บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 466 ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไม่คู่ควร!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 466 ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไม่คู่ควร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 466 ตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไม่คู่ควร!

จางอวิ๋นซีกำลังซบอกเสิ่นเทียนเงียบๆ เสพความอบอุ่นที่มีเฉพาะเขา

แต่ตอนนี้เอง หวังเสินซวีก้าวออกมา เอ่ยขึ้น “สหายเสิ่น เจ้าจะลำเอียงไม่ได้นะ จะกอดนางเพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หน้าตางดงามไม่ได้ แซ่หวังก็อยากจะกอดเหมือนกัน! ไม่อย่างนั้น เราสามคนมากอดด้วยกันดีหรือไม่”

เมื่อพูดจบ หวังเสินซวีก็กางสองแขน เดินไปหาเสิ่นเทียน

“ไปให้พ้น!”

“ไปให้พ้น!”

เสิ่นเทียนกับจางอวิ๋นซีพูดแขวะอย่างไม่ชอบใจ เจ้านี่อยู่ไม่สุขเลยจริงๆ

“ก็ได้!”

หวังเสินซวีถอยไปด้วยใบหน้าเก้อเขิน เขาเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น

หลังผ่านเรื่องก่อกวนจากหวังเสินซวี จางอวิ๋นซีก็ได้สติกลับมาเช่นกัน

นางถอยมาจากอ้อมอกเสิ่นเทียนช้าๆ ใบหน้างามแดงเรื่อ

แต่จากนั้นนางก็แอบกัดฟัน ทำเสียงหึในใจ

ต้องโทษเจ้าเด็กเหม็นโฉ่นี่ มาทำเสียบรรยากาศดีๆ หมด ไม่เช่นนั้นข้าคงได้อยู่ในอ้อมกอดศิษย์น้องนานอีกกว่านี้อีกหน่อย

ยิ่งคิดยิ่งโมโห ยิ่งคิดยิ่งโกรธ!

จางอวิ๋นซีถลึงตามองหวังเสินซวีทีหนึ่ง “สหายหวัง ข้าว่าเจ้ามีสีหน้าดีมากเลย พลังบำเพ็ญคงจะก้าวหน้าไปบ้าง วันนี้ข้าจะประลองกับเจ้าหน่อยแล้วกัน!”

เมื่อเอ่ยจบ จางอวิ๋นซีก็ระเบิดอัสนีเทพธาตุทองไม่มีสิ้นสุดมาจากในกาย ก่อนจะเดินไปทางหวังเสินซวีด้วยท่าทีดุดัน

ทุกคนได้ยินดังนั้น มุมปากกระตุกเล็กน้อย

สภาพหวังเสินซวีจะลงดินนั่นเรียกว่ามีสีหน้าดีรึ

ไม่มีใครกล้าออกมาพูดให้หวังเสินซวีในตอนนี้

จางอวิ๋นซีกำลังโมโห หากล่วงเกินนาง พวกเขาคงโดนไปด้วย!

ทุกคนหันหลังกลับเงียบๆ เริ่มสวดภาวนาให้หวังเสินซวีในใจ

สหายหวัง เจ้าล่วงเกินใครไม่ว่า ดันไปล่วงเกินหญิงคนนี้รึ

เจ้าก็สวดภาวนาให้ตัวเองด้วยเถอะ ขอให้ปลอดภัย!

……

หวังเสินซวีมุมปากกระตุกรัว ทำหน้ามึนงง

อะไรกัน

พี่หญิงใหญ่ เจ้ามีเหตุผลได้หรือไม่

ท่านจะทุบตีข้า ดีเลวอย่างไรก็หาเหตุผลที่มันดีๆ หน่อย!

มีอย่างที่ไหนรังแกคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้

หวังเสินซวีเกิดความขมขื่นในใจ ตอนนี้เขาเข้าใจหลักการหนึ่งแล้ว

สตรีล่วงเกินไม่ได้!

โดยเฉพาะหญิงพยัคฆ์แก่ ยิ่งล่วงเกินไม่ได้!

“พี่หญิงใหญ่ ข้าผิดไปแล้วพี่หญิงใหญ่! เจ้าอย่าสนใจคำพูดข้าเลย!”

หวังเสินซวีรีบอ้อนวอน ด้วยสภาพเขาตอนนี้ ต้านการรัวทุบตีของจางอวิ๋นซีไม่ได้เลย

“เจ้ากำลังสอนข้าอยู่รึ”

จางอวิ๋นซีทำเสียงขึ้นจมูก คุมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าจู่โจมใส่หวังเสินซวี

หวังเสินซวีร้องว๊ากเสียงดัง “อย่า! สหายเสิ่นช่วยข้าด้วย!”

เขาวิ่งหนีไป กระโดดขึ้นลง รีบหลบการโจมตี

จางอวิ๋นซีไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ อยู่แล้ว เคลื่อนอัสนีเทพมากมายไล่จู่โจมใส่ก้นเขา!

เวลานี้เกิดความวุ่นวายขึ้น เสียงร้องน่าสงสารดังไม่ขาดสาย

…..

หลังจากสองคนก่อเรื่องกันแล้ว บรรยากาศก็เบาสบายขึ้น

เสิ่นเทียนมองไปรอบๆ พบว่าคุ้นหน้าคนส่วนใหญ่

พวกเขาล้วนเป็นโอรสสวรรค์ที่มีพรสวรรค์สุดยอดในดินแดนบูรพาเมื่อร้อยปีก่อน

ทุกคนมีกลิ่นอายพลังหนาแน่น มหาศาลยากจะคาดเดา เห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่ฝ่าเคราะห์เป็นผู้อริยะแล้ว

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนอดถอนหายใจมิได้ “ดูท่าร้อยแปดสิบปีมานี้ ทุกคนคงหมั่นเพียรกันน่าดู!”

การฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะในราวๆ สองร้อยปี เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์

มองไปตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ มีน้อยคนนักที่จะบรรลุขอบเขตนี้

“เป็นเพราะสหายเสิ่นต่างหาก!”

ทุกคนยิ้มแย้ม ป้องมือพูดด้วยความเคารพ

โอรสสวรรค์สุดยอดพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นมิตรกับเสิ่นเทียน ได้รับโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า

คุณสมบัติกายพรสวรรค์พวกเขาสูงยิ่ง ทักษะการตระหนักรู้เพิ่มขึ้นมาก ผนวกกับยุคแห่งการแย่งชิงทำให้พลังวิญญาณหนาแน่น กฎเกณฑ์ชัดเจน

ไม่นานทุกคนก็หลอมรวมฤทธิ์ยาโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าได้ส่วนใหญ่ พลังบำเพ็ญพุ่งพรวดขึ้น

ส่วนโอรสสวรรค์ที่ไม่ได้กินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าก็ได้บารมีจากเสิ่นเทียนเช่นกัน

เนื่องจากมหาเคราะห์ภัยมาเยือน ขุมอำนาจทั้งห้าดินแดนต่างตึงเครียด คิดหาทางสร้างผู้แข็งแกร่งในเวลาอันสั้นให้มากที่สุด

ดังนั้น แดนผาสุกบำเพ็ญทุกแห่งในห้าดินแดนจึงเริ่มเปิดต่อภายนอก เสนอการฝึกฝนให้กับโอรสสวรรค์ห้าดินแดน

ในนั้นมีแดนผาสุกบำเพ็ญที่มีชื่อเสียงมากที่สุด นั่นคือหอคอยเทพสงครามของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!

หอคอยนี้ตกมาจากโลกเซียน เก่าแก่และคงอยู่มานาน แฝงไว้ด้วยมรดกมากมาย เป็นดินแดนฝึกฝนสูงสุด

ในหอคอยเทพสงคราม พวกเขาจะได้สู้กับเงาสะท้อนโอรสสวรรค์โลกเซียน ได้ชื่นชมท่วงท่าสง่างามของผู้แข็งแกร่งในยุคต่างกัน ได้ตระหนักวิชาลับมรดกโลกเซียน

เพียงแต่หอคอยเทพสงครามเก็บค่าเข้าแพงมาก คนมากมายต่างหยุดชะงัก

โอรสสวรรค์พวกนี้ที่เป็นมิตรกับเสิ่นเทียน หอคอยเทพสงครามจะลดข้อจำกัดให้พวกเขาเป็นพิเศษ ลดค่าเข้าลงอย่างมาก

ดังนั้น พวกเขาจึงได้สู้กับเงาสะท้อนโอรสสวรรค์โลกเซียนในหอคอยเทพสงครามอย่างเต็มที่

เวลาร้อยแปดสิบปีก็มากพอจะทำให้ทุกคนเติบโตขึ้น อีกทั้งยังมีกำลังรบแข็งแกร่งมาก เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่นบุตรพุทธะขู่ตัวแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี

เขาเคยสู้กับโอรสสวรรค์โลกเซียน ตระหนักรู้คัมภีร์โพธิ สำเร็จอรหันต์ในทันที

แม้ขู่ตัวจะไม่ได้กินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า แต่ศักยภาพก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์เท่าไร

พลังบำเพ็ญเขาถึงจุดสูงสุดผู้อริยะสามด่านเคราะห์ ห่างจากอริยะแท้เพียงก้าวเดียว

กำลังรบของขู่ตัว ผนวกกับคัมภีร์โพธิสูงสุด ต่อให้เป็นอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ก็มีกำลังสู้ได้

และยังมีบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียน เดิมทีเขาอยู่อันดับสี่รายนามแก่นพลังทองดินแดนบูรพา ถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์เช่นกัน!

แต่เนื่องจากเมื่อก่อนเฉินจงเทียนเป็นศัตรูกับเสิ่นเทียน จึงทำให้ดวงจิตดรุณแตก บ่อเกิดเสียหาย พลังบำเพ็ญลดลงพันจั้ง

เขาแทบจะพิการไปเลย ถูกชนรุ่นหลังมากมายแซงหน้า

สุดท้ายเฉินจงเทียนเลือกผูกมิตรกับเสิ่นเทียนตามฉีเซ่าเสวียน

เขาได้รับสวัสดิการจากหอคอยเทพสงครามเช่นกัน พลังบำเพ็ญทะลวงผู้อริยะเคราะห์แรกเพราะเหตุนี้

ดังนั้น ทุกคนจึงซาบซึ้งใจในตัวเสิ่นเทียนมาก

……

เสิ่นเทียนยิ้ม “ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ ทุกคนเปลี่ยนไปมากเลย”

ร้อยกว่าปี สำหรับคนธรรมดาแล้วยาวนานมาก!

แต่ผู้อริยะมีอายุขัยหมื่นปี ร้อยกว่าปีเป็นเพียงก้าวแรก

หลังจากผ่านช่วงเวลาไปนานขึ้น โอรสสวรรค์เยาว์วัยในตอนแรกเติบใหญ่แล้ว กลายเป็นสุขุมสุกงอม

เทียบกับเมื่อร้อยปีก่อน ต่างกันอย่างมาก!

ฟางฉางแบะปาก “เจ้าพวกนี้ แต่ละคนกลายเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ตัวเอง จะไปเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างไร!”

ทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่มีประเพณีคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนทุกร้อยปี เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนทุกพันปี

โอรสสวรรค์ส่วนใหญ่ในที่นี้ล้วนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นสิบของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่

พวกเขาดำรงตำแหน่งมาร้อยปี ถึงช่วงเลือกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พอดี

เนื่องจากพรสวรรค์และพลังบำเพ็ญของโอรสสวรรค์ยุคนี้เหนือกว่าในอดีต คนมากมายโดดเด่นกว่าใคร จึงได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

อย่างเช่นหวังเสินซวี ฉีเซ่าเสวียน บุตรพุทธะขู่ตัวและเฉินจงเทียนเป็นต้น ต่างก็ได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของตน

เสิ่นเทียนตกใจเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์รุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือใครกัน”

ตามหลักแล้ว เสิ่นเทียนเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นสุดท้าย ได้เข้าคัดเลือกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหมือนกัน แต่เขาปิดด่านบำเพ็ญในกระดานหมากฟ้าขุ่นมาร้อยแปดสิบปี พลาดโอกาสนี้ไปแล้ว

เสิ่นเทียนแปลกใจนิดๆ ว่าศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนใครจะได้รับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

ฟางฉางส่ายหน้า “รุ่นนี้ไม่มีใครรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ อีกทั้งอาจารย์ยังกำกับดูแลทั้งหมด!”

“เพราะอะไรกัน”

เสิ่นเทียนแปลกใจ สืบทอดประเพณีมาไม่รู้กี่ปี เหตุใดถึงไม่ยึดถือต่อไป

“เพราะพวกเรากำลังรอศิษย์น้องกลับมา! ศิษย์น้องมีความสามารถเป็นหนึ่ง พรสวรรค์สูงสุด ทั้งยังสร้างคุณูปการให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยิ่งใหญ่ พวกเราจึงเห็นตรงกันว่ามีเพียงศิษย์น้องที่มีคุณสมบัติรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์!”

เยวี่ยอวิ๋นเต๋อเดินเข้ามาพูดด้วยใบหน้าจริงใจ

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็แอบแขวะในใจ

มีใครไม่อยากเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บ้าง แต่ฐานะไม่อนุญาตจริงๆ!

ตามหลักแล้ว พลังบำเพ็ญกับกำลังรบของเยวี่ยอวิ๋นเต๋อแกร่งที่สุดในบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทุกรุ่น!

แน่นอน ว่าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นนอกจากเสิ่นเทียน!

อีกทั้งเขายังเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก ก็ควรจะรับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

แต่เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมีชื่อเสียงฉาวโฉ่เกินไป ก่อนหน้านี้ยังหลอกเขาไปทั่ว กลายเป็นศัตรูของสาธารณะ สร้างความโกรธแค้นทั่วกัน

ต่อให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะให้เขาเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสและศิษย์คนอื่นก็คงไม่เห็นด้วย

หากเจ้านี่เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไปเหลือเกียรติอะไร

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นคนฉลาด อย่าว่าแต่ให้เยวี่ยอวิ๋นเต๋อเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เลย แม้แต่เอ่ยถึงยังไม่มีด้วยซ้ำ

ตำแหน่งของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่เกี่ยวกับเขาแม้แต่นิด อีกทั้งผู้อาวุโสและศิษย์ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังยอมรับเพียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่คนเดียว

นั่นคือเสิ่นเทียนที่หายตัวไปเมื่อร้อยแปดสิบปีก่อน กระทั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นยังแสดงออกว่าพวกเขาไม่คู่ควรกับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

เพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนสร้างคุณูปการให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์มากเกินที่พวกเขาจะเทียบได้

แค่คัมภีร์จักรพรรดิสูงสุด เสิ่นเทียนก็เอากลับมาให้หลายส่วน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงหอคอยเทพสงคราม…คุณูปการต่างๆ เป็นต้น

ศิษย์เทพสวรรค์ทั้งหมดได้รับความผาสุกที่เสิ่นเทียนนำกลับมา ภายในใจเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใสเขา

พวกเขายินดีรอเสิ่นเทียนกลับมารับตำแหน่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ นำพาพวกเขาไปสู่จุดสูงสุด

ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จึงเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนใหม่

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย

ไม่นึกเลยว่าทุกคนจะรอเขากลับมาจริงๆ แม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ยอมผลัดเปลี่ยนล่าช้าต่อไป

แดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ช่าง…อบอุ่นใจจริงๆ!

……

จางอวิ๋นซีเผยรอยยิ้ม “ตอนนี้ดีแล้ว ศิษย์น้องกลับมาอย่างปลอดภัย แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เราก็มีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนใหม่แล้ว ด้วยศักยภาพของศิษย์น้อง จะต้องนำพาศิษย์เทพสวรรค์ไปกำราบวิญญาณร้าย ปกป้องห้าดินแดนได้แน่นอน!”

เสิ่นเทียนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนพูดถ่อมตน “ที่ไหนกันๆ ยังต้องพึ่งศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านให้พยายามไปด้วยกัน! การต่อต้านวิญญาณร้ายปกป้องห้าดินแดนเป็นหน้าที่ของพวกเรา เป็นคุณธรรมไม่อาจเลี่ยงได้!”

คำพูดของเสิ่นเทียนพลันทำให้เหล่าโอรสสวรรค์เลือดร้อนขึ้นมา

ทุกคนต่างขานรับ “ดี พูดได้ดี! บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีจิตใจโอบอ้อมอารีเช่นนี้ พวกข้านับถือ!

พวกเราจะช่วยกันขับไล่ลูกวิญญาณร้ายออกจากห้าดินแดน!”

…..

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็นึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง

ปิดด่านบำเพ็ญมาร้อยแปดสิบปี เขาไม่รู้สถานการณ์ของห้าดินแดนเลย และไม่รู้ด้วยว่ามหาเคราะห์ภัยนี้สาหัสหรือไม่ ห้าดินแดนรับไหวหรือไม่

เสิ่นเทียนมองจางอวิ๋นถิงก่อนเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ ตอนนี้สถานการณ์ห้าดินแดนเป็นอย่างไรบ้าง มหาเคราะห์ภัยมาได้อย่างไร”

จางอวิ๋นถิงดวงตามืดหม่น ก่อนถอนหายใจ “ตอนนี้สถานการณ์ห้าดินแดนไม่ดีเลย! หลังจากโลกสะพานเชื่อมฟ้าเปิดได้ไม่นาน ลัทธิวิญญาณร้ายก็อาศัยจังหวะที่ขุมอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์ห้าดินแดนอ่อนกำลังบุกจู่โจม

พวกมันวางแผนการร้ายมานาน จนเปิดฉากสงครามทุกด้านในทันที การโจมตีดุเดือดคลุ้งกลิ่นคาวเลือด ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์

ดินแดนบูรพา ทะเลทรายประจิม ดินแดนทักษิณ ทะเลอุดร ทุกที่ปรากฏสิ่งมีชีวิตโลหิตเซ่นไหว้ลัทธิวิญญาณร้าย ลัทธิวิญญาณร้ายอวดดียิ่ง ไม่สนใจการปิดล้อมของทุกแดนศักดิ์สิทธิ์กับเผ่าเทพ แต่บ้าคลั่งสู้จนตัวตายไปทั้งสองฝ่าย

หากมีแค่ลัทธิวิญญาณร้าย คงไม่คุกคามต่อขุมอำนาจใหญ่ห้าดินแดนเท่าไร ทุกที่สืบทอดกันมาหลายปี มีศักยภาพแฝงลึกล้ำ ไม่ใช่ว่าจะโจมตีแตกพ่ายกันได้ในทันที!

แต่วิญญาณร้ายต่างแดนขนาบข้างลัทธิวิญญาณร้ายมาด้วย เหนี่ยวนำวิญญาณร้ายแข็งแกร่งมากมายมาจากต่างแดน วิญญาณร้ายระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์เดินกันเกลื่อน แม้แต่วิญญาณร้ายระดับอริยะยังมีไม่น้อย

วิญญาณร้ายน่ากลัวมากมายขนาดนี้มาเสริมกำลัง กดขี่ขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย พวกมันโหดเหี้ยมขึ้น โจมตีดุดันขึ้น!

ขุมอำนาจมากมายล่มสลายลง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ยังยากจะหนีรอดจากการล่มสลาย!”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ จางอวิ๋นถิงที่สุภาพเรียบร้อยมาตลอดถึงกับกัดฟันด้วยความโกรธ

มหาเคราะห์ภัยครั้งนี้น่าเวทนายิ่งนัก ผู้บำเพ็ญมากมายตายในทะเลโลหิต แม้แต่คนธรรมดาและสิ่งมีชีวิตยังไม่รอด

ทั้งห้าดินแดนเหมือนกลายเป็นนรกทุกแห่งหน ศพเกลื่อนกลาด โลหิตไหลเป็นสายน้ำ

“จนกระทั่งราชวงศ์เซียนต้าฮวงออกหน้าถึงคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่สถานการณ์ก็ยังไม่สู้ดีกับทางผู้บำเพ็ญห้าดินแดน เคราะห์ภัยครั้งนี้ปกคลุมพื้นที่มากเกินไป เกินกว่าที่ราชวงศ์เซียนต้าฮวงจะช่วยไหว”

จางอวิ๋นถิงถอนหายใจ ห่อเหี่ยวอย่างยิ่ง

กล่าวได้ว่ามหาเคราะห์ภัยครั้งนี้เกือบจะเหมือนเมื่อหมื่นปีก่อนแล้ว!

แต่นี่แค่เริ่มต้น ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไร!

เคราะห์ภัยมีแต่จะรุนแรงขึ้น คนตายมากขึ้นเรื่อยๆ

วิญญาณร้ายต่างแดนบุกเข้ามาที่นี่เรื่อยๆ ทำให้เคราะห์ภัยที่ห้าดินแดนต้องเผชิญเหนือเกินกว่าในอดีต

จางอวิ๋นถิงอธิบายต่อ “ดีที่ห้าดินแดนรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทำให้สามัคคีกันอย่างยิ่ง ระหว่างเผ่าอสูรกับเผ่ามนุษย์ต่างเป็นมิตรกัน ร่วมกันต่อต้านวิญญาณร้ายต่างแดน

ภายใต้การนำของราชวงศ์เซียนต้าฮวง ห้าดินแดนต่อต้านภัยต่างแดนด้วยกัน สู้กันอย่างเต็มที่ ทิศใดถูกจู่โจม อีกแปดทิศจะเข้ามาช่วย

แบบนี้เลยชะลอการบุกของลัทธิวิญญาณร้ายได้ชั่วคราว พวกมันไม่กล้าอวดดีเกินไปแล้ว โดยเฉพาะเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ตอนที่สือเทียนจื่อกลับมา ก็มาพร้อมกับยอดค่ายกลดาราครอบฟ้า

ค่ายกลนี้รวมพลังของผู้บำเพ็ญมากมาย ระเบิดพลังได้หลายสิบเท่ากระทั่งร้อยเท่า จักรพรรดิฮวงสือเองก็ช่วยสือเทียนจื่อหลอมสร้างกระดานดาราครอบฟ้าขึ้น แจกจ่ายให้แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่

ด้วยค่ายกลและศักยภาพแฝงของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ทุกขุมอำนาจมัดรวมเป็นเชือกเส้นหนึ่ง ฝั่งห้าดินแดนจึงทำสงครามได้เหนือกว่าฝั่งวิญญาณร้ายต่างแดนชั่วคราว”

…..

เมื่อร้อยกว่าปีก่อน หลังจากสือเทียนจื่อออกมาจากกระดานหมากฟ้าขุ่น ก็ได้ยินข่าวว่ามหาเคราะห์ภัยปะทุขึ้น

ดังนั้นเขาจึงกลับราชวงศ์เซียนต้าฮวงทันที

อีกทั้งยังหลอมสร้างกระดานดาราครอบฟ้าขึ้นทันที ช่วยผู้บำเพ็ญห้าดินแดนต่อต้านวิญญาณร้าย

ผู้บำเพ็ญห้าดินแดนถึงได้มีความสามารถในการต่อต้านวิญญาณร้ายต่างแดน ทั้งยังจู่โจมวิญญาณร้ายถอยไป กลับมาสงบสุข

แต่ทุกคนรู้ว่าสงครามครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุดลงง่ายขนาดนั้น

หากวิญญาณร้ายต่างแดนบุกเข้ามาจะไม่ได้หยุดง่ายขนาดนั้นเลย

ยิ่งลากเวลาไปนานเท่าไร ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีกับผู้บำเพ็ญห้าดินแดน

เพราะศักยภาพแฝงและจำนวนผู้แข็งแกร่งของห้าดินแดนลดลงอย่างรวดเร็ว แต่วิญญาณร้ายต่างแดนกลับส่งผู้แข็งแกร่งรุกรานเข้ามาไม่ขาดสาย

สักวันหนึ่ง กำลังของห้าดินแดนจะหมดลง

ถึงตอนนั้น สงครามน่าเวทนาเมื่อหมื่นปีก่อนจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง

บางทีเคราะห์ภัยครั้งนี้อาจจะน่ากลัวกว่าเมื่อหมื่นปีก่อน

……

เมื่อหมื่นปีก่อน หากไม่ใช่เพราะสวรรค์ของโลกนี้เปิดเส้นทางฟ้าดิน ให้โลกเซียนส่งผู้แข็งแกร่งมาสนับสนุน เกรงว่าห้าดินแดนคงถูกทำลายไปนานแล้ว

แต่หมื่นปีต่อมา ไม่มีใครรู้ว่าโลกเซียนจะส่งคนมาช่วยหรือไม่

เพราะว่าได้ข่าวจากในแดนลับระดับมหาจักรพรรดิมากมาย ต่างเล่าลือกันเรื่องหนึ่ง

นั่นคือสถานการณ์ในตอนนี้ของโลกเซียนก็ไม่สู้ดีเช่นกัน เจอกับวิกฤติร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน เกิดสงครามมีศัตรูร้ายกาจกำลังรุกราน

จางอวิ๋นถิงถอนหายใจ ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง

ตอนนี้โลกเซียนเจอวิกฤติ ยากจะปกป้องตนเองได้ บางทีอาจจะไม่มีกำลังมาช่วยห้าดินแดน

ถึงตอนนั้นจะเป็นปัญหา ไม่รู้ว่าห้าดินแดนจะยื้อต่อไปได้หรือไม่!

……..

เสิ่นเทียนครุ่นคิดเล็กน้อย เขาย่อมรู้เรื่องนี้เช่นกัน

มหาจักรพรรดิอีกาทองผู้แข็งแกร่งสูงสุดเช่นนี้ยังตายอนาถในโลกเซียน แค่คิดก็รู้แล้วว่าโลกเซียนเจอกับหายนะครั้งใหญ่เพียงใด

มองเช่นนี้ สถานการณ์ของห้าดินแดนก็ย่ำแย่จริงๆ

จางอวิ๋นถิงพูดอย่างจริงจัง “ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ พวกเราต้องยกระดับศักยภาพให้เร็วที่สุด ใช้ช่วงสุดท้ายนี้ตามหาเสี้ยวชีวิตรอด”

บุตรพุทธะขู่ตัวพูดอย่างห่อเหี่ยว “แต่ตอนนี้ โลกข้างนอกยังมีวิญญาณร้ายสร้างความวุ่นวายอยู่เลย พวกมันจับผู้บำเพ็ญแข็งแกร่งจากห้าดินแดนไปตลอด เอากลับไปแดนต้องห้ามเป็นสารอาหารเซ่นไหว้โลหิต อัญเชิญผู้แข็งแกร่งสูงสุดเผ่าวิญญาณร้าย พวกเรามาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อช่วยผู้บำเพ็ญที่ถูกจับตัวมา”

การกระทำเช่นนี้มีให้เห็นบ่อยครั้ง ล้วนมีผู้แข็งแกร่งสุดยอดของลัทธิวิญญาณร้ายบงการอยู่เบื้องหลัง

ดังนั้นผู้บำเพ็ญปกติจึงไม่กล้าท่องโลกภายนอก จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงยกระดับพลัง

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เช่นนั้นก็เริ่มยกระดับพลังจากพวกเราก่อนเลย!”

พอเอ่ยจบ เสิ่นเทียนนำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าออกมาสองเม็ด แบ่งให้ขู่ตัวกับเฉินจงเทียน

“สหายทั้งสอง โอสถนี้คือโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า มีผลมหัศจรรย์ปรับแก้พรสวรรค์การตระหนักรู้ ทำให้พลังบำเพ็ญพวกเจ้าก้าวหน้าไปอีกขั้น”

ขู่ตัวกับเฉินจงเทียนเห็นดังนั้นก็ตะลึงงัน

พวกเขากับฉีเซ่าเสวียนเป็นมิตรกับพวกฟางฉางแล้ว ไม่อย่างนั้นคงมาอยู่ด้วยกันไม่ได้

สองคนย่อมเคยได้ฟังผลมหัศจรรย์ของโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า เป็นโอสถสูงสุดในประวัติการณ์

ที่พวกฉีเซ่าเสวียนกับฟางฉางมีพลังบำเพ็ญทิ้งห่างจากพวกเขาสองคนไปอย่างมาก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า!

ร้อยปีมานี้ แม้สองคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในใจเต็มไปด้วยความอิจฉา

พวกเขาคุยโวว่าถ้าได้โอสถเสริมสวรรค์ ต่อให้เทียบกับพวกฉีเซ่าเสวียนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกทิ้งห่างมากขนาดนี้แน่

เพียงแต่โอสถเสริมสวรรค์มีเพียงเสิ่นเทียนที่หลอมได้ หาจากที่อื่นไม่ได้เลย

ตอนนี้โอสถสูงสุดนี้มาปรากฏตรงหน้า สองคนมีสีหน้าตกใจระคนมึนงง รู้สึกเหลือเชื่อ

ขู่ตัวกับเฉินจงเทียนไม่คาดคิดเลยว่าเสิ่นเทียนจะมอบโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าให้พวกเขา

โอสถสูงสุดเช่นนี้ เอาออกไปตามใจก็ก่อพายุฝนกลิ่นคาวเลือดขึ้นได้

โดยเฉพาะช่วงวิกฤติมาเยือนเช่นนี้ แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นนำยังเป็นบ้า

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโอสถที่ยกระดับศักยภาพได้ มีมูลค่าไม่อาจประเมินได้

ในสถานการณ์ตอนนี้ ศักยภาพเพิ่มขึ้นเสี้ยวหนึ่งก็มีโอกาสรอดเสี้ยวหนึ่ง

เวลานี้ สองคนตัวสั่นสะท้าน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ

“สหายเสิ่น ของขวัญเช่นนี้ พวกเราจะรับไว้ได้อย่างไรกัน”

สองคนมีสัมพันธ์กับเสิ่นเทียนไม่เหมือนพวกฉีเซ่าเสวียนและหวังเสินซวี ที่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นผ่านการรบมาด้วยกัน

พวกเขาเป็นมิตรกับเสิ่นเทียนได้ก็เพราะฉีเซ่าเสวียนกับฟางฉาง!

ขู่ตัวกับฟางฉางเป็นสหายสนิทกัน ส่วนเฉินจงเทียนสนิทสนมกับฉีเซ่าเสวียน ดังนั้นพวกเขาถึงได้บารมีจากเสิ่นเทียน ได้เข้าไปฝึกในหอคอยเทพสงคราม

แต่ตอนนี้ เสิ่นเทียนกลับจะมอบโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าให้พวกเขา นี่ทำให้พวกเขาเกรงใจกันจริงๆ

…..

ขู่ตัวกับเฉินจงเทียนมองหน้ากัน อดปลงอนิจจังในใจมิได้

เล่าลือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีคุณธรรมสูงเทียมฟ้า มีเมตตา มีจิตใจที่โอบอ้อมอารีอย่างยิ่ง

วันนี้ได้เห็น เป็นเช่นนั้นจริงๆ

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีบุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ จะไม่ยิ่งใหญ่ขึ้นได้อย่างไร

ห้าดินแดนมีสหายเสิ่น จะไม่มีความหวังได้อย่างไร

ข้าขู่ตัว…ข้าเฉินจงเทียน…

ยอมสยบแล้ว!

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด