บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 392 เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงผู้น่าเศร้า!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 392 เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงผู้น่าเศร้า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 392 เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงผู้น่าเศร้า!

ต่อให้มหาจักรพรรดิร่างมารจะเผาพลังจิตวิญญาณไปเก้าส่วนขึ้นไป เสี้ยวนั้นที่เหลือก็ยังน่าสะพรึงถึงขีดสุด

อย่างน้อย แรงปะทะชนิดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อริยะธรรมดาจะต่อต้านได้

ชั่วครู่เดียว เพลิงมารสีดำหมุนม้วนทั้งห้วงอากาศ อำนาจคุกคามกดดันใส่เสิ่นเทียนอย่างรุนแรง

“เทียนเอ๋อร์ ระวัง!”

สายฟ้าบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตัดสลับกันเป็นลำดับขั้นตอน สร้างเป็นโซ่ลำดับ ตัดสลับกันอย่างแน่นหนา หมายจะขวางเพลิงมารพวกนั้นเอาไว้

“มารร้าย กินกระบองใหญ่ของข้า!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคำรามเสียงดัง สามร่างแยกเดินหน้าพร้อมกัน กระบองยักษ์ค้ำฟ้าฟาดลงมาอย่างฉับพลัน

บึ้ม!

เพลิงมารสีดำหลั่งทะลัก ผลาญทำลายโซ่ลำดับทั้งหมด ทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลังไม่สงบนิ่ง

สามร่างแยกของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตถูกกระแทกออกไป กลิ้งไปในอากาศหลายตลบก่อนตกลงมาอย่างน่าอนาถ กระแทกลงพื้นเป็นหลุมยักษ์

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเมล็ดพันธุ์วิญญาณเทพผู้ยิ่งใหญ่วิญญาณร้ายนั้นกับการเผาวิญญาณของมหาจักรพรรดิอีกาทอง เหนี่ยวนำการโจมตีของทั้งเขตแดน น่ากลัวถึงที่สุด

“ครั้งนี้ยุ่งแล้ว ผู้เฒ่าเยี่ยท่านคงไม่ตายจริงๆ หรอกนะ! อย่าก่อเรื่อง ออกมาช่วยกันเร็ว! ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาล้อเล่นนะ แหวนทองสัมฤทธิ์นั่นไม่เห็นจะมีประโยชน์เลย!”

เสิ่นเทียนรู้สึกได้ชัดเจนถึงความน่ากลัวของเพลิงมารกลุ่มนี้

แม้แต่ร่างแยกของผู้เฒ่าเยี่ยยังสู้ไม่ไหว แตกสลายไปด้วยอำนาจชั่วร้ายนี้

จะให้เขาต้าน เขาก็ต้านไม่ไหวเหมือนกัน!

“เคี้ยกๆ ไปตายเสียเถอะเจ้าหนู! เดรัจฉานแห่งตำหนักเทพสงครามควรจะตายให้สิ้นซากไปตั้งนานแล้ว”

มหาจักรพรรดิร่างมารหัวเราะเยาะ กลิ่นอายพลังพลันปะทุขึ้น สั่นสะเทือนฟ้าดิน

ตอนนี้เอง เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น

แหวนทองสัมฤทธิ์ในมือเสิ่นเทียนพลันเปล่งแสงทรงพลังออกมา แสงกระบี่สีเงินส่องสว่าง พุ่งทะลวงเมฆบนท้องนภา

ชั่วพริบตาเดียว พลังวิญญาณร้ายไร้ที่สิ้นสุดถอดสีออกทั้งหมด ทยอยกันแตกกระจายออก

แสงสว่างส่องโลก มาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่สะท้านโลก พุ่งขึ้นฟ้า ทำให้ทุกสรรพสัตว์หวาดผวา

“นี่…นี่มันอะไรกัน…”

มหาจักรพรรดิร่างมารตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง เขารู้สึกได้ถึงอำนาจเทพเจ้าสูงสุดกำลังรุกล้ำเข้ามาอย่างน่ากลัว

ภายใต้พลังอานุภาพนี้ เขารู้สึกเหมือนตนเป็นจอกแหนไร้ราก อยู่กลางคลื่นยักษ์โหมซัดสาดไม่มีแรงต่อต้านใดๆ เลย

แหวนทองสัมฤทธิ์เปล่งแสงสว่างจ้ายิ่งกว่าเดิม ส่องสะท้อนท้องนภา กลายเป็นร่างเงาองอาจห้าวหาญที่สุดแห่งยุค

ชุดคลุมขาวดั่งหิมะ ประกายเซียนหนาทึบวนเวียนไม่หยุดหย่อน แผ่กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่ที่มองกราดทุกชีวิต

“เป็นไปได้อย่างไร…โลกชั้นต่ำเช่นนี้จะมีการคงอยู่ระดับนี้ได้อย่างไร”

มหาจักรพรรดิร่างมารตระหนกแล้ว เกิดความหวาดกลัวสุดขีด

ช่วงที่ร่างเงานี้ปรากฏตัว ฟ้าดินถอดสี ทุกอย่างก็มืดลงไร้ประกายแสง

ทันใดนั้น ร่างเงาจักรพรรดินีนั้นก็ขยับตัว

ประกายกระบี่สูงสุดสายหนึ่งพุ่งออกมาจากแหวนทองสัมฤทธิ์

ทันใดนั้นฟ้าดินแตกกระจายออก ลำดับพังทลายลง มวลอากาศบิดเบี้ยวดับสูญกลายเป็นอากาศธาตุ

“ไม่!”

มหาจักรพรรดิร่างมารเปล่งเสียงคำราม กระตุ้นพลังงานอย่างบ้าคลั่ง หมายจะต้านไว้

แต่กระบี่นี้เหมือนข้ามผ่านยุคโบราณ ถาโถมลงมาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่ทำลายล้างสูงสุด

ช่วงที่มหาจักรพรรดิร่างมารสัมผัสไอกระบี่นี้ วิญญาณเทพแตกกระจาย สลายหายไป

มหาจักรพรรดิร่างมารหนึ่งยุค ดูเล็กจ้อยอย่างยิ่งภายใต้เจตจำนงกระบี่นี้ ถูกสังหารลงในพริบตา อีกทั้งพลังของกระบี่นี้ยังไม่สิ้นสุดลง เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดจะขวางมันได้

มันเหมือนไม่คงอยู่ในห้วงอากาศ ไม่อยู่ในโลกมนุษย์

และเพราะเหตุนี้เอง ห้าดินแดนโลกมนุษย์จึงไม่มีการคงอยู่หรือกลอุบายใดขวางกระบี่นี้ได้ ไม่ว่ากลอุบายใดขวางหน้ากระบี่นี้ จะถูกทำลายล้างสิ้นซาก

ชิ้ง!

เสียงกระบี่ไพเราะดังสนั่นทั้งสุสานจักรพรรดิไปจนถึงเกาะมหานที!

สุสานจักรพรรดิถูกแบ่งเป็นสองส่วน เผยเส้นขอบฟ้า ฝุ่นควันคละคลุ้ง กฎเกณฑ์ปั่นป่วนอย่างยิ่ง

การโจมตีนี้น่าสะพรึงยิ่งนัก!

นอกสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทอง ร่างเงาหนึ่งกำลังพุ่งเข้าไปในสุสานจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว

นั่นคือบุรุษผู้สวมชุดเกราะเทพมารสีดำ แบกดาบยาวน่าสยดสยองข้างหลังเล่มหนึ่ง ทั่วร่างปกคลุมด้วยเพลิงมารล้นทะลัก กลิ่นอายพลังเหี้ยมเกรียม

คนนี้ก็คือเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิง!

ตอนนั้นในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง แผนการเดิมของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงคือสังหารผู้แข็งแกร่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก ให้จักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งได้รับสารอาหาร กลายเป็นอาวุธสังหารชีวิต

แต่ด้วยการปรากฏตัวของเสิ่นเทียน ไม่ใช่แค่ถูกชิงจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งไปเท่านั้น แม้แต่กายอดีตของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงยังสิ้นชีพในสงคราม

วิหารเจ็ดสังหารแห่งลัทธิวิญญาณร้ายแตกพ่ายย่อยยับ

นี่ทำให้เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงเกิดจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุดกับเสิ่นเทียน และยังกระหายที่จะชิงจักรพรรดิบุปผาฟากฝั่งกลับมา

หลังรู้ตำแหน่งของเสิ่นเทียน เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงก็ไม่พูดไม่จา เร่งรัดกายอนาคตให้เดินทางมาเกาะมหานที จะสังหารเสิ่นเทียนลงที่นี่

“เสิ่นเทียน วันนี้ของปีหน้าคือวันไว้อาลัยของเจ้า”

เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงพูดอย่างน่ากลัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและเฝ้ารอคอย

ทว่าช่วงที่เขาจะเข้าไปในสุสานจักรพรรดินั้น ก็มีแสงกระบี่สะท้านโลกพุ่งออกมาจากสุสานจักรพรรดิ

แสงกระบี่นี้กดขี่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทุกอย่าง เหนือกว่าสูงสุด ทั้งยังมีความเร็วที่ไม่ว่าใครก็ตั้งตัวไม่ทัน

มัน เร็วเกินไป!

กระทั่งเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงยังไม่ทันตั้งตัว กายนี้ก็สลายไปภายใต้แสงกระบี่

แม้แต่อากาศโดยรอบยังดับสูญ หวนคืนสู่ความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด

อืม~

ข้ามเขตแดนเป็นร้อยๆ ล้านนี้มาสังหารเสิ่นเทียน กว่าจะเลี่ยงการสกัดกั้นและปราบปรามจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่มาไม่ใช่ง่ายๆ จนมาถึงสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองอย่างยากลำบาก

ปรากฏว่ายังไม่ทันพบหน้าเสิ่นเทียนก็ถูกกระบี่บินสังหารลงเสียแล้ว

เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิง จากไปอย่างสงบมาก~

…….

ดินแดนกลาง ในวิหารศักดิ์สิทธิ์

ร่างจริงของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงกำลังนั่งขัดสมาธิ กลิ่นอายพลังในตัวเกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง ก่อนจะกระอักเลือดย้อนกลับออกมา

“อมิตาพุทธย่ามันเถอะ! นี่มันบ้าอะไรกัน เหตุใดโลกนี้ถึงมีกระบี่น่าสะพรึงเช่นนี้ กายอนาคตของข้าไม่ทันรู้ตัวเลยก็ถูกสังหารแล้ว”

กลิ่นอายพลังของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงกระเพื่อม นัยน์ตาฉายแววตื่นกลัวชัดเจน

แม้เขาจะโอหัง แต่ก็ไม่คิดว่าตนจะไร้พ่ายในห้าดินแดน

แต่ต่อให้ห้าดินแดนจะมีผู้แข็งแกร่งเอาชนะเขาได้ สังหารเขาได้ ก็ไม่มีทางให้กายอนาคตของเขาสิ้นชีพลงโดยไม่รู้ตัวได้กระมัง!

แย่กว่านี้ก็ควรจะเห็นว่าศัตรูเป็นใคร

แต่แสงกระบี่เมื่อครู่นั้น เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงมองไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ

ความสง่างามของกระบี่นั้นทำให้เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงสงสัยในชีวิต และยังทำให้เขาโมโหจนอยากตาย

ต้องรู้ว่าเดิมทีเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงหลอมสร้างออกมาเป็นสามกายภพภูมิ ทุกร่างแยกจะมีศักยภาพระดับอริยะ

ถ้าให้เวลาเขามากพอ สามกายภพภูมิจะรวมเป็นหนึ่ง เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงจะพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก ถึงระดับสูงสุดอันน่าเหลือเชื่อ

แต่ใครจะไปคิดว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงจะเสียสองร่างแยกใหญ่อย่างกายอดีตและกายอนาคตไป

“บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองจะมีบ้าอะไรเช่นนี้อยู่ น่าโมโหชะมัด! เป็นความผิดเจ้า เสิ่นเทียน! หากไม่ใช่เพราะต้องล่าสังหารเจ้า ข้าจะให้กายอนาคตมาสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองได้อย่างไร ทำข้าเสียร่างแยกไปสองร่าง ข้าจะฉีกเจ้าให้ได้ ลบล้างความแค้นในใจ!”

เสียงตะโกนของเจ้าผู้คุมกฎอู๋เซิงดังไปทั้งตำหนักใหญ่ ดังกึกก้องไม่ขาดสาย แรงอาฆาตพุ่งพรวดขึ้น

…..

รอบนอกเกาะมหานที ฟ้าดินสั่นสะเทือน

“เกิดอะไรขึ้น”

ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัว อะไรกันที่ทำให้ทั้งเกาะมหานทีสั่นสะเทือนไม่หยุดได้

“เป็นทางนั้น…ตรงสุสานจักรพรรดิ…”

มีคนเห็นเงื่อนงำจึงมองทอดไกลไป ก่อนจะเห็นเจตจำนงกระบี่สะท้านฟ้าพุ่งขึ้น ไปเยือนสวรรค์เก้าชั้น ทำให้ท้องนภาแตกกระจาย ฉีกออกเป็นห้วงอากาศไร้ที่สิ้นสุด!

เวลานี้ กลิ่นอายพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งแผ่กระจายไปทั้งเกาะมหานที

“เป็นไปได้อย่างไร…นี่มันพลังน่าสะพรึงระดับใดกัน”

หญิงชราบางคนพูดเสียงสั่น เหมือนเจอกับบางสิ่งที่น่ากลัว

พลังงานนั้น แม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเทียบมิได้ แค่สัมผัสก็ตายได้โดยพลัน!

“นี่มันทัณฑ์สวรรค์รึ”

คนที่มีศักยภาพต่ำพวกนั้นทนไม่ไหวลงไปนอนกับพื้น จิตใจสั่นกลัว หวาดกลัวกันอย่างยิ่ง

กระทั่งยังมีผู้แข็งแกร่งบำเพ็ญกระบี่บางส่วนสัมผัสเจตจำนงกระบี่นี้ได้แล้ว จิตมุ่งมั่นเจตจำนงกระบี่ที่บุกรุดหน้าไปอย่างเฉียบคมนั้นยังอดสั่นไหวมิได้

เจตจำนงกระบี่ที่พวกเขาแสวงหาด้วยกำลังวังชาทั้งชีวิต เมื่ออยู่ต่อหน้าเจตจำนงกระบี่นี้ เหมือนจะไม่มีค่าอะไรเลย

เวลานี้ จิตมุ่งมั่นเจตจำนงกระบี่ของนักกระบี่มากมายพังทลายลง

…..

สุสานจักรพรรดิอีกาทอง!

ในห้วงอากาศกว้างใหญ่ เงียบเป็นเป่าสาก

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพลันสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่ร่างแยกของผู้เฒ่าเยี่ยยังถูกทำลาย กลับถูกเงามายานั้นฟันกระบี่เดียวกลายเป็นผุยผง

เงามายาจักรพรรดินีคนนี้คงอยู่ระดับใดกันแน่ ร่างจริงจะน่ากลัวเพียงใดกัน!

“นี่ข้ากำลังเห็นอะไรอยู่กันแน่”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเวียนศีรษะเล็กน้อย สตรีระดับนี้เหนือเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของเขาแล้ว

แม้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ประกายเซียนที่สั่นกระเพื่อมไม่หยุดก็มากพอจะยืนยันได้ว่าจิตใจเขาไม่สงบนิ่งแล้ว

เทียนเอ๋อร์ ช่างสมกับมีท่วงท่าแห่งราชาเซียน!

รูปแบบชะตามังกรซ่อนทะยานขึ้นหุบเหว แม้แต่การคงอยู่ระดับนี้ยังยินดีออกมือช่วย

ดูท่า ฝ่ายเราคงถูกลิขิตให้เทียนเอ๋อร์เป็นผู้นำพาให้ยิ่งใหญ่ขึ้นแล้ว!

ฮิๆๆๆๆ~

ร่างเงาจักรพรรดินีหมุนตัวกลับมาช้าๆ แววตาเหมือนมองข้ามผ่านยุคโบราณมาจับจ้องเสิ่นเทียน

แววตานั้นเหมือนแฝงไว้ด้วยคำพูดนับพันนับหมื่น

เสิ่นเทียนใจสั่นสะท้าน ขณะจะพูดอะไรบางอย่างนั้น ร่างมายานั้นก็หายไปแล้ว กลายเป็นประกายแสงกลับเข้าไปในแหวนทองสัมฤทธิ์

“เทียนเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พุ่งทะยานเข้ามา แต่ก็ยังมองแหวนทองสัมฤทธิ์ตรงมือเสิ่นเทียนแวบหนึ่งตามจิตใต้สำนึก

แหวนวงนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะกระตุ้นการโจมตีของการคงอยู่ระดับนั้นได้ มีภูมิหลังไม่อาจคาดการณ์ได้

เสิ่นเทียนได้สมบัติสุดยอดชิ้นนี้มา ก็มากพอจะยืนยันว่าเขามีดวงชะตาสูงสุด เป็นบุตรแห่งโชคที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว!

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตด้านข้างเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เดินเข้าไปแล้ว เส้นผมขาวก็กระดกขึ้น

เจ้าบ้านี่เคลื่อนไหวเร็วจริงๆ ได้ความรู้สึกดีของศิษย์หลานไปเต็มๆ…

บัดซบ ดันโดนเขาแย่งโอกาสห่วงใยศิษย์หลานไปเสียได้

“ศิษย์หลาน เจ้าไม่เป็นไรนะ!”

แน่นอน นักพรตชราก็ไม่ทิ้งโอกาสนี้เช่นกัน จึงรีบเดินเข้ามา

“ขอบคุณที่อาจารย์และอาจารย์ลุงออกมือช่วยมาก ข้าไม่เป็นไร”

เสิ่นเทียนส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะตอบกลับ

“ไม่เป็นไรก็ดี”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยราบเรียบ วันนี้หากไม่มีเสิ่นเทียนอยู่ เกรงว่าพวกเขาคงจัดการหายนะครั้งนี้ไม่ได้

ทว่าทันใดนั้นเอง สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง มิติรอบตัวเริ่มกระเพื่อม ห้วงอากาศพังทลายลง เผยกระแสมิติปั่นป่วนที่ทำให้คนหวาดกลัว

“แย่แล้ว มิติที่นี่กำลังจะพังลง!”

ทุกคนต่างสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้รุนแรงเกินไป ทั้งสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองจึงสั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอด ความรุนแรงของพลังต่อสู้เหนือความคาดหมาย

อีกทั้งสุสานจักรพรรดินี้ยังสร้างขึ้นก่อนมหาจักรพรรดิอีกาทองจะลอยขึ้น ฝืนต้านไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว

แต่กระบี่สะท้านโลกนั่นได้แบ่งสุสานจักรพรรดิอีกาทองเป็นสองส่วน ทำให้ห้วงมิติที่โคลงเคลงจะพังลงต้านไม่ไหว เริ่มถล่มทลายลง

สถานการณ์ตอนนี้ต่างหากที่อันตรายที่สุด หากห้วงมิติพังทลายลง กระแสมิติปั่นป่วนจะหลั่งทะลักเข้ามา

และในกระแสมิติปั่นป่วนนั้น ลำดับจะปั่นป่วน กฎเกณฑ์จะบ้าคลั่ง ต่อให้เป็นผู้อริยะก็อาจจะอยู่ได้ไม่นาน

และที่น่ากลัวที่สุดคือการหลงทางในกระแสมิติปั่นป่วน

หากหลงทางในกระแสมิติปั่นป่วน นั่นจะหนีออกไปไม่ได้ จะถูกลำดับกฎเกณฑ์บ้าคลั่งไร้พรมแดนกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายพลังฤทธิ์หมดถูกบดขยี้แหลกเป็นผุยผง!

ดังนั้น ขนาดผู้อริยะยังไม่กล้าเข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วนง่ายๆ

ทว่าตอนนี้เมื่อห้วงมิติของสุสานจักรพรรดิอีกาทองถล่มลง กระแสมิติปั่นป่วนทะลักออกมา มันเหมือนกับปากใหญ่สีแดงโลหิตจะเขมือบมิตินี้ไปทั้งหมด

“รีบไปเร็ว”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม ก่อนจะมาข้างเสิ่นเทียน จะข้ามมิติออกจากโลกนี้

“ลำดับของมิตินี้ถูกทำลายแล้ว ข้ามมิติออกไปไม่ได้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูดเสียงดัง เขาเคยลองแล้ว แต่ไม่มีผลใดๆ เลย

“แปลก นกแก่นั่นถูกฆ่าแล้ว ยังออกไปไม่ได้อีกรึ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมองกระแสมิติปั่นป่วนที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พลางมุมปากกระตุก “ศิษย์หลาน เจ้ามีหนทางใดหรือไม่”

ศิษย์หลานที่รักเป็นบุตรแห่งโชค ไม่มีทางตายไปเช่นนี้กระมัง!

เสิ่นเทียนพลันเกิดปัญญาขึ้นท่ามกลางวิกฤติ “อาจารย์ อาจารย์ลุงอย่าใจร้อน ศิษย์มีวิธี!”

“วิธีใด”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแววตาเปลี่ยนไป ก่อนเอ่ยถาม

ในมุมมองเขา เจ้าหนูเสิ่นเทียนเต็มไปด้วยความลับ บางทีอาจจะมีหนทางออกจากที่นี่จริงๆ

“หรือว่าอาจารย์ลุงลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้มหาจักรพรรดิอีกาทองได้มอบ ‘ป้ายคำสั่งมหานที’ ที่ควบคุมทั้งเกาะมหานทีให้กับข้าไว้”

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง ก่อนจะนำ ‘ป้ายคำสั่งมหานที’ ออกมา

นี่คือค่ายกลที่ควบคุมเกาะมหานทีที่มหาจักรพรรดิอีกาทองหลอมสร้างขึ้นมา อีกทั้งเขายังสร้างสุสานจักรพรรดิอีกาทองขึ้น ย่อมควบคุมด้วย ‘ป้ายคำสั่งมหานที’ ได้

เสิ่นเทียนใช้ป้ายคำสั่งมหานทีเคลื่อนย้ายพวกเขาออกไปได้แน่นอน

“เกือบลืมไป เมื่อครู่มหาจักรพรรดิอีกาทองมอบทั้งเกาะมหานทีให้เจ้านี่นะ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตตบต้นขาทีหนึ่ง คราวนี้รอดแล้ว

“ตอนนี้ศิษย์จะส่งอาจารย์กับอาจารย์ลุงออกไป”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนจะกระตุ้น ‘ป้ายคำสั่งมหานที’ ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีแดงอมทองสว่างวูบวาบขึ้น

พลังลำดับที่ทรงพลังอย่างยิ่งรวมขึ้นในห้วงมิติ สร้างเป็นเส้นทางมิติสายหนึ่ง

“อาจารย์ อาจารย์ลุง เราไปกันเถอะ”

เสิ่นเทียนเอ่ยขึ้น มิติรอบตัวพังทลายลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ

อยู่นานกว่านี้เพียงนาทีเดียวก็อาจจะเกิดอันตรายที่ไม่อาจคาดการณ์ได้

ดังนั้น สามคนจึงเดินไปยังเส้นทางมิติอย่างไม่ลังเลเลย

ทว่าตอนนี้เอง สถานการณ์เปลี่ยนไป

กึก!

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

มิติที่โคลงเคลงอยู่ข้างหลังพวกเขาพลันระเบิดกระจาย กระแสมิติปั่นป่วนถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นลูกใหญ่

คลื่นยักษ์จู่โจมเข้ามา พลันกลืนกินเสิ่นเทียนเข้าไปทั้งตัว ร่างหายไปในกระแสมิติปั่นป่วน

“ศิษย์หลาน!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตตะโกนเสียงดัง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธ

เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

“ศิษย์พี่ ออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ก็ยังลากผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพุ่งไปยังเส้นทางสีทอง

เพราะกระแสมิติปั่นป่วนข้างหลังพวกเขาน่ากลัวมากจริงๆ ขืนยังอยู่ต่อไป ก็อาจจะถูกกลืนกินเข้าไปได้

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไม่ยอม เขากำหมัดแน่น ทว่าก็ได้แต่ถอยออกไปก่อน

ต้องรักษาชีวิตไว้เท่านั้นถึงคิดหาทางช่วยเสิ่นเทียนได้

ชั่วพริบตาเดียว สองคนก็ผ่านเส้นทางมิติออกไปจากโลกนี้อย่างรวดเร็ว มาปรากฏเขตรอบนอกของเกาะมหานที

บึ้ม!

วินาทีต่อมา ห้วงอากาศพังทลายลง ทั้งสุสานจักรพรรดิกลายเป็นซากปรักหักพัง

…..

“ศิษย์หลาน เป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า! อายุยังน้อย เหตุใดวีรบุรุษถึงจากไปเร็วนัก”

ทันทีที่ออกจากสุสานจักรพรรดิ นักพรตชราก็กลั้นใจร้องคร่ำครวญมิได้

ท่าทางนั้นดูเศร้าปานจะขาดใจจริงๆ ใครที่ได้ยินจะเสียใจ ใครที่ได้พบจะหลั่งน้ำตา

“เอาละ ศิษย์พี่ ไฉนต้องทำท่าทางเช่นนี้กัน เทียนเอ๋อร์ไม่ได้ยินหรอก”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ แต่น้ำเสียงกลับเย็นชาอย่างยิ่ง ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ เลย

“เหอะๆ ศิษย์น้อง ไม่อยากเชื่อว่าจะโดนเจ้าจับได้แล้ว”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพลันเปลี่ยนสีหน้าไป ก่อนจะอดเกาศีรษะไม่ได้

เดิมทีเขาอยากจะแสดงต่อหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สักหน่อย แต่ไม่นึกเลยว่าจะโดนมองออก

ดูท่าแล้ว คงเป็นศิษย์น้องที่ ‘ต่ำทราม’ กว่าจริงๆ!

“แต่ว่าศิษย์น้อง เหตุใดเจ้าถึงไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของศิษย์หลานเลยล่ะ”

นักพรตชราพูดด้วยความจำใจ “ตอนนี้เทียนเอ๋อร์เข้าไปในกระแสมิติปั่นป่วน หรือเจ้าไม่ร้อนใจเลยสักนิดรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยนิ่งๆ “วางใจเถอะ เทียนเอ๋อร์เป็นบุตรแห่งโชค จะไปเจออันตรายได้อย่างไร บางทีอาจจะมีมหาโชคลิขิตรอเขาอยู่ก็ได้ เชื่อหรือไม่ว่าอีกไม่นาน เทียนเอ๋อร์จะเอาเรื่องน่าตกใจกลับมาให้พวกเรา”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ เขามั่นใจในศิษย์คนนี้ของตนมาก

“ก็จริง เจ้าเด็กนี่ดวงแข็งมาก จะไปเกิดเรื่องง่ายๆ ได้อย่างไร”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเหมือนนึกอะไรได้เช่นกัน มุมปากพลันกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อก่อนเจออันตรายมาหลายครั้ง ทุกครั้งเสิ่นเทียนจะไม่บาดเจ็บใดๆ เลย แต่กลับได้โชคลิขิตมาไม่ขาดสาย

“นี่คือบุตรแห่งโชค ข้าอิจฉาชะมัดเลย!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์อดถอนหายใจมิได้ คนเทียบคนช่างน่าโมโหจริงๆ!

“กลับแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนเถอะ ระดมกำลังทุกคนมาตามหาเทียนเอ๋อร์กัน! ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องแสดงท่าทีของฝ่ายเราออกไปให้ได้”

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง ก่อนจะเดินเนิบนาบไปหาผู้อาวุโสและพวกลูกศิษย์มากมายแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

สำหรับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขาชำนาญเรื่องนี้อยู่แล้ว

มีประสบการณ์สูงมาก!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด