บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 493 ห้าดินแดนเปลี่ยนไป เหล่าโอรสสวรรค์กู่ก้อง!

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 493 ห้าดินแดนเปลี่ยนไป เหล่าโอรสสวรรค์กู่ก้อง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 493 ห้าดินแดนเปลี่ยนไป เหล่าโอรสสวรรค์กู่ก้อง!

เสิ่นเทียนเหยียบอากาศลงมาช้าๆ

พลังบำเพ็ญหลอมกายเทพมารทะลวงเคราะห์เกิดดับแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกว่าพละกำลังกายเนื้อมากมายมหาศาล

ตอนนี้ระดับความแกร่งของกายเนื้อเหมือนทองคำเซียนนอกฟ้า แข็งแกร่งทนทาน

ต่อให้เป็นผู้โดดเด่นในเซียนแท้ แค่ระดับความแกร่งของกายเนื้อก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้

ครั้งนี้ได้ประโยชน์ไปอย่างมาก!

เสิ่นเทียนเบนสายไปมองเสิ่นเสี่ยว

พบว่าเสิ่นเสี่ยวเปล่งแสงเทพสว่างจ้า แสงเทพวนเวียน พลังโอ่อ่ายิ่งใหญ่

กายเนื้อนางศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนหยกขาวไขมันแพะ เหนือธรรมดา

ขณะเดียวกันกลิ่นอายพลังของเสิ่นเสี่ยวยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางทะลวงระดับสร้างฐาน พลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ความเร็วเช่นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ

ต้องรู้ว่าเมื่อหลายวันก่อนเสิ่นเสี่ยวยังเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีพลังวิญญาณใดๆ เลย

ภายใต้การเสริมด้วยโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้ากับคัมภีร์บรรพชนคบเพลิง พลังบำเพ็ญนางจึงเพิ่มขึ้นอย่างเร็วจนน่ากลัว

ไม่ใช่แค่นั้น เสิ่นเสี่ยวยังฝึกคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้ากับคัมภีร์บรรพชนคบเพลิงสองวิชาสูงสุด

ดังนั้น นางจึงแผ่พลังเบิกฟ้าอันลี้ลับออกมา มากมายมหาศาล

นั่นคือการผสมกันระหว่างคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้ากับคัมภีร์บรรพชนคบเพลิง จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น

เพียงแต่ว่าพลังนี้ต่างกับเสิ่นเทียน

ถึงอย่างไรเสิ่นเทียนก็มีกายเบิกฟ้าสวรรค์ประทาน จึงฝึกคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้าได้ถึงจุดสูงสุดนานแล้ว

แต่เสิ่นเสี่ยวเป็นเพียงกายธรรมดา แม้จะผ่านการปรับแก้จากโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าก็ยังไปไม่ถึง

แต่เสิ่นเทียนไม่สนใจ เขากลับมีสีหน้าดีใจต่างหาก เพราะเขาพบปราณเบิกฟ้าในกายเสิ่นเสี่ยว ด้วยการเสริมจากวิชาสูงสุดทั้งสอง จึงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ปราณเบิกฟ้าจากเส้นเดียวในตอนแรกเติบโตมาเป็นหนึ่งก้อน ทั้งยังยกระดับขึ้นเรื่อยๆ

นี่คือผลมหัศจรรย์ที่มากับคัมภีร์บรรพชนคบเพลิง

หากให้เวลานางมากพอ หากเสิ่นเสี่ยวฝึกวิชาสูงสุดนี้จนชำนาญ บางทีอาจจะเดินบนเส้นทางของนางเองได้

ถึงอย่างไรคัมภีร์โบราณสองวิชานี้ก็มีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด!

……

ตอนนี้เสิ่นเสี่ยวตื่นขึ้นมาช้าๆ

นัยน์ตานางขยับประกายสับสนเสี้ยวหนึ่ง

จากนั้นนางเพ่งสายตามองเสิ่นเทียน พลันเผยรอยยิ้ม

เสิ่นเสี่ยวเอ่ยขึ้น “อาจารย์ ข้ารู้สึกว่ามีกระแสอุ่นอยู่ในกาย”

เสิ่นเทียนยิ้ม “นี่คือพลังวิญญาณ ทำให้เจ้าแกร่งขึ้นได้!”

เขาอธิบายความรู้ในการบำเพ็ญให้เสิ่นเสี่ยวฟังง่ายๆ ช่วยนางฝึกฝน

เสิ่นเสี่ยวมีสีหน้าดีใจใหญ่ กำหมัดเล็กแน่น “เสี่ยวเสี่ยวจะตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ภายภาคหน้าจะปกป้องอาจารย์เอง!”

เสิ่นเทียนยิ้มพลางลูบศีรษะนาง “ไปเถอะ เราออกจากที่นี่กันก่อน!”

เสิ่นเสี่ยวพยักหน้า ก่อนสองคนจะออกไปพร้อมกัน

……

สองคนพุ่งทะยานในทะเลอุดรไปเรื่อยๆ หมายจะตามหาขุมอำนาจห้าดินแดน

ระหว่างทางเจอวิญญาณร้ายออกอาละวาดตลอด ทุกที่มีแต่ควันไฟพวยพุ่ง ไฟสงครามดังสนั่นฟ้า การเข่นฆ่ามีให้เห็นทุกที่ ศพนอนเกลื่อนกลาด ชาวโลกไม่สงบสุข

เผ่าวิญญาณร้ายรุกรานมาครั้งใหญ่ สังหารสิ่งมีชีวิตห้าดินแดนไม่หยุดหย่อน

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนกับเสิ่นเสี่ยวมีสีหน้าเย็นชาขึ้น เลือดในกายพวกเขากำลังเดือดพล่าน เพลิงโทสะพุ่งขึ้นฟ้า

เผ่าวิญญาณร้ายไม่มีความเป็นมนุษย์ที่กล่าวได้เลย แม้แต่เด็กเล็กคนธรรมดายังไม่ละเว้น ทำให้หลายพื้นที่กลายเป็นแดนมรณะ

เสิ่นเทียนเดินทางไปพลางสังหารไปพลาง สังหารเผ่าวิญญาณร้ายไปนับไม่หวาดไม่ไหว

แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ในใจเสิ่นเทียนยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย

แม้ที่นี่จะถูกเผ่าวิญญาณร้ายรุกราน แต่ก็ยังมีผู้บำเพ็ญห้าดินแดน ทว่าในผู้บำเพ็ญพวกนี้ ไม่มีคนที่เสิ่นเทียนคุ้นตาเลย กระทั่งมรดกส่วนใหญ่ ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน

เสิ่นเทียนดวงตาวาววับ พูดงึมงำกับตัวเอง “ข้าข้ามมิติมากี่ปีกันแน่ หรือว่าสหายเก่าในอดีตพวกนั้นจะสิ้นชีพไปกันหมดแล้ว”

เสิ่นเทียนมีสีหน้าสงสัย ไม่เข้าใจจริงๆ

ที่นี่แปลกตามาก ไม่มีความรู้สึกร่วมกันเลย

เขาว่าจะไปดูที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ว่าจะเจอเบาะแสบ้างหรือไม่

…..

ตอนนี้เอง พลันปรากฏม่านสีดำยักษ์ลอยขึ้นมาตรงหน้า บดบังฟ้าบังดวงตะวัน

กลิ่นอายชั่วร้ายพุ่งขึ้นเส้นขอบฟ้า ปกคลุมเขตแดนนี้ไว้ทั้งหมด

หมอกดำลึกล้ำยิ่ง กลิ่นอายชั่วร้ายน่าสะพรึงถึงจิตใจคน

ใต้หมอกดำเป็นเมืองแห่งหนึ่ง เพียงแต่ตอนนี้เมืองเล็กไม่มีพลังชีวิตเลย ศพนอนเกลื่อนกลาด โลหิตไหลเป็นสายน้ำ

ที่นี่น่ากลัวยิ่งนัก เหมือนขุมนรกอยู่ทุกที่ ทำให้คนขนพองสยองเกล้า

เสิ่นเทียนเผยดวงตาเย็นชา ทำเสียงขึ้นจมูก “เผ่าวิญญาณร้ายอีกแล้ว! ยังเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอดเผ่าวิญญาณร้ายออกมืออีก!”

กลิ่นอายพลังนั้นน่ารังเกียจยิ่ง ไปถึงระดับเตรียมเซียนแล้ว

บึ้ม!

เกิดเสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าดิน

เสียงโกรธแค้นดังมาจากหมอกดำ “เดรัจฉาน แม้แต่คนธรรมดายังไม่ละเว้น!”

จากนั้นเป็นเสียงแหบแห้งแหลมเล็กดังขึ้น “เคี๊ยกๆ เอ๋าเลี่ย ข้ารู้ว่าเจ้าจะมา เจ้าทำลายแผนการใหญ่เผ่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ข้ามาหลายครั้งแล้ว เก็บเจ้าไว้ไม่ได้!

วันนี้ข้าจะกระชากวิญญาณเจ้ามาเซ่นไหว้ท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”

พลังบ้าคลั่งยิ่งแผ่มาจากหมอกชั่วร้าย สองคนปะทะกัน พลานุภาพพุ่งขึ้นฟ้าเก้าชั้น

เสิ่นเทียนเพ่งสายตามองเล็กน้อย ประกายเทพในดวงตาขยับวาววับ

เขาปลุกเนตรมรรคสวรรค์ประทานมองทะลุความว่างเปล่า พบว่าในหมอกชั่วร้ายมีสองร่างเงากำลังต่อสู้กันไม่หยุด

หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมเทา ถูกปราณชั่วร้ายปกคลุม เห็นได้ชัดว่าเป็นเตรียมเซียนเผ่าวิญญาณร้าย

กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่ไม่ขาดสาย เคลื่อนปราณชั่วร้ายไม่มีสิ้นสุดมาปกคลุมฟ้าบังดวงตะวัน

และตรงหน้าเขาเป็นบุรุษที่ถูกเรียกว่าเอ๋าเลี่ย

เขาสวมชุดนักรบเกราะมังกร มือถือทวนเทพมังกรเก้าทิศ พลังสั่นสะเทือนแปดทิศ

เอ๋าเลี่ยยืนกลางฟ้าดิน ทำให้หมื่นกฎเกณฑ์โหมซัดสาด ห้วงอากาศปั่นป่วน

เขาเหมือนราชานักรบที่สุดแห่งยุค ใช้กำลังปราบเหล่าเทพยดา องอาจห้าวหาญที่สุด

…..

เสิ่นเทียนตาเป็นประกาย

เขารู้สึกว่าเอ๋าเลี่ยมีพลังบำเพ็ญแค่มหาอริยะสิบด่านเคราะห์

พลังบำเพ็ญสิบด่านเคราะห์ยังกล้าสู้กับเตรียมเซียนวิญญาณร้าย

หรือว่านี่จะเป็นโอรสสวรรค์สุดยอดที่ผงาดขึ้นในยุคหลังกัน

และในตอนนี้สองคนสู้กันแล้ว

“ฆ่า!”

เอ๋าเลี่ยคำรามเสียงเบา ยกทวนเทพมังกรเก้าทิศแทงไปข้างหน้า พริบตานั้นอำนาจเทพน่ากลัวหมุนม้วนออกไป

เกล็ดน้ำแข็งมากมายหมุนตลบ พลานุภาพโหมซัดสาดไปสามพันลี้

เอ๋าเลี่ยควงทวนยาว ลำแสงทวนปกคลุมโลก ยิงแสงเทพน่าพรั่นพรึงทะลวงฟ้าจักรวาล

ทว่าเตรียมเซียนวิญญาณร้ายมีสีหน้าเฉยชา ก่อนโบกมือตบไปทีหนึ่ง

ปราณชั่วร้ายมากมายรวมเป็นมือชั่วร้ายบังฟ้า ตบฟ้าดินแห่งนี้แตก ทำให้ลำแสงทวนมอดดับ

“ทวนออกมังกรเวียนว่าย!”

เอ๋าเลี่ยทำเสียงขึ้นจมูกเย็นชา เขาพุ่งขึ้น ปลายทวนยิงอานุภาพเทพไร้ขอบเขต

ทวนยาวเหมือนมังกรพุ่งขึ้นฟ้าเก้าชั้น

ทำให้ฟ้าดินพลิกกลับตาม

พริบตานั้นเตรียมเซียนวิญญาณร้ายถูกเขาทะลวง หน้าอกแตกเป็นรูยักษ์ ปราณชั่วร้ายกระจายไปรอบๆ

ตอนนี้เองห้วงมิติไหลหลาก มีเตรียมเซียนวิญญาณร้ายอีกตนก้าวออกมา จู่โจมเอ๋าเลี่ยจากข้างหลัง

บึ้ม!

เอ๋าเลี่ยกระเด็นถอยไป โลหิตไหลจากมุมปาก

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายหัวเราะเยาะ “สังหารโอรสสวรรค์คนหนึ่งเท่ากับสังเวยโลหิตสิ่งมีชีวิตมากมาย!”

เขากำหมัดขวา ดาบโลหิตลอยขึ้นมาเล่มหนึ่ง สีแดงฉานแสบตา เต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย

นี่คืออาวุธเซียนชั่วร้าย หลอมขึ้นจากชีวิตคน ชั่วร้ายถึงที่สุด

เตรียมเซียนตนนี้กวัดแกว่งดาบชั่วร้าย ปะทะกับเอ๋าเลี่ยคนนั้น

ขณะเดียวกัน เตรียมเซียนวิญญาณร้ายอีกตนปิดล้อมเข้ามา ร่วมมือกันจู่โจม

แก๊ง!

ดาบและกระบี่ตัดสลับ สะเก็ดไฟแตกกระเซ็น

แม้เอ๋าเลี่ยจะมีกำลังรบแข็งแกร่ง แต่รับมือกับเตรียมเซียนวิญญาณร้ายสองตนก็ยังลำบาก

เพียงชั่วครู่ก็ถูกโจมตีถอยไปไม่หยุด

“ตายเสียเถอะ!”

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายควงดาบใหญ่ หมายจะฟันเขาเป็นสองส่วน

กรรซ์!

ตอนนี้เองเสียงมังกรดังสนั่นฟ้า

เอ๋าเลี่ยกลายเป็นมังกรดำหมื่นจั้งพุ่งขึ้นฟ้า อานุภาพน่าพรั่นพรึง

เขาควงกรงเล็บมังกรแหลมคม ฉีกห้วงอากาศ จู่โจมใส่เตรียมเซียนวิญญาณร้ายอย่างฉับพลัน

บึ้ม!

เพียงพริบตาเดียว ท้องนภาแตกกระจาย

กรงเล็บมังกรยักษ์บดบังดวงตะวัน ทำลายล้างทุกสิ่งอย่าง ถึงขนาดฉีกเลือดเนื้อหน้าอกเตรียมเซียนวิญญาณร้าย โลหิตอาบชุ่ม

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนตาเป็นประกายเล็กน้อย

เอ๋าเลี่ย เป็นเผ่ามังกรดำ หรือว่าจะเป็นชนรุ่นหลังที่โชคดีรอดมาจากเกาะมังกรดำ

จากนั้นเสิ่นเทียนก็พบว่าเอ๋าเลี่ยไม่ใช่แค่เผ่ามังกรดำ สายเลือดมังกรในกายเขาสำเร็จถึงมังกรดำระดับสิบสอง!

นี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ!

ต้องรู้ว่าสายเลือดที่แกร่งที่สุดของเกาะมังกรดำในตอนนั้นก็แค่มังกรดำระดับเก้า แน่นอนนี่ไม่รวมกายเทพมังกรของเสิ่นเทียน

กายเทพมังกรเหนือเกินกว่าที่สายเลือดมังกรดำระดับสิบสองจะเทียบได้

แต่นอกจากนี้ คุณสมบัติกายของเอ๋าเลี่ยเหนือกว่าอัจฉริยะทุกคนในเกาะมังกรดำตอนนั้น

……

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า “สมควรตาย กล้าทำร้ายร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ข้า! ตายเสียเถอะ!”

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายเผยหน้าตาดุร้าย กำดาบโลหิตวางตรงบาดแผล ย้อมเลือดชั่วร้าย

ทันใดนั้นแสงโลหิตพุ่งขึ้น น่าสะพรึงถึงจิตวิญญาณ ยิงพลังน่ากลัวยิ่งออกมา

พลังเลือดลมวนเวียนฟ้าเก้าชั้น ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายระเบิดพลัง รอบกายมีปรากฏการณ์น่ากลัวลอยขึ้น ทำให้คนหนาวสั่น

ขณะเดียวกัน เตรียมเซียนวิญญาณร้ายอีกตนยังกระตุ้นวิชาชั่วร้าย อัญเชิญมารร้ายมากมายพุ่งเข้ามา

เอ๋าเลี่ยหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ได้แต่ต้านไว้

สามคนพลันปะทะกันอย่างดุเดือด สู้กันหลายพันกระบวนท่า พลังน่ากลัวทำให้ห้วงอากาศแตกกระจาย

สุดท้ายเอ๋าเลี่ยต้านไม่ไหวถูกจู่โจมถอยไป เลือดนองพันลี้

เขาหน้าซีดขาว กัดฟันแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยอม

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายสองตนนั้นก้าวเข้ามา พูดยิ้มเยาะ “จบแล้ว!”

พวกมันง้างดาบโลหิต เตรียมจะปลิดชีพเอ๋าเลี่ย

…..

โลกภายนอก เสิ่นเทียนเห็นภาพนี้พอดี

เขาหมุนตัวกลับมาพูดกับเสิ่นเสี่ยว “เสี่ยวเสี่ยว รอข้าอยู่ที่นี่!”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนสะบัดแขนเสื้อเบาๆ ปราณเบิกฟ้าหมุนม้วนออกไปปกป้องเสิ่นเสี่ยว

จากนั้นเขาพุ่งขึ้นเข้าไปในหมอกดำ

ถึงอย่างไรเอ๋าเลี่ยก็เป็นเผ่ามังกรดำ และเสิ่นเทียนมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเผ่ามังกรดำ ย่อมต้องออกมือช่วย

ขณะเดียวกันเขายังอยากรู้สถานการณ์ของห้าดินแดนด้วย

เอ๋าเลี่ยมีศักยภาพใช้ได้ น่าจะรู้เรื่องอะไรไม่น้อย

เสิ่นเทียนเหยียบสายรุ้งเทพ พลันมาปรากฏตัวตรงหน้าเอ๋าเลี่ย

ความเร็วน่ากลัวทำให้เตรียมเซียนวิญญาณร้ายสองตนถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อย

“เจ้าเป็นใคร”

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายสองตนสีหน้าจริงจังเล็กน้อย เผยสีหน้าหวาดระแวง

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนปรากฏ เอ๋าเลี่ยทำหน้าอึ้งไป ก่อนจะพูดเตือน “สหายระวัง เจ้าสองคนนี้โหด”

เอ๋าเลี่ยไม่รู้ว่าเสิ่นเทียนมีกำลังรบแข็งแกร่งเพียงใด

แต่ในภาพจำเขา ผู้แข็งแกร่งสุดยอดของทะเลอุดรเหมือนจะไม่มีคนนี้

“ใครจะสนว่าเจ้าเป็นใคร ตายไปพร้อมกันเถอะ!”

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายตนหนึ่งทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะง้างดาบโลหิตฟันใส่เสิ่นเทียน

เสิ่นเทียนหน้าไม่เปลี่ยนสีไป เขายกมือขวาขึ้นช้าๆ ชกไปข้างหน้า

ฟ้าตกดินยุบ ห้วงอากาศดับสลาย

แสงดารามากมายวนเวียนในลำแสงหมัดเสิ่นเทียน พลังทำลายล้างทุกสิ่งกดลงมาอย่างเหี้ยมโหด

การโจมตีนี้ ถึงขั้นสังหารเซียนแท้ที่อ่อนแอได้สบาย

วิญญาณร้ายตนนั้นเผยแววตาตื่นกลัว ตั้งตัวไม่ทันเลย

พริบตานั้น ทั้งตัวเขาและดาบถูกเสิ่นเทียนชกแหลกเป็นผุยผง ดับสลายไปทั้งหมด

“เอ่อ…”

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายอีกตนส่งเสียงร้องตกใจกลัว หน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมาก ตื่นกลัวแทบปริแตก

เขาไม่นึกเลยว่าคนนี้จะมีพละกำลังน่ากลัวเช่นนี้

สังหารสหายของเขาได้ง่ายดาย

‘หนี!’

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายเกิดความคิดขึ้นในใจ คือหนีไปเดี๋ยวนี้

คนนี้น่ากลัวเกินไป เป็นศัตรูด้วยไม่ได้เลย

เขาพุ่งขึ้น หมอกชั่วร้ายในกายระเบิดกระจาย ก่อนจะหนีไปนอกฟ้า

เตรียมเซียนวิญญาณร้ายตื่นกลัวอย่างยิ่ง ถึงขั้นไม่เสียดายใช้ต้นกำเนิดพลัง จะหนีไปจากที่นี่

ทว่าเสิ่นเทียนไม่ให้โอกาสเขาเลย

เขาเอ่ยราบเรียบ เสียงเหมือนเสียงลี้ลับสวรรค์ มองชาวโลกด้วยความเฉยเมย

“ดับ!”

คำเดียว ท้องนภาเปลี่ยนไป

กฎเกณฑ์มากมายรวมกันเป็นค่ายกลสังหารเต็มฟ้า อานุภาพพุ่งขึ้นนภา

พลังฟ้าดินยิ่งใหญ่ม้วนออกมาพันธนาการวิญญาณร้ายไว้

นี่คือพลังของเขตแดนฟ้าดิน ยิ่งใหญ่ไม่อาจคาดเดา

กฎเกณฑ์มากมายตกลงมา กลายเป็นอาวุธเทพแหลมคมพลันทะลวงเตรียมเซียนวิญญาณร้าย

เพียงลมหายใจเดียว กายเนื้อเตรียมเซียนวิญญาณร้ายนั้นถูกระเบิดกระจาย กลายเป็นหมอกโลหิต แม้แต่วิญญาณยังสลายตามไป

……

เอ๋าเลี่ยดวงตาเหม่อลอย ตะลึงค้างอยู่กับที่

“บ้าจริง…สหายคนนี้จะโหดไปหน่อยกระมัง!”

เขาหลุดเสียงร้องตกใจ จิตใจสั่นสะท้านอย่างยิ่ง

เอ๋าเลี่ยไม่เคยเห็นใครสังหารเตรียมเซียนได้ง่ายดายเช่นนี้มาก่อน

นี่ไม่ใช่ผักกาดขาวข้างถนน นี่ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอด!

ปรากฏว่าตายไปเช่นนี้รึ

น่ากลัวยิ่งนัก น่ากลัวรึเกิน!

…..

เสิ่นเทียนหมุนตัวกลับมาช้าๆ มองเอ๋าเลี่ย “เจ้ามาจากที่ใด”

เขาอยากรู้ว่าเอ๋าเลี่ยใช่ชนรุ่นหลังเกาะมังกรดำหรือไม่

ขุมอำนาจพวกนั้นในอดีตยังมีผู้เหลือรอดหรือไม่

ทว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าเสิ่นเทียน เอ๋าเลี่ยเผยแววตาตกใจ

เขาไม่เคยเห็นบุรุษรูปงามเช่นนี้มาก่อน เหมือนเซียนนอกฟ้า ท่วงท่าสง่างามที่สุด

“เอ่อ…สหาย! ข้ามีนามว่าเอ๋าเลี่ย เป็นองค์รัชทายาทของตำหนักเทพมังกร”

เอ๋าเลี่ยตั้งสติกลับมาได้ก็รีบอธิบาย

เสิ่นเทียนมีสีหน้าจริงจัง เกิดความสงสัยในใจ

ตำหนักเทพมังกรรึ เหตุใดถึงไม่ใช่เกาะมังกรดำ

หรือว่าเกาะมังกรดำจะถูกทำลายไปแล้วในอนาคต

เวลานี้ จิตใจเสิ่นเทียนหนักอึ้งขึ้น

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้ห้าดินแดนเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

แต่การเดินทางครั้งนี้เสิ่นเทียนต้องหาสาเหตุให้พบ เปลี่ยนแปลงเท่าที่เป็นไปได้

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าสงสัย เอ๋าเลี่ยก็เกาศีรษะ

“สหาย หรือว่าไม่รู้จักตำหนักเทพมังกรกัน”

ตำหนักเทพมังกรเป็นขุมอำนาจที่แกร่งที่สุดของทะเลอุดร มีชื่อเสียงเลื่องลือห้าดินแดน

เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีใครไม่รู้จัก

เสิ่นเทียนส่ายหน้าช้าๆ ครุ่นคิดอยู่ในใจ

เอ๋าเลี่ยยิ้มแหยๆ ถูๆ จมูก “ไม่รู้ว่าสหายมีนามว่าอะไร”

“เสิ่น…เสิ่นหยวน!”

เสิ่นเทียนชะงักไป เดิมทีเขาอยากบอกนามจริง

แต่ตอนนี้เอง กระจกคุนหลุนเกิดปฏิกิริยาขึ้น

การข้ามอดีตปัจจุบันและอนาคต จะบอกนามแท้ไม่ได้

ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดกรรมติดตัว เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดา

ดังนั้นเสิ่นเทียนถึงคิดนามปลอมขึ้นมาง่ายๆ

อืม

หยวน ก็คือตัดขีดหนึ่งจากคำว่าเทียนออกไป

“เสิ่นหยวนรึ”

เอ๋าเลี่ยเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่เคยได้ยินนามนี้มาก่อน

แต่ดูจากอายุของเสิ่นเทียนก็น่าจะพอๆ กับเขา

หรือว่าจะเป็นอัจฉริยะที่สุดแห่งยุคที่เก็บตัวลับจากขุมอำนาจใหญ่บางแห่ง

พอนึกถึงตรงนี้ เอ๋าเลี่ยก็กระตือรือร้นขึ้นมา

เขายิ้มสบายๆ “สหายเสิ่นหยวน เจ้ามีศักยภาพแกร่งขนาดนี้ ก็คงไปร่วมการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ดินแดนกลางด้วยสิ”

เสิ่นเทียนถาม “การประลองใหญ่โอรสสวรรค์รึ”

เอ๋าเลี่ยอึ้งไปเล็กน้อย “เจ้าไม่รู้รึ”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า สื่อว่าไม่รู้

เอ๋าเลี่ยมีสีหน้าตกใจระคนมึนงง ยากจะเชื่อได้

ไม่กระมัง!

ห้าดินแดนยังมีคนไม่รู้จักการประลองใหญ่โอรสสวรรค์อีกรึ

หรือว่าคนนี้จะมาจากร่องหุบเขาบางแห่งจริงๆ

…..

จากนั้นเอ๋าเลี่ยก็ตั้งสติกลับมาได้

เสิ่นเทียนไม่เข้าใจเรื่องห้าดินแดน เห็นได้ชัดว่าไม่เคยข้องเกี่ยวมาก่อน อีกทั้งสุดยอดโอรสสวรรค์ห้าดินแดนเอ๋าเลี่ยยังรู้ทุกอย่าง แต่ไม่เคยได้ยินนามเสิ่นหยวนมาก่อน

บางทีสหายเสิ่นหยวนอาจจะเพิ่งออกมาทางโลกได้ไม่นานจริงๆ

เอ๋าเลี่ยอธิบาย “แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ในดินแดนกลางจัดการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ขึ้น เชิญโอรสสวรรค์ทั้งหมดในห้าดินแดนไป ด้านหนึ่งเป็นการประลองแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกันยังเป็นการศึกษาว่าจะต้านการรุกรานจากวิญญาณร้ายอย่างไร

เรื่องนี้ดังไปทั้งห้าดินแดนแล้ว โอรสสวรรค์มากมายออกเดินทางกันไป เพราะว่าครั้งนี้อาจจะปรากฏโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคมากมาย ทุกคนร่วมกันประลอง ตัดสินสูงต่ำกัน!”

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นพลันตื่นเต้นขึ้นมา

“โอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคมีใครบ้าง”

เขาอยากดูว่าจะได้พบชนรุ่นหลังของสหายเก่าในตอนนั้นหรือไม่

เอ๋าเลี่ยยิ้ม “ครั้งนี้มีพวกบ้าโผล่กันมาเยอะเลย อย่างเช่นบุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาเซิ่งหยางสวี ฝึกวิชามิติถึงระดับสูงสุดนานแล้ว

เล่าลือว่าตอนเขากำเนิด มือถือกระจกโบราณสุญญะมาด้วย สิ่งนี้เป็นยอดอาวุธสูงสุด คุมมิติฟ้าดินได้ ทำลายล้างเขตแดนเป็นพันเป็นหมื่นลี้

และยังมีบุตรผู้มีดวงตาซ้อนทับจากตระกูลขุนนางโบราณ เซี่ยงฉงโหลว เขามีดวงตาซ้อนทับสวรรค์ประทาน เป็นยอดผู้สูงส่งมาแต่กำเนิด ตระหนักแสงเนตรล้างโลก คนนี้กำเนิดมาก็มีภาพลักษณ์ของผู้อริยะแล้ว

และยังมีเจียงไท่อี่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ตระหนักวิชาจักรพรรดิอัสนีมาแต่กำเนิด คุมอัสนีเทพฟ้าดินได้ เล่าลือว่ามารดาเขาเหยียบรอยเท้าสัตว์ยักษ์บึงน้ำอัสนีและคลอดเขาออกมา วันคลอด สายฟ้าเทพสวรรค์แผ่ไปเก้าหมื่นลี้ เหมือนจาริกแสวงบุญ

นอกจากนี้ วังมายาหยกยังปรากฏอวี้สวีจื่อที่มีกายมรรคสวรรค์ประทาน ได้รับขนานนามว่าผู้ชำนาญวิชาเก้าส่วนของโลกนี้ พวกนี้คือโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ที่มีชื่อเสียงในห้าดินแดน มีศักยภาพแข็งแกร่งมาก”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เอ๋าเลี่ยปลงอนิจจังในใจอย่างยิ่ง

เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งมาตลอด มีจำนวนเยอะ ย่อมกำเนิดสุดยอดโอรสสวรรค์ได้มากมาย

แต่จากนั้นเอ๋าเลี่ยก็พูดช่วยเผ่าอสูรบ้าง

เขาพูดด้วยความภูมิใจ “นอกจากโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์แล้ว เผ่าพันธุ์อื่นก็มีผู้แข็งแกร่งเช่นกัน อย่างเช่นเสี่ยวคุนเผิงที่มีสองปีกหยินหยางมาแต่กำเนิด เล่าลือว่าเป็นชนรุ่นหลังของสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์

และยังมีหวงจิ่วเทียนจากเผ่าหงส์อมตะ ได้ยินว่าเป็นหงส์เทพเก้าสวรรค์กลับชาติมาเกิด…”

เอ๋าเลี่ยยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น ดวงตาเปล่งประกายแสง

พอนึกได้ว่าจะได้ประลองกับสุดยอดโอรสสวรรค์พวกนี้ เขาก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง

……

คำพูดของเอ๋าเลี่ยทำให้เสิ่นเทียนตกใจเล็กน้อย

ในมนุษย์พวกนี้ เขาไม่เคยได้ยินนามมาก่อนเลย

แต่ก็มีขุมอำนาจคุ้นหูบ้าง ทำให้เสิ่นเทียนสนใจขึ้นมา

อย่างเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์ท้องนภากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ นี่คือยุคสมัยของเขา

หรือว่ายังไม่สูญสิ้น ยังเหลือมรดกในตอนนั้นไว้

บางทีเสิ่นเทียนอาจจะหาคนรู้จักเก่าในตอนนั้นพบจากการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ครั้งนี้

ตอนนี้เขาสนใจการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ขึ้นมาแล้ว

เสิ่นเทียนถาม “การประลองใหญ่โอรสสวรรค์จัดที่ใด”

เอ๋าเลี่ยตอบกลับ “ยอดเขาประตูสวรรค์ดินแดนกลาง! สหายเสิ่นหยวน พวกเรารีบไปกันเถอะ ไม่เช่นนั้นการประลองใหญ่โอรสสวรรค์จะเริ่มแล้ว”

เอ๋าเลี่ยเร่งรัด เหลืออีกไม่กี่วันจะเริ่มการประลองใหญ่โอรสสวรรค์แล้ว

เขาเดินทางมาครั้งนี้แค่สังหารวิญญาณร้ายก็เสียเวลาไปมากแล้ว

เสิ่นเทียนสะบัดแขนเสื้อออกเบาๆ แสงเทพฟ้าดินเวียนวน

ห้วงอากาศบิดเบี้ยว ฟ้าดินปรากฏอักขระเทพสว่างจ้าลอยขึ้น

อักขระพวกนี้เปล่งแสงสว่างแสบตา มาพร้อมพลังฟ้าดินยิ่งใหญ่ สร้างยอดค่ายกลเขตแดนสูงสุด

ไม่นานนักก็ปรากฏเส้นทางมิติยักษ์ตรงหน้าเขา

เอ๋าเลี่ยตะลึงค้าง จิตใจสั่นสะท้าน

เขาพบว่าเสิ่นเทียนมีความลับในตัวมากมายจริงๆ มากจนเขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าเสิ่นเทียนแข็งแกร่งเพียงใด

แค่โบกมือก็วางยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายเขตแดน

วิชาเช่นนี้ จะน่ากลัวไปหน่อยกระมัง!

……

เอ๋าเลี่ยปลงในใจอย่างยิ่ง

ศักยภาพของสหายเสิ่นหยวนเรียกได้ว่าบ้า

ไม่รู้ว่าเทียบกับปีศาจพวกนั้นแล้วใครจะแกร่งว่ากัน

การได้นั่งสนทนามรรคกับมนุษย์พวกนี้ แค่คิดก็ทำให้ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว!

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด