บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 205 ความจริงกระบี่นี่ก็กระหายเช่นกัน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 205 ความจริงกระบี่นี่ก็กระหายเช่นกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 205 ความจริงกระบี่นี่ก็กระหายเช่นกัน

เป็นนักรบมังกรผู้ทรงเกียรติหรือ

เขามักจะรู้สึกว่ามังกรสาวนี่กำลังแจกของอยู่ น่าเสียดายไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความจริง

เสิ่นเทียนมองร่างเงาหญิงมังกรตรงหน้า อยากถามมากว่าขี่นางหรือขี่โครงกระดูกนี่กันแน่

แต่เมื่อตรึกตรองอย่างปลอดภัยแล้ว เสิ่นเทียนก็ไม่ได้เชื่อหญิงมังกรนี่ง่ายๆ

เขามองหญิงมังกรชุดคลุมดำอย่างระแวงพลางเอ่ยเรียบนิ่ง “ได้ยินว่าเผ่ามังกรเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แกร่งที่สุดโอหังที่สุดในโลก จู่ๆ ผู้อาวุโสสัญญากับผู้เยาว์เช่นนี้ ทำให้ผู้เยาว์รู้สึกได้รับความเมตตาจนน่าตกใจ ไม่กล้าเชื่อเลย

ถ้าเกิดผู้เยาว์โชคดีได้รับการยอมรับจากกระบี่เทพและปล่อยผู้อาวุโส เกิดท่านฆ่าปิดปากข้าล่ะจะทำอย่างไร”

หญิงมังกรชุดคลุมดำหัวเราะเยาะ “ข้าคือองค์หญิงขั้นหนึ่งแห่งเกาะมังกรดำทะเลอุดรเมื่อหมื่นปีก่อน เผ่ามังกรดำทะเลอุดรของข้าพูดจามีน้ำหนัก จะไปผิดคำพูดได้อย่างไร!

หากเจ้าช่วยให้ข้าหลุดไปได้จริงๆ ข้าจะทำสัญญาเทพมังกรกับเจ้า มอบพลังแห่งเทพมังกรให้เจ้า ต้องรู้นะว่าหลายแสนปีมานี้ มีโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ผู้แข็งแกร่งที่ได้ทำสัญญาเทพมังกรกับเผ่าข้านับนิ้วได้เลย”

เสิ่นเทียนมองหญิงมังกรชุดคลุมดำเอ๋าปิงด้วยความสงสัย “ช่วยหนึ่งชีวิตก็ได้ทำสัญญามังกรเทพกับท่านเลยหรือ”

ขอพูดความจริง หากแค่ช่วยนางหนึ่งชีวิตก็ทำสัญญามังกรเทพได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่หลายแสนปีมานี้จะมีแค่จำนวนคนที่นับนิ้วมือได้ที่เป็นนักรบมังกรดำในตำนาน!

หญิงมังกรเอ๋าปิงพิจารณามองเสิ่นเทียนก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่!

สายเลือดเกาะมังกรดำแห่งทะเลอุดรมีสมบัติล้ำค่ามากมาย หากแค่ช่วยชาวเผ่าข้า ข้าย่อมมอบสมบัติล้ำค่าเป็นของตอบแทน มีเพียงผู้มีวาสนาทั้งใบหน้า เอกลักษณ์ พรสวรรค์และคุณธรรมครบถ้วนที่ช่วยชาวเผ่าข้าเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ได้รับการยอมรับจากเผ่าข้า และได้ทำสัญญามังกรเทพ!

ข้าว่าเจ้าอยู่ระดับสร้างฐานก็ต้านอำนาจมังกรขึ้นมาถึงหัวมังกรได้ แสดงว่าคุณสมบัติกับพรสวรรค์ไม่เลว อีกทั้งยังมีผู้คุ้มกันเยอะเช่นนี้ คงจะมีคุณธรรมไม่แย่เช่นกัน

ดังนั้นข้าจึงยินดีให้โอกาสเจ้าได้เป็นผู้ทำสัญญากับเผ่าข้า มอบเกียรติยศแห่งนักรบมังกรให้เจ้า! หากเป็นคนอัปลักษณ์ที่มีพรสวรรค์และคุณธรรมไม่ผ่าน ก็ไม่มีทางทำสัญญาได้!”

เสิ่นเทียนมองหญิงมังกรชุดคลุมดำ พลางรู้สึกว่านางพยายามพูดแต่สิ่งดีๆ

อะไรคือข้ามีพรสวรรค์ใช้ได้ คุณธรรมก็ไม่แย่ ดังนั้นเลยยินดีมอบโอกาสให้ข้า?

มั่นใจนะว่าไม่ใช่เพราะข้าหน้าตาเป็นเลิศ เอกลักษณ์เหนือธรรมดาถึงเกิดความพิศวาสอยากทำสัญญากับข้าน่ะ

แต่ว่านี่ก็มีเหตุผลมากจริงๆ ถึงอย่างไรหลังจากหญิงงามเผ่ามนุษย์ถูกช่วยแล้วก็จะเป็นเช่นนี้กัน

คนหน้าตาดีจะได้ครองคู่ คนหน้าตาไม่ดีคงได้เป็นวัวเป็นม้าในภพหน้า

ไม่ว่าจะจากโบราณจนถึงตอนนี้ เผ่ามนุษย์ภูตผีปีศาจก็น่าจะมีกฎเกณฑ์เหมือนกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็โล่งอก “เช่นนั้นขอให้ผู้อาวุโสสาบานก่อน ไม่ว่าข้าจะเป็นนายกระบี่นี่สำเร็จและช่วยท่านออกมาได้หรือไม่ ท่านก็ห้ามพาลใส่ข้ากับสหายของข้า”

หญิงมังกรชุดคลุมดำมองทุกคนใต้เท้าโครงกระดูกมังกรก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยชา “วางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะสร้างปัญหาให้มนุษย์อ่อนแอพวกนั้นอยู่แล้ว”

เสิ่นเทียนกล่าว “ขอให้ผู้อาวุโสสาบานอย่างจริงจังด้วย”

หญิงมังกรชุดคลุมดำ “ข้าสาบาน ได้แล้วกระมัง!”

เสิ่นเทียนพูดอย่างจริงจัง “ขอให้ผู้อาวุโสสาบานว่า ต่อให้ข้าเป็นนายกระบี่นี่ไม่สำเร็จและช่วยท่านออกมาไม่ได้ ท่านก็จะไม่พาลโมโหใส่ข้ากับสหาย”

หญิงมังกรชุดคลุมดำโมโหแล้ว “นี่เจ้ากำลังสงสัยศักดิ์ศรีขององค์หญิงขั้นหนึ่งแห่งเผ่ามังกรดำอย่างข้า! หากไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าตาพอใช้ได้ ข้าเฉือนเจ้าทั้งเป็นไปแล้ว!”

เสิ่นเทียนหดคอ เขารู้สึกว่าตอนนี้ตนประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อย

แม้แต่พยัคฆ์ขาวฉุนเฉียวอย่างจางอวิ๋นซียังไม่เข้าใจนางทั้งหมด ตอนนี้มาล่วงเกินหญิงมังกรดำอีกตัว

แต่หญิงมังกรไม่สาบาน เขาก็ไม่กล้าลองปล่อยนางออกมาจริงๆ!

ถึงอย่างไรนางก็เป็นระดับผู้อริยะ ต่อให้เป็นเสี้ยววิญญาณ เดาว่าเขาก็คงต้านไม่ไหวกระมัง!

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “ผู้อาวุโสหมายความว่าจะยืนกราน…”

เขายังพูดไม่จบก็โดนหญิงมังกรเอ๋าปิงพูดขัดด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ

เอ๋าปิงถลึงตามองเสิ่นเทียนอย่างหงุดหงิดทีหนึ่ง “ขอสาบานในนามของเทพมังกร ต่อให้เจ้าเด็กนี่จะช่วยข้าออกมาไม่ได้ ข้าก็จะไม่พาลโมโหใส่เขากับสหายของเขา”

เสิ่นเทียนถอนหายใจโล่งอก “ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ!”

เอ๋าปิง “ถ้าไม่อย่างนั้นก็ให้ข้าไม่มีวันหลุดจากพันธนาการตลอดไป ได้แล้วกระมัง!”

เสิ่นเทียนยิ้ม “เท่านี้ก็จบแล้วไม่ใช่รึ!”

เสิ่นเทียนที่ไม่มีความห่วงแล้วค่อยๆ เดินมาข้างกระบี่ยักษ์เล่มนั้น

เขาลูบกระบี่ยักษ์ “ผู้อาวุโส จะหลอมรวมกระบี่นี่อย่างไร แค่หยดโลหิตก็ได้แล้วรึ”

เอ๋าปิงพยักหน้าเล็กน้อย “อืม กระบี่นี่เป็นของวิเศษระดับเตรียมเซียน มีสติปัญญารางๆ มันตอกผนึกข้าไว้ที่นี่หมื่นปี เจ้านายมันตายตกไปนานแล้ว ข้ารู้สึกได้ว่ากระบี่นี่ก็กระหายอยู่เหมือนกัน

เจ้ามีกายเทพอัสนีหยางปัญจธาตุเล็กของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อันแข็งแกร่ง เพียงแค่พลังบำเพ็ญยังอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ถ้าเป็นเมื่อหมื่นปีก่อนก็อาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากของวิเศษระดับเตรียมเซียน

แต่ตอนนี้แค่เจ้าหยดโลหิตไป เดาว่ามันคงอยากให้เจ้าเป็นนายทันทีเลย!”

เสิ่นเทียนครุ่นคิด หรือว่านี่จะเป็นเรื่องอุปสงค์อุปทานที่ส่งผลถึงราคาตลาดในตำนาน

ตอนที่โอรสสวรรค์มากมายแสวงหาของวิเศษระดับเตรียมเซียนเล่มนี้ มันก็เก็งกำไรเลือกคนที่ถูกใจได้

แต่เมื่อไม่เจอคนที่เจ๋งกว่าแล้วก็ได้แต่หาเจ้านายที่จริงใจ

ถึงอย่างไรกระบี่ก็มีความต้องการของตัวเอง พวกมันต้องการการลูบคลำ ต้องการเช็ดถู ต้องการการบำรุงรักษา

และก็ใฝ่หาการปะทะและประจัญบาน

……

เสิ่นเทียนมีความมั่นใจขึ้นบ้างแล้ว จึงกรีดนิ้วชี้ของตนช้าๆ

โลหิตบริสุทธิ์สีทองอ่อนหยดหนึ่งไหลมาจากบาดแผล นั่นคือโลหิตทองคำของกายเทพอัสนีหยาง

มันแผ่กระจายท่วงทำนองวิญญาณบางๆ หยดลงตัวกระบี่ใหญ่พันจั้งก่อนจะซึมเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าหลังจากดูดซับโลหิตหยดนี้แล้ว กระบี่เทพกลับไม่ได้ยอมรับเป็นนาย มันแค่เปล่งแสงอ่อนๆ ไม่นานก็กลับไปอยู่ในสภาพเก่าแก่เหมือนเดิม

เสิ่นเทียนอึ้งงัน “ผู้อาวุโส มันไม่ยอมรับข้าเป็นนาย”

เอ๋าปิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนกัดฟันพูดด้วยความโมโห “เจ้ากระบี่นี่ ยังยื้อไว้อีก! คิดจะอยู่กับข้าที่นี่จนตายไปเลยรึ

เจ้าหนู เจ้าลองหยดโลหิตไปอีก ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ากระบี่นี่จะทนได้ตลอด! อยู่ในที่เส็งเคร็งเช่นนี้ หากพลาดเจ้านายเช่นเจ้าไป มันจะต้องรอไปอีกแสนปี!

สติปัญญาของเจ้านี่ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์ เจ้าลองอีกครั้งเถอะ!”

หยดโลหิตลงไปอีก ลองอีกครั้งหรือ

เขารู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรงลงไปไม่น้อย แต่ก็จนปัญญา

หญิงมังกรไม่รู้ว่าสำหรับข้าแล้วโลหิตบริสุทธิ์หมายถึงอะไร

เขาพูดนิ่งๆ ว่า “ผู้อาวุโส เราคุยกันแล้วนี่ว่าข้าแค่หยดโลหิตหยดเดียวเพื่อลองให้มันยอมรับเป็นนาย ตอนนี้ผู้เยาว์ก็หยดโลหิตบริสุทธิ์ไปแล้ว กระบี่เซียนนี่ไม่ยอมรับเป็นนาย แซ่เสิ่นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน

ถ้าไม่อย่างนั้นเอาเช่นนี้ หลังจากแซ่เสิ่นไปแล้วจะหาโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคที่มีพรสวรรค์แกร่งกว่าข้าให้มาช่วยท่านหลุดพ้นไปดีหรือไม่”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็หมุนตัวกลับกระโดดลงจากกระดูกมังกรศักดิ์สิทธิ์ เตรียมจะออกจากหุบเขา ไม่มีความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย

ตลกน่ะ อาศัยตอนนี้ที่เอ๋าปิงเพิ่งสาบานว่าจะไม่สร้างปัญหาให้รีบไปจากที่นี่ดีกว่า!

ถ้าไม่อย่างนั้นหากนางหาช่องโหว่ในคำสาบานพบ จะไม่จบเห่หรือ

…….

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนพลันกระโดดลงจากกระดูกมังกร พวกกุ้ยกงกงก็รีบล้อมเข้ามา

“ศิษย์พี่ หญิงคนนั้นเป็นใครกัน”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรหลายสิบกระบอกข้างหลังยังคงเล็งกระดูกมังกร พร้อมยิงทุกเมื่อ

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “นั่นคือเสี้ยววิญญาณของมังกรศักดิ์สิทธิ์ เราต้องรีบออกจากที่นี่!”

เมื่อเอ่ยจบแล้ว เสิ่นเทียนก็มุ่งหน้าออกไปนอกหุบเขาโดยไม่หันกลับมามองเลย

ทันใดนั้นเอง กระบี่สังหารฟ้าที่ปักอยู่บนกระดูกมังกรยักษ์สั่นไหวแล้ว มันยิงลำแสงกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดออกมา ส่องสว่างทั้งหุบเขา

ชิ้ง~!

เสียงกระบี่ก้องกังวานไปเป็นวงกว้างพันลี้

โครงกระดูกนับไม่ถ้วนในละแวกใกล้เคียงเหมือนถูกเจตจำนงกระบี่กำราบไว้ ต่างหมอบลงพื้นด้วยอาการสั่นเทา

ประกายแสงกระบี่เป็นพันเป็นหมื่นสายยิงใส่เสิ่นเทียนราวกับของจริง สุดท้ายรวมเป็นบันไดกระบี่ตรงหน้าเสิ่นเทียน

บันไดกระบี่ทุกส่วนรวมขึ้นจากประกายกระบี่ดั่งของจริง ทุกเส้นแสงกระบี่คือหนึ่งขั้น ยืดยาวจากเท้าเสิ่นเทียนตรงไปบนกระบี่ยักษ์

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงประหลาดของหุบเขานี้แล้ว ทุกคนข้างกายเสิ่นเทียนพากันตื่นตกใจ!

นี่มันอะไรกัน สุดยอดอาวุเทพเมื่อหมื่นปีก่อนต้อนรับเสิ่นเทียนด้วยตัวเอง มันไม่เสียดายยอมใช้ไอกระบี่สูงสุดนับพันนับหมื่นเป็นบันไดกระบี่ เสนอให้เสิ่นเทียนเหยียบร่างขึ้นมากำราบมัน

แต่เสิ่นเทียนกลับไม่สนใจและหมุนตัวกลับจะออกจากหุบเขาอย่างนั้นหรือ

ซี้ด สมกับเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์!

นี่คือความเอาแต่ใจและบ้าอำนาจ!

นัยน์ตากุ้ยกงกงเป็นประกายปลื้มใจ “สุดยอดอาวุธเทพทรงพลังเช่นนี้ยังถวายความจงรักภักดีกับองค์ชาย!”

ฉินเกาข้างกายมีใบหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส “หากพระสนมหลานแดนในปรโลกรู้เข้าจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง “กระบี่นี่มีอานุภาพเป็นหนึ่ง คู่ควรกับศิษย์พี่แล้ว!”

เถ้าแก่ซ่งก็เอ่ยเช่นกัน “แม้กระบี่เล่มนี้จะยังไม่คู่ควรกับฐานะของท่านปรมาจารย์สวรรค์ แต่เห็นแก่ที่มันภักดีเช่นนี้ ท่านปรมาจารย์สวรรค์ก็รับไว้เถอะ!”

…….

เมื่อได้ฟังคำพูดโน้มน้าวของทุกคนแล้ว เสิ่นเทียนกลับอึ้งอยู่ในใจ

นี่มันบ้าอะไรกัน ข้าไม่สนใจกระบี่เซียนเล่มนี้อะไร ก่อนหน้านี้มันไม่ยอมรับข้าชัดๆ

ตอนนี้พอข้าจะไป ก็หันมาเกาะขาข้าจะยอมรับข้าเป็นนายหรือ

เหอะๆ เจ้าคิดว่าข้าต้องการกระบี่เก่าๆ อย่างเจ้าหรือ

ข้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ คิดว่าไร้เกียรติอย่างนั้นหรือ

หญิงมังกรชุดคลุมดำเอ๋าปิงบนศีรษะกระดูกมังกรก็หัวเราะเยาะเช่นกัน “ยังมาเล่นตัว สำนึกเสียใจล่ะสิ! สติปัญญาของเจ้ากระบี่น้อยยังไม่สมบูรณ์ก็คิดจะโก่งราคากับเจ้านายอกแบนอย่างเจ้า สมน้ำหน้าที่โดนปฏิเสธ”

คำพูดของเอ๋าปิงเหมือนจะไปยั่วโทสะของกระบี่ยักษ์

ก่อนจะเห็นว่ากระบี่ยักษ์พลันเปล่งแสงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผลใจกระบี่แปดผลที่เหลือกลายเป็นผงละเอียด ก่อนจะถูกมันหลอมเป็นพลังงานที่เป็นแก่นแท้ที่สุด

พลังงานนี้เหมือนกับกระบี่คมกริบพุ่งเข้าไปในร่างเสิ่นเทียน

เดิมทีเสิ่นเทียนยังคิดว่ากระบี่นี่จะสังหารตนเพราะโมโหและอับอาย แต่ไม่นึกเลยว่าหลังจากพลังงานหลั่งไหลเข้าไปในร่างกายแล้ว คัมภีร์คบเพลิงกลับตื่นเต้นและคึกคักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มันกินพลังงานนี้ไปอย่างบ้าคลั่ง หลอมพลังงานนี้แล้วก็หลั่งไหลเข้าไปทั่วร่างกาย กระทั่งจุดตันเถียนกับจิตสำนึกทุกแห่ง

ตอนนี้เสิ่นเทียนรู้สึกมหัศจรรย์มาก

เขารู้สึกว่าความเข้าใจในกระบี่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาเหมือนจะยิงแสงกระบี่และไอกระบี่ออกมาได้

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตอนนี้กระบี่ก็คือเขา เขาก็คือกระบี่ คนกับกระบี่ผสานกัน ดุจดั่งเซียนกระบี่!

เจตจำนงกระบี่น่าสะพรึงแผ่มาจากตัวเขากลายเป็นปรากฏการณ์หมื่นกระบี่ทะลวงเก้านภา กดดันให้ทุกคนถอยไป

ในปรากฏการณ์นั้นจะเห็นร่างเงาอย่างมังกรแท้จริงหัวขาด เทพมารหลั่งโลหิตและพระพุทธองค์ร่ำไห้เป็นต้น ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

เสิ่นเอ้าเหม่อมองน้องสิบสามที่อยู่ไม่ไกล เขาเคยได้ยินอาจารย์พูดถึงปรากฏการณ์ชนิดนี้ นั่นเหนือธรรมดาและสุดยอด

มีเพียงกายกระบี่สูงสุดหรือเข้าใจในวิถีกระบี่ในระดับสูงยิ่งเท่านั้นถึงจะรวมเป็นปรากฏการณ์นี้ออกมาได้

และตั้งแต่โบราณกาลมา คนที่มีปรากฏการณ์นี้ล้วนกลายเป็นเซียนกระบี่สูงสุด!

ในแดนเทวาดาวประกายพรึก โอรสสวรรค์มากมายฝึกฝนอย่างหนักก็ยังไม่ได้เท่าอานุภาพหนึ่งส่วนร้อยของปรากฏการณ์นี้

แต่วันนี้เสิ่นเทียนเพียงแค่หลงเข้ามาในหุบเขาก็ได้รับความเมตตาจากของวิเศษเตรียมเซียนเล่มนี้ ผลใจกระบี่ที่กำเนิดจากเจตจำนงกระบี่หมื่นปียังช่วยให้เสิ่นเทียนสำเร็จ ‘กายกระบี่สูงสุด’ อีก

สารภาพตามตรง ในใจเสิ่นเอ้าได้รับการกระทบกระเทือนจนบาดเจ็บ

นี่คือความต่างระหว่างคนกับคนหรือ

โลกบำเพ็ญเซียนช่างโหดร้ายยิ่งนัก!

…….

หญิงมังกรเอ๋าปิงบนหัวมังกรตอนแรกยังยิ้มหยอกล้ออยู่ แต่เมื่อเสิ่นเทียนแผ่พลังแห่งวิถีกระบี่สูงสุดออกมาและยังเกิดปรากฏการณ์หมื่นกระบี่ทะลวงเก้านภาข้างหลังแล้ว รอยยิ้มนางก็ค่อยๆ แข็งค้าง

‘เทพมังกรอยู่สูงส่ง เจ้าหนูนี่เป็นใครกัน นี่เจ้าหลอมรวมเป็นกายสูงสุดในวิถีกระบี่ในตำนานได้เช่นนี้เลยหรือ ถ้าปีศาจวิถีกระบี่พวกนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนเห็นเจ้าเด็กนี่ คาดว่าคงริษยาจนสงสัยในชีวิตแน่!

เจ้านี่เป็นใครกันแน่ ดูท่าคงไม่ธรรมดาแค่ใบหน้าหล่อเหลาแล้วกระมัง!’

เมื่อคิดได้ดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าเอ๋าปิงก็ค่อยๆ พอใจขึ้นมา

‘ก็ดี แบบนี้ข้าทำสัญญาเทพมังกรกับเขาแล้ว เสียงคัดค้านในเผ่าน่าจะลดลงไปมาก ไม่ใช่สิๆ ผ่านมาหมื่นปีแล้ว ตอนนี้ตาแก่ในเกาะมังกรดำพวกนั้นน่าจะตายกันไปหมดแล้วกระมัง!

หรือก็คือถ้าข้าหลุดไปได้ ข้าก็จะเป็นใหญ่ในเกาะมังกรดำอย่างนั้นสิ ฮ่าๆๆๆ หมื่นปีมานี้ข้าไม่ได้อยู่อย่างเสียเปล่าแล้ว!’

เวลาผ่านไปทีละนาที เสิ่นเทียนรู้สึกว่าในที่สุดก็ดูดซับต้นกำเนิดวิถีกระบี่ในกายไปจนหมด

เขาลืมตาขึ้นช้าๆ พลันมีไอกระบี่สายหนึ่งยิงออกจากดวงตา ทิ้งเป็นรอยลึกบนพื้น

ซี้ด น่ากลัวมาก!

ตอนนี้เสิ่นเทียนมีความมั่นใจว่าจะถลึงตาสังหารระดับหลอมปราณขั้นเก้าตายได้สบายๆ แล้ว

หากไม่กลัวปวดตาละก็ ถลึงตามองอีกหลายที ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานที่อ่อนแอหน่อยก็อาจจะตายได้

และที่สำคัญกว่านั้นคือตอนนี้เขารู้สึกว่าทุกส่วนของร่างกายสามารถยิงไอกระบี่ที่มีอานุภาพไม่ธรรมดาออกมาได้

คิดดูสิ ถ้าตอนแรกเจ้าสู้สูสีกับศัตรู แล้วจู่ๆ เขาก็พ่นลมหายใจใส่เจ้า ไม่มีกลิ่นเหม็น แต่มีไอกระบี่ทรงพลังแทงใส่เจ้า เจ้าจะไม่ตระหนกหรือ

เดิมทีเจ้าแค่ถลึงตามองขู่อีกฝ่าย ปรากฏว่าอีกฝ่ายถลึงตากลับใส่เจ้า แต่ยิงเจ้าเป็นรู เจ้าจะไม่ขายหน้าหรือ

ตอนนี้มีกายเทพกระบี่ฟ้าอยู่กับตัว กระทั่งเสิ่นเทียนยังรู้สึกว่าตนสามารถปะทะกับผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ได้แล้ว!

แน่นอนว่าสู้ได้แค่ครั้งเดียว

…..

เมื่อเสิ่นเทียนลืมตาขึ้นก็ลุกขึ้นจากพื้น

กระบี่ยักษ์สูงพันจั้งนั้นสั่นไหวเบาๆ สนิมสีแดงเข้มค่อยๆ หลุดออกมา เผยตัวกระบี่ใสแวววาวราวกับหินหยกแดงข้างใต้สนิม

กระบี่นี้เหนือธรรมดาอย่างยิ่ง ทุกส่วนหลอมขึ้นจากทองคำเตรียมเซียน มีมูลค่าเป็นหนึ่ง!

แม้จะวางไว้ในทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ก็ยังเป็นระดับสมบัติที่กำราบสำนักได้ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้

กล่าวได้ว่าถ้าเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าในตอนแรกได้กระบี่เช่นนี้ไป ก็จะเอาชนะมารดาเถาลวี่จีได้อย่างง่ายดาย กระทั่งสังหารลงได้!

ถึงอย่างไรสำหรับนักกระบี่ที่แข็งแกร่งแล้ว ความสำคัญของกระบี่ในมือเหนือยิ่งกว่าคู่ครอง!

กระบี่ยักษ์พันจั้งดึงขึ้นจากศีรษะมังกรยักษ์ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทุกคน มันลอยอยู่บนฟ้า บดบังไปมากกว่าครึ่งหุบเขา

จากนั้นก็พุ่งมาหาเสิ่นเทียนอย่างรวดเร็ว!

เหมือนอยากจะกอดเจ้านายคนใหม่…

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 205 ความจริงกระบี่นี่ก็กระหายเช่นกัน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 205 ความจริงกระบี่นี่ก็กระหายเช่นกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 205 ความจริงกระบี่นี่ก็กระหายเช่นกัน

เป็นนักรบมังกรผู้ทรงเกียรติหรือ

เขามักจะรู้สึกว่ามังกรสาวนี่กำลังแจกของอยู่ น่าเสียดายไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความจริง

เสิ่นเทียนมองร่างเงาหญิงมังกรตรงหน้า อยากถามมากว่าขี่นางหรือขี่โครงกระดูกนี่กันแน่

แต่เมื่อตรึกตรองอย่างปลอดภัยแล้ว เสิ่นเทียนก็ไม่ได้เชื่อหญิงมังกรนี่ง่ายๆ

เขามองหญิงมังกรชุดคลุมดำอย่างระแวงพลางเอ่ยเรียบนิ่ง “ได้ยินว่าเผ่ามังกรเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แกร่งที่สุดโอหังที่สุดในโลก จู่ๆ ผู้อาวุโสสัญญากับผู้เยาว์เช่นนี้ ทำให้ผู้เยาว์รู้สึกได้รับความเมตตาจนน่าตกใจ ไม่กล้าเชื่อเลย

ถ้าเกิดผู้เยาว์โชคดีได้รับการยอมรับจากกระบี่เทพและปล่อยผู้อาวุโส เกิดท่านฆ่าปิดปากข้าล่ะจะทำอย่างไร”

หญิงมังกรชุดคลุมดำหัวเราะเยาะ “ข้าคือองค์หญิงขั้นหนึ่งแห่งเกาะมังกรดำทะเลอุดรเมื่อหมื่นปีก่อน เผ่ามังกรดำทะเลอุดรของข้าพูดจามีน้ำหนัก จะไปผิดคำพูดได้อย่างไร!

หากเจ้าช่วยให้ข้าหลุดไปได้จริงๆ ข้าจะทำสัญญาเทพมังกรกับเจ้า มอบพลังแห่งเทพมังกรให้เจ้า ต้องรู้นะว่าหลายแสนปีมานี้ มีโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ผู้แข็งแกร่งที่ได้ทำสัญญาเทพมังกรกับเผ่าข้านับนิ้วได้เลย”

เสิ่นเทียนมองหญิงมังกรชุดคลุมดำเอ๋าปิงด้วยความสงสัย “ช่วยหนึ่งชีวิตก็ได้ทำสัญญามังกรเทพกับท่านเลยหรือ”

ขอพูดความจริง หากแค่ช่วยนางหนึ่งชีวิตก็ทำสัญญามังกรเทพได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่หลายแสนปีมานี้จะมีแค่จำนวนคนที่นับนิ้วมือได้ที่เป็นนักรบมังกรดำในตำนาน!

หญิงมังกรเอ๋าปิงพิจารณามองเสิ่นเทียนก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่!

สายเลือดเกาะมังกรดำแห่งทะเลอุดรมีสมบัติล้ำค่ามากมาย หากแค่ช่วยชาวเผ่าข้า ข้าย่อมมอบสมบัติล้ำค่าเป็นของตอบแทน มีเพียงผู้มีวาสนาทั้งใบหน้า เอกลักษณ์ พรสวรรค์และคุณธรรมครบถ้วนที่ช่วยชาวเผ่าข้าเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ได้รับการยอมรับจากเผ่าข้า และได้ทำสัญญามังกรเทพ!

ข้าว่าเจ้าอยู่ระดับสร้างฐานก็ต้านอำนาจมังกรขึ้นมาถึงหัวมังกรได้ แสดงว่าคุณสมบัติกับพรสวรรค์ไม่เลว อีกทั้งยังมีผู้คุ้มกันเยอะเช่นนี้ คงจะมีคุณธรรมไม่แย่เช่นกัน

ดังนั้นข้าจึงยินดีให้โอกาสเจ้าได้เป็นผู้ทำสัญญากับเผ่าข้า มอบเกียรติยศแห่งนักรบมังกรให้เจ้า! หากเป็นคนอัปลักษณ์ที่มีพรสวรรค์และคุณธรรมไม่ผ่าน ก็ไม่มีทางทำสัญญาได้!”

เสิ่นเทียนมองหญิงมังกรชุดคลุมดำ พลางรู้สึกว่านางพยายามพูดแต่สิ่งดีๆ

อะไรคือข้ามีพรสวรรค์ใช้ได้ คุณธรรมก็ไม่แย่ ดังนั้นเลยยินดีมอบโอกาสให้ข้า?

มั่นใจนะว่าไม่ใช่เพราะข้าหน้าตาเป็นเลิศ เอกลักษณ์เหนือธรรมดาถึงเกิดความพิศวาสอยากทำสัญญากับข้าน่ะ

แต่ว่านี่ก็มีเหตุผลมากจริงๆ ถึงอย่างไรหลังจากหญิงงามเผ่ามนุษย์ถูกช่วยแล้วก็จะเป็นเช่นนี้กัน

คนหน้าตาดีจะได้ครองคู่ คนหน้าตาไม่ดีคงได้เป็นวัวเป็นม้าในภพหน้า

ไม่ว่าจะจากโบราณจนถึงตอนนี้ เผ่ามนุษย์ภูตผีปีศาจก็น่าจะมีกฎเกณฑ์เหมือนกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็โล่งอก “เช่นนั้นขอให้ผู้อาวุโสสาบานก่อน ไม่ว่าข้าจะเป็นนายกระบี่นี่สำเร็จและช่วยท่านออกมาได้หรือไม่ ท่านก็ห้ามพาลใส่ข้ากับสหายของข้า”

หญิงมังกรชุดคลุมดำมองทุกคนใต้เท้าโครงกระดูกมังกรก่อนจะเอ่ยอย่างเฉยชา “วางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะสร้างปัญหาให้มนุษย์อ่อนแอพวกนั้นอยู่แล้ว”

เสิ่นเทียนกล่าว “ขอให้ผู้อาวุโสสาบานอย่างจริงจังด้วย”

หญิงมังกรชุดคลุมดำ “ข้าสาบาน ได้แล้วกระมัง!”

เสิ่นเทียนพูดอย่างจริงจัง “ขอให้ผู้อาวุโสสาบานว่า ต่อให้ข้าเป็นนายกระบี่นี่ไม่สำเร็จและช่วยท่านออกมาไม่ได้ ท่านก็จะไม่พาลโมโหใส่ข้ากับสหาย”

หญิงมังกรชุดคลุมดำโมโหแล้ว “นี่เจ้ากำลังสงสัยศักดิ์ศรีขององค์หญิงขั้นหนึ่งแห่งเผ่ามังกรดำอย่างข้า! หากไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าตาพอใช้ได้ ข้าเฉือนเจ้าทั้งเป็นไปแล้ว!”

เสิ่นเทียนหดคอ เขารู้สึกว่าตอนนี้ตนประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อย

แม้แต่พยัคฆ์ขาวฉุนเฉียวอย่างจางอวิ๋นซียังไม่เข้าใจนางทั้งหมด ตอนนี้มาล่วงเกินหญิงมังกรดำอีกตัว

แต่หญิงมังกรไม่สาบาน เขาก็ไม่กล้าลองปล่อยนางออกมาจริงๆ!

ถึงอย่างไรนางก็เป็นระดับผู้อริยะ ต่อให้เป็นเสี้ยววิญญาณ เดาว่าเขาก็คงต้านไม่ไหวกระมัง!

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “ผู้อาวุโสหมายความว่าจะยืนกราน…”

เขายังพูดไม่จบก็โดนหญิงมังกรเอ๋าปิงพูดขัดด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ

เอ๋าปิงถลึงตามองเสิ่นเทียนอย่างหงุดหงิดทีหนึ่ง “ขอสาบานในนามของเทพมังกร ต่อให้เจ้าเด็กนี่จะช่วยข้าออกมาไม่ได้ ข้าก็จะไม่พาลโมโหใส่เขากับสหายของเขา”

เสิ่นเทียนถอนหายใจโล่งอก “ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ!”

เอ๋าปิง “ถ้าไม่อย่างนั้นก็ให้ข้าไม่มีวันหลุดจากพันธนาการตลอดไป ได้แล้วกระมัง!”

เสิ่นเทียนยิ้ม “เท่านี้ก็จบแล้วไม่ใช่รึ!”

เสิ่นเทียนที่ไม่มีความห่วงแล้วค่อยๆ เดินมาข้างกระบี่ยักษ์เล่มนั้น

เขาลูบกระบี่ยักษ์ “ผู้อาวุโส จะหลอมรวมกระบี่นี่อย่างไร แค่หยดโลหิตก็ได้แล้วรึ”

เอ๋าปิงพยักหน้าเล็กน้อย “อืม กระบี่นี่เป็นของวิเศษระดับเตรียมเซียน มีสติปัญญารางๆ มันตอกผนึกข้าไว้ที่นี่หมื่นปี เจ้านายมันตายตกไปนานแล้ว ข้ารู้สึกได้ว่ากระบี่นี่ก็กระหายอยู่เหมือนกัน

เจ้ามีกายเทพอัสนีหยางปัญจธาตุเล็กของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อันแข็งแกร่ง เพียงแค่พลังบำเพ็ญยังอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ถ้าเป็นเมื่อหมื่นปีก่อนก็อาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากของวิเศษระดับเตรียมเซียน

แต่ตอนนี้แค่เจ้าหยดโลหิตไป เดาว่ามันคงอยากให้เจ้าเป็นนายทันทีเลย!”

เสิ่นเทียนครุ่นคิด หรือว่านี่จะเป็นเรื่องอุปสงค์อุปทานที่ส่งผลถึงราคาตลาดในตำนาน

ตอนที่โอรสสวรรค์มากมายแสวงหาของวิเศษระดับเตรียมเซียนเล่มนี้ มันก็เก็งกำไรเลือกคนที่ถูกใจได้

แต่เมื่อไม่เจอคนที่เจ๋งกว่าแล้วก็ได้แต่หาเจ้านายที่จริงใจ

ถึงอย่างไรกระบี่ก็มีความต้องการของตัวเอง พวกมันต้องการการลูบคลำ ต้องการเช็ดถู ต้องการการบำรุงรักษา

และก็ใฝ่หาการปะทะและประจัญบาน

……

เสิ่นเทียนมีความมั่นใจขึ้นบ้างแล้ว จึงกรีดนิ้วชี้ของตนช้าๆ

โลหิตบริสุทธิ์สีทองอ่อนหยดหนึ่งไหลมาจากบาดแผล นั่นคือโลหิตทองคำของกายเทพอัสนีหยาง

มันแผ่กระจายท่วงทำนองวิญญาณบางๆ หยดลงตัวกระบี่ใหญ่พันจั้งก่อนจะซึมเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ทว่าหลังจากดูดซับโลหิตหยดนี้แล้ว กระบี่เทพกลับไม่ได้ยอมรับเป็นนาย มันแค่เปล่งแสงอ่อนๆ ไม่นานก็กลับไปอยู่ในสภาพเก่าแก่เหมือนเดิม

เสิ่นเทียนอึ้งงัน “ผู้อาวุโส มันไม่ยอมรับข้าเป็นนาย”

เอ๋าปิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนกัดฟันพูดด้วยความโมโห “เจ้ากระบี่นี่ ยังยื้อไว้อีก! คิดจะอยู่กับข้าที่นี่จนตายไปเลยรึ

เจ้าหนู เจ้าลองหยดโลหิตไปอีก ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ากระบี่นี่จะทนได้ตลอด! อยู่ในที่เส็งเคร็งเช่นนี้ หากพลาดเจ้านายเช่นเจ้าไป มันจะต้องรอไปอีกแสนปี!

สติปัญญาของเจ้านี่ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์ เจ้าลองอีกครั้งเถอะ!”

หยดโลหิตลงไปอีก ลองอีกครั้งหรือ

เขารู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรงลงไปไม่น้อย แต่ก็จนปัญญา

หญิงมังกรไม่รู้ว่าสำหรับข้าแล้วโลหิตบริสุทธิ์หมายถึงอะไร

เขาพูดนิ่งๆ ว่า “ผู้อาวุโส เราคุยกันแล้วนี่ว่าข้าแค่หยดโลหิตหยดเดียวเพื่อลองให้มันยอมรับเป็นนาย ตอนนี้ผู้เยาว์ก็หยดโลหิตบริสุทธิ์ไปแล้ว กระบี่เซียนนี่ไม่ยอมรับเป็นนาย แซ่เสิ่นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน

ถ้าไม่อย่างนั้นเอาเช่นนี้ หลังจากแซ่เสิ่นไปแล้วจะหาโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคที่มีพรสวรรค์แกร่งกว่าข้าให้มาช่วยท่านหลุดพ้นไปดีหรือไม่”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็หมุนตัวกลับกระโดดลงจากกระดูกมังกรศักดิ์สิทธิ์ เตรียมจะออกจากหุบเขา ไม่มีความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย

ตลกน่ะ อาศัยตอนนี้ที่เอ๋าปิงเพิ่งสาบานว่าจะไม่สร้างปัญหาให้รีบไปจากที่นี่ดีกว่า!

ถ้าไม่อย่างนั้นหากนางหาช่องโหว่ในคำสาบานพบ จะไม่จบเห่หรือ

…….

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนพลันกระโดดลงจากกระดูกมังกร พวกกุ้ยกงกงก็รีบล้อมเข้ามา

“ศิษย์พี่ หญิงคนนั้นเป็นใครกัน”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง ปืนหยินหยางพิฆาตอสูรหลายสิบกระบอกข้างหลังยังคงเล็งกระดูกมังกร พร้อมยิงทุกเมื่อ

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “นั่นคือเสี้ยววิญญาณของมังกรศักดิ์สิทธิ์ เราต้องรีบออกจากที่นี่!”

เมื่อเอ่ยจบแล้ว เสิ่นเทียนก็มุ่งหน้าออกไปนอกหุบเขาโดยไม่หันกลับมามองเลย

ทันใดนั้นเอง กระบี่สังหารฟ้าที่ปักอยู่บนกระดูกมังกรยักษ์สั่นไหวแล้ว มันยิงลำแสงกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดออกมา ส่องสว่างทั้งหุบเขา

ชิ้ง~!

เสียงกระบี่ก้องกังวานไปเป็นวงกว้างพันลี้

โครงกระดูกนับไม่ถ้วนในละแวกใกล้เคียงเหมือนถูกเจตจำนงกระบี่กำราบไว้ ต่างหมอบลงพื้นด้วยอาการสั่นเทา

ประกายแสงกระบี่เป็นพันเป็นหมื่นสายยิงใส่เสิ่นเทียนราวกับของจริง สุดท้ายรวมเป็นบันไดกระบี่ตรงหน้าเสิ่นเทียน

บันไดกระบี่ทุกส่วนรวมขึ้นจากประกายกระบี่ดั่งของจริง ทุกเส้นแสงกระบี่คือหนึ่งขั้น ยืดยาวจากเท้าเสิ่นเทียนตรงไปบนกระบี่ยักษ์

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงประหลาดของหุบเขานี้แล้ว ทุกคนข้างกายเสิ่นเทียนพากันตื่นตกใจ!

นี่มันอะไรกัน สุดยอดอาวุเทพเมื่อหมื่นปีก่อนต้อนรับเสิ่นเทียนด้วยตัวเอง มันไม่เสียดายยอมใช้ไอกระบี่สูงสุดนับพันนับหมื่นเป็นบันไดกระบี่ เสนอให้เสิ่นเทียนเหยียบร่างขึ้นมากำราบมัน

แต่เสิ่นเทียนกลับไม่สนใจและหมุนตัวกลับจะออกจากหุบเขาอย่างนั้นหรือ

ซี้ด สมกับเป็นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์!

นี่คือความเอาแต่ใจและบ้าอำนาจ!

นัยน์ตากุ้ยกงกงเป็นประกายปลื้มใจ “สุดยอดอาวุธเทพทรงพลังเช่นนี้ยังถวายความจงรักภักดีกับองค์ชาย!”

ฉินเกาข้างกายมีใบหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส “หากพระสนมหลานแดนในปรโลกรู้เข้าจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกอย่างแน่นอน”

ฉินอวิ๋นตี๋หรี่ตาลง “กระบี่นี่มีอานุภาพเป็นหนึ่ง คู่ควรกับศิษย์พี่แล้ว!”

เถ้าแก่ซ่งก็เอ่ยเช่นกัน “แม้กระบี่เล่มนี้จะยังไม่คู่ควรกับฐานะของท่านปรมาจารย์สวรรค์ แต่เห็นแก่ที่มันภักดีเช่นนี้ ท่านปรมาจารย์สวรรค์ก็รับไว้เถอะ!”

…….

เมื่อได้ฟังคำพูดโน้มน้าวของทุกคนแล้ว เสิ่นเทียนกลับอึ้งอยู่ในใจ

นี่มันบ้าอะไรกัน ข้าไม่สนใจกระบี่เซียนเล่มนี้อะไร ก่อนหน้านี้มันไม่ยอมรับข้าชัดๆ

ตอนนี้พอข้าจะไป ก็หันมาเกาะขาข้าจะยอมรับข้าเป็นนายหรือ

เหอะๆ เจ้าคิดว่าข้าต้องการกระบี่เก่าๆ อย่างเจ้าหรือ

ข้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ คิดว่าไร้เกียรติอย่างนั้นหรือ

หญิงมังกรชุดคลุมดำเอ๋าปิงบนศีรษะกระดูกมังกรก็หัวเราะเยาะเช่นกัน “ยังมาเล่นตัว สำนึกเสียใจล่ะสิ! สติปัญญาของเจ้ากระบี่น้อยยังไม่สมบูรณ์ก็คิดจะโก่งราคากับเจ้านายอกแบนอย่างเจ้า สมน้ำหน้าที่โดนปฏิเสธ”

คำพูดของเอ๋าปิงเหมือนจะไปยั่วโทสะของกระบี่ยักษ์

ก่อนจะเห็นว่ากระบี่ยักษ์พลันเปล่งแสงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผลใจกระบี่แปดผลที่เหลือกลายเป็นผงละเอียด ก่อนจะถูกมันหลอมเป็นพลังงานที่เป็นแก่นแท้ที่สุด

พลังงานนี้เหมือนกับกระบี่คมกริบพุ่งเข้าไปในร่างเสิ่นเทียน

เดิมทีเสิ่นเทียนยังคิดว่ากระบี่นี่จะสังหารตนเพราะโมโหและอับอาย แต่ไม่นึกเลยว่าหลังจากพลังงานหลั่งไหลเข้าไปในร่างกายแล้ว คัมภีร์คบเพลิงกลับตื่นเต้นและคึกคักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มันกินพลังงานนี้ไปอย่างบ้าคลั่ง หลอมพลังงานนี้แล้วก็หลั่งไหลเข้าไปทั่วร่างกาย กระทั่งจุดตันเถียนกับจิตสำนึกทุกแห่ง

ตอนนี้เสิ่นเทียนรู้สึกมหัศจรรย์มาก

เขารู้สึกว่าความเข้าใจในกระบี่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาเหมือนจะยิงแสงกระบี่และไอกระบี่ออกมาได้

เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตอนนี้กระบี่ก็คือเขา เขาก็คือกระบี่ คนกับกระบี่ผสานกัน ดุจดั่งเซียนกระบี่!

เจตจำนงกระบี่น่าสะพรึงแผ่มาจากตัวเขากลายเป็นปรากฏการณ์หมื่นกระบี่ทะลวงเก้านภา กดดันให้ทุกคนถอยไป

ในปรากฏการณ์นั้นจะเห็นร่างเงาอย่างมังกรแท้จริงหัวขาด เทพมารหลั่งโลหิตและพระพุทธองค์ร่ำไห้เป็นต้น ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

เสิ่นเอ้าเหม่อมองน้องสิบสามที่อยู่ไม่ไกล เขาเคยได้ยินอาจารย์พูดถึงปรากฏการณ์ชนิดนี้ นั่นเหนือธรรมดาและสุดยอด

มีเพียงกายกระบี่สูงสุดหรือเข้าใจในวิถีกระบี่ในระดับสูงยิ่งเท่านั้นถึงจะรวมเป็นปรากฏการณ์นี้ออกมาได้

และตั้งแต่โบราณกาลมา คนที่มีปรากฏการณ์นี้ล้วนกลายเป็นเซียนกระบี่สูงสุด!

ในแดนเทวาดาวประกายพรึก โอรสสวรรค์มากมายฝึกฝนอย่างหนักก็ยังไม่ได้เท่าอานุภาพหนึ่งส่วนร้อยของปรากฏการณ์นี้

แต่วันนี้เสิ่นเทียนเพียงแค่หลงเข้ามาในหุบเขาก็ได้รับความเมตตาจากของวิเศษเตรียมเซียนเล่มนี้ ผลใจกระบี่ที่กำเนิดจากเจตจำนงกระบี่หมื่นปียังช่วยให้เสิ่นเทียนสำเร็จ ‘กายกระบี่สูงสุด’ อีก

สารภาพตามตรง ในใจเสิ่นเอ้าได้รับการกระทบกระเทือนจนบาดเจ็บ

นี่คือความต่างระหว่างคนกับคนหรือ

โลกบำเพ็ญเซียนช่างโหดร้ายยิ่งนัก!

…….

หญิงมังกรเอ๋าปิงบนหัวมังกรตอนแรกยังยิ้มหยอกล้ออยู่ แต่เมื่อเสิ่นเทียนแผ่พลังแห่งวิถีกระบี่สูงสุดออกมาและยังเกิดปรากฏการณ์หมื่นกระบี่ทะลวงเก้านภาข้างหลังแล้ว รอยยิ้มนางก็ค่อยๆ แข็งค้าง

‘เทพมังกรอยู่สูงส่ง เจ้าหนูนี่เป็นใครกัน นี่เจ้าหลอมรวมเป็นกายสูงสุดในวิถีกระบี่ในตำนานได้เช่นนี้เลยหรือ ถ้าปีศาจวิถีกระบี่พวกนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนเห็นเจ้าเด็กนี่ คาดว่าคงริษยาจนสงสัยในชีวิตแน่!

เจ้านี่เป็นใครกันแน่ ดูท่าคงไม่ธรรมดาแค่ใบหน้าหล่อเหลาแล้วกระมัง!’

เมื่อคิดได้ดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าเอ๋าปิงก็ค่อยๆ พอใจขึ้นมา

‘ก็ดี แบบนี้ข้าทำสัญญาเทพมังกรกับเขาแล้ว เสียงคัดค้านในเผ่าน่าจะลดลงไปมาก ไม่ใช่สิๆ ผ่านมาหมื่นปีแล้ว ตอนนี้ตาแก่ในเกาะมังกรดำพวกนั้นน่าจะตายกันไปหมดแล้วกระมัง!

หรือก็คือถ้าข้าหลุดไปได้ ข้าก็จะเป็นใหญ่ในเกาะมังกรดำอย่างนั้นสิ ฮ่าๆๆๆ หมื่นปีมานี้ข้าไม่ได้อยู่อย่างเสียเปล่าแล้ว!’

เวลาผ่านไปทีละนาที เสิ่นเทียนรู้สึกว่าในที่สุดก็ดูดซับต้นกำเนิดวิถีกระบี่ในกายไปจนหมด

เขาลืมตาขึ้นช้าๆ พลันมีไอกระบี่สายหนึ่งยิงออกจากดวงตา ทิ้งเป็นรอยลึกบนพื้น

ซี้ด น่ากลัวมาก!

ตอนนี้เสิ่นเทียนมีความมั่นใจว่าจะถลึงตาสังหารระดับหลอมปราณขั้นเก้าตายได้สบายๆ แล้ว

หากไม่กลัวปวดตาละก็ ถลึงตามองอีกหลายที ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานที่อ่อนแอหน่อยก็อาจจะตายได้

และที่สำคัญกว่านั้นคือตอนนี้เขารู้สึกว่าทุกส่วนของร่างกายสามารถยิงไอกระบี่ที่มีอานุภาพไม่ธรรมดาออกมาได้

คิดดูสิ ถ้าตอนแรกเจ้าสู้สูสีกับศัตรู แล้วจู่ๆ เขาก็พ่นลมหายใจใส่เจ้า ไม่มีกลิ่นเหม็น แต่มีไอกระบี่ทรงพลังแทงใส่เจ้า เจ้าจะไม่ตระหนกหรือ

เดิมทีเจ้าแค่ถลึงตามองขู่อีกฝ่าย ปรากฏว่าอีกฝ่ายถลึงตากลับใส่เจ้า แต่ยิงเจ้าเป็นรู เจ้าจะไม่ขายหน้าหรือ

ตอนนี้มีกายเทพกระบี่ฟ้าอยู่กับตัว กระทั่งเสิ่นเทียนยังรู้สึกว่าตนสามารถปะทะกับผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ได้แล้ว!

แน่นอนว่าสู้ได้แค่ครั้งเดียว

…..

เมื่อเสิ่นเทียนลืมตาขึ้นก็ลุกขึ้นจากพื้น

กระบี่ยักษ์สูงพันจั้งนั้นสั่นไหวเบาๆ สนิมสีแดงเข้มค่อยๆ หลุดออกมา เผยตัวกระบี่ใสแวววาวราวกับหินหยกแดงข้างใต้สนิม

กระบี่นี้เหนือธรรมดาอย่างยิ่ง ทุกส่วนหลอมขึ้นจากทองคำเตรียมเซียน มีมูลค่าเป็นหนึ่ง!

แม้จะวางไว้ในทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ก็ยังเป็นระดับสมบัติที่กำราบสำนักได้ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้

กล่าวได้ว่าถ้าเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าในตอนแรกได้กระบี่เช่นนี้ไป ก็จะเอาชนะมารดาเถาลวี่จีได้อย่างง่ายดาย กระทั่งสังหารลงได้!

ถึงอย่างไรสำหรับนักกระบี่ที่แข็งแกร่งแล้ว ความสำคัญของกระบี่ในมือเหนือยิ่งกว่าคู่ครอง!

กระบี่ยักษ์พันจั้งดึงขึ้นจากศีรษะมังกรยักษ์ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทุกคน มันลอยอยู่บนฟ้า บดบังไปมากกว่าครึ่งหุบเขา

จากนั้นก็พุ่งมาหาเสิ่นเทียนอย่างรวดเร็ว!

เหมือนอยากจะกอดเจ้านายคนใหม่…

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+