บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนตอบตกลงจะนำทัพแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ปลื้มใจมาก

สารภาพตามตรง แค่รางวัลนำทัพไม่มีค่าพอสำหรับเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเลย

เหตุที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ให้เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเป็นรางวัลก็เพราะความคิดเดียว!

ตั้งแต่ที่เขากับเจ้าพุทธะเสียงอัสนีแยกกันไปรับหน้าที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับเจ้าพุทธะแล้ว ก็แอบประชันกันลับๆ มาหลายร้อยปีแล้ว

ในเมื่อสองคนเป็นคู่ต่อสู้กันก็รู้กัน เมื่อประกายเซียนหรือประกายพุทธสั่นไหว แสดงว่าคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดไม่ดีอะไรอยู่

เจ้าเทียนซิ่วแสดงออกชัดเจนว่าถูกใจลูกศิษย์ดีของข้า คิดจะแอบดึงเขาไปออกบวชใช่หรือไม่ อย่าได้คิดเลย ข้าให้เกราะนักรบระดับศักดิ์สิทธิ์ดึงตัวเขาไว้แล้ว วางมาดใหญ่โตเช่นนี้แล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็กระเพื่อมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

เขาเอ่ยนิ่งๆ ว่า “เทียนเอ๋อร์ เกราะนักรบนี่ระดับสูงมาก เจ้าบีบโลหิตบริสุทธิ์มาหยดหนึ่ง ข้าจะช่วยเข้าหลอมรวมมันด้วยตัวเอง”

เสิ่นเทียนรีบพยักหน้า เขานึกถึงป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในตอนแรก ตอนนั้นตนพลังบำเพ็ญต่ำเกินไป เลยต้องใช้โลหิตบริสุทธิ์เป็นชามใหญ่ถึงจะฝืนเป็นนายได้ ทำให้เขาอ่อนแรงไปสักระยะเลย

ส่วนเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรนี่เป็นของวิเศษอริยะของแท้ เหนือกว่าสมบัติวิญญาณอีก ถ้าให้เขาหลอมรวมเอง เกรงว่าต่อให้เป็นโรคโลหิตจางแล้วก็คงไม่มีหวัง

เสิ่นเทียนบีบโลหิตบริสุทธิ์มาหยดหนึ่งตามที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ชี้แนะ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดูดโลหิตบริสุทธิ์หยดนี้เข้าไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร จากนั้นสายฟ้าประกายเซียนเข้มข้นก็หลั่งไหลเข้าไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร ทำการชะล้างมัน

ไม่นานสัญลักษณ์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บนเกราะศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ถูกสลายไป กลายเป็นสัญลักษณ์ของเสิ่นเทียนแทน

ทางด้านเสิ่นเทียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าตนกับเกราะศักดิ์สิทธิ์ชุดนี้เกิดการเชื่อมต่อกัน

เขาเคลื่อนความคิดไป เกราะศักดิ์สิทธิ์สีทองสว่างระยิบระยับพลันแยกร่างออก จากนั้นพุ่งมาหาเสิ่นเทียนทีละส่วน เกราะนักรบได้ห่อหุ้มเขาไว้ทั้งตัวในพริบตาสั้นๆ

พละกำลังแก่กล้าที่ไม่เคยมีมาก่อนหลั่งไหลจากเกราะนักรบเข้าไปในกายเสิ่นเทียน นั่นคือพลังแห่งสายฟ้า

เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเป็นเกราะนักรบตอนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังหนุ่ม เดิมทีหลอมขึ้นสำหรับคุณสมบัติกายเทพอัสนีหยางอยู่แล้ว

ทองคำห้าชนิดที่ใช้หลอมเกราะนักรบชุดนี้เป็นทองคำวิญญาณระดับสูงสุด ทั้งยังสอดคล้องกับปัญจธาตุ ภายในเกราะนักรบยังแกะสลักตราเวทเสริมพลังระดับสูง สามารถเพิ่มกำลังรบได้

เมื่อสวมเกราะนักรบชุดนี้ กำลังรบของเสิ่นเทียนพลันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

แน่นอน กำลังรบเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องรอง เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความเท่!

ตอนนี้เสิ่นเทียนสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองคำ เปล่งแสงสว่างจ้าทั้งตัว อัสนีกำเนิดฟ้าขยับประกายวูบวาบ

ผ้าคลุมขาวสะอาดดั่งหิมะคลุมลงมาจากบนบ่า ส่งเสียงดังพึ่บพั่บ อธิบายคำว่าเด่นตาได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

เมื่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้ว ดวงตาภายใต้ประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังฉายแววตกใจวูบหนึ่ง

ราชาศักดิ์สิทธิ์หนุ่มชัดๆ เทียนเอ๋อร์สวมเกราะนักรบนี้แล้วองอาจห้าวหาญเป็นหนึ่งแห่งยุคเลย บุคลิกลักษณะเช่นนี้มากพอจะทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในแดนบูรพาต้องล้มลง!

ใบหน้าเทียนเอ๋อร์ไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย เขาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์นี่ได้แบบไม่ต้องละอายใจ!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “เทียนเอ๋อร์ รู้สึกอย่างไรบ้าง เกราะนักรบนี่ตรงตามใจเจ้าพอดีเลย”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอบคุณอาจารย์ เกราะนักรบนี่แกร่งมาก ศิษย์รู้สึกว่าตอนนี้มีพลังไปทั้งตัวเลย!”

เสิ่นเทียนสำแดงวิชาเล็กๆ อย่างวิชากระจกน้ำ ก่อนจะมองตัวเองในกระจกด้วยความพอใจ

ทั้งตัวคลุมด้วยเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองคำ เผยเพียงใบหน้าหล่อเหลา

ตอนนี้ ในที่สุดเสิ่นเทียนก็หลุดพ้นจากความกลัดกลุ้มในเรื่องรูปร่างภายนอกและพลังอำนาจแล้ว

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เรื่องอุปกรณ์พวกนี้จะคำนึงถึงความดูดีกับการใช้งานจริงพร้อมกันไม่ได้หากเงินไม่พอ!

ว่าเกราะเต่าดำกับหมวกเกราะเต่าดำทรงไม่สวยรึ เจ้าดูเกราะหุบเหวมังกรข้านี่

สัญลักษณ์ทองคำตรงหน้าอกนี่ดูเท่เลยใช่หรือไม่! ของวิเศษอริยะก็คือของวิเศษอริยะ แบบนี้ต้องยกนิ้วให้!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “เทียนเอ๋อร์ อยากทดสอบพลังหน่อยหรือไม่ โจมตีข้าสิ”

เมื่อกล่าวจบ ก็ปรากฏปราการประกายเซียนสีทองลอยขึ้นตรงหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนจะยื่นมือขวาออกไปช้าๆ อัสนีเทพกำเนิดฟ้าสีทองขยับไปมาไม่หยุดตรงปลายนิ้วเขา ไม่นานอัสนีเทพพวกนี้ก็รวมเป็นลูกกลมอัสนียักษ์ขนาดเท่าศีรษะคน

ลูกกลมอัสนีหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนเมื่อหดเหลือขนาดเท่าตามังกรแล้วก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งแสงเลเซอร์

บึ้ม~!

สายฟ้าที่ดูมีขนาดเท่าตามังกรระเบิดอานุภาพอันน่ากลัวออกมา ปราการประกายเซียนสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเกิดรอยร้าวขึ้นเป็นสายๆ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย “กระบวนท่านี้สังหารระดับแก่นพลังทองได้ ด้วยพลังบำเพ็ญของเจ้า สามารถคุมกุมอัสนีได้ชำนาญถึงระดับนี้ ไม่เลวเลย แต่อาจารย์ว่ากระบวนท่านี้น่าจะยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเทียนเอ๋อร์กระมัง! มา โจมตีสุดกำลังเลย!”

เสิ่นเทียนตกใจแล้ว ข้าแสดงออกว่าจริงจังและดูยากขนาดนั้น ทำสุดกำลังแล้ว ปรากฏว่ายังโดนอาจารย์มองออกในแวบเดียวว่ายังไม่สุดกำลัง สุดยอดเลย!

สมกับเป็นอาจารย์ ดูท่าข้าคงต้องเต็มที่แล้ว!

……

เสิ่นเทียนกำสองหมัดแน่น ตัวสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร ขาสองข้างอยู่ในท่ายืนม้าอย่างมั่นคง สัญลักษณ์อัสนีสีทองตรงระหว่างคิ้วกู่ร้องพร้อมกับเกราะศักดิ์สิทธิ์ “ขอรับ อาจารย์!”

เปลวไฟสีทองลุกท่วมทั่วตัวเสิ่นเทียน เลือดลมกับสายฟ้าลุกไหม้พร้อมกันกลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุด

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรง ตอนนี้เขานิ่งอึ้งไปแล้ว

นี่มันบ้าอะไรกัน ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานมีพลังแบบนี้ได้จริงๆ หรือ

ต่อให้ฝึกควบทั้งปราณและกาย ต่อให้มีอัสนีเทพกำเนิดฟ้า ต่อให้มีกายเทพอัสนีหยาง แต่ระดับสร้างฐานระเบิดพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้ มันก็อาจจะน่าตกใจเกินไปหน่อย น่าเหลือเชื่อ!

เดิมทีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แค่อยากหยั่งเชิงดูว่าเสิ่นเทียนจะก้าวข้ามขีดจำกัดแสดงพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้หรือไม่ ปรากฏว่าพอได้หยั่งเชิง สภาพจิตใจที่ลืมอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดก็แทบจะพังทลายลง นี่ยังใช่ระดับสร้างฐานรึ

เจ้าไปหาดูในทุกฝ่ายเซียนของแดนบูรพาดูว่ามีระดับแก่นพลังทองสักกี่คนที่แกร่งเช่นนี้ได้

ตอนนี้เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าอาจารย์ของตนตกใจไปแล้ว

ภายในใจเขากังวลว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่พอใจที่เขาอำพรางพลัง คิดว่าอาจารย์มองตนขาดตั้งนานแล้ว แต่ความเป็นจริง กุมอัสนีปลายนิ้วก่อนหน้านี้เป็นเพียงการกดปุ่มโจมตีปกติของเสิ่นเทียน ใช้ปราบปีศาจตัวเล็กๆ

แต่ตอนนี้เขากำลังสั่งสมพลังอย่างต่อเนื่อง รวมพลังของน้ำมวลหนักปฐมกาล เถากลืนกินเซียนและอัคคีอรุณใต้เข้าไปในอัสนีกำเนิดฟ้าพร้อมกัน

และยังได้วิชาระเบิดปราณระเบิดอัสนีเพิ่มกำลังของตนถึงขีดจำกัดอีก เขาถึงได้อยู่ในสภาวะต่อสู้ที่แกร่งที่สุดอย่างแท้จริง

สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนแกร่งเพียงใดในสภาวะนี้ ขนาดเขาเองยังไม่แน่ใจเลย

ตอนนี้เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนถึงขีดกำจัดแล้ว กายหยาบจะรับไม่ไหวแล้ว พลังที่เปี่ยมล้นอย่างยิ่งอัดแน่นไปทั่วร่าง พร้อมปะทุออกมาทุกเมื่อ

ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก เขามองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ สองมือประกบกันเป็นลักษณะใบโอบช่อดอกไม้ จากนั้นวางมือไว้ตรงเอว

สายฟ้าสีทองที่แทบจะไร้ขีดจำกัดรวมที่มือเขาและหดตัวลงอย่างฉับไว

เสิ่นเทียนคำรามเสียงต่ำ “กุม…อัสนี…กำ…เนิด…ฟ้า!”

เมื่อสิ้นคำว่า ‘ฟ้า’ เสิ่นเทียนพลันผลักสองมือออกไป สายฟ้าระเบิด!

เพียงชั่วครู่เดียว แสงสีทองสว่างจ้าไปทั้งวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เกิดปรากฏการณ์เงามายาสัตว์เทพห้าตัวขึ้นกลางอากาศรางๆ

คลื่นสายฟ้าสีทองเอ่อล้นพุ่งใส่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มืดฟ้ามัวดินราวกับน้ำหลาก

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าทั่วร่างถูกดึงออกจนหมด ก่อนจะตาเหลือกล้มลงนอนกับพื้น

….

ไม่ไหว ใช้แรงไปหมดแล้ว ทำดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

การโจมตีแกร่งระดับนี้ก็น่าจะ…

ทำให้อาจารย์พอใจแล้วกระมัง!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนตอบตกลงจะนำทัพแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ปลื้มใจมาก

สารภาพตามตรง แค่รางวัลนำทัพไม่มีค่าพอสำหรับเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเลย

เหตุที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ให้เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเป็นรางวัลก็เพราะความคิดเดียว!

ตั้งแต่ที่เขากับเจ้าพุทธะเสียงอัสนีแยกกันไปรับหน้าที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับเจ้าพุทธะแล้ว ก็แอบประชันกันลับๆ มาหลายร้อยปีแล้ว

ในเมื่อสองคนเป็นคู่ต่อสู้กันก็รู้กัน เมื่อประกายเซียนหรือประกายพุทธสั่นไหว แสดงว่าคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดไม่ดีอะไรอยู่

เจ้าเทียนซิ่วแสดงออกชัดเจนว่าถูกใจลูกศิษย์ดีของข้า คิดจะแอบดึงเขาไปออกบวชใช่หรือไม่ อย่าได้คิดเลย ข้าให้เกราะนักรบระดับศักดิ์สิทธิ์ดึงตัวเขาไว้แล้ว วางมาดใหญ่โตเช่นนี้แล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็กระเพื่อมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

เขาเอ่ยนิ่งๆ ว่า “เทียนเอ๋อร์ เกราะนักรบนี่ระดับสูงมาก เจ้าบีบโลหิตบริสุทธิ์มาหยดหนึ่ง ข้าจะช่วยเข้าหลอมรวมมันด้วยตัวเอง”

เสิ่นเทียนรีบพยักหน้า เขานึกถึงป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในตอนแรก ตอนนั้นตนพลังบำเพ็ญต่ำเกินไป เลยต้องใช้โลหิตบริสุทธิ์เป็นชามใหญ่ถึงจะฝืนเป็นนายได้ ทำให้เขาอ่อนแรงไปสักระยะเลย

ส่วนเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรนี่เป็นของวิเศษอริยะของแท้ เหนือกว่าสมบัติวิญญาณอีก ถ้าให้เขาหลอมรวมเอง เกรงว่าต่อให้เป็นโรคโลหิตจางแล้วก็คงไม่มีหวัง

เสิ่นเทียนบีบโลหิตบริสุทธิ์มาหยดหนึ่งตามที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ชี้แนะ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดูดโลหิตบริสุทธิ์หยดนี้เข้าไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร จากนั้นสายฟ้าประกายเซียนเข้มข้นก็หลั่งไหลเข้าไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร ทำการชะล้างมัน

ไม่นานสัญลักษณ์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บนเกราะศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ถูกสลายไป กลายเป็นสัญลักษณ์ของเสิ่นเทียนแทน

ทางด้านเสิ่นเทียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าตนกับเกราะศักดิ์สิทธิ์ชุดนี้เกิดการเชื่อมต่อกัน

เขาเคลื่อนความคิดไป เกราะศักดิ์สิทธิ์สีทองสว่างระยิบระยับพลันแยกร่างออก จากนั้นพุ่งมาหาเสิ่นเทียนทีละส่วน เกราะนักรบได้ห่อหุ้มเขาไว้ทั้งตัวในพริบตาสั้นๆ

พละกำลังแก่กล้าที่ไม่เคยมีมาก่อนหลั่งไหลจากเกราะนักรบเข้าไปในกายเสิ่นเทียน นั่นคือพลังแห่งสายฟ้า

เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเป็นเกราะนักรบตอนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังหนุ่ม เดิมทีหลอมขึ้นสำหรับคุณสมบัติกายเทพอัสนีหยางอยู่แล้ว

ทองคำห้าชนิดที่ใช้หลอมเกราะนักรบชุดนี้เป็นทองคำวิญญาณระดับสูงสุด ทั้งยังสอดคล้องกับปัญจธาตุ ภายในเกราะนักรบยังแกะสลักตราเวทเสริมพลังระดับสูง สามารถเพิ่มกำลังรบได้

เมื่อสวมเกราะนักรบชุดนี้ กำลังรบของเสิ่นเทียนพลันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

แน่นอน กำลังรบเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องรอง เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความเท่!

ตอนนี้เสิ่นเทียนสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองคำ เปล่งแสงสว่างจ้าทั้งตัว อัสนีกำเนิดฟ้าขยับประกายวูบวาบ

ผ้าคลุมขาวสะอาดดั่งหิมะคลุมลงมาจากบนบ่า ส่งเสียงดังพึ่บพั่บ อธิบายคำว่าเด่นตาได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

เมื่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้ว ดวงตาภายใต้ประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังฉายแววตกใจวูบหนึ่ง

ราชาศักดิ์สิทธิ์หนุ่มชัดๆ เทียนเอ๋อร์สวมเกราะนักรบนี้แล้วองอาจห้าวหาญเป็นหนึ่งแห่งยุคเลย บุคลิกลักษณะเช่นนี้มากพอจะทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในแดนบูรพาต้องล้มลง!

ใบหน้าเทียนเอ๋อร์ไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย เขาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์นี่ได้แบบไม่ต้องละอายใจ!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “เทียนเอ๋อร์ รู้สึกอย่างไรบ้าง เกราะนักรบนี่ตรงตามใจเจ้าพอดีเลย”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอบคุณอาจารย์ เกราะนักรบนี่แกร่งมาก ศิษย์รู้สึกว่าตอนนี้มีพลังไปทั้งตัวเลย!”

เสิ่นเทียนสำแดงวิชาเล็กๆ อย่างวิชากระจกน้ำ ก่อนจะมองตัวเองในกระจกด้วยความพอใจ

ทั้งตัวคลุมด้วยเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองคำ เผยเพียงใบหน้าหล่อเหลา

ตอนนี้ ในที่สุดเสิ่นเทียนก็หลุดพ้นจากความกลัดกลุ้มในเรื่องรูปร่างภายนอกและพลังอำนาจแล้ว

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เรื่องอุปกรณ์พวกนี้จะคำนึงถึงความดูดีกับการใช้งานจริงพร้อมกันไม่ได้หากเงินไม่พอ!

ว่าเกราะเต่าดำกับหมวกเกราะเต่าดำทรงไม่สวยรึ เจ้าดูเกราะหุบเหวมังกรข้านี่

สัญลักษณ์ทองคำตรงหน้าอกนี่ดูเท่เลยใช่หรือไม่! ของวิเศษอริยะก็คือของวิเศษอริยะ แบบนี้ต้องยกนิ้วให้!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “เทียนเอ๋อร์ อยากทดสอบพลังหน่อยหรือไม่ โจมตีข้าสิ”

เมื่อกล่าวจบ ก็ปรากฏปราการประกายเซียนสีทองลอยขึ้นตรงหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนจะยื่นมือขวาออกไปช้าๆ อัสนีเทพกำเนิดฟ้าสีทองขยับไปมาไม่หยุดตรงปลายนิ้วเขา ไม่นานอัสนีเทพพวกนี้ก็รวมเป็นลูกกลมอัสนียักษ์ขนาดเท่าศีรษะคน

ลูกกลมอัสนีหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนเมื่อหดเหลือขนาดเท่าตามังกรแล้วก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งแสงเลเซอร์

บึ้ม~!

สายฟ้าที่ดูมีขนาดเท่าตามังกรระเบิดอานุภาพอันน่ากลัวออกมา ปราการประกายเซียนสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเกิดรอยร้าวขึ้นเป็นสายๆ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย “กระบวนท่านี้สังหารระดับแก่นพลังทองได้ ด้วยพลังบำเพ็ญของเจ้า สามารถคุมกุมอัสนีได้ชำนาญถึงระดับนี้ ไม่เลวเลย แต่อาจารย์ว่ากระบวนท่านี้น่าจะยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเทียนเอ๋อร์กระมัง! มา โจมตีสุดกำลังเลย!”

เสิ่นเทียนตกใจแล้ว ข้าแสดงออกว่าจริงจังและดูยากขนาดนั้น ทำสุดกำลังแล้ว ปรากฏว่ายังโดนอาจารย์มองออกในแวบเดียวว่ายังไม่สุดกำลัง สุดยอดเลย!

สมกับเป็นอาจารย์ ดูท่าข้าคงต้องเต็มที่แล้ว!

……

เสิ่นเทียนกำสองหมัดแน่น ตัวสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร ขาสองข้างอยู่ในท่ายืนม้าอย่างมั่นคง สัญลักษณ์อัสนีสีทองตรงระหว่างคิ้วกู่ร้องพร้อมกับเกราะศักดิ์สิทธิ์ “ขอรับ อาจารย์!”

เปลวไฟสีทองลุกท่วมทั่วตัวเสิ่นเทียน เลือดลมกับสายฟ้าลุกไหม้พร้อมกันกลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุด

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรง ตอนนี้เขานิ่งอึ้งไปแล้ว

นี่มันบ้าอะไรกัน ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานมีพลังแบบนี้ได้จริงๆ หรือ

ต่อให้ฝึกควบทั้งปราณและกาย ต่อให้มีอัสนีเทพกำเนิดฟ้า ต่อให้มีกายเทพอัสนีหยาง แต่ระดับสร้างฐานระเบิดพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้ มันก็อาจจะน่าตกใจเกินไปหน่อย น่าเหลือเชื่อ!

เดิมทีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แค่อยากหยั่งเชิงดูว่าเสิ่นเทียนจะก้าวข้ามขีดจำกัดแสดงพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้หรือไม่ ปรากฏว่าพอได้หยั่งเชิง สภาพจิตใจที่ลืมอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดก็แทบจะพังทลายลง นี่ยังใช่ระดับสร้างฐานรึ

เจ้าไปหาดูในทุกฝ่ายเซียนของแดนบูรพาดูว่ามีระดับแก่นพลังทองสักกี่คนที่แกร่งเช่นนี้ได้

ตอนนี้เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าอาจารย์ของตนตกใจไปแล้ว

ภายในใจเขากังวลว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่พอใจที่เขาอำพรางพลัง คิดว่าอาจารย์มองตนขาดตั้งนานแล้ว แต่ความเป็นจริง กุมอัสนีปลายนิ้วก่อนหน้านี้เป็นเพียงการกดปุ่มโจมตีปกติของเสิ่นเทียน ใช้ปราบปีศาจตัวเล็กๆ

แต่ตอนนี้เขากำลังสั่งสมพลังอย่างต่อเนื่อง รวมพลังของน้ำมวลหนักปฐมกาล เถากลืนกินเซียนและอัคคีอรุณใต้เข้าไปในอัสนีกำเนิดฟ้าพร้อมกัน

และยังได้วิชาระเบิดปราณระเบิดอัสนีเพิ่มกำลังของตนถึงขีดจำกัดอีก เขาถึงได้อยู่ในสภาวะต่อสู้ที่แกร่งที่สุดอย่างแท้จริง

สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนแกร่งเพียงใดในสภาวะนี้ ขนาดเขาเองยังไม่แน่ใจเลย

ตอนนี้เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนถึงขีดกำจัดแล้ว กายหยาบจะรับไม่ไหวแล้ว พลังที่เปี่ยมล้นอย่างยิ่งอัดแน่นไปทั่วร่าง พร้อมปะทุออกมาทุกเมื่อ

ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก เขามองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ สองมือประกบกันเป็นลักษณะใบโอบช่อดอกไม้ จากนั้นวางมือไว้ตรงเอว

สายฟ้าสีทองที่แทบจะไร้ขีดจำกัดรวมที่มือเขาและหดตัวลงอย่างฉับไว

เสิ่นเทียนคำรามเสียงต่ำ “กุม…อัสนี…กำ…เนิด…ฟ้า!”

เมื่อสิ้นคำว่า ‘ฟ้า’ เสิ่นเทียนพลันผลักสองมือออกไป สายฟ้าระเบิด!

เพียงชั่วครู่เดียว แสงสีทองสว่างจ้าไปทั้งวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เกิดปรากฏการณ์เงามายาสัตว์เทพห้าตัวขึ้นกลางอากาศรางๆ

คลื่นสายฟ้าสีทองเอ่อล้นพุ่งใส่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มืดฟ้ามัวดินราวกับน้ำหลาก

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าทั่วร่างถูกดึงออกจนหมด ก่อนจะตาเหลือกล้มลงนอนกับพื้น

….

ไม่ไหว ใช้แรงไปหมดแล้ว ทำดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

การโจมตีแกร่งระดับนี้ก็น่าจะ…

ทำให้อาจารย์พอใจแล้วกระมัง!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 182 ศิษย์เอ๋ย โจมตีข้าให้สุดกำลังเลย!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนตอบตกลงจะนำทัพแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ปลื้มใจมาก

สารภาพตามตรง แค่รางวัลนำทัพไม่มีค่าพอสำหรับเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเลย

เหตุที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ให้เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเป็นรางวัลก็เพราะความคิดเดียว!

ตั้งแต่ที่เขากับเจ้าพุทธะเสียงอัสนีแยกกันไปรับหน้าที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับเจ้าพุทธะแล้ว ก็แอบประชันกันลับๆ มาหลายร้อยปีแล้ว

ในเมื่อสองคนเป็นคู่ต่อสู้กันก็รู้กัน เมื่อประกายเซียนหรือประกายพุทธสั่นไหว แสดงว่าคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดไม่ดีอะไรอยู่

เจ้าเทียนซิ่วแสดงออกชัดเจนว่าถูกใจลูกศิษย์ดีของข้า คิดจะแอบดึงเขาไปออกบวชใช่หรือไม่ อย่าได้คิดเลย ข้าให้เกราะนักรบระดับศักดิ์สิทธิ์ดึงตัวเขาไว้แล้ว วางมาดใหญ่โตเช่นนี้แล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็กระเพื่อมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

เขาเอ่ยนิ่งๆ ว่า “เทียนเอ๋อร์ เกราะนักรบนี่ระดับสูงมาก เจ้าบีบโลหิตบริสุทธิ์มาหยดหนึ่ง ข้าจะช่วยเข้าหลอมรวมมันด้วยตัวเอง”

เสิ่นเทียนรีบพยักหน้า เขานึกถึงป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในตอนแรก ตอนนั้นตนพลังบำเพ็ญต่ำเกินไป เลยต้องใช้โลหิตบริสุทธิ์เป็นชามใหญ่ถึงจะฝืนเป็นนายได้ ทำให้เขาอ่อนแรงไปสักระยะเลย

ส่วนเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรนี่เป็นของวิเศษอริยะของแท้ เหนือกว่าสมบัติวิญญาณอีก ถ้าให้เขาหลอมรวมเอง เกรงว่าต่อให้เป็นโรคโลหิตจางแล้วก็คงไม่มีหวัง

เสิ่นเทียนบีบโลหิตบริสุทธิ์มาหยดหนึ่งตามที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ชี้แนะ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดูดโลหิตบริสุทธิ์หยดนี้เข้าไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร จากนั้นสายฟ้าประกายเซียนเข้มข้นก็หลั่งไหลเข้าไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร ทำการชะล้างมัน

ไม่นานสัญลักษณ์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์บนเกราะศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ถูกสลายไป กลายเป็นสัญลักษณ์ของเสิ่นเทียนแทน

ทางด้านเสิ่นเทียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าตนกับเกราะศักดิ์สิทธิ์ชุดนี้เกิดการเชื่อมต่อกัน

เขาเคลื่อนความคิดไป เกราะศักดิ์สิทธิ์สีทองสว่างระยิบระยับพลันแยกร่างออก จากนั้นพุ่งมาหาเสิ่นเทียนทีละส่วน เกราะนักรบได้ห่อหุ้มเขาไว้ทั้งตัวในพริบตาสั้นๆ

พละกำลังแก่กล้าที่ไม่เคยมีมาก่อนหลั่งไหลจากเกราะนักรบเข้าไปในกายเสิ่นเทียน นั่นคือพลังแห่งสายฟ้า

เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรเป็นเกราะนักรบตอนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังหนุ่ม เดิมทีหลอมขึ้นสำหรับคุณสมบัติกายเทพอัสนีหยางอยู่แล้ว

ทองคำห้าชนิดที่ใช้หลอมเกราะนักรบชุดนี้เป็นทองคำวิญญาณระดับสูงสุด ทั้งยังสอดคล้องกับปัญจธาตุ ภายในเกราะนักรบยังแกะสลักตราเวทเสริมพลังระดับสูง สามารถเพิ่มกำลังรบได้

เมื่อสวมเกราะนักรบชุดนี้ กำลังรบของเสิ่นเทียนพลันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

แน่นอน กำลังรบเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องรอง เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความเท่!

ตอนนี้เสิ่นเทียนสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองคำ เปล่งแสงสว่างจ้าทั้งตัว อัสนีกำเนิดฟ้าขยับประกายวูบวาบ

ผ้าคลุมขาวสะอาดดั่งหิมะคลุมลงมาจากบนบ่า ส่งเสียงดังพึ่บพั่บ อธิบายคำว่าเด่นตาได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

เมื่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้ว ดวงตาภายใต้ประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังฉายแววตกใจวูบหนึ่ง

ราชาศักดิ์สิทธิ์หนุ่มชัดๆ เทียนเอ๋อร์สวมเกราะนักรบนี้แล้วองอาจห้าวหาญเป็นหนึ่งแห่งยุคเลย บุคลิกลักษณะเช่นนี้มากพอจะทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในแดนบูรพาต้องล้มลง!

ใบหน้าเทียนเอ๋อร์ไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย เขาสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์นี่ได้แบบไม่ต้องละอายใจ!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดนิ่งๆ “เทียนเอ๋อร์ รู้สึกอย่างไรบ้าง เกราะนักรบนี่ตรงตามใจเจ้าพอดีเลย”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอบคุณอาจารย์ เกราะนักรบนี่แกร่งมาก ศิษย์รู้สึกว่าตอนนี้มีพลังไปทั้งตัวเลย!”

เสิ่นเทียนสำแดงวิชาเล็กๆ อย่างวิชากระจกน้ำ ก่อนจะมองตัวเองในกระจกด้วยความพอใจ

ทั้งตัวคลุมด้วยเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองคำ เผยเพียงใบหน้าหล่อเหลา

ตอนนี้ ในที่สุดเสิ่นเทียนก็หลุดพ้นจากความกลัดกลุ้มในเรื่องรูปร่างภายนอกและพลังอำนาจแล้ว

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เรื่องอุปกรณ์พวกนี้จะคำนึงถึงความดูดีกับการใช้งานจริงพร้อมกันไม่ได้หากเงินไม่พอ!

ว่าเกราะเต่าดำกับหมวกเกราะเต่าดำทรงไม่สวยรึ เจ้าดูเกราะหุบเหวมังกรข้านี่

สัญลักษณ์ทองคำตรงหน้าอกนี่ดูเท่เลยใช่หรือไม่! ของวิเศษอริยะก็คือของวิเศษอริยะ แบบนี้ต้องยกนิ้วให้!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “เทียนเอ๋อร์ อยากทดสอบพลังหน่อยหรือไม่ โจมตีข้าสิ”

เมื่อกล่าวจบ ก็ปรากฏปราการประกายเซียนสีทองลอยขึ้นตรงหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนจะยื่นมือขวาออกไปช้าๆ อัสนีเทพกำเนิดฟ้าสีทองขยับไปมาไม่หยุดตรงปลายนิ้วเขา ไม่นานอัสนีเทพพวกนี้ก็รวมเป็นลูกกลมอัสนียักษ์ขนาดเท่าศีรษะคน

ลูกกลมอัสนีหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนเมื่อหดเหลือขนาดเท่าตามังกรแล้วก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งแสงเลเซอร์

บึ้ม~!

สายฟ้าที่ดูมีขนาดเท่าตามังกรระเบิดอานุภาพอันน่ากลัวออกมา ปราการประกายเซียนสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเกิดรอยร้าวขึ้นเป็นสายๆ

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย “กระบวนท่านี้สังหารระดับแก่นพลังทองได้ ด้วยพลังบำเพ็ญของเจ้า สามารถคุมกุมอัสนีได้ชำนาญถึงระดับนี้ ไม่เลวเลย แต่อาจารย์ว่ากระบวนท่านี้น่าจะยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเทียนเอ๋อร์กระมัง! มา โจมตีสุดกำลังเลย!”

เสิ่นเทียนตกใจแล้ว ข้าแสดงออกว่าจริงจังและดูยากขนาดนั้น ทำสุดกำลังแล้ว ปรากฏว่ายังโดนอาจารย์มองออกในแวบเดียวว่ายังไม่สุดกำลัง สุดยอดเลย!

สมกับเป็นอาจารย์ ดูท่าข้าคงต้องเต็มที่แล้ว!

……

เสิ่นเทียนกำสองหมัดแน่น ตัวสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร ขาสองข้างอยู่ในท่ายืนม้าอย่างมั่นคง สัญลักษณ์อัสนีสีทองตรงระหว่างคิ้วกู่ร้องพร้อมกับเกราะศักดิ์สิทธิ์ “ขอรับ อาจารย์!”

เปลวไฟสีทองลุกท่วมทั่วตัวเสิ่นเทียน เลือดลมกับสายฟ้าลุกไหม้พร้อมกันกลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ที่สุด

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรง ตอนนี้เขานิ่งอึ้งไปแล้ว

นี่มันบ้าอะไรกัน ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานมีพลังแบบนี้ได้จริงๆ หรือ

ต่อให้ฝึกควบทั้งปราณและกาย ต่อให้มีอัสนีเทพกำเนิดฟ้า ต่อให้มีกายเทพอัสนีหยาง แต่ระดับสร้างฐานระเบิดพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้ มันก็อาจจะน่าตกใจเกินไปหน่อย น่าเหลือเชื่อ!

เดิมทีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แค่อยากหยั่งเชิงดูว่าเสิ่นเทียนจะก้าวข้ามขีดจำกัดแสดงพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้หรือไม่ ปรากฏว่าพอได้หยั่งเชิง สภาพจิตใจที่ลืมอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดก็แทบจะพังทลายลง นี่ยังใช่ระดับสร้างฐานรึ

เจ้าไปหาดูในทุกฝ่ายเซียนของแดนบูรพาดูว่ามีระดับแก่นพลังทองสักกี่คนที่แกร่งเช่นนี้ได้

ตอนนี้เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าอาจารย์ของตนตกใจไปแล้ว

ภายในใจเขากังวลว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่พอใจที่เขาอำพรางพลัง คิดว่าอาจารย์มองตนขาดตั้งนานแล้ว แต่ความเป็นจริง กุมอัสนีปลายนิ้วก่อนหน้านี้เป็นเพียงการกดปุ่มโจมตีปกติของเสิ่นเทียน ใช้ปราบปีศาจตัวเล็กๆ

แต่ตอนนี้เขากำลังสั่งสมพลังอย่างต่อเนื่อง รวมพลังของน้ำมวลหนักปฐมกาล เถากลืนกินเซียนและอัคคีอรุณใต้เข้าไปในอัสนีกำเนิดฟ้าพร้อมกัน

และยังได้วิชาระเบิดปราณระเบิดอัสนีเพิ่มกำลังของตนถึงขีดจำกัดอีก เขาถึงได้อยู่ในสภาวะต่อสู้ที่แกร่งที่สุดอย่างแท้จริง

สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนแกร่งเพียงใดในสภาวะนี้ ขนาดเขาเองยังไม่แน่ใจเลย

ตอนนี้เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนถึงขีดกำจัดแล้ว กายหยาบจะรับไม่ไหวแล้ว พลังที่เปี่ยมล้นอย่างยิ่งอัดแน่นไปทั่วร่าง พร้อมปะทุออกมาทุกเมื่อ

ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก เขามองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ สองมือประกบกันเป็นลักษณะใบโอบช่อดอกไม้ จากนั้นวางมือไว้ตรงเอว

สายฟ้าสีทองที่แทบจะไร้ขีดจำกัดรวมที่มือเขาและหดตัวลงอย่างฉับไว

เสิ่นเทียนคำรามเสียงต่ำ “กุม…อัสนี…กำ…เนิด…ฟ้า!”

เมื่อสิ้นคำว่า ‘ฟ้า’ เสิ่นเทียนพลันผลักสองมือออกไป สายฟ้าระเบิด!

เพียงชั่วครู่เดียว แสงสีทองสว่างจ้าไปทั้งวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เกิดปรากฏการณ์เงามายาสัตว์เทพห้าตัวขึ้นกลางอากาศรางๆ

คลื่นสายฟ้าสีทองเอ่อล้นพุ่งใส่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มืดฟ้ามัวดินราวกับน้ำหลาก

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าทั่วร่างถูกดึงออกจนหมด ก่อนจะตาเหลือกล้มลงนอนกับพื้น

….

ไม่ไหว ใช้แรงไปหมดแล้ว ทำดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

การโจมตีแกร่งระดับนี้ก็น่าจะ…

ทำให้อาจารย์พอใจแล้วกระมัง!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+