บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 240 เศรษฐกิจโดยรอบหอคอยเทพสงคราม

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 240 เศรษฐกิจโดยรอบหอคอยเทพสงคราม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 240 เศรษฐกิจโดยรอบหอคอยเทพสงคราม

เยี่ยฉิงชางเป็นคนระดับใด?

เขาคือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่อยู่มานานมากกว่าหนึ่งหมื่นปี

เขาชำเลืองตามองจางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอแวบเดียวก็รู้ว่าเจ้าสองคนนี้คิดอะไร

เขาพูดนิ่งๆ “หอคอยเทพสงครามยอมรับเสิ่นเทียนเป็นนายแล้ว เช่นนั้นเจ้าหนูเสิ่นเทียนอยู่ที่ใด หอคอยก็อยู่ที่นั่น หากเสิ่นเทียนยินดี ลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าก็เข้าไปฝึกฝนในหอคอยได้ตามสบาย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ว่าให้กันเฉยๆ

เห็นแก่หน้าเทียนเอ๋อร์ ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์รวมถึงพวกเจ้าสองคนเข้าไปฝึกฝนได้ไม่จำกัด และของเดิมพันในการประลองเทพสงคราม ข้าจะลดให้เจ้ามากสุดสามส่วน นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เทียนเอ๋อร์บอกข้าว่าอยากจะให้หอคอยเทพสงครามเปิดกว้างกับทั้งดินแดนบูรพาและสี่ดินแดน

นี่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข นั่นคือคนนอกที่เข้ามาฝึกฝนในหอคอยจะต้องจ่ายของเดิมพันเพิ่มเติม ผลประโยชน์ที่ได้มาห้าส่วนจะต้องแลกเป็นศิลาวิญญาณเพื่อใช้ในการซ่อมแซมหอคอยเทพสงคราม ห้ามยักยอกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง อีกห้าส่วนที่เหลือให้เสิ่นเทียน จะแบ่งกับแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเจ้าอย่างไรนั่นเป็นเรื่องของเขา”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ในเมื่อหอคอยเทพสงครามยอมรับเทียนเอ๋อร์เป็นนาย เช่นนั้นก็เป็นสมบัติของเทียนเอ๋อร์ ผู้อาวุโสยินดีลดค่าฝึกให้ศิษย์ฝ่ายข้าสามส่วนนั่นถือว่าเอาใจใส่ฝ่ายเรามากแล้ว เราจะไปหน้าด้านขอแบ่งผลประโยชน์อีกได้อย่างไร

ตรงนี้ข้าตัดสินใจให้ได้ หากผู้อาวุโสไม่รังเกียจก็วางหอคอยเทพในโลกเล็กเทพสวรรค์ได้ ข้าสามารถใช้นามของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เชิญชวนห้าดินแดนและโอรสสวรรค์มากันได้ สมบัติล้ำค่าที่เหล่าโอรสสวรรค์ใช้ต่อสู้เดิมพันจะเป็นของผู้อาวุโสและเทียนเอ๋อร์ทั้งหมด”

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำให้เยี่ยฉิงชางอดตกใจมิได้

เขาไม่เชื่อว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางหลงหยวนจะโง่ถึงขั้นไม่รู้ว่านี่หมายถึงผลประโยชน์ที่น่ากลัวเพียงใด

พึงรู้ไว้ว่า หอคอยเทพสงครามคือสุดยอดอาวุธในห้าดินแดน หมื่นปีมานี้มีคนมากมายเสี่ยงอันตรายมาที่สนามรบบรรพกาลก็เพื่อตามหามัน

หากหอคอยเทพสงครามมาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จะต้องดึงดูดโอรสวรรค์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ ให้แย่งกันเข้ามาฝึกฝนแน่นอน

ถึงตอนนั้นรายนามเทพสงครามจะเทียบเท่ากับ ‘รายนามแก่นพลังทอง’ ‘รายนามดวงจิตดรุณ’ กลายเป็นตัววัดสำคัญถึงความแข็งแกร่งและอ่อนแอของโอรสสวรรค์แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ

และของเดิมพันที่โอรสสวรรค์พวกนั้นนำเข้ามาเดิมพันในการประลองเทพสงครามจะต้องเป็นทรัพย์สินที่ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ใจสั่นไหวอย่างแน่นอน

ทว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางหลงหยวนกลับทิ้งผลประโยชน์ตรงนี้ไปอย่างไม่ลังเลเลย

เยี่ยฉิงชางอดอึ้งไปมิได้ เจ้านี่ฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้าจนถึงระดับใดกันแน่

แม้แต่เงินทองก็ไม่ชอบแล้วรึ

……

นักพรตชรามองสีหน้าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่ย่อท้อต่อความถูกต้อง พลางเจ็บปวดใจจนหน้าเขียว

บัดซบๆๆ!

เหตุใดตอนนั้นข้าถึงไม่รับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์กัน

ถ้าข้ารับเจ้าหนูนี่ ตอนนี้ข้าก็จะมีสิทธิ์ได้แบ่งถ้วยน้ำแกงแล้ว

จางหลงหยวนเจ้าสมองมีปัญหากลับไม่รู้จักแบ่งเงิน ทำให้ข้าแค้นใจที่เขาไม่ได้ดีจริงๆ!

ทางด้านผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ด้วยใบหน้าเลื่อมใสและศรัทธา เลื่อมใสในคุณธรรมสูงส่งของเขา

เสิ่นเทียนพูดด้วยความเกรงใจ “อาจารย์ รบกวนให้แดนศักดิ์สิทธิ์ประกาศให้เทพสงคราม แต่ไม่แบ่งผลประโยชน์ให้เลย แบบนี้ไม่ดีกระมัง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้าเล็กน้อย “เจ้าเด็กโง่ ไร้กฎเกณฑ์ก็จะไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย แดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่รับเงินเดิมพันในหอคอยเทพสงครามอยู่แล้ว แต่เจ้าคิดว่าหอคอยเทพสงครามจะมีรายได้แค่ของเดิมพันของโอรสสวรรค์ที่เข้าไปฝึกในหอคอยแค่นั้นหรือ

เจ้าผิดแล้ว หากหอคอยเทพสงครามอยู่ฝ่ายเราจริงๆ ผลประโยชน์จะไม่ได้มีแค่นี้”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ ก่อนจะพูดจาฉะฉานให้ทุกคนฟัง

“อันดับแรกหอคอยเทพสงครามเป็นของจากโลกเซียน ตัวมันเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในห้าดินแดน มีมูลค่าด้านการชื่นชมสูงมาก

เชื่อว่าหากฝ่ายเราเปิดกว้างกับภายนอก ลำพังแค่ผู้ฝึกบำเพ็ญที่มาชื่นชมชื่อเสียงของหอคอยเทพสงครามก็มีไม่น้อยแล้ว คนพวกนี้อาจจะไม่ใช่โอรสสวรรค์ และไม่มีสิทธิ์เข้าไปฝึกฝนในหอคอย แต่นี่ไม่สำคัญ

คนที่มาคือแขก ฝ่ายเราจะจัดศิษย์ในรายนามไปต้อนรับพวกเขา และจะสร้างจุดชมหอคอยเทพด้วย รายได้จากจุดชมทิวทัศน์นี้จะเป็นรายได้ที่ไม่น้อยเลย รวมถึงที่พัก ชมภาพยนตร์ และยังมีการบันทึกภาพเป็นที่ระลึกเป็นต้น

จ่ายศิลาวิญญาณไม่กี่ก้อนก็ให้ศิษย์เทพสวรรค์กระตุ้นผลึกเก็บภาพ บันทึกความทรงจำอันสวยงามระหว่างตัวเองกับสมบัติเซียน

ทั้งยังเขียนเล่าประสบการณ์มหัศจรรย์ของผู้แข็งแกร่งที่ออกมาจากหอคอย มีภาพบันทึกการต่อสู้ของโอรสสวรรค์ เห็นทีคงจะมีผู้ฝึกบำเพ็ญมากมายที่ยอมจ่าย!”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ภายในใจแอบยกนิ้วโป้งให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

อาจารย์สมกับเป็นอาจารย์!

คนอื่นเขาคิดจะใช้สมบัติเซียนตบคนอื่น เอาสมบัติเซียนเฝ้าสำนัก แต่ท่านกลับคิดจะใช้สมบัติเซียนสร้างจุดชมวิวลือชื่ออย่างนั้นหรือ

ความคิดของท่านนี่ แน่ใจนะว่าไม่ใช่ได้แรงบันดาลใจมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีน่ะ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แนะนำต่อ “ข้อสอง หากหอคอยเทพสงครามอยู่ฝ่ายเรา ศักยภาพของศิษย์ฝ่ายเราก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะศิษย์สายตรง หลังจากต่อสู้ไปเรื่อยๆ ประสบการณ์ในการต่อสู้จะเหนือกว่าศิษย์ฝ่ายอื่น

นานวันเข้า ยามออกไปฝึกฝนข้างนอกเจอศัตรู ศิษย์ฝ่ายเราจะไม่ตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นก็จะเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายของลูกศิษย์ นี่คือสิ่งที่สมบัติเล็กจ้อยเทียบไม่ได้เลย”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มีเมตตาใหญ่หลวงจริงๆ!

มองเรื่องอันตรายและความปลอดภัยของศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นหน้าที่ของตน รักเลยๆ!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยต่อ “ข้อสาม สำหรับโอรสสวรรค์แล้ว การต่อสู้อย่างสูสีคือหนทางลัดในการพัฒนาที่เร็วที่สุด

ศิษย์ฝ่ายเราเข้าไปฝึกฝนในหอคอยเทพสงครามได้ส่วนลดสามส่วน นี่คือสิ่งดึงดูดทุกคน มีหอคอยเทพสงครามอยู่ ฝ่ายเราจะมีแรงดึงดูดต่อเหล่าอัจฉริยะห้าดินแดนเพิ่มขึ้นอย่างมาก! ขอแค่มีศิษย์คุณภาพเข้ามาไม่ขาดสาย ยังต้องกังวลว่าฝ่ายเราจะไม่รุ่งเรืองขึ้นทุกคืนวันอีกหรือ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ครุ่นคิด

นึกถึงตอนแรกที่นางมีชื่อเสียงโด่งดัง ความจริงหลายแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เคยเชื้อเชิญนาง สุดท้ายที่นางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็เป็นเพราะในแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมีค่ายกลที่เหมาะให้สตรีฝึกฝนที่สุด

หากตอนนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีสุดยอดสมบัติอย่างหอคอยเทพสงคราม บางทีนางอาจจะเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลย

สำหรับโอรสสวรรค์ที่แท้จริงแล้ว สมบัติอย่างหอคอยเทพสงครามมีความเย้ายวนสูงมากจริงๆ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สมกับเป็นผู้สูงศักดิ์สูงสุดแห่งยุค มองขาดถึงเพียงนี้!

เมื่อเห็นทุกคนตั้งใจฟังกันมากแล้ว สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็กระเพื่อมรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

เขาพูดนิ่งๆ ว่า “นอกจากนี้ มรดกที่ได้จากหอคอยเทพสงครามยังวางผนึกไว้ให้ตัวเองฝึกฝนได้คนเดียวเท่านั้น หรือก็คือหากโอรสสวรรค์คนใดพบสุดยอดวิชาที่หายสาบสูญไปนานของขุมอำนาจตน จะต้องคิดหาทางเอากลับมาให้ได้อย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยินดีที่จะเจรจาแทนผู้อาวุโสกับเทียนเอ๋อร์ และแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่รับผลประโยชน์จากการเจรจาเลย

สิ่งที่แดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการคือแค่น้ำใจที่หามรดกมาคืนแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนเทวาและแดนผาสุกเท่านั้น น้ำใจพวกนี้จะมีประโยชน์กับการพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตอย่างมาก”

………

เมื่อได้ฟังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดจาฉะฉานแล้ว แม้แต่เซียนจากโลกเซียนอย่างเยี่ยฉิงชางยังอึ้งไป

จะว่าไปตอนเจอกันครั้งแรก เจ้าหนูนี่ไม่ได้มีความคิดหลักแหลมเช่นนี้นี่

นี่เพิ่งผ่านไปพันปีเอง เจ้าหนูนี่กลับฉลาดขึ้นเช่นนี้ ไม่ชินเลยจริงๆ

ก่อนจะมองบัวมรกตที่รู้จักแต่พยักหน้าข้างกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เยี่ยฉิงชางแอบส่ายหน้า

เจ้าศิษย์พี่ใหญ่นี่ไม่ได้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เพราะมีเหตุผลจริงๆ

มันคือความต่างในด้านสติปัญญา!

……………………..….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 240 เศรษฐกิจโดยรอบหอคอยเทพสงคราม

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 240 เศรษฐกิจโดยรอบหอคอยเทพสงคราม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 240 เศรษฐกิจโดยรอบหอคอยเทพสงคราม

เยี่ยฉิงชางเป็นคนระดับใด?

เขาคือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่อยู่มานานมากกว่าหนึ่งหมื่นปี

เขาชำเลืองตามองจางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอแวบเดียวก็รู้ว่าเจ้าสองคนนี้คิดอะไร

เขาพูดนิ่งๆ “หอคอยเทพสงครามยอมรับเสิ่นเทียนเป็นนายแล้ว เช่นนั้นเจ้าหนูเสิ่นเทียนอยู่ที่ใด หอคอยก็อยู่ที่นั่น หากเสิ่นเทียนยินดี ลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าก็เข้าไปฝึกฝนในหอคอยได้ตามสบาย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ว่าให้กันเฉยๆ

เห็นแก่หน้าเทียนเอ๋อร์ ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์รวมถึงพวกเจ้าสองคนเข้าไปฝึกฝนได้ไม่จำกัด และของเดิมพันในการประลองเทพสงคราม ข้าจะลดให้เจ้ามากสุดสามส่วน นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เทียนเอ๋อร์บอกข้าว่าอยากจะให้หอคอยเทพสงครามเปิดกว้างกับทั้งดินแดนบูรพาและสี่ดินแดน

นี่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข นั่นคือคนนอกที่เข้ามาฝึกฝนในหอคอยจะต้องจ่ายของเดิมพันเพิ่มเติม ผลประโยชน์ที่ได้มาห้าส่วนจะต้องแลกเป็นศิลาวิญญาณเพื่อใช้ในการซ่อมแซมหอคอยเทพสงคราม ห้ามยักยอกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง อีกห้าส่วนที่เหลือให้เสิ่นเทียน จะแบ่งกับแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเจ้าอย่างไรนั่นเป็นเรื่องของเขา”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “ในเมื่อหอคอยเทพสงครามยอมรับเทียนเอ๋อร์เป็นนาย เช่นนั้นก็เป็นสมบัติของเทียนเอ๋อร์ ผู้อาวุโสยินดีลดค่าฝึกให้ศิษย์ฝ่ายข้าสามส่วนนั่นถือว่าเอาใจใส่ฝ่ายเรามากแล้ว เราจะไปหน้าด้านขอแบ่งผลประโยชน์อีกได้อย่างไร

ตรงนี้ข้าตัดสินใจให้ได้ หากผู้อาวุโสไม่รังเกียจก็วางหอคอยเทพในโลกเล็กเทพสวรรค์ได้ ข้าสามารถใช้นามของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เชิญชวนห้าดินแดนและโอรสสวรรค์มากันได้ สมบัติล้ำค่าที่เหล่าโอรสสวรรค์ใช้ต่อสู้เดิมพันจะเป็นของผู้อาวุโสและเทียนเอ๋อร์ทั้งหมด”

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำให้เยี่ยฉิงชางอดตกใจมิได้

เขาไม่เชื่อว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางหลงหยวนจะโง่ถึงขั้นไม่รู้ว่านี่หมายถึงผลประโยชน์ที่น่ากลัวเพียงใด

พึงรู้ไว้ว่า หอคอยเทพสงครามคือสุดยอดอาวุธในห้าดินแดน หมื่นปีมานี้มีคนมากมายเสี่ยงอันตรายมาที่สนามรบบรรพกาลก็เพื่อตามหามัน

หากหอคอยเทพสงครามมาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จะต้องดึงดูดโอรสวรรค์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ ให้แย่งกันเข้ามาฝึกฝนแน่นอน

ถึงตอนนั้นรายนามเทพสงครามจะเทียบเท่ากับ ‘รายนามแก่นพลังทอง’ ‘รายนามดวงจิตดรุณ’ กลายเป็นตัววัดสำคัญถึงความแข็งแกร่งและอ่อนแอของโอรสสวรรค์แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ๆ

และของเดิมพันที่โอรสสวรรค์พวกนั้นนำเข้ามาเดิมพันในการประลองเทพสงครามจะต้องเป็นทรัพย์สินที่ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ใจสั่นไหวอย่างแน่นอน

ทว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จางหลงหยวนกลับทิ้งผลประโยชน์ตรงนี้ไปอย่างไม่ลังเลเลย

เยี่ยฉิงชางอดอึ้งไปมิได้ เจ้านี่ฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้าจนถึงระดับใดกันแน่

แม้แต่เงินทองก็ไม่ชอบแล้วรึ

……

นักพรตชรามองสีหน้าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ไม่ย่อท้อต่อความถูกต้อง พลางเจ็บปวดใจจนหน้าเขียว

บัดซบๆๆ!

เหตุใดตอนนั้นข้าถึงไม่รับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์กัน

ถ้าข้ารับเจ้าหนูนี่ ตอนนี้ข้าก็จะมีสิทธิ์ได้แบ่งถ้วยน้ำแกงแล้ว

จางหลงหยวนเจ้าสมองมีปัญหากลับไม่รู้จักแบ่งเงิน ทำให้ข้าแค้นใจที่เขาไม่ได้ดีจริงๆ!

ทางด้านผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ด้วยใบหน้าเลื่อมใสและศรัทธา เลื่อมใสในคุณธรรมสูงส่งของเขา

เสิ่นเทียนพูดด้วยความเกรงใจ “อาจารย์ รบกวนให้แดนศักดิ์สิทธิ์ประกาศให้เทพสงคราม แต่ไม่แบ่งผลประโยชน์ให้เลย แบบนี้ไม่ดีกระมัง!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้าเล็กน้อย “เจ้าเด็กโง่ ไร้กฎเกณฑ์ก็จะไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย แดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่รับเงินเดิมพันในหอคอยเทพสงครามอยู่แล้ว แต่เจ้าคิดว่าหอคอยเทพสงครามจะมีรายได้แค่ของเดิมพันของโอรสสวรรค์ที่เข้าไปฝึกในหอคอยแค่นั้นหรือ

เจ้าผิดแล้ว หากหอคอยเทพสงครามอยู่ฝ่ายเราจริงๆ ผลประโยชน์จะไม่ได้มีแค่นี้”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ ก่อนจะพูดจาฉะฉานให้ทุกคนฟัง

“อันดับแรกหอคอยเทพสงครามเป็นของจากโลกเซียน ตัวมันเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในห้าดินแดน มีมูลค่าด้านการชื่นชมสูงมาก

เชื่อว่าหากฝ่ายเราเปิดกว้างกับภายนอก ลำพังแค่ผู้ฝึกบำเพ็ญที่มาชื่นชมชื่อเสียงของหอคอยเทพสงครามก็มีไม่น้อยแล้ว คนพวกนี้อาจจะไม่ใช่โอรสสวรรค์ และไม่มีสิทธิ์เข้าไปฝึกฝนในหอคอย แต่นี่ไม่สำคัญ

คนที่มาคือแขก ฝ่ายเราจะจัดศิษย์ในรายนามไปต้อนรับพวกเขา และจะสร้างจุดชมหอคอยเทพด้วย รายได้จากจุดชมทิวทัศน์นี้จะเป็นรายได้ที่ไม่น้อยเลย รวมถึงที่พัก ชมภาพยนตร์ และยังมีการบันทึกภาพเป็นที่ระลึกเป็นต้น

จ่ายศิลาวิญญาณไม่กี่ก้อนก็ให้ศิษย์เทพสวรรค์กระตุ้นผลึกเก็บภาพ บันทึกความทรงจำอันสวยงามระหว่างตัวเองกับสมบัติเซียน

ทั้งยังเขียนเล่าประสบการณ์มหัศจรรย์ของผู้แข็งแกร่งที่ออกมาจากหอคอย มีภาพบันทึกการต่อสู้ของโอรสสวรรค์ เห็นทีคงจะมีผู้ฝึกบำเพ็ญมากมายที่ยอมจ่าย!”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ภายในใจแอบยกนิ้วโป้งให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

อาจารย์สมกับเป็นอาจารย์!

คนอื่นเขาคิดจะใช้สมบัติเซียนตบคนอื่น เอาสมบัติเซียนเฝ้าสำนัก แต่ท่านกลับคิดจะใช้สมบัติเซียนสร้างจุดชมวิวลือชื่ออย่างนั้นหรือ

ความคิดของท่านนี่ แน่ใจนะว่าไม่ใช่ได้แรงบันดาลใจมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีน่ะ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แนะนำต่อ “ข้อสอง หากหอคอยเทพสงครามอยู่ฝ่ายเรา ศักยภาพของศิษย์ฝ่ายเราก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะศิษย์สายตรง หลังจากต่อสู้ไปเรื่อยๆ ประสบการณ์ในการต่อสู้จะเหนือกว่าศิษย์ฝ่ายอื่น

นานวันเข้า ยามออกไปฝึกฝนข้างนอกเจอศัตรู ศิษย์ฝ่ายเราจะไม่ตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นก็จะเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายของลูกศิษย์ นี่คือสิ่งที่สมบัติเล็กจ้อยเทียบไม่ได้เลย”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มีเมตตาใหญ่หลวงจริงๆ!

มองเรื่องอันตรายและความปลอดภัยของศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นหน้าที่ของตน รักเลยๆ!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยต่อ “ข้อสาม สำหรับโอรสสวรรค์แล้ว การต่อสู้อย่างสูสีคือหนทางลัดในการพัฒนาที่เร็วที่สุด

ศิษย์ฝ่ายเราเข้าไปฝึกฝนในหอคอยเทพสงครามได้ส่วนลดสามส่วน นี่คือสิ่งดึงดูดทุกคน มีหอคอยเทพสงครามอยู่ ฝ่ายเราจะมีแรงดึงดูดต่อเหล่าอัจฉริยะห้าดินแดนเพิ่มขึ้นอย่างมาก! ขอแค่มีศิษย์คุณภาพเข้ามาไม่ขาดสาย ยังต้องกังวลว่าฝ่ายเราจะไม่รุ่งเรืองขึ้นทุกคืนวันอีกหรือ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ครุ่นคิด

นึกถึงตอนแรกที่นางมีชื่อเสียงโด่งดัง ความจริงหลายแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เคยเชื้อเชิญนาง สุดท้ายที่นางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็เป็นเพราะในแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมีค่ายกลที่เหมาะให้สตรีฝึกฝนที่สุด

หากตอนนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีสุดยอดสมบัติอย่างหอคอยเทพสงคราม บางทีนางอาจจะเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลย

สำหรับโอรสสวรรค์ที่แท้จริงแล้ว สมบัติอย่างหอคอยเทพสงครามมีความเย้ายวนสูงมากจริงๆ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สมกับเป็นผู้สูงศักดิ์สูงสุดแห่งยุค มองขาดถึงเพียงนี้!

เมื่อเห็นทุกคนตั้งใจฟังกันมากแล้ว สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็กระเพื่อมรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

เขาพูดนิ่งๆ ว่า “นอกจากนี้ มรดกที่ได้จากหอคอยเทพสงครามยังวางผนึกไว้ให้ตัวเองฝึกฝนได้คนเดียวเท่านั้น หรือก็คือหากโอรสสวรรค์คนใดพบสุดยอดวิชาที่หายสาบสูญไปนานของขุมอำนาจตน จะต้องคิดหาทางเอากลับมาให้ได้อย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยินดีที่จะเจรจาแทนผู้อาวุโสกับเทียนเอ๋อร์ และแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่รับผลประโยชน์จากการเจรจาเลย

สิ่งที่แดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการคือแค่น้ำใจที่หามรดกมาคืนแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนเทวาและแดนผาสุกเท่านั้น น้ำใจพวกนี้จะมีประโยชน์กับการพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตอย่างมาก”

………

เมื่อได้ฟังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดจาฉะฉานแล้ว แม้แต่เซียนจากโลกเซียนอย่างเยี่ยฉิงชางยังอึ้งไป

จะว่าไปตอนเจอกันครั้งแรก เจ้าหนูนี่ไม่ได้มีความคิดหลักแหลมเช่นนี้นี่

นี่เพิ่งผ่านไปพันปีเอง เจ้าหนูนี่กลับฉลาดขึ้นเช่นนี้ ไม่ชินเลยจริงๆ

ก่อนจะมองบัวมรกตที่รู้จักแต่พยักหน้าข้างกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เยี่ยฉิงชางแอบส่ายหน้า

เจ้าศิษย์พี่ใหญ่นี่ไม่ได้เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เพราะมีเหตุผลจริงๆ

มันคือความต่างในด้านสติปัญญา!

……………………..….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+