ทุกท่านที่ผ่านไปผ่านมาอย่าได้พลาดเด็ดขาด สหายที่อยากติดรายนามเทพสงคราม มีชื่อเสียงโด่งดังในห้าดินแดน พวกเจ้ามัวรออะไรอยู่”

…..

ร่างเงานี้ก็คือเยี่ยฉิงชาง

เมื่อเห็นคนมาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มากขนาดนี้ ตาแก่นี่ก็คันยิบๆ ในใจ

คนมากขนาดนี้ จะมีสมบัติติดตัวเท่าไรกันนะ!

ยังไม่คว้าโอกาสดีนี้ไว้ ตักตวงครั้งใหญ่เติมคลังสมบัติให้เต็มอีกหรือ

แค่กๆ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้จะหลอกใคร แค่อยากเสนอให้สหายในห้าดินแดนขัดเกลาตัวเอง เพิ่มเพดานศักยภาพเท่านั้น

ข้าไม่ได้ทำการค้าหวังผลประโยชน์ แต่เพื่อบริการทุกคนต่างหาก!

แน่นอน ก็ต้องเก็บค่าต้นทุนที่ควรเก็บด้วย!

…..

ร่างมายาของเยี่ยฉิงชางปรากฏได้ครู่เดียวก็หายวับไป นี่ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น!

“อะไรนะ หอคอยเทพสงครามลดราคาครั้งใหญ่ ลดค่าฝึกฝนทั้งหมดครึ่งหนึ่งรึ”

“นี่ได้โชคเพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แท้ๆ!”

“โอกาสดีๆ เช่นนี้จะพลาดไปได้อย่างไรกัน”

“ข้าจะต้องติดรายนามเทพสงคราม มีชื่อเสียงในห้าดินแดนให้ได้!”

“ข้าก็จะเข้าหอคอยเทพสงครามเช่นกัน!”

เวลานี้ทุกคนต่างคึกคัก พูดคุยสนทนากัน

ถึงอย่างไรพวกเขามาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ไม่ใช่แค่ร่วมพิธีใหญ่แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ยังมีร่วมการฝึกฝนในหอคอยเทพสงคราม!

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นตำนานเลื่องลือห้าดินแดน เคยมีผู้แข็งแกร่งเดินออกมานับไม่ถ้วน!

หากสร้างชื่อไว้ในรายนามเทพสงครามได้ ก็มากพอจะให้พวกเขาคุยโม้ไปได้ช่วงหนึ่งเลย

นี่ไม่ใช่แค่โอรสสวรรค์หนุ่ม แม้แต่ผู้อริยะรุ่นอาวุโสก็อยากจะเข้าหอคอยเทพสงคราม

ถึงอย่างไรหอคอยเทพสงครามก็ไม่ใช่แค่ที่เสริมบารมี แต่ยังขัดเกลาตนเองได้

จะได้ประลองกับเงาของโอรสสวรรค์โลกเซียน ทำให้ผู้อริยะได้ผลประโยชน์

ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงเตรียมเข้าหอคอยเทพสงคราม!

……

ชั่วขณะที่คนมากมายเฮโลกันไปยังหอคอยเทพสงครามนั้น พลันเกิดจิตสังหารขึ้นกลางฟ้าดิน

เมฆเคราะห์ภัยไม่มีสิ้นสุดมารวมกันบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ อำนาจคุกคามปกคลุมลงมา

“เกิดอะไรขึ้น”

“หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะแล้ว”

ทุกคนพากันร้องตกใจ พวกเขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเมฆเคราะห์ภัย นี่ไม่ด้อยไปกว่าเคราะห์อริยะเลย!

ทันใดนั้น ทุกคนตื่นตกใจกันอย่างยิ่ง

หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะได้เร็วเช่นนี้กัน

ผู้อริยะอายุเท่านี้ หากปรากฏขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าคงสั่นสะเทือนห้าดินแดน!

แม้แต่สุดยอดโอรสสวรรค์อย่างพวกฉีเซ่าเสวียนยังมองเคราะห์สวรรค์ด้วยความจริงจัง เกิดความเหลือเชื่อขึ้นในใจ!

พวกเขาพบว่าความต่างระหว่างตนกับเสิ่นเทียนเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!

บนฟ้ายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ เคราะห์สวรรค์ยังคงรวมตัวกัน

แสงสีดำลึกล้ำ ประกายสายฟ้าสว่างจ้า แผ่นกลิ่นอายที่ทำให้คนหวาดกลัว

ทุกคนรู้สึกถึงความน่ากลัวของเคราะห์อัสนี เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง ต่อให้เป็นผู้อริยะปกติก็อาจจะต้านไม่ได้

นี่ทำให้คนมากมายร้องอุทานในใจ

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ช่างสมกับเป็นอัจฉริยะ ฝ่าด่านเคราะห์ครั้งแรกก็แผ่อำนาจน่ากลัวเช่นนี้ได้

หากทะลวงพลังสำเร็จ เกรงว่าศักยภาพคงเหนือกว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่

มีเพียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง เขารู้ว่าเสิ่นเทียนอยู่เพียงดวงจิตดรุณ จะไปฝ่าเคราะห์อริยะได้อย่างไร

…..

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมีใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

อานุภาพระดับนี้ จะต้องมีสมบัติสุดยอดปรากฏแน่!

หรือว่าเจ้าหนูนี่จะหลอมโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าใหม่ออกมาแล้วจริงๆ!

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด