บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 262 อัปยศ นี่คือความอัปยศ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 262 อัปยศ นี่คือความอัปยศ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความรู้สึกเจ็บปวดและชาเล็กน้อยแล่นมาจากขาขวาของหลี่ชางหลัน

แต่เพียงเสี้ยวพริบตาความเจ็บปวดทั้งหมดก็หายไป

เขาเป็นเจ้ากระบี่ที่มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน ย่อมรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ

เถาวัลย์นี้มีพิษแน่นอน อีกทั้งยังเป็นพิษแบบชารุนแรง ให้ประสิทธิภาพรุนแรงมาก หากไม่รีบสลัดให้หลุดจากเถาวัลย์นี้โดยเร็วที่สุด อีกไม่นานเขาจะถูกเถาวัลย์ที่ทำให้เหน็บชาพวกนี้พันธนาการไว้ทั้งหมด

ถึงตอนนั้นคงไม่มีที่ให้ขัดขืนอีก

“ต่ำทราม!”

หลี่ชางหลันหน้ามืดลงเล็กน้อย ก่อนจะกวัดแกว่งกระบี่ฟันใส่เถาวัลย์สีมรกตนั้น

แก๊ง~!

เถาวัลย์สีเขียวนั้นดูเหมือนเล็กและเปราะบาง แต่ระดับความเหนียวเหนือกว่าที่หลี่ชางหลันคิดไว้

กระบี่ยาวในมือเขาหลอมขึ้นจากทองคำวิญญาณระดับสูงสุด หลี่ชางหลันบ่มเพาะมาหลายปี เรียกได้ว่าเป็นสมบัติเทพที่สุดแห่งโลก

ทว่าฟันใส่เถาวัลย์นี่ไม่ขาดในทีเดียว ได้แต่ฟันเป็นร่องลึก ของเหลวสีขาวขุ่นสาดกระจาย

“กระบี่เดียวฟันไม่ขาด เช่นนั้นก็อีกกระบี่!”

ความรู้สึกชารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่ชางหลันฝืนตัวเองเร่งรัดใช้เจตจำนงกระบี่ต่อต้านพิษในกายไว้

ขณะเดียวกันกระบี่ยาวในมือฟันใส่รอยกระบี่นั้นก่อนจะตัดเถากลืนกินเซียนขาด ทว่าเขายังไม่ทันดีใจ เพราะมีเถากลืนกินเซียนอีกสามเส้นมุดขึ้นมาจากใต้ดิน

เถากลืนกินเซียนสามเส้นนี้แยกกันพันเข้าที่เอว ขา และสองมือของเขาด้วยความเร็วเหนือกว่าเสียง มัดเขาไว้อย่างแน่นหนาในทันที

ในเวลาเดียวกัน เถากลืนกินเซียนสามเส้นนั้นยังเริ่มมุดเข้าไปในปากของหลี่ชางหลัน

“ระยำ ระยำ! นี่มันเถาวัลย์บ้าอะไรกัน!”

หลี่ชางหลันหน้าซีดขาวยิ่ง เขาเป็นเจ้ากระบี่แห่งดินแดนบูรพาผู้ยิ่งใหญ่จึงเป็นคนที่มีเกียรติ หากถูกเถาวัลย์บ้านี่กระแทกเข้าไปในปาก จากนี้ยังจะเป็นคนอีกหรือไม่?

“คนกระบี่ผสาน จงแหลกไป!”

ตอนนี้เปลวไฟร้อนแรงลุกบนตัวหลี่ชางหลัน

นั่นคือเขากำลังเผาเลือดลมของตนเพื่อระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าปกติ

สำหรับหลี่ชางหลันที่ฝึกควบศาสตร์หลอมกายเทพมารแล้ว นี่ถือว่าเป็นไพ่ตายของเขา ใช้น้อยครั้งมาก

ถึงอย่างไรทั้งดินแดนบูรพาก็มีไม่กี่คนที่มีสิทธิ์ให้เขาสู้สุดชีวิต หลี่ชางหลันในสภาวะเช่นนี้แข็งแกร่งจนน่ากลัว!

“กระบี่ผ่านไปที่ใด ภูตผีปีศาจจะแหลกสิ้น! ภาพมายาผีปีศาจ ปราบให้หมดสิ้น!”

ทันใดนั้น แสงกระบี่สีเงินสว่างจ้าก็ระเบิดมาจากตัวหลี่ชางหลัน

ไม่นานเถากลืนกินเซียนสามเส้นนั้นก็เกิดรอยกระบี่ชัดเจน เกิดเค้าลางว่าจะฉีกขาด

มองจากแค่กระบี่นี้ ฉายาเจ้ากระบี่ของหลี่ชางหลันไม่เกินจริงไปเลย จิตกระบี่แกร่งจนน่ากลัว

ตอนนี้หลี่ชางหลันกู่ร้องในระดับสูงกับกระบี่เทพในมือ ภายใต้การปะทุ เถากลืนกินเซียนยังยากจะคุมตัวเขาไว้ได้

พรวด~!

ทว่าตอนนี้เองหลี่ชางหลันหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง

ประกายคมกระบี่ทั่วร่างเขาสลายไป ใบหน้าพลันซีดขาวอย่างยิ่ง

“สารเลว เดรัจฉาน เดนมนุษย์! จะ…เจ้ากล้ากระทุ้งเข้าไปในตัวข้า!”

โกรธ!

เปลวไฟแห่งโทสะแผดเผาหลี่ชางหลัน เปลวไฟร้อนแรงบนผิวกายเขาลุกแผดเผายิ่งกว่าเดิม

ปราณกระบี่ฟันใส่เถากลืนกินเซียนสุดชีวิต แต่ไม่รู้เมื่อไร บนผิวเถากลืนกินเซียนพวกนั้นยังมีของเหลวสีขาวเงินเคลือบอยู่ด้วย

เมื่อมีของเหลวสีขาวเงินเคลือบไว้หนึ่งชั้น การโจมตีวิถีกระบี่ส่วนใหญ่เหมือนจะถูกเด้งออกไป พลังป้องกันของเถากลืนกินเซียนแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นเท่าตัว!

หลี่ชางหลันยิ่งออกแรงฟันมากเท่าไร เถากลืนกินเซียนพวกนั้นก็ยิ่งตื่นเต้น กระทั่งฟาดแส้ใส่หลี่ชางหลันไม่หยุด เหมือนกำลังดีใจอย่างไรอย่างนั้น

อัปยศ นี่คือความอัปยศ!

เจ้าของยังไม่ออกมือ แค่เถากลืนกินเซียนไม่กี่เส้นก็จัดการเจ้าได้แล้ว

หลี่ชางหลันเคยท่องดินแดนบูรพามาพันปี ยังไม่เคยขายหน้าเช่นนี้มาก่อน จิตกระบี่แทบจะพังทลายลง!

แต่ความโกรธ อับอาย การปะทุ การดิ้นรน การสู้สุดชีวิตล้วนเป็นเรื่องเสียแรงเปล่า ตอนนี้เขาเป็นเพียงนักกระบี่ระดับกายทองตัวเล็กๆ เท่านั้น

หากไม่ได้ดูถูกศัตรูจนโดนเถากลืนกินเซียนพวกนี้พันธนาการไว้ ก็อาจจะสู้กับเจ้านี่ได้

แต่โลกนี้ไม่มีคำว่า ‘หาก’ ตอนนี้หลี่ชางหลันเข้าใจดีว่าเขาไม่มีโอกาสพลิกกระดานแล้ว

เถากลืนกินเซียนมัดเขาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นกระบี่ในมือยังโดนเถาวัลย์ชิงไป

เมื่อเถากลืนกินเซียนแทงเข้าไปในกายหลี่ชางหลัน เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังปราณเดิมและพลังชีวิตของตนกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ หลี่ชางหลันกลายเป็นศพแห้ง ทุกอย่างตรงหน้ากลายเป็นผุยผง

…..

ฟู่ว~

หลี่ชางหลันลืมตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธและอับอาย

ขณะเดียวกันยังมีความตกใจระคนสงสัยที่ไม่อาจปกปิดได้

“ข้ายังไม่ตายรึ”

เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นว่า “ไม่ต้องแปลกใจ เพื่อให้เหล่าโอรสสวรรค์ได้เล่นกันอย่างเต็มที่ ข้าจึงรับคำแนะนำของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ให้ผู้ท้าประลองควบคุมร่างเงาของตนเองประลองกับโอรสสวรรค์ที่เฝ้าเวทีประลองแทน

แม้เจ้าจะพิการ ตายในการประลองก็ไม่ต้องกังวล คนที่ตายไปเป็นเพียงร่างเงาเท่านั้น ร่างจริงของเจ้าไม่ได้บาดเจ็บใดๆ เลย”

หลี่ชางหลันครุ่นคิด ที่แท้ก็เช่นนี้เอง

ดีที่เมื่อครู่ไม่ใช่ร่างของตน ไม่อย่างนั้น…

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ไอ้เด็กชั่วนั่นก็ยังกล้าเหยียดหยามข้าเช่นนี้!

อันนี้ทนได้ แต่คนทนไม่ได้!

หลี่ชางหลันกัดฟันด้วยความโกรธ “ดวงจิตหอคอย มีทางให้ข้าท้าประลองกับเสิ่นเทียนใหม่อีกครั้งหรือไม่”

เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้น “โอรสสวรรค์วัยกลางคนเอ๋ย ตามกฎของหอคอยเทพสงครามแล้ว ปกติจะสุ่มคู่ต่อสู้ให้”

หลี่ชางหลันเอ่ยเสียงเฉยชา “ข้ายินดีจ่ายเดิมพันเป็นสองเท่า!”

หลี่ชางหลันไม่ยอม!

ครั้งนี้เขาดูถูกคู่ต่อสู้ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางแพ้ง่ายดายเช่นนี้แน่นอน

หากมีโอกาสครั้งที่สอง ขอแค่ระวังเถาวัลย์ประหลาดนั่น

เขาจะต้องเอาชนะเสิ่นเทียนได้อย่างแน่นอน อย่างแน่นอน!

ความกระหายในชัยชนะในใจลุกโชนขึ้นมา หลี่ชางหลันไม่ยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้และถอยไปด้วยความอัปยศเช่นนี้แน่

ดวงจิตหอคอยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงกังวาน “เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ ขอให้เจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากจัดการเลย”

อย่าทำให้เจ้าลำบากจัดการรึ

ความหมายก็คือทำได้ แค่เงื่อนไขไม่พอหรือ

หลี่ชางหลันแค่นยิ้ม ผลึกวิญญาณหมื่นก้อนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ สำหรับเขา

แต่เทียบกับศักดิ์ศรีของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์แล้ว ศิลาวิญญาณอะไรพวกนี้ไม่มีระดับความสำคัญจริงๆ

“ยินดีจะจ่ายของเดิมพันเป็นสามเท่า!”

หลี่ชางหลันเอ่ย “หากครั้งนี้แพ้ ข้าจะเสียแต้มเทพสงครามสามพันแต้ม ว่าอย่างไร”

ดวงจิตหอคอยตอบ “ตรงนี้ ข้าซาบซึ้งใจในความจริงใจของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์มาก เพียงแต่กฎก็ยังเป็นกฎ ไม่สะดวก…”

“ห้าเท่า! ของเดิมพันห้าเท่า” เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์แค่นเสียงขึ้นจมูก “นี่คือขีดจำกัดที่ข้ารับไหวแล้ว หากไม่ได้ก็ส่งข้าออกไปเถอะ!”

เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์วางแผนมาดีแล้ว

หากหอคอยเทพสงครามตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมผ่อนผันจริงๆ เช่นนั้นเขาก็จะไปซุ่มอยู่ใกล้ๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ รอให้เสิ่นเทียนออกมาเพียงลำพัง

จากนั้นเขาจะกดระดับพลังตัวเองให้เหลือระดับกายทองแล้วสั่งสอนเจ้าเด็กนี่ ถึงอย่างไรร่างเงาเป็นหนี้ร่างจริงก็ต้องชดใช้ นี่สมเหตุผลมาก

ทว่าช่วงที่เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์เตรียมจะออกจากหอคอยเทพสงครามนั้น เสียงดวงจิตหอคอยก็ดังขึ้นว่า “ข้าสนใจในเงื่อนไขของเจ้ามาก

ช่างเถอะ เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์เป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่มีความหลงใหลในกระบี่อย่างแท้จริง ข้าจะยกเว้นให้เจ้าสักครั้ง เจ้าประลองกับร่างเงาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนได้อีกครั้ง แต่…จะต้องเก็บเป็นความลับ

ถึงอย่างไรหอคอยเทพก็มีกฎของหอคอยเทพ การแหกกฎให้เจ้าสร้างแรงกดดันสูงมาก”

เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเข้าใจ”

…………

บนเวทีประลองเทพสงครามค่อยๆ รวมแสงกลุ่มใหม่ขึ้น

การต่อสู้อันดุเดือดกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง!

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 262 อัปยศ นี่คือความอัปยศ!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 262 อัปยศ นี่คือความอัปยศ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความรู้สึกเจ็บปวดและชาเล็กน้อยแล่นมาจากขาขวาของหลี่ชางหลัน

แต่เพียงเสี้ยวพริบตาความเจ็บปวดทั้งหมดก็หายไป

เขาเป็นเจ้ากระบี่ที่มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน ย่อมรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ

เถาวัลย์นี้มีพิษแน่นอน อีกทั้งยังเป็นพิษแบบชารุนแรง ให้ประสิทธิภาพรุนแรงมาก หากไม่รีบสลัดให้หลุดจากเถาวัลย์นี้โดยเร็วที่สุด อีกไม่นานเขาจะถูกเถาวัลย์ที่ทำให้เหน็บชาพวกนี้พันธนาการไว้ทั้งหมด

ถึงตอนนั้นคงไม่มีที่ให้ขัดขืนอีก

“ต่ำทราม!”

หลี่ชางหลันหน้ามืดลงเล็กน้อย ก่อนจะกวัดแกว่งกระบี่ฟันใส่เถาวัลย์สีมรกตนั้น

แก๊ง~!

เถาวัลย์สีเขียวนั้นดูเหมือนเล็กและเปราะบาง แต่ระดับความเหนียวเหนือกว่าที่หลี่ชางหลันคิดไว้

กระบี่ยาวในมือเขาหลอมขึ้นจากทองคำวิญญาณระดับสูงสุด หลี่ชางหลันบ่มเพาะมาหลายปี เรียกได้ว่าเป็นสมบัติเทพที่สุดแห่งโลก

ทว่าฟันใส่เถาวัลย์นี่ไม่ขาดในทีเดียว ได้แต่ฟันเป็นร่องลึก ของเหลวสีขาวขุ่นสาดกระจาย

“กระบี่เดียวฟันไม่ขาด เช่นนั้นก็อีกกระบี่!”

ความรู้สึกชารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่ชางหลันฝืนตัวเองเร่งรัดใช้เจตจำนงกระบี่ต่อต้านพิษในกายไว้

ขณะเดียวกันกระบี่ยาวในมือฟันใส่รอยกระบี่นั้นก่อนจะตัดเถากลืนกินเซียนขาด ทว่าเขายังไม่ทันดีใจ เพราะมีเถากลืนกินเซียนอีกสามเส้นมุดขึ้นมาจากใต้ดิน

เถากลืนกินเซียนสามเส้นนี้แยกกันพันเข้าที่เอว ขา และสองมือของเขาด้วยความเร็วเหนือกว่าเสียง มัดเขาไว้อย่างแน่นหนาในทันที

ในเวลาเดียวกัน เถากลืนกินเซียนสามเส้นนั้นยังเริ่มมุดเข้าไปในปากของหลี่ชางหลัน

“ระยำ ระยำ! นี่มันเถาวัลย์บ้าอะไรกัน!”

หลี่ชางหลันหน้าซีดขาวยิ่ง เขาเป็นเจ้ากระบี่แห่งดินแดนบูรพาผู้ยิ่งใหญ่จึงเป็นคนที่มีเกียรติ หากถูกเถาวัลย์บ้านี่กระแทกเข้าไปในปาก จากนี้ยังจะเป็นคนอีกหรือไม่?

“คนกระบี่ผสาน จงแหลกไป!”

ตอนนี้เปลวไฟร้อนแรงลุกบนตัวหลี่ชางหลัน

นั่นคือเขากำลังเผาเลือดลมของตนเพื่อระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าปกติ

สำหรับหลี่ชางหลันที่ฝึกควบศาสตร์หลอมกายเทพมารแล้ว นี่ถือว่าเป็นไพ่ตายของเขา ใช้น้อยครั้งมาก

ถึงอย่างไรทั้งดินแดนบูรพาก็มีไม่กี่คนที่มีสิทธิ์ให้เขาสู้สุดชีวิต หลี่ชางหลันในสภาวะเช่นนี้แข็งแกร่งจนน่ากลัว!

“กระบี่ผ่านไปที่ใด ภูตผีปีศาจจะแหลกสิ้น! ภาพมายาผีปีศาจ ปราบให้หมดสิ้น!”

ทันใดนั้น แสงกระบี่สีเงินสว่างจ้าก็ระเบิดมาจากตัวหลี่ชางหลัน

ไม่นานเถากลืนกินเซียนสามเส้นนั้นก็เกิดรอยกระบี่ชัดเจน เกิดเค้าลางว่าจะฉีกขาด

มองจากแค่กระบี่นี้ ฉายาเจ้ากระบี่ของหลี่ชางหลันไม่เกินจริงไปเลย จิตกระบี่แกร่งจนน่ากลัว

ตอนนี้หลี่ชางหลันกู่ร้องในระดับสูงกับกระบี่เทพในมือ ภายใต้การปะทุ เถากลืนกินเซียนยังยากจะคุมตัวเขาไว้ได้

พรวด~!

ทว่าตอนนี้เองหลี่ชางหลันหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง

ประกายคมกระบี่ทั่วร่างเขาสลายไป ใบหน้าพลันซีดขาวอย่างยิ่ง

“สารเลว เดรัจฉาน เดนมนุษย์! จะ…เจ้ากล้ากระทุ้งเข้าไปในตัวข้า!”

โกรธ!

เปลวไฟแห่งโทสะแผดเผาหลี่ชางหลัน เปลวไฟร้อนแรงบนผิวกายเขาลุกแผดเผายิ่งกว่าเดิม

ปราณกระบี่ฟันใส่เถากลืนกินเซียนสุดชีวิต แต่ไม่รู้เมื่อไร บนผิวเถากลืนกินเซียนพวกนั้นยังมีของเหลวสีขาวเงินเคลือบอยู่ด้วย

เมื่อมีของเหลวสีขาวเงินเคลือบไว้หนึ่งชั้น การโจมตีวิถีกระบี่ส่วนใหญ่เหมือนจะถูกเด้งออกไป พลังป้องกันของเถากลืนกินเซียนแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นเท่าตัว!

หลี่ชางหลันยิ่งออกแรงฟันมากเท่าไร เถากลืนกินเซียนพวกนั้นก็ยิ่งตื่นเต้น กระทั่งฟาดแส้ใส่หลี่ชางหลันไม่หยุด เหมือนกำลังดีใจอย่างไรอย่างนั้น

อัปยศ นี่คือความอัปยศ!

เจ้าของยังไม่ออกมือ แค่เถากลืนกินเซียนไม่กี่เส้นก็จัดการเจ้าได้แล้ว

หลี่ชางหลันเคยท่องดินแดนบูรพามาพันปี ยังไม่เคยขายหน้าเช่นนี้มาก่อน จิตกระบี่แทบจะพังทลายลง!

แต่ความโกรธ อับอาย การปะทุ การดิ้นรน การสู้สุดชีวิตล้วนเป็นเรื่องเสียแรงเปล่า ตอนนี้เขาเป็นเพียงนักกระบี่ระดับกายทองตัวเล็กๆ เท่านั้น

หากไม่ได้ดูถูกศัตรูจนโดนเถากลืนกินเซียนพวกนี้พันธนาการไว้ ก็อาจจะสู้กับเจ้านี่ได้

แต่โลกนี้ไม่มีคำว่า ‘หาก’ ตอนนี้หลี่ชางหลันเข้าใจดีว่าเขาไม่มีโอกาสพลิกกระดานแล้ว

เถากลืนกินเซียนมัดเขาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นกระบี่ในมือยังโดนเถาวัลย์ชิงไป

เมื่อเถากลืนกินเซียนแทงเข้าไปในกายหลี่ชางหลัน เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังปราณเดิมและพลังชีวิตของตนกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ หลี่ชางหลันกลายเป็นศพแห้ง ทุกอย่างตรงหน้ากลายเป็นผุยผง

…..

ฟู่ว~

หลี่ชางหลันลืมตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธและอับอาย

ขณะเดียวกันยังมีความตกใจระคนสงสัยที่ไม่อาจปกปิดได้

“ข้ายังไม่ตายรึ”

เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้นว่า “ไม่ต้องแปลกใจ เพื่อให้เหล่าโอรสสวรรค์ได้เล่นกันอย่างเต็มที่ ข้าจึงรับคำแนะนำของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ให้ผู้ท้าประลองควบคุมร่างเงาของตนเองประลองกับโอรสสวรรค์ที่เฝ้าเวทีประลองแทน

แม้เจ้าจะพิการ ตายในการประลองก็ไม่ต้องกังวล คนที่ตายไปเป็นเพียงร่างเงาเท่านั้น ร่างจริงของเจ้าไม่ได้บาดเจ็บใดๆ เลย”

หลี่ชางหลันครุ่นคิด ที่แท้ก็เช่นนี้เอง

ดีที่เมื่อครู่ไม่ใช่ร่างของตน ไม่อย่างนั้น…

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ไอ้เด็กชั่วนั่นก็ยังกล้าเหยียดหยามข้าเช่นนี้!

อันนี้ทนได้ แต่คนทนไม่ได้!

หลี่ชางหลันกัดฟันด้วยความโกรธ “ดวงจิตหอคอย มีทางให้ข้าท้าประลองกับเสิ่นเทียนใหม่อีกครั้งหรือไม่”

เสียงดวงจิตหอคอยดังขึ้น “โอรสสวรรค์วัยกลางคนเอ๋ย ตามกฎของหอคอยเทพสงครามแล้ว ปกติจะสุ่มคู่ต่อสู้ให้”

หลี่ชางหลันเอ่ยเสียงเฉยชา “ข้ายินดีจ่ายเดิมพันเป็นสองเท่า!”

หลี่ชางหลันไม่ยอม!

ครั้งนี้เขาดูถูกคู่ต่อสู้ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางแพ้ง่ายดายเช่นนี้แน่นอน

หากมีโอกาสครั้งที่สอง ขอแค่ระวังเถาวัลย์ประหลาดนั่น

เขาจะต้องเอาชนะเสิ่นเทียนได้อย่างแน่นอน อย่างแน่นอน!

ความกระหายในชัยชนะในใจลุกโชนขึ้นมา หลี่ชางหลันไม่ยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้และถอยไปด้วยความอัปยศเช่นนี้แน่

ดวงจิตหอคอยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงกังวาน “เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ ขอให้เจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากจัดการเลย”

อย่าทำให้เจ้าลำบากจัดการรึ

ความหมายก็คือทำได้ แค่เงื่อนไขไม่พอหรือ

หลี่ชางหลันแค่นยิ้ม ผลึกวิญญาณหมื่นก้อนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ สำหรับเขา

แต่เทียบกับศักดิ์ศรีของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์แล้ว ศิลาวิญญาณอะไรพวกนี้ไม่มีระดับความสำคัญจริงๆ

“ยินดีจะจ่ายของเดิมพันเป็นสามเท่า!”

หลี่ชางหลันเอ่ย “หากครั้งนี้แพ้ ข้าจะเสียแต้มเทพสงครามสามพันแต้ม ว่าอย่างไร”

ดวงจิตหอคอยตอบ “ตรงนี้ ข้าซาบซึ้งใจในความจริงใจของเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์มาก เพียงแต่กฎก็ยังเป็นกฎ ไม่สะดวก…”

“ห้าเท่า! ของเดิมพันห้าเท่า” เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์แค่นเสียงขึ้นจมูก “นี่คือขีดจำกัดที่ข้ารับไหวแล้ว หากไม่ได้ก็ส่งข้าออกไปเถอะ!”

เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์วางแผนมาดีแล้ว

หากหอคอยเทพสงครามตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมผ่อนผันจริงๆ เช่นนั้นเขาก็จะไปซุ่มอยู่ใกล้ๆ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ รอให้เสิ่นเทียนออกมาเพียงลำพัง

จากนั้นเขาจะกดระดับพลังตัวเองให้เหลือระดับกายทองแล้วสั่งสอนเจ้าเด็กนี่ ถึงอย่างไรร่างเงาเป็นหนี้ร่างจริงก็ต้องชดใช้ นี่สมเหตุผลมาก

ทว่าช่วงที่เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์เตรียมจะออกจากหอคอยเทพสงครามนั้น เสียงดวงจิตหอคอยก็ดังขึ้นว่า “ข้าสนใจในเงื่อนไขของเจ้ามาก

ช่างเถอะ เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์เป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่มีความหลงใหลในกระบี่อย่างแท้จริง ข้าจะยกเว้นให้เจ้าสักครั้ง เจ้าประลองกับร่างเงาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนได้อีกครั้ง แต่…จะต้องเก็บเป็นความลับ

ถึงอย่างไรหอคอยเทพก็มีกฎของหอคอยเทพ การแหกกฎให้เจ้าสร้างแรงกดดันสูงมาก”

เจ้ากระบี่ธารนิรันดร์พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเข้าใจ”

…………

บนเวทีประลองเทพสงครามค่อยๆ รวมแสงกลุ่มใหม่ขึ้น

การต่อสู้อันดุเดือดกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง!

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+