บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 276 บุตรศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น ความแค้นพันปี!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 276 บุตรศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น ความแค้นพันปี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 276 บุตรศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น ความแค้นพันปี!

สุดท้ายเสิ่นเทียนก็ยังรับป้ายคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ธารหยกไว้

ถึงอย่างไรเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็เป็นหนึ่งในสตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในดินแดนบูรพา

นางมอบป้ายคำสั่งให้เจ้า หากเจ้าไม่รับ ก็อาจจะไม่ไว้หน้าให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเกินไปหน่อย

หลังจากร่างอดีตของเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงถูกหอคอยเทพสงครามสังหาร ชีซา โพ่จวินและทันหลางสามผู้อริยะถูกจับ การปิดล้อมครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง

ต่อไปเป็นช่วงเวลาการแบ่งของกลางกันอย่างมีความสุข

ก่อนเริ่มการปิดล้อม สองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่กับฝ่ายเซียนอื่นๆ ได้ตกลงเรื่องส่วนแบ่งกันแล้ว

ทว่าส่วนแบ่งนั้นหมายถึงคลังสมบัติทั้งหมดของลัทธิวิญญาณร้าย ของที่ได้มาจากสาวกวิญญาณร้ายไม่อยู่ในนั้น

หากไม่เช่นนั้น หากของที่เจ้าได้มาจากการสังหารศัตรูต้องแบ่งไปมากกว่าครึ่ง ใครจะยอมลงแรง ทุกคนจะไม่อู้งานกันหรือ

ดังนั้น ครั้งนี้เสิ่นเทียนสังหารผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายเก้าคน ของทั้งหมดจึงเป็นของเขา กระทั่งในระดับบางอย่าง การที่สามผู้อริยะซาโพ่หลางถูกจับก็มีคุณูปการของเขาด้วยส่วนหนึ่ง

แต่พอใคร่ครวญได้ว่าในสามผู้อริยะนี้ จางหลงหยวนจัดการหนึ่ง ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจัดการอีกหนึ่ง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจัดการอีกหนึ่ง

เสิ่นเทียนคิดอย่างชาญฉลาดแล้วก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องขอส่วนแบ่ง

ถึงอย่างไรเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คนไร้เหตุผล

เสิ่นเทียนช่วยกู้วิกฤติครั้งนี้ ขณะเดียวกันยังช่วยพวกเขาจับสามผู้อริยะ นี่คือน้ำใจครั้งใหญ่

ด้วยฐานะของสองคนจะไม่ออกอาการโมโห ไม่ต้องให้เสิ่นเทียนเอ่ยเตือน แบบนั้นจะทำให้ดูห่างเหินกัน ทางด้านผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอ เสิ่นเทียนไม่ได้เอ่ยเรื่องขอส่วนแบ่งเช่นกัน เพราะรู้ว่าเอ่ยไปก็ไม่มีประโยชน์

ถึงอย่างไรด้วยดวงชะตาของอาจารย์ลุงผู้น่าสงสาร หลายร้อยปีมานี้คงจะไม่เคยได้ของมากขนาดนี้มาก่อน การจะให้เขาคายเนื้อในปากออกมา ไม่มีหวังเลย

ช่างเถอะ เป็นคนฝ่ายเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นคนอื่นคนไกลขนาดนั้น

ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ขาดเงิน บางทีผู้อริยะลัทธิชั่วร้ายพวกนี้อาจจะไม่ร่ำรวยเท่าข้าด้วยซ้ำ

เสิ่นเทียนเปลี่ยนเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรกลับมาอยู่ในสภาพเกราะในที่ดูธรรมดาไม่มีความสง่างามอีกครั้ง ปีกใหญ่สีทองก็หุบกลับไปเช่นกัน

หากไม่ใช่เพราะมีใบหน้าหล่อเหลาที่สุดแห่งยุคที่ทำให้คนยากจะมองข้าม ตอนนี้เขาก็ดูธรรมดาจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับคนปกติเลย

เฮ้อ สุดท้ายเรื่องที่จะทำตัวอยู่เงียบๆ ก็พลาดตรงใบหน้านี้เสียได้!

……..

การแบ่งของกลางดำเนินไปอย่างมีความสุข ทันใดนั้นปรากฏพลังยิ่งใหญ่ขึ้นเหนือฟ้าอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง

กลิ่นอายพลังแก่กล้าแผ่ออกมาจากมวลอากาศมากมาย นั่นคือผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ขึ้นไป

สี่คนที่นำหน้ามายังแผ่พลานุภาพน่าสะพรึงที่ทำให้คนแทบจะหายใจติดขัด

ผิวกายพวกเขามีประกายเซียนวนเวียนอยู่ เผยระดับพลังของตนออกมาทั้งหมด…ระดับฝ่าด่านเคราะห์ ผู้อริยะ!

ข้างหลังสี่คนยังมีปรากฏการณ์มากมายผลุบๆ โผล่ๆ ภาพดาราบดบังฟ้าและตะวัน ไอม่วงหมุนม้วนมาจากตะวันออกสี่หมื่นลี้ ทั้งยิ่งใหญ่และทำให้คนอึดอัด

ทันทีที่คนพวกนี้ปรากฏตัว ใบหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็มืดลงช้าๆ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ผู้อริยะจื่อเวย ผู้อริยะหลิงเจิน พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”

ใช่ สี่ผู้อริยะที่ปรากฏตัวตอนนี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

ฐานะของพวกเขาคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุด!

ตอนนี้สงครามปิดล้อมของแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่งจบลง สี่ผู้อริยะรวมถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าคนก็โผล่มาทันที

พวกเขาคิดอะไรอยู่ ทุกคนรู้แก่ใจดี!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยิ้มราบเรียบ “ได้ยินว่าซากอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงมีลัทธิวิญญาณร้ายเคลื่อนไหว ข้าจึงตั้งใจมาปิดล้อม”

ตั้งใจมาปิดล้อมรึ

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญทุกฝ่ายที่เพิ่งผ่านสงครามโลหิตมาแอบด่าไร้ยางอายอยู่ในใจ

หากตั้งใจมาปิดล้อมจริงๆ เหตุใดตอนที่พวกเขาถูกขังในค่ายกลทุกสรรพสัตว์เท่าเทียม ถึงไม่มีใครมาสักคนล่ะ ตอนนี้การปิดล้อมสิ้นสุดลงถึงเวลาแบ่งลูกท้อแล้ว พวกเจ้ากลับออกมา

นี่ยังมียางอายอยู่หรือไม่

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเอ่ยอย่างเย็นชา “การปิดล้อมจบลงแล้ว ไม่รบกวนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองกับผู้อริยะหรอก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “ซากอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงอยู่ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้าย ควรจะแจ้งข้าก่อนหรือไม่”

เมื่อเอ่ยจบ พลังรอบตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็เพิ่มมากขึ้น

ข้างหลังเขามีไอสีม่วงหมื่นจั้งหมุนม้วน มองไปเหมือนกับเทพแท้จริงมาเยือน

ด้วยคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะของศิษย์ตนฉีเซ่าเสวียน ทำให้กำลังรบของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ต่อให้อยู่ในสิบสองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพา กำลังรบของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็อยู่อันดับต้นๆ ตอนนี้พลังปะทุขึ้นทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกกดดันอย่างมาก

ตอนนี้เองเสียงเย็นชาดังขึ้นเนิบนาบ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงคิดว่าควรจะแก้ไขอย่างไร”

ผู้พูดคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอย่างเฉยชา

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “สหายอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดจะสร้างความลำบากให้ทุกท่าน เพียงแค่ทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีเขตแดน

อาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงมีครึ่งหนึ่งอยู่ในอาณาเขตปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เช่นนั้นของที่ได้มาจากการปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้ายครั้งนี้ ต้องแบ่งให้ฝ่ายข้าครึ่งหนึ่งหรือไม่”

คำพูดมีเจตนาชัดเจน

แม้สามผู้อริยะจะถูกจับ แต่ในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงก็ยังมีสาวกลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนอยู่จำนวนมาก

ในสาวกลัทธิวิญญาณร้ายพวกนี้มีศิษย์แกนหลักอยู่ ในแหวนเก็บของพวกเขาจะต้องมีทรัพยากรจำนวนมากแน่นอน การปิดล้อมสาวกลัทธิชั่วร้ายพวกนี้จะได้ของมาไม่น้อยอย่างแน่นอน

แม้จะเทียบกับทรัพยากรที่ได้มาจากผู้อริยะพวกนั้นไม่ได้ แต่ก็มากพอจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์สนใจ

“ตอนสู้ไม่เห็นหน้าพวกเจ้า ตอนนี้สู้จบแล้วก็อยากจะออกมาเก็บลูกท้อรึ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทุบหัวสุนัขของเจ้า”

นักพรตชราฉุนเฉียวบางคนกำลังนับของอย่างมีความสุข หลายร้อยปีมานี้ไม่เคยมีความสุขมากขนาดนี้มาก่อน!

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงออกมาเรียกร้องขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง กระบองในมือผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพลันทั้งหนาและยาวขึ้นทันที พร้อมจะกระทุ้งใส่เจ้าคนหน้าด้านพวกนี้ทุกเมื่อ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงหน้าเคร่งขึ้นเล็กน้อย “ซากอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงตั้งอยู่ในเขตปกครองของข้า ทุกท่านเข้ามาปิดล้อมสาวกลัทธิชั่วร้ายในดินแดนข้า ก็ควรจะแจ้งข้าก่อน

อีกทั้งจุดที่ทุกท่านอยู่ตอนนี้ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมากกว่า ข้าขอแบ่งแค่ครึ่งเดียวก็ถือว่าไว้หน้ามากแล้ว หากเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกไม่คุยเหตุผลกันจริงๆ วันนี้พวกข้าคงเลี่ยงการปะทะกันไม่ได้”

คำพูดมีเจตนาชัดเจน สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา

กลิ่นอายพลังมหาศาลของผู้อริยะสี่คนกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าคนพลันถาโถมใส่กองกำลังพันธมิตร

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแค่นหัวเราะ ก่อนจะหมุนควงกระบองยาวทองคำในมือให้เกิดพายุหมุน “วิหารย่อยลัทธิวิญญาณร้ายนี่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เจ้า ผลประโยชน์ต้องเป็นของเจ้ารึ

เช่นนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเจ้าใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าขนาดนี้ ก็ควรจะเข้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หรือไม่ คนไร้ยางอายอย่างเจ้า ข้าฟาดมานักต่อนักแล้ว!”

ใบหน้าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเย็นชาขึ้นทีละนิด “ถึงจะเสียพลังฤทธิ์ไปกับสงครามเมื่อครู่ไปบ้าง แต่ข้าก็ยังสู้ต่อได้อีก เข้ามาเลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเผยรอยยิ้มเย้าหยอก สายตามองตรงไปที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “จางหลงหยวน เจ้าเองก็จะยืนกรานเช่นกันรึ”

…….

สารภาพตามตรง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ชอบหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มานานมากแล้ว

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และเคหาสน์ม่วงไม่ถูกกันมาตลอดหลายพันปี แอบปะทะกันในที่ลับไม่น้อย

เนื่องจากบทต้องห้ามในคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์หายไป ปกติแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะได้เปรียบกว่า

ทว่ายุคเมื่อพันปีก่อน แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหมือนกับได้สูบฉีดเลือดไก่ ในช่วงร้อยปีก็ได้ถือกำเนิดมังกรหมอบขึ้นพร้อมกัน…สองโอรสสวรรค์จางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอ

นั่นคือยุคสมัยที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหนือกว่าคนอื่น สองอัจฉริยะเทพสวรรค์กดขี่โอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันจนแทบหอบหายใจไม่ทัน

โดยเฉพาะฉู่หรงเหอ ในยุคที่มีจิตใจเร่าร้อน ถึงขั้นใช้กำลังของตัวคนเดียวเอาชนะยอดหัวกะทิสิบแปดคนแห่งเคหาสน์ม่วงได้ ฟาดจนพวกเขาหัวโน

แม้จางหลงหยวนจะโดดเด่นน้อยกว่าฉู่หรงเหอมาก แต่เจ้านี่ฉลาดกว่าฉู่หรงเหอ ชำนาญการวางแผนลับมากที่สุด

ปกติทุกครั้งที่ฉู่หรงเหอก่อเรื่อง จะมีเจ้าในคอยวางกลยุทธ์เตรียมหาทางหนีทีไร่ให้อยู่ในที่ลับ หากไม่เช่นนั้นฉู่หรงเหอคงตายไปนานแล้ว

ความจริง จางหลงหยวนต่างหากคือคนสำคัญของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ยุคนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนบูรพาต่างตัวสั่นงันงกต่อหน้าสองคนนี้

ทางด้านบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงภายใต้ประกายแสงของสองคนนี้ ก็ดูธรรมดามากอย่างเห็นได้ชัด

เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็เป็นอัจฉริยะที่ยากจะพานพบได้ในพันปีของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็ถือว่าเป็นผู้โดดเด่นในบุตรศักดิ์สิทธิ์ดินแดนบูรพาเช่นกัน

ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลับต้องท้าทายบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ อีกทั้งในด้านพื้นฐานยังแกร่งกว่า

มาถึงรุ่นเขา ไม่ใช่แค่ศิษย์พี่ใหญ่เทพสวรรค์ที่เอาชนะเขาได้ง่ายๆ แม้แต่ศิษย์พี่รองยังทุบตีเขาได้โดยไม่มีกำลังสวนกลับเลย

จนกระทั่งมาถึงตอนที่เอ่ยถึงฉู่หรงเหอกับจางหลงหยวน แทบทุกคนต่างยกเขาเป็นตัวเปรียบเทียบ

ไม่กลัวสินค้าไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลัวถูกเปรียบเทียบสินค้ามากกว่า

แดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อนบ้านมีสองมังกรหมอบเช่นนี้ จะให้ศิษย์พี่ใหญ่เคหาสน์ม่วงอย่างข้าอยู่อย่างไร!

กระทั่งมีคนชอบหาเรื่องตั้งฉายาน่าคับอกคับใจอย่างยิ่งให้เขา…บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่โดนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่อย่างน่าอนาถาที่สุด

อ้อ นี่เป็นฉายาที่เลวร้ายและน่าอัปยศเพียงใดกัน

น่าอับอาย น่าอับอายยิ่งนัก!

…..

จนกระทั่งต่อมา ฉู่หรงเหอระเบิดกายเทพตัวเอง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหลือหัวเดียวกระเทียมลีบ จึงต้องฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้า นับวันก็ยิ่งอยู่เงียบมากขึ้นเรื่อยๆ

ดินแดนบูรพาเริ่มไม่แพร่งพรายเรื่องราวปาฏิหาริย์ของสองอัจฉริยะเทพสวรรค์อีก ตอนนี้ชีวิตของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถึงได้สบายขึ้นมาบ้าง

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็ยังแค้นเจ้าสองคนนี่ไม่เลิก นี่คือความแค้นที่สั่งสมมาพันปี!

นานวันก็ยังคงเหมือนเดิม!

หึ ยอมรับว่าพวกเจ้าสองคนเก่งกาจเป็นที่สุดแห่งยุคแล้วอย่างไร ในโลกบำเพ็ญเซียนนี้ คนที่หัวเราะคนสุดท้ายต่างหากที่ชนะ!

ข้าฝึกบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วงสำเร็จนานแล้ว และยังได้คัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะอีก ขณะเดียวกันฉีเซ่าเสวียนศิษย์ข้ายังสำเร็จแก่นพลังทองรอบสิบที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ กระทั่งพรสวรรค์ยังเหนือกว่าฉู่หรงเหอในตอนนั้น!

ตอนนี้ไม่ว่าจะตัวข้าหรือศิษย์ของข้าก็แซงหน้าเจ้าจางหลงหยวนกับศิษย์ของเจ้า

ความอัปยศของ ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์บ้านคนอื่น’ เมื่อพันปีก่อน ข้าจะคืนให้เป็นเท่าตัวเลย!

ลูกประคำเก้าโอรสในอกเสื้อเสิ่นเทียนเริ่มสั่นไหวเบาๆ

……

เมื่อได้ฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยความแค้นของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เอ่ยนิ่งๆ “เจ้าจะแบ่งครึ่งหนึ่งรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทำเสียงขึ้นจมูก “หากเจ้าไม่ยินดี ข้าคงได้แต่ปะทะกับเจ้า ตัดสินสูงต่ำกัน หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะกลับ หากเจ้าแพ้ ทรัพยากรทั้งหมดที่ได้ในการปิดล้อมครั้งนี้ เคหาสน์ม่วงกับดาวเหนือจะขอครึ่งหนึ่ง”

สารภาพตามตรง จะแบ่งหรือไม่แบ่งผลประโยชน์เป็นเรื่องรอง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตั้งใจจะมาสู้อยู่แล้ว นี่จะเป็นศึกที่เขาได้พิสูจน์ตัวเอง!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถอนหายใจ “อ่านหนังสือเยอะ อ่านหนังสือดี อ่านหนังสือทำให้คนรู้จักมารยาท อ่านหนังสือทำให้คนฉลาด”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงพูด “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอย่างเฉยชา “เจ้าคิดว่าเจ้าจะไหวรึ”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 276 บุตรศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น ความแค้นพันปี!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 276 บุตรศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น ความแค้นพันปี! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 276 บุตรศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น ความแค้นพันปี!

สุดท้ายเสิ่นเทียนก็ยังรับป้ายคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ธารหยกไว้

ถึงอย่างไรเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็เป็นหนึ่งในสตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในดินแดนบูรพา

นางมอบป้ายคำสั่งให้เจ้า หากเจ้าไม่รับ ก็อาจจะไม่ไว้หน้าให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเกินไปหน่อย

หลังจากร่างอดีตของเจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิงถูกหอคอยเทพสงครามสังหาร ชีซา โพ่จวินและทันหลางสามผู้อริยะถูกจับ การปิดล้อมครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง

ต่อไปเป็นช่วงเวลาการแบ่งของกลางกันอย่างมีความสุข

ก่อนเริ่มการปิดล้อม สองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่กับฝ่ายเซียนอื่นๆ ได้ตกลงเรื่องส่วนแบ่งกันแล้ว

ทว่าส่วนแบ่งนั้นหมายถึงคลังสมบัติทั้งหมดของลัทธิวิญญาณร้าย ของที่ได้มาจากสาวกวิญญาณร้ายไม่อยู่ในนั้น

หากไม่เช่นนั้น หากของที่เจ้าได้มาจากการสังหารศัตรูต้องแบ่งไปมากกว่าครึ่ง ใครจะยอมลงแรง ทุกคนจะไม่อู้งานกันหรือ

ดังนั้น ครั้งนี้เสิ่นเทียนสังหารผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลัทธิวิญญาณร้ายเก้าคน ของทั้งหมดจึงเป็นของเขา กระทั่งในระดับบางอย่าง การที่สามผู้อริยะซาโพ่หลางถูกจับก็มีคุณูปการของเขาด้วยส่วนหนึ่ง

แต่พอใคร่ครวญได้ว่าในสามผู้อริยะนี้ จางหลงหยวนจัดการหนึ่ง ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจัดการอีกหนึ่ง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกจัดการอีกหนึ่ง

เสิ่นเทียนคิดอย่างชาญฉลาดแล้วก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องขอส่วนแบ่ง

ถึงอย่างไรเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คนไร้เหตุผล

เสิ่นเทียนช่วยกู้วิกฤติครั้งนี้ ขณะเดียวกันยังช่วยพวกเขาจับสามผู้อริยะ นี่คือน้ำใจครั้งใหญ่

ด้วยฐานะของสองคนจะไม่ออกอาการโมโห ไม่ต้องให้เสิ่นเทียนเอ่ยเตือน แบบนั้นจะทำให้ดูห่างเหินกัน ทางด้านผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หรงเหอ เสิ่นเทียนไม่ได้เอ่ยเรื่องขอส่วนแบ่งเช่นกัน เพราะรู้ว่าเอ่ยไปก็ไม่มีประโยชน์

ถึงอย่างไรด้วยดวงชะตาของอาจารย์ลุงผู้น่าสงสาร หลายร้อยปีมานี้คงจะไม่เคยได้ของมากขนาดนี้มาก่อน การจะให้เขาคายเนื้อในปากออกมา ไม่มีหวังเลย

ช่างเถอะ เป็นคนฝ่ายเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นคนอื่นคนไกลขนาดนั้น

ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ขาดเงิน บางทีผู้อริยะลัทธิชั่วร้ายพวกนี้อาจจะไม่ร่ำรวยเท่าข้าด้วยซ้ำ

เสิ่นเทียนเปลี่ยนเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรกลับมาอยู่ในสภาพเกราะในที่ดูธรรมดาไม่มีความสง่างามอีกครั้ง ปีกใหญ่สีทองก็หุบกลับไปเช่นกัน

หากไม่ใช่เพราะมีใบหน้าหล่อเหลาที่สุดแห่งยุคที่ทำให้คนยากจะมองข้าม ตอนนี้เขาก็ดูธรรมดาจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับคนปกติเลย

เฮ้อ สุดท้ายเรื่องที่จะทำตัวอยู่เงียบๆ ก็พลาดตรงใบหน้านี้เสียได้!

……..

การแบ่งของกลางดำเนินไปอย่างมีความสุข ทันใดนั้นปรากฏพลังยิ่งใหญ่ขึ้นเหนือฟ้าอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง

กลิ่นอายพลังแก่กล้าแผ่ออกมาจากมวลอากาศมากมาย นั่นคือผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ขึ้นไป

สี่คนที่นำหน้ามายังแผ่พลานุภาพน่าสะพรึงที่ทำให้คนแทบจะหายใจติดขัด

ผิวกายพวกเขามีประกายเซียนวนเวียนอยู่ เผยระดับพลังของตนออกมาทั้งหมด…ระดับฝ่าด่านเคราะห์ ผู้อริยะ!

ข้างหลังสี่คนยังมีปรากฏการณ์มากมายผลุบๆ โผล่ๆ ภาพดาราบดบังฟ้าและตะวัน ไอม่วงหมุนม้วนมาจากตะวันออกสี่หมื่นลี้ ทั้งยิ่งใหญ่และทำให้คนอึดอัด

ทันทีที่คนพวกนี้ปรากฏตัว ใบหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็มืดลงช้าๆ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ผู้อริยะจื่อเวย ผู้อริยะหลิงเจิน พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”

ใช่ สี่ผู้อริยะที่ปรากฏตัวตอนนี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือและแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

ฐานะของพวกเขาคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ของสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุด!

ตอนนี้สงครามปิดล้อมของแดนศักดิ์สิทธิ์เพิ่งจบลง สี่ผู้อริยะรวมถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าคนก็โผล่มาทันที

พวกเขาคิดอะไรอยู่ ทุกคนรู้แก่ใจดี!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือยิ้มราบเรียบ “ได้ยินว่าซากอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงมีลัทธิวิญญาณร้ายเคลื่อนไหว ข้าจึงตั้งใจมาปิดล้อม”

ตั้งใจมาปิดล้อมรึ

คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญทุกฝ่ายที่เพิ่งผ่านสงครามโลหิตมาแอบด่าไร้ยางอายอยู่ในใจ

หากตั้งใจมาปิดล้อมจริงๆ เหตุใดตอนที่พวกเขาถูกขังในค่ายกลทุกสรรพสัตว์เท่าเทียม ถึงไม่มีใครมาสักคนล่ะ ตอนนี้การปิดล้อมสิ้นสุดลงถึงเวลาแบ่งลูกท้อแล้ว พวกเจ้ากลับออกมา

นี่ยังมียางอายอยู่หรือไม่

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเอ่ยอย่างเย็นชา “การปิดล้อมจบลงแล้ว ไม่รบกวนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองกับผู้อริยะหรอก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “ซากอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงอยู่ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้าย ควรจะแจ้งข้าก่อนหรือไม่”

เมื่อเอ่ยจบ พลังรอบตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็เพิ่มมากขึ้น

ข้างหลังเขามีไอสีม่วงหมื่นจั้งหมุนม้วน มองไปเหมือนกับเทพแท้จริงมาเยือน

ด้วยคัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะของศิษย์ตนฉีเซ่าเสวียน ทำให้กำลังรบของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ต่อให้อยู่ในสิบสองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพา กำลังรบของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็อยู่อันดับต้นๆ ตอนนี้พลังปะทุขึ้นทำให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกกดดันอย่างมาก

ตอนนี้เองเสียงเย็นชาดังขึ้นเนิบนาบ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงคิดว่าควรจะแก้ไขอย่างไร”

ผู้พูดคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอย่างเฉยชา

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงยิ้ม “สหายอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดจะสร้างความลำบากให้ทุกท่าน เพียงแค่ทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีเขตแดน

อาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงมีครึ่งหนึ่งอยู่ในอาณาเขตปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เช่นนั้นของที่ได้มาจากการปิดล้อมลัทธิวิญญาณร้ายครั้งนี้ ต้องแบ่งให้ฝ่ายข้าครึ่งหนึ่งหรือไม่”

คำพูดมีเจตนาชัดเจน

แม้สามผู้อริยะจะถูกจับ แต่ในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงก็ยังมีสาวกลัทธิวิญญาณร้ายซ่อนอยู่จำนวนมาก

ในสาวกลัทธิวิญญาณร้ายพวกนี้มีศิษย์แกนหลักอยู่ ในแหวนเก็บของพวกเขาจะต้องมีทรัพยากรจำนวนมากแน่นอน การปิดล้อมสาวกลัทธิชั่วร้ายพวกนี้จะได้ของมาไม่น้อยอย่างแน่นอน

แม้จะเทียบกับทรัพยากรที่ได้มาจากผู้อริยะพวกนั้นไม่ได้ แต่ก็มากพอจะทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์สนใจ

“ตอนสู้ไม่เห็นหน้าพวกเจ้า ตอนนี้สู้จบแล้วก็อยากจะออกมาเก็บลูกท้อรึ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทุบหัวสุนัขของเจ้า”

นักพรตชราฉุนเฉียวบางคนกำลังนับของอย่างมีความสุข หลายร้อยปีมานี้ไม่เคยมีความสุขมากขนาดนี้มาก่อน!

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงออกมาเรียกร้องขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง กระบองในมือผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพลันทั้งหนาและยาวขึ้นทันที พร้อมจะกระทุ้งใส่เจ้าคนหน้าด้านพวกนี้ทุกเมื่อ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงหน้าเคร่งขึ้นเล็กน้อย “ซากอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงตั้งอยู่ในเขตปกครองของข้า ทุกท่านเข้ามาปิดล้อมสาวกลัทธิชั่วร้ายในดินแดนข้า ก็ควรจะแจ้งข้าก่อน

อีกทั้งจุดที่ทุกท่านอยู่ตอนนี้ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงมากกว่า ข้าขอแบ่งแค่ครึ่งเดียวก็ถือว่าไว้หน้ามากแล้ว หากเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกไม่คุยเหตุผลกันจริงๆ วันนี้พวกข้าคงเลี่ยงการปะทะกันไม่ได้”

คำพูดมีเจตนาชัดเจน สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา

กลิ่นอายพลังมหาศาลของผู้อริยะสี่คนกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์สิบกว่าคนพลันถาโถมใส่กองกำลังพันธมิตร

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแค่นหัวเราะ ก่อนจะหมุนควงกระบองยาวทองคำในมือให้เกิดพายุหมุน “วิหารย่อยลัทธิวิญญาณร้ายนี่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เจ้า ผลประโยชน์ต้องเป็นของเจ้ารึ

เช่นนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเจ้าใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าขนาดนี้ ก็ควรจะเข้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หรือไม่ คนไร้ยางอายอย่างเจ้า ข้าฟาดมานักต่อนักแล้ว!”

ใบหน้าของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเย็นชาขึ้นทีละนิด “ถึงจะเสียพลังฤทธิ์ไปกับสงครามเมื่อครู่ไปบ้าง แต่ข้าก็ยังสู้ต่อได้อีก เข้ามาเลย”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเผยรอยยิ้มเย้าหยอก สายตามองตรงไปที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ “จางหลงหยวน เจ้าเองก็จะยืนกรานเช่นกันรึ”

…….

สารภาพตามตรง เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ชอบหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มานานมากแล้ว

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และเคหาสน์ม่วงไม่ถูกกันมาตลอดหลายพันปี แอบปะทะกันในที่ลับไม่น้อย

เนื่องจากบทต้องห้ามในคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์หายไป ปกติแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะได้เปรียบกว่า

ทว่ายุคเมื่อพันปีก่อน แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหมือนกับได้สูบฉีดเลือดไก่ ในช่วงร้อยปีก็ได้ถือกำเนิดมังกรหมอบขึ้นพร้อมกัน…สองโอรสสวรรค์จางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอ

นั่นคือยุคสมัยที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหนือกว่าคนอื่น สองอัจฉริยะเทพสวรรค์กดขี่โอรสสวรรค์รุ่นเดียวกันจนแทบหอบหายใจไม่ทัน

โดยเฉพาะฉู่หรงเหอ ในยุคที่มีจิตใจเร่าร้อน ถึงขั้นใช้กำลังของตัวคนเดียวเอาชนะยอดหัวกะทิสิบแปดคนแห่งเคหาสน์ม่วงได้ ฟาดจนพวกเขาหัวโน

แม้จางหลงหยวนจะโดดเด่นน้อยกว่าฉู่หรงเหอมาก แต่เจ้านี่ฉลาดกว่าฉู่หรงเหอ ชำนาญการวางแผนลับมากที่สุด

ปกติทุกครั้งที่ฉู่หรงเหอก่อเรื่อง จะมีเจ้าในคอยวางกลยุทธ์เตรียมหาทางหนีทีไร่ให้อยู่ในที่ลับ หากไม่เช่นนั้นฉู่หรงเหอคงตายไปนานแล้ว

ความจริง จางหลงหยวนต่างหากคือคนสำคัญของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ยุคนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนบูรพาต่างตัวสั่นงันงกต่อหน้าสองคนนี้

ทางด้านบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงภายใต้ประกายแสงของสองคนนี้ ก็ดูธรรมดามากอย่างเห็นได้ชัด

เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็เป็นอัจฉริยะที่ยากจะพานพบได้ในพันปีของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เห็นๆ อยู่ว่าเขาก็ถือว่าเป็นผู้โดดเด่นในบุตรศักดิ์สิทธิ์ดินแดนบูรพาเช่นกัน

ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงกลับต้องท้าทายบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ อีกทั้งในด้านพื้นฐานยังแกร่งกว่า

มาถึงรุ่นเขา ไม่ใช่แค่ศิษย์พี่ใหญ่เทพสวรรค์ที่เอาชนะเขาได้ง่ายๆ แม้แต่ศิษย์พี่รองยังทุบตีเขาได้โดยไม่มีกำลังสวนกลับเลย

จนกระทั่งมาถึงตอนที่เอ่ยถึงฉู่หรงเหอกับจางหลงหยวน แทบทุกคนต่างยกเขาเป็นตัวเปรียบเทียบ

ไม่กลัวสินค้าไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลัวถูกเปรียบเทียบสินค้ามากกว่า

แดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อนบ้านมีสองมังกรหมอบเช่นนี้ จะให้ศิษย์พี่ใหญ่เคหาสน์ม่วงอย่างข้าอยู่อย่างไร!

กระทั่งมีคนชอบหาเรื่องตั้งฉายาน่าคับอกคับใจอย่างยิ่งให้เขา…บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่โดนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่อย่างน่าอนาถาที่สุด

อ้อ นี่เป็นฉายาที่เลวร้ายและน่าอัปยศเพียงใดกัน

น่าอับอาย น่าอับอายยิ่งนัก!

…..

จนกระทั่งต่อมา ฉู่หรงเหอระเบิดกายเทพตัวเอง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหลือหัวเดียวกระเทียมลีบ จึงต้องฝึกคัมภีร์เสริมวิถีฟ้า นับวันก็ยิ่งอยู่เงียบมากขึ้นเรื่อยๆ

ดินแดนบูรพาเริ่มไม่แพร่งพรายเรื่องราวปาฏิหาริย์ของสองอัจฉริยะเทพสวรรค์อีก ตอนนี้ชีวิตของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงถึงได้สบายขึ้นมาบ้าง

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงก็ยังแค้นเจ้าสองคนนี่ไม่เลิก นี่คือความแค้นที่สั่งสมมาพันปี!

นานวันก็ยังคงเหมือนเดิม!

หึ ยอมรับว่าพวกเจ้าสองคนเก่งกาจเป็นที่สุดแห่งยุคแล้วอย่างไร ในโลกบำเพ็ญเซียนนี้ คนที่หัวเราะคนสุดท้ายต่างหากที่ชนะ!

ข้าฝึกบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิเคหาสน์ม่วงสำเร็จนานแล้ว และยังได้คัมภีร์จักรพรรดินิพพานอมตะอีก ขณะเดียวกันฉีเซ่าเสวียนศิษย์ข้ายังสำเร็จแก่นพลังทองรอบสิบที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ กระทั่งพรสวรรค์ยังเหนือกว่าฉู่หรงเหอในตอนนั้น!

ตอนนี้ไม่ว่าจะตัวข้าหรือศิษย์ของข้าก็แซงหน้าเจ้าจางหลงหยวนกับศิษย์ของเจ้า

ความอัปยศของ ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์บ้านคนอื่น’ เมื่อพันปีก่อน ข้าจะคืนให้เป็นเท่าตัวเลย!

ลูกประคำเก้าโอรสในอกเสื้อเสิ่นเทียนเริ่มสั่นไหวเบาๆ

……

เมื่อได้ฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยความแค้นของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เอ่ยนิ่งๆ “เจ้าจะแบ่งครึ่งหนึ่งรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงทำเสียงขึ้นจมูก “หากเจ้าไม่ยินดี ข้าคงได้แต่ปะทะกับเจ้า ตัดสินสูงต่ำกัน หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะกลับ หากเจ้าแพ้ ทรัพยากรทั้งหมดที่ได้ในการปิดล้อมครั้งนี้ เคหาสน์ม่วงกับดาวเหนือจะขอครึ่งหนึ่ง”

สารภาพตามตรง จะแบ่งหรือไม่แบ่งผลประโยชน์เป็นเรื่องรอง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงตั้งใจจะมาสู้อยู่แล้ว นี่จะเป็นศึกที่เขาได้พิสูจน์ตัวเอง!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถอนหายใจ “อ่านหนังสือเยอะ อ่านหนังสือดี อ่านหนังสือทำให้คนรู้จักมารยาท อ่านหนังสือทำให้คนฉลาด”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงพูด “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอย่างเฉยชา “เจ้าคิดว่าเจ้าจะไหวรึ”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด