บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 196 แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก สหายเก่ามาเยี่ยม!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 196 แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก สหายเก่ามาเยี่ยม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 196 แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก สหายเก่ามาเยี่ยม!

ปัง!

ปังๆๆ!

ปังๆๆๆๆ!

เสียงใสดังขึ้นในห้องของเสิ่นเทียน

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง พูดด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ ปืนนี่เป็นอย่างไรบ้าง จากที่ท่านเตือนมา ท่านแม่เลยตั้งใจเพิ่มตราเวทลดเสียงในปืนนี่ สามารถเลี่ยงเสียงดังเกินไปได้”

เสิ่นเทียนพยักหน้า เขามองสมบัติวิเศษโล่ป้องกันที่ถูกยิงเปลี่ยนรูปไปอย่างชัดเจนด้วยความพอใจมาก

โล่ป้องกันนั้นเสิ่นเทียนเก็บได้ตอนหายนะเมืองหมอกลับแล เจ้าของน่าจะตายไปแล้ว

ด้วยความที่มีค่านิยมอันดีงามที่ไม่สิ้นเปลือง เสิ่นเทียนจึงเก็บโล่ป้องกันนี้มา

ตอนนี้บนโล่จะเห็นเป็นรูกระสุนเว้าลงไปเป็นจุดๆ อย่างชัดเจน กระทั่งบางแห่งทะลวงผ่านไป เห็นได้ชัดมากว่าอานุภาพของปืนกลหยินหยางค่อนข้างใช้ได้เลยจริงๆ

และที่น่าชื่นชมกว่านั้นคือแรงดีดของปืนไม่ได้แรงมากเป็นพิเศษ เสิ่นเทียนกดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

เสิ่นเทียนยิงใส่โล่นี้ทีเดียวสิบนัด ทุกนัดยิงใส่โล่ได้อย่างแม่นยำ ไม่พลาดโดนฉินอวิ๋นตี๋ข้างๆ เลย

เทียบกับการยิงทีละนัดแล้ว ต้องช้าลงถึงจะยิงปืนหยินหยางพิฆาตอสูรธรรมดานัดที่สองได้ ความทนทานและอัตราพลาดเป้าของปืนกลหยินหยางนี่จึงสูงกว่ามาก

เพราะปืนนี่ยังเป็นเพียงตัวอย่าง ดังนั้นจึงสร้างมาค่อนข้างหยาบ แต่มองจากสมรรถนะง่ายๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่ามีสมรรถนะหลักๆ ของปืนกลอัตโนมัติ

ฉินอวิ๋นตี๋มีพรสวรรค์จริงๆ ประกอบกับระดับการหลอมอาวุธของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ การวิจัยในด้านอาวุธปืนจึงราบรื่นมาก

เสิ่นเทียนเหมือนเห็นการปฏิวัติของผู้ฝึกบำเพ็ญระดับล่างกำลังเกิดขึ้น

แน่นอน ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรกับปืนกลหยินหยางมีอานุภาพแข็งแกร่งมากสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับล่าง แต่ก็ถูกลิขิตไว้ว่าไม่มีผลกับทั้งโลกบำเพ็ญเซียน

เพราะก๊าซไฮดรอกไซด์ผสานกับพลังวิญญาณ ต่อให้หดตัวแน่นกว่านี้ ก็ทำลายได้เพียงเขตแดนเวทแก่นพลังทอง

ตอนเผชิญหน้ากับผู้ฝึกบำเพ็ญดวงจิตดรุณอย่างผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต ยังยากจะให้เกิดประสิทธิภาพถึงตายเกินคาดได้อีก กระทั่งความเร็วในโจมตีของอาวุธพวกนี้ยังเทียบกับความเร็วในการหลบและป้องกันของผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณไม่ได้เลย

ระดับผู้สูงศักดิ์สามารถรับมือการโจมตีแบบนี้ได้ง่ายๆ

การจะคุกคามถึงผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณหรือผู้สูงศักดิ์สวรรค์ในระดับชั้นที่สูงกว่า เกรงว่าต้องสร้างระเบิดประจุไฟฟ้า อาวุธเลเซอร์กระทั่งอาวุธนิวเคลียร์ออกมา

ขนาดอาวุธนิวเคลียร์ยังคุกคามถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้หรือไม่นั้น เสิ่นเทียนก็ยังไม่แน่ใจ

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เห็นการต่อสู้ระหว่างมารดาเถาลวี่จีกับเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าที่เรียกได้ว่านิวเคลียร์ในรูปแบบมนุษย์มาแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือป้องกันล้วนสามารถปลิดชีพระดับดวงจิตดรุณได้ในพริบตาสิบกว่าชีวิต

ด้วยกลอุบายของพวกเขา ขอแค่ไม่อยู่ใจกลางสุดของนิวเคลียร์ คาดว่าก็คงไม่มีแรงกดดันอะไรเลย!

ส่วนกัมมันตภาพนิวเคลียร์ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของอาวุธนิวเคลียร์ เสิ่นเทียนก็คิดว่า ‘สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนแล้วก็อาจจะคุกคามไม่ได้มากนัก!’

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้สูงศักดิ์ที่แข็งแกร่งบางส่วนที่สำแดงวิชาซ่อนในมิติได้เลย

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงตัดสินใจว่า การวิจัยอาวุธปืนจึงหยุดไว้เท่านี้แล้วกัน!

ในทางตรงข้าม ภายภาคหน้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะต้องบรรลุถึงระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์หลอมรวมเทพได้อย่างแน่นอน

หากเกาะบุตรแห่งโชคไว้มากพอ ต่อให้ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะหรือลอยขึ้นเป็นเซียนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องไปหวังเลื่อนลอยสร้างอาวุธนิวเคลียร์อะไรแล้ว ทั้งยังทำลายสภาพแวดล้อมเปล่าๆ ถึงอย่างไรการทำอาวุธวิทยาศาสตร์ระดับสูงพวกนั้นก็ต้องใช้เวลามาก

ก็ได้!

เสิ่นเทียนยอมรับว่าความจริงแล้วด้วยความรู้ทางฟิสิกส์เคมีอันว่างเปล่าของเขา ทำได้แค่อาวุธไฟฟ้าแยกน้ำในโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้เท่านั้น

เพราะวัยหนุ่มสาวปกติ ใครบ้างจะรู้ว่าสร้างปืนเลเซอร์อย่างไร จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์อย่างไร

ไฟฟ้าแยกน้ำนี่ก็เป็นเพราะเสิ่นเทียนเห็นภาพโชคลิขิตของฉินอวิ๋นตี๋ถึงพอจะนึกออกได้

ส่วนความรู้อื่นๆ คืนอาจารย์มัธยมปลายไปนานแล้ว!

……

เสิ่นเทียนยื่นปืนกลหยินหยางให้ฉินอวิ๋นตี๋ ก่อนจะเอ่ยนิ่งๆ “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เจ้าทำได้ดีมาก ปืนกลหยินหยางนี่มีการใช้งานจริงเหนือกว่าปืนหยินหยางพิฆาตอสูร ภายภาคหน้าก็เพิ่มระดับการวิจัยได้ แต่จะต้องให้อาจารย์อาบัวทองคำระวังเรื่องการเก็บความลับทักษะสำคัญไว้ด้วย”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลงยิ้ม “ศิษย์พี่วางใจเถอะ อวิ๋นตี๋เข้าใจแล้ว”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ทิศทางการวิจัยของเราต่อไปก็ให้เน้นไปที่ความเสถียรภาพของปืนกลหยินหยางแล้วกัน นอกจากนี้ ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรกับปืนกลยังไม่ต้องรีบวางจำหน่าย แค่ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางก็พอแล้ว”

ถึงอาวุธพวกนี้จะสร้างอำนาจคุกคามให้แก่นพลังทองอ่อนแอๆ ได้ แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับแก่นพลังทองต่างหากที่เป็นทางน้ำสายหลักของดินแดนบูรพา

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สร้างยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางออกมา ก็มากพอจะยึดตลาดระดับล่างส่วนใหญ่ไปได้แล้ว

เค้กชิ้นนี้ก็เพียงพอแล้ว!

ถ้าอวดดีปล่อยปืนหยินหยางพิฆาตอสูรไปอีก จะต้องเกิดราคาท้องตลาดดีดกลับไปทั้งดินแดนบูรพาแน่นอน ถึงอย่างไรคนอื่นเขาก็ฝึกฝนอย่างหนักหลายร้อยปีกว่าจะได้ยินยันฐานะแก่นพลังทอง

แต่เศษเดนระดับสร้างฐานอย่างเจ้ากลับยิงนัดเดียวส่งเขาไปแดนสุขาวดี เจ้าจะให้คนอื่นเขาคิดอย่างไร

จากนี้ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนที่มีพรสวรรค์ไม่ดีไม่ฝึกฝนร่างกายให้อายุยืนยาวอย่างเดียวหรือ

นานวันเข้า ศิษย์เทพสวรรค์จะไม่โดนว่าร้ายเป็นพวกนอกรีตหรือ

ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์เลย

…..

แม้ฉินอวิ๋นตี๋จะไม่รู้ว่าเหตุใดเสิ่นเทียนถึงสั่งการเช่นนี้ แต่เขาเชื่อมั่นว่าศิษย์พี่จะต้องพูดถูกอย่างแน่นอน!

ฉินอวิ๋นตี๋นำปืนกลหยินหยางใส่ไปในแหวนมิติก่อนพยักหน้า “ขอรับศิษย์พี่ อวิ๋นตี๋เข้าใจ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “สนามรบบรรพกาลมีอันตรายอยู่ทุกที่ พวกศิษย์ฝ่ายเราพร้อมรบแล้วรึยัง”

ฉินอวิ๋นตี๋ตอบ “อืม ศิษย์พี่วางใจเถอะ การฝึกฝนสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปิด ‘ทางสัญจรหยิบยืม’ ให้ศิษย์น้องที่เข้าร่วมการฝึกฝนทุกคนเป็นพิเศษ ทุกคนสามารถยืมศิลาวิญญาณจากแดนศักดิ์สิทธิ์มาซื้อยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางกับกระสุนเจาะเกราะหยินหยางได้

ตอนนี้ในตัวศิษย์ทุกคนพกเสบียงมาพอแล้ว หนึ่งสู้สิบได้ไม่มีปัญหา!”

เมื่อเห็นฉินอวิ๋นตี๋ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจในตนเองแล้ว เสิ่นเทียนก็พยักหน้าพอใจ

แม้เสิ่นเทียนจะไม่อยากเป็นผู้นำ แต่ในเมื่ออาจารย์มอบศิษย์พวกนี้ให้ตน เขาก็ต้องนำทัพไป ไม่อย่างนั้นเกิดเจ้าพวกนี้เจออันตรายอะไรแล้วบาดเจ็บล้มตายอนาถา ผู้นำอย่างเขาจะไม่ต้องเป็นแพะรับบาปหรือ

เพราะอย่างไรก็ดีตั้งแต่โบราณกาลมา ญาติพี่น้องในครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายแทบทุกคนไม่มีใครคุยเหตุผลกันเลย

เสิ่นเทียนคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่ายังไม่ปลอดภัยเต็มที่สักเท่าไร จึงหยิบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขวดหนึ่งมาจากแหวนเวหา และหยิบขวดเล็กมาอีกร้อยกว่าขวด

เสิ่นเทียนแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหนึ่งเอ็มแอลในทุกขวดเล็ก จากนั้นปิดขวด ทันใดนั้นยาน้ำที่ขยับแสงสีเขียววาววับร้อยขวดก็มาอยู่ตรงหน้าเขา

“ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เจ้าแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานให้พวกศิษย์น้องแทนข้าที บอกว่าเป็นสวัสดิการที่กลุ่มสวรรค์พิทักษ์มอบให้ทุกคนในการฝึกฝนครั้งนี้

ศิษย์น้องทุกคนจำกัดคนละขวด ห้ามใครได้ไปเกิน รับแทนไม่ได้ ขายต่อไม่ได้ ส่งต่อก็ไม่ได้ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกไล่ออกจากกลุ่ม ส่วนผู้ทำผิดร้ายแรง ข้าจะรายงานแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ไล่ออกจากฝ่ายเรา

จะต้องให้มั่นใจนะว่าศิษย์น้องทุกคนได้ยาช่วยชีวิตนี้ไป ศิษย์พี่หวังว่าทุกคนจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย!”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานได้มาจากโชคลิขิตของฟางฉาง คนที่ได้รับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานที่เสิ่นเทียนมอบให้จะมีดวงชะตาเพิ่มขึ้น

ถึงของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานน้อยนิดเท่านี้จะไม่ถือว่าเท่าไร ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยขวดเล็กก็แค่ประมาณสองเหลี่ยงเท่านั้น ทว่าสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับล่างในระดับสร้างฐานแล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหยดเดียวก็มากพอจะช่วยชีวิตได้

อีกทั้งในใจเสิ่นเทียนยังมีความคิดอีกอย่าง ตอนนี้จะเข้าสนามรบบรรพกาลแล้ว นั่นคือช่วงเวลาการทดสอบดวงชะตา

ลูกศิษย์พวกนั้นได้รับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานไปแล้ว ดวงชะตาจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่บางทีไอ้เล็กน้อยนั้นอาจจะทำให้พวกเขารอดจากความตาย กระทั่งได้พบโชคลิขิตก็ได้!

ถึงตอนนั้นก็อาศัยความสนิทสนมที่ให้ยาฟรีไปได้รับความไว้วางใจโดยง่าย บางทีเสิ่นเทียนอาจจะได้เกาะดวงชะตาศิษย์พวกนี้และชนะไปด้วยกัน!

หรือบางทีความสามัคคีของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ก็อาจจะเพิ่มขึ้นมากก็ได้

สรุปคือยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว กำไรเลือดสาด!

คงไม่แย่อย่างเหตุการณ์ในเมืองหมอกลับแลแล้ว ถ้าเกิดศิษย์พวกนี้ล้มตายก็คงไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว เพราะข้าได้เสียสละอัน ‘ยิ่งใหญ่’ มอบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานจำนวนมากให้แล้ว

อย่างไรก็ข้าไม่ต้องรับผิดแน่นอน!

เพียงชั่วครู่สั้นๆ เสิ่นเทียนคำนวณทุกอย่างในใจแล้ว

แต่ฉินอวิ๋นตี๋กลับไม่รู้ความคิดในใจเสิ่นเทียน ตอนนี้เขาซาบซึ้งใจมาก

สมกับเป็นศิษย์พี่ คุณธรรมสูงเทียมฟ้าจริงๆ!

เพื่อความปลอดภัยของพวกศิษย์น้องที่ไปฝึกฝนถึงกับเอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานออกมาอีกเยอะเช่นนี้ นี่มันของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานตั้งร้อยขวดเชียวนะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินอวิ๋นตี๋ก็คิดว่าตนจะต้องบอกศิษย์น้องซ่งฟู้กุ้ยกับศิษย์น้องหลิวไท่อี่เรื่องความเสียสละของเสิ่นเทียน

อืม รอกลับแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วจะต้องบอกศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงด้วย

แต่ว่า…คงไม่ต้องบอกเขากระมัง!

ศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงน่าจะรู้เป็นคนแรกจากนั้นกระจายไปทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์

“ศิษย์พี่วางใจเถอะ ข้ารับประกันว่าศิษย์น้องทุกคนจะต้องได้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานของท่าน! นี่ไม่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานแล้ว แต่เป็นความห่วงใยอันแรงกล้าที่ท่านมีต่อพวกศิษย์น้อง!

ซาบซึ้งใจ ศิษย์น้องซาบซึ้งใจมากจริงๆ!”

ในดวงตาเล็กเต็มไปด้วยน้ำตาร้อนผ่าว

ฉินอวิ๋นตี๋ห่อของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยกว่าขวดเดินออกไปนอกประตูอย่างแน่วแน่

เสิ่นเทียนมองแผ่นหลังเขาเดินไป มักจะรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่เหมือนจะเสียนิสัยเพราะพวกเถ้าแก่ซ่งแล้ว

….

ทันใดนั้น เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

แย่แล้ว ใจร้อนไป!

ตนไม่ควรจะรีบแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานไปเช่นนี้ คนละหนึ่งเอ็มแอลมันดูขี้เหนียวเกินไปจริงๆ!

รู้อย่างนี้น่าจะเอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมาแช่น้ำก่อนแล้วค่อยแบ่งออกไป

ถึงตอนนั้นศิษย์น้องทุกคนก็จะได้อย่างน้อยคนละแก้วกระมัง!

ถึงอย่างไรก็พูดให้ชัดเจนก่อนได้ว่าศิษย์พี่ไม่ระวังเคยแช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ไปแล้ว เวลาใช้ก็พยายามใช้ภายนอก อย่าใช้ภายในแล้วกัน

ศิษย์น้องใครที่ไม่รังเกียจก็แบ่งน้ำที่อาบไปแล้วเยอะๆ หน่อย ใครที่รังเกียจก็แบ่งเอาที่สะอาดไป แบ่งไปน้อยหน่อย

ถึงอย่างไรพวกผู้ชายก็ไม่น่าจะถือสาอยู่แล้ว!

ก็อาจจะมีศิษย์น้องหญิงบางคนที่ไม่เต็มใจ เพราะศิษย์ผู้หญิงค่อนข้างชอบความสะอาด แน่นอนก็อาจจะมีศิษย์น้องผู้ชายที่ไม่ยอมด้วยและแย่งกับพวกศิษย์น้องหญิง

ใกล้การฝึกซ้อมเข้ามาแล้ว เสิ่นเทียนตึงเครียดนิดๆ ในใจก่อนจะเริ่มคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว

ตอนนี้เองเรือเหาะเทพสวรรค์ยังคงเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว

…….…..

ใกล้ๆ กับอาณาจักรต้าเหยียน รอบนอกสนามรบบรรพกาล

กลางเมืองเล็กที่สร้างขึ้นเฉพาะกาลเพื่อการฝึกฝนในครั้งนี้ ศิษย์จำนวนมากจากแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกและสำนักอื่นๆ เตรียมพร้อมกันแล้ว

ยังเหลือเวลาก่อนเริ่มการฝึกฝนอีกหนึ่งชั่วยาม

ทว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หนึ่งในสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่กลับยังไม่มา

‘ศิษย์โอรสสวรรค์’ จากแดนเทวาแดนผาสุกไม่น้อยแอบบ่นกันเงียบๆ ในใจ

“จะเริ่มการฝึกฝนแล้ว เหตุใดแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่มาอีก จะเล่นใหญ่เกินไปหน่อยหรือไม่!”

“เฮ้อ แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมีอันดับในแดนศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีก ยังมาถึงก่อนนานแล้วเลย ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลินเล่อเกินไปหน่อยจริงๆ”

“ช่วยไม่ได้ จะเข้าสนามรบบรรพกาลต้องมีอาวุธจักรพรรดิอย่างน้อยสองชิ้นเปิดทาง แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่มา เจ้าจะเปิดทางให้รึ”

“ได้ข่าวหรือไม่ เร็วๆ นี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ ไม่ใช่ฟางฉางแล้วก็ไม่ใช่จางอวิ๋นถิงด้วย”

“ได้ยินอยู่แล้ว เหมือนจะเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร ชื่อเสิ่นเทียนอะไรนี่แหละ!”

“ไม่มีชื่อเสียงรึ เจ้าล้อเล่นรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเร็วๆ นี้แดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีเพิ่งแจ้งข่าวอะไรมา”

“แจ้งอะไรรึ”

“เหอะๆ เมื่อหลายวันก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีเพิ่งแจ้งมาว่าเจ้าพุทธะเสียงอัสนีปิดด่านบำเพ็ญ ก่อนปิดด่านบำเพ็ญได้ออกคำสั่งว่าให้ผู้อาวุโสแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีเตรียมยอดฎีกาเสียงอัสนี ส่งให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน!”

“อะไรนะ ยอดฎีกาเสียงอัสนี นั่นไม่ใช่สมบัติสุดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีรึ ไม่อยากเชื่อว่าจะมอบให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”

“ดูท่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนี้ค่อนข้างไม่ธรรมดาเลย ระดับพลังบำเพ็ญเขาสูงเพียงใด ต้องบรรลุถึงระดับดวงจิตดรุณแล้วแน่ๆ”

“ได้ยินเหมือนว่าแค่ระดับสร้างฐาน ครั้งนี้ยังจะมาฝึกร่วมกับพวกเราด้วยล่ะ!”

“เป็นไปได้อย่างไร เจ้าพูดจริงรึ”

…..

ขณะที่ศิษย์ทุกคนพูดคุยกันนั้นก็มีผู้หญิงวัยแรกแย้มหลายคนเดินมาช้าๆ

คนที่เดินนำผู้หญิงพวกนี้เป็นเด็กสาวสวมชุดคลุมเขียว นางดูมีชีวิตชีวาที่สุด ราวกับเซียนบนฟ้าลงมายังโลก

ทั่วร่างขยับประกายทำนองแห่งวิญญาณ ทุกย่างก้าวจะมีพลังวิญญาณรวมกันบางๆ ก่อเป็นรูปดอกบัวจางๆ

เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐาน แต่กลับมีท่วงท่าเช่นนี้ ทำให้คนต้องอุทานด้วยความชื่นชมจริงๆ!

เมื่อคนนี้ปรากฏตัวขึ้น คนที่พูดคุยกันพากันหยุดคุยและเหม่อมองหญิงคนนี้

ช่วยไม่ได้ นางเหนือธรรมดาเกินไปจริงๆ มีท่วงท่าแห่งเซียนที่สุดแห่งยุค

มีผู้ฝึกบำเพ็ญที่รู้จักแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกบางส่วน ตอนนี้แอบใช้พลังจิตบอกว่าหญิงคนนี้ก็คือผู้สืบทอดที่แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเพิ่งรับเข้ามาในช่วงนี้

มีกายวิญญาณพิเศษมาแต่กำเนิด ฝึกฝนวิชาที่ใกล้ชิดกับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก ตอนนี้คารวะผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เป็นอาจารย์

นั่นคือหนึ่งในผู้อาวุโสระดับหลอมรวมเทพไม่กี่ท่านของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก ศักยภาพและฐานะไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

ท่านหญิงเซียนท่านนี้คารวะอาจารย์ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่แล้ว ภายภาคหน้าจะดูถูกไม่ได้เด็ดขาด

และตอนนี้ จุดที่นางเดินไปก็คือที่พักของศิษย์แดนเทวาดาวประกายพรึก

ก่อนจะเห็นหญิงคนนี้ย่างก้าวดอกบัวช้าๆ มาอยู่หน้าศิษย์แดนเทวาดาวประกายพรึก

นางยิ้มเล็กน้อย “เซียวหลิงศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก มาขอพบศิษย์พี่เสิ่นเอ้าของฝ่ายท่าน ขอให้ศิษย์พี่ทุกท่านบอกด้วยว่า…สหายเก่ามาเยี่ยมเยือน!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 196 แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก สหายเก่ามาเยี่ยม!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 196 แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก สหายเก่ามาเยี่ยม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 196 แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก สหายเก่ามาเยี่ยม!

ปัง!

ปังๆๆ!

ปังๆๆๆๆ!

เสียงใสดังขึ้นในห้องของเสิ่นเทียน

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง พูดด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ ปืนนี่เป็นอย่างไรบ้าง จากที่ท่านเตือนมา ท่านแม่เลยตั้งใจเพิ่มตราเวทลดเสียงในปืนนี่ สามารถเลี่ยงเสียงดังเกินไปได้”

เสิ่นเทียนพยักหน้า เขามองสมบัติวิเศษโล่ป้องกันที่ถูกยิงเปลี่ยนรูปไปอย่างชัดเจนด้วยความพอใจมาก

โล่ป้องกันนั้นเสิ่นเทียนเก็บได้ตอนหายนะเมืองหมอกลับแล เจ้าของน่าจะตายไปแล้ว

ด้วยความที่มีค่านิยมอันดีงามที่ไม่สิ้นเปลือง เสิ่นเทียนจึงเก็บโล่ป้องกันนี้มา

ตอนนี้บนโล่จะเห็นเป็นรูกระสุนเว้าลงไปเป็นจุดๆ อย่างชัดเจน กระทั่งบางแห่งทะลวงผ่านไป เห็นได้ชัดมากว่าอานุภาพของปืนกลหยินหยางค่อนข้างใช้ได้เลยจริงๆ

และที่น่าชื่นชมกว่านั้นคือแรงดีดของปืนไม่ได้แรงมากเป็นพิเศษ เสิ่นเทียนกดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

เสิ่นเทียนยิงใส่โล่นี้ทีเดียวสิบนัด ทุกนัดยิงใส่โล่ได้อย่างแม่นยำ ไม่พลาดโดนฉินอวิ๋นตี๋ข้างๆ เลย

เทียบกับการยิงทีละนัดแล้ว ต้องช้าลงถึงจะยิงปืนหยินหยางพิฆาตอสูรธรรมดานัดที่สองได้ ความทนทานและอัตราพลาดเป้าของปืนกลหยินหยางนี่จึงสูงกว่ามาก

เพราะปืนนี่ยังเป็นเพียงตัวอย่าง ดังนั้นจึงสร้างมาค่อนข้างหยาบ แต่มองจากสมรรถนะง่ายๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่ามีสมรรถนะหลักๆ ของปืนกลอัตโนมัติ

ฉินอวิ๋นตี๋มีพรสวรรค์จริงๆ ประกอบกับระดับการหลอมอาวุธของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ การวิจัยในด้านอาวุธปืนจึงราบรื่นมาก

เสิ่นเทียนเหมือนเห็นการปฏิวัติของผู้ฝึกบำเพ็ญระดับล่างกำลังเกิดขึ้น

แน่นอน ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรกับปืนกลหยินหยางมีอานุภาพแข็งแกร่งมากสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับล่าง แต่ก็ถูกลิขิตไว้ว่าไม่มีผลกับทั้งโลกบำเพ็ญเซียน

เพราะก๊าซไฮดรอกไซด์ผสานกับพลังวิญญาณ ต่อให้หดตัวแน่นกว่านี้ ก็ทำลายได้เพียงเขตแดนเวทแก่นพลังทอง

ตอนเผชิญหน้ากับผู้ฝึกบำเพ็ญดวงจิตดรุณอย่างผู้สูงศักดิ์ยุงโลหิต ยังยากจะให้เกิดประสิทธิภาพถึงตายเกินคาดได้อีก กระทั่งความเร็วในโจมตีของอาวุธพวกนี้ยังเทียบกับความเร็วในการหลบและป้องกันของผู้ฝึกบำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณไม่ได้เลย

ระดับผู้สูงศักดิ์สามารถรับมือการโจมตีแบบนี้ได้ง่ายๆ

การจะคุกคามถึงผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณหรือผู้สูงศักดิ์สวรรค์ในระดับชั้นที่สูงกว่า เกรงว่าต้องสร้างระเบิดประจุไฟฟ้า อาวุธเลเซอร์กระทั่งอาวุธนิวเคลียร์ออกมา

ขนาดอาวุธนิวเคลียร์ยังคุกคามถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้หรือไม่นั้น เสิ่นเทียนก็ยังไม่แน่ใจ

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็เห็นการต่อสู้ระหว่างมารดาเถาลวี่จีกับเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าที่เรียกได้ว่านิวเคลียร์ในรูปแบบมนุษย์มาแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือป้องกันล้วนสามารถปลิดชีพระดับดวงจิตดรุณได้ในพริบตาสิบกว่าชีวิต

ด้วยกลอุบายของพวกเขา ขอแค่ไม่อยู่ใจกลางสุดของนิวเคลียร์ คาดว่าก็คงไม่มีแรงกดดันอะไรเลย!

ส่วนกัมมันตภาพนิวเคลียร์ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของอาวุธนิวเคลียร์ เสิ่นเทียนก็คิดว่า ‘สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนแล้วก็อาจจะคุกคามไม่ได้มากนัก!’

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้สูงศักดิ์ที่แข็งแกร่งบางส่วนที่สำแดงวิชาซ่อนในมิติได้เลย

ดังนั้นเสิ่นเทียนจึงตัดสินใจว่า การวิจัยอาวุธปืนจึงหยุดไว้เท่านี้แล้วกัน!

ในทางตรงข้าม ภายภาคหน้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะต้องบรรลุถึงระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์หลอมรวมเทพได้อย่างแน่นอน

หากเกาะบุตรแห่งโชคไว้มากพอ ต่อให้ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะหรือลอยขึ้นเป็นเซียนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องไปหวังเลื่อนลอยสร้างอาวุธนิวเคลียร์อะไรแล้ว ทั้งยังทำลายสภาพแวดล้อมเปล่าๆ ถึงอย่างไรการทำอาวุธวิทยาศาสตร์ระดับสูงพวกนั้นก็ต้องใช้เวลามาก

ก็ได้!

เสิ่นเทียนยอมรับว่าความจริงแล้วด้วยความรู้ทางฟิสิกส์เคมีอันว่างเปล่าของเขา ทำได้แค่อาวุธไฟฟ้าแยกน้ำในโลกบำเพ็ญเซียนแห่งนี้เท่านั้น

เพราะวัยหนุ่มสาวปกติ ใครบ้างจะรู้ว่าสร้างปืนเลเซอร์อย่างไร จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์อย่างไร

ไฟฟ้าแยกน้ำนี่ก็เป็นเพราะเสิ่นเทียนเห็นภาพโชคลิขิตของฉินอวิ๋นตี๋ถึงพอจะนึกออกได้

ส่วนความรู้อื่นๆ คืนอาจารย์มัธยมปลายไปนานแล้ว!

……

เสิ่นเทียนยื่นปืนกลหยินหยางให้ฉินอวิ๋นตี๋ ก่อนจะเอ่ยนิ่งๆ “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เจ้าทำได้ดีมาก ปืนกลหยินหยางนี่มีการใช้งานจริงเหนือกว่าปืนหยินหยางพิฆาตอสูร ภายภาคหน้าก็เพิ่มระดับการวิจัยได้ แต่จะต้องให้อาจารย์อาบัวทองคำระวังเรื่องการเก็บความลับทักษะสำคัญไว้ด้วย”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลงยิ้ม “ศิษย์พี่วางใจเถอะ อวิ๋นตี๋เข้าใจแล้ว”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ทิศทางการวิจัยของเราต่อไปก็ให้เน้นไปที่ความเสถียรภาพของปืนกลหยินหยางแล้วกัน นอกจากนี้ ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรกับปืนกลยังไม่ต้องรีบวางจำหน่าย แค่ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางก็พอแล้ว”

ถึงอาวุธพวกนี้จะสร้างอำนาจคุกคามให้แก่นพลังทองอ่อนแอๆ ได้ แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญต่ำกว่าระดับแก่นพลังทองต่างหากที่เป็นทางน้ำสายหลักของดินแดนบูรพา

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สร้างยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางออกมา ก็มากพอจะยึดตลาดระดับล่างส่วนใหญ่ไปได้แล้ว

เค้กชิ้นนี้ก็เพียงพอแล้ว!

ถ้าอวดดีปล่อยปืนหยินหยางพิฆาตอสูรไปอีก จะต้องเกิดราคาท้องตลาดดีดกลับไปทั้งดินแดนบูรพาแน่นอน ถึงอย่างไรคนอื่นเขาก็ฝึกฝนอย่างหนักหลายร้อยปีกว่าจะได้ยินยันฐานะแก่นพลังทอง

แต่เศษเดนระดับสร้างฐานอย่างเจ้ากลับยิงนัดเดียวส่งเขาไปแดนสุขาวดี เจ้าจะให้คนอื่นเขาคิดอย่างไร

จากนี้ผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนที่มีพรสวรรค์ไม่ดีไม่ฝึกฝนร่างกายให้อายุยืนยาวอย่างเดียวหรือ

นานวันเข้า ศิษย์เทพสวรรค์จะไม่โดนว่าร้ายเป็นพวกนอกรีตหรือ

ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับการพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์เลย

…..

แม้ฉินอวิ๋นตี๋จะไม่รู้ว่าเหตุใดเสิ่นเทียนถึงสั่งการเช่นนี้ แต่เขาเชื่อมั่นว่าศิษย์พี่จะต้องพูดถูกอย่างแน่นอน!

ฉินอวิ๋นตี๋นำปืนกลหยินหยางใส่ไปในแหวนมิติก่อนพยักหน้า “ขอรับศิษย์พี่ อวิ๋นตี๋เข้าใจ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “สนามรบบรรพกาลมีอันตรายอยู่ทุกที่ พวกศิษย์ฝ่ายเราพร้อมรบแล้วรึยัง”

ฉินอวิ๋นตี๋ตอบ “อืม ศิษย์พี่วางใจเถอะ การฝึกฝนสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปิด ‘ทางสัญจรหยิบยืม’ ให้ศิษย์น้องที่เข้าร่วมการฝึกฝนทุกคนเป็นพิเศษ ทุกคนสามารถยืมศิลาวิญญาณจากแดนศักดิ์สิทธิ์มาซื้อยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางกับกระสุนเจาะเกราะหยินหยางได้

ตอนนี้ในตัวศิษย์ทุกคนพกเสบียงมาพอแล้ว หนึ่งสู้สิบได้ไม่มีปัญหา!”

เมื่อเห็นฉินอวิ๋นตี๋ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจในตนเองแล้ว เสิ่นเทียนก็พยักหน้าพอใจ

แม้เสิ่นเทียนจะไม่อยากเป็นผู้นำ แต่ในเมื่ออาจารย์มอบศิษย์พวกนี้ให้ตน เขาก็ต้องนำทัพไป ไม่อย่างนั้นเกิดเจ้าพวกนี้เจออันตรายอะไรแล้วบาดเจ็บล้มตายอนาถา ผู้นำอย่างเขาจะไม่ต้องเป็นแพะรับบาปหรือ

เพราะอย่างไรก็ดีตั้งแต่โบราณกาลมา ญาติพี่น้องในครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายแทบทุกคนไม่มีใครคุยเหตุผลกันเลย

เสิ่นเทียนคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่ายังไม่ปลอดภัยเต็มที่สักเท่าไร จึงหยิบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขวดหนึ่งมาจากแหวนเวหา และหยิบขวดเล็กมาอีกร้อยกว่าขวด

เสิ่นเทียนแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหนึ่งเอ็มแอลในทุกขวดเล็ก จากนั้นปิดขวด ทันใดนั้นยาน้ำที่ขยับแสงสีเขียววาววับร้อยขวดก็มาอยู่ตรงหน้าเขา

“ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เจ้าแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานให้พวกศิษย์น้องแทนข้าที บอกว่าเป็นสวัสดิการที่กลุ่มสวรรค์พิทักษ์มอบให้ทุกคนในการฝึกฝนครั้งนี้

ศิษย์น้องทุกคนจำกัดคนละขวด ห้ามใครได้ไปเกิน รับแทนไม่ได้ ขายต่อไม่ได้ ส่งต่อก็ไม่ได้ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกไล่ออกจากกลุ่ม ส่วนผู้ทำผิดร้ายแรง ข้าจะรายงานแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ไล่ออกจากฝ่ายเรา

จะต้องให้มั่นใจนะว่าศิษย์น้องทุกคนได้ยาช่วยชีวิตนี้ไป ศิษย์พี่หวังว่าทุกคนจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย!”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานได้มาจากโชคลิขิตของฟางฉาง คนที่ได้รับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานที่เสิ่นเทียนมอบให้จะมีดวงชะตาเพิ่มขึ้น

ถึงของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานน้อยนิดเท่านี้จะไม่ถือว่าเท่าไร ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยขวดเล็กก็แค่ประมาณสองเหลี่ยงเท่านั้น ทว่าสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับล่างในระดับสร้างฐานแล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหยดเดียวก็มากพอจะช่วยชีวิตได้

อีกทั้งในใจเสิ่นเทียนยังมีความคิดอีกอย่าง ตอนนี้จะเข้าสนามรบบรรพกาลแล้ว นั่นคือช่วงเวลาการทดสอบดวงชะตา

ลูกศิษย์พวกนั้นได้รับของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานไปแล้ว ดวงชะตาจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่บางทีไอ้เล็กน้อยนั้นอาจจะทำให้พวกเขารอดจากความตาย กระทั่งได้พบโชคลิขิตก็ได้!

ถึงตอนนั้นก็อาศัยความสนิทสนมที่ให้ยาฟรีไปได้รับความไว้วางใจโดยง่าย บางทีเสิ่นเทียนอาจจะได้เกาะดวงชะตาศิษย์พวกนี้และชนะไปด้วยกัน!

หรือบางทีความสามัคคีของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ก็อาจจะเพิ่มขึ้นมากก็ได้

สรุปคือยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว กำไรเลือดสาด!

คงไม่แย่อย่างเหตุการณ์ในเมืองหมอกลับแลแล้ว ถ้าเกิดศิษย์พวกนี้ล้มตายก็คงไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว เพราะข้าได้เสียสละอัน ‘ยิ่งใหญ่’ มอบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานจำนวนมากให้แล้ว

อย่างไรก็ข้าไม่ต้องรับผิดแน่นอน!

เพียงชั่วครู่สั้นๆ เสิ่นเทียนคำนวณทุกอย่างในใจแล้ว

แต่ฉินอวิ๋นตี๋กลับไม่รู้ความคิดในใจเสิ่นเทียน ตอนนี้เขาซาบซึ้งใจมาก

สมกับเป็นศิษย์พี่ คุณธรรมสูงเทียมฟ้าจริงๆ!

เพื่อความปลอดภัยของพวกศิษย์น้องที่ไปฝึกฝนถึงกับเอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานออกมาอีกเยอะเช่นนี้ นี่มันของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานตั้งร้อยขวดเชียวนะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินอวิ๋นตี๋ก็คิดว่าตนจะต้องบอกศิษย์น้องซ่งฟู้กุ้ยกับศิษย์น้องหลิวไท่อี่เรื่องความเสียสละของเสิ่นเทียน

อืม รอกลับแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วจะต้องบอกศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงด้วย

แต่ว่า…คงไม่ต้องบอกเขากระมัง!

ศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงน่าจะรู้เป็นคนแรกจากนั้นกระจายไปทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์

“ศิษย์พี่วางใจเถอะ ข้ารับประกันว่าศิษย์น้องทุกคนจะต้องได้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานของท่าน! นี่ไม่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานแล้ว แต่เป็นความห่วงใยอันแรงกล้าที่ท่านมีต่อพวกศิษย์น้อง!

ซาบซึ้งใจ ศิษย์น้องซาบซึ้งใจมากจริงๆ!”

ในดวงตาเล็กเต็มไปด้วยน้ำตาร้อนผ่าว

ฉินอวิ๋นตี๋ห่อของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยกว่าขวดเดินออกไปนอกประตูอย่างแน่วแน่

เสิ่นเทียนมองแผ่นหลังเขาเดินไป มักจะรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่เหมือนจะเสียนิสัยเพราะพวกเถ้าแก่ซ่งแล้ว

….

ทันใดนั้น เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

แย่แล้ว ใจร้อนไป!

ตนไม่ควรจะรีบแบ่งของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานไปเช่นนี้ คนละหนึ่งเอ็มแอลมันดูขี้เหนียวเกินไปจริงๆ!

รู้อย่างนี้น่าจะเอาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมาแช่น้ำก่อนแล้วค่อยแบ่งออกไป

ถึงตอนนั้นศิษย์น้องทุกคนก็จะได้อย่างน้อยคนละแก้วกระมัง!

ถึงอย่างไรก็พูดให้ชัดเจนก่อนได้ว่าศิษย์พี่ไม่ระวังเคยแช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ไปแล้ว เวลาใช้ก็พยายามใช้ภายนอก อย่าใช้ภายในแล้วกัน

ศิษย์น้องใครที่ไม่รังเกียจก็แบ่งน้ำที่อาบไปแล้วเยอะๆ หน่อย ใครที่รังเกียจก็แบ่งเอาที่สะอาดไป แบ่งไปน้อยหน่อย

ถึงอย่างไรพวกผู้ชายก็ไม่น่าจะถือสาอยู่แล้ว!

ก็อาจจะมีศิษย์น้องหญิงบางคนที่ไม่เต็มใจ เพราะศิษย์ผู้หญิงค่อนข้างชอบความสะอาด แน่นอนก็อาจจะมีศิษย์น้องผู้ชายที่ไม่ยอมด้วยและแย่งกับพวกศิษย์น้องหญิง

ใกล้การฝึกซ้อมเข้ามาแล้ว เสิ่นเทียนตึงเครียดนิดๆ ในใจก่อนจะเริ่มคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว

ตอนนี้เองเรือเหาะเทพสวรรค์ยังคงเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว

…….…..

ใกล้ๆ กับอาณาจักรต้าเหยียน รอบนอกสนามรบบรรพกาล

กลางเมืองเล็กที่สร้างขึ้นเฉพาะกาลเพื่อการฝึกฝนในครั้งนี้ ศิษย์จำนวนมากจากแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกและสำนักอื่นๆ เตรียมพร้อมกันแล้ว

ยังเหลือเวลาก่อนเริ่มการฝึกฝนอีกหนึ่งชั่วยาม

ทว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หนึ่งในสองแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่กลับยังไม่มา

‘ศิษย์โอรสสวรรค์’ จากแดนเทวาแดนผาสุกไม่น้อยแอบบ่นกันเงียบๆ ในใจ

“จะเริ่มการฝึกฝนแล้ว เหตุใดแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่มาอีก จะเล่นใหญ่เกินไปหน่อยหรือไม่!”

“เฮ้อ แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมีอันดับในแดนศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อีก ยังมาถึงก่อนนานแล้วเลย ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เลินเล่อเกินไปหน่อยจริงๆ”

“ช่วยไม่ได้ จะเข้าสนามรบบรรพกาลต้องมีอาวุธจักรพรรดิอย่างน้อยสองชิ้นเปิดทาง แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่มา เจ้าจะเปิดทางให้รึ”

“ได้ข่าวหรือไม่ เร็วๆ นี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ ไม่ใช่ฟางฉางแล้วก็ไม่ใช่จางอวิ๋นถิงด้วย”

“ได้ยินอยู่แล้ว เหมือนจะเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร ชื่อเสิ่นเทียนอะไรนี่แหละ!”

“ไม่มีชื่อเสียงรึ เจ้าล้อเล่นรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเร็วๆ นี้แดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีเพิ่งแจ้งข่าวอะไรมา”

“แจ้งอะไรรึ”

“เหอะๆ เมื่อหลายวันก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีเพิ่งแจ้งมาว่าเจ้าพุทธะเสียงอัสนีปิดด่านบำเพ็ญ ก่อนปิดด่านบำเพ็ญได้ออกคำสั่งว่าให้ผู้อาวุโสแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีเตรียมยอดฎีกาเสียงอัสนี ส่งให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียน!”

“อะไรนะ ยอดฎีกาเสียงอัสนี นั่นไม่ใช่สมบัติสุดยอดของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีรึ ไม่อยากเชื่อว่าจะมอบให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”

“ดูท่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนี้ค่อนข้างไม่ธรรมดาเลย ระดับพลังบำเพ็ญเขาสูงเพียงใด ต้องบรรลุถึงระดับดวงจิตดรุณแล้วแน่ๆ”

“ได้ยินเหมือนว่าแค่ระดับสร้างฐาน ครั้งนี้ยังจะมาฝึกร่วมกับพวกเราด้วยล่ะ!”

“เป็นไปได้อย่างไร เจ้าพูดจริงรึ”

…..

ขณะที่ศิษย์ทุกคนพูดคุยกันนั้นก็มีผู้หญิงวัยแรกแย้มหลายคนเดินมาช้าๆ

คนที่เดินนำผู้หญิงพวกนี้เป็นเด็กสาวสวมชุดคลุมเขียว นางดูมีชีวิตชีวาที่สุด ราวกับเซียนบนฟ้าลงมายังโลก

ทั่วร่างขยับประกายทำนองแห่งวิญญาณ ทุกย่างก้าวจะมีพลังวิญญาณรวมกันบางๆ ก่อเป็นรูปดอกบัวจางๆ

เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐาน แต่กลับมีท่วงท่าเช่นนี้ ทำให้คนต้องอุทานด้วยความชื่นชมจริงๆ!

เมื่อคนนี้ปรากฏตัวขึ้น คนที่พูดคุยกันพากันหยุดคุยและเหม่อมองหญิงคนนี้

ช่วยไม่ได้ นางเหนือธรรมดาเกินไปจริงๆ มีท่วงท่าแห่งเซียนที่สุดแห่งยุค

มีผู้ฝึกบำเพ็ญที่รู้จักแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกบางส่วน ตอนนี้แอบใช้พลังจิตบอกว่าหญิงคนนี้ก็คือผู้สืบทอดที่แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเพิ่งรับเข้ามาในช่วงนี้

มีกายวิญญาณพิเศษมาแต่กำเนิด ฝึกฝนวิชาที่ใกล้ชิดกับแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก ตอนนี้คารวะผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เป็นอาจารย์

นั่นคือหนึ่งในผู้อาวุโสระดับหลอมรวมเทพไม่กี่ท่านของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก ศักยภาพและฐานะไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

ท่านหญิงเซียนท่านนี้คารวะอาจารย์ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่แล้ว ภายภาคหน้าจะดูถูกไม่ได้เด็ดขาด

และตอนนี้ จุดที่นางเดินไปก็คือที่พักของศิษย์แดนเทวาดาวประกายพรึก

ก่อนจะเห็นหญิงคนนี้ย่างก้าวดอกบัวช้าๆ มาอยู่หน้าศิษย์แดนเทวาดาวประกายพรึก

นางยิ้มเล็กน้อย “เซียวหลิงศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก มาขอพบศิษย์พี่เสิ่นเอ้าของฝ่ายท่าน ขอให้ศิษย์พี่ทุกท่านบอกด้วยว่า…สหายเก่ามาเยี่ยมเยือน!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+