บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 92 ครอบครัวใหญ่เทพสวรรค์ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 92 ครอบครัวใหญ่เทพสวรรค์ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 92 ครอบครัวใหญ่เทพสวรรค์ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นักพรตชราก็คิดว่าตนจะบุ่มบ่ามไม่ได้

ถึงอย่างไรการรับศิษย์ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก การรับศิษย์ที่ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงยิ่งไม่ใช่เรื่องเล็กไปอีก

ในประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชนของการบำเพ็ญเซียนที่แสนลำบากระหกระเหินของนักพรตชรา การมีปากกินข้าวเพิ่มมาหนึ่งปากจะเท่ากับมีแรงกดดันเพิ่มมาเท่านั้น!

อืม ดูไปสักพักก่อนดีกว่า ดูว่าเจ้าหนูนี่มีดวงชะตาน่าตกใจจริงๆ หรือไม่

ถ้าจริง ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์ ช่วยเขาทำลายวิชาแล้วฝึกฝนใหม่

หากไม่จริง ข้าจะให้ศิษย์น้องรองรับเป็นศิษย์ไป

ช่วงนี้คัมภีร์เสริมวิถีฟ้าของศิษย์น้องรอง ยิ่งฝึกยิ่งชั่วร้ายอยู่พอดี

ข้าคิดว่าข้าหาทุกวิถีทางแล้วก็เหมือนจะทำให้ศิษย์น้องรองเกิดคลื่นอารมณ์ไม่ได้อีกแล้ว ถ้ารับศิษย์อับโชคที่ฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิงไป จะต้องสร้างปัญหาให้ศิษย์น้องทุกวันแน่

ดูท่าจากนี้ไปชีวิตศิษย์น้องคงไม่เรียบง่าย แถมยังจืดชืดไร้ชีวิตชีวาแล้วกระมัง!

พอคิดได้ดังนั้น นักพรตชราก็ยิ้ม “ท่านนี้คงจะเป็นสหายน้อยเสิ่นเทียนล่ะสิ!”

…..

เมื่อโดนนักพรตชราจ้อง เสิ่นเทียนก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

ความจริงแล้วเขากลัวตาแก่นี่กินตัวเองเหมือนกัน อีกอย่างเมื่อครู่ตอนนักพรตชรากลายเป็นเปลวเพลิงสีมรกต เขายังรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของคัมภีร์คบเพลิงในกาย

ความรู้สึกกระหายนั้นเหมือนกับตอนที่เสิ่นเทียนพบน้ำมวลหนักปฐมกาลทุกประการ

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่านักพรตชรานี่รู้สึกแบบนี้หรือไม่ ถึงอย่างไรตอนที่นักพรตชราลงมือก็เคยตะโกนเสียงดังว่า ‘พลังวิเศษคบเพลิง’

ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย เสิ่นเทียนคิดว่าเจ้านี่อาจจะฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิงเหมือนกัน

พอเห็นนักพรตชราทำเรื่อง ‘หน้าไม่อาย’ อย่างผู้ใหญ่รังแกเด็กได้ด้วยความภาคภูมิแล้ว เสิ่นเทียนคิดได้ดังนั้นก็ขยับไปข้างๆ จางอวิ๋นซีแบบเงียบๆ ปลอดภัยกว่า

“ขอรับ ผู้เยาว์คือเสิ่นเทียน ไม่ทราบว่าท่านเทพเซียนมีสิ่งใดจะชี้แนะหรือ”

เขาใช้คำหวานพูดประจบ

เมื่อได้ยินเสิ่นเทียนเรียกตนว่าท่านเทพเซียน นักพรตชราที่ไม่มีสมองบางคนยิ้มแล้ว

“ฮ่าๆ สหายน้อยเสิ่นเทียนพูดเก่งจริงๆ ข้าก็เคยได้ยินเสี่ยวซีเอ๋อร์เล่าเรื่องของเจ้ากับนางมาแล้ว เจ้าหาบทต้องห้ามสูงสุดของจักรพรรดิเทพสวรรค์กลับมาคืน ตามบัญญัติของฝ่ายข้าแล้วควรจะแต่งตั้งเจ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

ส่วนเรื่องการเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะทำให้คนบางพวกไม่พอใจ สหายน้อยเสิ่นเทียนไม่ต้องกังวลเลย แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าไม่เหมือนกับแดนเทวาดาวประกายพรึก เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนบ้าทุบตีลูกเขยแบบนั้น

ฝ่ายเราพี่รักน้อง น้องเคารพพี่ เป็นครอบครัวใหญ่ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน แค่เจ้าเข้ามาจะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน!”

……….

เมื่อเห็นนักพรตชราที่ก่อนหน้านี้ยังไล่ล่าปล้นทรัพย์ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้โฆษณาให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างสนิทสนมแล้ว เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกว่าพึ่งพาไม่ค่อยได้ มีความรู้สึกเหมือนเจอพวกขายตรงกำลังขายของอยู่

เขากลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “ท่านเทพเซียน เมื่อครู่ท่านบอกว่าผู้เยาว์เป็นศิษย์ท่านรึ”

นักพรตชราฉุกคิดขึ้นมาได้ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ “แค่กๆ อันนี้ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง บอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ข้า แบบนี้จะได้ออกหน้าแทนเจ้าขู่รีดไถ…แค่กๆ อย่าได้ใส่ใจเลย

ถ้าสหายน้อยยินดีเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ รับฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็เลือกผู้อาวุโสในฝ่ายข้าเป็นอาจารย์ได้เลย ต่อให้เจ้าอยากจะคารวะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นอาจารย์ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย”

เลือกอาจารย์ได้ตามใจชอบ มีสวัสดิการดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ

เสิ่นเทียนมองนักพรตชราด้วยความสงสัย กลอุบายหลอกลวงมากมายเมื่อภพก่อนบอกตัวเองว่าไม่มีแป้งหมี่ตกลงมาจากบนฟ้าหรอก

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นครอบครัวใหญ่ที่พี่รักน้องน้องเคารพพี่ รักใคร่กลมเกลียวกันหรือ

เหอะๆ เมื่อภพก่อนในสังคมตลกใหญ่ๆ บางแห่งก็มีโฆษณาเช่นนี้เหมือนกัน ปรากฏว่าแย่งพรรคแย่งพวกกัน ทะเลาะกันบนเวทีได้

ช่างเถอะ อยู่อาณาจักรต้าเหยียนสบายๆ ไปก่อนแล้วกัน!

ยืนเหนือช่องลม หมูยังบินขึ้นได้

เมื่อลมหยุด หมูบินทุกตัวจะตกลงมากลายเป็นหมูแผ่น

เสิ่นเทียนยังไม่อยากนั่งกกบัลลังก์บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ทันร้อนก็โดนคนอื่นเล่นงานจนตาย

……..

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านเทพเซียนไม่ต้องเกรงใจจริงๆ ผู้เยาว์เคยกล่าวไว้ว่าหากเป็นผู้มีวาสนาจะไม่รับแม้แต่แดงเดียว ดังนั้นที่ผู้เยาว์ค้นวิญญาณประเมินแร่ให้ท่านเซียนอวิ๋นซีก็ไม่ต้องตอบแทนใดๆ ฝ่ายของท่านไม่ต้องใส่ใจเลย

อีกอย่างท่านเซียนอวิ๋นซีก็บอกเหมือนกันว่านางไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้เยาว์จริงๆ หากเกี่ยวดองเป็นคู่ชีวิตกันโดยไม่มีพื้นฐานความรัก นั่นไม่ใช่ความสุข

ดังนั้นเรื่องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์นั้น ข้าว่าช่างมันเถอะ!”

นักพรตชราเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวขึ้น “แต่ว่านี่มันผิดต่อบัญญัติบรรพบุรุษฝ่ายข้านะ ตามบัญญัติบรรพบุรุษฝ่ายข้าแล้ว ผู้มีวาสนาที่นำเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์มาคืนจะไม่ต้องแต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ แต่ต้องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่เอามรดกคืน ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นความลับที่ไม่อาจเผยแพร่ของฝ่ายข้า”

จางอวิ๋นซีงุนงง

ตอนนี้อาจารย์ลุงบัวมรกตที่พึ่งพาไม่ได้นี่กำลังคุยอะไรกับสหายเสิ่นกันแน่!

อะไรคือไม่ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ตามบัญญัติบรรพบุรุษได้ แต่ต้องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์

นี่พวกเจ้ากำลังซื้อผักในตลาดของในโลกมนุษย์อยู่หรือ

ทำไม มองข้าสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นของแถมรึ

แม้ข้าจะไม่ชอบงานแต่งตามข้อตกลงเช่นนี้ก็ตาม แต่นี่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของแดนศักดิ์สิทธิ์และเกียรติของข้า ช่วยจริงจังหน่อยได้หรือไม่!

……..

ประกายสายฟ้าสีทองสลับเงินเริ่มคุกรุ่นขึ้นในตัวจางอวิ๋นซี ในทางตรงข้าม หลี่เหลียนเอ๋อร์ที่เดิมทีอยู่หลังจางอวิ๋นซีตอนนี้มีความสุขมาก

หลี่เหลียนเอ๋อร์ยิ้มแย้ม “พี่เสิ่น ท่านตกลงเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เถอะ! ถ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้วก็จะไม่มีใครกล้ารังแกท่านอีก ส่วนพี่อวิ๋นซี ก็ไม่แต่งงานด้วยก็ได้นี่! เพราะอย่างไรนางก็บอกเองว่าไม่ยินดี”

จางอวิ๋นซีอึ้งไป

พอได้ฟังคำพูดของหลี่เหลียนเอ๋อร์ นักพรตชราเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

เขาพูดโน้มน้าวว่า “สหายน้อยเสิ่น วันนี้เจ้าเองก็เห็นแล้วว่าหลี่ชางหลันแข็งแกร่งเพียงใด เจ้านั่นมีชื่อเสียงในแดนบูรพาเรื่องหวงลูกสาว ตอนนี้ยัยหนูเหลียนเอ๋อร์ยังตามติดเจ้าทุกวันอีก ถ้าไม่รับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ของข้า เจ้าคิดว่าจะยังมีขุมอำนาจใดที่จะปกป้องเจ้าได้”

คำพูดของนักพรตชราทำให้เสิ่นเทียนหวาดหวั่น!

ใช่สิ!

บิดาของยัยเด็กเหลียนเอ๋อร์แข็งแกร่งสุดบรรยาย ทั้งยังสัมผัสตำแหน่งของป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ได้ตลอดเวลาว่าข้าอยู่ที่ใด

ครั้งนี้เสียเปรียบหนักในมือนักพรตชรา ยากจะรับประกันได้ว่าจะไม่ลงความแค้นทั้งหมดกับข้า ด้วยขอบเขตอำนาจของแดนเทวาดาวประกายพรึกแล้ว หากหลี่ชางหลันเอาจริง การจับตัวข้าไม่ใช่เรื่องยากเลย

สถานการณ์ตอนนี้ การหากำลังหนุนที่แกร่งพอมาพึ่งพาไว้ชั่วคราวก่อนก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ประณีประนอมได้

นึกถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยความจำใจ “ท่านเทพเซียน ไม่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้จริงๆ หรือ”

นักพรตชราถอนหายใจ “สหายน้อย ให้เงื่อนไขนี้ไม่ได้จริงๆ”

เสิ่นเทียนยอมรับชะตาแล้ว “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาตกลงกันก่อน ข้าจะเป็นแค่บุตรศักดิ์สิทธิ์!”

นักพรตชราพยักหน้า “วางใจเถอะ ไม่ต้องแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์”

จางอวิ๋นซี “…”

…………………….………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 92 ครอบครัวใหญ่เทพสวรรค์ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 92 ครอบครัวใหญ่เทพสวรรค์ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 92 ครอบครัวใหญ่เทพสวรรค์ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นักพรตชราก็คิดว่าตนจะบุ่มบ่ามไม่ได้

ถึงอย่างไรการรับศิษย์ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก การรับศิษย์ที่ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงยิ่งไม่ใช่เรื่องเล็กไปอีก

ในประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชนของการบำเพ็ญเซียนที่แสนลำบากระหกระเหินของนักพรตชรา การมีปากกินข้าวเพิ่มมาหนึ่งปากจะเท่ากับมีแรงกดดันเพิ่มมาเท่านั้น!

อืม ดูไปสักพักก่อนดีกว่า ดูว่าเจ้าหนูนี่มีดวงชะตาน่าตกใจจริงๆ หรือไม่

ถ้าจริง ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์ ช่วยเขาทำลายวิชาแล้วฝึกฝนใหม่

หากไม่จริง ข้าจะให้ศิษย์น้องรองรับเป็นศิษย์ไป

ช่วงนี้คัมภีร์เสริมวิถีฟ้าของศิษย์น้องรอง ยิ่งฝึกยิ่งชั่วร้ายอยู่พอดี

ข้าคิดว่าข้าหาทุกวิถีทางแล้วก็เหมือนจะทำให้ศิษย์น้องรองเกิดคลื่นอารมณ์ไม่ได้อีกแล้ว ถ้ารับศิษย์อับโชคที่ฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิงไป จะต้องสร้างปัญหาให้ศิษย์น้องทุกวันแน่

ดูท่าจากนี้ไปชีวิตศิษย์น้องคงไม่เรียบง่าย แถมยังจืดชืดไร้ชีวิตชีวาแล้วกระมัง!

พอคิดได้ดังนั้น นักพรตชราก็ยิ้ม “ท่านนี้คงจะเป็นสหายน้อยเสิ่นเทียนล่ะสิ!”

…..

เมื่อโดนนักพรตชราจ้อง เสิ่นเทียนก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

ความจริงแล้วเขากลัวตาแก่นี่กินตัวเองเหมือนกัน อีกอย่างเมื่อครู่ตอนนักพรตชรากลายเป็นเปลวเพลิงสีมรกต เขายังรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของคัมภีร์คบเพลิงในกาย

ความรู้สึกกระหายนั้นเหมือนกับตอนที่เสิ่นเทียนพบน้ำมวลหนักปฐมกาลทุกประการ

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่านักพรตชรานี่รู้สึกแบบนี้หรือไม่ ถึงอย่างไรตอนที่นักพรตชราลงมือก็เคยตะโกนเสียงดังว่า ‘พลังวิเศษคบเพลิง’

ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย เสิ่นเทียนคิดว่าเจ้านี่อาจจะฝึกฝนวิชาหลอมกายคบเพลิงเหมือนกัน

พอเห็นนักพรตชราทำเรื่อง ‘หน้าไม่อาย’ อย่างผู้ใหญ่รังแกเด็กได้ด้วยความภาคภูมิแล้ว เสิ่นเทียนคิดได้ดังนั้นก็ขยับไปข้างๆ จางอวิ๋นซีแบบเงียบๆ ปลอดภัยกว่า

“ขอรับ ผู้เยาว์คือเสิ่นเทียน ไม่ทราบว่าท่านเทพเซียนมีสิ่งใดจะชี้แนะหรือ”

เขาใช้คำหวานพูดประจบ

เมื่อได้ยินเสิ่นเทียนเรียกตนว่าท่านเทพเซียน นักพรตชราที่ไม่มีสมองบางคนยิ้มแล้ว

“ฮ่าๆ สหายน้อยเสิ่นเทียนพูดเก่งจริงๆ ข้าก็เคยได้ยินเสี่ยวซีเอ๋อร์เล่าเรื่องของเจ้ากับนางมาแล้ว เจ้าหาบทต้องห้ามสูงสุดของจักรพรรดิเทพสวรรค์กลับมาคืน ตามบัญญัติของฝ่ายข้าแล้วควรจะแต่งตั้งเจ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

ส่วนเรื่องการเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จะทำให้คนบางพวกไม่พอใจ สหายน้อยเสิ่นเทียนไม่ต้องกังวลเลย แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าไม่เหมือนกับแดนเทวาดาวประกายพรึก เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนบ้าทุบตีลูกเขยแบบนั้น

ฝ่ายเราพี่รักน้อง น้องเคารพพี่ เป็นครอบครัวใหญ่ที่รักใคร่กลมเกลียวกัน แค่เจ้าเข้ามาจะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน!”

……….

เมื่อเห็นนักพรตชราที่ก่อนหน้านี้ยังไล่ล่าปล้นทรัพย์ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้โฆษณาให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างสนิทสนมแล้ว เสิ่นเทียนมักจะรู้สึกว่าพึ่งพาไม่ค่อยได้ มีความรู้สึกเหมือนเจอพวกขายตรงกำลังขายของอยู่

เขากลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “ท่านเทพเซียน เมื่อครู่ท่านบอกว่าผู้เยาว์เป็นศิษย์ท่านรึ”

นักพรตชราฉุกคิดขึ้นมาได้ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ “แค่กๆ อันนี้ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง บอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ข้า แบบนี้จะได้ออกหน้าแทนเจ้าขู่รีดไถ…แค่กๆ อย่าได้ใส่ใจเลย

ถ้าสหายน้อยยินดีเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ รับฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็เลือกผู้อาวุโสในฝ่ายข้าเป็นอาจารย์ได้เลย ต่อให้เจ้าอยากจะคารวะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นอาจารย์ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย”

เลือกอาจารย์ได้ตามใจชอบ มีสวัสดิการดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ

เสิ่นเทียนมองนักพรตชราด้วยความสงสัย กลอุบายหลอกลวงมากมายเมื่อภพก่อนบอกตัวเองว่าไม่มีแป้งหมี่ตกลงมาจากบนฟ้าหรอก

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นครอบครัวใหญ่ที่พี่รักน้องน้องเคารพพี่ รักใคร่กลมเกลียวกันหรือ

เหอะๆ เมื่อภพก่อนในสังคมตลกใหญ่ๆ บางแห่งก็มีโฆษณาเช่นนี้เหมือนกัน ปรากฏว่าแย่งพรรคแย่งพวกกัน ทะเลาะกันบนเวทีได้

ช่างเถอะ อยู่อาณาจักรต้าเหยียนสบายๆ ไปก่อนแล้วกัน!

ยืนเหนือช่องลม หมูยังบินขึ้นได้

เมื่อลมหยุด หมูบินทุกตัวจะตกลงมากลายเป็นหมูแผ่น

เสิ่นเทียนยังไม่อยากนั่งกกบัลลังก์บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ทันร้อนก็โดนคนอื่นเล่นงานจนตาย

……..

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านเทพเซียนไม่ต้องเกรงใจจริงๆ ผู้เยาว์เคยกล่าวไว้ว่าหากเป็นผู้มีวาสนาจะไม่รับแม้แต่แดงเดียว ดังนั้นที่ผู้เยาว์ค้นวิญญาณประเมินแร่ให้ท่านเซียนอวิ๋นซีก็ไม่ต้องตอบแทนใดๆ ฝ่ายของท่านไม่ต้องใส่ใจเลย

อีกอย่างท่านเซียนอวิ๋นซีก็บอกเหมือนกันว่านางไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้เยาว์จริงๆ หากเกี่ยวดองเป็นคู่ชีวิตกันโดยไม่มีพื้นฐานความรัก นั่นไม่ใช่ความสุข

ดังนั้นเรื่องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์นั้น ข้าว่าช่างมันเถอะ!”

นักพรตชราเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวขึ้น “แต่ว่านี่มันผิดต่อบัญญัติบรรพบุรุษฝ่ายข้านะ ตามบัญญัติบรรพบุรุษฝ่ายข้าแล้ว ผู้มีวาสนาที่นำเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์มาคืนจะไม่ต้องแต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ แต่ต้องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่เอามรดกคืน ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นความลับที่ไม่อาจเผยแพร่ของฝ่ายข้า”

จางอวิ๋นซีงุนงง

ตอนนี้อาจารย์ลุงบัวมรกตที่พึ่งพาไม่ได้นี่กำลังคุยอะไรกับสหายเสิ่นกันแน่!

อะไรคือไม่ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ตามบัญญัติบรรพบุรุษได้ แต่ต้องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์

นี่พวกเจ้ากำลังซื้อผักในตลาดของในโลกมนุษย์อยู่หรือ

ทำไม มองข้าสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นของแถมรึ

แม้ข้าจะไม่ชอบงานแต่งตามข้อตกลงเช่นนี้ก็ตาม แต่นี่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของแดนศักดิ์สิทธิ์และเกียรติของข้า ช่วยจริงจังหน่อยได้หรือไม่!

……..

ประกายสายฟ้าสีทองสลับเงินเริ่มคุกรุ่นขึ้นในตัวจางอวิ๋นซี ในทางตรงข้าม หลี่เหลียนเอ๋อร์ที่เดิมทีอยู่หลังจางอวิ๋นซีตอนนี้มีความสุขมาก

หลี่เหลียนเอ๋อร์ยิ้มแย้ม “พี่เสิ่น ท่านตกลงเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เถอะ! ถ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้วก็จะไม่มีใครกล้ารังแกท่านอีก ส่วนพี่อวิ๋นซี ก็ไม่แต่งงานด้วยก็ได้นี่! เพราะอย่างไรนางก็บอกเองว่าไม่ยินดี”

จางอวิ๋นซีอึ้งไป

พอได้ฟังคำพูดของหลี่เหลียนเอ๋อร์ นักพรตชราเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

เขาพูดโน้มน้าวว่า “สหายน้อยเสิ่น วันนี้เจ้าเองก็เห็นแล้วว่าหลี่ชางหลันแข็งแกร่งเพียงใด เจ้านั่นมีชื่อเสียงในแดนบูรพาเรื่องหวงลูกสาว ตอนนี้ยัยหนูเหลียนเอ๋อร์ยังตามติดเจ้าทุกวันอีก ถ้าไม่รับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ของข้า เจ้าคิดว่าจะยังมีขุมอำนาจใดที่จะปกป้องเจ้าได้”

คำพูดของนักพรตชราทำให้เสิ่นเทียนหวาดหวั่น!

ใช่สิ!

บิดาของยัยเด็กเหลียนเอ๋อร์แข็งแกร่งสุดบรรยาย ทั้งยังสัมผัสตำแหน่งของป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ได้ตลอดเวลาว่าข้าอยู่ที่ใด

ครั้งนี้เสียเปรียบหนักในมือนักพรตชรา ยากจะรับประกันได้ว่าจะไม่ลงความแค้นทั้งหมดกับข้า ด้วยขอบเขตอำนาจของแดนเทวาดาวประกายพรึกแล้ว หากหลี่ชางหลันเอาจริง การจับตัวข้าไม่ใช่เรื่องยากเลย

สถานการณ์ตอนนี้ การหากำลังหนุนที่แกร่งพอมาพึ่งพาไว้ชั่วคราวก่อนก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ประณีประนอมได้

นึกถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยความจำใจ “ท่านเทพเซียน ไม่เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้จริงๆ หรือ”

นักพรตชราถอนหายใจ “สหายน้อย ให้เงื่อนไขนี้ไม่ได้จริงๆ”

เสิ่นเทียนยอมรับชะตาแล้ว “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาตกลงกันก่อน ข้าจะเป็นแค่บุตรศักดิ์สิทธิ์!”

นักพรตชราพยักหน้า “วางใจเถอะ ไม่ต้องแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์”

จางอวิ๋นซี “…”

…………………….………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+