บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนบทที่ 405 ข้าก็แค่อยากได้โชคลิขิตด้วยเท่านั้นเอง

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 405 ข้าก็แค่อยากได้โชคลิขิตด้วยเท่านั้นเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 405 ข้าก็แค่อยากได้โชคลิขิตด้วยเท่านั้นเอง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เดินหน้ามา ประกายเซียนบนผิวกายสั่นไหวเบาๆ

เขาพูดนิ่งๆ “เทียนเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันจะเป็นพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว นี่เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทุกขุมอำนาจจะเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี เจ้าตามข้ากลับไปเตรียมตัวที่แดนศักดิ์สิทธิ์เถอะ ช่วงนี้หากไม่จำเป็นก็อย่าออกไปข้างนอก”

แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะผลัดเปลี่ยนบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกหนึ่งร้อยปี

หลังจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ดำรงตำแหน่งมาเก้าสิบปี อีกสิบปีที่เหลือก็จะใช้ตามหาผู้สืบทอดบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่

แม้เสิ่นเทียนจะเป็นผู้รับเลือกเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของรุ่นนี้ แต่ถ้ายังไม่ดำเนินการพิธีแต่งตั้งประกาศต่อโลกหล้า ก็ยังเป็นเพียงว่าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

แต่ช่วงเวลานี้ เขาสร้างชื่อเสียงโด่งดังในห้าดินแดน กระทั่งมีชื่อเสียงมากกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่น

เป็นราชาไร้มงกฎแท้จริง ทั้งห้าดินแดนต่างมีตำนานของเขา!

ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะจัดพิธีแต่งตั้งสืบต่อ เตรียมประกาศฐานะของเขาอย่างเป็นทางการต่อโลกหล้า

เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ จะต้องมีคนมาร่วมงานเลี้ยงที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มากมายแน่นอน

เสิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย

ทุกขุมอำนาจใหญ่มาแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ร่วมพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์รึ

นี่เท่ากับว่าสุดยอดโอสถสวรรค์และบุตรแห่งโชคจากทุกขุมอำนาจจะมากันไม่ใช่รึ

สุดยอดจริงๆ!

ข้ากำลังกังวลอยู่เลยว่าจะไม่มีกุยช่ายใหม่…เอ้ย สหายใหม่ไว้ผูกมิตรน่ะ!

ถึงจะบอกว่าพวกฉีเซ่าเสวียน องค์หญิงหลิงหลงและหวังเสินซวีเป็นผู้มีมหาดวงชะตาที่หายาก เป็นตัวเอกของยุคสมัยในภายภาคหน้า

แต่กุยช่ายสิ่งนี้ ไม่มีใครไม่ชอบให้มีเยอะๆ หรอก

ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็เป็นของบำรุงชั้นดีเชียว!

อีกอย่าง ข้ามีน้ำใจและความจริงใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชอบผูกมิตรกับสหาย

พี่น้องกุยช่ายทุกท่าน ข้าคิดว่าเจ้ามีวาสนากับข้า มีเวลาว่างไปทำภารกิจด้วยกันหรือไม่

……

“อาจารย์วางใจเถอะ! ข้าจะเตรียมตัวให้ดีอย่างแน่นอน!”

พอนึกได้ว่าจะได้กุยช่ายเยอะกว่าเดิม เสิ่นเทียนก็อดยิ้มแป้นมิได้

ทันใดนั้น ไข่มุกตรงอกเสิ่นเทียนสั่นไหวเบาๆ

เสียงเตือนของจิ่วเอ๋อร์ดังขึ้น “นายท่าน จิ่วเอ๋อร์รู้สึกถึงแรงอาฆาตรุนแรงจากในตัวองค์หญิงหลิงหลง…”

อะไรนะ

นางเป็นอะไรไป

เสิ่นเทียนหันไปมอง ก็เห็นองค์หญิงหลิงหลงมีใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

พี่เสิ่นเทียนจะกลับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

นั่นหมายความว่าข้าก็จะไม่ได้เจอพี่เสิ่นเทียนอีกนานมากเลยน่ะหรือ

ไม่ได้ พี่เสิ่นเทียนจะไปที่ใด ข้าก็จะไปด้วย!

เมื่อคิดได้ดังนั้น องค์หญิงหลิงหลงก็จัดระเบียบอาภรณ์ ก่อนจะเดินไปหาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ช้าๆ

“หลิงหลงขอคารวะท่านอาหลงหยวน”

องค์หญิงหลิงหลงย่างก้าวดอกบัวเบาๆ แสดงความเคารพเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เล็กน้อย

“ไม่ได้พบกันเพียงหนึ่งเดือน พลังบำเพ็ญขององค์หญิงก้าวหน้าไปอีกไม่น้อยเลย มีพรสวรรค์สุดยอดจริงๆ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย ประกายเซียนบนผิวกายสั่นไหวเบาๆ

เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายพลังขององค์หญิงหลิงหลงแกร่งกว่าตอนอยู่เกาะมหานที ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนก็เพิ่มพลังบำเพ็ญได้มากขนาดนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าได้มหาโชคลิขิตมาจากสุสานจักรพรรดิชิง

องค์หญิงหลิงหลงแอบชำเลืองตามองเสิ่นเทียนทีหนึ่ง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาหลงหยวนชมเกินไปแล้ว พลังบำเพ็ญของหลิงหลงเพิ่มขึ้น ก็เพราะได้พี่เสิ่นเทียนช่วยไว้!”

อะไรนะ

เมื่อได้ฟังคำพูดขององค์หญิงหลิงหลง ทุกคนก็ตกใจระคนสงสัย!

ช่วยอย่างไรถึงทำให้พลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้นเช่นนี้ หากเป็นการฝึกฝนปกติไม่มีทางทำได้แน่นอน เว้นแต่จะใช้วิธีการฝึกพิเศษบางอย่าง

อย่างเช่น…ฝึกคู่ประสานรึ

ซี้ด~

หรือว่าศิษย์น้องเขา…

พวกฟางฉางและจางอวิ๋นถิงทำหน้าแปลกๆ

จางอวิ๋นซีหน้ามืดลง กำหมัดแน่น นัยน์ตามีประกายเย็นชาพุ่งขึ้น

องค์หญิงหลิงหลงกลับไม่สนใจเลย “ท่านอาหลงหยวน หลิงหลงขอเดินทางไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไปร่วมพิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพี่เสิ่นเทียนด้วยได้หรือไม่”

บึ้ม!

ตอนนี้เอง เกิดปรากฏการณ์ขึ้น

จางอวิ๋นซีระเบิดพลังออกมา ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาเกิดขึ้นข้างหลัง แหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า สั่นสะเทือนห้วงอากาศข้างหลังแตกกระจาย

“องค์หญิงมีฐานะสูงส่ง อยู่ข้างนอกนานๆ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม กลับดินแดนกลางไปเถอะ!”

จางอวิ๋นซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ความไม่เป็นมิตรในแววตาเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

นางปีศาจน้อยนี่ คิดจะมาเกาะแกะศิษย์น้องรึ

จะต้องหมายปองใบหน้าที่สุดแห่งยุคของศิษย์น้องแน่นอน!

หึ!

ไอ้พวกหลงรูป!

มันจะเกินไปแล้ว!

……

“สตรีศักดิ์สิทธิ์เหมือนจะเข้าใจหลิงหลงผิดไปหรือไม่”

เมื่อเผชิญหน้ากับจางอวิ๋นซีที่พุ่งมาอย่างแรง องค์หญิงหลิงหลงหัวเราะเบาๆ ข้างหลังระเบิดแสงเทพหมื่นจั้ง

วิมานเทพสามวงส่องแสงกัน ต่างยึดครองในทิศทางที่ต่างกัน ปรากฏออกมาเป็นพลังของสามรูปแบบ ‘ฟ้าดินมนุษย์’ ทอดยาวผ่านอากาศ

เมื่อปรากฏวิมานเทพ กลิ่นอายพลังขององค์หญิงหลิงหลงพลันพุ่งพรวดขึ้น แผ่กระจายออกไปรอบๆ พร้อมกับอำนาจคุกคามหนักหน่วง

โอสถสวรรค์ทุกคนใจดำดิ่งลง รู้สึกเหมือนกับมีขุนเขาเทพเจ้าบรรพกาลกดทับลงมา

ทุกคนต่างตื่นตกใจ “ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ช่วยอย่างไรกันแน่ ถึงทำให้ศักยภาพขององค์หญิงเพิ่มขึ้นมากมายเช่นนี้”

พลังบำเพ็ญพุ่งพรวดขึ้นเช่นนี้ นอกจากวิธีการพิเศษบางอย่างแล้ว เกรงว่าคงไม่มีความเป็นไปได้อื่น

ภายในใจทุกคนมั่นใจในการคาดเดายิ่งกว่าเดิม

บางที นี่อาจจะมอบการฝึกคู่ประสานครั้งแรกของบุตรศักดิ์สิทธิ์ให้ไปจริงๆ ก็ได้!

ถึงจะบอกว่าองค์หญิงราชวงศ์เซียนต้าฮวงก็พอจะคู่ควรกับบุตรแห่งโชคสูงสุดอย่างบุตรศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ผ่านด่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปไม่ได้หรอกนะ!

ทุกคนมองจางอวิ๋นซีที่แผ่ความหนาวเยือกออกมาก่อนจะอดร้องอุทานมิได้

ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาทอดยาวกลางอากาศ พลังมหาศาลหมุนม้วนแปดทิศ กดดันไปทางสามวิมานเทพนั้น

เวลานี้ สุดยอดธิดาสวรรค์ในห้าดินแดนทั้งสองต่างไม่ลดราวาศอกให้แก่กัน

บรรยากาศพลันตึงเครียดขึ้นมา!

เสิ่นเทียนเห็นดังนั้นก็อดส่ายหน้ามิได้ “องค์หญิง ศิษย์พี่หญิง ขอให้ไว้หน้าแซ่เสิ่นด้วย”

หากเขาไม่ออกหน้ามาอีก เกรงว่าสองสาวคงต้องตีกันอีกแน่

เสิ่นเทียนพูดอธิบาย “ที่พลังบำเพ็ญขององค์หญิงเพิ่มได้เร็วขนาดนี้เป็นเพราะโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า”

โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้ารึ

ทุกคนสงสัย หรือว่าตนจะคาดเดาพลาดไป

เป็นโอสถใดกันที่มีผลมหัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้ศักยภาพพุ่งพรวดขึ้น

เสิ่นเทียนยิ้มพลางนำขวดหยกขาวออกมา “โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า สามารถเพิ่มคุณสมบัติและพรสวรรค์การตระหนักรู้ได้”

เสิ่นเทียนเปิดจุกขวด และนำยาลูกกลอนสีครามออกมาห้าเม็ด

ทันใดนั้น กลิ่นหอมสดชื่นรุนแรงอบอวลในฟ้าดิน ทำให้คนจมอยู่กลางมหาสมุทรพลังวิญญาณ

กฎเกณฑ์ฟ้าดินตกลงมาเรื่อยๆ ร่างเป็นเงามายาบัวครามหลายดอก แผ่พลังมหาศาล

เพียงแค่ดอมดมกลิ่นหอมโอสถเพียงนิดเดียวก็รู้สึกเกิดการตระหนักรู้ต่อมรรคของตน พลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นลับๆ

ทุกคนตื่นตกใจ พวกเขาไม่เคยเจอโอสถที่มหัศจรรย์เช่นนี้มาก่อนเลย

เหมือนกับโอสถสูงสุดที่หลอมขึ้นจากการชิงโชควาสนาฟ้าดินและรวมแก่นบริสุทธิ์แห่งตะวันจันทรา

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซี ศิษย์น้องจ้าวเฮ่า และก็ลุงกุ้ย! ข้าจะให้โอสถเสริมสวรรค์กับพวกท่านคนละเม็ด พวกท่านใช้แล้ว พรสวรรค์และพลังบำเพ็ญจะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นแน่นอน!”

