บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 89 จู่ๆ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ก็ไม่น่าสนใจแล้ว

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 89 จู่ๆ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ก็ไม่น่าสนใจแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 89 จู่ๆ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ก็ไม่น่าสนใจแล้ว
ตอนแรกเสิ่นเทียนคิดดีแล้วว่าจะตอบตกลงผู้สูงศักดิ์จื่อหยางไปก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสหนี แต่ไม่นึกเลยว่ายังไม่ทันสลัดปัญหาหลี่เหลียนเอ๋อร์ทิ้ง ก็มีปัญหาใหญ่กว่ามาอีก

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีบัญญัติบรรพชนบ้าบออะไรต้องยัดฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ให้ข้า แถมยังซื้อหนึ่งแถมสตรีศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่ง?

คราวนี้ พวกศิษย์แท้จริงแข็งแกร่งพวกนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่ริษยาข้าจนตายหรือ โอรสสวรรค์ที่ชอบจางอวิ๋นซีพวกนั้นจะไม่คิดกลอุบายร้อยแปดพันเก้ามาเล่นงานเขาตายหรือ

ตอนนี้ข้าระมัดระวังเช่นนี้ ยังโดนผู้สูงศักดิ์จื่อหยางข่มเหง

ถ้ารับจางอวิ๋นซีมา จะไม่ต้องถูกระดับหลอมรวมเทพล้อมสังหารทุกวินาทีเลยหรือ

เสิ่นเทียนพลันรู้สึกว่าเทียบกับการไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ความจริงแดนเทวาดาวประกายพรึกก็ดูปลอดภัยดี

คิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดตรงๆ “ท่านเซียนอวิ๋นซีไม่ต้องเกรงใจ แม้ข้าจะหาบทต้องห้ามมาคืนแทนท่าน แต่ก็ไม่ได้คิดจะทวงบุญคุณ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นสำนักเซียนชั้นยอดของแดนบูรพา เสิ่นเทียนมีพลังบำเพ็ญต่ำเตี้ย ไม่มีคุณสมบัติรับฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

ส่วนในบัญญัติบรรพชนอะไรนั่นที่ให้ท่านเซียนต้องแต่งงานกับข้า ถ้าท่านเซียนไม่ยินดีก็ไม่ต้องบังคับตัวเองหรอก เสิ่นเทียนมีใจใฝ่วิถีบำเพ็ญ สาบานไว้นานแล้วว่าหากไม่บรรลุระดับดวงจิตดรุณจะไม่มีคู่ครองเด็ดขาด ท่านเซียนไม่ต้องลำบากใจ!” เสิ่นเทียนพูดอย่างถูกต้องชอบธรรม ทุกคำพูดล้วนคิดแทนมุมมองของจางอวิ๋นซี

เมื่อฟังจบ จางอวิ๋นซีกำสองหมัดแน่น ซาบซึ้งใจจนหน้าดำมืด แต่คนอื่นในตำหนักไร้พรมแดนต่างสงสัยในชีวิตตัวเองมากกว่า

ปฏิเสธแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าองค์ชายสิบสามจะปฏิเสธ!

โชควาสนาเป็นเอกแห่งยุค ได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงหน้า เขากลับปฏิเสธ!

องค์ชายสิบสามท่านนี้ดวงซวยมานานหลายปีจนสมองติดเชื้อดวงอับโชคไปแล้วหรือ

นี่เป็นเรื่องดีที่เมื่อตอบตกลง สุสานบรรพบุรุษก็จะมีควันดำลอยโชยขึ้นมาทันทีเชียวนะ!

ฝ่าบาทท่านเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ ท่านพ่อท่านแม่ของท่านรู้หรือไม่

……

โครม!

ช่วงที่ทุกคนมุงดูไปพลางสงสัยในชีวิตไปพลางนั้น

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเดินกะเผลกออกมาจากกลางซากปรักหักพังพระราชวังที่ถล่มลงมา

ชุดนักพรตที่ตอนแรกสะอาดเรียบร้อยกลายเป็นสีดำสนิท เส้นผมยาวยุ่งเป็นกระเซิง ใบหน้าดำมีประกายสายฟ้าตลอดเวลา ยามอ้าปากฟันสองแถวดูขาวสะอาดเป็นพิเศษ

ตอนนี้ ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางจ้องจางอวิ๋นซีอย่างจริงจังพลางว่า “ที่แท้ก็สตรีศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นซี ท่านคงจะได้ยินคำพูดของสหายน้อยเสิ่นแล้ว ในเมื่อสหายน้อยเสิ่นกล่าวชัดเจนว่าท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องปฏิบัติตามบัญญัติบรรพชน เช่นนั้นก็ขอให้ท่านอย่ายึดมั่นเลย

ให้ข้าพาสหายน้อยเสิ่นกลับแดนเทวาดาวประกายพรึก ไปพบกับศิษย์พี่ข้าเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ก่อนแล้วกัน!”

แม้จะเจ็บจากหมัดนั้นของจางอวิ๋นซีเมื่อครู่มาก ซัดจนผู้สูงศักดิ์จื่อหยางควันขึ้น แต่เขาใช่คนที่เกรงกลัวอำนาจแข็งแกร่ง กลัวตายอย่างนั้นหรือ

ในเมื่อศิษย์พี่สั่งให้ข้ามาพาสหายน้อยเสิ่นเทียนกลับไป ข้าก็จะต้องพาเขากลับไปให้ได้!

ถึงอย่างไรศิษย์พี่ก็น่ากลัวกว่า!

…………

จางอวิ๋นซีหันมามองจื่อหยางด้วยใบหน้าดำมืด

ตอนนี้ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวบนฟ้าชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ผู้อาวุโสตัวจ้อยแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกนี่คิดว่าบัญญัติบรรพชนแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าคืออะไรกัน

ในเมื่อบรรพบุรุษแดนศักดิ์สิทธิ์กำหนดบัญญัติไว้แล้วว่าผู้มีวาสนาที่นำบทต้องห้ามกลับมาจะได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์และตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์

เช่นนั้นนั่นก็คือคำสัญญาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ต้องปฏิบัติตาม ต่อให้ข้าจะสำรวมมากกว่านี้ ก็จะทรยศฝ่ายไม่ได้!

“ผู้สูงศักดิ์จื่อหยาง เจ้าพูดเช่นนี้ หรือคิดจะแย่งบุตรศักดิ์สิทธิ์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้ากัน”

จางอวิ๋นซีระเบิดสายฟ้ารอบตัวท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคนในตำหนักไร้พรมแดน ก่อนจะมีลูกสายฟ้าสีทองตัดสลับเงินรวมขึ้นตรงกลางฝ่ามือขวานาง

บอลสายฟ้าหมุนวนไม่หยุด สายฟ้าเข้มข้นหดตัวลงกลางบอลสายฟ้า ลอยขึ้นแผ่กลิ่นอายพลังน่าสะพรึง

ใช่ นี่ก็คือกระบวนท่าสังหารในคัมภีร์ห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…กุมอัสนีธาตุทองลำดับเจ็ด

หลังปะปนกับส่วนของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าแล้ว พลานุภาพของวิชานี้ก็พุ่งทะยานสูงสุด!

กระทั่งจางอวิ๋นซียังเคยใช้ท่านี้สังหารผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณมาแล้ว!

และตอนนี้นางโกรธจื่อหยางมากจริงๆ

แคลงใจในบัญญัติบรรพชนแดนศักดิ์สิทธิ์ ให้อภัยไม่ได้!

……

เมื่อเผชิญหน้ากับกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงที่แผ่มาจากตัวจางอวิ๋นซีแล้ว แม้จะไม่รู้สึกถึงจิตสังหาร แต่ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็ยังกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว มีสีหน้าหวาดกลัวแล้ว

เขารู้ถึงความน่ากลัวของโอรสธิดาสวรรค์สิบอันดับแรกในรายนามระดับแก่นพลังทองดี

โอรสธิดาสวรรค์สิบอันดับแรกในรายนามระดับแก่นพลังทองแห่งดินแดนบูรพาล้วนฝึกฝนกระบวนท่าสังหารลับน่าพรั่นพรึงกันทุกคน พวกเขาสามารถพลิกเอาชนะผู้สูงศักดิ์ได้ กระทั่งสังหารผู้สูงศักดิ์ที่ค่อนข้างอ่อนแอได้

แต่ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางไม่คาดคิดเลยว่าจางอวิ๋นซีจะแข็งแกร่งเช่นนี้!

นางอยู่แค่อันดับเก้าในรายนามระดับแก่นพลังทองจริงๆ หรือ

เหตุใดถึงรู้สึกว่าหลี่ฉางเกออันดับสิบเอ็ดแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกอยู่คนละชั้นกับนาง หรือว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ยัยหนูนี่จะแอบไปฝึกบำเพ็ญอย่างหนักที่ไหนมา

ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ถึงขั้นรับหมัดเดียวไม่ไหวหรอก!

“ช่างเถอะ ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้เจ้าจริงๆ”

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางถอนหายใจเบา “ขอให้ศิษย์พี่แสดงอำนาจด้วย!”

เอ่ยจบ ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็หยิบป้ายคำสั่งสีทองออกมาจากอกเสื้อช้าๆ

ป้ายคำสั่งนี้มีรูปร่างคล้ายกับป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในมือเสิ่นเทียนมาก เพียงแค่สีต่างกัน

แต่ระหว่างสองสิ่งมีความต่างในด้านเนื้อแท้จริงๆ

…..

ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในมือเสิ่นเทียนคือหลี่ชางหลันประทับทักษะวิถีกระบี่ของตนลงบนทองคำวิญญาณพิเศษ ใช้ลวดลายวิเศษควบคุม

เสิ่นเทียนต้องใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมากถึงจะกระตุ้นให้วิญญาณกระบี่มายาในป้ายคำสั่งออกโจมตีได้

ระดับความแกร่งของพลังโจมตีมีเพียงแค่ระดับดวงจิตดรุณช่วงต้น ก็พอจะใช้วิชากระบี่สร้างอำนาจคุกคามถึงช่วงกลางได้

แม้ป้ายคำสั่งนี้จะล้ำค่ามาก แต่มันก็แค่ของที่หลี่ชางหลันให้ไว้ปกป้องบุตรสาว

แต่ป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่ในมือผู้สูงศักดิ์จื่อหยาง นั่นคือผู้สูงศักดิ์กระบี่ธารนิรันดร์หลี่ชางหลันแปลงจิตต้นกำเนิดใส่ลงไปในนั้น

กล่าวได้ว่าหากพกป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่นี้ก็เหมือนหลี่ชางหลันมาด้วยตัวเอง นี่คือสัญลักษณ์ฐานะของหลี่ชางหลัน

ป้ายคำสั่งนี้มีเพียงหนึ่งเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะต้องใช้มันหาตำแหน่งป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ละก็ หลี่ชางหลันจะไม่ให้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางยืมใช้เด็ดขาด

…….

ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางรู้สึกว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางอวิ๋นซี เลยต้องเซ่นไหว้ป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่นี่ออกมา ก่อนจะเห็นป้ายคำสั่งสีทองนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ระเบิดปราณกระบี่เป็นพันเป็นหมื่นสายออกมาในพริบตา

ปราณกระบี่สีทองพวกนั้นรวมกันอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ รวมออกมาเป็นร่างเงาสูงใหญ่ เป็นบุรุษท่านหนึ่ง สวมชุดผ้าป่านสีขาว ข้างหลังแบกกระบี่หนักทั้งกว้างและใหญ่

เขายืนอยู่กลางอากาศด้วยความโอหัง แผ่กลิ่นอายพลังสูงใหญ่ดั่งขุนเขา

นี่คือผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในด้านวิถีกระบี่ที่แท้จริง ความรู้ในวิถีกระบี่มากพอจะสั่นสะเทือนแดนบูรพา

ทางด้านหลังที่แผ่มาจากตัวเขามีอำนาจคุกคามน่าสะพรึงของผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพ จนเมื่ออำนาจคุกคามนี้ลงมา แม้แต่จางอวิ๋นซียังไม่อาจต่อต้านได้เลย!

ถึงอย่างไรต่อให้เป็นธิดาสวรรค์สุดยอดหมายเลขหนึ่งในรายนามระดับแก่นพลังทองก็ไม่มีทางใช้พลังบำเพ็ญแก่นพลังทองเอาชนะระดับหลอมรวมเทพได้

ความต่างของสองฝ่ายมากเกินไป!

…….

ยามนี้ จางอวิ๋นซีรู้สึกถึงอำนาจคุกคามทรงพลังจากในป้ายคำสั่งสีทองนั้นแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สายฟ้าทั่วร่างแตกกระจายประหนึ่งเจอกับศัตรูตัวฉกาจ!

ทางด้านเสิ่นเทียนก้มหน้ามองป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่สีเงินในมือ

เห็นๆ อยู่ว่าตอนแรกเป็นอาวุธเทพบัตรทรู แต่เหตุใดจู่ๆ ถึงไม่น่าสนใจแล้วล่ะ!

………………………….………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 89 จู่ๆ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ก็ไม่น่าสนใจแล้ว

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 89 จู่ๆ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ก็ไม่น่าสนใจแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 89 จู่ๆ ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ก็ไม่น่าสนใจแล้ว
ตอนแรกเสิ่นเทียนคิดดีแล้วว่าจะตอบตกลงผู้สูงศักดิ์จื่อหยางไปก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสหนี แต่ไม่นึกเลยว่ายังไม่ทันสลัดปัญหาหลี่เหลียนเอ๋อร์ทิ้ง ก็มีปัญหาใหญ่กว่ามาอีก

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีบัญญัติบรรพชนบ้าบออะไรต้องยัดฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ให้ข้า แถมยังซื้อหนึ่งแถมสตรีศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่ง?

คราวนี้ พวกศิษย์แท้จริงแข็งแกร่งพวกนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่ริษยาข้าจนตายหรือ โอรสสวรรค์ที่ชอบจางอวิ๋นซีพวกนั้นจะไม่คิดกลอุบายร้อยแปดพันเก้ามาเล่นงานเขาตายหรือ

ตอนนี้ข้าระมัดระวังเช่นนี้ ยังโดนผู้สูงศักดิ์จื่อหยางข่มเหง

ถ้ารับจางอวิ๋นซีมา จะไม่ต้องถูกระดับหลอมรวมเทพล้อมสังหารทุกวินาทีเลยหรือ

เสิ่นเทียนพลันรู้สึกว่าเทียบกับการไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ความจริงแดนเทวาดาวประกายพรึกก็ดูปลอดภัยดี

คิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงพูดตรงๆ “ท่านเซียนอวิ๋นซีไม่ต้องเกรงใจ แม้ข้าจะหาบทต้องห้ามมาคืนแทนท่าน แต่ก็ไม่ได้คิดจะทวงบุญคุณ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นสำนักเซียนชั้นยอดของแดนบูรพา เสิ่นเทียนมีพลังบำเพ็ญต่ำเตี้ย ไม่มีคุณสมบัติรับฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ

ส่วนในบัญญัติบรรพชนอะไรนั่นที่ให้ท่านเซียนต้องแต่งงานกับข้า ถ้าท่านเซียนไม่ยินดีก็ไม่ต้องบังคับตัวเองหรอก เสิ่นเทียนมีใจใฝ่วิถีบำเพ็ญ สาบานไว้นานแล้วว่าหากไม่บรรลุระดับดวงจิตดรุณจะไม่มีคู่ครองเด็ดขาด ท่านเซียนไม่ต้องลำบากใจ!” เสิ่นเทียนพูดอย่างถูกต้องชอบธรรม ทุกคำพูดล้วนคิดแทนมุมมองของจางอวิ๋นซี

เมื่อฟังจบ จางอวิ๋นซีกำสองหมัดแน่น ซาบซึ้งใจจนหน้าดำมืด แต่คนอื่นในตำหนักไร้พรมแดนต่างสงสัยในชีวิตตัวเองมากกว่า

ปฏิเสธแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าองค์ชายสิบสามจะปฏิเสธ!

โชควาสนาเป็นเอกแห่งยุค ได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงหน้า เขากลับปฏิเสธ!

องค์ชายสิบสามท่านนี้ดวงซวยมานานหลายปีจนสมองติดเชื้อดวงอับโชคไปแล้วหรือ

นี่เป็นเรื่องดีที่เมื่อตอบตกลง สุสานบรรพบุรุษก็จะมีควันดำลอยโชยขึ้นมาทันทีเชียวนะ!

ฝ่าบาทท่านเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ ท่านพ่อท่านแม่ของท่านรู้หรือไม่

……

โครม!

ช่วงที่ทุกคนมุงดูไปพลางสงสัยในชีวิตไปพลางนั้น

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเดินกะเผลกออกมาจากกลางซากปรักหักพังพระราชวังที่ถล่มลงมา

ชุดนักพรตที่ตอนแรกสะอาดเรียบร้อยกลายเป็นสีดำสนิท เส้นผมยาวยุ่งเป็นกระเซิง ใบหน้าดำมีประกายสายฟ้าตลอดเวลา ยามอ้าปากฟันสองแถวดูขาวสะอาดเป็นพิเศษ

ตอนนี้ ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางจ้องจางอวิ๋นซีอย่างจริงจังพลางว่า “ที่แท้ก็สตรีศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นซี ท่านคงจะได้ยินคำพูดของสหายน้อยเสิ่นแล้ว ในเมื่อสหายน้อยเสิ่นกล่าวชัดเจนว่าท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ต้องปฏิบัติตามบัญญัติบรรพชน เช่นนั้นก็ขอให้ท่านอย่ายึดมั่นเลย

ให้ข้าพาสหายน้อยเสิ่นกลับแดนเทวาดาวประกายพรึก ไปพบกับศิษย์พี่ข้าเจ้ากระบี่ธารนิรันดร์ก่อนแล้วกัน!”

แม้จะเจ็บจากหมัดนั้นของจางอวิ๋นซีเมื่อครู่มาก ซัดจนผู้สูงศักดิ์จื่อหยางควันขึ้น แต่เขาใช่คนที่เกรงกลัวอำนาจแข็งแกร่ง กลัวตายอย่างนั้นหรือ

ในเมื่อศิษย์พี่สั่งให้ข้ามาพาสหายน้อยเสิ่นเทียนกลับไป ข้าก็จะต้องพาเขากลับไปให้ได้!

ถึงอย่างไรศิษย์พี่ก็น่ากลัวกว่า!

…………

จางอวิ๋นซีหันมามองจื่อหยางด้วยใบหน้าดำมืด

ตอนนี้ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวบนฟ้าชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ผู้อาวุโสตัวจ้อยแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกนี่คิดว่าบัญญัติบรรพชนแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้าคืออะไรกัน

ในเมื่อบรรพบุรุษแดนศักดิ์สิทธิ์กำหนดบัญญัติไว้แล้วว่าผู้มีวาสนาที่นำบทต้องห้ามกลับมาจะได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์และตบแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์

เช่นนั้นนั่นก็คือคำสัญญาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ต้องปฏิบัติตาม ต่อให้ข้าจะสำรวมมากกว่านี้ ก็จะทรยศฝ่ายไม่ได้!

“ผู้สูงศักดิ์จื่อหยาง เจ้าพูดเช่นนี้ หรือคิดจะแย่งบุตรศักดิ์สิทธิ์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ข้ากัน”

จางอวิ๋นซีระเบิดสายฟ้ารอบตัวท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคนในตำหนักไร้พรมแดน ก่อนจะมีลูกสายฟ้าสีทองตัดสลับเงินรวมขึ้นตรงกลางฝ่ามือขวานาง

บอลสายฟ้าหมุนวนไม่หยุด สายฟ้าเข้มข้นหดตัวลงกลางบอลสายฟ้า ลอยขึ้นแผ่กลิ่นอายพลังน่าสะพรึง

ใช่ นี่ก็คือกระบวนท่าสังหารในคัมภีร์ห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…กุมอัสนีธาตุทองลำดับเจ็ด

หลังปะปนกับส่วนของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าแล้ว พลานุภาพของวิชานี้ก็พุ่งทะยานสูงสุด!

กระทั่งจางอวิ๋นซียังเคยใช้ท่านี้สังหารผู้แข็งแกร่งระดับดวงจิตดรุณมาแล้ว!

และตอนนี้นางโกรธจื่อหยางมากจริงๆ

แคลงใจในบัญญัติบรรพชนแดนศักดิ์สิทธิ์ ให้อภัยไม่ได้!

……

เมื่อเผชิญหน้ากับกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงที่แผ่มาจากตัวจางอวิ๋นซีแล้ว แม้จะไม่รู้สึกถึงจิตสังหาร แต่ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็ยังกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว มีสีหน้าหวาดกลัวแล้ว

เขารู้ถึงความน่ากลัวของโอรสธิดาสวรรค์สิบอันดับแรกในรายนามระดับแก่นพลังทองดี

โอรสธิดาสวรรค์สิบอันดับแรกในรายนามระดับแก่นพลังทองแห่งดินแดนบูรพาล้วนฝึกฝนกระบวนท่าสังหารลับน่าพรั่นพรึงกันทุกคน พวกเขาสามารถพลิกเอาชนะผู้สูงศักดิ์ได้ กระทั่งสังหารผู้สูงศักดิ์ที่ค่อนข้างอ่อนแอได้

แต่ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางไม่คาดคิดเลยว่าจางอวิ๋นซีจะแข็งแกร่งเช่นนี้!

นางอยู่แค่อันดับเก้าในรายนามระดับแก่นพลังทองจริงๆ หรือ

เหตุใดถึงรู้สึกว่าหลี่ฉางเกออันดับสิบเอ็ดแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึกอยู่คนละชั้นกับนาง หรือว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ยัยหนูนี่จะแอบไปฝึกบำเพ็ญอย่างหนักที่ไหนมา

ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ถึงขั้นรับหมัดเดียวไม่ไหวหรอก!

“ช่างเถอะ ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้เจ้าจริงๆ”

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางถอนหายใจเบา “ขอให้ศิษย์พี่แสดงอำนาจด้วย!”

เอ่ยจบ ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางก็หยิบป้ายคำสั่งสีทองออกมาจากอกเสื้อช้าๆ

ป้ายคำสั่งนี้มีรูปร่างคล้ายกับป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในมือเสิ่นเทียนมาก เพียงแค่สีต่างกัน

แต่ระหว่างสองสิ่งมีความต่างในด้านเนื้อแท้จริงๆ

…..

ป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ในมือเสิ่นเทียนคือหลี่ชางหลันประทับทักษะวิถีกระบี่ของตนลงบนทองคำวิญญาณพิเศษ ใช้ลวดลายวิเศษควบคุม

เสิ่นเทียนต้องใช้ศิลาวิญญาณจำนวนมากถึงจะกระตุ้นให้วิญญาณกระบี่มายาในป้ายคำสั่งออกโจมตีได้

ระดับความแกร่งของพลังโจมตีมีเพียงแค่ระดับดวงจิตดรุณช่วงต้น ก็พอจะใช้วิชากระบี่สร้างอำนาจคุกคามถึงช่วงกลางได้

แม้ป้ายคำสั่งนี้จะล้ำค่ามาก แต่มันก็แค่ของที่หลี่ชางหลันให้ไว้ปกป้องบุตรสาว

แต่ป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่ในมือผู้สูงศักดิ์จื่อหยาง นั่นคือผู้สูงศักดิ์กระบี่ธารนิรันดร์หลี่ชางหลันแปลงจิตต้นกำเนิดใส่ลงไปในนั้น

กล่าวได้ว่าหากพกป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่นี้ก็เหมือนหลี่ชางหลันมาด้วยตัวเอง นี่คือสัญลักษณ์ฐานะของหลี่ชางหลัน

ป้ายคำสั่งนี้มีเพียงหนึ่งเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะต้องใช้มันหาตำแหน่งป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่ละก็ หลี่ชางหลันจะไม่ให้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางยืมใช้เด็ดขาด

…….

ตอนนี้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางรู้สึกว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางอวิ๋นซี เลยต้องเซ่นไหว้ป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่นี่ออกมา ก่อนจะเห็นป้ายคำสั่งสีทองนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ระเบิดปราณกระบี่เป็นพันเป็นหมื่นสายออกมาในพริบตา

ปราณกระบี่สีทองพวกนั้นรวมกันอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ รวมออกมาเป็นร่างเงาสูงใหญ่ เป็นบุรุษท่านหนึ่ง สวมชุดผ้าป่านสีขาว ข้างหลังแบกกระบี่หนักทั้งกว้างและใหญ่

เขายืนอยู่กลางอากาศด้วยความโอหัง แผ่กลิ่นอายพลังสูงใหญ่ดั่งขุนเขา

นี่คือผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในด้านวิถีกระบี่ที่แท้จริง ความรู้ในวิถีกระบี่มากพอจะสั่นสะเทือนแดนบูรพา

ทางด้านหลังที่แผ่มาจากตัวเขามีอำนาจคุกคามน่าสะพรึงของผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพ จนเมื่ออำนาจคุกคามนี้ลงมา แม้แต่จางอวิ๋นซียังไม่อาจต่อต้านได้เลย!

ถึงอย่างไรต่อให้เป็นธิดาสวรรค์สุดยอดหมายเลขหนึ่งในรายนามระดับแก่นพลังทองก็ไม่มีทางใช้พลังบำเพ็ญแก่นพลังทองเอาชนะระดับหลอมรวมเทพได้

ความต่างของสองฝ่ายมากเกินไป!

…….

ยามนี้ จางอวิ๋นซีรู้สึกถึงอำนาจคุกคามทรงพลังจากในป้ายคำสั่งสีทองนั้นแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สายฟ้าทั่วร่างแตกกระจายประหนึ่งเจอกับศัตรูตัวฉกาจ!

ทางด้านเสิ่นเทียนก้มหน้ามองป้ายคำสั่งเจ้ากระบี่สีเงินในมือ

เห็นๆ อยู่ว่าตอนแรกเป็นอาวุธเทพบัตรทรู แต่เหตุใดจู่ๆ ถึงไม่น่าสนใจแล้วล่ะ!

………………………….………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+