เสิ่นเทียนส่งโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าให้กับทุกคนทีละเม็ด นัยน์ตาไม่มีความเสียดายเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรก็เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มานานขนาดนี้แล้ว เขามองแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นบ้านของตนไปนานแล้ว

ศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกนี้คือกุยช่ายสำหรับเสิ่นเทียน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนคนในครอบครัว โดยเฉพาะลุงกุ้ย เขาไม่ต่างอะไรกับญาติพี่น้องแท้ๆ ของเสิ่นเทียนเลย

มอบโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าให้ลุงกุ้ย เสิ่นเทียนไม่มีความเสียดายเลยสักนิด

……..

ทว่าเสิ่นเทียนไม่เสียดาย แต่เหล่าโอรถสวรรค์กลับรู้สึกเกรงใจมาก

“สมบัติสุดยอดนี่ แซ่ฟางรับไว้ไม่ได้”

“นี่เป็นโชคลิขิตขององค์ชาย จะแบ่งให้บ่าวได้อย่างไร”

“สมบัติสุดยอดเช่นนี้ ศิษย์พี่เก็บไว้แลกเป็นสมบัติที่มีมูลค่าเท่ากันในภายภาคหน้าเถอะ!”

“ต่อให้ไม่มีโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า ข้าก็ไม่แพ้ให้องค์หญิงนี่เหมือนกัน เจ้าคนแซ่สือ เก่งจริงก็มาสู้กับข้าอีกสักตั้ง!”

“น้องพี่เจ้าอย่าบุ่มบ่าม นางเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ดินแดนกลาง กลมเกลียวกันไว้เถอะๆ~”

หลังรับโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าจากเสิ่นเทียนมาแล้ว ทุกคนกำหมัดแน่น แต่ปากกลับพูดบ่ายเบี่ยงตามจิตใต้สำนึก

อืม ปากบอกไม่เอา แต่ร่างกายซื่อตรงมาก

นี่ไม่ได้ขัดแย้งกัน เพราะโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าเหนือธรรมดามากจริงๆ

ต่อให้ความสำรวมของทุกคนจะให้พวกเขาบอกปัด แต่ความกระหายในโอสถนี้ของร่างกายกลับทำให้พวกเขาปล่อยมือไม่ได้เลย

นี่ทำให้พวกเขาเข้าใจยิ่งกว่าเดิมว่าโอสถนี้ล้ำค่าเหนือธรรมดาเพียงใด

โอสถที่สร้างรากกระดูกเส้นชีพจรเซียนใหม่ได้ ยกระดับพรสวรรค์ได้ มีมูลค่าไม่อาจประเมินได้

หากเอาไปไว้โลกภายนอก ก็พอจะแลกกับสมบัติสุดยอดได้จำนวนมาก แต่เสิ่นเทียนก็ยังยินดีแบ่งให้ทุกคน ทำให้เขาซาบซึ้งใจและยังเกิดความเลื่อมใสจากใจจริง

บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเรามีน้ำใจของผู้สูงศักดิ์สูงสุดหนุ่มจริงๆ!

…….

“ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ ข้ากินโอสถนี้แล้ว อีกทั้งทุกคนจะใช้ได้เพียงหนึ่งครั้ง ต่อให้ข้าเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ สู้ให้พี่น้องทุกคนเพิ่มศักยภาพจะดีกว่า ภายภาคหน้าพวกเราจะท่องห้าดินแดนด้วยกัน ยิ้มด้วยความโอหังต่อขุนศึกมากมาย”

เสิ่นเทียนเห็นทุกคนเกรงใจจึงพูดโน้มน้าวด้วยรอยยิ้ม

โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าไม่มีประโยชน์กับเสิ่นเทียน แต่กลับล้ำค่าอย่างยิ่งกับคนอื่น

อีกทั้ง คนพวกนี้ยังเป็นกุยช่ายสนิทของเสิ่นเทียน ศักยภาพพวกเขาเพิ่มขึ้น ทำให้เสิ่นเทียนเก็บกุยช่ายได้ดีกว่าเดิม!

“พวกเราจะจดจำบุญคุณของบุตรศักดิ์สิทธิ์ไว้ในใจ!”

สี่อัจฉริยะเทพสวรรค์มองหน้ากัน ในแววตาบุรุษสามคนมีความเคารพและละอายใจที่เทียบไม่ได้

ส่วนจางอวิ๋นซีกำโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าแน่น ชำเลืองตามององค์หญิงหลิงหลงด้านข้าง

เจ้าหนูน้อยนี่กินโอสถเสริมสวรรค์แล้วถึงเพิ่มพลังบำเพ็ญได้รึ

หึ~

รอข้าหลอมรวมโอสถเสริมสวรรค์เม็ดนี้ก่อน จะให้เจ้านี่ได้รู้ว่าศิษย์น้องข้าไม่ได้จะตามกันได้ง่ายๆ!

กุ้ยกงกงกอบโอสถเสริมสวรรค์ด้วยสองมือ “โอสถสูงสุดเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าองค์ชายจะเป็นคนหลอมขึ้นมา หากพระสนมหลานได้เห็นภาพนี้ จะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกแน่นอน”

……

ฟางฉางและพวกจางอวิ๋นถิงตาแดง อยากจะกินโอสถใจจะขาดแล้ว

เสิ่นเทียนเอ่ยเตือน “ทุกท่าน พวกเราไปลงที่เกาะวิมานเทพกันก่อนเถอะ”

หรือคิดจะหลอมรวมโอสถกลางอากาศกัน ไม่กลัวนั่งลงในทะเลรึ

“ศิษย์น้องพูดถูก!”

ฟางฉางกับพวกจางอวิ๋นถิงหน้าแดง ก่อนจะรีบบินไปทางเกาะวิมานเทพ

ไม่นานนัก เมื่อพวกเขาไปถึงเกาะวิมานเทพ ก็ทยอยกันกินโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า

เวลานี้ ห้าคนเข้าสู่ความเงียบ

ภายในกายพวกเขามีแสงสีครามสว่างวูบวาบไม่หยุด ลำดับกฎเกณฑ์ตัดสลับกัน ปรับแก้คุณสมบัติกายของพวกเขา

เมื่อเห็นดังนั้น เสิ่นเทียนก็ยกมุมปากเล็กน้อย

หลังทุกคนรับโอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้า ดวงชะตาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

แม้โอสถเสริมสวรรค์เบิกฟ้าจะได้มาจากโชคลิขิตขององค์หญิงหลิงหลง ไม่ได้เพิ่มดวงชะตาเท่าโชคลิขิตของพวกเขาเอง แต่ก็ต้านความสุดยอดของสรรพคุณยานี้ไม่ได้!

ทุกคนได้โอสถจากเสิ่นเทียนแล้ว สีของวงรัศมีเหนือศีรษะพลันสว่างจ้าขึ้นมาก

เมื่อเห็นวงรัศมีดวงชะตาสีสันต่างๆ เหนือศีรษะทุกคนแล้ว เสิ่นเทียนก็ทำหน้าดีใจ

พวกกุยช่ายเติบโตแข็งแกร่งกันขึ้นเรื่อยๆ ยังต้องกังวลว่าจากนี้ดวงชะตาจะไม่เพิ่มขึ้นอีกหรือ

…..

ตอนนี้เอง ผิวทะเลสงบนิ่งม้วนเป็นน้ำวนใหญ่ยักษ์ เหมือนเกิดเรื่องน่าสะพรึงบางอย่างขึ้น

กระแสคลื่นไหลเชี่ยวกรากลุกลามมาจากก้นทะเลถึงผิวทะเล!

บึ้ม!

เกิดเสียงดังสะท้านฟ้า!

กระแสน้ำพุ่งขึ้นฟ้าสามพันจั้ง ก่อนมีร่างหนึ่งตกลงมา!

“นี่ข้าไปเจอกับบ้าอะไรมา!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตร้องโอดโอย กระแทกบนพื้นเกาะวิมานเทพแตกเป็นหลุมใหญ่!

“อาจารย์ลุง เกิดอะไรขึ้น”

เสิ่นเทียนสงสัยนิดๆ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ลงไปหาสุสานจักรพรรดิชิงไม่ใช่รึ

เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนถูกคนไล่ออกมาล่ะ

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคลานออกมาจากหลุมใหญ่ สภาพดูสะบักสะบอมนิดๆ

ชุดเซียนสีม่วงขาดวิ่น เส้นผมกระเซอะกระเซิง ดำเกรียมทั้งตัว และยังมีกลิ่นหอมเนื้อบางๆ…

“ศิษย์พี่ เจอสุสานจักรพรรดิชิงหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยเสียงเฉยชา ประกายเซียนบนผิวกายกระเพื่อมเบาๆ

“แค่กๆ ข้าหาสุสานจักรพรรดิชิงเจออยู่แล้ว! เจ้าจักรพรรดิชิงนั่นดีกับข้า และยังส่งข้าออกมาให้เองอีก”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแสร้งทำทีสุขุม แต่มุมปากกระตุกรัว

เขาเจอตำแหน่งสุสานจักรพรรดิชิงจริงๆ เพียงแต่เข้าไปไม่ได้

รอบนอกสุสานจักรพรรดิวางยอดค่ายกลไว้มากมาย กันทุกอย่างข้างนอก ปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ แต่ด้วยนิสัยของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต เห็นสมบัติอยู่ตรงหน้า จะมีหมุนตัวกลับหรือ

อีกอย่าง ที่นี่คือสุสานจักรพรรดิชิง

จักรพรรดิชิงมีเมตตา ช่วยชาวโลก มีชื่อเสียงเรื่องนิสัยดีอารมณ์ดี

ดูท่าสิ้นชีพไปแล้วก็น่าจะไม่วางค่ายกลสังหารไว้หน้าสุสานจักรพรรดิหรอก

อีกอย่างหนึ่ง!

แม้แต่เจ้าหนูเสิ่นเทียนยังเข้าไปได้ เหตุใดข้าจะเข้าไปไม่ได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจึงแบกกระบองเทพทองคำบุกไปกลางค่ายกล จะเปิดเป็นเส้นทางสายหนึ่ง แต่จนผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเข้าไปแล้วถึงพบว่า นี่ไม่ใช่ค่ายกลสังหาร แต่ทุบตีคนโหดยิ่งกว่าค่ายกลสังหาร

ค่ายกลพวกนั้นเหมือนมีคนควบคุมอยู่ รวมพลังมหาศาลโจมตีใส่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไม่หยุดพัก

เพลิงเทพมหาศาลล้นทะลัก หมื่นวิชาถาโถมใส่

ต่อให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตจะมีพลังบำเพ็ญสูงส่งก็ต้านพลังนี้ไว้ไม่ได้ ถูกเผาจนวิ่งแจ้นไปทั่ว น่าเวทนามาก

เหมือนว่าค่ายกลพวกนี้มีคนกำลังระบายเพลิงโทสะอยู่ กดผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตทุบตีในทะเล ตีจนผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตสงสัยในชีวิต

…..

ข้าก็แค่อยากผจญภัยในสุสานจักรพรรดิชิงบ้าง หาโชคลิขิตสักนิดสักหน่อยไม่ใช่รึ

ไม่ให้โชคลิขิตก็ช่าง แต่เหตุใดต้องฉุนเฉียวขนาดนี้

ไร้คุณธรรมยุทธ์ และยังทำข้าเจ็บไปหมดอีก!

ข้าทุกข์ใจเหลือเกิน!

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด